วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 18] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec



 สวัสดีค่าาาา รีดๆ ที่รักของไรท์ทั้งหลาย TUT หายไปนานเพราะยุ่งม้วกก กลับมาทีนี่แทบจะน้ำตาไหลเลยค่ะ TTUTT ฮาาาาา  MaLec นี่หายไปพักหนึ่งเลยทีเดียวนุ

เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ  ใน Part นี้ อร้ายยยยยยยย >< อิตาเบนจะเคอะประตูแล้วทำอะไรต่อนะเออ  จิต้องติดตามค่ะ  งืมมมมมมม อยากเมาท์อ่ะ...แต่ไม่มีอะไรจิเมาท์เลยค่ะ TUT //ร้องไห้อีกรอบ//

เอาเป็นว่าไปอ่านกันเลยล่ะกันนะคะ อเล็คน่าสงสาร น่าร้องไห้ให้หนักมากเลยค่ะ TWT

ปล. หากขาดตกบกพร่อง ผิดถูกต้องไหนก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ  ไรท์เริ่มล้าแล้วค่ะ หลังลู่เก้าอี้แล้ว  รู้สึกมึนไม่น้อยเลย  M_ _M


-----------------------------------------------------------------------------


อเล็ค......และแม็กนัสเลือกที่จะเคาะประตูในที่สุด


.


.


******************************************************************************


.


.


แต่ทว่าเค้ากลับไม่วางถาดอาหารไว้แล้วเดินหนีไป  ร่างสูงสะโอดสะองยังคงยืนอยู่หน้าประตูจนกระทั่งมันถูกเปิดออก............

ศรีษะที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มผมสีดำชี้โด่ชี้เด่ก้มลงเล็กน้อยเพื่อทอดมอง......ใบหน้าขาวกระจ่างของอีกคนหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมาเนื่องจากผู้มาเยือนหน้าประตูของเจ้าตัวที่ดูจะตัวสูงกว่าปรกติ

อเล็คคงเลือกที่จะไม่มาเปิดประตูแน่หากเค้ารู้ว่าใครกันที่มายืนอยู่ตรงนี้  ร่างบางจ้องมองแม็กนัสเขม็ง  ริมฝีปากบางเผยอออกจากกันเล็กน้อย  ไม่มีคำพูดใดๆ เอ่ยออกมา........แน่นอน  การที่เห็นแม็กนัสมายืนอยู่หน้าห้องอีกเป็นครั้งที่สองเป็นอะไรที่อเล็คไม่เคยคาดฝันเลย

ความรู้สึกประหลาดใจกลับเข้ามาทักทายอเล็คอีกครั้งในรอบหลายๆ วัน   แต่ก็เป็นเพียงแปบเดียวเท่านั้น........และแล้วความรู้สึกหนาวอย่างประหลาดก็พุ่งวาบเข้ามาหาอเล็คอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้นับตั้งแต่เหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้น

ร่างบางถอยห่างไปครึ่งก้าวและไหล่สั่นเมื่อแม็กนัสก้มมองเค้า  และเมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงสะโอดสะองก็เผยอก้าวตามเข้าไปอย่างลืมตัว  แม็กนัสรู้ว่าไม่ควรทำแบบนี้ ก็เอาตอนที่สายไปแล้ว  อเล็คถอยหนีเค้ามากขึ้นแล้วก้มหน้าห่อตัว เนื้อตัวของเพื่อนตัวน้อยมีเพียงเสื้อยืดบางๆ คอยปกคลุมร่างกายในส่วนท่อนบนเพียงเท่านั้น

.............อเล็คชอบดูแลเอาใจใส่คนอื่น แต่เค้ามักจะเผลอไผลกับตัวเองเสมอ............

แม็กนัสไม่ชอบเลย  เค้าอดที่จะทำหน้าไม่พอใจน้อยๆ ไม่ได้  เมื่อเห็นชายเสื้อบางๆ ของเพื่อนตัวน้อยพลิ้วไปตามกระแสลมที่พัดเข้ามา..........อเล็คเปิดหน้าต่างทิ้งไว้อีกต่างหาก

.............ช่างไม่สนใจจะดูแลตัวเองเลยเสียจริงๆ อากาศหนาวเริ่มมาแล้ว..............

แต่ทว่าการไม่ทักทายและไม่เข้าหาของอเล็คก็ทำให้แม็กนัสรู้สึกสะอึกแทน   ใช่ ถ้าหากเค้าจำไม่ได้.......อเล็คยังคงกลัวเค้าอยู่   สายตาคู่คมเข้มตามแบบฉบับคนเอเชียไล่มองไปตามร่างกายของเพื่อนตัวน้อยที่ดูไร้ชีวิตชีวามากกว่าที่เค้าเคยจำได้..............แม็กนัสรู้สึกไม่พอใจที่อเล็คเป็นแบบนี้  แต่ไหนแต่ไรคนที่คอยเตือนและคอยช่วยเหลือก็เป็นเค้าทั้งนั้น  ไม่อยากจะเชื่อว่าพอไม่มีเค้าแล้วอเล็คก็ยังเหมือนเดิม

...........นั่นคือไม่เปลี่ยนแปลง  ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนอเล็คได้  ไม่มี............

แต่ทว่าช่วงเวลานี้กลับเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดสำหรับร่างสูงที่จะเปิดปากคุยกับร่างบางที่ยืนสั่นอยู่ตรงหน้า  บอกให้อเล็คทานมื้อเย็นซะแม็กนัสแล้วปิดหน้าต่างบานนั้นด้วย........ร่างสูงสั่งตัวเอง ก่อนจะกลืนของเหลวลงคอไป

มือแกร่งทั้งสองข้างค่อยๆ วางถาดอาหารและยาลงบนโต๊ะซึ่งอยู่ห่างไปไม่มากนัก  อเล็คมองตามมือนั้นราวกับลูกแมวที่ถูกขังอยู่ในกรง  ติดมุมและจนตรอก  แม็กนัสแอบมองเนื้อตัวของอีกคนหนึ่ง  รอยแผลที่เค้าสร้างไว้ยังคงไม่หายดีและอเล็คคงจะไม่มีวันลืมมันเป็นแน่

“อย่าร้องไห้นะอเล็ค  เอาล่ะ ฉันจะไปแล้วฉันแค่......” ร่างสูงสะโอดสะองยกมือขึ้นกลางอากาศแล้วเคลื่อนกายไปทางหน้าต่างอย่างนุ่มนวลที่สุดแล้วปิดมันอย่างนุ่มนวลยิ่งกว่าเพื่อไม่ให้อเล็คคิดว่าเค้าคิดไม่ดีอีก  และถูกต้องที่สุด  ร่างบางไม่เคยละสายตาไปจากเพื่อนร่างสูงเลย..........

“.......ฉันแค่เอานี่มาให้ และเอ่อ...ผู้หญิงคนนั้นเธอไม่อยู่น่ะ เลยฝากให้ฉันเอาขึ้นมาให้นาย  อย่าเพิ่งร้องไห้นะ  ฉันจะไปแล้ว  ฉันรู้ว่านายไม่อยากเห็นหน้าฉันแต่กินยาซะนะอเล็ค” แม็กนัสพยายามทำใจเย็นๆ ในขณะที่อเล็ครู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...........เนื้อตัวขาวสะอาดที่มีรอยสีกุหลาบอยู่เต็มไปหมดรู้สึกถึงความเย็นที่ยังคงวนเวียนอยู่ในห้อง

แม็กนัสถอยหลังออกมาและกำลังจะจากไป  แต่แล้วเค้ากลับเดินเข้าไปหาอเล็คเสียอย่างนั้น  เจ้าของห้องเล็กๆ นั้นสะดุ้งเฮือก เพื่อนร่างบางถอยหนีจนกระทั่งรู้ว่าตัวเองหมดทางไปเสียแล้ว  อเล็คยืนพิงโต๊ะวางของในขณะที่แม็กนัสถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองออก แล้วคลุมมันไว้บนตัวของอเล็ค

ใส่นี่นะอเล็ค  ดูแลตัวเองด้วย.....” แม็กนัสกระซิบ  เค้าเห็นอเล็คขยับตัวและก้มหน้าลงต่ำ

“อย่าร้องไห้นะอเล็ค  อย่าร้องไห้” แม็กนัสพูดย้ำ  เพราะไม่ต้องการให้อเล็คร้องไห้อีกแล้ว  น้ำตาไม่เคยเหมาะกับอเล็คเลย และนั่นก็หมายถึงว่าอเล็คกำลังเสียใจอยู่อีกด้วย  ซึ่งแม็กนัสไม่ต้องการแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเค้ามีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น

ร่างสูงสะโอดสะองเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูกั้นตัวเองให้ออกห่างจากเพื่อนตัวน้อยเสีย  แผ่นหลังกว้างและแข็งแรงพิงซบกับบานประตูสีเขียวลอกล่อน  แม็กนัสที่สวมเสื้อยืดสีขาวสะอาดหัวใจชาหนึบ  และจะเป็นเค้าเองเสียให้ได้ที่อยากจะร้องไห้...............

เค้าอยากเข้าไปปลอบอเล็คแต่ทำไมได้  นั่นเป็นเพราะว่าอเล็คน่ะกลัวเค้าไปแล้ว.............

เค้าเกลียดนายแล้วแม็กนัส  อเล็คเกลียดนายแล้ว......แม็กนัสบอกหัวใจตัวเองที่ยังคงดื้อด้าน


*******************************************************************************


ส่วนในห้องนั้น  ร่างบางทรุดนั่งลงกับพื้นแล้วทาบมือลงบนพื้นว่างเปล่าตรงหน้า  อเล็คไม่ได้รู้สึกอยากร้องไห้เลย  แต่กลับมีหยดน้ำกระจายอยู่บนพื้นและหลังมือของเค้า..........แม็กนัสต้องการอะไร เหตุใดทำไมเค้าถึงมาที่นี่ได้  แล้ว...........

“ใส่นี่นะอเล็ค  ดูแลตัวเองด้วย.....”

“อย่าร้องไห้นะอเล็ค  อย่าร้องไห้”

........แม็กนัสต้องการจะบอกอะไร..........

แต่พลันจู่ๆ เสียงสมาท์รโฟนของเค้าก็ดังขึ้นขัดกับช่วงเวลาที่เค้าต้องการจะอยู่คนเดียวเป็นที่สุด  อเล็คคว้ามันมาแล้วกดรับอย่างแผ่วเบา  เป็นเจซที่โทรมา เค้าจึงจำเป็นต้องทำเหมือนว่าไม่ได้ร้องไห้อยู่

“ไง”

“นั่นนายยังไม่หายป่วยเหรอเล็ค?”  

“เอ่อ....คือฉัน  เอ่อ...” อเล็คอ่ำอึ่ง พูดจาตะกุกตะกักเพราะอยากจะบอกเจซไปว่าเค้าดีขึ้นแล้ว แต่จะเป็นการทำให้อีกคนรู้ว่าเค้าร้องไห้  แต่แล้วเจซก็เลิกสนใจมันไปเสียอย่างนั้น  ฟังดูเหมือนร่างสูงผมบล์อนที่ปลายสายจะต้องการบอกเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้น

“อเล็ควันพรุ่งนี้นาย.....”

“อ๋อ  ใช่....ใช่  แน่นอน ฉันจะไปเข้ากะแรกแต่เช้า  คุณบีพอทท์คงจะฝากนายมาบอกใช่ไหม  ไม่ต้องห่วงนะพรุ่งนี้ฉันจะรีบไป” อเล็ครีบพูดแสดงถึงความกระตือรือร้นทั้งหมดที่เค้ามี  แต่ทว่าเจซกลับเงียบไป  แล้วเอ่ยออกมาในที่สุด  เป็นผลทำให้อเล็คเองก็เงียบไปด้วยอีกคนหนึ่ง

“ไม่ต้องมาแล้วอเล็ค.......ร้านเราถูกปิด” 


********************************************************************************************


“ไม่ต้องมาแล้วอเล็ค.......ร้านเราถูกปิด”

ร่างบางพูดอะไรไม่ออกราวกับเจอเรื่องตลกร้ายที่สุดในโลกเข้าให้แล้ว  อเล็คเค้นเสียงหัวเราะฝืดๆ ออกไป แต่เค้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจซพูดความจริง......เจซไม่เคยล้อเล่น ถ้าหากเสียงจริงจังเช่นนี้  ร่างบางผู้ถูกคลุมด้วยแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลอ่อนเนื้อดีเฝ้าถามเพื่อนปลายสายว่าล้อเล่นเพราะนึกสนุกตอนหัวค่ำหรืออย่างไร 

แต่ทว่าเจซกลับขยายความจนชัดเจนกว่าเดิมว่า  จู่ๆ คุณบีพอทท์ก็บอกกับทุกคนแบบสายฟ้าแลบในเย็นวันนี้เองว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ทุกคนจะได้ทำงานที่ลาเฟ่ต์แห่งนี้  พร้อมทั้งเงินเดือนงวดสุดท้ายที่แสนจะน้อยนิดเพราะนี้ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเดือนก็ถูกแบ่งจ่ายให้แล้วเรียบร้อย

“ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้  แต่คุณบีพอทท์เค้าบอกว่าจะไปเปิดกิจการใหม่ที่บอร์เนียว....นายเชื่อไหมล่ะบอร์เนียว?  เค้าอยู่ในที่อากาศร้อนได้ไม่เกิดสามสิบองศาด้วยซ้ำ  ตอนพูดกับฉัน เค้าก็หลบหน้าและก็มีท่าทีแปลกๆ ยิ่งกว่าพ่อพันธ์หมูตอนที่ฉันเคยบอกนายซะอีก  ถ้าเค้ากำลังหาข้ออ้างนะ เค้าทำได้ห่วยแตกสิ้นดีเลย......แต่ให้ตาย  ยังไงเค้าก็ปิดประกาศปิดร้านไปแล้ว”

เจซซึ่งก็ดูจะไม่พอใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆ เจ้าของร้านลาเฟ่ต์ตุ้ยนุ้นรุ่นพ่อพันธ์หมูก็สั่งปิดกิจการตัดโอกาสของพนักงานทุกคนเสียอย่างนั้น........บ้าจริง แล้วค่าเรียนเทอมสุดท้ายใครจะเป็นคนจ่ายกันล่ะว่ะเนี่ยเจซเส้นเลือดขึ้นขมับในขณะที่พบว่าอเล็คไม่ได้อยู่ในสายของเค้าอีกต่อไปแล้ว  เพื่อนร่างบางตัดสายไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่ได้บอกกล่าว

ร้านถูกปิดอย่างนั้นหรือ  โกหกกันรึเปล่า............

อเล็คยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่เพิ่งถูกปิดไปอย่างนิ่งงัน  ในใจของร่างบางเหมือนถูกกรีดแทงซ้ำอีกทีหนึ่ง  แล้วที่นี้เค้าจะทำอะไรได้ล่ะ?........อเล็คเหมือนโดนผลักตกหน้าผาโดยไม่มีที่ยึดเกาะ

และถัดออกไปนอกประตูห้องของร่างบางผู้ไร้ซึ่งจุดยืน  ร่างสูงโปร่งสะโอดสะองของ แม็กนัส   เบน ยังคงไม่ได้ไปไหนไกลกว่าเดิมนัก  แม็กนัสก้าวเดินจากมาเพียงแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น........การยิ่งออกห่างจากอเล็ค ยิ่งทำให้เค้าจะเป็นบ้า  ทุกครั้งที่กลับไปเค้าแทบนอนไม่หลับ  และแทบทนรอไม่ได้ที่จะให้ถึงเวลามาหาอเล็คในแต่ละครั้ง

แม็กนัสอาจเข้าใจคำว่าอ้างว้างของอเล็คแล้วในตอนนี้.............

และเค้าก็ไม่แน่ใจอีกต่อไป  ว่าจะกล้าให้อเล็คอยู่ๆ ห่างเค้าอย่างที่เคยตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกอีกหรือเปล่า  อเล็คไม่ใช่เพื่อนเค้า  ไม่ใช่น้องชายเค้า  อเล็คเป็นมากกว่านั้น  เค้ามันโง่เองที่ไม่รู้เรื่องนี้  ไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ผูกเค้ากับอเล็คเข้าไว้ด้วยกัน  แต่อีกคนหนึ่งนั้นรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  เพราะว่าอเล็คไร้เดียวสาและซื่อสัตย์  จึงเชื่อมั่นในตัวของเค้าเสมอมา  แล้วเค้าล่ะ? เชื่อมั่นในตัวอเล็คไหม  จะตอบแทนความซื่อสัตย์นี้ของอเล็คอย่างไรดี?

นายไม่ควรทำแบบนั้นตั้งแต่แรกแม็กนัส  ไม่ควรทำให้อเล็คเสียใจเลยแม้แต่น้อย........แม็กนัสกดด่าตัวเองเพียงแค่นั้น  ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปใหม่ กระชากประตูให้เปิดออกแล้วเดินเข้าไปหาอเล็คอย่างไม่รั้งรออะไรทั้งสิ้น

แม็กนัสวิ่งเข้าไป........ไม่สนใจอีกแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร  ไม่ว่าอเล็คจะผลักไสเค้าแค่ไหน  แม็กนัสก็จะไม่สน.......... 

แม้ตัวอเล็คเองที่เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับเห็นแม็กนัสในคราแรกนั้น จะตกใจจนตัวโยน ก่อนจะหันหลังกำลังเตรียมจะเดินหนี  แต่แม็กนัสไวกว่า  ร่างสูงสะโอดสะองกอดอเล็คไว้แล้วซบหน้าลงกับซอกคอเปลือยเปล่ากลิ่นหอมหวานของอีกคนหนึ่ง  ร่างบางพยายามดิ้น  แต่ดิ้นไม่หลุด  แม็กนัสที่โอบกอดอยู่ด้านหลังนั้นดื้อดึงและแข็งแรงเหลือเกิน ถึงแม้จะโดนต่อต้านแต่ก็ไม่ยอมปล่อย ยังคงกดใบหน้าลงกับซอกคอของเค้าอยู่อย่างนั้น........เหมือนราวกับว่าเป็น แม็กนัส   เบน เมื่อหลายปีก่อน..............

...........แม็กนัส   เบน ที่ยังไม่มีชื่อเสียง

แม็กนัส   เบน ที่คอยดุเค้าในเวลาที่เค้าไม่ดูแลตัวเอง

แม็กนัส   เบน ที่ยิ้มให้เค้าในเวลาที่เค้าไม่เหลือใคร

เป็นแม็กนัส   เบน ที่เค้ารัก...........

“ปล่อยฉันเถอะแม็กนัส.....ได้โปรด  นาย อึก....” อเล็คกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเอง ไม่อยากให้ความหวังตัวเองอีกแล้ว  แต่ทว่าแม็กนัสกลับไม่ยอมปล่อย

“ไม่  ฉันจะไม่ปล่อยนายไปไหนอีกแล้วอเล็ค  ฉันเคยทำให้นายร้องไห้ทั้งๆ ที่ฉันปกป้องนายมาโดยตลอด......อย่ากลัวฉันไปเลยนะ  ฉันขอโทษที่ทำให้นายเจ็บ  ฉันแค่ไม่อยากให้นายร้องไห้อีกแล้วอเล็ค....ฉันมันโง่เองที่คิดว่าควรให้นายอยู่ห่างฉันเข้าไว้....” แม็กนัสว่าแล้วกระชับอ้อมกอดอเล็คอีก แต่ก็ไม่แน่นจนเกินไป ราวกับว่าอเล็คนั้นเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่แสนบอบบางและในขณะเดียวกันก็ดึงดันราวกับลูกแมวขี้กลัว

เพื่อนร่างบางพยายามแกะแขมแม็กนัสออก  แต่ก็โดนมือแกร่งของอีกคนจับข้อมือขาวๆ ของเค้าเอาไว้ไม่ให้ทำแบบนั้นได้อีก  อเล็คจึงทำได้เพียงบิดข้อมือของตัวเองไปมาแล้วงอตัวหนีแม็กนัสเพียงเท่านั้น  ซึ่งการกระทำนั้นดูไร้ประโยชน์เป็นอย่างมาก

“นายไม่อยาก...อึก เห็นหน้าฉันแล้ว” อเล็คว่าเสียงสั่นเครือ

ไม่  ไม่นะอเล็ค มันไม่เป็นความจริงเลยสักนิดเดียว....ฉันแค่คิดไม่อยากเห็นว่าถ้าไม่ได้อยู่กับนายแล้วมันจะเป็นยังไง  ฉันแค่ไม่อยากให้นายลำบากใจ” แม็กนัสกระซิบ  เสียงของเค้าอยู่ใกล้ใบหูของเพื่อนร่างบางเป็นอย่างมาก “และฉันมันโง่เอง  หลงคิดไปว่ามันจะง่าย....แต่ฉันปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไปไม่ได้จริงๆ อเล็ค  ฉันอยากอยู่กับนาย”

“นายจะเดินออกห่างฉัน แล้วก็ไล่ฉันไป....ฮึก”

“ฉันสัญญามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น” แม็กนัสตอบเสียงหนักแน่นแต่ทว่าอ่อนโยน ตอกย้ำใส่ใจของอเล็คว่าสิ่งที่อเล็คกลัวจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน.........อเล็คเลิกดิ้นในที่สุด เนื่องจากหมดแรง

และแต่ไหนแต่ไรเค้าก็ไม่เคยสู้แรงแม็กนัสได้อยู่แล้ว........ถ้าที่แม็กนัสพูดนั้นเป็นความจริง  อเล็คจะสามารถเชื่อใจเพื่อนร่างสูงคนที่เคยทำร้ายเค้าเมื่อคืนนั้นได้รึเปล่านะ  คนที่กอดเค้าอยู่ตอนนี้ยังเป็นแม็กนัสที่เค้าชอบวิ่งตามอยู่รึเปล่า  แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ หัวใจดวงน้อยๆ ดวงนี้ก็คงจะรู้สึกสุขใจไม่น้อยเลย

  จะเชื่อใจเค้าได้รึเปล่านะ?  แล้วตอนนี้ตัวอเล็คเองมีอะไรที่จะให้เสียอีกล่ะ?  ถ้าจะยอมโดนหลอกเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งก็คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง  อเล็คเหนื่อยมากๆ แล้ว  เค้าแค่อยากจะพักผ่อน  และลืมเรื่องแย่ๆ ไปสักพักหนึ่งก็เท่านั้น 

แม็กนัสอุตส่าห์ใจดีแล้วนี่นา  ร่างบางจะถือซะว่านี่เป็นอ้อมกอดของแม็กนัสครั้งสุดท้ายที่เค้าจะได้รับก็แล้วกัน........และก็ไม่ต้องรอนานเลย  เพื่อนตัวน้อยที่จิตใจเปราะซึ่งกำลังจะถูกตีจนแตกหัก ก็หมุนตัวเข้าหาอ้อมกอดนั้นของเพื่อนร่างสูงที่เค้าหวังอยากให้กกกอดเค้าด้วยความอบอุ่นนี้ตลอดไป

งานที่ทำมาตลอดก็ไม่ได้ทำอีกแล้ว   พ่อกับแม่ก็กำลังแย่  และเค้าก็หมดหวังที่จะได้เปิดร้านเป็นของตัวเองแล้ว  ความฝันของอเล็คโดนทุบทิ้งจนพังทลายลงต่อหน้า

อเล็คปลอบโฮและกอดตอบอย่างไร้ที่พึ่ง.........แม็กนัสโอบรับทุกอย่างไว้  อ้อมกอดที่ร่างสูงสะโอดสะองนั่นมอบให้อเล็คล้วนจริงแท้  เค้ามันบ้าเองที่เปลี่ยนไป  อเล็คของเค้าเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด และเค้าจำความรู้สึกนี้ได้.........ความรู้สึกของอเล็คที่เหมือนโดนทอดทิ้ง  ไม่เหลือใคร  เพียงแต่ว่าทำไมร่างกายของอเล็คถึงได้สั่นไปหมดและดูเหมือนแทบจะทิ้งร่างทั้งร่างไว้บนตัวของเค้าเสียอย่างนั้นนะ

“มีอะไรรึเปล่าอเล็ค” ร่างสูงผิวสีแทนผงกหัวขึ้นมาแล้วเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายให้ศรีษะของร่างบางอิงมาซบเค้าแทน  อเล็คไม่ตอบและเอาแต่ส่ายหน้าขยี้น้ำตาอยู่บนอกเสื้อของแม็กนัส..........บางที  อเล็คอาจเจอมากกว่าที่เค้าคิดเอาไว้

นายเจอเรื่องอะไรมาหรืออเล็ค  บอกฉันได้หรือเปล่า........แม็กนัสคิดในใจก่อนจะพบว่าเสียงสะอื้นและอาการสั่นเทานั้นของอเล็คได้หายไปแล้ว   แม็กนัสเบี่ยงหน้าออกมาดูเล็กน้อย  แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างละเหี่ยใจ

อา  หลับไปซะแล้วสิ........ก่อนร่างสูงจะย้ายร่างทั้งตัวเองและเพื่อนตัวน้อยไปนอนบนเตียงที่ดูจะอบอุ่นและอ่อนนุ่มกว่าพื้นห้องแสนเย็นเชียบ  ร่างไร้สติของอเล็คอยู่ในอ้อมกอดของแม็กนัสทั้งคืน และในความฝันร่างบางผู้น่าสงสารนี้แสนอิ่มเอมใจ

...............ไม่เคยเลยที่จะลืมอ้อมกอดของ แม็กนัส   เบน  อเล็ค   ไลท์วู้ดคนนี้จำได้ดีว่ามันแสนอบอุ่นแค่ไหน    และน่าประหลาดใจ เค้าหลับไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะลืมเรื่องปัญหาหนักใจทั้งหลายไปชั่วขณะ...............

แม็กนัสกอดอเล็คไว้  และยอมให้อเล็คใช้ตัวเค้าแทนหมอนพร้อมกับฟูกสัมผัสนุ่มนิ่มมากกว่าตัวของเค้าเป็นไหนๆ   ลำตัวแข็งแรงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามของนายแบบวางเหยียดยาว โดยมีเพื่อนตัวน้อยขดกายอยู่ภายในแล้วยืมอ้อมแขนสีน้ำผึ้งของแม็กนัสเป็นผ้าห่ม   บรรยากาศด้านนอกดูเหน็บหนาวและมืดหม่น  กลางคืนใกล้เข้ามาแล้วและแม็กนัสคิดว่าเค้าควรจะกอดอเล็คเอาไว้  อย่าให้เพื่อนตัวน้อยรู้สึกหนาวสั้นได้แม้แต่วินาทีเดียว


*******************************************************************************************


บ้านไลท์วู้ดที่กำลังจะถูกยึด............

“เธอเลิกเดินวนไปวนมาได้ไหมแมรีส.....ลูกด้วยอิซซี่” โรเบิร์ต   ไลท์วู้ดที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตัวเก่าผายมือทื่อๆ แล้วพูดเสียงแข็งขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว  เมื่อมีสองสาวประจำบ้านกำลังทำตัวเป็นหนูติดจั่นสติกแตกผ่านหน้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า   จนกระทั่งหญิงมากอายุยอมหยุดแต่ไม่โอนอ่อนด้วย

“งั้นก็บอกมาสิ  ว่าทำไมเราถึงยังไม่ได้เงินมาให้ธนาคาร!” เธอเดือดดาลกลับมาแล้วผายมือใส่เค้าบ้าง..........อีกวันเดียวก็จะถึงกำหนดแล้ว

“ก็ถามอเล็คสิเค้าเป็นคนที่เธอโทรไปหาไม่ใช่หรือไง   ฉันไม่ใช่เค้า ฉันจะบอกเธอได้หรือไงล่ะ!” โรเบิร์ตฉุนเฉียวกลับไป  เค้าไม่ชอบให้ภรรยายทำตัวเป็นใหญ่เกินเค้าซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว

แมรีสผู้เป็นภรรยาชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยังคงไม่เย็นลง  เธอพรูลมหายใจออกมาอย่างไม่พอใจแล้วโทรไปหาอเล็คเพื่อไขข้อข้องใจของตัวเองเสีย  มือขาวที่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยถูกยกขึ้นมากุมหน้าผากและเสยผมยาวไร้การหวีไปด้วยขณะรอสาย  และผ่านไปนานพอสมควรจนเธอเกือบคิดจะกดวางสายไปเสียแล้ว กว่าสายจะถูกรับ  แมรีสพูดเสียงระรัวกรอกตามสายไปทันที

“ฮัลโหลอเล็ค  แกส่งเงินมาให้แม่รึยัง.....แล้วทำไมเสียงถึงเป็นแบบนั้นล่ะ เพิ่งตื่นหรือยังไง” ผู้เป็นแม่ที่รีบร้อนต้องการอยากจะได้คำตอบ  เอ่ยถามขึ้นในภายหลังอย่างเอ๊ะใจเมื่อเสียงของลูกชายคนโตฟังดูอู้อี่แปลกๆ ไป

ทั้งโรเบิร์ตและอิซาเบลต่างก็จ้องมองไปยังแมรีสที่ถือหูโทรศัพท์กันเป็นจุดสนใจเดียว   สองพ่อลูกมองดูหญิงที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาผิงฟังปลายสายด้วยสีหน้าสงบนิ่งและเรียบเฉย  เธอไม่เอ่ยขัดประโยคของอเล็คสักคำ  จนในที่สุดแล้วเมื่ออเล็คพูดจบ แมรีสจึงเอ่ยขึ้นบ้าง 

 “อืม  ถ้างั้นก็กลับบ้านมาเถอะอเล็ค  ที่นั่นไม่มีอะไรให้ลูกอีกแล้ว” เธอพูด  ท่าทางเธอดูเหมือนเป็นแม่ที่ดีขึ้นมาเล็กน้อยและเห็นใจลูกชายเป็นอย่างยิ่ง  โรเบิร์ตเห็นภรรยายวางสายแล้วลดโทรศัพท์ลงอย่างเงียบเชียบ

“เกิดอะไรขึ้นหรือแมรีส” ชายซึ่งเป็นผู้นำของครอบครัวเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจและใคร่สงสัย

“อเล็คว่ายังไงค่ะแม่” อิซาเบลพูด  ใจเธอเต้นจนแทบไม่เว้นช่วงไว้ให้หายใจหายคอ........สิ้นเดือนนี้เธอจะเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนที่แคลิฟอร์เนีย  ถ้าอเล็คไม่ส่งเงินมาแล้วบ้านถูกยึด  แผนของเธอก็จบกัน

หญิงสูงวัยแต่ยังคงร่องรอยของเครื่องสำอางค์และการดูแลตัวเองหันกลับมา  สายตาของเธอราบเรียบและไม่ได้มีท่าทางที่เกินจริงมากไปนัก  เธอพูดแล้วเข้าครัวไปเตรียมอาหารเช้า

“อเล็คจะมาหาเราวันนี้”


.


.


.


TBC.


-------------------------------------------------------------------------------------------------


อรั๊ยๆๆๆๆ >///<!!  อิตาเบนนนน  Did  you wide awake ?  อร้ายยยยยยย โอบกอดอเล็คที่หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจด้วยความเปลวไฟแห่งความห่วงหาอาทรและแสงระยิบระยับอันเต็มไปด้วยความอุ่นอบ >/////< //มาเป็นเรื่องเป็นราว//  ขอจุดพลุนะคะ //จุดพลุ// 55555

แม็กนัส  ในที่สุดก็ได้ทำอะไรที่มันสมควรและถูกต้องเป็นอย่างยิ่งอีกอย่างหนึ่งเสียทีนะ >< 

แต่ว่าอเล็คนี่ก็น่าสงสารจัดค่ะ  ฝีมือเอลซ่าใช่ไหมเนี่ยย นี่จะต้องเป็นฝีมือของเธอแน่ๆ เลยค่ะที่ทำให้ร้านของอเล็คต้องถูกสั่งปิดอย่างไม่มีมูลมีเหตุแบบนี้.....นังเอลซ่าาาาา >{}<!!!  ทำไมถึงทำกับอเล็คฉันเยี่ยงเน้----!

และขุ่นพ่อ  ขุ่นแม่  ขุ่นน้องสาวจะอะไรกันป่านนั้น ไม่ห่วงอเล็คบ้างเลยหรืออย่างไรค่ะ  ห่วงเงินอย่างเดียว  โทรไปถามว่า สบายดีไหม?  ก่อนไม่ได้หรือค่ะ  ถามหาเงินก่อนเลย -_-“ 

แต่ก็นั่นแหละค่ะ  เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อเล็คจะไปหาพ่อกับแม่จริงหรือ? ต้องติดตามต่อ Part หน้าค่ะ ^^

แปะเฟสไว้ตามธรรมเนียม เพื่อมาพูดคุยและแลกเปลี่ยนกับไรท์ได้นะคะ หรือตามฟิคที่คาๆ ไว้ในบล็อก ฮาาาา  แต่ช่วงนี้ไรท์จิไม่ค่อยว่างนะเออ ติดภารกิจสำคัญ หุๆ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< จิ้มเลยค่ะ 

และอย่าลืมแสดงเจตจำนง ว่าท่านเป็นชาวววายด้วยนะเออ  ไรท์จะไม่รับคนที่หลงเข้ามาขอเป็นเพื่อนเด็ดขาดเลยค่ะ เดี๋ยวเค้าใจแตก 55555 ............รักรีดทุกท่านนะคะ  พักผ่อนดูแลตัวเองด้วยนะเออ ช่วงนี้บางท่านกำลังอยู่ในเทศกาลสอบ 555555

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund



ไม่มีความคิดเห็น: