Hello
--- ! My Reader ที่น่ารักทุกคนนนนนนนน Ray กลับมาแล้วค่ะ....กลับมาแล้วววว สำหรับแฟนๆ MaLec ทูกโคนน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ลงตอนที่ 5
สักที -_-“ (โอยยย นึกว่าหายสาบสูญไปแล้วนะแก //
รีดเดอร์บ่นเป็นเสียงเดียวกัน) 55555 อันที่จริงขอสารภาพเลยค่ะ
ว่าRay เขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่พะเอิ๊ญญญ มีเรื่องใหม่ที่เราฟินขึ้นมาแล้วก็ดันคึก อยากลงซะงั้น
ก็เลยลงยาวเลยค่ะ
แม็กนัสกะอเล็คของเราก็เลยเพิ่งโผล่มา -_-^ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะที่เราเพิ่งมา M_ _M เนื่องด้วยช่วงนี้งานระบาดยังกะเทศกาลและแถมด้วยฟินคู่อื่น
หล๊ายยยต่อหลายคู่ (เอ่อ! นี่แหละที่แกน่าถีบ....ฟินเข้าๆ
ออกๆ เขียนกระจุยไปถึงดาวอังคาร แกจะเอากี่คู่กกันแน่ห๊ะ!!)
ก็นั่นแหละค่ะ Ray เลยต้องขอโทษทุกท่านด้วยประการทั้งปวงที่เบี้ยวมานานนนนนน ขอโทษจริงๆ ค่ะ M_ _M
ปล. เดี๋ยว NC หลุดโลกของคู่นี้ก็จะมาแล้วนะเอ่อออออออ
---------------------------------------------------------------------------------
“นาย......นายโอเครึเปล่า รอก่อนนะ
ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ” ว่ายังไม่ทันขาดคำ อเล็คก็รีบเก็บมือถือด้วยความลนลาน แล้วล้วงเอาคีย์การ์ดในกระเป๋าออกมา
ใช้มันรูดเปิดประตูห้องของแม็กนัส อเล็ควางของที่ถือติดมือมาไว้บนโต๊ะเตี้ยข้างประตู
ร่างบางกวาดสายตาไปรอบห้อง
ปราดแรกเค้าเห็นร่างสูงผิวสีเข้มนอนอยู่บนโซฟาชุดละแปดแสน....อย่าว่านอนเลย
แม็กนัสกำลังจะพลิกตัวกลิ้งตกลงมาจากโซฟา!
“แม็กนัส!!” อเล็ครีบถลาเข้าไปถีบร่างสูงกลับขึ้นไปบนโซฟาทันที
“เจ้าบ้าเอ้ย!! เดี๋ยวก็เจ็บเอาหรอก.........”
อเล็คพูดเสียงดัง เนื่องจากเค้ายังมีอาการตกใจอยู่ไม่หาย
“อือออ...อ” แม็กนัสคราง
“แม็กนัส......นายโอเครึเปล่า” อเล็คเสียงอ่อนลงทันใด เมื่อเอาแต่ดุคนที่ไม่ยอมระวังตัวเอง
จนเกือบลืมไปเลยว่าตอนนี้ควรต้องเป็นห่วงมากกว่า มือบางแตะเข้าที่ไหล่ของอีกคน
“หัว.....ปวดหัว..ว..”
“ปวดหัวงั้นเหรอ” อเล็คพึมพำกับตัวเองเบาๆ เค้าพอจะรู้แล้วว่าคนที่นอนกุมหัวร้องโอดโอยอยู่ตอนนี้เป็นอะไร.............
..........เมื่อคืนคงจะดื่มหนักจนกลับดึกเลยสิท่า........
แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า
เมาขนาดไหนก็ยังพยายามกลับมานอนที่ห้องตัวเอง
เป็นขี้เมาที่สำนักดีมากเลย แม็กนัส เบน.......อเล็คคิดในใจ
แล้วก็หลุดขำให้กับฉายาที่เค้าเพิ่งตั้งให้สดๆ ร้อนๆ แต่ก็ต้องหยุดเพราะเสียงครวญครางอีกระรอกของร่างสูง
“นายคงจะแฮ็งค์สินะ........รอฉันแป็บล่ะกัน” อเล็คยิ้มบางๆ
มองเพื่อนร่างสูงที่ทอดกายอยู่บนโซฟา แม็กนัสพลิกตัวไปมาเช่นที่ทำอยู่บ่อยๆ อเล็คพูดเนิบๆ “อย่าตกโซฟา....” แล้วแม็กนัสก็กลิ้งตัวกลับไปที่เดิมทันที
ห่างจากโซฟาไปไม่ไกลนักก็เป็นชุดห้องครัว
ที่มีเคาเตอร์สีดำมันเงาหรูหราทอดตัวยาวเกือบหกเมตร เรือนผมสีดำขลับของอเล็คผลุบๆ โผล่ๆ อยู่บริเวณนั้น เค้าก้มลงคุกเข่ากับพื้น
ใช้ปลายนิ้วกดไปที่ผนังซึ่งมีกล่องขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำขนาดกลางหลายสิบกล่องฝังอยู่ในผนัง
หรือจะพูดให้ถูกมันคือตู้เก็บของเอนกประสงค์นั่นเอง และที่สำคัญมันไม่มีที่จับหรือดึงออก
ต้องเป็นคนเปิดเป็นเท่านั้นถึงจะง้างฝาตู้พวกนี้ได้............แน่นอน
เรื่องแค่นี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับแม่บ้านซูปเปอร์โนวาอย่างอเล็คเลยสักนิดเดียว
เพียงออกแรงกดเบาๆ ผนังสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกลาง
มันก็เด้งออกมาเล็กน้อย อเล็คยิ้มบางๆ
ก่อนจะเปิดมันออกแล้วหยิบกล้วยหอมสีเหลืองนวลน่าทานออกมาจำนวนหนึ่ง..........ใช่แล้วช่องที่เค้าเลือกเปิด
มันคือตู้เย็นเก็บอาหาร เป็นหนึ่งในหลายช่องที่หน้าตาเหมือนๆ
กัน แต่อเล็คจำมันได้ดี และเค้ารู้สึกสนุกกับการกดให้ประตูเด้งออกมา
แล้วกดเข้าไปใหม่เพื่อปิดมัน
อเล็คเปิดอีกสองสามช่อง
เพื่อหาสิ่งที่เค้าต้องการสองสามอย่าง ไม่นานอเล็คก็เดินกลับมาหาแม็กนัสพร้อมกับเครื่องดื่มแก้แฮงค์
“แม็กนัส ลุกขึ้นมาดื่มนี้ก่อนสิ” อเล็คพูดก่อนจะวางแก้วแล้วดึงแม็กนัสขึ้นมา
“อือ....ปวดหัว..ว” แต่ร่างสูงก็ยังไม่วายงอแง
เอามือกุมหัวตัวเองอยู่อย่างนั้น
“เหอะน่า......เอา อึ๊บ” อเล็คใช้วิธีเฉพาะ โดยการสอดแขนรั้งร่างของแม็กนัสไว้ ดึงร่างสูงขึ้นมา
แล้วพูดให้กำลังใจจนร่างสูงยอมคลอยตาม ยอมยืดตัวขึ้นพร้อมกับคำว่า ‘อึ๊บ’ (?)
ในที่สุดแม็กนัสก็อยู่ในท่านั่งเอียงๆ คอก็ห้อยอยู่กับขอบโซฟา อเล็คส่ายหน้าน้อยๆ
อย่างอ่อนใจ แล้วสะกิดเพื่อนเบาๆ อีกครั้ง
“เฮ้....นี่ ดื่มนี่ก่อนสิ มันจะทำให้นายดีขึ้นนะ.....”
แต่ร่างสูงก็ยังคงเอาคอพาดกับขอบโซฟาเหมือนอย่างเดิม มิหน้ำซ้ำยังหันหน้าหนีเค้าเสียนี่
อเล็คถอนหายใจ พลางอมยิ้ม “.......แป็บเดียว ฉันสัญญา” จากนั้นก็ตามมาด้วยแก้วที่ถูกยกขึ้นมาจ่อรอท่าอยู่แล้ว
และแล้ว แม็กนัสก็ยอมดื่มสิ่งนั้นแต่โดยดี อเล็ควางแก้วไว้บนโต๊ะที่เดิมเมื่ออีกคนดื่มพอแล้ว
...........ทำท่าไม่อยากดื่ม แต่ก็เกือบหมดแก้วเลยนี่นา........
อเล็คยิ้มอย่างพอใจ เพราะยิ่งดื่มมากเท่าไรก็จะยิ่งดีมากเท่านั้น มันจะทำให้แม็กนัสรู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจเลยทีเดียว
ร่างสูงที่ถูกประเคนเครื่องดื่มแบบยกให้ถึงที่
ก็ใช้หลังมือปาดริมฝีปาก แล้วก็พาดคอไว้ที่เดิม
“เอิ๊กก!” พร้อมกับสัญญาณที่บ่งบอกว่ากระเพาะได้รับมันลงไปแล้วอย่างเต็มที่
อเล็คอ้าปากค้างอย่างขัดใจ
ก่อนจะกลอกตาหนึ่งตลบแล้วยกแก้วไปเก็บ
.........เป็นถึงเซเลบคนดัง
แล้วยังมีหน้ามาเรอเสียงดังอยู่อีก........อเล็คคิดในใจอย่างหมั่นไส้
แล้วร่างบางก็หันไปเก็บกวาดล้างของที่เค้าใช้ทำเครื่องดื่มเมื่อครู่นี้ แล้วก็ตามเก็บเสื้อนอกที่เจ้าของเขวี่ยงทิ้งไว้กับพื้น
นายนี่นา.......ผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเหมือนเดิมเลยจริงๆ ถ้าฉันไม่อยู่ใครจะมาตามเก็บให้นายเนี่ยยยย เจ้าบ้าแม็กนัส...........อเล็คคิดในใจ
.............แล้วถ้าเค้าไม่อยู่ ก็ไม่มีใครค่อยปกป้องนายเหมือนกันนะอเล็ค.........แต่แล้วความคิดในส่วนก้นบึงก็เผยออกมา
พาให้อเล็คหวั่นไหวอีกครั้ง จนท้ายที่สุดเค้าต้องบอกกับตัวเองอีกครั้งว่า........แต่อีกหน่อย
แม็กนัสก็คงจะไม่คอยอยู่ช่วยนายแล้วล่ะ นายโตแล้ว
ไม่มีใครมาแกล้งนายเหมือนตอนเด็กๆ ได้อีกแล้วนะ และเค้าก็มีคนรักให้ดูแลเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วด้วย พวกเค้าดูรักกันมาก ไม่นานก็คง.......จะได้แต่งงานกัน อเล็คสูดหายใจเข้าเล็กน้อย แม้มันจะทำให้เค้ารู้สึกปวดใจมากก็ตาม
แต่มันก็เป็นข้อเท็จจริงและเป็นสิ่งที่เค้าต้องท่องจำให้ขึ้นใจ
และอเล็ครู้ ว่าแม็กนัสก็เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ
ที่ต้องมีคนคอยดูแลเรื่องอาหาร เรื่องความสะอาด และเรื่องอื่นๆ ที่ผู้ชายนิสัยไม่ละเอียดอ่อนคนนี้จะไม่พึงทำ ห้องหับก็รกยังกะรังก็อตซิล่า และถ้าไม่มีคนหามาให้มื้อเช้าถึงมื้อเย็นคนๆ นี่ก็จะไม่หากินเองโดยเด็ดขาด ราวกับลืมไปเลยว่าตัวเองต้องกินอาหารเพื่อประทังชีวิต และเหตุผลร้อยแปดอีกสารพัดที่อเล็คซานเดอร์คนนี้จะอดห่วงไม่ได้.....................
.................ด้วยเหตุนี้เอง
ที่คนตัวเล็กจะต้องย่องเบาเข้ามาที่ห้องของเจ้าตัวแทบทุกคืน.............
อเล็คคิดว่าแม็กนัสเป็นเพียงคนเดียวที่เค้าเหลืออยู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของเค้าเองก็โดนหมางเมินราวกับไม่มีตัวตนอยู่เลยด้วยซ้ำ และเรื่องที่มักจะโดนโชคร้ายพุ่งเข้าใส่แบบไม่ยั้ง แม้เรื่องนั้นจะทำให้อเล็คเสียใจอยู่บ้าง
แต่เมื่อนึกถึงแม็กนัสที่เปรียบเสมือนแสงสว่างของเค้าแล้ว
อเล็คก็สะลัดเรื่องนั้นทิ้งไปสิ้น เหลือไว้เพียงความอบอุ่นและความใจดีของแม็กนัส.................
อเล็คโยนเสื้อนอกของคนตัวใหญ่ลงในช่องส่งซัก
แล้วหันไปดูแม็กนัสอีกครั้งว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง และดูท่าว่าร่างสูงสะโอดสะองเองก็เริ่มกลับมานั่งตัวตรงๆ ได้แล้วเช่นกัน คนตัวเล็กก็เลยรีบวิ่งตัดความยาวของห้องไปหยิบกาแฟกับคุกกี้ที่เค้าตั้งใจจะเอามาให้และวางทิ้งไว้ตั้งแต่แรก
มาให้คนตัวสูง
กึก....
อเล็ควางแก้วกาแฟและกล่องคุกกี้ไว้บนโต๊ะกระจกทรงเตี้ยเบื้องหน้าแม็กนัส ร่างสูงที่นั่งกุมขมับอยู่ก็หันไปมองคนที่วางของไว้เมื่อครู่ เค้าทำหน้าเหยเกแล้วขมวดคิ้วหรี่ตาอย่างจับโฟกัสไม่ได้
“อเล็คเหรอ.....” แม็กนัสขมวดคิ้วหนักขึ้นกว่าเดิม
“อือ” อเล็คหยุดอยู่กับที่ พร้อมมือที่เกี่ยวกันแน่น
“นายมาทำอะไรที่นี่” แม็กนัสที่เพิ่งสร่างเมาถามและจ้องเขม็ง
“ฉัน เอ่อ....เอากาแฟมาให้นายไง” อเล็คพยายามคุ้มเสียงตัวเองให้ดูปรกติที่สุด
“นาย เมื่อกี้นาย......เอ่อ ช่างมันเถอะ นายเข้าห้องฉันมาได้ยังไง”
อ๊ะ! ซวยแล้วอเล็ค ลืมไปซะสนิทเลยว่านายเข้าห้องแม็กนัสไม่ได้ เค้าไม่รู้ว่านายมีคีย์กราดนั่นนี่นา..........อเล็คหน้าซีด จากที่ขาวอยู่แล้วก็ดูไร้ชีวิตชีวาอย่างหนัก หัวใจหยุดซูบฉีดชั่วขณะ ในเวลาแบบนี้
การคิดหาคำแก้ตัวเป็นเรื่องยากสำหรับอเล็ค
.....................เพราะเค้าโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย..............
“อึก อะ เอ่อ ฉัน.......” อเล็ครู้สึกได้เลยว่าตัวเองมีสีหน้าที่ไม่ดีนัก เค้ากำลังคิดหาข้ออ้าดีๆ อยู่ แต่ยิ่งมีสายตาอันคมกริบจ้องอยู่แบบนี้
เค้าก็คิดอะไรไม่ออกหรอกนะ
จนกระทั่งเสียงทุ้มของอีกคนดังขึ้นอย่างหงุดหงิดจนทำให้คนตัวเล็กยืนอยู่
สะดุ้งขึ้นมา
“อะไร”
“ฮึก! อะ เอ่อ......ฉัน” อเล็คเผลอกระพริบตาแรงๆ เพราะตกใจกับเสียงของแม็กนัส
“ฉันถามว่านายเข้ามาได้ยังไง” คราวนี้ร่างสูงลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับร่างบางโดยตรง
ถึงแม้แม็กนัสจะไม่ใช่คนขี้โมโห
ร่าเริงเสียส่วนมากด้วยซ้ำ แต่เวลาที่เค้าหงุดหงิดหรือโมโหขึ้นมาล่ะก็ดูน่ากลัวสุดๆ
เหมือนกัน
แม็กนัสยืนอยู่ตรงหน้าอเล็คที่หัวใจเต้นช้าลงเรื่อยๆ
.........อย่าให้ความแตกนะอเล็ค อย่าให้ความแตก
“นายใช่คีย์การ์ดใช่ไหม.......” แม็กนัสพูด “.......นายได้คีย์การ์ดห้องฉันมาได้ยังไง”
อเล็คไม่พูด เพียงแต่ก้มหน้าหนีเท่านั้น และท่าทีเหล่านั้นแม็กนัสรู้จักดี
............อเล็คโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย.........
ร่างสูงสูดหายใจเข้าลึกๆ “นาย – เอา – คีย์ - การ์ด –
มาได้ -- ยังไง” แม็กนัสเน้นเสียงทีละคำ นั่นทำให้อเล็คที่จนมุมรู้สึกน้ำตาปริ่มขึ้นมา
นายอย่าโมโหแบบนี้สิแม็กนัส......ฉันกลัวนะ
“ฉะ ฉะ ฉันขอมาจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ข้างล่าง........” อเล็คตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด
เพราะรู้ดีว่าหากยังคงปิดปากเงียบอยู่อย่างนี้ต่อไปจะไม่เป็นผลดีแน่ แต่ท้ายที่สุดแล้วประโยคสั่นพร่านั้นก็หยุดเอาเสียดื้อๆ โดยไม่มีคำใดต่อ
ร่างสูงรู้สึกรำคาญใจอยู่ไม่น้อย
ที่เพื่อนตัวเล็กจะต้องมาละล่ำละเลือกตอบเค้า..........ทั้งๆ
ที่พูดตามตรงตั้งแต่แรกก็ได้.........
รึว่านายยังไม่เลิกนิสัยเด็กๆ แบบเมื่อก่อนอีก.......
แม็กนัสจับเข้าที่แขนเรียวของเล็ค รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
เพราะขนาดของมันไม่ได้แตกต่างจากเมื่อสามสี่ปีก่อนเลยด้วยซ้ำ........ยังคงเล็กและบอบบางอยู่เหมือนเดิม เหมือนตอนที่เค้าเคยฉุดเพื่อนร่างเล็กไปไหนมาไหนด้วยกัน
ทั้งตอนที่เจ้าตัวเต็มใจและไม่เต็มใจ แขนบอบบางนี้ก็จะมีแต่แม็กนัสคนเดียวเท่านั้นที่ได้สัมผัสมัน
แต่ทางด้านอเล็คกลับตัวสั่น
เมื่อคิดว่าอาการนิ่งเงียบของแม็กนัสเกิดจากการที่เจ้าตัวโกรธ
............โกรธที่เค้าเข้ามาในห้องของแม็กนัสโดยพละการ...........
ฉันรู้ว่านายไม่อยากให้ฉันเข้ามาสินะ......ขนาดยืนคุยกับฉันต่อหน้าคนอื่นนายก็ยังไม่อยากเลย...........อเล็คตัวสั่นเทิ่มและเริ่มร้องไห้ สิ่งที่เค้าเกลียดก็คือการร้องไห้ แต่สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือ
การโดนแม็กนัสเกลียด........อเล็คเลยเกลียดตัวเอง
ทำให้แม็กนัสไม่พอใจอีกแล้วอเล็ค นายนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ เค้าอุตส่าห์ช่วยนายไว้ตั้งหลายครั้ง
แค่ทำเรื่องให้เค้าพอใจแค่นี้นายก็ทำไม่ได้.....นายมันไม่เอาไหนอเล็ค
ไม่เอาไหน........
ทำอะไรก็ถูกเมินเฉยไปซะหมด
เพราะงั้นเค้าเลยพยายามอยู่ห่างๆ แม็กนัสไว้ ทั้งๆ ที่จริงแล้วอยากจะวิ่งเข้าไปหาร่างสูงนั่นใจจะขาด............อย่างที่เคยทำตอนเด็กๆ............. แต่ก็ต้องฝืนใจตัวเองไว้ เพื่อความพอใจของแม็กนัสเอง
............ฉันอยากให้นายเป็นเหมือนเมื่อก่อนมากนะ แต่ฉันรู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว นายเองก็ต้องเปลี่ยนเพื่อตัวนายเอง.........ฉันนึกอยากเปลี่ยนแบบนายบ้าง แต่ไม่ว่าจะพยายามสักกี่ครั้ง ฉันก็ไม่เคยทำได้เลย......
อเล็คยังคงยึดติดกับมิตรภาพวัยเด็กที่ร่างสูงผิวสีแทนตรงหน้านี่เปรียบเสมือนฮีโร่ของเค้า
......ฉันอยากให้นาย..........
“อึก.......ฮึกก” ........ช่วยปลอบฉันเหมือนเมื่อก่อน........และท้ายที่สุดอเล็คก็เก็บเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ไหว คนตัวเล็กทั้งเสียใจและกลัวว่าจะถูกผลักไสอีก จนต้องปล่อยน้ำตาออกมา
“อเล็คนายหยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะ.....” แม็กนัสพูด
“ฮึก ฮือออ.......” อเล็คร้องไห้หนักกว่าเดิม
แม็กนัสถอนหายใจอย่างหนักหน่วง...........กลายเป็นว่าเค้ากำลังทำให้เพื่อนตัวเล็กร้องไห้อย่างงั้นหรือ.............
ให้ตายสิหยุดร้องไห้สักทีเถอะน่า......แม็กนัสคิดในใจ
อย่าทำให้สิ่งที่ฉันตั้งใจทำเพื่อนาย
มันไม่ได้อะไรขึ้นมาสิ
ในขณะที่อเล็คกำลังตัวสั่นและร้องไห้เพราะความกลัวอยู่นั้น แม็กนัสก็กำลังรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก..........ไม่พอใจตัวที่สงสารอเล็คมากเกินไป ถ้าไม่คอยโอ๋มากเกินไปขนาดนี้ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้หรอก..........
“ขอบใจมากนะแม็กนัส ที่ช่วยมาเป็นนายแบบให้กับแบรนด์ของเรา ผู้จัดการดูพอใจมากเลยล่ะ
แล้วก็ได้เสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีเลยด้วย........เอางี้สิ นายไม่ลองเซ็นสัญญากับทางเราเป็นเวลาสิบปีดูเลยล่ะ พ่อกับแม่นายเค้าก็เห็นด้วยนะ
คงจะดีใจมากที่ลูกชายหาเงินได้เก่งขนาดนี้........ระยะเวลาสิบปีนายจะมีเงินมหาศาลจนใช้ไม่หมดทั้งชาติเลยนะ.....ทำให้พ่อแม่สบาย เป็นลูกกตัญญูคนไหนก็ทำกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ........”
“ต้องอย่างนี้สิ.......นายฉลาดมากที่เลือกแบบนี้ หลังเรียนจบแล้วนายคงจะไม่ว่างไปเลยล่ะ
เพราะต้องวิ่งวุ่นรับทั้งงานรับทั้งเงินยังไงล่ะ ฮ่าๆๆ......”
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
หลังจากนั้นเค้าก็มีงานมาให้ทำตลอด อย่าว่าแต่หลังเรียนจบเลย
ร่างสูงเองก็เกือบแย่เพราะมัวทำแต่งานจนไม่ได้สนใจเรื่องเรียนเลย..........เพราะอย่างงี้ไง
ถึงต้องตีตัวออกห่าง เพราะ “ไม่ว่าง” เลยไม่มีเวลามาคอยอยู่เป็นเพื่อนอเล็ค ถ้าจู่ๆ หมอนั่นล้มลงทั้งๆ
ที่ไม่มีเค้าคอยฉุดมือให้ลุกขึ้นก็จะต้องแย่แน่ๆ ถ้าวันนั้นเป็นวันที่เราต้องทำหน้าที่รับผิดชอบในชีวิตมากเกินไป..........ถ้าวันนั้นเราโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วด้วย
หลังจากโดนทาบทามจากแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังแล้ว แม็กนัสแทบไม่มีเวลาว่างเลย นอกจากกลับเอาหัวมามุดหมอนที่บ้านแล้ว
เวลาที่เหลือก็ยกให้งานหมด ทั้งถ่ายแบบและโฆษณา จึงไม่มีเวลาให้เพื่อนตัวเล็กเลย
จะบอกว่าแม็กนัสสงสารอเล็คก็ได้ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วร่างสูงสะโอดสะองเป็นคนที่ค่อนข้างรักความยุติธรรม
เห็นคนอ่อนแอกว่าโดนรังแกไม่ได้และเพื่อตัวเล็กก็เข้าข่ายนั้นเสียด้วย แม็กนัสจึงอดยืนมือเข้าไปช่วยอย่างเสียไม่ได้ แต่ด้วยความที่ว่าเค้าต้องออกไปทำงาน และไม่มีเวลาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
แม็กนัสจึงคิดว่าเค้าควรปล่อยให้อเล็คอยู่คนเดียวอาจจะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องการก็ได้
อเล็คต้องเข้มแข็งและกล้าหาญเมื่อไม่มีเค้า และพอเริ่มออกไปทำงานของตัวเองอย่างเต็มตัว แม็กนัสคิดว่าจะไม่ได้เห็นอีกคนเดินตามตัวเองต้อยๆ อีกแล้ว แต่ที่ไหนได้ อเล็คกลับมาวนเวียนอยู่หน้าห้องเค้าแทบทุกวัน แล้วแถมวันนี้ยังเข้ามาในห้องเค้าแบบคาดไม่ถึงอีกต่างหาก!
คีย์การ์ดนั่นนายเอามาได้ยังไงอเล็ค......
ไม่ได้!...... แม็กนัสจะต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด.....นายจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด ถ้าไม่พูดอะไร อเล็คก็จะไม่ยอมออกห่างจากนายสักทีสิ.................
“อเล็ค ฉันขอสั่งห้ามนายเข้ามาในห้องฉันอีก”
คำพูดตรงประเด็นแบบไม่ประนีประนอมของร่างสูงทำเอาคนตัวเล็กถึงกับช็อค อเล็คหยุดร้องแล้วหันมองแม็กนัส
นายโกรธฉันถึงขนาดนี้เลยเหรอ.........ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนะ ฉันขอโทษที่เอาคีย์การ์ดห้องนายมา
แต่ฉันก็ทำไปเพราะหวังดี........เพราะหวังดีกับนายนะ........
---------------------------------------------------------------------------------------
อ๊ากกกกกกก แกจะเอายังไงแม็กนัสสสส
จะดูแลอเล็คหรือจะฆ่าเค้ากันเเน่ฟะ!!!
อึก สงสารตัวเล็กสุดหัวใจ
เม้นๆๆๆๆๆ กันด้วยนะค่าาาา^^
รักทุกท่านค่ะ
ด้วยรักและเเรงหื่น
Ray
- Aund -..-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น