วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[FIC – The Maze Runner] + [Part 2] The Scorch Trials – Minho x Thomas [The Maze Runner 2]


  



สวัสดีค่ะรีดๆ ที่เคารพรักทุกท่านขาา M_ _M  มาแล้วค่ะ //แอบช้า เพราะทะเลาะกับเน็ตเจ้าเก่าอีกแล้วค่ะ YUY// Part ที่แล้วเกริ่นๆ เรื่อง  Part นี้ก็เกริ่นค่ะ 55555  แต่มีเกล็ดที่รีดจิต้องค่อยๆ เก็บไปเรื่อยๆ ค่ะ  อย่างที่ไรทืได้บอกไปว่าต้องอ่านให้จบก่อนค่ะแล้วเอาทุกอย่างมารวมกันและตอบคำถาม //เดี๋ยวสิ เราไม่ได้เรียนอยู่//

ป้วดดดดดดดด!! หน่อยเฟสค่ะ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  เข้าไปทักทายเซย์ไฮ  คุยกันได้นะคะ  ไรท์ชอบค่ะ  ช่วงที่ไรท์เงียบไปบางทีก็เหงาค่ะ เห็นมีรีดเข้ามาคุยด้วยแค่นั้นก็ก็มีกำลังแล้วค่ะ ><

ง้วงงงงง อย่าให้เสียเวลา ไปอ่านกันเลยล่ะกันเนอะ ^^



------------------------------------------------------------------------------------------------




“โอ้ ให้ตายเถอะ...พวกเราวิ่ง!” นิวท์ออกคำสั่งทลายอาการขาแข็งที่เกิดขึ้นเมื่อเจอแครงค์ของพวกเค้า  ถึงแม้จะไม่เจ้าแผนการและชอบพาเพื่อนรนหาเรื่องเหมือนโทมัส แต่เค้าก็รู้ว่าควรต้องทำอะไรในกรณีเช่นนี้ 

แต่ครั้งนี้นิวท์ไม่รู้ว่ามันเป็นผลมาจากโทมัสไหม  พวกเค้าออกวิ่งและภาวนาขอให้หนีรอดปลอดภัยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

เด็กหนุ่มสาววิ่งตามกันไปเป็นขบวนเหมือนกลุ่มนักเรียนมัธยมที่มีเรื่องน่าตื่นเต้น  รีบร้อนมากเกินไปจนไม่ได้ปิดไฟฉายที่ต่างคนต่างถือมันแกว่งไปมาเรียกร้องความสนใจจากพวกแครงค์อีกทอดหนึ่ง

“เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่!” ฟรายตะเบ็งเสียงตามหลังมินโฮไปติดๆ ชายหนุ่มเอเชียรูปร่างกำยำกำลังพยุงหญิงสาวคนเดียวของกลุ่มให้หลุดพ้นจากอาการเข่าอ่อน  เทเรซ่า...เธอดูเหมือนไม่ไหวแล้ว  ทุกคนเบรกฝีเท้าตรงหัวมุมหนึ่งเพื่อเข้าไปหาทางหนีต่อ  มินโฮผลักเทเรซ่าเข้าไปในนั้นและเป็นคนสุดท้ายในบรรดาเพื่อนที่ผลักไส้เร่งกันกรูเข้าไปในตรองแคบๆ ตรงหัวมุมนั่น

ชายหนุ่มร่างสูงไม่ได้มีทีท่าจะเบียดเสียดเข้าไปเหมือนเพื่อนๆ แต่อย่างใด  มินโฮยืนจังก้าอยู่ตรงนั้นส่องไฟฉายไปหาโทมัสกับนิวท์ที่วิ่งตามมาเป็นสองคนสุดท้าย

“โทมัส  นิวท์...เร็วเข้า!” เค้าเร่งและหวังไม่อยากให้ระยะทางห่างไกลเท่านี้  มินโฮอยากจะตะโกนถามว่ามัวแต่ทำอะไรกันอยู่ทำไมถึงได้มาช้านักเพราะพวกแครงค์ที่วิ่งมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั้นแทบจะกระชากเสื้อของนิวท์ได้อยู่แล้ว

“เร็วเข้า!” มินโฮหันไปมองดูเพื่อนๆ ที่ต่อแถวกันเข้าไปในตรอก สลับกับมองหน้าโทมัสที่ห่อตะบึงมาหาเค้าอย่างรวดเร็ว โดยมีนิวท์ที่รั้งอยู่ท้ายสุด  แอริสคอยระวังแครงค์ให้อย่างรู้หน้าที่อยู่ข้างๆ เพื่อนชาวเอเชีย “เร็วอีก เร็วอีก!”  แต่โชคร้ายที่ความระทึกขวัญก็ไม่ได้น้อยลงเลย เมื่อจู่ๆ มีแครงค์ปริศนากระโจนทะลุกระจกพุ่งเข้าใส่นิวท์และทำเค้าล้มลงไปกองอยู่กับพื้นจนทำให้โทมัสที่อีกนิดเดียวจะถึงอ้อมอกของมินโฮเป็นอันต้องชะงักไป  เด็กหนุ่มเบรกจนตัวแทบลื่นล้ม

“นิวท์!!” มินโฮกับโทมัสตะโกนขึ้นพร้อมกัน แต่เป็นเด็กหนุ่มร่างบางเองเสียเองที่อาสาหันวิถีเบนทิศวิ่งกลับไปหาเพื่อนที่กำลังถูกแครงค์นั่งทับ

เพื่อนช่วยด้วย!” นิวท์ที่ได้ยินเสียงกระจกแตกกระจายยื้อหยุดฉุดรั้งกับแครงค์หน้าตาน่าสยองที่อยู่บนตัวของเค้าอย่างเต็มที่  โทมัสอยู่ไกลเกินไป พอมาถึงตัวเค้านิวท์อาจจะโดนกัดไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้  แต่ทันใดนั้นเองเสียง ปุ้บ! ก็ดังขึ้นมาจากที่ใดก็ไม่อาจทราบได้  มีบางสิ่งเจาะเข้าที่ข้างขมับของแครงค์ซึ่งปลุกปล้ำอยู่กับนิวท์อย่างบ้าคลั่งจนสิ่งนั้นทะลุออกไปอีกข้าง  ก่อนแรงอัดที่ทำเอาหัวโยกนั้นจะส่งผลให้มันกระเด็นทะลุกระจกกั้นทางเดินตกลงไปกระทบกับพื้นชั้นล่างอย่างไม่ต้องเดาตอนจบ 

นิวท์มึนงงเช่นเดียวกับมินโฮที่ยืนแข็งมองสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่กับที่ ก่อนฝูงแครงค์ที่ตามพวกเค้ามาแต่ไกลจะเริ่มล้มหายตายไปทีละตัวอย่างไรสาเหตุ  แอริสลดไม้เบสบอลลงในตอนที่ทำท่าจะเดินไปหาฝูงแครงค์เสียเอง มินโฮจับอกเสื้อเค้าไว้

“โทมัสเอาเค้ามาเร็ว!” ชายหนุ่มเอเชียตะโกนและโยนแอริสเข้าไปในตรอก  โทมัสกับนิวท์กลับมาเข้าขบวนได้สำเร็จ แต่โชคก็ยังไม่ถึงกับเข้าขั้นว่าดีเมื่อยังมีแครงค์สามสี่ตัวที่ตามเข้ามาอุดทางเข้าตรอกเอาไว้ประจวบเหมาะกับที่เด็กๆ เจอทางตันพอดี

“เปิดมันเร็วเข้า  ฉันจะกันเอาไว้ให้!” วิสตันบอก เค้ามีปืนที่ได้มาจากพวกผู้ใหญ่และใช้มันยิงแครงค์อย่างจำเป็น  จนกระทั่งประตูเปิดออกและทุกคนก็เรียงตัวกันเข้าไปในนั้นอย่างรวดเร็วแต่วินสตันได้รับบาดเจ็บจากการโดนแครงค์รุมข่วน ทว่าทางออกกลับไม่ได้ตันอีกต่อไปแล้ว  เด็กๆ ทุกคนหนีออกมาได้สำเร็จและขดตัวอยู่ในที่ซ่อนใต้ซากปรักหักพังจนถึงเช้า.....



*******************************************************************************



จนกระทั่งรุ่งอรุณ  แสงอาทิตย์ก็สาดส่องพร้อมกับไขความลับของทุกอย่าง  ในตอนนี้ไม่มีแครงค์แล้วทุกคนจึงสันนิฐานว่ามันอาจไม่ชอบแสงอาทิตย์แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เด็กชาวทุ่งทุกคนตกตะลึงที่สุดก็คือสิ่งปลูกสร้างระฟ้าที่ถูกทิ้งร่างและปล่อยให้ทรุดโทรม   ตึกพวกนี้สูงใหญ่และแออัดเบียดเสียดกันอยู่ใต้การทับทมของทะเลทราย  ราวกับว่าที่แห่งนี้เคยรุ่งเรืองมาก่อนแต่ทว่าบัดนี้กลับดูเงียบเหงาอย่างน่าหดหู่กลายเป็นที่อยู่อาศัยของพวกแครงค์กระหายเลือด

ทุกคนออกเดินพร้อมกับสำรวจไปพลางอย่างเงียบๆ ในใจเกิดคำถามมากขึ้นทุกที  มินโฮอยากถามถึงเรื่องเมื่อคืนที่โทมัสกับนิวท์เกือบโดนแครงค์รุมทึ้งว่าทำไมถึงได้มาช้านักซึ่งนั่นสร้างความหวาดหวั่นในใจของมินโฮได้อยู่ไม่น้อยเลย  ซึ่งการเกาะกลุ่มเพื่อความปลอดภัยก็ทำให้เรื่องการถามไถ่นั้นเป็นไปได้ด้วยยากยิ่ง  มินโฮเดินอยู่ข้างโทมัสและรอให้เพื่อนๆ เมินเค้าทั้งสองไปซะ ก่อนหนุ่มเอเชียจะหันไปสังเกตเห็นสมาชิกใหม่ที่ตั้งหน้าตั้งตาสำรวจโลกภายนอกแต่กลับดูหม่นหมองลงไปเสียถนัดตาในตอนนี้

“เป็นอะไรรึเปล่าแอริส?” เค้าถาม  โทมัสที่เดินอยู่ข้างๆ จึงหันไปมองเด็กหนุ่มผอมแห้งด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน แต่คนถูกถามกลับเพิ่งจะให้ความสนใจคลายกับคนเหม่อลอยที่ถูกสะกิดถาม มินโฮจึงย่ำกล่าวไปอีก

“นายโอเครึเปล่า?” เค้าถามให้ชัวร์เผื่อแอริสโดนแครงค์เล่นงานมาแล้วไม่ได้บอกเพื่อน  แต่ก็ไม่ใช่

“อ๋อ ปละ เปล่าหรอก  ไม่มีอะไรฉันสบายดี” เค้าฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วงแต่โทมัสก็เป็นห่วงมากกว่าเดิมสองเท่าไปแล้ว

“นายแน่ใจนะ?” คนตั้งคำถามคนที่สองว่า เพราะดูแอริสเหม่อลอยเสียเหลือเกิน

ไม่ ไม่มีอะไรจริงๆ นะ” คนถูกรุมถามกระพริบตาก่อนจะยิ้มออกมาโดยไม่ต้องใช้คำว่าฝืน “พวกนายสองคนดูสนิทกันจังเลยนะ” เค้าตั้งข้อสังเกตบ้างและคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่มีคนสนิทกันแม้ในตอนที่เรื่องราวเลวร้ายแบบนี้

แต่โทมัสหยุดเดินไปชั่วขณะก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนมินโฮที่ซึ่งมีใบหน้าเหรอหราไม่แพ้กันดึงกระเป๋าสะพายหลังให้ออกเดินต่อไปด้วยกันอยู่เคียงข้าง

“เอ่อ ใช่ เราเป็นนักวิ่งเหมือนกันน่ะ”

นักวิ่งงั้นเหรอ?” แอริสไม่ข้องใจในความสนิทสนมของทั้งสองแล้วแต่กลับฉงนกับคำว่านักวิ่งในวงกตของเด็กทุ่งแทน  ก่อนมินโฮจะรับหน้าที่ต่อเพราะเค้าเป็นนักวิ่งอาวุธโสที่ค่อยช่วยเหลือโทมัสมาโดยตลอด  ชายหนุ่มเอเชียรูปร่างกำลังยกยิ้มเล็กน้อยราวกับภาคภูมิใจ

“นักวิ่งก็คือพวกที่เข้าไปสำรวจเส้นทางในวงกตยังไงล่ะ  แต่ว่าวิกเก็ตชอบเล่นตลกกับพวกเราเสมอวงกตของเราเลยมีการเปลี่ยนตัวตามเซ็คชั่นต่างๆ ไปเรื่อยๆ แต่นั่นเรื่องจ้อย ถ้านายเจอสัตว์ประหลาดประจำเซ็คชั่น พวกมันจะคอยวิ่งไล่กวดนายแล้วก็ต่อยนายด้วยพิษของมัน” เค้าว่า  ฟังดูคล่องแคล้วเมื่อเล่าเรื่องคราวๆ ให้เพื่อนใหม่ฟังเพราะว่าเค้าเป็นคนที่รู้ดีเรื่องวงกตมากที่สุด  แอริสเมื่อฟังดังนั้นแล้วก็หันมองพื้นใต้เท้าตัวเองไปครู่หนึ่ง

“งั้นเหรอ  งั้นนักวิ่งของพวกนายก็คงจะเมือนกับนักสำรวจเส้นทางในวงกตของพวกเราล่ะมั้ง” เค้างึมงำ และกลายเป็นเด็กทุ่งสองคนนั้นบ้างที่ทวนคำเป็นเชิงถามกับแอริส  เด็กหนุ่มผอมแห้งบอกว่า นักสำรวจเส้นทาง ในวงกตของเค้าก็เหมือนกับ นักวิ่ง อย่างมินโฮกับโทมัสนั้นเอง  พวกนั้นคอยหาทางออก สำรวจเส้นทางและเป็นมากมายกว่านั้นในบางเวลา

“พี่ฉันเองก็เป็นนักสำรวจเส้นทาง  เค้าเป็นคนเดียวที่สามารถสำรวจและวิ่งหนีแดนมรณะชั้นในสุดของวงกตออกมาได้” แอริสพูดฟังดูแสนเศร้า “แต่หลังจากครั้งแรกเค้าก็เข้าไปอีกหลายครั้งเลย” เด็กชายต่างวงกตฝืนยิ้มอีกทำเหมือนกับว่ามินโฮและโทมัสทำให้เค้านึกถึงพี่ของตัวเอง  แต่มินโฮหันมาเบรกเบาๆ

“เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะ เค้า งั้นเหรอ  พี่นายเป็นผู้ชายงั้นเหรอไหนบอกว่าวงกตนายมีแต่ผู้หญิงยังไงล่ะ?” คำถามของหนุ่มเอเชียสะกิดเข้าหูของคนทั้งกลุ่มและเรียกสีหน้าฉงนสนใจจากพวกเค้าได้เป็นอย่างดี  แอริสจึงยักไหล่แล้วเอ่ยไขความข้องใจเรียบๆ

“ใช่ วงกตฉันมีแต่ผู้หญิง ยกเว้นฉันกับพี่แล้วก็เพื่อนของพี่อีกสามคน พวกเค้าตายไปแล้วสองคนเมื่อปีก่อน” แอริสถูกมุงมองหน้าทั้งๆ ที่ทั้งกลุ่มก็เดินไปด้วยและถูกรุมล้อมจนมาอยู่กลางวงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้ “พวกนั้นอยากจะโชว์ภูมิน่ะว่าตัวเองก็สามารถเข้าไปในแดนมรณะได้เหมือนกับพี่ของฉัน เค้าไม่ได้อยากอวดดีหรอก...พวกนายรู้ใช่ไหม? พี่ชายฉันแค่ต้องเข้าไปสำรวจเส้นทางข้างในนั้นก็เท่านั้น แต่พวกผู้หญิงก็ทำให้สองคนนั้นรู้สึกเสียหน้าอย่างแรง เลยอยากพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้แพ้เค้าเลยแม้แต่น้อยและมันเป็นการกระทำที่โง่เง่ามากที่สุดตั้งแต่ฉันจำความได้  พวกเค้าตายเละคาแดนมรณะเลยตอนที่พี่ฉันเข้าไปพบเข้า”

นิวท์ทำหน้าเห็นใจ “มันคงแย่มากเลยสินะ  พวกเราไม่ควรได้รับความสูญเสียโดยเฉพาะกับเรื่องโง่ๆ ที่เกิดขึ้นจากตัวเอง” เค้าตบบ่าแอริส “แต่พี่นายก็เก่งใช้ได้เลยนะที่ไม่ตายน่ะ  งั้นหลังจากนั้นวงกตนายก็เหลือผู้ชายแค่สามคนเองสินะ”

“แล้วทำไมตอนแรกนายถึงบอกกับคนอื่นว่านายเป็นผู้ชายคนเดียวในวงกตกันล่ะ?” มินโฮถามขึ้นอีก

“เพราะพี่ฉันเป็นคนบอกไว้น่ะ  เค้าไม่เคยไว้ในอะไรเลยเหมือนกับนิวท์” แอริสหันไปมองนิวท์ ซึ่งอันที่จริงนิวท์ทำให้แอริสนึกถึงพี่ชายของตัวเองมากที่สุด ชายหนุ่มผมบล์อนเหมือนบุคคลดังกล่าวในหลายๆ ด้าน “แล้วก็กล้าหาญเหมือนโทมัส” คราวนี้หันไปหาโทมัสที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังบ้างก่อนจะกลับมาหานิวท์ใหม่ “เค้าดึงดันอย่างอันตรายแต่ก็ทำไปเพื่อครอบครัวทุกคน” แอริสพูดกับนิวท์คล้ายๆ จะบอกว่าความดื้อดึงอย่างมีความเป็นผู้นำนั้นแอริสก็เคยเห็นมันในตัวพี่ชายของตัวเอง

“พี่ชายนายเป็นหัวหน้างั้นเหรอ?” ฟรายถาม เค้าเองก็อยากมีส่วนร่วม

“ไม่  ไม่ใช่หรอก พวกผู้หญิงมีมากกว่าเราเค้าเลยให้พวกเธอแต่งตั้งกันเอาเองน่ะ  มีแค่ฉันกับพี่แล้วก็แดเนียลเท่านั้นที่เป็นผู้ชายเลยต้องตามน้ำพวกเธอไป” แอริสยักไหล่ “แดเนียลเป็นซี้ของพี่น่ะ  ส่วนฉันก็กินแห้วตลอดเวลาเข้าไปจีบสาว” ทั้งกลุ่มฮาครืน  แต่โทมัสกลับหยุดเดินไปเสียดื้อๆ เค้าอยู่รั้งท้ายจึงได้ยินอะไรๆ ได้ดีกว่าคนอื่นในกลุ่ม

“ฮ่ะๆ แล้วตอนนี้พี่ชายของนายไปอยู่ไหนซะแล้วล่ะแอริส?” ฟรายที่เดินตามวินสตันหัวเราะก่อนจะถามอีก  แต่โทมัสกลับบอกให้ทุกคนเงียบ

“เงียบ...เงียบก่อนทุกคน เงียบก่อน” เค้าหยุดกึกพร้อมกับมินโฮที่เดินย้อนกลับมายืนอยู่ข้างๆ และถามว่ามีอะไรอย่างนั้นหรือ

ก่อนทั้งคู่จะได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่างที่ไม่สามารถจำแนกได้เนื่องจากยังฟังไม่ชัดเจนนัก  แต่ทว่าจู่ๆ มินโฮกลับได้ยินเสียงที่ดังชัดเจนมากกว่านั้น มันถี่รัว  หนักแน่น  และรวดเร็ว  หนุ่มเอเชียใช้มือดันเบาๆ ไปที่อกของโทมัสเป็นเชิงว่าให้ถอยไป ก่อนที่อีกฝั่งหนึ่งของถนนที่พวกเค้ากำลังยืนอยู่จะปรากฏเงาหนึ่งพาดผ่านขึ้นพร้อมกับเสียงออกแรงส่งตัวให้ดีดขึ้นกลางอากาศในลำคอ

มีคนกระโจนลงมาจากซากปรักหักพังแล้วกระชากตัวมินโฮกับโทมัสเข้าไปกระแทกกับใต้ซากตึกที่สามารถใช้หลบแสงแดดได้อย่างมิดชิด แต่เรื่องหลบแดดนั้นไม่ใช่ประเด็น  มีเสียงตะโกนอย่างตกใจดังขึ้น  นิวท์จึงดึงไม้เบสบอลจากกระเป๋าหลังของแอริสออกมาเตรียมตั้งรับ.....เร็วมาก  อาจเป็นพวกแครงค์  แต่แล้วกลับมีอีกการเคลื่อนไหวหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วผลักทุกคนเข้าไปใต้ซากตึกที่เดียวกับที่มินโฮและโทมัสหายไป  แอริสเป็นคนสุดท้ายที่เพิ่งมีความรู้สึกตื่นตัว  เค้าคลำหาไม้เบสบอลที่หายไปของตัวเองก่อนจะโดนแบกขึ้นหลังแล้ววิ่งเข้าไปสมทบเป็นคนสุดท้ายที่ตกหล่น

แอริสดีดดิ้นสุดชีวิต ก่อนจะถูกวางลงบนพื้น  เห็นสีหน้าตื่นตกใจระคนไม่พอใจของคนอื่นๆ ก่อนเด็กหนุ่มผอมแห้งผู้ซึ่งถูกพาตัวมาเป็นคนสุดท้ายจะหันไปเจอคนที่กำคอเสื้อของมินโฮไว้ไม่ให้ต่อยหน้าของเจ้าตัวได้  แอริสหันไปสบตากับคนที่แบกเค้าเข้ามาแล้วหันไปมองชายที่รักษาหน้าตัวเองไว้จากกำปั้นของมินโฮก่อนจะกู่ร้องออกมาอย่างสุดเสียง

แอช” แอริสรู้สึกเหมือนโดนช็อตไปทั่วทั้งตัวจนชาดิก ไร้การรับรู้ใดๆ  ความรู้สึกที่ขาวโพลนพุ่งแล่นครอบงำทั้งสมองไปชั่วเสี้ยวนาที

“โอ้พระเจ้า แอช!


.



.



.



TBC.



---------------------------------------------------------------------------------------------



โอ้ พระเจ้า แอชช! ออกมาแล้วค่ะ >{}<! รีดๆ ขาา  ตัวละครเสริม (เสร่อ) ของไรท์ออกมาแล้วค่ะ  เอ้ยยย  แต่คนๆ นี้เค้าไม่ใช่ตัวละครเสร่อจริงๆ นะคะ  ไรท์ให้เค้าออกมาเพื่อเป็นอีกส่วนหนึ่งของการพลิกเรื่องของไรท์ค่ะ (บอกให้ออกมาเอง เพื่อพลิกเรื่องที่ตัวเองแต่ง -*- 55555)

แอชคนนี้เป็นใคร?  คาดว่ารีดๆ หลายท่านก็น่าจะพอเดาออกกันแล้วนะคะ >< เค้าจะเป็นคนประเภทเดียวกับคำนิยามประมาณว่า....โอ้ พ่อคุณหล่อล่ำ! อะไรประมาณนั้นล่ะนะคะ 555555  จินตนาการเอง  ถ้าหากพระเจ้าประทานพรสวรรค์ในการวาดรูปให้ไรท์แล้วล่ะก็ ไรท์คนนี้ก็คงจะวาดชายผู้นี้มาให้รีดๆ ได้ชมและนึกภาพตามท้องเรื่องต่อไปได้อย่างสะดวกและไม่สะดุดเลยล่ะค่ะ  แต่ว่า โถ่ กรรม

ไรท์บอกตัวเองว่าอย่าจับดินสอวาดรูปอีกตลอดชีวิตเลยหนา Ray – Aund TUT  รันทดใจมลพิษตาสุดๆ  5555555  โอเคค่ะ สำหรับ Part นี้ก็ดูเหมือนจะน้อยล่ะเนอะ  น้อยอีกล่ะ ฮาา  รอติดตามชม Part หน้านะคะ  อดใจรอไม่นานค่ะ  เพราะหลังจากขึ้นเขียงสอบพรุ่งนี้ วันพุธไรท์ก็ว่างค่ะ 555555  อูยยยยยย พูดถึงสอบ ยังไม่ได้อ่านเลยค่าาา 5555555  บ้าจริงงง  ขอตัวไปอ่านหนังสือสอบก่อนนะคะ  รักีดทุกท่านค่ะ >///<

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




ไม่มีความคิดเห็น: