**คำเตือน =
สปอยล์อย่างรุนแรง**
อร๊ายยยยย หนุ่งโทมัสสสส
>< !! น่ารักแต้ๆ เลยค่ะ ฮืมมมมม
ตัวบางๆ หน้าตาตื่นๆ เหมือนหมาน้อยเลยค่ะ(?)
ฮึๆๆ น่ารักกก แค่เห็นเค้าหอบอยู่ในกล่องตอนแรกก็รู้แล้วค่ะว่าต้องเป็นเคะ......หอบซะหมดความแมน
ตอนแรกที่ไปดูแล้วกลับมาเขียน
ไรท์ก็คิดว่าจะไปดูซ้ำอีกรอบค่ะเพื่อให้บทแป๊ะ ฉากแป๊ะ.....แต่อินี่ไม่ว่างไปจ้าาา มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ 555
ยังไงก็ต้องขออภัยด้วยนะค่ะถ้าหากพิมพ์ผิดหรือฉากไม่ตรงไม่ใช่ยังไง
เพราะไรท์ยิ่งฟินยิ่งรีบค่ะ TvT
คิดซะว่าเป็นเรื่องตามแบบฉบับสาววายล่ะกันนะคะ (ปรกติแกพิมพ์ผิดทุกเรื่องหนิ)
ไม่พูดมากและ
ไปอ่านกันเลยค่าาาาา
---------------------------------------------------------------------------------------------
ที่นี่ที่ไหน..........
มืด......มันมืดเหลือเกิน กลิ่นเหม็นอับ แล้วก็......กลิ่นอะไรเหม็นๆ
สักอย่างนี่แหละ มันลอยฉุนมาเตะจมูกผม
แต่นั่นไม่สำคัญพอที่จะทำให้ผมย่นจมูกแล้วทำหน้าเบ้
เพราะตอนนี้ผมตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ให้ห้องๆ
หนึ่ง มันเหมือนห้องขัง
รอบตัวผมถูกล้อมรอบไปด้วยกรงรอบสี่ด้านและทันใดนั้น ตัวของผมก็เหมือนหวืดขึ้น ห้องแคบๆ
ที่ผมนั่งอยู่กำลังถูกดึงขึ้นไป........หรือบางทีมันอาจไม่ใช่ห้องขัง
ไม่ใช่ห้องๆ หนึ่งที่ขังผมไว้ออกไปไหนไม่ได้ แต่มันกลับเป็นเหมือนกล่องใหญ่ๆ ที่ใช้โดยสารเหมือนลิฟต์
ทันที่ทีรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกดึงขึ้นไปพร้อมกับสิ่งของต่างๆ
ที่อยู่ภายในลิฟต์....หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ
โอเค เอาเป็นว่าผมช่างมันไปแล้ว
เพราะตอนนี้ผมกำลังรู้สึกกลัวสุดขีด
ที่นี่ที่ไหนแล้วผมมาอยู่ในที่เหม็นอับตัวเปียกปอนแบบนี้ได้ยังไง แล้วทำไมผมถึงจำเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้! ผมไม่สามารถหาคำตอบอะไรได้เลย
ผมกำลังตื่นตระหนก.....กล่องลูกกรงมันเคลื่อนไปข้างบนเร็วมากขึ้นจนผมเกือบจะอ้วกและล้มลงกับพื้นตะแกรงใต้เท้า
แต่ดีที่เกาะลังไม้ไว้ได้ ใช่
หนึ่งในสิ่งที่ถูกส่งมากับผม ของหลายๆ
อย่างที่ผมต้องร่วมชะตากรรมหวาดเสียวไปกับพวกมัน
ยังไม่นับร่วมเจ้าหมูป่าน่าเกลียดที่โผล่หน้าออกมาจากกรงให้ผมเห็น
สาบานได้เลย มันเกือบทำผมหัวใจวาย แม้ว่ามันจะอยู่ในกรงของมันก็ตาม และมันก็ถูกส่งมาพร้อมกับผม
ถึงตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่ากลิ่นเหม็นแปลกๆ นั่นมาจากไหน
ผมหอบหายใจหนักเมื่อกล่องเพิ่มความเร็วขึ้นจนน่าหวาดเสี้ยว มีไฟสีแดงฉายขึ้นรอบด้าน....รอบตัวผม ผมเพิ่งสังเกตุเห็นว่าตัวเองเปียกโชกเหมือนเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ ผมสำลักอะไรบ้าง และผมหวาดกลัวจนตัวสั่น ผมหอบหายใจอย่างแรง มีเสียงดังน่ากลัวดังขึ้นและผมเห็น........
เห็นจุดสิ้นสุดของกล่อง นั่นมันเพดานนี่! แล้วทำไมกล่องถึงไม่ลดความเร็วลงเลยล่ะ!
มันเร็วคงที่จนผมเริ่มกลัวมากขึ้นจากที่ตอนแรกก็หายใจไม่ออกอยู่แล้ว ผมนอนลงกับพื้นตะแกรงอย่างทำอะไรไม่ได้
นี่ผมกำลังจะตายโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและไม่รู้ว่าตัวเองคือใครงั้นเลยหรือนี่!
โอ้ ไม่นะ
ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!........
ผมหูอื้อและหัวใจหยุดเต้น และหัวของผมก็ปวดตุ้บๆ หลังจากที่กล่องหยุด.......ผมเห็นแสงสว่างแยงเข้ามา ดังนั้นผมจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างหมดแรง.........เฮ้
มีคนอยู่หนิ พวกเค้าชูหัวเข้ามาดูผม
มองผมเหมือนเป็นคนอื่นแล้วคุยอะไรกันบ้างอย่าง......ผมไม่รู้
ไม่รู้แล้วว่าควรต้องทำไงต่อ ต้องทักพวกเค้าไปแบบไหน
และในตอนนั้นเอง ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งกระโดดลงมาในกล่องที่ผมนอนหงายอยู่
กระแทกลงมาอย่างแรงจนหัวของผมสะเทือนไปหมด
แล้วก็ขยุ้มคอเสื้อผมไว้
“วันที่หนึ่งเด็กใหม่”
เค้าพูด ก่อนจะโยนผมขึ้นไปแล้วผมก็จุกแอ๊ก
แต่ไม่แย่เท่าทุกคนที่มามุงดูผม และก็ยังมองผมเหมือนเดิม
แต่ว่าพวกเค้าหัวเราะเหมือนผมไม่ได้ใส่อะไรเลยยกเว้นกางเกงในสายเดี่ยวสีแดง
พวกเค้าทำให้ผมกลัว ใบหน้ามอมแมมและชุดขาดวิ่นที่พวกเค้าใส่มันทำให้ผมคิดว่าพวกเค้าอาจเอาผมไปเป็นมื้อค่ำวันนี้ก็ได้ใครจะไปรู้ ความกลัวยังคงอยู่กับผมไม่ได้ไปไหนไกล ดั่งเช่นตอนแรก อะดรีนาลีนพลุ่งพลานไปทั่วตัว ก่อนผมจะตัดสินใจลุกขึ้นแล้วออกวิ่งสุดชีวิต.......ไปข้างหน้าซึ่งผมก็ยังไม่รู้อีกนั่นแหละว่ามันคือที่ไหน เท่าที่ตาซึ่งส่ายส่องไปทั่วของผมสังเกตเห็น
รอบตัวของผมแวดล้อมไปด้วยต้นไม้และทุ่งหญ้าโล่งๆ พร้อมด้วยเด็กผู้ชายอีกนับสิบที่เรียงรายกันอยู่ทั่วไปกำลังมองมาทางผม
ราวกับว่าผมกำลังไปขัดชีวิตประจำวันของเค้าอยู่ยังไงยังงั้น เสียงหัวเราะยังคงไล่ตามผม
“เฮ้ย ดูเหมือนเราจะเจอนักวิ่งอีกคนหนึ่งแล้วสิ”
ผมไม่รู้เค้าพูดถึงเรื่องอะไร
และทันใดนั้นตัวผมก็หน้าคะมำ เสียงดังขึ้นเต็มหูผม
.............ใช่ ผมล้ม..........
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก
จนผมอยากจะตะโกนออกไปซะจริงว่าคนที่นี่มันทำอะไรไม่เป็นนอกจากหัวเราะกันแล้วหรืออย่างไร
ได้โปรดเถอะใครก็ได้บอกผมทีว่าผมอยู่ที่ไหน แล้วช่วยพาผมออกไปจากที่บ้าๆ
ที่มีแต่เสียงน่ารำคาญหูนี่เสียทีเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว............
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมคิดก่อนผมจะหมดสติไป
--------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------
--------------------------
--------------------------
---------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------
พอกันทีกับสถานที่บ้าๆ แห่งนี้ แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ต้องยอมรับความจริง ว่าผมจะต้องอยู่ที่นี่ ผมฟื้นขึ้นมาแล้วก็เจอกับ ‘อัลบี้’ เค้าพาผมทัวร์บอกว่านี่คือ ‘ทุ่ง’ และคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนก็คือ ‘ชาวทุ่ง’ (เพราะงั้น ผมเลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเค้าถึงอาศัยอยู่ในทุ่ง)
เค้าแนะนำให้ผมรู้จัก ‘นิวท์’ บอกว่ารายละเอียดปลีกย่อยที่เหลือเค้าจะเป็นคนบอกผมเอง และ ‘ชัก’ เด็กชายตุ้ยนุ้ยที่ดูแลเรื่องที่นอนของเด็กใหม่ทุกคนที่โผล่มาที่นี่
(รู้ไหม ชักดูจะดีใจมากเป็นพิเศษที่เจอผม
เพราะเค้าบอกว่าพอผมมา เค้าก็จะไม่โดนเรียกว่าเด็กใหม่อีกต่อไป)
และอัลบี้ยังบอกอีกด้วยว่าพวกเราทุกคนล้วนเป็นแบบผม
มาแบบผม เจอแบบผม และโดนอัลบี้พาทัวร์เหมือนกันกับผม คนที่ส่งเรามาจะส่งเด็กใหม่มาพร้อมกับทุกสิ่งที่พวกชาวทุ่งต้องการในแต่ละเดือนมาทางกล่อง
หรือใช่ ไอ้ห้องขังสุดหวาดเสียวที่เกือบทำผมอ้วกนั่นแหละ
แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกทึ่งและแย่สุดๆ
ก็คือกำแพงสูงใหญ่ที่ล้อมรอบเราเอาไว้ มันทำมาจากเอ่อ....ซีเมนท์นี่ล่ะมั่ง ดูแข็งแรงเอามากๆ เลยเหมือนเป็นคุกในที่โล่ง แต่ต่างกันที่ว่ามันเปิดช่องกว้างๆ
ช่องหนึ่งเอาไว้และเราสามารถเข้าไปได้ ผมถามนิวท์ว่าเราสามารถออกไปได้ไหม
และเค้าบอกว่า “ไม่มีทาง” เพราะนั่นเค้าหมายถึงไม่มีทางจริงๆ ในระหว่างที่เค้ารับช่วงต่อจากอัลบี้
(มีคนบอกว่าถ้าจะมีคนเป็นหัวหน้าต่อจากอัลบี้ได้ก็ต้องเป็นนิวท์นี่แหละ) นิวท์พาผมไปดูรอบๆ
ผมก็เห็นเด็กผู้ชายรูปร่างกำยำสองสามคนวิ่งออกมาจากช่องว่างระหว่างกำแพงตรงนั้น นิวท์บอกว่านั่นคือพวก ‘นักวิ่ง’ พวกเค้าจะวิ่งเข้าไปเพื่อสำรวจเส้นทาง.....หาทางออกไปจากที่นี่
แวบแรกผมดีใจ
แต่พอเค้าบอกว่าพวกนักวิ่งทำแบบนี้มาสามปีแล้ว กำลังใจผมก็ห่อเหี่ยวลงทันที
พวกเค้าวิ่งมาสามปีแล้วยังหาทางออกไม่เจออีกหรือไงนะ
หรือไม่...ถ้าหาไม่เจอแล้วก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องออกไปเสียแรงวิ่งให้เหนื่อยเปล่าๆ
เลยหนิ จนกระทั่งนิวท์บอกว่าข้างหลังช่องว่างนั่นเป็นวงกตนั่นแหละผมจึงได้เข้าใจ
ว่ามันมีเหตุผลที่พวกเค้าจะมีความหวังเช่นเดียวกับผมที่อยากออกไปจากที่นี่...............
และในคืนนั้นเอง คืนแรกของผมในทุ่ง
ในฐานะของชาวทุ่ง พวกชาวทุ่งทุกคนนั่งล้อมกองไฟแล้วสังสรรค์กัน ส่วนผมกับนิวท์ก็นั่งพิงขอนไม้มองไปที่ช่องว่างซึ่งถูกปิดลง เค้าบอกผมว่ามันมีเวลาปิดเวลาเปิดของมันเอง
และพวกนักวิ่งก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นเดียวกับเราทุกคน
พวกเค้าจะวิ่งเข้าไปตั้งแต่เช้าทันทีที่มันเปิดแต่พวกเค้าจะมารอเช้ากว่านั้น
และกลับออกมาจากวงกตในเวลาเย็นก่อนมันจะปิดลง
“แล้วถ้าเราไม่ออกมาล่ะ” ผมถามเค้าแต่ก็ยังคงไม่ละสายตาไปจากช่องว่างซึ่งถูกปิดของวงกต
“ไม่เคยมีใครอยู่ที่นั่นถึงข้ามคืน”
เค้าตอบผมและสายตาก็ยังคงไม่ละไปจากช่องว่างที่ถูกปิดเช่นเดียวกับผม
“ทำไม”
และทันใดนั้น เสียงโหยหวนก็ดังขึ้นข้างหลังวงกตนั้น
มันฟังดูสยดสยองและโหยหวนยิ่งนักจนผมรู้สึกขนลุกซู่ “นั่นอะไร” ผมนิวท์เสียงเบากว่าที่ตัวเองคิดไว้
“โศกา” เค้าตอบผมกลับมาอย่างราบเรียนเช่นเดิม และยังบอกอีกว่า ‘โศกา’ หรือจอมเขย่าขวัญที่อยู่ในวงกตนั้นจะถูกปล่อยออกมาในตอนกลางคืน เพ่นพ่านไปทั่ววงกต.....และถ้าใครยังอยู่ในนั้นกระทั่งตะวันตกดินล่ะก็......จะได้เป็นเหยื่อของโศกา
ถ้าหากคุณโดนโศกาต่อย
คุณก็จะกลายเป็นคนอื่นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคนบ้า จะมีบ้างอย่างผิดปรกติเกิดขึ้นกับคุณ และไม่ต้องรอจนคุณตายหรอก........ชาวทุ่งมีกฎ และพวกที่โดนต่อยจะต้องถูกเนรเทศเข้าไปในวงกตและไม่ได้กลับมาอีกเลย...........
นิวท์เคยบอกผมว่า บางครั้งโศกาก็กินพวกที่โดนเนรเทศไปเหมือนกัน.......พวกมันเป็นอสูรกายที่พวกเราคงไม่คิดอยากจะเจอเป็นแน่
หากยังอยากอยู่ในนี้แบบมีชีวิตรอด
หลังจากที่เรานั่งมองทิวทัศน์อันน่าหม่นหมองของกำแพงยามค่ำคืนไปได้สักพัก นิวท์ก็บอกให้ผมไปร่วมวงกับคนอื่นๆ เค้าแนะนำให้ผมดูคนแต่ละกลุ่ม เค้าชี้ไปทางกลุ่มเด็กหนุ่มที่จับกลุ่มอยู่กันเงียบๆ
ข้างกองไฟ
“นั่นพวกนักวิ่ง” นิวท์บอก ผมมองเห็นเด็กหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งกำลังนั่งแกะผ้าพันมือออกจากมือของเค้าเอง ถ้าผมมองไม่ผิดล่ะก็เค้าคงเป็นคนเอเชียและดูเค้าจะเงียบเอามากๆ
เสียด้วย
“อ๋อ นั่นคือ ‘มินโฮ’ ....เค้าเป็นหัวหน้านักวิ่ง” คงเป็นเพราะมองตามสายตาผม นิวท์เลยพูดแบบตรงจุด ผมมองเค้าแวบหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนนิวท์จะแนะนำกลุ่มของพวกชอบวางกล้ามให้ผมรู้จัก......ใช่
นั่นผมตั้งให้เองแหละ ดูเหมือนพวกเค้าจะเป็นพวกคอยระแวดระวังความปลอดภัยต่างๆ ให้ชาวทุ่ง เพราะแต่ละคนที่ผมเห็นมีแต่คนตัวโตๆ ร่างใหญ่กันทั้งนั้น และผมก็ได้รู้ว่าคนที่พูดกับผมคนแรกและโยนผมขึ้นมาจากกล่องนั่นคือ
‘กัลลี่’
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้าถึงได้เป็นหัวหน้าพวกชอบวางกล้าม หลังจากที่เค้าท้าให้ผมสู้กับเค้า.........กัลลี่ชอบหาเรื่อง แถมยังรับไม่ได้หากตัวเองแพ้อีกต่างหาก เอ่อ....ผมไม่ได้บอกนะว่าผมชนะเค้า
ผมก็แค่ทำเค้าล้มลงกับพื้นเฉยๆ แล้วหลังจากนั้นเค้าก็ทำคิ้วแปลกๆ
ใส่ผมและทำหัวผมกระแทกพื้น
และไม่รู้ผมควรจะขอบคุณเค้าดีไหม เพราะหลังจากที่หัวผมสะเทือนอยู่เหนือพื้นผมก็จำชื่อตัวเองได้ ใช่....ได้แค่นั้นแหละ
ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้ผุดขึ้นมาเลย
คืนนั้นจบลงด้วยการฉลองชื่อของผมที่กลับมาอีกครั้ง และเราก็เข้านอนกันด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ผมว่าคงจะยกเว้นกับพวกนักวิ่ง พวกเค้าดูเฉยๆ และไม่พิเศษกับกิจกรรมรอบกองไฟนี้เหมือนเพียงแค่มานั่งให้ชาวทุ่งดูพร้อมหน้าพร้อมตากันเท่านั้น คงเป็นเพราะพรุ่งนี้เช้าพวกเค้าคงจะต้องเริ่มออกวิ่งกันอีกครั้ง และถ้าเป็นไปได้ผมอยากลองเป็นนักวิ่งดูบ้าง
ผมอยากช่วยพวกเค้าหาทางออก.........ผมแค่อยากออกไปจากสถานที่เสมือนคุกนี้ไวๆ
ก็เท่านั้น.............
ผมขยับตัวหยุกหยิกไปมาบนเปลผ้าที่ชักผูกไว้ให้ ผมหนาวสั่นและกอดตัวเองอย่างไร้ประโยชน์ท่ามกลางเสียงกรนดังสนั่นหวั่นไหวของพวกเด็กหนุ่มในเต็นท์ คืนนั้นผมพลิกตัวไปมาบนเปลครั้งแล้วครั้งเล่าจนถอนหายใจกับตัวเองและกระซิบออกมาเบาๆ
ว่า
“นอนได้แล้ว ‘โทมัส’ ” กระทั่งความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียฉุดผมลงห้วงนิทราไปในที่สุด
********************************************************************
เช้าวันรุ่งขึ้นของที่นี่สำหรับผมเหมือนกันทุกเช้าคือ
ไปหานิวท์ดูสิว่าผมพอช่วยอะไรได้บ้างแล้วเค้าก็จะมอบหมายงานให้ผมทำ และงานที่ผมเกลียดที่สุดก็คือ “ไปเอาปุ๋ยมานะโทมัส.....”
เค้าบอก ผมถามว่าให้ทำอย่างอื่นไม่ได้หรือ?
เค้าก็เพียงแค่ยิ้มตอบกลับมาก็เท่านั้น
“แล้วมันอยู่ไหนล่ะ” ผมหยิบถังมาแล้วถามนิวท์อีก
“อยู่ในป่านี่แหละโทมัส...ไปเอาปุ๋ยมา”
ขอบใจ.....ช่วยได้มากเลยเพื่อน
แต่สิ่งที่ทำให้ผมเกลียดการไปเอาปุ๋ยในป่าและทำให้ผมกลัวฝังใจก็คือ..... 'เบน’ เค้าเป็นหนึ่งในนักวิ่ง ผมเจอเค้าขณะเข้าป่าไปเอาปุ๋ย
ผมทักเค้าและไม่แน่ใจว่าเค้าชื่อนี้รึเปล่า
แต่แล้วเค้าก็ทำให้ผมกลัวจนสุดขีดเมื่อเค้ามีสภาพเหมือนซอมบี้แล้วไล่ฆ่าผม บอกผมว่า.....ผม เป็นเพราะผมคนเดียว
ทุกอย่างเลยต้องเป็นแบบนี้...........
ผมไม่รู้ว่าเค้าพูดถึงอะไร เค้าเอาแต่พูดแบบนั้นแล้วก็วิ่งตามผมไปทั่วป่า ผมร้องตะโกนเสียงดังขอให้คนอื่นๆ
ช่วยจนกระทั่งเราสองคนลื่นไถลลงเนินป่าไปแล้ว.....ผมลุกขึ้นวิ่งไปที่ทุ่งแล้วตะโกนสุดเสียง
“ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!....ช่วยด้วยย!” เบนถึงตัวผมแล้วตะครุบผมลงกับพื้นอย่างแรง เค้าบีบคอผม แต่โชคดีที่นิวท์วิ่งเข้ามาฟาดหัวเค้าได้ทันก่อนเค้าจะฆ่าผมจริงๆ
ผมเกือบลมจับ และช็อคมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกนั้นบอกว่าเบนถูกโศกาต่อย และเค้ากำลังเปลี่ยน อัลบี้ส่งเค้าไปที่หลุม
ซี่งผมก็ไม่รู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเบน
พวกเค้าพูดกันว่าโศกาไม่เคยออกมาแล้วต่อยคนตอนกลางวันแสกๆ
มาก่อน หลายคนพุ่งเป้ามาที่ผมว่าทำให้เรื่องราวของพวกเค้ากลับเปลี่ยนแปลงไปกันหมด
ใช่ รวมทั้งกัลลี่ด้วย.....เค้าน่ะมันหัวโจ่
จนกระทั่งอัลบี้บอกให้เราทุกคนแยกย้าย และที่นั่นผมเห็นมินโฮ.....สีหน้าเค้าดูตกใจน้อยกว่าที่ผมคิดไว้มาก
หรือบางทีเค้าอาจจะเป็นคนที่ค่อนข้างขรึมและพูดน้อยก็ได้
คนแบบนี้มักจะแสดงอาการที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของตัวเองได้ยากมากๆ แต่ผมรู้เค้าคงจะรู้สึกช็อคที่หนึ่งในเพื่อนนักวิ่งของเค้าโดนโศกาต่อยและกำลังจะเปลี่ยนไป
มินโฮมองดูเบนถูกเพื่อนๆ
หามไปที่หลุมอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ชั่วขณะผมสังเกตเห็นแววตาเสียใจของเค้า
ก่อนที่มินโฮจะถอนหายใจเฮือกใหญ่สะบัดความรู้สึกทั้งหมดทิ้งไปแล้ววิ่งออกไปจากทุ่งโล่งกว้าง
และในเย็นวันนั้นเอง
ที่ผมได้เห็นการเนรเทศของชาวทุ่ง
พวกเค้าไล่ต้อนเบนด้วยไม้ให้เข้าไปในวงกตก่อนมันจะปิดลงพร้อมกับน้ำ......มินโฮเป็นคนโยนมันเข้าไป
แล้วเพื่อนๆ ชาวทุ่งก็ลดไม้ลงให้ขนานกับพื้น ก่อนจะดันให้เบนถอยเข้าไปในวงกต เค้าขอร้องให้ทุกคนฟังเค้า บอกว่าเค้าหายได้
ได้โปรดอย่าไล่เค้าไปเลย........
ผมเบือนหน้าหนีจากเหตุการณ์ตรงหน้า
ผมไม่สามารถทำใจมองภาพตรงหน้าได้เลยแม้จะพยายามทำใจให้กล้าเพียงใดก็ตาม ผมได้ยินเสียงเบนร้องโหยหวน ขอร้องให้พวกเพื่อนๆ
หยุดไล่เค้าไปแต่ไม่ทันเสียแล้ว........กำแพงได้ปิดลงแล้ว
และเค้าคงจะไม่ได้กลับมาอีก.........ผมเสียใจ
ในขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันไปทำกิจวัตรตามปรกติ ความเศร้าและปวดร้าวปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคน
พวกเค้าคงไม่ต่างจากผม......ที่ไม่อยากเห็นภาพเหล่านั้น สมาชิกทุกคนล้วนมีค่าและสำคัญ ทุกคนคือครอบครัว ตอนที่กำลังโต๋เต๋กลับที่พักผมเกือบชนเข้ากับมินโฮ
เค้ามองผมอย่างบอกความหมายไม่ได้พักอยู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับไป
ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยอะไรกับเค้าเลยด้วยซ้ำ
เค้าดูเหมือนเป็นคนเอเชียตะวันออกเพียงคนเดียวในทุ่ง และแต่งตัวไม่เหมือนคนอื่นเค้าดูดีกว่า
ใบหน้าเค้าดูแบกรับหลายสิ่งหลายอย่างของความรับผิดชอบเอาไว้ และดวงตาสีเข้มที่ไม่ว่ากี่ครั้งผมก็ไม่สามารถอ่านออกได้เลย
ของเค้าก็เรียบเฉย
ร่างกายเค้าดูสมบรูณ์แข็งแรงกว่าคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะเค้าได้วิ่งออกกำลังกายทุกวัน.......เอ่อ
ผมไม่ได้หมายถึงใหญ่บึ๊กเหมือนกัลลี่หรอกนะ
เจ้าหมอนั่นกับมินโฮน่ะแข็งแรงกันคนละแบบ
ซึ่งไม่ว่าจะคนไหนก็แตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง......ก็ไม่แปลกที่กัลลี่จะเรียกผมว่า
‘ไอ้กุ้งแห้ง’
ต่อหน้าคนอื่น.........ยอมรับ ผมไม่ชอบชื่อที่กัลลี่เรียกเอามากๆ แต่ว่าเรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในหัวผมแล้วในตอนนี้
คืนนั้นที่นอนอยู่บนเปลผมหลับตาแล้วเห็นแต่ภาพของเบนไล่จับตัวผม บอกว่าผมทำให้เรื่องทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้.......ผมนอนไม่หลับ
พลิกตัวไปมาอย่างกระวนกระวายภาพเบนที่กำลังเปลี่ยนไปฉายซ้ำอยู่ในหัวของผมและตามมาด้วยภาพของมินโฮที่ผมสงสัย
.............เด็กหนุ่มลูกครึ่งเอเชียรูปร่างแข็งแรงที่ต้องแบกรับภาระดูแลชีวิตของนักวิ่งทุกคน.............
ผมนอนหายใจหนักๆ อยู่บนเปลแล้วนึกอยากถามมินโฮออกไปว่า เค้าไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือที่เบนเป็นแบบนั้น
และเค้าเคยเสียใจไหม?
หึ.....แต่เค้าคงไม่ตอบผมหรอก เพราะแค่เย็นนี้เค้ายังจ้องหน้าผมตาเป็นมันแล้วไม่พูดอะไรกับผมเลยสักคำทั้งๆ
ที่มันค่อนข้างจะเสียมารยาท แต่อาจเป็นเพราะผมเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเบนและเค้าไม่เคยพูดกับผมเลยตั้งแต่มาถึงที่นี่ ผมจึงมีความกระตือรือร้นที่จะผูกมิตรกับเค้ามากกว่าคนอื่นๆ
และก็เป็นเช่นทุกคืนที่ผมเอาแต่คิดถึงเรื่องแย่ๆ
จนหลับไป แต่ต่างกันที่คืนนี้ผมนึกถึงแต่มินโฮ........ภาพอันน้อยนิดของเค้าที่ผมมีฉายซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งผมหลับไป
.
.
.
.
TBC.
-------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยย
ไม่รู้ถูกใจรีดที่รอคอยกันรึเปล่านะค่ะ
นี่เป็นเพียงตอนแรกค่ะ หนุ่งเค้าสาธยาย บลาๆๆๆ ค่ะ คือไรท์กลัวคนที่ยังไม่ได้ไปดูแล้วมาอ่านเรื่องนี้จะงงกันน่ะค่ะ
ใครคือโทมัส ใครคืออัลบี้ ใครคือมินโฮ
ใครคือโศกา.....แม่มันเศร้ามากรึไงทำไมถึงตั้งชื่อนี้ หาชื่ออื่นแล้วไม่ได้รึไง (อันที่จริงไรท์ก็เกือบหลุดฮาในโรงหนังกับเพื่อนค่ะ
อิชื่อโศกาเนี่ย......เพื่อนคนเดิมกะที่ไปดู The Amazing Spider-Man2
นะเออ คนที่แอนตี้วาย
ไม่รู้ว่าวายคืออะไรนั่นแหละค่ะ) แต่ไรท์สารภาพกะเธอไปแล้วว่า.....
เอ่อ.....คือเพื่อน เพื่อนเป็นนักแต่งนิยายล่ะ
เฮ้ย! จริงดิ....เจ๋งอ่ะ!
ว่าแต่นิยายอะไรอ่ะ
ก็.....[กัดฟัน
เหงื่อแตก
ไม่รู้จะพูดดีรึเปล่า...แต่มาถึงขั้นนี้และ เอาวะ!] นิยายวายอ่ะ....ก็แบบ
ผู้ชายกะผู้ชายเค้าปี๋กันไง
นั่นไง กูว่าแล้ว! -*-
55555 [หัวเราะแห้งๆ]
เค้าเขียนฟิค The Maze Runner ที่เราไปดูกันมาด้วยแหละ [จากหัวเราะแห้งก็ทำหน้าเจื้อนเลยค่ะ]
อืมก็ดีหนิ เค้าดีใจนะที่แกบอกเค้า เค้าสงสัยมาตั้งนานแล้วแหละ.....เรื่องเกย์เนี่ยย
อูยยยย คุณพระ!! โดนเพื่อนสงสัยมาตั้งนานแล้วด้วย
นี่ขนาดไม่มีใครรู้เลยนะค่ะเนี่ยเพราะไรท์ไม่แสดงอาการ แต่เพื่อนไรท์....เธอมองออกค่ะ แหม สมกับเป็นเพื่อนแท้จริงๆ ไรท์นี่น้ำตาพรากกก TTvTT
โอเคค่ะ หมดเวลาเมาท์......ไรท์นี่ไร้สาระจริงๆ
เลย 5555 ส่วนท่านใดที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ Fictions ในบล็อกนี้ได้ทาง
Facebook ของไรท์ค่ะ
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
3 ความคิดเห็น:
ฟินแ่าา รักไรท์เว่อร์ๆๆ
เฮ้~ งานจะเสร็จมั้ยเนี่ย 555 สุดท้ายก็มาอ่านจนได้ ทิ้งงานไว้เบื้อหลัง (น่าๆ มันยังไม่ส่งตอนนี้)
เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ เหมือนได้ดูหนังอีกรอบเลยแหะ เหมือนที่ไรท์เตอร์บอกเลยว่าเน้นเนื้อหา แต่ถามว่าฟินมั้ย ตอบเลยว่าฟินค่ะ แบบเลือดสาววายมันแรงอะ ยิ่งคู่นี้เป็นทุนเดิมด้วยนะ (ความจริงเราจิ้นได้หมดนะ ระหว่าง โทมัส มินโฮ นิวท์ 3P~ เฮ้...) เห็นด้วยที่สุดคือเรื่องการแต่งตัว มินโฮดูสภาพดีที่สุดในหมู่คณะละ แบบว่าเป๊ะทุกเวลา
โทมัสเอ๋ย... หนูอย่าได้น้อยใจเรื่องหุ่นหนูจ้ะ เพราะหนูดูดีแล้วสำหรับการเป็นเคะ (เดี๋ยวนะ...) จริงๆ นะ ตั้งแต่ในเรื่องละ มันเหมือนกำลังนั่งดูหนังแนว Bromance อยู่อะ คืออะไรจะสนใจ จ้องมินโฮซะขนาดนั้นจ้ะ ความจริงแล้วอาจจะเป็นแบบในฟิคก็ได้นะ ฝันถึงมินโฮด้วยไรงี้ (มโนละ...) อิอิ
อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ อะ คึคึคึคึคึ จะรอจ้าาาา รักไรท์เตอร์ สู้ๆๆๆ เป็นกะลังใจให้ ^^
เพียงแค่เห็นโทมัสก็หลงมินโฮไปแล้วใช่มั้ย!55555
แสดงความคิดเห็น