สวัสดีค่าาาา รีดๆ
ที่รักของไรท์ทั้งหลาย TUT หายไปนานเพราะยุ่งม้วกก กลับมาทีนี่แทบจะน้ำตาไหลเลยค่ะ
TTUTT ฮาาาาา MaLec
นี่หายไปพักหนึ่งเลยทีเดียวนุ
เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ ใน Part นี้ อร้ายยยยยยยย ><
อิตาเบนจะเคอะประตูแล้วทำอะไรต่อนะเออ จิต้องติดตามค่ะ งืมมมมมมม
อยากเมาท์อ่ะ...แต่ไม่มีอะไรจิเมาท์เลยค่ะ TUT //ร้องไห้อีกรอบ//
เอาเป็นว่าไปอ่านกันเลยล่ะกันนะคะ
อเล็คน่าสงสาร น่าร้องไห้ให้หนักมากเลยค่ะ TWT
ปล. หากขาดตกบกพร่อง ผิดถูกต้องไหนก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ ไรท์เริ่มล้าแล้วค่ะ หลังลู่เก้าอี้แล้ว รู้สึกมึนไม่น้อยเลย M_ _M
-----------------------------------------------------------------------------
อเล็ค......และแม็กนัสเลือกที่จะเคาะประตูในที่สุด
.
.
******************************************************************************
.
.
แต่ทว่าเค้ากลับไม่วางถาดอาหารไว้แล้วเดินหนีไป
ร่างสูงสะโอดสะองยังคงยืนอยู่หน้าประตูจนกระทั่งมันถูกเปิดออก............
ศรีษะที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มผมสีดำชี้โด่ชี้เด่ก้มลงเล็กน้อยเพื่อทอดมอง......ใบหน้าขาวกระจ่างของอีกคนหนึ่ง
ซึ่งจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมาเนื่องจากผู้มาเยือนหน้าประตูของเจ้าตัวที่ดูจะตัวสูงกว่าปรกติ
อเล็คคงเลือกที่จะไม่มาเปิดประตูแน่หากเค้ารู้ว่าใครกันที่มายืนอยู่ตรงนี้ ร่างบางจ้องมองแม็กนัสเขม็ง ริมฝีปากบางเผยอออกจากกันเล็กน้อย ไม่มีคำพูดใดๆ เอ่ยออกมา........แน่นอน
การที่เห็นแม็กนัสมายืนอยู่หน้าห้องอีกเป็นครั้งที่สองเป็นอะไรที่อเล็คไม่เคยคาดฝันเลย
ความรู้สึกประหลาดใจกลับเข้ามาทักทายอเล็คอีกครั้งในรอบหลายๆ
วัน
แต่ก็เป็นเพียงแปบเดียวเท่านั้น........และแล้วความรู้สึกหนาวอย่างประหลาดก็พุ่งวาบเข้ามาหาอเล็คอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้นับตั้งแต่เหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้น
ร่างบางถอยห่างไปครึ่งก้าวและไหล่สั่นเมื่อแม็กนัสก้มมองเค้า และเมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงสะโอดสะองก็เผยอก้าวตามเข้าไปอย่างลืมตัว แม็กนัสรู้ว่าไม่ควรทำแบบนี้
ก็เอาตอนที่สายไปแล้ว
อเล็คถอยหนีเค้ามากขึ้นแล้วก้มหน้าห่อตัว
เนื้อตัวของเพื่อนตัวน้อยมีเพียงเสื้อยืดบางๆ
คอยปกคลุมร่างกายในส่วนท่อนบนเพียงเท่านั้น
.............อเล็คชอบดูแลเอาใจใส่คนอื่น
แต่เค้ามักจะเผลอไผลกับตัวเองเสมอ............
แม็กนัสไม่ชอบเลย เค้าอดที่จะทำหน้าไม่พอใจน้อยๆ ไม่ได้ เมื่อเห็นชายเสื้อบางๆ
ของเพื่อนตัวน้อยพลิ้วไปตามกระแสลมที่พัดเข้ามา..........อเล็คเปิดหน้าต่างทิ้งไว้อีกต่างหาก
.............ช่างไม่สนใจจะดูแลตัวเองเลยเสียจริงๆ
อากาศหนาวเริ่มมาแล้ว..............
แต่ทว่าการไม่ทักทายและไม่เข้าหาของอเล็คก็ทำให้แม็กนัสรู้สึกสะอึกแทน ใช่
ถ้าหากเค้าจำไม่ได้.......อเล็คยังคงกลัวเค้าอยู่
สายตาคู่คมเข้มตามแบบฉบับคนเอเชียไล่มองไปตามร่างกายของเพื่อนตัวน้อยที่ดูไร้ชีวิตชีวามากกว่าที่เค้าเคยจำได้..............แม็กนัสรู้สึกไม่พอใจที่อเล็คเป็นแบบนี้
แต่ไหนแต่ไรคนที่คอยเตือนและคอยช่วยเหลือก็เป็นเค้าทั้งนั้น ไม่อยากจะเชื่อว่าพอไม่มีเค้าแล้วอเล็คก็ยังเหมือนเดิม
...........นั่นคือไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนอเล็คได้ ไม่มี............
แต่ทว่าช่วงเวลานี้กลับเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดสำหรับร่างสูงที่จะเปิดปากคุยกับร่างบางที่ยืนสั่นอยู่ตรงหน้า บอกให้อเล็คทานมื้อเย็นซะแม็กนัสแล้วปิดหน้าต่างบานนั้นด้วย........ร่างสูงสั่งตัวเอง
ก่อนจะกลืนของเหลวลงคอไป
มือแกร่งทั้งสองข้างค่อยๆ
วางถาดอาหารและยาลงบนโต๊ะซึ่งอยู่ห่างไปไม่มากนัก
อเล็คมองตามมือนั้นราวกับลูกแมวที่ถูกขังอยู่ในกรง ติดมุมและจนตรอก แม็กนัสแอบมองเนื้อตัวของอีกคนหนึ่ง รอยแผลที่เค้าสร้างไว้ยังคงไม่หายดีและอเล็คคงจะไม่มีวันลืมมันเป็นแน่
“อย่าร้องไห้นะอเล็ค เอาล่ะ ฉันจะไปแล้วฉันแค่......”
ร่างสูงสะโอดสะองยกมือขึ้นกลางอากาศแล้วเคลื่อนกายไปทางหน้าต่างอย่างนุ่มนวลที่สุดแล้วปิดมันอย่างนุ่มนวลยิ่งกว่าเพื่อไม่ให้อเล็คคิดว่าเค้าคิดไม่ดีอีก และถูกต้องที่สุด
ร่างบางไม่เคยละสายตาไปจากเพื่อนร่างสูงเลย..........
“.......ฉันแค่เอานี่มาให้
และเอ่อ...ผู้หญิงคนนั้นเธอไม่อยู่น่ะ เลยฝากให้ฉันเอาขึ้นมาให้นาย อย่าเพิ่งร้องไห้นะ ฉันจะไปแล้ว
ฉันรู้ว่านายไม่อยากเห็นหน้าฉันแต่กินยาซะนะอเล็ค”
แม็กนัสพยายามทำใจเย็นๆ
ในขณะที่อเล็ครู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...........เนื้อตัวขาวสะอาดที่มีรอยสีกุหลาบอยู่เต็มไปหมดรู้สึกถึงความเย็นที่ยังคงวนเวียนอยู่ในห้อง
แม็กนัสถอยหลังออกมาและกำลังจะจากไป แต่แล้วเค้ากลับเดินเข้าไปหาอเล็คเสียอย่างนั้น เจ้าของห้องเล็กๆ นั้นสะดุ้งเฮือก
เพื่อนร่างบางถอยหนีจนกระทั่งรู้ว่าตัวเองหมดทางไปเสียแล้ว
อเล็คยืนพิงโต๊ะวางของในขณะที่แม็กนัสถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองออก
แล้วคลุมมันไว้บนตัวของอเล็ค
“ใส่นี่นะอเล็ค ดูแลตัวเองด้วย.....” แม็กนัสกระซิบ เค้าเห็นอเล็คขยับตัวและก้มหน้าลงต่ำ
“อย่าร้องไห้นะอเล็ค อย่าร้องไห้” แม็กนัสพูดย้ำ เพราะไม่ต้องการให้อเล็คร้องไห้อีกแล้ว น้ำตาไม่เคยเหมาะกับอเล็คเลย
และนั่นก็หมายถึงว่าอเล็คกำลังเสียใจอยู่อีกด้วย
ซึ่งแม็กนัสไม่ต้องการแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเค้ามีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น
ร่างสูงสะโอดสะองเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูกั้นตัวเองให้ออกห่างจากเพื่อนตัวน้อยเสีย
แผ่นหลังกว้างและแข็งแรงพิงซบกับบานประตูสีเขียวลอกล่อน แม็กนัสที่สวมเสื้อยืดสีขาวสะอาดหัวใจชาหนึบ และจะเป็นเค้าเองเสียให้ได้ที่อยากจะร้องไห้...............
เค้าอยากเข้าไปปลอบอเล็คแต่ทำไมได้
นั่นเป็นเพราะว่าอเล็คน่ะกลัวเค้าไปแล้ว.............
เค้าเกลียดนายแล้วแม็กนัส อเล็คเกลียดนายแล้ว......แม็กนัสบอกหัวใจตัวเองที่ยังคงดื้อด้าน
*******************************************************************************
ส่วนในห้องนั้น
ร่างบางทรุดนั่งลงกับพื้นแล้วทาบมือลงบนพื้นว่างเปล่าตรงหน้า อเล็คไม่ได้รู้สึกอยากร้องไห้เลย แต่กลับมีหยดน้ำกระจายอยู่บนพื้นและหลังมือของเค้า..........แม็กนัสต้องการอะไร
เหตุใดทำไมเค้าถึงมาที่นี่ได้
แล้ว...........
“ใส่นี่นะอเล็ค
ดูแลตัวเองด้วย.....”
“อย่าร้องไห้นะอเล็ค
อย่าร้องไห้”
........แม็กนัสต้องการจะบอกอะไร..........
แต่พลันจู่ๆ
เสียงสมาท์รโฟนของเค้าก็ดังขึ้นขัดกับช่วงเวลาที่เค้าต้องการจะอยู่คนเดียวเป็นที่สุด อเล็คคว้ามันมาแล้วกดรับอย่างแผ่วเบา เป็นเจซที่โทรมา
เค้าจึงจำเป็นต้องทำเหมือนว่าไม่ได้ร้องไห้อยู่
“ไง”
“นั่นนายยังไม่หายป่วยเหรอเล็ค?”
“เอ่อ....คือฉัน เอ่อ...” อเล็คอ่ำอึ่ง
พูดจาตะกุกตะกักเพราะอยากจะบอกเจซไปว่าเค้าดีขึ้นแล้ว
แต่จะเป็นการทำให้อีกคนรู้ว่าเค้าร้องไห้
แต่แล้วเจซก็เลิกสนใจมันไปเสียอย่างนั้น
ฟังดูเหมือนร่างสูงผมบล์อนที่ปลายสายจะต้องการบอกเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้น
“อเล็ควันพรุ่งนี้นาย.....”
“อ๋อ ใช่....ใช่
แน่นอน ฉันจะไปเข้ากะแรกแต่เช้า
คุณบีพอทท์คงจะฝากนายมาบอกใช่ไหม
ไม่ต้องห่วงนะพรุ่งนี้ฉันจะรีบไป” อเล็ครีบพูดแสดงถึงความกระตือรือร้นทั้งหมดที่เค้ามี แต่ทว่าเจซกลับเงียบไป แล้วเอ่ยออกมาในที่สุด เป็นผลทำให้อเล็คเองก็เงียบไปด้วยอีกคนหนึ่ง
“ไม่ต้องมาแล้วอเล็ค.......ร้านเราถูกปิด”
********************************************************************************************
“ไม่ต้องมาแล้วอเล็ค.......ร้านเราถูกปิด”
ร่างบางพูดอะไรไม่ออกราวกับเจอเรื่องตลกร้ายที่สุดในโลกเข้าให้แล้ว อเล็คเค้นเสียงหัวเราะฝืดๆ ออกไป
แต่เค้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจซพูดความจริง......เจซไม่เคยล้อเล่น
ถ้าหากเสียงจริงจังเช่นนี้
ร่างบางผู้ถูกคลุมด้วยแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลอ่อนเนื้อดีเฝ้าถามเพื่อนปลายสายว่าล้อเล่นเพราะนึกสนุกตอนหัวค่ำหรืออย่างไร
แต่ทว่าเจซกลับขยายความจนชัดเจนกว่าเดิมว่า จู่ๆ
คุณบีพอทท์ก็บอกกับทุกคนแบบสายฟ้าแลบในเย็นวันนี้เองว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ทุกคนจะได้ทำงานที่ลาเฟ่ต์แห่งนี้ พร้อมทั้งเงินเดือนงวดสุดท้ายที่แสนจะน้อยนิดเพราะนี้ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเดือนก็ถูกแบ่งจ่ายให้แล้วเรียบร้อย
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แต่คุณบีพอทท์เค้าบอกว่าจะไปเปิดกิจการใหม่ที่บอร์เนียว....นายเชื่อไหมล่ะบอร์เนียว?
เค้าอยู่ในที่อากาศร้อนได้ไม่เกิดสามสิบองศาด้วยซ้ำ ตอนพูดกับฉัน เค้าก็หลบหน้าและก็มีท่าทีแปลกๆ
ยิ่งกว่าพ่อพันธ์หมูตอนที่ฉันเคยบอกนายซะอีก
ถ้าเค้ากำลังหาข้ออ้างนะ เค้าทำได้ห่วยแตกสิ้นดีเลย......แต่ให้ตาย ยังไงเค้าก็ปิดประกาศปิดร้านไปแล้ว”
เจซซึ่งก็ดูจะไม่พอใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆ
เจ้าของร้านลาเฟ่ต์ตุ้ยนุ้นรุ่นพ่อพันธ์หมูก็สั่งปิดกิจการตัดโอกาสของพนักงานทุกคนเสียอย่างนั้น........บ้าจริง
แล้วค่าเรียนเทอมสุดท้ายใครจะเป็นคนจ่ายกันล่ะว่ะเนี่ย!
เจซเส้นเลือดขึ้นขมับในขณะที่พบว่าอเล็คไม่ได้อยู่ในสายของเค้าอีกต่อไปแล้ว เพื่อนร่างบางตัดสายไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่ได้บอกกล่าว
ร้านถูกปิดอย่างนั้นหรือ โกหกกันรึเปล่า............
อเล็คยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่เพิ่งถูกปิดไปอย่างนิ่งงัน
ในใจของร่างบางเหมือนถูกกรีดแทงซ้ำอีกทีหนึ่ง แล้วที่นี้เค้าจะทำอะไรได้ล่ะ?........อเล็คเหมือนโดนผลักตกหน้าผาโดยไม่มีที่ยึดเกาะ
และถัดออกไปนอกประตูห้องของร่างบางผู้ไร้ซึ่งจุดยืน ร่างสูงโปร่งสะโอดสะองของ แม็กนัส เบน ยังคงไม่ได้ไปไหนไกลกว่าเดิมนัก แม็กนัสก้าวเดินจากมาเพียงแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น........การยิ่งออกห่างจากอเล็ค
ยิ่งทำให้เค้าจะเป็นบ้า
ทุกครั้งที่กลับไปเค้าแทบนอนไม่หลับ
และแทบทนรอไม่ได้ที่จะให้ถึงเวลามาหาอเล็คในแต่ละครั้ง
แม็กนัสอาจเข้าใจคำว่าอ้างว้างของอเล็คแล้วในตอนนี้.............
และเค้าก็ไม่แน่ใจอีกต่อไป ว่าจะกล้าให้อเล็คอยู่ๆ
ห่างเค้าอย่างที่เคยตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกอีกหรือเปล่า อเล็คไม่ใช่เพื่อนเค้า ไม่ใช่น้องชายเค้า อเล็คเป็นมากกว่านั้น เค้ามันโง่เองที่ไม่รู้เรื่องนี้
ไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ผูกเค้ากับอเล็คเข้าไว้ด้วยกัน แต่อีกคนหนึ่งนั้นรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะว่าอเล็คไร้เดียวสาและซื่อสัตย์ จึงเชื่อมั่นในตัวของเค้าเสมอมา แล้วเค้าล่ะ? เชื่อมั่นในตัวอเล็คไหม จะตอบแทนความซื่อสัตย์นี้ของอเล็คอย่างไรดี?
นายไม่ควรทำแบบนั้นตั้งแต่แรกแม็กนัส ไม่ควรทำให้อเล็คเสียใจเลยแม้แต่น้อย........แม็กนัสกดด่าตัวเองเพียงแค่นั้น ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปใหม่
กระชากประตูให้เปิดออกแล้วเดินเข้าไปหาอเล็คอย่างไม่รั้งรออะไรทั้งสิ้น
แม็กนัสวิ่งเข้าไป........ไม่สนใจอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าอเล็คจะผลักไสเค้าแค่ไหน แม็กนัสก็จะไม่สน..........
แม้ตัวอเล็คเองที่เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับเห็นแม็กนัสในคราแรกนั้น
จะตกใจจนตัวโยน ก่อนจะหันหลังกำลังเตรียมจะเดินหนี แต่แม็กนัสไวกว่า
ร่างสูงสะโอดสะองกอดอเล็คไว้แล้วซบหน้าลงกับซอกคอเปลือยเปล่ากลิ่นหอมหวานของอีกคนหนึ่ง ร่างบางพยายามดิ้น แต่ดิ้นไม่หลุด
แม็กนัสที่โอบกอดอยู่ด้านหลังนั้นดื้อดึงและแข็งแรงเหลือเกิน
ถึงแม้จะโดนต่อต้านแต่ก็ไม่ยอมปล่อย
ยังคงกดใบหน้าลงกับซอกคอของเค้าอยู่อย่างนั้น........เหมือนราวกับว่าเป็น
แม็กนัส เบน
เมื่อหลายปีก่อน..............
...........แม็กนัส เบน ที่ยังไม่มีชื่อเสียง
แม็กนัส เบน ที่คอยดุเค้าในเวลาที่เค้าไม่ดูแลตัวเอง
แม็กนัส เบน ที่ยิ้มให้เค้าในเวลาที่เค้าไม่เหลือใคร
เป็นแม็กนัส เบน ที่เค้ารัก...........
“ปล่อยฉันเถอะแม็กนัส.....ได้โปรด นาย อึก....” อเล็คกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเอง
ไม่อยากให้ความหวังตัวเองอีกแล้ว
แต่ทว่าแม็กนัสกลับไม่ยอมปล่อย
“ไม่ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปไหนอีกแล้วอเล็ค ฉันเคยทำให้นายร้องไห้ทั้งๆ
ที่ฉันปกป้องนายมาโดยตลอด......อย่ากลัวฉันไปเลยนะ ฉันขอโทษที่ทำให้นายเจ็บ
ฉันแค่ไม่อยากให้นายร้องไห้อีกแล้วอเล็ค....ฉันมันโง่เองที่คิดว่าควรให้นายอยู่ห่างฉันเข้าไว้....”
แม็กนัสว่าแล้วกระชับอ้อมกอดอเล็คอีก แต่ก็ไม่แน่นจนเกินไป ราวกับว่าอเล็คนั้นเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่แสนบอบบางและในขณะเดียวกันก็ดึงดันราวกับลูกแมวขี้กลัว
เพื่อนร่างบางพยายามแกะแขมแม็กนัสออก แต่ก็โดนมือแกร่งของอีกคนจับข้อมือขาวๆ
ของเค้าเอาไว้ไม่ให้ทำแบบนั้นได้อีก
อเล็คจึงทำได้เพียงบิดข้อมือของตัวเองไปมาแล้วงอตัวหนีแม็กนัสเพียงเท่านั้น ซึ่งการกระทำนั้นดูไร้ประโยชน์เป็นอย่างมาก
“นายไม่อยาก...อึก
เห็นหน้าฉันแล้ว” อเล็คว่าเสียงสั่นเครือ
“ไม่ ไม่นะอเล็ค
มันไม่เป็นความจริงเลยสักนิดเดียว....ฉันแค่คิดไม่อยากเห็นว่าถ้าไม่ได้อยู่กับนายแล้วมันจะเป็นยังไง ฉันแค่ไม่อยากให้นายลำบากใจ”
แม็กนัสกระซิบ
เสียงของเค้าอยู่ใกล้ใบหูของเพื่อนร่างบางเป็นอย่างมาก
“และฉันมันโง่เอง
หลงคิดไปว่ามันจะง่าย....แต่ฉันปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไปไม่ได้จริงๆ อเล็ค ฉันอยากอยู่กับนาย”
“นายจะเดินออกห่างฉัน
แล้วก็ไล่ฉันไป....ฮึก”
“ฉันสัญญามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น”
แม็กนัสตอบเสียงหนักแน่นแต่ทว่าอ่อนโยน
ตอกย้ำใส่ใจของอเล็คว่าสิ่งที่อเล็คกลัวจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน.........อเล็คเลิกดิ้นในที่สุด
เนื่องจากหมดแรง
และแต่ไหนแต่ไรเค้าก็ไม่เคยสู้แรงแม็กนัสได้อยู่แล้ว........ถ้าที่แม็กนัสพูดนั้นเป็นความจริง อเล็คจะสามารถเชื่อใจเพื่อนร่างสูงคนที่เคยทำร้ายเค้าเมื่อคืนนั้นได้รึเปล่านะ
คนที่กอดเค้าอยู่ตอนนี้ยังเป็นแม็กนัสที่เค้าชอบวิ่งตามอยู่รึเปล่า แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ หัวใจดวงน้อยๆ ดวงนี้ก็คงจะรู้สึกสุขใจไม่น้อยเลย
จะเชื่อใจเค้าได้รึเปล่านะ?
แล้วตอนนี้ตัวอเล็คเองมีอะไรที่จะให้เสียอีกล่ะ?
ถ้าจะยอมโดนหลอกเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งก็คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง อเล็คเหนื่อยมากๆ แล้ว เค้าแค่อยากจะพักผ่อน และลืมเรื่องแย่ๆ ไปสักพักหนึ่งก็เท่านั้น
แม็กนัสอุตส่าห์ใจดีแล้วนี่นา ร่างบางจะถือซะว่านี่เป็นอ้อมกอดของแม็กนัสครั้งสุดท้ายที่เค้าจะได้รับก็แล้วกัน........และก็ไม่ต้องรอนานเลย
เพื่อนตัวน้อยที่จิตใจเปราะซึ่งกำลังจะถูกตีจนแตกหัก
ก็หมุนตัวเข้าหาอ้อมกอดนั้นของเพื่อนร่างสูงที่เค้าหวังอยากให้กกกอดเค้าด้วยความอบอุ่นนี้ตลอดไป
งานที่ทำมาตลอดก็ไม่ได้ทำอีกแล้ว พ่อกับแม่ก็กำลังแย่
และเค้าก็หมดหวังที่จะได้เปิดร้านเป็นของตัวเองแล้ว ความฝันของอเล็คโดนทุบทิ้งจนพังทลายลงต่อหน้า
อเล็คปลอบโฮและกอดตอบอย่างไร้ที่พึ่ง.........แม็กนัสโอบรับทุกอย่างไว้
อ้อมกอดที่ร่างสูงสะโอดสะองนั่นมอบให้อเล็คล้วนจริงแท้ เค้ามันบ้าเองที่เปลี่ยนไป อเล็คของเค้าเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
และเค้าจำความรู้สึกนี้ได้.........ความรู้สึกของอเล็คที่เหมือนโดนทอดทิ้ง ไม่เหลือใคร
เพียงแต่ว่าทำไมร่างกายของอเล็คถึงได้สั่นไปหมดและดูเหมือนแทบจะทิ้งร่างทั้งร่างไว้บนตัวของเค้าเสียอย่างนั้นนะ
“มีอะไรรึเปล่าอเล็ค”
ร่างสูงผิวสีแทนผงกหัวขึ้นมาแล้วเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายให้ศรีษะของร่างบางอิงมาซบเค้าแทน
อเล็คไม่ตอบและเอาแต่ส่ายหน้าขยี้น้ำตาอยู่บนอกเสื้อของแม็กนัส..........บางที อเล็คอาจเจอมากกว่าที่เค้าคิดเอาไว้
นายเจอเรื่องอะไรมาหรืออเล็ค บอกฉันได้หรือเปล่า........แม็กนัสคิดในใจก่อนจะพบว่าเสียงสะอื้นและอาการสั่นเทานั้นของอเล็คได้หายไปแล้ว แม็กนัสเบี่ยงหน้าออกมาดูเล็กน้อย แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างละเหี่ยใจ
อา
หลับไปซะแล้วสิ........ก่อนร่างสูงจะย้ายร่างทั้งตัวเองและเพื่อนตัวน้อยไปนอนบนเตียงที่ดูจะอบอุ่นและอ่อนนุ่มกว่าพื้นห้องแสนเย็นเชียบ
ร่างไร้สติของอเล็คอยู่ในอ้อมกอดของแม็กนัสทั้งคืน
และในความฝันร่างบางผู้น่าสงสารนี้แสนอิ่มเอมใจ
...............ไม่เคยเลยที่จะลืมอ้อมกอดของ
แม็กนัส เบน อเล็ค
ไลท์วู้ดคนนี้จำได้ดีว่ามันแสนอบอุ่นแค่ไหน และน่าประหลาดใจ
เค้าหลับไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ก่อนจะลืมเรื่องปัญหาหนักใจทั้งหลายไปชั่วขณะ...............
แม็กนัสกอดอเล็คไว้
และยอมให้อเล็คใช้ตัวเค้าแทนหมอนพร้อมกับฟูกสัมผัสนุ่มนิ่มมากกว่าตัวของเค้าเป็นไหนๆ
ลำตัวแข็งแรงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามของนายแบบวางเหยียดยาว
โดยมีเพื่อนตัวน้อยขดกายอยู่ภายในแล้วยืมอ้อมแขนสีน้ำผึ้งของแม็กนัสเป็นผ้าห่ม บรรยากาศด้านนอกดูเหน็บหนาวและมืดหม่น กลางคืนใกล้เข้ามาแล้วและแม็กนัสคิดว่าเค้าควรจะกอดอเล็คเอาไว้
อย่าให้เพื่อนตัวน้อยรู้สึกหนาวสั้นได้แม้แต่วินาทีเดียว
*******************************************************************************************
บ้านไลท์วู้ดที่กำลังจะถูกยึด............
“เธอเลิกเดินวนไปวนมาได้ไหมแมรีส.....ลูกด้วยอิซซี่”
โรเบิร์ต
ไลท์วู้ดที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตัวเก่าผายมือทื่อๆ แล้วพูดเสียงแข็งขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว
เมื่อมีสองสาวประจำบ้านกำลังทำตัวเป็นหนูติดจั่นสติกแตกผ่านหน้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งหญิงมากอายุยอมหยุดแต่ไม่โอนอ่อนด้วย
“งั้นก็บอกมาสิ ว่าทำไมเราถึงยังไม่ได้เงินมาให้ธนาคาร!”
เธอเดือดดาลกลับมาแล้วผายมือใส่เค้าบ้าง..........อีกวันเดียวก็จะถึงกำหนดแล้ว
“ก็ถามอเล็คสิเค้าเป็นคนที่เธอโทรไปหาไม่ใช่หรือไง ฉันไม่ใช่เค้า ฉันจะบอกเธอได้หรือไงล่ะ!”
โรเบิร์ตฉุนเฉียวกลับไป
เค้าไม่ชอบให้ภรรยายทำตัวเป็นใหญ่เกินเค้าซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว
แมรีสผู้เป็นภรรยาชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยังคงไม่เย็นลง
เธอพรูลมหายใจออกมาอย่างไม่พอใจแล้วโทรไปหาอเล็คเพื่อไขข้อข้องใจของตัวเองเสีย
มือขาวที่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยถูกยกขึ้นมากุมหน้าผากและเสยผมยาวไร้การหวีไปด้วยขณะรอสาย
และผ่านไปนานพอสมควรจนเธอเกือบคิดจะกดวางสายไปเสียแล้ว
กว่าสายจะถูกรับ แมรีสพูดเสียงระรัวกรอกตามสายไปทันที
“ฮัลโหลอเล็ค แกส่งเงินมาให้แม่รึยัง.....แล้วทำไมเสียงถึงเป็นแบบนั้นล่ะ
เพิ่งตื่นหรือยังไง” ผู้เป็นแม่ที่รีบร้อนต้องการอยากจะได้คำตอบ
เอ่ยถามขึ้นในภายหลังอย่างเอ๊ะใจเมื่อเสียงของลูกชายคนโตฟังดูอู้อี่แปลกๆ
ไป
ทั้งโรเบิร์ตและอิซาเบลต่างก็จ้องมองไปยังแมรีสที่ถือหูโทรศัพท์กันเป็นจุดสนใจเดียว
สองพ่อลูกมองดูหญิงที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาผิงฟังปลายสายด้วยสีหน้าสงบนิ่งและเรียบเฉย เธอไม่เอ่ยขัดประโยคของอเล็คสักคำ จนในที่สุดแล้วเมื่ออเล็คพูดจบ
แมรีสจึงเอ่ยขึ้นบ้าง
“อืม
ถ้างั้นก็กลับบ้านมาเถอะอเล็ค
ที่นั่นไม่มีอะไรให้ลูกอีกแล้ว” เธอพูด
ท่าทางเธอดูเหมือนเป็นแม่ที่ดีขึ้นมาเล็กน้อยและเห็นใจลูกชายเป็นอย่างยิ่ง
โรเบิร์ตเห็นภรรยายวางสายแล้วลดโทรศัพท์ลงอย่างเงียบเชียบ
“เกิดอะไรขึ้นหรือแมรีส”
ชายซึ่งเป็นผู้นำของครอบครัวเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจและใคร่สงสัย
“อเล็คว่ายังไงค่ะแม่”
อิซาเบลพูด
ใจเธอเต้นจนแทบไม่เว้นช่วงไว้ให้หายใจหายคอ........สิ้นเดือนนี้เธอจะเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนที่แคลิฟอร์เนีย ถ้าอเล็คไม่ส่งเงินมาแล้วบ้านถูกยึด แผนของเธอก็จบกัน
หญิงสูงวัยแต่ยังคงร่องรอยของเครื่องสำอางค์และการดูแลตัวเองหันกลับมา
สายตาของเธอราบเรียบและไม่ได้มีท่าทางที่เกินจริงมากไปนัก เธอพูดแล้วเข้าครัวไปเตรียมอาหารเช้า
“อเล็คจะมาหาเราวันนี้”
.
.
.
TBC.
-------------------------------------------------------------------------------------------------
อรั๊ยๆๆๆๆ >///<!! อิตาเบนนนน Did
you wide awake ?
อร้ายยยยยยย โอบกอดอเล็คที่หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจด้วยความเปลวไฟแห่งความห่วงหาอาทรและแสงระยิบระยับอันเต็มไปด้วยความอุ่นอบ
>/////< //มาเป็นเรื่องเป็นราว// ขอจุดพลุนะคะ //จุดพลุ// 55555
แม็กนัส ในที่สุดก็ได้ทำอะไรที่มันสมควรและถูกต้องเป็นอย่างยิ่งอีกอย่างหนึ่งเสียทีนะ
><
แต่ว่าอเล็คนี่ก็น่าสงสารจัดค่ะ ฝีมือเอลซ่าใช่ไหมเนี่ยย นี่จะต้องเป็นฝีมือของเธอแน่ๆ
เลยค่ะที่ทำให้ร้านของอเล็คต้องถูกสั่งปิดอย่างไม่มีมูลมีเหตุแบบนี้.....นังเอลซ่าาาาา
>{}<!!! ทำไมถึงทำกับอเล็คฉันเยี่ยงเน้----!
และขุ่นพ่อ ขุ่นแม่
ขุ่นน้องสาวจะอะไรกันป่านนั้น ไม่ห่วงอเล็คบ้างเลยหรืออย่างไรค่ะ ห่วงเงินอย่างเดียว โทรไปถามว่า สบายดีไหม? ก่อนไม่ได้หรือค่ะ ถามหาเงินก่อนเลย -_-“
แต่ก็นั่นแหละค่ะ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อเล็คจะไปหาพ่อกับแม่จริงหรือ?
ต้องติดตามต่อ Part หน้าค่ะ ^^
แปะเฟสไว้ตามธรรมเนียม
เพื่อมาพูดคุยและแลกเปลี่ยนกับไรท์ได้นะคะ หรือตามฟิคที่คาๆ ไว้ในบล็อก ฮาาาา แต่ช่วงนี้ไรท์จิไม่ค่อยว่างนะเออ
ติดภารกิจสำคัญ หุๆ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< จิ้มเลยค่ะ
และอย่าลืมแสดงเจตจำนง
ว่าท่านเป็นชาวววายด้วยนะเออ ไรท์จะไม่รับคนที่หลงเข้ามาขอเป็นเพื่อนเด็ดขาดเลยค่ะ
เดี๋ยวเค้าใจแตก 55555 ............รักรีดทุกท่านนะคะ พักผ่อนดูแลตัวเองด้วยนะเออ ช่วงนี้บางท่านกำลังอยู่ในเทศกาลสอบ
555555
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น