อ่าาาาาา สวัสดีค่ะรีดๆ ทุกท่านทั้งหลายของไรท์ -3- หายไปประมาณชาติภพเศษๆ เลยทีเดียวค่ะสำหรับ MaLec ของไรท์ แฮ่ๆๆ //หัวเราะแห้ง// ขอโทษนะคะที่ไรท์หายไปนานเลยเรื่องนี้
ไรท์กะจะลง เฮียกะเหมียวให้เสร็จก่อนน่ะคะ
และตอนนี้ “เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี!” ก็ได้ปิดจอไปแล้วเรียบร้อยค่ะ
ต้องขอบคุณสำหรับการติดตามจริงๆ ค่ะ M_
_M //เอ้ย เดี๋ยว....นี่คนละเรื่องกันหนิ แล้วเกี่ยวกันไหม?//
ปู้ดดด ข้ามไปค่ะ ข้ามไป นี่ TMI เนอะ
555555 ^^ ถือว่าอัพเดตค่ะ
5555 และเนื่องด้วยหายไปนาน เป็นเดือนเลยค่ะ เพราะงั้นหากรีดท่านใดอยากให้ได้อรรถรสที่สมบรูณ์ต่อเนื่องก็รบกวนย้อนไปอ่าน
Part 22 นะคะ >< จิได้ต่อกัน
และ Part นี้ ที่ขาดไม่ได้ และห้ามลืมบอกเลยค่ะ.....Part นี้จะมีคนๆ
หนึ่งปรากฏขึ้นมาค่ะ //พูดจาแปลกๆ เนอะไรท์// เอาใหม่ค่ะ
ตอนนี้จะเปิดตัวละครใหม่ที่เป็นตัวละครเก่าค่ะ......?
อ๊ากกกกก งงยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ TUT งั้นเอาเป็นว่าเราไปอ่านกันเลยนะคะ อย่าให้เสียเวลาอย่าช้าทีอยู่ใย ไปหาคำตอบและไขความลับกันเลยค่าาาาา >{}<
-----------------------------------------------------------------------------------------
ผมบึ่งไปคอนโด แต่ก็ไม่รีบเท่าไรนัก
และติดจะนึกภาพไม่ออกเสียด้วยซ้ำว่าผมจะทำหน้ายังไงใส่เอลซ่าดี ผมคิดว่าเธอคงรู้แล้วว่า
ผมคิดอะไรอยู่ในใจเกี่ยวกับเรื่องพิรุตของเธอในวันนั้น และใช่ ผมจะไม่หลอกตัวเองอีกแล้ว
ผมจอดรถในที่จอดรถส่วนตัวแล้วขึ้นลิฟต์อย่างกระตือรือร้นนิดๆ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆ
ที่เอลซ่ามีเปอร์เซ็นที่จะทำเรื่องไม่คาดฝันเป็นอย่างมากในสภาพจิตใจเช่นนั้นแต่ผมก็คิดถึงเธอน้อยกว่าอเล็คมาก ถ้าทำได้ผมคงจะตัดสินใจอยู่กับอเล็คต่อ
และบอกสิ่งที่อยากบอกกับอเล็คไป.........ผมคำนึงในใจ
มันจะสายเกินไปรึเปล่านะ?
มันจะสายเกินไปไหม ถ้าผมเพิ่งได้รู้ถึงความรู้สึกตัวเอง
และใช้เวลาไม่นานเลย ลิฟต์ก็มาหยุดอยู่ที่ชั้นของผม
ผมเดินออกไปและเห็นเอลซ่ายืนร้องไห้กับประตูห้องของผมอยู่
อนึ่งเหมือนบานไม้แข็งๆ นั่นเป็นอกของผม
และทันทีที่เห็นผม
เอลซ่าก็รีบวิ่งเข้ามาซุกหน้ากับอกจริงๆ ของผมอย่างรวดเร็ว ผมจับไหล่เธอให้ผละออกมา
ก่อนผมจะเปิดประตูห้องพร้อมเชิญเธอเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น?” ผมว่า
ในขณะที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดและเอลซ่านั่งอยู่บนตัวถัดไป หน้าของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยการละลายตัวของมาสคาร่า ผมไม่เคยเห็นเธอลุคนี้มาก่อนเลย
และติดจะตกใจนิดๆ ...............ก็เธอไม่เคยปล่อยตัวอย่างนี้เลยนี่นา
เอลซ่าขยำกระโปรง และเบะปาก “ฉันรู้สึกแย่....” เธอเอ่ยสั้นๆ
และใบหน้าดูรวดร้าว
ผมจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ เพราะผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกกับเธอเช่นไรดี
“แย่กับอะไรงั้นหรือ”
ผมเอ่ยถาม ดูตรงไปตรงมา แต่แล้วจู่ๆ เอลซ่าก็ย้ายมานั่งข้างๆ
ผมแล้วกุมมือผมไว้
เล็บสีหวานของเธอครูดกับมือของผม
“แม็กนัส...” เธอร่ำร้อง
“.....ฉันคิดถึงคุณ” เธอทำหน้าปวดใจ อย่างตอนที่แสดงหนังดราม่าเรื่องล่าสุด ผมนึกอยากตบหน้าเตือนสติตัวเองในใจซะให้ได้.....นี่เธอกำลังดูเดือดร้อนอยู่นะ
ผมคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่เนี่ย
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป
และเอลซ่าก็ยังคงเข้าประชิดตัวผมต่อไป “ฉันรักคุณแม็กนัส.....โอ้
ฉันรักคุณมากเหลือเกิน” เธอบอกรักผม
แต่ทำไมถึงต้องทำหน้าเหมือนผมกำลังจะบอกเลิกเธออย่างนั้นด้วยนะ
และผมก็ไม่เข้าใจการกระทำของเธอว่าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่.........
“โอ อะ เอ่อ...”
ผมถอยเพราะโดนเธอเบียด
และอยากให้เธอหยุดทำมันซะ “ทำไมคุณถึงไม่เข้ามานั่งรอในห้องล่ะ”
ผมเอ่ยถามออกไป
เพื่อให้เอลซ่าหยุดทำแบบนั้นซะ และมันก็ได้ผล เอลซ่านิ่งไปและตอบอย่างปรกติ
“ฉันจะเข้ามาได้ยังไงกัน ฉันยืนรอคุณอยู่หน้าห้องตั้งนานแหนะ” เธอทำเสียงสะอิกสะอ้อยอีก แต่ผมกลับงงจัด
“ไม่ใช่ว่าคุณเข้ามาเมื่อไรก็ได้ไม่ใช่หรือ”
ผมว่า และเงียบไป
เช่นเดียวกับเอลซ่าที่ชะงักค้าง
ผมเห็นเธอหลุบตาก้มมองต่ำแล้วกลอกไปมาคลายกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง
ก่อนคนที่จับมือผมจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วจิกมือของผมอีก
“ฉันรักคุณแม็กนัส! ฉันไม่อยากห่างจากคุณเลย ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณ”
เอลซ่าพูด
และมันทำให้ผมรู้สึกอยากจะพิสูจน์ขึ้นมาเสียแล้วสิ
ผมกล่าวเสียงเรียบ
“งั้นคุณให้คำตอบเรื่องไวน์ขวดนั้นกับผมได้ไหม” ผมพูดและทำให้เธอทำท่าทีแปลกๆ
นั่นอีก กระทั่งเอลซ่าตัดสินใจกรีดร้อง
“มันเป็นเรื่องผิดพลาด ฉันไม่ได้ตั้งใจ.....” เอลซ่าทำตาโต
คล้ายกับว่าเธอเพิ่งหลุดปากในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา
“มันเป็นของคุณจริงๆ ใช่ไหม?”
ผมผงะ ก่อนจะแกะมือตัวเองออกมาแล้วขยับถอยห่างโดยอัตโนมัติ............และหัวใจผมเหมือนโดนเสียดแทง ความเจ็บจี๊ดแล่นเข้ามาหาหว่างคิ้ว
ผมไม่เข้าใจ ทำไมเธอจะต้องทำแบบนี้ด้วย
เอลซ่าละลำละลัก “สาบานได้ ฉันไม่ได้.....มันไม่ใช่ของฉันจริงๆ นะ ที่ฉันมานี่ก็เพื่อให้คุณมั่นใจ
และบอกให้คุณรู้ว่าฉันรักคุณ” มือที่เต็มไปด้วยเล็บซึ่งเคยจิกผมนั้นเอื้อมออกมา
หมายจะจับเข้าที่แก้มของผม
แต่ผมปัดออกอย่างเบามือ
ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำแบบนี้
“แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะทำแบบนี้”
ผมไหวไหล่ เหมือนสมเพสตัวเองที่ทำตัวโง่เง่า
เอลซ่าบีบน้ำตาอีก “แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฉันทำไปก็เพื่อคุณนะ......”
“ด้วยการวางยาผมอย่างนั้นหรือ?!” ผมผุดลุกขึ้น
สองมือกำแน่นเมื่อแน่ชัดแล้วในข้อสงสัยของตัวเอง
“ได้โปรดเถอะอภัยให้ฉันด้วยแม็กนัส มันไม่ใช่ความคิดฉัน....ฉัน ฉันถูกชักจูง! คุณก็รู้ว่าฉันโดนชักจูงง่ายเสมอ มีคนเกลี้ยกล่อมให้ฉันทำ!”
เธอเอ่ยถึงความใสซื่อของตัวเอง
ที่วันนี้ผมเพิ่งจะได้รู้แล้วว่าเธอเองก็ไม่ได้ใสซื่อเป็นเพียงอย่างเดียว
“ใครจะบอกให้คุณทำ! ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่เก่งไปซะทุกอย่าง
อย่างคุณจะไม่ยอมคิดถึงผลที่จะตามมาในอนาคตหรอกนะ” ผมยกมือขึ้นแล้วอ้าแขนออก
“ฉันเปราะบาง” เธอเอ่ยเสียงน้อย
ราวกับขอความสงสารจากผม
และลุกขึ้นมาหาผมในที่สุด “มีหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับฉัน
นอกจากจะถูกชักจูงง่ายแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่คุณต้องศึกษาฉัน
และฉันก็ไม่เคยรู้จักคุณมากกว่าตอนที่เราเจอกันเลย” เธอว่า เหมือนกำลังจะบอกว่าผมเป็นคนผิดเสียอย่างนั้น
ที่ไม่เข้าใจเธอ
ผมไม่เข้าใจผู้หญิงเลย โดยเฉพาะเอลซ่าในตอนนี้
“ยังมีอะไรที่คุณจะต้องรู้จักผมอีกงั้นหรือ?”
ผมทำเสียงเหมือนกลั้นขำ เพราะให้ตาย
ใครกันล่ะที่แอบเข้ามาในห้องผมแล้วทำความสะอาดให้แทบทุกคืนจนผมไม่ต้องเรียกใช้บริการของแม่บ้านเลย ยกเว้นช่วงหลังๆ มานี้
แต่เธอกลับโพล่งขึ้นเสียงดัง “โอ้
แม็กนัสที่รัก! แค่ตู้เย็นของคุณฉันก็ยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงไหนกันแน่น่ะ! เห็นมันเป็นสี่เหลี่ยมๆ ดำๆ
เหมือนกันไปหมด” เอลซ่าโบกไม้โบกมือ
แต่ผมค้าง........
เธอว่าอะไรนะ?.........
เธอกำลังพูดเหมือนเธอไม่ได้เป็นคนเข้ามาในห้องผมอย่างที่เป็นบ่อยๆ
แล้วใครเป็นคนจัดระเบียบความสะอาดสะอ้านในห้องของผมและทำอาหารให้ผมกัน?!
ผมนิ่งไป รู้สึกชาถึงครึ่งตัว ใบหน้าของผมเสไปทางอื่นอย่างขบคิด ก่อนจะหันกลับมาหาเอลซ่าอย่างไม่รีบร้อน ผมพูดช้าๆ “เรื่องนั้น
คุณก็ไม่ได้บอกด้วยใช่ไหม” เอลซ่าทำหน้างุนงง และผมก็พูดต่อไป
“ที่คุณไม่ยอมทำอาหารหรือทำอะไรๆ โดยที่มีผมอยู่ก็เพราะว่าคุณไม่ใช่คนทำมันอย่างนั้นหรือ”
ผมตั้งคำถามและนึกถึงกระดาษโน็ตรูปแมวสีดำน่ารัก
หลายต่อหลายใบที่ลงชื่อเธอ.........
หลังจากผมเอ่ยจบ เธอก็ทำหน้าเหมือนโดนแทงจากข้างหลังแล้วยกมือขึ้นปิดปากของตัวเอง.........ท่าทางเอลซ่าเหมือนกำลังช็อค แต่มันไม่ถูกหรอก เป็นผมเองเสียมากกว่าที่จะต้องช็อค
เพราะโดนแฟนสาวโกหกมาโดยตลอด
และเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกเหมือนโดนเสียดแทง
“ผมไม่คิดว่าคุณจะ.....”
“แต่ฉันทำไปก็เพื่อคุณ! เพราะฉันรักคุณ! ฉันก็เลยต้องทำทุกอย่าง.....ออกรับทุกอย่างที่จะมัดใจคุณได้!” เอลซ่าพูดขัดประโยคของผมอย่างร้อนใจ
เธอดูเหมือนพร้อมแลกกับทุกอย่างเพื่อให้ผมยังคงรักเธอต่อไป “เพราะว่าคุณชอบ คุณดูมีความสุขเมื่อพูดถึงสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ มันเลยทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียคุณไป!
ฉันเลยต้องทำแบบนั้น พูดคำว่า อ่อใช่ ฉันเป็นคนทำเอง เพื่อให้คุณยังคงรักฉันต่อไป”
“นั่นหมายถึงการโกหกผมมาโดยตลอดหลายปีอย่างนั้นหรือ”
ผมทำหน้าเจ็บปวดใจ และเอลซ่าก็สังเกตเห็น
เธอทำร้ายหัวใจผมได้อย่างร้ายกาจ
และผมก็เกลียดคนโกหกเอามากๆ เลยด้วย
เอลซ่าชักสีหน้าประหลาดใจกับตัวเองแล้วมีทีท่าราวกับว่าหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ควรเอ่ยออกมาเสียแล้ว...........เธอดูเป็นคนละคนกับที่ผมเคยรู้จัก ดูหวงแหน
ดูอ่อนแอ และดูบ้าคลั่ง
เธอเอาแต่ให้เหตุผลกับผมด้วยเสียงโวยวายและกรีดร้องเมื่อผมพูดเรื่องที่เธอเสแสร้งขึ้นมา และใช่ มันเป็นเรื่องจริง ที่เธอพูดว่า เรายังต้องศึกษากันอีกมาก............
เอลซ่าเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่เป็นเจ็บปวดอีกครั้ง
ก่อนจะยื่นมือเดินเข้ามาหมายจะสัมผัสหน้าผม “โอ้ แม็กนัส......”
แต่ผมถอยหนี เธอจึงหยุดเอ่ยปาก
ผมคาดไม่ถึงเลยจริงๆ
ว่าเธอจะทำกับผมได้ “เอลซ่า” ผมพูด
จ้องมองใบหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่อนลง “เราเลิกกันเถอะ”
ผมประหยัดคำแต่ทว่าทำให้เธอแสดงอัปกิริยาได้อย่างมากมายนัก
อดีตแฟนสาวของผมทำหน้าไม่เชื่อหูของตัวเอง
อย่างที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
ดวงตาของเธอเหลือกออกจากกัน “อะไรนะ?.....คุณ คุณว่าอะไรนะ”
ก่อนนิ้วมือที่เรียงตัวเต็มไปด้วยเล็บยาวสีหวานสวยของเธอจะถ่างออกจากกันแล้วหยิกงอ
ใบหน้าของเธอแสดงอาการเหมือนเพิ่งโดนตบ
เอลซ่ากรีดร้องจนผมเกือบตกใจ
“คุณพูดอะไรออกมา! เห็นความรักของฉันมันไม่มีค่ารึไง! จะมีใครรักคุณเท่าฉันไหม.....ไม่ ไม่มีใครรักและอยากอยู่ใกล้คุณเท่าฉันอีกแล้ว!” เธอเป็นบ้าอะไรน่ะ โอ้ พระเจ้า
“ผมต้องการคนที่รักผมเพราะตัวจริง ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงหรือเงินทอง
ผมไม่สนว่าใครจะอยากอยู่ใกล้ผมมากที่สุดหรือชื่นชอบผมมากที่สุดหรอกนะ ที่ผมต้องการคือคนที่เข้าใจผม และเห็นชัด...ว่าคุณไม่ใช่คนๆ นั้นเอลซ่า”
ผมพูด และยักไหล่เล็กน้อย
พยายามทำให้ประโยคชี้แจงนั้นดูเล็กน้อยที่สุด
แต่เธอก็ยังคงโวยไม่เลิก
คราวนี้เอลซ่ากรีดกรายนิ้วที่ขึ้นรูปหงิกงอของตัวเอง วาดไปบนอากาศ รอบศีรษะของตัวเองอย่างหัวเสียมากและมองขึ้นไปด้านบน ก่อนจะหันมาสนใจผมที่เพิ่งบอกเลิกกับเธอ
แล้วเดินหน้าเข้ามาหาผม “เพราะไอ้เด็กนั่นใช่ไหม?! เพราะเจ้าเด็กตาสีฟ้าคนนั้น....เป็นเพราะมัน คุณเลยไม่รักฉัน! คุณเลยทิ้งฉันไป!”
เธอกู่ร้อง และผมก็ฉุนขาด
“อเล็คอายุน้อยกว่าผมแค่สองปี และอีกอย่างเค้าไม่ใช่เด็กแล้วด้วย”
ผมว่าเสียงแข็ง ก่อนจะจับไปที่ข้อมือของเอลซ่าซึ่งตรงเข้ามาหาผม
และผมก็ไม่ชอบเป็นอย่างยิ่งที่เธอพูดถึงอเล็คแบบนั้น
ผมสะบัดมือเธอออก
“เค้ายังน่าคบมากกว่าคุณเสียอีก”
“กรี๊ดดดดด!”
เธอกรีดร้องเหมือนโดนน้ำกรดสาดหน้า แล้วผมก็ถอยหนี
“ฉันเกลียดมันนน!”
“โอ้
พระเจ้าเอลซ่า.....คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ” ไม่....นั่นเธอบ้าไปแล้ว
ผมเคยคบกับผู้หญิงที่มีอาการทางจิตมากขนาดนี้เชียวหรือนี่
และมากเกินพอแล้วสำหรับการแสดงของเธอผมจึงบอกปัด ประกาศออกไป
“ผมว่าเราไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้วล่ะ
คุณกลับไปได้แล้ว
เรื่องที่คุณโวยวายวันนี้ผมจะลืมมันไปซะและไม่บอกเรื่องนี้กับสื่อมวลชน”
ผมดันเธอออกไปอย่างสุภาพ แต่เอลซ่าก็ตบแขนผมแล้วสะบัดออก
“คุณหมายความว่ายังไง! คุณจะทิ้งฉันไปหาไอ้หมอนั่นอย่างงั้นหรือ
แม็กนัส เบน!”
เอลซ่าง้างมือจะตบผมทันทีที่จบประโยคอันแสนจะกรีดแทงเยื่อแก้วหูนั้นของเธอ แต่ทันใดนั้นผมก็รับฝ่ามือของเธอไว้
แล้วจับมันบีบแน่น
ผมกดเสียงต่ำลงอย่างเย็นยะเยียบ
“ใช่ ผมรักเค้า” ผมเอ่ยชัด
ก่อนจะลากเธอไปที่ประตู ท่ามกลางเสียงโวยวายและความไม่ยินยอมพร้อมใจนั้น ผมก็เหวี่ยงเธอออกจากประตูห้องไป
“ผมเสียใจจริงๆ
ที่หลงไปรักคนอย่างคุณ...” ผมกล่าวจากใจ
ก่อนผมจะส่ายหน้าน้อยๆ อย่างนึกสมเพสทั้งตัวเอง และสภาพของเอลซ่าในตอนนี้ที่ดูแทบไม่ได้เลย
“บ้า! คนบ้าเอ้ย! รู้ไหมว่าฉันน่ะมีคนหลงใหลมากมายแค่ไหน! ทำไมถึง.....”
ปัง!
ผมปิดประตูใส่หน้าเธอและเสียงก็เงียบไป
หลังจากถูกกลืนกินด้วยประตูเก็บเสียงของผม
จนไม่มีเสียงใดสามารถเล็ดรอดออกมาได้
ผมหมดแรงไปเลย
ในเวลานั้นผมทรุดตัวลงกับบานประตูและรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ
เมื่อเอลซ่าออกแรงทุบใส่ประตูซึ่งแข็งแรงของผม
แต่ก็เป็นอย่างนั้นไปได้ไม่นาน
มันก็หายไป
อาจเป็นเพราะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาตรงทางเดินนั้น เห็นเธอเข้า
เอลซ่าจึงต้องยอมล่าถอย
เธอคงจะไม่อยากให้คนอื่นๆ
มองเธอเป็นอื่นไปแน่นอน............คนพวกนั้นก็เหมือนกับผมที่หลงคิดไปว่าเธอใสซื่อและน่ารัก แต่มันไม่ใช่เลย ไม่ได้ใกล้เคียงกับตัวตนที่แท้จริงของเธอเสียด้วยซ้ำ
ผมรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว
ภาพและความรู้สึกที่ผมมีร่วมกับอดีตแฟนสาวลอยเข้ามา
และสุดท้ายนั่นคือภาพของอเล็คที่ผมทำใจแข็งเมินเฉยใส่เค้ามาโดยตลอด........ภาพของอเล็คพรั่งพรูออกมา และที่ผมเสียใจที่สุดคือผมนับไม่ได้แล้วว่าผมทำร้ายจิตใจเค้าไปมากมายกี่ครั้งแค่ไหนกัน
ผมนี่มันบ้าที่สุด
น่าสมเพสชะมัดที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีอะไรอยู่ข้างกายตลอดเวลา จนกระทั่งผมกำลังจะเสียเค้าไป...........
ผมมันโง่ที่สุด
และตอนนี้ผมต้องการเวลา.....เวลาที่ผมจะลบภาพของเอลซ่าออกจากใจ มันคงจะทำได้ไม่ยากนัก เพราะเธอไม่ใช่คนที่น่าจดจำอะไรเลย ผมคิดว่าตอนนี้ผมอยากพัก ผมควรจะพักผ่อนให้ทุกอย่างได้เริ่มใหม่ และผมคงไปพบอเล็คในสภาพอย่างนี้ไม่ได้แน่นอน
แต่ผมจะไปหาเค้าแน่..........ผมจะไปหาอเล็คและบอกเค้าว่าผมคิดยังไงกับเค้า
***********************************************************************
เป็นเวลาย่ำค่ำแล้วของมหานครที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้...............
อเล็คซานเดอร์ ไลต์วู้ด
กำลังนั่งเช็ดผมซึ่งเกาะพราวเต็มไปด้วยหยดน้ำ
หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งจะได้อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จไปเมื่อสักครู่นี้นี่เอง ร่างบางสวมเสื้อสเวตเตอร์ตัวโคร่งทับกับเสื้อยืดสีเทาตัวบางซึ่งหากจะสังเกตไปแล้วมันก็ยังดูเหมือนจะใหญ่เกินไปสำหรับตัวเค้าอยู่ดี
.........อเล็คยังคงไม่ยอมใส่เสื้อแขนสั้นธรรมดา
เพราะร่องรอยที่แม็กนัสได้ฝากไว้ยังคงปรากฏชัดอยู่อย่างชัดเจน..........
อเล็คไม่กล้า เค้ารู้สึกกลัวและโดดเดี่ยว ซึ่งหากจะเอ่ยจริงๆ
แล้วหลังจากที่แม็กนัสไปหาเค้าที่บ้านของพ่อกับแม่นั้น อเล็คก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก.......ดีใจหรือ? ใช้คำนี้ได้รึเปล่านะ ใช่ ดีใจ
คำนี้ล่ะที่บ่งบอกถึงความรู้สึกของร่างบางได้อย่างถูกต้องที่สุดในขณะนั้น
และพอกลับมาถึงห้องพักเก่าๆ
แถมเล็กเป็นรังหนูของเค้า เพื่อนร่างสูงก็พูดจาแปลกๆ เอ่ยในสิ่งที่คาดไม่ถึงกับเค้า อเล็คก็เริ่มตามไม่ทัน จนกระทั่งก่อนไปแม็กนัสได้ฝากรอยจูบไว้กับเค้าและทำในสิ่งที่เป็นเหตุให้อเล็คต้องหัวใจไหวสั่น.......ร่างบางรู้สึกสับสนในที่สุดจากสัมผัสของริมฝีปากอุ่นร้อนคู่นั้น แต่ทว่าเมื่อแม็กนัสกลับไปแล้ว ความรู้สึกราวกับถูกว่าคุ้มครองอันไม่มีที่มานั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
เปรียบเสมือนกับได้ปิดไฟในหัวใจของเค้าไป
จู่ๆ
ร่างบางก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาโดยไม่สามารถหาสาเหตุได้.........เหมือนกับวันแรกที่รู้ว่าแม็กนัสมีแฟนและพยายามทำตัวออกห่างจากเค้า
อเล็คส่ายหน้า
นึกภาวนาในใจขออย่าให้เป็นเพราะว่าเค้ายังรักแม็กนัสเหนี่ยวแน่นเช่นเมื่อก่อน ดังนั้นร่างบางจึงได้คิดหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง...............
...........หรือเค้าอาจจะรู้สึกอ้างว้างไปเอง เพราะตัวเค้าเองนั้นกำลังจะจากที่นี่ไป.............
จากคนที่เคยรู้จัก
และรักเช่นครอบครัว เพื่อนๆ
ในร้านลาเฟ่ต์
บรรดาลูกค้าที่ชื่นชอบรอยยิ้มบางๆ ของเค้า
และอีกหลายๆ อย่างที่อเล็คเองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารัก.......ว่าเค้ารักความทรงจำดีๆ
เหล่านั้นมากมายแค่ไหน
และอเล็คก็รักแม็กนัสด้วยเช่นกัน
ดังนั้น
ท้ายที่สุดร่างบางแสนอ่อนโยนและเปราะบางคนนี้ก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงนั้นได้เลย ว่าเค้ารักแม็กนัส.........
ร่างบางหยุดมือที่กำลังถือผ้าขนหนูลง
แล้วโปะมันไว้บนศีรษะแทน
อเล็คเม้มปากเป็นเส้นตรง..........ดูสิ ว่าเค้ามีอะไร เค้าตกงาน
มีห้องพักเล็กๆ
และเงินติดบัญชีที่ไม่นานก็คงจะต้องถูกแม่ถอนไถ้ไปใช้จนหมดแน่ๆ
อย่างไม่มีข้อสงสัย (และใช่
ถ้าหากเค้าคิดจะเปิดร้าน ครอบครัวก็จะต้องเกิดข้อกังขา
ก่อนจะตั้งคำถามอย่างดูแคลนตามมาเป็นพรวน.....”จะไปรอดหรืออเล็ค?”
แม่ของเค้าจะต้องพูดแบบนั้นแน่ นั่นเป็นสัญญาณซึ่งหมายความว่าทุกๆ
คนจะไม่เห็นด้วย อเล็คไม่ชอบเลยที่คนในบ้านชอบจับตามองเค้า)
และแม็กนัสล่ะ มีอะไร
เพื่อนร่างสูงของเค้ามีงานดีๆ ที่ได้ค่าตอบแทนอย่างมหาศาล มีเงินให้ใช้อย่างไม่ขาดมือ เผลอๆ
จะเหลือเฟือเผื่อคนอื่นเสียด้วยซ้ำ
และแม็กนัสก็มีห้องพักที่แพงที่สุดในย่าน มากเกินกว่าที่ใครๆ
จะจ่ายไหวนั่นอีกด้วย
“ฉันกับนายเราอยู่คนละโลกกันเลยรู้ไหม”
อเล็คเอ่ยถึงบุคคลซึ่งไม่อยู่ที่นี่
แต่คล้ายกับว่าเค้ากำลังรำพึงกับตัวเองเสียมากกว่า
และนั่นคือเหตุผลหลักว่าทำไมร่างบางจึงมีความต้องการที่จะย้ายกับไปอยู่บ้านเก่าของตระกลู
สีหน้าอเล็คดูเศร้าหมอง
วันพรุ่งนี้เค้าจะเริ่มเก็บของในห้องนี้แล้วค่อยโทรบอกลาแม็กนัสทีหลัง
เมื่อเค้าพร้อมออกเดินทางก็แล้วกัน.......นั่นมันเป็นการดีสำหรับเค้าที่สุดแล้ว
และร่างบางก็คงจะเริ่มจากชั้นหนังสืออันแสนหวงแหนของเค้าก่อนเป็นแน่..........สเวตเตอร์สีอ่อนร่นลงมาจากหัวไหล่บางเล็กน้อย
เป็นเหตุให้เห็นเสื้อยืดเนื้อบางเบาซึ่งปกคลุมกายขาวอยู่ด้านใน
อเล็คกำลังวางแผนเรื่องการจัดวางหนังสือเข้ากล่องอย่างไรจึงจะสามารถรักษาสภาพของมันเอาไว้ได้ดีที่สุด ในขณะที่บานประตูสีเขียวอ่อนของเค้าถูกเคาะจนเกิดเสียงขึ้นเบาๆ
พอให้เค้าสามารถได้ยินได้
เสียงที่หน้าประตูดังขึ้นอย่างสุภาพ
อเล็คฉงนเล็กน้อยก่อนจะเร่งเดินไปเปิดประตูนั้นเพื่อไม่ให้เสียมารยาทจากการปล่อยให้แขกที่หน้าห้องต้องรอนาน
และทันทีที่ร่างบางเจ้าของห้องได้หมุนลูกบิดเก่าๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคไปในสมัยที่มีนักล่าปีศาจนั้นออก
แล้วเปิดประตูจนปรากฏกายของแขกผู้มาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้ให้เจ้าของห้องได้เห็น
............เป็นใครไปไม่ได้เลย..........
อเล็คระบายยิ้มให้อย่างเป็นมิตร และคนๆ นั้นก็เอ่ยทักทายอย่างสุภาพเช่นทุกครั้ง
“สวัสดีอเล็ค” คาร์ลยิ้มอย่างอ่อนโยนและไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม
แว่นหน้าเตอะของเค้ายังคงสะอาดเอี่ยมราวกับว่าเพิ่งจะแกะกล่องออกมาใช้ใหม่
ร่างบางซึ่งโดนทักทายเหยียดยิ้มกว้างขึ้นอีก
แล้วเอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างสงสัย “มีอะไรหรือครับ วงจรของผมมีอะไรผิดปรกติสะกิดความรู้สึกคุณอีกแล้วหรือ”
อเล็คถามเสียงน่ารักอย่างยิ่งในความรู้สึกของหนุ่มไฮสคลูผู้มาเยือน คาร์ลหัวเราะในลำคอเล็กน้อย
และชายหนุ่มผู้สวมเสื้ออย่างมิดชิดก็เชื้อเชิญตามมารยาท
“คุณเข้ามาก่อนสิ....ผมคิดว่าผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกคุณ”
เค้าว่าก่อนจะหมุนตัวบนสันเท้าแล้วเดินนำเข้าไปในเขตห้องของตนเอง คาร์ลซึ่งถูกเชื้อเชิญเดินตามเข้า
แต่ทว่า.........
“ผมเสียใจจริงๆ
ที่คงจะต้องบอกกับคุณว่าผมไม่สามมารถเปิด......”
เสียงเจื้อยแจ้วแต่ทว่าแฝงด้วยความเศร้าอย่างน่าใจหายของร่างบางนั้นขาดหายไป และตัวเค้าเองก็รู้สึกแสบที่จมูกอย่างรุนแรง
ลูกชายคนโตแห่งตระกลูไลต์วู้ดสัมผัสได้ถึงสิ่งที่โอบรัดรอบตัวเค้าไว้
ซึ่งมันสอดเข้ามาจากทางด้านหลังและมาพร้อมกับอาการแสบจมูกที่เค้ารู้สึก อเล็คพยายามดิ้น
สะบัดตัวเองออกจากการเกาะกุมแม้จะไม่แน่ใจในที่มานัก
แต่ทว่าแขนซึ่งโอบรัดร่างกายของเค้าไว้กลับแน่นขึ้น........มันแข็งแรงเป็นอย่างยิ่งอย่างน่าเหลือเชื่อ
อเล็คจิกมือไปที่ฝ่ามือซึ่งประกบบางอย่างใส่จมูกของเค้าอย่างไร้ประโยขน์ ในเมื่อมันไม่มีทางคลายออกได้เลย อเล็คดิ้นอย่างสุดแรงเกิด และภาพสุดท้ายที่เค้าเห็นคือชั้นหนังสือที่เค้าคิดจะเก็บลงใส่กล่องเป็นอย่างแรก
“สวัสดีอเล็ค”
ชายผู้ที่มีร่างบางซึ่งหมดสติลู่ไหลอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองพูดขึ้น
เสียงฟังดูทุ้มต่ำและเยียบเย็น
คาร์ลแสยะยิ้มมุมปาก.........ถึงไม่บอกผมก็รู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร
คาร์ลเคยบอกชื่อจริงของเค้ากับใครไปไหมนะ?
.........ไม่ ไม่เคยบอกหรอก
ว่าชื่อจริงของเค้าน่ะ
คือ มิคาเอล คอว์ส...........
.
.
.
TBC.
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ฮร๊ายยยยยยยยยย อย่าทำอะไรอเล็คนะ >< !! ห้ามๆๆ จิฟ้องแม็กนัสนะคะ อย่าเลยเชียว
อย่าทำอเล็คนะ
เค้าออกมาแล้วค่ะ คนที่ไรท์ชอบและเก็บงำมาโดยตลอดค่ะ(?) //เดี๋ยว
Part รีดก็จะว่าแกประหลาดปนน่าสะพรึงที่ชอบเค้า
-=-// 55555 งั้น Part หน้าเป็นต้นไป ไรท์ไม่ชอบเค้าแล้วก็ได้ค่ะ -..- 5555+
//Ray – Aund สองใจ// ชอบไม่ชอบก็เม้มท์ๆ กันด้วยนะคะ อยากอ่าน Part ต่อไปรึเปล่าเอ่ย??
ฮาาาา
รอติดตามกันด้วยนะคะ
เรื่องนี้ก็กำลังจะได้ลงจอ เอ้ย!
ปิดจอเหมือนกันกับเฮียเหมียว เค้าแล้วล่ะค่ะ >///< และเร็วๆ นี้
ไรท์กำลังจะปิดจองรวมเล่มของเรื่องนี้ค่ะ
คู่นี้เลยประเดิมคู่แรกของชีวิตไรท์ค่ะ
[FIC - TMI] Your Heart...หัวใจนายเป็นของฉัน - Magnus x Alec PreeOder…Is Coming Soon!
กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำและเรียบเรียงค่ะ ซึ่ง! ในรวมเล่มของไรท์นั้นจะมี Nc สมานแผลใจของอเล็คด้วยค่ะ อะ 5555! ฮี่ๆๆๆๆ! (และ Nc อื่นๆ
ตามมาอย่างมากมาย กระจายค่ะงานนี้ 5555) ก็....รีดก็คงจะชอบกันค่ะ เป็น Nc MaLec อีกแนวหนึ่งที่รีดยังไม่เคยได้อ่านแน่นอนค่ะ พร้อมทั้งตอนพิเศษต่อจากตอนจบของเรื่องนี้ด้วยค่ะ ไรท์จะแต่งต่อเป็นเรื่องราวหลังจากที่เค้าตกลงปลงใจกันได้แล้ว และจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกค่ะ!
แต่ไม่ได้เครียดหรือลุ้นจนรีดตัวโก่งหรือปวดหัวกันหรอกนะคะ ในตอนพิเศษ...ซึ่งคาดว่ายาวแน่ค่ะ ไม่ได้มีแค่ 20 หน้า
-*-.....ก็จะมีเรื่องราวน่ารักกุ๊กกิ๊กของแม็กนัสกับอเล็คด้วยค่ะ >///< น่ารักและหวานเว่อร์มากค่ะ เป็นมุมหวานๆ ของสองคนนี้เนอะ^^ รวมเล่มชุดนี้ไรท์ตั้งใจทำมากๆ
เลยค่ะ ถึงยังไม่ได้ออกมาเป็นเล่ม แต่ตอนนี้ก็เป็นรูปเป็นร่างแล้วค่ะ ไรท์ออกแบบรูปเล่มแล้ว และคิดของแถมไว้แล้วค่ะ ^^ ช่วยไรท์อุดหนุนหน่อยนะคะ ขอให้เป็นความประทับใจแรกของการรวมเล่มครั้งแรกในชีวิตของไรท์ด้วยนะคะ
M><M รบกวนรีดๆ
ช่วยรับพิจารณาด้วยนะคะ ><!!
และไรท์จะออกมาเปิดเผยเรื่องรวมเล่มตอนไหนนั้น ติดตามได้ใน เฟสบุ๊คของไรท์เลยค่ะ
>>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< จิ้มได้เลยค่ะ ^^
ขอบคุณรีดทุกท่านสำหรับการติดตามนะคะ รักรีดทุกท่านมากๆ เลยค่ะ ><
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น