วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

[SF - RonalSi] + [Part 2] The Spring...สายลมแรกแห่งฤดูใบไม้ผลิ – Ronaldo x Messi [Falling In Love Again 1.5]




ฮาาาา  สวัสดีค่ะรีดๆ ที่รักของไรท์ทุกท่านขาา ><  //กอดรีดแล้วระดมจูบ//  ไรท์มาแล้วค่ะ 555555  รู้สึกดีมากค่ะได้ลงฟิคทีหนึ่งเนี่ยยย >w<  มาต่อกันที่ Part ที่แล้วนะคะ หลังจากที่เรื่องเกินเลยที่ทำให้เกิดบาดแผลในใจของเหมียวใน The Storm แล้ว ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์หลังจากนั้นที่รีดยังไม่รู้และกำลังจะได้รู้เพียงแค่อีกอึดใจหนึ่งกำลังจะเกิดขึ้นแล้วค่ะ

ไรท์ว่าเฮียเค้าก็ Strong อยู่พอตัวเลยนะคะ เป็นที่เกรงขามของคนอื่น ไม่ทำให้ใครเอาปมเรื่องพ่อตายมาพูดเสียๆ หายๆ ได้ แถมยังรับมือกับลุงสุดจะแย่ชอบบังคับขู่เข็ญได้เป็นอย่างดีอีก...เฮียค่ะ เรื่องนี้เฮียจเกิดมา Bad โดยที่ค่ะ 555555  //เหมียวเราเรื่องนี้ไม่ชอบเมะสาย Bad ซะด้วย// + //ทำใจจ๊ะเหมียว...เดี๋ยวหนูก็ชอบเค้าเอง....อ้าว 555555//  ยังไง?  รู้สึกไรท์คุยกับตัวเองบ่อยมากเกินไปแล้วล่ะค่ะ  

ชื่อเรื่องภาคนี้ แหม่...ไรท์ก็ลืมคุยไปตั้งแต่ Part 1 ว่าเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องมากแค่ไหน  มันเป็นเรื่องราวที่ปราศจากความร้ายกาจของเฮียค่ะ  ย้ำเรื่องแรกในซี่รี่ย์ Falling In Love Again เลยค่ะ! >{]<  นี่สปอยล์แล้วนะเออ อิ..อิ  เป็นเรื่องแรกที่เฮียแกไม่ทำร้ายจิตใจเหมียวค่ะ  โฮ่ลลลลลล  ขวัญเอ๋ยย ขวัญมาพ่อคุณเอ้ยย ภาคนี้ลดโทษให้ชั่วคราวก็เด๊ะเฮีย 5555555  //โดนเฮียเตะ// และนอกจากนั้นก็ยังมีกลิ่นอายของความอบอุ่นอบอวลอยู่ในภาคนี้ด้วยค่ะ ซึ่งมันมากจากความรู้สึกจากใจของเฮียค่ะ  //ทำตัวร้ายกาจกะเหมียวเพื่อเป็นการบังหน้านี่เนอะ// เพราะอย่างชื่อภาคไรท์จึงคัดมาแล้วอย่างดีค่ะ  จำได้เลยตอนคิด เขียนไว้อยู่ประมาณ 12 ชื่อ 55555555  บ้ามากเลยค่ะ

เอาล่ะค่ะ  ตาแก่หัวหงอกจะปะทะคารมกับเฮียของเราอย่างไรอีก //ภาคนี้เราเป็นพันธมิตรกะเฮียคะรีด....เป็นพันธมิตรกัน ห้ามลอบฆ่ากันตอนเผลอค่ะ เดี๋ยวเหมียวไม่มีสามี TwT //  + //นี่ไรท์พูดอะไร?! อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย! >{}<  55555//  รีดบางคนก็เป็ฯแม่ยกเหมียวเต็มขั้นค่ะ  ปองร้ายเฮียมาตั้งแต่จบภาค 1 แล้ว  ไรท์เองก็คนหนึ่งค่ะ 555555555  เอาล่ะค่ะ ไปติดตามกันเลยค้าาาา >{}<



-----------------------------------------------------------------------------------



นี่แก...!” ชายแก่ที่เอ่ยเสียงคุกคามแต่เบามาก กำลังจะเกิดอาการปรอทแตก  แต่ไม่นานก็สำเหนียกได้ว่าตัวเองไม่ควรทำอย่างนั้นในสถานการณ์ที่ผู้ดีรายล้อมอยู่รอบตัวเช่นนี้  จึงได้สงบสติลง “ฉันจะทำอย่างนั้นก็ต่อเมื่อแกจ่ายค่าเลี้ยงดูตั้งแต่วันแรกที่ฉันเจียดเงินให้จนหมดแล้วนั้นแหละ  ฉันถึงจะเลิกลากแกออกมาจากบ้านเน่าๆ ของแก เมื่อไรก็ได้ตราบใดที่ฉันพอใจ”

และบางทีชายคนนี้อาจคิดผิด  ทันทีที่จบประโยคเชือดเฉือน นั้นหลานชายของเค้าก็ค่อยๆ หันหน้ากลับมามองหน้าเค้าอย่างเรียบเฉย  แต่สายตาคมประดุจเหยี่ยวนั้นก็ลุกวาว และค้อนขวางบ่งบอกเลยว่าโรนัลโด้ไม่ชอบให้ใครมาพูดถึงสิทธิ์ของตัวเองราวกับว่าเค้าไม่มีทางเลือกเช่นนั้น  และว่าบ้านที่พ่อกับแม่ของเค้าตั้งใจสร้างขึ้นมากับมือแบบนั้นด้วย...........

โรนัลโด้เปลี่ยนสีหน้าและบทบาทของตัวเองเสียใหม่  เมื่อโดนสะกิดถึงต่อมสำคัญเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจของชายแก่ผู้แกว่งปากหาเรื่อง

บ้านของเค้าใหญ่โตและหน้าตาของครอบครัวก็เป็นที่ยอมรับของคนในระแวกนั้นทั้งหมด.........

และสีหน้าที่ร่างสูงแสดงออกไปทำให้คนเป็นลุงรู้สึกถึงความเหนือกว่าที่หดหายไป  แต่คนสูงอายุกว่าที่ยังคงมีใบหน้าเย้ยหยันไว้อย่างวางมาดก็ไม่ได้ว่ากะไรต่อ  อันจะเป็นการสร้างความร้าวฉานให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก

เค้าเพียงยอมถอยทัพเล็กน้อย  เว้นระยะห่างของการยั่วยุโรนัลโด้โดยไม่ตั้งใจ  แล้วกล่าวประโยคที่ไม่ลดละความแข็งกระด้าง “จะยังไงก็ช่าง  แต่แกช่วยทำหน้าให้มันเหมือนเต็มใจหน่อยจะได้ไหม” ชายแก่ว่า พลางจัดทรงเสื้อตัวเองให้ดูดี เพราะถัดไปเบื้องหน้าของพวกเค้าคือคู่ค้าธุรกิจดังกล่าวที่เจริญไมตรีกันด้วยดีมาโดยตลอด  และวันนี้ลูกสาวคนเดียวของคนเหล่านั้นก็ติดสอยห้อยตามมาด้วย

ลุงของชายหนุ่มผู้เงียบขรึมสั่งให้หลานชายจอมขว้างโลกปั้นสีหน้าให้ดีๆ  เพื่อพบปะแขกที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน  ดังนั้นสิ่งที่ดีอย่างคนเป็นหลานเช่นโรนัลโด้ควรพึงกระทำนั่นก็คือทำตามคำสั่งของลุงอย่างเคร่งครัด

“ได้เลย  จัดให้ตามสั่ง” ก่อนร่างสูงกำยำโดดเด่นจะดึงเสื้อนอกของตัวเองให้เรียบตึง แล้วเดินหันหลังออกไปจากจุดยืนของตัวเองไปอย่างสง่างาม  ทิ้งให้ลุงของเค้าต้องยืนเดียวดายทำตาลุกวาวแทบไม่ทันเมื่อรู้สึกตัวว่าหลานชายสุดแข็งแรงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว  ก่อนจะเสียหน้ายับเยินเมื่อคู่ค้าทางธุรกิจเดินเข้ามาหา ถามหาถึงหลานชายที่เจ้าตัวบอกว่าจะแนะนำให้รู้จักกับลูกสาวของอีกฝ่าย

ก็จะให้พูดอย่างไรดีล่ะ  ก็เจ้าคนที่เพิ่งเดินออกไปหน้าตาเฉยเมื่อครู่นี้นี่แหละ...........

นายขายหน้าจริงๆ !........ชายที่ได้แต่ตีสีหน้ายิ้มแย้มแอบคิดสบถที่มันไม่เป็นดั่งที่คาดในใจ  ด้วยในใจรู้ว่าลูกชายของน้องชายตัวเองนั้นไม่ได้มีใจบูชาตนเสียเท่าไรอยู่แล้ว  เจ้าเด็กเมื่อวานซืนนั่นพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อขว้างคอตน  แต่ชายผู้ที่เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่คิดว่าเจ้าเด็กอวดดีคนนั้นจะกล้าหักของของตัวเองได้ถึงเพียงนี้

เจ้าคริสเตียนโน่!.....ชายวัยกลางคนนึกคำกระแทกกระทั้นในใจอีกเป็นครั้งที่สอง  เมื่อถูกถามถึงหลานชายอีกรอบ



**********************************************************************************



ร่างสูงที่เพิ่งจากมาและฝากรอยยิ้มเจื่อนฝืดบนใบหน้าแก่ๆ ของลุงตัวเองได้สำเร็จ  ก็วาดรอยยิ้มปรากฏที่มุมปากอย่างนึกสะใจแกมสมเพส  ที่คนเบื้องหลังหลงคิดไปว่าตัวเองจะออกคำสั่งกับเค้าได้  โรนัลโด้เดินดุ่มๆ ออกมาจากหน้างาน  เดินผ่านซุ้มจัดอาหาร  สาวๆ ซึ่งไม่น่าอยู่ในงานนี้ที่มองเค้า  และเดินสบายๆ ผ่านบรรดาคนแก่มีเงินทั้งหลายที่พูดคุยกันอย่างถูกคอ  ร่างสูงหายตัวไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว  ด้วยความที่ว่ามันจะเป็นสิ่งรับประกันว่าลุงจะไม่เจอตัวเค้าอีก  และเค้าก็จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าที่มีริ้วรอยชวนอารมณ์เสียของลุงอีก  จากนั้นเค้าก็ค่อยกลับบ้านอย่างไร้ร่องรอย

เรื่องง่ายๆ แต่สามารถกระตุกเส้นประสาทของคนอื่นให้สั่นจนแทบระเบิดได้  คริสเตียนโน่   โรนัลโด้ คนนี้ถนัดนักล่ะ  มันเป็นงานอดิเรกของเค้า ถ้าจำไม่ผิด...........

จนกระทั่งโรนัลโด้เดินมาถึงประตูทางออก อย่างง่ายดาย  ก่อนจะโดนรั้งไว้ด้วยประโยคคำถามอันนอบน้อมของคนถือกุญแจรถประจำงาน

“สวัสดีครับ  จะกลับแล้วหรือครับ  ผมจะไปเอารถมาให้คุณเอง” ชายคนดังกล่าวกุมมือประสานกันไว้ที่จุดกลางกายด้านหน้าแล้วค่อมหลังเล็กน้อยอย่างละเมียดละมุน  พร้อมกับพูดจากับร่างสูงของชายหนุ่มอย่างแสนสุภาพ  เพราะเค้าคิดว่าโรนัลโด้เป็นเศรษฐีมีฐานะที่มาร่วมงานการกุศลในครั้งนี้คนหนึ่ง  และเนื่องจากท่วงท่าบุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของร่างสูง  ทำให้คนถือกุญแจรถคนนี้ไม่รู้สึกสะกิดใจเลยว่าชายหนุ่มผู้แสนจะดูดีที่อยู่ตรงหน้าตนตอนนี้นั้นมีวุฒิภาวะเป็นแค่เพียงเด็กไฮสคูลปีสุดท้ายเท่านั้น

โรนัลโด้หยุดชะงัก แต่ไม่แสดงอาการเมื่อชายคนนี้เข้ามาขว้างหน้าไว้ “เอ่อ...ไม่  ฉันยังไม่กลับ แค่ออกมาดูคนที่นัดไว้ก็เท่านั้น” ร่างสูงที่ตกใจเล็กน้อยกับคนถือกุญแจแสนขยันก็เอ่ยปัดอย่างแนบเนียนและรักษาท่วงท่าให้อยู่ในระดับปรกติ 

เค้าไม่เคยเลย  ไม่เคยเลยที่จะให้คนอื่นจับผิดได้สักครั้ง.......

ก่อนร่างสูงจะพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร  ฉันยังไม่กลับ อย่างรวดเร็ว  พนักงานคนดังกล่าวจึงค้อมศีรษะให้อย่างเข้าใจแล้วเดินไปบริการแขกคนอื่นต่ออย่างแข็งขัน

ชายเก็บกุญแจคนนั้นไปแล้ว  โรนัลโด้ชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ......ก็จะให้เอ่ยอะไรออกไปได้อย่างไร  เมื่อลุงจอมบงการยัดเค้าใส่รถของตัวเองออกมา  และไม่ยอมให้เค้ามีทางเลือกเลยแม้แต่นิดเดียว  หากจะให้คนขับรถที่รออยู่ไปส่งล่ะก็มีหวังเสียแผนเป็นแน่แท้  ตาแก่นั่นมีหวังต้องรู้ว่าเค้าจะกลับบ้านทั้งๆ ที่ชายหนุ่มยังไม่ได้เคลื่อนกายออกจากงานเสียด้วยซ้ำ

ร่างสูงวางตัวได้อย่างเยือกเย็น  เค้าหมุนตัวบนสันเท้า  กวาดสายตามองไปในงานที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดหรูหรา  ก่อนจะสาวเท้าหลบเลี่ยงไปทางฝั่งที่เงียบคนที่สุด  จนกระทั่งเดินหลุดเข้าไปในส่วนหลังของการเตรียมงาน  มีผู้คนที่ไม่ได้แต่งตัวเหมือนกลุ่มคนเมื่อครู่เดินกันให้ขวัก ดูน่าเวียนหัวเต็มไปหมด  แต่พวกเค้าไม่ได้สนใจกับการแทรกตัวเข้ามาของร่างสูงเลยแม้แต่นิดเดียว  เช่นเดียวกับร่างสูงที่กำลังหยิบสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรออกอย่างไม่สนใจสิ่งรอบตัว

สัญญาณเกิดการเชื่อมต่อและต่อติดกับปลายสายในที่สุด

“ฮัลโหล  นี่ฉันเองนะ....นายรู้ใช่ไหมว่าฉันอยู่ไหน  มารับทีสิ” เสียงทุ้มเข้มน่าหลงใหลกรอกไปตามสาย  น้ำเสียงเค้าฟังดูเร่งรีบอยากจะออกจากงานที่ส่งกลิ่นคุณลุงคุณป้าจนเหม็นโฉ่วนี่ใจจะขาด

แว่วเสียงขบขันจากเพื่อนปลายสาย  ตามด้วยประโยคสมนาอีกเล็กน้อย ก่อนเพื่อนปลายสายบอกว่าจะออกไปรับในไม่ช้า

“มาเป็นฉันบ้างสิแล้วนายจะรู้....”

ฝีเท้าหนักๆ เดินจ้ำเป็นจังหวะ  ไม่ชะลอเพื่อรอใครทั้งนั้น  ที่นี่ไม่มีค่าอะไรให้เค้าอยู่เลย  แต่แล้วฝีเท้าที่เดินจ้ำอย่างเร่งรีบก็เป็นอันต้องชะลอจนหยุดลงไปเสียอย่างนั้น

ใบหน้าหล่อเหลาที่สอดสายตาระแวดระวังภัยให้ตัวเองไปทั่วคลายขมวดปมคิ้วลง  มือถือที่ชิดหูก็ถูกยกออกมาให้ห่างโดยอัตโนมัติ  และสายตาของเค้าก็เหม่อมองออกไปในที่สุด..........

“นาย...ไม่ต้องมารับฉันแล้วนะ” ร่างสูงกำยำว่าไปอย่างเมินเฉยต่อเสียงทักท้วงของเพื่อน

พลันโรนัลโด้ก็ชะงักกายลงตรงนั้น  กดวางสายไปโดยไม่ฟังคำของเพื่อนปลายสายเลยแม้แต่นิดเดียว  ก่อนเค้าจะเดินเบี่ยงหลบไปแอบกายอยู่ริมทางเข้าของส่วนท้ายสำหรับจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างของงาน  แล้วเฝ้ามองเด็กหนุ่มสวมชุดที่ดูหลวมโครกผิดกับร่างกายของเจ้าตัวไปนิดหน่อย นั่งเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่บนม้านั่งตัวยาวอันไร้ผู้มาเยี่ยมเยือน

ชายหนุ่มแอบดูเด็กชายคนนั้นอย่างเงียบเชียบราวกับว่าเค้าไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นเป็นเพียงอากาศธาตุที่ไร้ผู้คนสนใจ  และโรนัลโด้ก็รู้สึกอัศจรรย์ใจเพียงใดที่ได้บังเอิญพบเข้ากับเด็กคนนี้  อีกทั้งคิดว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่เป็นฝ่ายเห็นอีกฝ่ายก่อน

.........เพราะมิฉะนั้น  เด็กน้อยคนนี้ก็คงจะวิ่งหนีเค้าไปอีกเป็นแน่แท้.........

แต่ไม่หรอก  เจ้าตัวจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว  ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ทั้งสองพบกัน  โรนัลโด้ก็ไม่ยอมให้เมสซี่หนีเค้าไปไหนได้อีก  หลังจากที่เค้าเฝ้ามองเด็กคนนี้ภายใต้สายตาที่เย็นชาและเชียบคมก็ไม่มีอะไรที่เค้าต้องพูดอีก  เมื่อชายหนุ่มไม่ชอบแสดงด้วยอะไรที่พร่ำเพื่อไร้ประโยชน์  และเช่นเดียวกัน  ในตอนนี้โรนัลโด้เลือกที่จะไม่พูด  ไม่เข้าไปหาเด็กหนุ่มอย่างที่เค้าควรจะทำเสียด้วยซ้ำ  ร่างกายแข็งแรงเกินกว่าใครเลือกที่จะแอบดูอยู่อย่างเงียบๆ ต่อไปเช่นที่เค้าต้องการ

............แค่มองดูใบหน้าอ่อนเดียงสานั้น  ฉายแววตาที่กลมโตสุกใสราวกับลูกแมว  และทำตัวสงบเสงี่ยมต่อไป  เช่นที่เมสซี่นั้นเป็นมาโดยตลอด  ใช่  ร่างเล็กดูบอบบางและน่ารักเกินไปที่จะมานั่งไร้คนสนใจในงานแบบนี้..........

ร่างสูงของลูกชายผู้เป็นที่เชิดชูของวงศ์ตระกูลในตอนนี้ความรู้สึกเกลียด  วิตกกังวล  และการที่จะถูกลุงจอมบงการของตัวเองพบเข้า ได้ถูกฉีกกระชากออกไปจนหมดสิ้นและรวดเร็วราวกับโดนพัดปลิวหายไป  โรนัลโด้ไม่ได้คิดถึงสิ่งใดในใจเลย  นอกเสียจากร่างเล็กผิวขาวกระจ่างใส  เนียนนุ่มเช่นที่เค้าเคยจำได้จากการสัมผัส  และดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนที่ฉายแววใสซื่อนั้น  โรนัลโด้ไม่เคยลืม

เด็กหนุ่มผู้บิดเร้า  แต่ก็ทะนงตัวยามเมื่อถูกเค้ากอด และทำให้ครางกระเซ้าจนตัวสั่นเทิ้ม..........

โรนัลโด้แอบอิงเหมี่ยงมองอยู่อย่างเงียบเชียบ  เค้าเห็นเมสซี่นั่งอยู่อย่างใจจดใจจ่อ คล้ายกับรออะไรบางอย่างอยู่  จนกระทั่งร่างสูงเห็นชายวัยฉกรรจ์คนหนึ่ง  ดูท่าทางไม่มีพิษมีภัยหอบดอกกุหลาบเกือบร้อยดอกอยู่ในอ้อมแขนดูท่าทางคงจะเป็นคนส่งของที่ไม่สลักสำคัญอะไรในงานนี้  เดินเข้ามาพูดคุยกับร่างเล็ก  โรนัลโด้จึงสันนิฐานว่าน่าจะถามทางเสียมากกว่า

เมสซี่ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด  เด็กหนุ่มกลับยิ้มอย่างเป็นมิตรและสนทนาด้วย  โรนัลโด้เห็นเด็กหนุ่มชี้ไม้ชี้มือเพื่อบอกทางให้แก่ชายส่งดอกไม้  ในอ้อมกอดของชายผู้นั้นคือดอกกุหลาบหอบใหญ่ที่ถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษกรอบแกรบสองสามแผ่น เพื่อป้องกันไม่ให้หนามจากก้านกุหลาบซึ่งยังไม่ได้ตัดแต่งแทงทิ่มคนที่กอดมันมาส่งเอาได้

โรนัลโด้เห็นชายส่งดอกไม้ผงกศีรษะเป็นเชิงขอบคุณแก่ร่างเล็กแล้วหมุนตัวเดินออกไปส่งดอกไม้ให้ถึงปลายทางอย่างเร่งรีบ  แต่ทันทีที่เค้าหมุนตัว กลับมีดอกกุหลาบตกลงมาจากการกอดรวบที่หมิ่นเหม่อของเค้า  ซึ่งดูจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าได้ทำมันตกลงไปจนดูไร้ความรับผิดชอบมากแค่ไหน

เมสซี่มองตามดอกกุหลาบบานสวยที่ทิ้งตัวลงพื้นนั้นอย่างไร้ค่า  ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองแผ่นหลังที่มีโลโก้ของร้านขายดอกไม้ปรากฏอยู่  ใบหน้าอ่อนเดียงสากระพริบตาอย่างสับสน  ก่อนจะเดินหน้าไปเก็บกุหลายแสนสวยดอกนั้นขึ้นมาอย่างทะนุถนอมแล้วจ้ำเท้าตามชายส่งดอกไม้ไป

โรนัลโด้ลอบเดินตามเมสซี่ที่เก็บดอกที่สองซึ่งร่วงหล่นลงมาจากกระดาษห่ออีก  ไม่รู้ว่าชายเซ่อซ่าที่ส่งดอกไม้จะเดินไปไกลอีกแค่ไหน  แต่ที่รู้ๆ คือร่างเล็กซึ่งซอยเท้าเดินตามจนแทบวิ่งนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้อ้าปากบอกเตือนสติชายที่เดินลิ่วๆ อยู่ข้างหน้าเลย  เนื่องจากเจ้าตัวเล็กจะต้องเดินไปด้วยและก้มเก็บดอกไม้ที่ถูกงดให้ความสนใจในทุกๆ สองสามก้าวไปด้วย

เด็กหนุ่มมีสีหน้าเลิกลั่ก  แต่ก็ระมัดระวังจนลนลานเพื่อไม่ให้เท้าที่ซอยจ้ำของตนนั้นต้องเผลอเหยียบกับดอกไม้ที่หล่นเป็นทอดๆ เข้า  เมสซี่มีกุหลาบเต็มอ้อมแขน  กลุ่มผมนุ่มลื่นราวกับเส้นไหมนั้นก้มผุดๆ โผล่ๆ จนปอยผมที่ตัดสั้นของเจ้าตัวพลิ้วไปมาเล็กน้อย  โรนัลโด้มองภาพนั้นแล้วอดหลุดยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้

ใบหน้าอ่อนเดียงสาที่แสดงถึงความลำบากใจ  แต่ก็เกรงอกเกรงใจในเวลาเดียวกันนั้นทำให้ร่างสูงรู้สึกเพลินตาไปได้ไม่น้อยเลย

โรนัลโด้นึกอยากจะขอบใจชายส่งดอกไม้เซ่อซ่าคนนั้นนักที่ทำให้เค้าได้เห็นเรื่องสนุกๆ ตรงหน้านี้  และใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้นะที่ทำแบบนี้แล้วจะเรียกรอยยิ้มจากร่างสูงได้.......เห็นคงจะมีเพียงแต่เมสซี่เท่านั้นที่สามารถทำให้ร่างสูงแสดงสีหน้าอย่างอื่นนอกจากเงียบขรึมออกมาได้  แต่ไม่นานนักการติดตามของร่างสูงก็ต้องหยุดลงเมื่อจุดหมายของคนส่งของสิ้นสุด  พร้อมกับเด็กหนุ่มที่เริ่มหอบแล้วในตอนที่ขาเล็กๆ คู่นั้นได้หยุดจ้ำอ้าวเสียที

เมสซี่เอ่ยเรียกเพื่อคืนดอกไม้  โรนัลโด้ยังคงแอบดูอย่างแนบเนียนต่อไป และเงียบเชียบโดยไม่ทำให้ดูเหมือนว่าตัวเองตามคนอื่นมา  เค้ามองดูชายส่งดอกไม้คนนั้นหันหน้ามามองเด็กหนุ่มอย่างไม่คาดคิดว่าจะทำดอกไม้ตก  แล้วเอ่ยอะไรบ้างอย่างกับเมสซี่  โรนัลโด้ไม่ได้ยิน เพราะชายนั้นพูดเบามาก  แต่ร่างสูงก็ไม่ได้สนใจในรายละเอียดนั้นแล้วในตอนที่ ชายส่งดอกไม้โง่เง่าที่สวมถุงมือคนนั้นรับดอกกุหลาบหอบหนึ่งมาจากอ้อมแขนของเด็กหนุ่มผู้มีน้ำใจ

โรนัลโด้สังเกตเห็นหน้าที่เปลี่ยนสีไปของเมสซี่เล็กน้อย  นั่นเป็นเพราะว่ากุหลาบที่ยังไม่ได้ตัดหนามออกนั้นทิ่มไปที่มือเล็กๆ ทั้งสองข้างของร่างเล็กเข้าเต็มๆ

ชายคนนั้นรีบร้อนเกินไป เพราะอาการลนลานว่ากลัวจะโดนตำหนิ จึงไม่ทันรอให้เมสซี่ปล่อยมือจากก้านกุหลาบเสียก่อน  มันจึงตำและครูดกับมือของเด็กหนุ่มโดยตรง

เมสซี่ไม่ว่ากระไร ร่างเล็กไม่ได้แสดงสีหน้าออกมาว่าเจ็บปวดเสียด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มร่างสูงที่แอบกายอยู่ก็รู้สึกได้ว่าร่างเล็กที่เอ่ยบอกลาก่อนจะเดินหันหลังจากมาโดยไม่ทักท้วงสิ่งใดนั้นแสดงสีหน้าออกมาว่าเจ็บ  ร่างสูงกำยำเบี่ยงหลบเข้าไปในมุมบริเวณนั้นเพื่อซ่อนตัวจากร่างเล็กและเค้าไม่แม้แต่จะได้รับความสนใจจากเด็กหนุ่มเลย  เจ้าตัวเดินผ่านเค้าไปและนั่งลงตรงที่ม้านั่งตัวเดิม

แผลกุหลาบตำจะปวดมากหากโดนเข้าไปโดยตรง  และมันจะปวดตุ้บๆ ไปเลยหากปล่อยไว้นานเกินไปโดยไม่สนใจ..........

เมสซี่ถึงที่แล้ว  โรนัลโด้จึงขยับกายออกมาจากตรอกของส่วนเตรียมงานเล็กน้อย  ใบหน้าคมสันครึ่งหนึ่งหลบอยู่ในเงามืด  สายตาคมประดุจเหยี่ยวมองร่างเล็กๆ ที่สะดุ้งตัวเนื่องจากเสียงโทรศัพท์ของตัวเองเกิดดังขึ้นขัดกับเสียงดนตรีที่แว่วออกมาจากหน้างาน

คงเป็นแม่ที่โทรมา......

โรนัลโด้เห็นสีหน้าตอนร่างเล็กรับโทรศัพท์ แล้วพูดคุยกลับไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ที่เจ้าตัวรู้ดีว่าผู้เป็นแม่ที่อยู่อีกฝั่งของปลายสายจะต้องไม่ได้เห็นแน่ๆ หนุ่มน้อยผู้มีหน้าตาและการแต่งตัวสะอาดสะอ้านเอ่ยบางอย่างออกไป  ร่างสูงที่แอบดูอยู่ก็คาดว่าคงจะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวกลับบ้านช้าเป็นแน่  ต่อมาเมสซี่ก็เผยรอยยิ้มดีใจ  พยักหน้าใส่มือถืออีกสองสามครั้งก่อนจะวางสายไป

บางที แม่อาจไม่โกรธที่เจ้าตัวกลับบ้านช้า  และยินดีรอจนกว่าจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย.......

โรนัลโด้ยิ้มละมุนที่มุมปาก  ซึ่งหาดูได้ยากจากชายหนุ่มผู้นิสัยซับซ้อนคนนี้  ร่างเล็กไม่รู้เลยหรือไร ว่าการที่แสดงกิริยาท่าทางใส่โทรศัพท์ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่รับรู้นั่นน่ะมันน่ารักแค่ไหน

แต่ทันทีที่คุยกับแม่เสร็จแล้ว  ร่างน้อยๆ ก็เม้มริมฝีปาก มองไปยังหม้อต้มซุปใบเปล่าอย่างรอคอยการเคลื่อนตัวของมัน  ก่อนจะก้มใบหน้าลงมองฝ่ามือทั้งสองที่วางหงายอยู่บนตักของตนเองก่อนมันจะเริ่มปวด  ร่างสูงเห็นเด็กหนุ่มของเค้าเม้มปากอีก แต่คร่ำเคร่งกว่าเดิมมากนัก และกระพริบตาถี่  โรนัลโด้พยายามเพ่งมองลงไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถเห็นอะไรได้เลยจากตรงนี้ที่เค้ายืนอยู่  เพราะห่างกันอยู่พอสมควร

เมสซี่ไม่ได้ทำอะไรต่อไป  ได้แต่รอการเคลื่อนย้ายของหม้อซุปอันแสนสำคัญใบนั้นอย่างใจจดใจจ่อ  เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเล่นด้วยซ้ำ  ดวงตากลมโตนอกจากจะเฝ้าคอยหม้อแล้ว ก็ยังเหม่อมองไปทั่วโถงด้านหลังของงานที่เจ้าตัวนั่งอยู่อย่างไม่แสดงตัวตนอีกด้วย  เมสซี่พยายามทำเหมือนว่าตัวเองไม่เจ็บแผลที่มือ แต่โรนัลโด้รู้ดีว่ามันแย่มากแค่ไหน  แผลจากหนามกุหลาบจะปวดจนเต้นตุ้บๆ ไปเลยถ้าไม่ดูแล  และนั่นคงไม่ต้องไปพูดถึงฝ่ามือที่โดนทิ่มจนแทบไม่เหลือที่ว่างของร่างเล็ก

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว หลังจากที่เวลาได้ล่วงเลยไป  ผู้คนในส่วนหลังของงานก็ออกไปทำหน้าที่ของตัวเองในส่วนหน้างานกันมากโขแล้ว  ในส่วนท้ายนี้จึงเกือบร้างผู้คน  โรนัลโด้ยืนอยู่ในที่ประจำการเดิมของตัวเองโดยที่ไม่ได้เคลื่อนกายไปไหน  มองดูสิ่งเดียวที่ทำให้เค้ายังคงมีความรู้สึกอยากที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปโดยไม่นึกเบื่อ 

ในคราแรกร่างสูงคิดว่าเมสซี่ซบตัวลงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ข้างไหล่ของเจ้าตัว  แต่ที่ไหนได้ เด็กหนุ่มผู้สุภาพนั้นหลับได้ไปนานแล้ว  ด้วยอุณหภูมิและช่วงเวลาของวันที่เป็นใจคงทำให้เด็กหนุ่มผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว

โรนัลโด้ขยับตัว  ชะโงกหน้าไปมองเด็กหนุ่มให้มากขึ้นอีก  ก่อนจะตัดสินใจย่างกายออกมาจากมุมที่ตนยืนอยู่  แล้วเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มที่นอนหลับซบม้านั่งอยู่อย่างเดียวดาย  และถัดไปฝั่งตรงข้ามอีกฝั่งหนึ่งของโถง พ่อครัวเพิ่งจะช่วยกันยกหม้อใบใหญ่ออกจากการกีดขว้างปากประตูและนำมันไปไว้ในที่เตรียมเก็บล้าง

ร่างสูงแข็งแรงซุกมือไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเมสซี่อย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้เจ้าตัวรู้สึกตัวแล้วตื่นขึ้นมาได้  ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจเหล่าพ่อครัวที่เก็บของออกไปได้อย่างไร้เสียงจนน่าเหลือเชื่อ

สายตาที่เย็นชาและวางเฉยในคราแรกอันมีให้แก่คนรอบข้างกลับหลุบแสงไป  และบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยแววตาที่อ่อนลงกว่าเดิมมากนัก  มือแกร่งถูกดึงออกมาจากกระเป๋ากางเกงอุ่นสบายตัดกับอากาศเย็นเชียบภายในห้อง  รอบข้างไม่มีใครสนใจเค้าเลยแม้แต่คนเดียว  โรนัลโด้จึงย่อตัวลงอย่างเงียบเสียง  นั่งลงบนข้อเท้าตัวเอง แล้วใช้หลังมืออันอบอุ่นนั้นค่อยๆ แตะสัมผัสไปบนโหนกแก้มสีขาวกระจ่างของเด็กหนุ่มตัวน้อยที่แอบอิงเผลอหลับอยู่บนม้านั่งตัวยาว

และเป็นดั่งเช่นที่เค้าคิดไว้  ผิวแก้มของเมสซี่เย็นเชียบและอ่อนนุ่ม.......

นั่นทำให้โรนัลโด้อดที่จะใช้นิ้วเกลี่ยอย่างเน้นย้ำไปยังบริเวณที่ตัวเองเคยคลอเคลียเมื่อครั้งก่อนอย่างเสียมิได้เลย  มือข้างที่ว่างอยู่ก็พาดอยู่บนเข่าเพื่อรักษาสมดุล ในขณะที่เจ้าของร่างสูงแกร่งนั้นก็กำลังเพลิดเพลินกับการใช้นิ้วหัวแม่มือของตนละเลียดสัมผัสไปตามพวงแก้มใสระเรื่อที่เนียนนุ่มราวกับเด็กๆ  เนินที่พานิ้วของเค้าไปยังสันจมูกที่โด่งรั้นไม่เหมือนใครของร่างเล็ก  และเรื่อยไปจนบริเวณหว่างคิ้วจนถึงเปลือกตาสีมุกที่ปิดสนิทในที่สุด

สีหน้าโรนัลโด้ดูไม่รีบร้อน เค้าไม่เคยเบื่อเลยที่จะสัมผัสเด็กคนนี้  กระทั่งความอบอุ่นจากนิ้วมือทำให้ใบหน้าของเมสซี่อบอุ่นและหายเย็นชืดขึ้นมาในที่สุด  โรนัลโด้จึงเห็นสมควรกับตัวเองแล้วว่าควรละฝ่ามือของตนออกมาได้แล้ว มิฉะนั้นอาจเป็นการปลุกให้อีกฝ่ายหนึ่งตื่นขึ้นมาได้

เค้าผละมือออกมาในตอนที่เมสซี่ขยับศีรษะและถูใบหน้าไปมากับแขนของตัวเองเพื่อใช้หนุนนอน ราวกับว่านั่นคือหมอนใบโปรดของเจ้าตัว  โรนัลโด้กระพริบตาเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วยกเก้าอี้ไม่มีพนักพิงมานั่งข้างตัวของร่างเล็ก  เค้าไม่ทำให้เกิดเสียงเลยแม้แต่อย่างใด เพราะรู้ว่าความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ตื่นขึ้นมาเจอเค้า และพาลจะเสียเรื่องเอาได้ 

แต่ก็อย่ากระไรเลย  ว่ากันตามตรงโรนัลโด้ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้เจอเมสซี่ในที่แบบนี้  และในเวลาที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดแบบนี้  แต่ทว่าหากมันเป็นความบังเอิญที่พวกเค้าจะได้เจอกัน  และมันช่างเป็นเหตุที่บังเอิญยิ่งกว่าเมื่อเค้าเองสามารถเข้าใกล้กับเด็กหนุ่มซึ่งเกลียดเค้า ที่ไม่แม้แต่จะรู้ตัวเลยว่าใครกำลังมานั่งอยู่ด้านหน้าของเจ้าตัวในเวลานี้   เพราะฉะนั้นโรนัลโด้ก็จะใช้โอกาสที่ตัวเองมีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด

เมสซี่หายใจสม่ำเสมอ และจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปจนกว่าจะมีคนมาปลุก  โรนัลโด้นั่งหลังตรง เชิดคางขึ้นเสี้ยวหนึ่งเพื่อพินิจดูเด็กหนุ่มร่างเล็กตรงหน้าเค้าอย่างห่างๆ  ก่อนดวงตาคมจะกระพริบน้อยๆ  หรี่ลงแล้วเบนสายตาไปหามือคู่บอบบางที่คดงอหลบความหนาวเย็นอยู่ในอ้อมกอดหลวมๆ ของเด็กหนุ่ม

โรนัลโด้โน้มตัวลงไป  และค่อยๆ แตะสัมผัสไปบนหลังมือน้อยๆ นั้นอย่างระมัดระวัง  ซึ่งมันเย็นเชียบและเจ้าของก็มิได้สะดุ้งตัวตื่นแต่อย่างใด  นิ้วมือแข็งแกร่งที่อบอุ่นกว่าของร่างสูงจึงได้ไล่ไปจนถึงข้อมือบอบบางนั้น  สายตาคมก็เหมี่ยงมองจับตาดูปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ก็ตามจากร่างที่นอนเข้าสู่นิทราตรงหน้าไปด้วย  กระทั่งโรนัลโด้ฉวยข้อมือของเมสซี่ขึ้นมาดูอย่างเบามือได้สำเร็จในที่สุด



.



.



.



TBC.



--------------------------------------------------------------------------



โอ๊ะ ฉวยโอกาสนี่เฮียยยยยยยยย!!  ลักหลับเหมียวเหรอ! >{}<  บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ  อร๊ายยยยยยย >////<  เฮียก้ออออออออ  แบบว่ามานั่งดูตอนเหมียวหลับเนี่ยนะ พอเจอเหมียวเฮียเหมือนมนตร์สะกดเลยค่ะ...ไม่คิดว่าจะเจอน้องที่นี่อ่ะสิ ชิมิคะ 555555  และเรื่องลุง ไรท์ยกนิ้วให้เลยค่ะ เยี่ยมค่ะเฮียยย 55555  เดินออกไปเลย  ต้องเจอซูปเปอร์เอาแต่ใจรับพระกาฬอย่างเฮีย 5555 ไรท์รู้ว่าเฮียไม่ได้เอาแต่ใจค่ะ เฮียแค่โลกส่วนตัวสูง

เหมียวก็มุ้งมิ้งมากเลยค่ะ  มุ้งมิ้งเหลือเกิน  อิตาคนส่งดอกไม้นี่ก็นิสัยไม่ดีอีกคนหนึ่งค่ะ  เหมียวของเราอุตส่าห์เก็บดอกไม้ไปให้ ดูทำอะไรกับเหมียวสิ >< ชิๆๆๆ  เฮียจัดตกงานไปเลย  //อ้าว  สายชั่วแล้ว//   55555555   รอติดตามกัน Part หน้านะคะ >< เหมียวจะตื่นมาเจอเฮียหรือไม่ต้องติดตามค่าา

แปะเฟส >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< จิ้มฉึก 


รักรีดทุกท่านนะค้าา //ส่งจูบ//

ด้วยรักและแรงหื่น

Ray - Aund



ไม่มีความคิดเห็น: