วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 23] Your Heart...หัวใจนายเป็นของฉัน - Magnus x Alec



อ่าาาาาา  สวัสดีค่ะรีดๆ ทุกท่านทั้งหลายของไรท์ -3-  หายไปประมาณชาติภพเศษๆ เลยทีเดียวค่ะสำหรับ MaLec ของไรท์  แฮ่ๆๆ //หัวเราะแห้ง//  ขอโทษนะคะที่ไรท์หายไปนานเลยเรื่องนี้ ไรท์กะจะลง เฮียกะเหมียวให้เสร็จก่อนน่ะคะ  และตอนนี้ “เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี!” ก็ได้ปิดจอไปแล้วเรียบร้อยค่ะ  ต้องขอบคุณสำหรับการติดตามจริงๆ ค่ะ M_ _M  //เอ้ย  เดี๋ยว....นี่คนละเรื่องกันหนิ  แล้วเกี่ยวกันไหม?//

ปู้ดดด  ข้ามไปค่ะ ข้ามไป นี่ TMI เนอะ 555555 ^^  ถือว่าอัพเดตค่ะ 5555  และเนื่องด้วยหายไปนาน  เป็นเดือนเลยค่ะ  เพราะงั้นหากรีดท่านใดอยากให้ได้อรรถรสที่สมบรูณ์ต่อเนื่องก็รบกวนย้อนไปอ่าน Part 22 นะคะ ><  จิได้ต่อกัน

และ Part นี้  ที่ขาดไม่ได้ และห้ามลืมบอกเลยค่ะ.....Part นี้จะมีคนๆ หนึ่งปรากฏขึ้นมาค่ะ //พูดจาแปลกๆ เนอะไรท์//  เอาใหม่ค่ะ  ตอนนี้จะเปิดตัวละครใหม่ที่เป็นตัวละครเก่าค่ะ......?

อ๊ากกกกก  งงยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ TUT  งั้นเอาเป็นว่าเราไปอ่านกันเลยนะคะ  อย่าให้เสียเวลาอย่าช้าทีอยู่ใย  ไปหาคำตอบและไขความลับกันเลยค่าาาาา  >{}<


-----------------------------------------------------------------------------------------


ผมบึ่งไปคอนโด  แต่ก็ไม่รีบเท่าไรนัก และติดจะนึกภาพไม่ออกเสียด้วยซ้ำว่าผมจะทำหน้ายังไงใส่เอลซ่าดี  ผมคิดว่าเธอคงรู้แล้วว่า ผมคิดอะไรอยู่ในใจเกี่ยวกับเรื่องพิรุตของเธอในวันนั้น  และใช่ ผมจะไม่หลอกตัวเองอีกแล้ว

ผมจอดรถในที่จอดรถส่วนตัวแล้วขึ้นลิฟต์อย่างกระตือรือร้นนิดๆ  ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร  ทั้งๆ ที่เอลซ่ามีเปอร์เซ็นที่จะทำเรื่องไม่คาดฝันเป็นอย่างมากในสภาพจิตใจเช่นนั้นแต่ผมก็คิดถึงเธอน้อยกว่าอเล็คมาก  ถ้าทำได้ผมคงจะตัดสินใจอยู่กับอเล็คต่อ และบอกสิ่งที่อยากบอกกับอเล็คไป.........ผมคำนึงในใจ มันจะสายเกินไปรึเปล่านะ?  มันจะสายเกินไปไหม ถ้าผมเพิ่งได้รู้ถึงความรู้สึกตัวเอง

และใช้เวลาไม่นานเลย  ลิฟต์ก็มาหยุดอยู่ที่ชั้นของผม  ผมเดินออกไปและเห็นเอลซ่ายืนร้องไห้กับประตูห้องของผมอยู่ อนึ่งเหมือนบานไม้แข็งๆ นั่นเป็นอกของผม  และทันทีที่เห็นผม  เอลซ่าก็รีบวิ่งเข้ามาซุกหน้ากับอกจริงๆ ของผมอย่างรวดเร็ว  ผมจับไหล่เธอให้ผละออกมา ก่อนผมจะเปิดประตูห้องพร้อมเชิญเธอเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น?” ผมว่า ในขณะที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดและเอลซ่านั่งอยู่บนตัวถัดไป  หน้าของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยการละลายตัวของมาสคาร่า  ผมไม่เคยเห็นเธอลุคนี้มาก่อนเลย และติดจะตกใจนิดๆ ...............ก็เธอไม่เคยปล่อยตัวอย่างนี้เลยนี่นา

เอลซ่าขยำกระโปรง  และเบะปาก “ฉันรู้สึกแย่....” เธอเอ่ยสั้นๆ และใบหน้าดูรวดร้าว  ผมจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ เพราะผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกกับเธอเช่นไรดี

“แย่กับอะไรงั้นหรือ” ผมเอ่ยถาม  ดูตรงไปตรงมา  แต่แล้วจู่ๆ เอลซ่าก็ย้ายมานั่งข้างๆ ผมแล้วกุมมือผมไว้  เล็บสีหวานของเธอครูดกับมือของผม

“แม็กนัส...” เธอร่ำร้อง “.....ฉันคิดถึงคุณ” เธอทำหน้าปวดใจ อย่างตอนที่แสดงหนังดราม่าเรื่องล่าสุด  ผมนึกอยากตบหน้าเตือนสติตัวเองในใจซะให้ได้.....นี่เธอกำลังดูเดือดร้อนอยู่นะ ผมคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่เนี่ย

ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป และเอลซ่าก็ยังคงเข้าประชิดตัวผมต่อไป “ฉันรักคุณแม็กนัส.....โอ้ ฉันรักคุณมากเหลือเกิน” เธอบอกรักผม  แต่ทำไมถึงต้องทำหน้าเหมือนผมกำลังจะบอกเลิกเธออย่างนั้นด้วยนะ  และผมก็ไม่เข้าใจการกระทำของเธอว่าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่.........

“โอ อะ เอ่อ...” ผมถอยเพราะโดนเธอเบียด  และอยากให้เธอหยุดทำมันซะ “ทำไมคุณถึงไม่เข้ามานั่งรอในห้องล่ะ” ผมเอ่ยถามออกไป  เพื่อให้เอลซ่าหยุดทำแบบนั้นซะ และมันก็ได้ผล  เอลซ่านิ่งไปและตอบอย่างปรกติ

“ฉันจะเข้ามาได้ยังไงกัน  ฉันยืนรอคุณอยู่หน้าห้องตั้งนานแหนะ” เธอทำเสียงสะอิกสะอ้อยอีก  แต่ผมกลับงงจัด

“ไม่ใช่ว่าคุณเข้ามาเมื่อไรก็ได้ไม่ใช่หรือ” ผมว่า และเงียบไป  เช่นเดียวกับเอลซ่าที่ชะงักค้าง  ผมเห็นเธอหลุบตาก้มมองต่ำแล้วกลอกไปมาคลายกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง  ก่อนคนที่จับมือผมจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วจิกมือของผมอีก

“ฉันรักคุณแม็กนัส!  ฉันไม่อยากห่างจากคุณเลย  ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณ” เอลซ่าพูด  และมันทำให้ผมรู้สึกอยากจะพิสูจน์ขึ้นมาเสียแล้วสิ

ผมกล่าวเสียงเรียบ “งั้นคุณให้คำตอบเรื่องไวน์ขวดนั้นกับผมได้ไหม” ผมพูดและทำให้เธอทำท่าทีแปลกๆ นั่นอีก  กระทั่งเอลซ่าตัดสินใจกรีดร้อง

“มันเป็นเรื่องผิดพลาด  ฉันไม่ได้ตั้งใจ.....” เอลซ่าทำตาโต  คล้ายกับว่าเธอเพิ่งหลุดปากในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา

“มันเป็นของคุณจริงๆ ใช่ไหม?” ผมผงะ  ก่อนจะแกะมือตัวเองออกมาแล้วขยับถอยห่างโดยอัตโนมัติ............และหัวใจผมเหมือนโดนเสียดแทง  ความเจ็บจี๊ดแล่นเข้ามาหาหว่างคิ้ว

ผมไม่เข้าใจ  ทำไมเธอจะต้องทำแบบนี้ด้วย

เอลซ่าละลำละลัก “สาบานได้  ฉันไม่ได้.....มันไม่ใช่ของฉันจริงๆ นะ  ที่ฉันมานี่ก็เพื่อให้คุณมั่นใจ และบอกให้คุณรู้ว่าฉันรักคุณ” มือที่เต็มไปด้วยเล็บซึ่งเคยจิกผมนั้นเอื้อมออกมา หมายจะจับเข้าที่แก้มของผม  แต่ผมปัดออกอย่างเบามือ

ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำแบบนี้

“แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะทำแบบนี้” ผมไหวไหล่ เหมือนสมเพสตัวเองที่ทำตัวโง่เง่า

เอลซ่าบีบน้ำตาอีก “แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น  ฉันทำไปก็เพื่อคุณนะ......”

“ด้วยการวางยาผมอย่างนั้นหรือ?!” ผมผุดลุกขึ้น  สองมือกำแน่นเมื่อแน่ชัดแล้วในข้อสงสัยของตัวเอง

“ได้โปรดเถอะอภัยให้ฉันด้วยแม็กนัส  มันไม่ใช่ความคิดฉัน....ฉัน  ฉันถูกชักจูง! คุณก็รู้ว่าฉันโดนชักจูงง่ายเสมอ  มีคนเกลี้ยกล่อมให้ฉันทำ!” เธอเอ่ยถึงความใสซื่อของตัวเอง  ที่วันนี้ผมเพิ่งจะได้รู้แล้วว่าเธอเองก็ไม่ได้ใสซื่อเป็นเพียงอย่างเดียว

“ใครจะบอกให้คุณทำ! ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่เก่งไปซะทุกอย่าง อย่างคุณจะไม่ยอมคิดถึงผลที่จะตามมาในอนาคตหรอกนะ” ผมยกมือขึ้นแล้วอ้าแขนออก

“ฉันเปราะบาง” เธอเอ่ยเสียงน้อย ราวกับขอความสงสารจากผม  และลุกขึ้นมาหาผมในที่สุด “มีหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับฉัน  นอกจากจะถูกชักจูงง่ายแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่คุณต้องศึกษาฉัน  และฉันก็ไม่เคยรู้จักคุณมากกว่าตอนที่เราเจอกันเลย” เธอว่า เหมือนกำลังจะบอกว่าผมเป็นคนผิดเสียอย่างนั้น ที่ไม่เข้าใจเธอ

ผมไม่เข้าใจผู้หญิงเลย  โดยเฉพาะเอลซ่าในตอนนี้

“ยังมีอะไรที่คุณจะต้องรู้จักผมอีกงั้นหรือ?” ผมทำเสียงเหมือนกลั้นขำ เพราะให้ตาย  ใครกันล่ะที่แอบเข้ามาในห้องผมแล้วทำความสะอาดให้แทบทุกคืนจนผมไม่ต้องเรียกใช้บริการของแม่บ้านเลย  ยกเว้นช่วงหลังๆ มานี้

แต่เธอกลับโพล่งขึ้นเสียงดัง “โอ้ แม็กนัสที่รัก! แค่ตู้เย็นของคุณฉันก็ยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงไหนกันแน่น่ะ!  เห็นมันเป็นสี่เหลี่ยมๆ ดำๆ เหมือนกันไปหมด” เอลซ่าโบกไม้โบกมือ  แต่ผมค้าง........

เธอว่าอะไรนะ?.........

เธอกำลังพูดเหมือนเธอไม่ได้เป็นคนเข้ามาในห้องผมอย่างที่เป็นบ่อยๆ  แล้วใครเป็นคนจัดระเบียบความสะอาดสะอ้านในห้องของผมและทำอาหารให้ผมกัน?!

ผมนิ่งไป  รู้สึกชาถึงครึ่งตัว  ใบหน้าของผมเสไปทางอื่นอย่างขบคิด   ก่อนจะหันกลับมาหาเอลซ่าอย่างไม่รีบร้อน  ผมพูดช้าๆ “เรื่องนั้น คุณก็ไม่ได้บอกด้วยใช่ไหม” เอลซ่าทำหน้างุนงง และผมก็พูดต่อไป “ที่คุณไม่ยอมทำอาหารหรือทำอะไรๆ โดยที่มีผมอยู่ก็เพราะว่าคุณไม่ใช่คนทำมันอย่างนั้นหรือ” ผมตั้งคำถามและนึกถึงกระดาษโน็ตรูปแมวสีดำน่ารัก หลายต่อหลายใบที่ลงชื่อเธอ.........

หลังจากผมเอ่ยจบ  เธอก็ทำหน้าเหมือนโดนแทงจากข้างหลังแล้วยกมือขึ้นปิดปากของตัวเอง.........ท่าทางเอลซ่าเหมือนกำลังช็อค  แต่มันไม่ถูกหรอก  เป็นผมเองเสียมากกว่าที่จะต้องช็อค เพราะโดนแฟนสาวโกหกมาโดยตลอด

และเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกเหมือนโดนเสียดแทง “ผมไม่คิดว่าคุณจะ.....”

“แต่ฉันทำไปก็เพื่อคุณ!  เพราะฉันรักคุณ! ฉันก็เลยต้องทำทุกอย่าง.....ออกรับทุกอย่างที่จะมัดใจคุณได้!” เอลซ่าพูดขัดประโยคของผมอย่างร้อนใจ  เธอดูเหมือนพร้อมแลกกับทุกอย่างเพื่อให้ผมยังคงรักเธอต่อไป  “เพราะว่าคุณชอบ  คุณดูมีความสุขเมื่อพูดถึงสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ  มันเลยทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียคุณไป!  ฉันเลยต้องทำแบบนั้น  พูดคำว่า อ่อใช่ ฉันเป็นคนทำเอง  เพื่อให้คุณยังคงรักฉันต่อไป”

“นั่นหมายถึงการโกหกผมมาโดยตลอดหลายปีอย่างนั้นหรือ” ผมทำหน้าเจ็บปวดใจ  และเอลซ่าก็สังเกตเห็น

เธอทำร้ายหัวใจผมได้อย่างร้ายกาจ

และผมก็เกลียดคนโกหกเอามากๆ เลยด้วย

เอลซ่าชักสีหน้าประหลาดใจกับตัวเองแล้วมีทีท่าราวกับว่าหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ควรเอ่ยออกมาเสียแล้ว...........เธอดูเป็นคนละคนกับที่ผมเคยรู้จัก  ดูหวงแหน  ดูอ่อนแอ  และดูบ้าคลั่ง  เธอเอาแต่ให้เหตุผลกับผมด้วยเสียงโวยวายและกรีดร้องเมื่อผมพูดเรื่องที่เธอเสแสร้งขึ้นมา  และใช่ มันเป็นเรื่องจริง  ที่เธอพูดว่า เรายังต้องศึกษากันอีกมาก............

เอลซ่าเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่เป็นเจ็บปวดอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือเดินเข้ามาหมายจะสัมผัสหน้าผม “โอ้ แม็กนัส......”

แต่ผมถอยหนี  เธอจึงหยุดเอ่ยปาก

ผมคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเธอจะทำกับผมได้ “เอลซ่า” ผมพูด  จ้องมองใบหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่อนลง “เราเลิกกันเถอะ” ผมประหยัดคำแต่ทว่าทำให้เธอแสดงอัปกิริยาได้อย่างมากมายนัก

อดีตแฟนสาวของผมทำหน้าไม่เชื่อหูของตัวเอง อย่างที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน  ดวงตาของเธอเหลือกออกจากกัน “อะไรนะ?.....คุณ คุณว่าอะไรนะ” ก่อนนิ้วมือที่เรียงตัวเต็มไปด้วยเล็บยาวสีหวานสวยของเธอจะถ่างออกจากกันแล้วหยิกงอ  ใบหน้าของเธอแสดงอาการเหมือนเพิ่งโดนตบ

เอลซ่ากรีดร้องจนผมเกือบตกใจ “คุณพูดอะไรออกมา!  เห็นความรักของฉันมันไม่มีค่ารึไงจะมีใครรักคุณเท่าฉันไหม.....ไม่  ไม่มีใครรักและอยากอยู่ใกล้คุณเท่าฉันอีกแล้ว!” เธอเป็นบ้าอะไรน่ะ  โอ้ พระเจ้า

“ผมต้องการคนที่รักผมเพราะตัวจริง  ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงหรือเงินทอง  ผมไม่สนว่าใครจะอยากอยู่ใกล้ผมมากที่สุดหรือชื่นชอบผมมากที่สุดหรอกนะ  ที่ผมต้องการคือคนที่เข้าใจผม  และเห็นชัด...ว่าคุณไม่ใช่คนๆ นั้นเอลซ่า” ผมพูด และยักไหล่เล็กน้อย  พยายามทำให้ประโยคชี้แจงนั้นดูเล็กน้อยที่สุด

แต่เธอก็ยังคงโวยไม่เลิก  คราวนี้เอลซ่ากรีดกรายนิ้วที่ขึ้นรูปหงิกงอของตัวเอง วาดไปบนอากาศ  รอบศีรษะของตัวเองอย่างหัวเสียมากและมองขึ้นไปด้านบน  ก่อนจะหันมาสนใจผมที่เพิ่งบอกเลิกกับเธอ แล้วเดินหน้าเข้ามาหาผม “เพราะไอ้เด็กนั่นใช่ไหม?เพราะเจ้าเด็กตาสีฟ้าคนนั้น....เป็นเพราะมัน คุณเลยไม่รักฉัน!  คุณเลยทิ้งฉันไป!

เธอกู่ร้อง  และผมก็ฉุนขาด “อเล็คอายุน้อยกว่าผมแค่สองปี  และอีกอย่างเค้าไม่ใช่เด็กแล้วด้วย” ผมว่าเสียงแข็ง ก่อนจะจับไปที่ข้อมือของเอลซ่าซึ่งตรงเข้ามาหาผม  และผมก็ไม่ชอบเป็นอย่างยิ่งที่เธอพูดถึงอเล็คแบบนั้น 

ผมสะบัดมือเธอออก “เค้ายังน่าคบมากกว่าคุณเสียอีก” 

กรี๊ดดดดด!” เธอกรีดร้องเหมือนโดนน้ำกรดสาดหน้า  แล้วผมก็ถอยหนี “ฉันเกลียดมันนน!

“โอ้ พระเจ้าเอลซ่า.....คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ” ไม่....นั่นเธอบ้าไปแล้ว  ผมเคยคบกับผู้หญิงที่มีอาการทางจิตมากขนาดนี้เชียวหรือนี่  และมากเกินพอแล้วสำหรับการแสดงของเธอผมจึงบอกปัด ประกาศออกไป “ผมว่าเราไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้วล่ะ  คุณกลับไปได้แล้ว  เรื่องที่คุณโวยวายวันนี้ผมจะลืมมันไปซะและไม่บอกเรื่องนี้กับสื่อมวลชน”

ผมดันเธอออกไปอย่างสุภาพ  แต่เอลซ่าก็ตบแขนผมแล้วสะบัดออก “คุณหมายความว่ายังไงคุณจะทิ้งฉันไปหาไอ้หมอนั่นอย่างงั้นหรือ แม็กนัส   เบน!” เอลซ่าง้างมือจะตบผมทันทีที่จบประโยคอันแสนจะกรีดแทงเยื่อแก้วหูนั้นของเธอ  แต่ทันใดนั้นผมก็รับฝ่ามือของเธอไว้ แล้วจับมันบีบแน่น  ผมกดเสียงต่ำลงอย่างเย็นยะเยียบ

“ใช่  ผมรักเค้า”  ผมเอ่ยชัด  ก่อนจะลากเธอไปที่ประตู ท่ามกลางเสียงโวยวายและความไม่ยินยอมพร้อมใจนั้น  ผมก็เหวี่ยงเธอออกจากประตูห้องไป

“ผมเสียใจจริงๆ ที่หลงไปรักคนอย่างคุณ...” ผมกล่าวจากใจ  ก่อนผมจะส่ายหน้าน้อยๆ อย่างนึกสมเพสทั้งตัวเอง และสภาพของเอลซ่าในตอนนี้ที่ดูแทบไม่ได้เลย

“บ้า! คนบ้าเอ้ยรู้ไหมว่าฉันน่ะมีคนหลงใหลมากมายแค่ไหนทำไมถึง.....”

ปัง!

ผมปิดประตูใส่หน้าเธอและเสียงก็เงียบไป หลังจากถูกกลืนกินด้วยประตูเก็บเสียงของผม จนไม่มีเสียงใดสามารถเล็ดรอดออกมาได้  ผมหมดแรงไปเลย   ในเวลานั้นผมทรุดตัวลงกับบานประตูและรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ เมื่อเอลซ่าออกแรงทุบใส่ประตูซึ่งแข็งแรงของผม  แต่ก็เป็นอย่างนั้นไปได้ไม่นาน  มันก็หายไป  อาจเป็นเพราะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาตรงทางเดินนั้น  เห็นเธอเข้า  เอลซ่าจึงต้องยอมล่าถอย  เธอคงจะไม่อยากให้คนอื่นๆ มองเธอเป็นอื่นไปแน่นอน............คนพวกนั้นก็เหมือนกับผมที่หลงคิดไปว่าเธอใสซื่อและน่ารัก  แต่มันไม่ใช่เลย  ไม่ได้ใกล้เคียงกับตัวตนที่แท้จริงของเธอเสียด้วยซ้ำ

ผมรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว  ภาพและความรู้สึกที่ผมมีร่วมกับอดีตแฟนสาวลอยเข้ามา และสุดท้ายนั่นคือภาพของอเล็คที่ผมทำใจแข็งเมินเฉยใส่เค้ามาโดยตลอด........ภาพของอเล็คพรั่งพรูออกมา  และที่ผมเสียใจที่สุดคือผมนับไม่ได้แล้วว่าผมทำร้ายจิตใจเค้าไปมากมายกี่ครั้งแค่ไหนกัน

ผมนี่มันบ้าที่สุด  น่าสมเพสชะมัดที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีอะไรอยู่ข้างกายตลอดเวลา  จนกระทั่งผมกำลังจะเสียเค้าไป...........

ผมมันโง่ที่สุด

และตอนนี้ผมต้องการเวลา.....เวลาที่ผมจะลบภาพของเอลซ่าออกจากใจ  มันคงจะทำได้ไม่ยากนัก เพราะเธอไม่ใช่คนที่น่าจดจำอะไรเลย  ผมคิดว่าตอนนี้ผมอยากพัก  ผมควรจะพักผ่อนให้ทุกอย่างได้เริ่มใหม่  และผมคงไปพบอเล็คในสภาพอย่างนี้ไม่ได้แน่นอน  แต่ผมจะไปหาเค้าแน่..........ผมจะไปหาอเล็คและบอกเค้าว่าผมคิดยังไงกับเค้า


***********************************************************************


เป็นเวลาย่ำค่ำแล้วของมหานครที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้...............

อเล็คซานเดอร์   ไลต์วู้ด กำลังนั่งเช็ดผมซึ่งเกาะพราวเต็มไปด้วยหยดน้ำ หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งจะได้อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จไปเมื่อสักครู่นี้นี่เอง  ร่างบางสวมเสื้อสเวตเตอร์ตัวโคร่งทับกับเสื้อยืดสีเทาตัวบางซึ่งหากจะสังเกตไปแล้วมันก็ยังดูเหมือนจะใหญ่เกินไปสำหรับตัวเค้าอยู่ดี

.........อเล็คยังคงไม่ยอมใส่เสื้อแขนสั้นธรรมดา  เพราะร่องรอยที่แม็กนัสได้ฝากไว้ยังคงปรากฏชัดอยู่อย่างชัดเจน..........

อเล็คไม่กล้า  เค้ารู้สึกกลัวและโดดเดี่ยว  ซึ่งหากจะเอ่ยจริงๆ แล้วหลังจากที่แม็กนัสไปหาเค้าที่บ้านของพ่อกับแม่นั้น  อเล็คก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก.......ดีใจหรือ?  ใช้คำนี้ได้รึเปล่านะ  ใช่ ดีใจ คำนี้ล่ะที่บ่งบอกถึงความรู้สึกของร่างบางได้อย่างถูกต้องที่สุดในขณะนั้น

และพอกลับมาถึงห้องพักเก่าๆ แถมเล็กเป็นรังหนูของเค้า เพื่อนร่างสูงก็พูดจาแปลกๆ  เอ่ยในสิ่งที่คาดไม่ถึงกับเค้า  อเล็คก็เริ่มตามไม่ทัน  จนกระทั่งก่อนไปแม็กนัสได้ฝากรอยจูบไว้กับเค้าและทำในสิ่งที่เป็นเหตุให้อเล็คต้องหัวใจไหวสั่น.......ร่างบางรู้สึกสับสนในที่สุดจากสัมผัสของริมฝีปากอุ่นร้อนคู่นั้น  แต่ทว่าเมื่อแม็กนัสกลับไปแล้ว  ความรู้สึกราวกับถูกว่าคุ้มครองอันไม่มีที่มานั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เปรียบเสมือนกับได้ปิดไฟในหัวใจของเค้าไป

จู่ๆ ร่างบางก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาโดยไม่สามารถหาสาเหตุได้.........เหมือนกับวันแรกที่รู้ว่าแม็กนัสมีแฟนและพยายามทำตัวออกห่างจากเค้า

อเล็คส่ายหน้า  นึกภาวนาในใจขออย่าให้เป็นเพราะว่าเค้ายังรักแม็กนัสเหนี่ยวแน่นเช่นเมื่อก่อน  ดังนั้นร่างบางจึงได้คิดหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง...............

...........หรือเค้าอาจจะรู้สึกอ้างว้างไปเอง  เพราะตัวเค้าเองนั้นกำลังจะจากที่นี่ไป.............

จากคนที่เคยรู้จัก และรักเช่นครอบครัว  เพื่อนๆ ในร้านลาเฟ่ต์  บรรดาลูกค้าที่ชื่นชอบรอยยิ้มบางๆ ของเค้า  และอีกหลายๆ อย่างที่อเล็คเองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารัก.......ว่าเค้ารักความทรงจำดีๆ เหล่านั้นมากมายแค่ไหน

และอเล็คก็รักแม็กนัสด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ท้ายที่สุดร่างบางแสนอ่อนโยนและเปราะบางคนนี้ก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงนั้นได้เลย  ว่าเค้ารักแม็กนัส.........

ร่างบางหยุดมือที่กำลังถือผ้าขนหนูลง แล้วโปะมันไว้บนศีรษะแทน  อเล็คเม้มปากเป็นเส้นตรง..........ดูสิ ว่าเค้ามีอะไร  เค้าตกงาน  มีห้องพักเล็กๆ  และเงินติดบัญชีที่ไม่นานก็คงจะต้องถูกแม่ถอนไถ้ไปใช้จนหมดแน่ๆ อย่างไม่มีข้อสงสัย (และใช่  ถ้าหากเค้าคิดจะเปิดร้าน ครอบครัวก็จะต้องเกิดข้อกังขา ก่อนจะตั้งคำถามอย่างดูแคลนตามมาเป็นพรวน.....”จะไปรอดหรืออเล็ค?” แม่ของเค้าจะต้องพูดแบบนั้นแน่  นั่นเป็นสัญญาณซึ่งหมายความว่าทุกๆ คนจะไม่เห็นด้วย อเล็คไม่ชอบเลยที่คนในบ้านชอบจับตามองเค้า)

และแม็กนัสล่ะ  มีอะไร  เพื่อนร่างสูงของเค้ามีงานดีๆ ที่ได้ค่าตอบแทนอย่างมหาศาล  มีเงินให้ใช้อย่างไม่ขาดมือ เผลอๆ จะเหลือเฟือเผื่อคนอื่นเสียด้วยซ้ำ  และแม็กนัสก็มีห้องพักที่แพงที่สุดในย่าน มากเกินกว่าที่ใครๆ จะจ่ายไหวนั่นอีกด้วย

“ฉันกับนายเราอยู่คนละโลกกันเลยรู้ไหม” อเล็คเอ่ยถึงบุคคลซึ่งไม่อยู่ที่นี่ แต่คล้ายกับว่าเค้ากำลังรำพึงกับตัวเองเสียมากกว่า  และนั่นคือเหตุผลหลักว่าทำไมร่างบางจึงมีความต้องการที่จะย้ายกับไปอยู่บ้านเก่าของตระกลู

สีหน้าอเล็คดูเศร้าหมอง  วันพรุ่งนี้เค้าจะเริ่มเก็บของในห้องนี้แล้วค่อยโทรบอกลาแม็กนัสทีหลัง  เมื่อเค้าพร้อมออกเดินทางก็แล้วกัน.......นั่นมันเป็นการดีสำหรับเค้าที่สุดแล้ว

และร่างบางก็คงจะเริ่มจากชั้นหนังสืออันแสนหวงแหนของเค้าก่อนเป็นแน่..........สเวตเตอร์สีอ่อนร่นลงมาจากหัวไหล่บางเล็กน้อย เป็นเหตุให้เห็นเสื้อยืดเนื้อบางเบาซึ่งปกคลุมกายขาวอยู่ด้านใน  อเล็คกำลังวางแผนเรื่องการจัดวางหนังสือเข้ากล่องอย่างไรจึงจะสามารถรักษาสภาพของมันเอาไว้ได้ดีที่สุด  ในขณะที่บานประตูสีเขียวอ่อนของเค้าถูกเคาะจนเกิดเสียงขึ้นเบาๆ พอให้เค้าสามารถได้ยินได้

เสียงที่หน้าประตูดังขึ้นอย่างสุภาพ  อเล็คฉงนเล็กน้อยก่อนจะเร่งเดินไปเปิดประตูนั้นเพื่อไม่ให้เสียมารยาทจากการปล่อยให้แขกที่หน้าห้องต้องรอนาน  และทันทีที่ร่างบางเจ้าของห้องได้หมุนลูกบิดเก่าๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคไปในสมัยที่มีนักล่าปีศาจนั้นออก แล้วเปิดประตูจนปรากฏกายของแขกผู้มาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้ให้เจ้าของห้องได้เห็น

............เป็นใครไปไม่ได้เลย..........

อเล็คระบายยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  และคนๆ นั้นก็เอ่ยทักทายอย่างสุภาพเช่นทุกครั้ง

“สวัสดีอเล็ค” คาร์ลยิ้มอย่างอ่อนโยนและไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม  แว่นหน้าเตอะของเค้ายังคงสะอาดเอี่ยมราวกับว่าเพิ่งจะแกะกล่องออกมาใช้ใหม่

ร่างบางซึ่งโดนทักทายเหยียดยิ้มกว้างขึ้นอีก แล้วเอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างสงสัย “มีอะไรหรือครับ  วงจรของผมมีอะไรผิดปรกติสะกิดความรู้สึกคุณอีกแล้วหรือ” อเล็คถามเสียงน่ารักอย่างยิ่งในความรู้สึกของหนุ่มไฮสคลูผู้มาเยือน  คาร์ลหัวเราะในลำคอเล็กน้อย

และชายหนุ่มผู้สวมเสื้ออย่างมิดชิดก็เชื้อเชิญตามมารยาท “คุณเข้ามาก่อนสิ....ผมคิดว่าผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกคุณ” เค้าว่าก่อนจะหมุนตัวบนสันเท้าแล้วเดินนำเข้าไปในเขตห้องของตนเอง  คาร์ลซึ่งถูกเชื้อเชิญเดินตามเข้า แต่ทว่า.........

“ผมเสียใจจริงๆ ที่คงจะต้องบอกกับคุณว่าผมไม่สามมารถเปิด......” เสียงเจื้อยแจ้วแต่ทว่าแฝงด้วยความเศร้าอย่างน่าใจหายของร่างบางนั้นขาดหายไป  และตัวเค้าเองก็รู้สึกแสบที่จมูกอย่างรุนแรง

ลูกชายคนโตแห่งตระกลูไลต์วู้ดสัมผัสได้ถึงสิ่งที่โอบรัดรอบตัวเค้าไว้  ซึ่งมันสอดเข้ามาจากทางด้านหลังและมาพร้อมกับอาการแสบจมูกที่เค้ารู้สึก  อเล็คพยายามดิ้น  สะบัดตัวเองออกจากการเกาะกุมแม้จะไม่แน่ใจในที่มานัก  แต่ทว่าแขนซึ่งโอบรัดร่างกายของเค้าไว้กลับแน่นขึ้น........มันแข็งแรงเป็นอย่างยิ่งอย่างน่าเหลือเชื่อ

อเล็คจิกมือไปที่ฝ่ามือซึ่งประกบบางอย่างใส่จมูกของเค้าอย่างไร้ประโยขน์  ในเมื่อมันไม่มีทางคลายออกได้เลย  อเล็คดิ้นอย่างสุดแรงเกิด และภาพสุดท้ายที่เค้าเห็นคือชั้นหนังสือที่เค้าคิดจะเก็บลงใส่กล่องเป็นอย่างแรก

สวัสดีอเล็ค” ชายผู้ที่มีร่างบางซึ่งหมดสติลู่ไหลอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองพูดขึ้น เสียงฟังดูทุ้มต่ำและเยียบเย็น  คาร์ลแสยะยิ้มมุมปาก.........ถึงไม่บอกผมก็รู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร

คาร์ลเคยบอกชื่อจริงของเค้ากับใครไปไหมนะ?

.........ไม่  ไม่เคยบอกหรอก  ว่าชื่อจริงของเค้าน่ะ

คือ มิคาเอล   คอว์ส...........


.


.


.


TBC.


-------------------------------------------------------------------------------------------------


ฮร๊ายยยยยยยยยย  อย่าทำอะไรอเล็คนะ >< !!  ห้ามๆๆ  จิฟ้องแม็กนัสนะคะ  อย่าเลยเชียว  อย่าทำอเล็คนะ

เค้าออกมาแล้วค่ะ  คนที่ไรท์ชอบและเก็บงำมาโดยตลอดค่ะ(?) //เดี๋ยว Part รีดก็จะว่าแกประหลาดปนน่าสะพรึงที่ชอบเค้า -=-//  55555  งั้น Part หน้าเป็นต้นไป  ไรท์ไม่ชอบเค้าแล้วก็ได้ค่ะ -..-  5555+  //Ray – Aund สองใจ//   ชอบไม่ชอบก็เม้มท์ๆ กันด้วยนะคะ  อยากอ่าน Part ต่อไปรึเปล่าเอ่ย??  ฮาาาา  รอติดตามกันด้วยนะคะ  เรื่องนี้ก็กำลังจะได้ลงจอ  เอ้ย! ปิดจอเหมือนกันกับเฮียเหมียว เค้าแล้วล่ะค่ะ >///<  และเร็วๆ นี้ ไรท์กำลังจะปิดจองรวมเล่มของเรื่องนี้ค่ะ  คู่นี้เลยประเดิมคู่แรกของชีวิตไรท์ค่ะ

[FIC - TMI] Your Heart...หัวใจนายเป็นของฉัน - Magnus x Alec  PreeOder…Is Coming Soon!

กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำและเรียบเรียงค่ะ  ซึ่ง!  ในรวมเล่มของไรท์นั้นจะมี Nc สมานแผลใจของอเล็คด้วยค่ะ  อะ 5555! ฮี่ๆๆๆๆ!  (และ Nc อื่นๆ ตามมาอย่างมากมาย  กระจายค่ะงานนี้ 5555) ก็....รีดก็คงจะชอบกันค่ะ  เป็น Nc MaLec อีกแนวหนึ่งที่รีดยังไม่เคยได้อ่านแน่นอนค่ะ  พร้อมทั้งตอนพิเศษต่อจากตอนจบของเรื่องนี้ด้วยค่ะ  ไรท์จะแต่งต่อเป็นเรื่องราวหลังจากที่เค้าตกลงปลงใจกันได้แล้ว  และจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกค่ะ!  

แต่ไม่ได้เครียดหรือลุ้นจนรีดตัวโก่งหรือปวดหัวกันหรอกนะคะ  ในตอนพิเศษ...ซึ่งคาดว่ายาวแน่ค่ะ  ไม่ได้มีแค่ 20 หน้า -*-.....ก็จะมีเรื่องราวน่ารักกุ๊กกิ๊กของแม็กนัสกับอเล็คด้วยค่ะ >///<  น่ารักและหวานเว่อร์มากค่ะ  เป็นมุมหวานๆ ของสองคนนี้เนอะ^^  รวมเล่มชุดนี้ไรท์ตั้งใจทำมากๆ เลยค่ะ  ถึงยังไม่ได้ออกมาเป็นเล่ม  แต่ตอนนี้ก็เป็นรูปเป็นร่างแล้วค่ะ  ไรท์ออกแบบรูปเล่มแล้ว  และคิดของแถมไว้แล้วค่ะ ^^  ช่วยไรท์อุดหนุนหน่อยนะคะ   ขอให้เป็นความประทับใจแรกของการรวมเล่มครั้งแรกในชีวิตของไรท์ด้วยนะคะ M><M  รบกวนรีดๆ ช่วยรับพิจารณาด้วยนะคะ ><!!  

และไรท์จะออกมาเปิดเผยเรื่องรวมเล่มตอนไหนนั้น  ติดตามได้ใน เฟสบุ๊คของไรท์เลยค่ะ 

>>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  จิ้มได้เลยค่ะ ^^

 ขอบคุณรีดทุกท่านสำหรับการติดตามนะคะ  รักรีดทุกท่านมากๆ เลยค่ะ ><

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund


ไม่มีความคิดเห็น: