//มีความหล่อค่ะ อร๊ายยยยย >{}< //
อร๊ายยยย กราบบบ (ร.รัวๆ แบบ พี่ต้า Fedfe) สวัสดีรีดๆ
ทุกท่านค่ะ สัปดาห์นี้มารัวๆ เลยค่ะ
ถือว่าชดเชยที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไรท์ไม่ได้ลงด้วย
ฟินนิคกลับมาแล้วค่ะ และหัวใจเค้ากำลังถวิลหาพีต้าอย่างสุดหัวใจ รีดๆ มาเอาใจช่วยเค้าไปด้วยกันนะคะ >//< วันนี้มาแปลก มาสั้นๆ -*-
Part นี้จะตัดไปตัดมาบ่อยหน่อยนะคะ เป็น Part ของฟินนิคกับพีต้าสลับกันค่ะ ให้ได้เห็นของทั้งสองคนเนอะ ว่าฟินนิคที่แคปปิตอลและพีต้าที่เขต 12 พวกเค้ากำลังทำอะไรกันอยู่
---------------------------------------------------------------------------
ฟินนิคฟื้นขึ้นมา
ในใจก็อยากจะไปหาพีต้าแล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งปลอดภัยดีหรือไม่ แต่เค้าก็ยังคงกลับไปไม่ได้ ฟื้นแล้วแต่ยังคงไม่แข็งแรงพอ และยารักษาของเพื่อนไทกรีสก็รักษาแผลเป็นให้เค้าได้อย่างเหลือเชื่อราวกับได้เกิดใหม่
มันเกือบจะเหมือนช่วงเวลาดีที่สุดในชีวิตเค้า ใช่ เกือบดีที่สุด......เค้ารู้
ถึงแม้จะฟังดูเหมือนคนไม่รู้จักบุญคุณแต่ฟินนิคจะรู้สึกดีมากกว่านี้ถ้าได้เห็นพีต้า
นานแล้วที่ความโหยหาเพราะคิดถึงไม่ได้ถูกเติมเต็ม
ร่างสูงอยากเหลือเกินที่จะได้พบหน้าเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนโยนของเค้า
หลังจากฟื้นได้สามวันบีสตันก็อนุญาตให้ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงได้ มันยากกว่าที่เค้าคิดไว้
การก้าวเดินด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร้าไม่ใช่สิ่งที่รออยู่ดั่งที่หวัง
วันแรกเค้าออกห่างจากเตียงได้แค่ก้าวเดียว
ก่อนจะโดนบีสตันหัวเราะเยาะใส่ ฟินนิคมองหมอของเค้าด้วยความว่างเปล่า
เธอคงรู้อยู่แล้วว่าเค้าจะยังไม่แข็งแรงนักเลยยอมปล่อยให้ร่างสูงได้ฝืนเพื่อให้เธอได้ความสำราญ
วันที่สองฟินนิคเดินได้สามก้าว
เสียงหัวเราะของหญิงแก่บันทึกความเคลื่อนไหวนั้นได้อย่างดีเยี่ยม มันยังชัดอยู่ในหูของร่างสูงอยู่เลย
วันที่สามเค้าจึงไม่ได้ลุกออกจากเตียงของตัวเองอีก
แต่วันที่ห้า
ชายหนุ่มร่างสูงหน้าอกเปลือยเปล่ากลับเดินออกจากร้านของไทกรีสไปสูดอากาศยังลานโล่งกว้างข้างนอกในช่วงเวลาปลอดคนได้ด้วยความสุดรู้ของบีสตัน
หญิงแก่ที่กำลังยกยาตามเวลามาให้ฟินนิคก็ต้องงุนงงไปเมื่อพบเข้ากับความว่างเปล่าภายในห้องของเค้า
“ฉันนึกว่าเธอจะฆ่าตัวตายไปแล้วเสียอีก”
บีสตันเหน็บแนม ในมือก็ถือแก้วยามาด้วย
แต่ฟินนิคยิ้มแล้วหันมาหาหญิงที่แก่ราวๆ
กับแม่นมของเค้าที่ตายไปแล้วในฮังเกอร์เกมส์ครั้งคอว์เตอร์เควลย์ แล้วพูดว่า
“ผมขึ้นไปบนดาดฟ้าได้ไหม?”
เค้าดูสดชื่นและรู้สึกดีที่ได้ก้าวเดินอย่างแข็งแรง
เป็นครั้งแรกที่หมอเจ้าของไข้เห็นสีหน้าแบบนั้นจากคนไข้ของเธอ
“เธอแน่ใจว่าเธออยากจะปีนบันไดลิงขึ้นไปดูดาวตอนนี้น่ะหรือ?”
บีสตันเดินเข้ามาเทียบข้างแล้วยื่นแก้วยาที่ฟินนิคทำใจคุ้นชินกับมันได้แล้วให้
เค้ารับมาแล้วบอกว่า “ยังก่อน ตอนนี้อาจจะยังก่อน”
แล้วเริ่มดื่มมันอย่างนุ่มนวลที่สุดเพื่อไม่ให้อ้วกออกมา
“ฮึ ก็แหงล่ะ” หญิงผมหงอกแต่แต่งตัวจัดจ้านข้างๆ
ว่า “แต่ฉันต้องยอมรับว่าตกใจมากที่เธอเดินออกมาได้ไกลขนาดนี้ แข็งแรงดีแล้วอย่างงั้นหรือ?”
เธอรู้อาจฟังดูโง่ที่คนเป็นหมออย่างเธอจะถาม
ฟินนิคยักไหล่ ดื่มยาหมดแล้ว
“ก็...ผมเดินออกมาจากเตียงได้แล้วนี่”
แต่บีสตันไม่อยากให้เค้าฝืนนัก
“อะไรทำให้เธอต้องรีบร้อนถึงขนาดนี้นักหือ?” เธอเอ่ย
รู้ว่าต้องมีเหตุผลเสมอสำหรับการพาร่างกายที่กำลังมีโครงสร้างอ่อนๆ ของกล้ามเนื้อออกมาสูดอากาศไกลขนาดนี้ ฟินนิคดูร่างเล็กลงกว่าเดิมไปถนัดตา
ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็ดูเหมือนไม่ใช่เค้าเนื่องจากเป็นเพราะการระเบิดที่กัดกินร่างกายบางส่วนของเค้าไป แต่ก็นั่นแหละที่เหลือเชื่อ บีสตันช่วยเค้าไว้ได้ ทำให้เค้าดูเหมือนคนทั่วไปอีกครั้ง ไร้แผลเป็น
ไร้แผลไฟไหม้ ไร้ร่องรอยใดๆ
ที่เกิดจากการเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่ง
ต้องขอบคุณการปลูกถ่ายเซลล์อันชาญฉลาดและการศัลยกรรมอันแสนวิเศษของเธอในเรื่องนี้
ฟินนิคที่กอดอกยิ้มกับเส้นขอบฟ้าสีน้ำเงินหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า
“ผมมีคนที่ต้องไปหา เค้าคิดว่าผมตายแล้ว
และผมต้องไปบอกเค้าในเรื่องนี้”
ร่างสูงรู้สึกถึงรูขุมขนที่เรียงตัวอยู่ตามแขนของตัวเอง
“คราวหลังหัดแต่งตัวก่อนออกจากห้องเสียบ้างนะ”
หญิงแก่เค้นเสียงดังฮึก่อนจะเดินออกไป
*****************************************************************************
หลายวันผ่านไป จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน ฟินนิคแข็งแรงขึ้น เค้าวิ่ง
วิดพื้น ออกกำลัง ฝึกร่างกาย
ฝึกการต่อสู้และทุกอย่างที่เค้ารู้จัก
ร่างสูงไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเค้าอยู่ที่นั่นและโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ไทกรีสให้ยืมใช้ดาดฟ้าของเธอได้ตามใจชอบ หนุ่มชาวประมงจากเขต 4
จึงมีความเป็นส่วนตัวอย่างถึงที่สุดเท่าที่เค้าต้องการ
ทุกๆ
วันฟินนิคจะใส่เสื้อมีฮู้ดคลุมศีรษะออกไปและกลับเข้ามาเหงื่อชุ่มตัวในค่ำของทุกวัน
เค้าอาศัยอยู่ในห้องนอนสำหรับแขกที่ดีที่สุดของไทกรีส ดีที่สุดเท่าที่เธอจะจัดให้เค้าได้ ชายหนุ่มรับทั้งหมดไว้ด้วยน้ำใจถึงแม้เค้าจะไม่ต้องการความหรูหรามากนักก็ตาม
แต่ถึงกระนั้นบีสตันก็ยังคอยบ่นถึงความเรียบง่ายเกินไปของเค้าอยู่ดี
ไม่
อันที่จริงบีสตันต่างหากที่หัวสูงมากเกินไป......ฟินนิคคิดในตอนที่ถูกเหน็บเรื่องอาหาร
“เธอดูแข็งแรงดีแล้วนะ”
หมอประจำไข้ของร่างสูงปีนดาดฟ้าตามขึ้นมาหลังเค้าอยู่บนนี้ได้สามสิบนาที
ในตอนที่หญิงแก่แบกสังขารขึ้นมาได้เค้าก็เหงื่อชุ่มตัวไปแล้ว
ร่างสูงหยุดมือที่กำลังจับไม้ยาวสิบห้าฟุตแล้วหันมาหาเธอ
“ครับ
ผมก็คิดว่าอย่างนั้น” พร้อมพินิจดูร่างกายของตัวเอง ฟินนิคตัวสูง
ผมบล์อน
ผิวสีแทนเหมือนเดิมแต่ทว่าตอนนี้กลับดูล่ำกว่าเดิมมากเกินกว่าที่ใครๆ ในเขต
13 จะจำได้
ฟินนิคไม่ชอบความไร้วินัย
เค้าอยากที่จะเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลาถึงแม้จะไม่มีพิซคีปเปอร์หรือความป่าเถื่อนแล้วก็ตาม แต่การกวดขันตัวเองให้ออกกำลังมาตั้งแต่เด็กๆ
ก็ทำให้เค้ารู้สึกดี
“อ่า”
บีสตันเดินเข้ามาใกล้เค้าแล้วตบบ่าเบาๆ
“ฉันแค่จะมาบอกว่าเธอคงจะไม่ต้องพึ่งฝีมือของฉันแล้วล่ะ”
ก่อนจะยิ้มอย่างหญิงชราแล้วกลับออกไปทิ้งให้ชายหนุ่มยืนอยู่คนเดียวเช่นที่เค้าทำแบบนั้นในทุกๆ
เย็น
ที่จริงบีสตันไม่จำเป็นต้องถ่อมาถึงนี่เพื่อบอกเรื่องนี้เลย
แต่เธอพียงแค่อยากลองและคิดว่าหลังจากนี้จะไม่ปีนตามคนไข้ขึ้นมาที่นี่อีกแล้ว......เรื่องยากๆ
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนหนุ่มสาวจะดีกว่า
เธอคงไม่เหมาะกับการออกกำลังขาและแขนซะแล้ว
ชายหนุ่มหันกลับไปมองหญิงแก่ผู้มีพระคุณจนเธอปีนลงบันไดลับสายตาไปที่ขอบของดาดฟ้า
เค้าเหยียดไม้ในมือขึ้นตั้งฉากกับพื้นแล้วหันกลับไปมองทิศตะวันตก
แสงสีส้มอ่อนสาดต้องใบหน้าคมเข้มของบุตรแห่งท้องทะเล นึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าเด็กหนุ่มที่เค้าคิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจะกำลังมองมันอยู่อย่างเช่นเค้ารึเปล่าหนอ ก่อนร่างสูงจะสูดหายใจเข้าช้าๆ อย่างเต็มปอด
“พีต้า”
ฟินนิคกระซิบ เค้าหันไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าเพียงตัวคนเดียว
ดวงอาทิตย์ย้อมให้เส้นขอบฟ้าและตึกระฟ้าเป็นสีส้มระอุตา
แต่กลับทำให้เค้ากลายเป็นเพียงเงาร่างดำมืดอันแสนโดดเดี่ยวทั้งๆ
ที่กำลังเชยชมความงามของมันอยู่
“นายอยู่ไหนนะพีต้า?”
ร่างสูงเอ่ยรำพันกับดวงตะวันราวกับว่ามันจะบอกเค้าได้ กี่เดือนกันแล้วนะที่เค้าอยู่ที่นี่ กี่เดือนกันแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าพีต้า
ชายหนุ่มนึกถามตัวเองว่าทนคิดถึงเด็กหนุ่มคนนั้นได้อย่างไรกัน?
แต่พอวนกลับมาถามตัวเองเช่นนั้นแล้วความรู้สึกแทบขาดใจก็เข้ามาถาโถมใส่อกของเค้าจนรู้สึกเจ็บ ฟินนิคยังคงจำสัมผัสเมื่อจูบพีต้าในวันนั้นได้
มันไม่ได้พิเศษอะไรมากนัก
เพราะตอนนั้นเค้ากำลังตื่นเต้น
แต่ถ้าหากได้จูบกับพีต้าอีกครั้งหนึ่งฟินนิคมั่นใจว่ามันจะต้องดีกว่านั้นแน่นอน
หวังว่านายจะปลอดภัย......ร่างสูงเตะปลายไม้ขึ้นฟ้าแล้วเริ่มฝึกต่อ
****************************************************************************************
หลังจากถูกแคทนิสตัดใจไม่ช่วยและระเบิดเค้าท่ามกลางฝูงอสุรกายพวกนั้น
ฟินนิค โอแดร์ ถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นคนที่ตายแล้ว
ทุกคนคิดว่าชายหนุ่มจากเขต 4 ตายแล้ว แม้แต่พีต้า เค้าอ้างว้างและเศร้าใจ
เมื่อพีต้าถูกพบหลังจากวันที่สโนว์ถูกจับได้
ไม่นานชายแก่ที่เป็นเพียงแค่อดีตประธานธิบดีก็ถูกพิพากษา สโนว์ถูกฝูงชนฆ่าตายหลัง อัลม่า คอยน์ ถูกแคทนิสฆ่าไม่กี่นาที เพราะม็อคกิ้งเจย์คิดได้ว่าเธอควรดับวงจรทรราชนี้ให้จบสิ้นเสียที....แต่เชื่อเถอะ
เธอเองก็ไม่ชอบคอยน์อยู่เป็นทุนเดิมแล้วเหมือนกัน
แคทนิสจึงถูกส่งตัวกลับไปบ้านที่เขต 12
และใช้ชีวิตสุดท้ายที่เธอต้องการอยากจะได้อยู่ที่นั่น
ถึงแม้อาจดูใจร้ายไปหน่อยที่ให้เธอกลับไปบ้านที่แม่และน้องสาวเคยอาศัยอยู่ด้วย จนมีอยู่หลายครั้งที่แคทนิสเกือบเป็นบ้าเพราะคิดถึงพวกเธอ
แต่สุดท้ายแล้วเธอก็รู้สึกสงบใจและปลอดภัยเป็นเมื่อได้กลับบ้านหลังจากหายเสียสติแล้ว
และในตอนที่ฟินนิคพักรักษาตัว พีต้าก็กลับไปเขต 12 ไปหาเเคทนิส เด็กหนุ่มคิดว่าการกลับบ้านเป็นผลดีต่อเค้าที่สุดแล้ว พีต้าแค่อยากให้แคทนิสเลิกรู้สึกผิดที่ทิ้งเค้าไว้คนเดียวจนถูกจับตัวไปในตอนที่เขตอพยพโดนถล่มเสียที เค้าเก็บดอกไม้มาให้เธอในวันแรก และปลูกต้นไม้ที่ทางเดินเต็มไปหมดในวันต่อๆ
มา พีต้าเป็นคนอ่อนโยนดั่งเดิม
อย่างที่เป็นมาตลอดและไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย ทุกครั้งที่เด็กหนุ่มทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
เค้าจะคิดถึงฟินนิคเสมอ เพราะฟินนิคคือคนที่ย้ำเตือนว่าเค้าควรเป็นตัวของตัวเองและทำในสิ่งที่ตัวเองรัก พีต้าทำเพื่อฟินนิค หากฟินนิคไม่เอ่ยปากว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี พีต้าก็คงจะไม่มีกะใจที่จะทำมัน การประกอบกิจวัตรทำให้พีต้าคิดถึงฟินนิคมากขึ้นทุกวัน จนกระทั่งหลายเดือนต่อมา.....
“นายแน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปกับฉัน?” แคทนิสถาม ในขณะที่เธอคล้องสายธนูใส่หลัง
พีต้ายิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหน้า “ไม่ล่ะ
เธอออกไปล่า” เด็กหนุ่มบอก
รอยยิ้มที่ดูจนใจนั้นพูดกับแคทนิสว่าเค้าไม่สามารถตามไปเพื่อดูเธอทำแบบนั้นได้
และนั่นทำให้แคทนิสเกือบคิดว่าพีต้าเป็นมังสวิรัสไปแล้ว
ทุกครั้งที่ออกไปล่าเธอจะเป็นคนจัดการกับเนื้อเองทุกครั้งก่อนพีต้าจะทำอาหาร
เค้าบอกเธอว่าเค้าทำไม่ได้เพราะมันทำให้นึกถึงแคปปิตอลเก่า
“งั้นก็ตามใจ” เธอก้มลงมัดเชือกรองเท้า ยืดตัวขึ้นมาแล้วมองเค้าอีกก่อนเดินออกไป
“นายไม่ควรไปที่นั่นคนเดียว” เธอว่า
แต่พีต้าหันมาแล้วยิ้มอีก
“ไม่เอาน่า มันก็แค่ที่โล่ง...ห่างจากที่นี้ไปแค่ห้านาทีเอง”
อันที่จริงแคทนิสเรียกมันว่า ที่โล่งของพีต้า เพราะเค้าปลูกดอกไม้ที่นั่น มันเป็นแปลงผักและดอกไม้เล็กๆ ของเค้า
“งั้นฉันจะไปหานายหลังเสร็จแล้วกัน”
หญิงสาวก็พูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกไป
โดยที่ไม่รู้เลยว่าพีต้าไม่ชอบให้เธอหอบสัตว์คอพับคออ่อนเพราะตายแล้วพวกนั้นมาที่แปลงของเค้ามากแค่ไหน มันทำให้เด็กหนุ่มยิ้มแหย่ๆ และกลืนน้ำลายเมื่อเห็นเลือดหยดลงบนพื้นหญ้า
แต่จะอย่างไรก็ตาม นอกจากนั้นหนุ่มเบเกอร์รี่ก็ค่อนข้างขุ่นเคืองใจนิดหน่อยที่แคทนิสไม่ยอมห่างเค้าเลย เธอไม่ไว้ว่างใจ สีหน้าเธอบอกว่าอย่างนั้น
อาจไม่ได้มีแค่เราอยู่ที่นี่แคทนิสเคยพูดขึ้นมาลอยๆ
ในตอนที่พีต้าบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเค้าแล้ว
เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าเธอรู้รึเปล่าว่าเฮย์มิชก็อยู่ที่นี่ด้วยถัดออกไปที่ฝั่งตรงข้าม
ซึ่งชายขี้เมาคนนั้นก็เอาแต่เก็บตัวเงียบในช่วงนี้เพราะเมาเหล้า
******************************************************************************
ผมบอกลาบีสตันและไทกรีสในวันรุ่งขึ้นหลังบีสตันบอกว่าผมหายดีแล้วเมื่อสองวันก่อน
ผมไม่อยากจากไปเร็วนัก
มันดูเห็นแก่ตัวที่รีบร้อนจากไปเมื่อผมแข็งแรงดีแล้ว
ผมขอบคุณไทกรีสจากใจและบอกบีสตันว่าผมคงตอบแทนเธอได้ไม่หมด หมอของผมบอกว่าเธอไม่สนใจแต่ไทกรีสกลับร้องไห้ พร้อมกับทำให้หัวใจผมหยุดเต้นไปชั่วขณะด้วยการบอกว่า
“พีต้าคงจะได้หายเศร้าเสียที เธอต้องรีบไปหาเค้านะ ฉันอยากให้เค้าเจอเธอ”
ไทกรีสค้ำไหล่ที่ต่ำกว่าของบีสตันพลางยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหางตา
ผมยิ้มให้เธอ “แน่นอน
ผมจะไปหาเค้าแน่นอน” แล้วกระชับสายกระเป๋าสะพายหลังให้เข้าที่ถึงแม้มันจะไม่หนักก็ตาม
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างไทกรีส บีสตัน ขอบคุณ”
ไทกรีสโถมเข้ามากอดผม
เธอปล่อยสะอื้นออกมาในที่สุด
ผมตบไหล่ปลอบเธอก่อนกระซิบ “ขอบคุณมาก ผมจะไม่ลืมคุณเลย”
เธอร้องไห้ออกมาอีกและค่อนข้างนานกว่าเธอจะปล่อยผมเองในที่สุด ก่อนผมจะเข้าไปกอดบีสตันที่ทำเป็นกอดอกหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สนใจบ้าง
เธอดูเป็นหญิงแก่ที่ใจแข็งแต่ไม่มีคนใจแข็งคนไหนที่ทำเป็นใจแข็งใส่คนที่กำลังบอกลาหรอก
ผมจึงกอดเธอแน่นและบอกแบบเดียวกันกับไทกรีส
“อ้อ แล้วก็อย่าปาร์ตี้ให้มากเกินไปล่ะ
คุณควรดูแลตัวเองบ้างผมเป็นห่วงนะ”
และไม่ลืมบอกเสริมไปอีกเพราะไทกรีสเคยบอกอยู่บ่อยครั้งว่าบีสตันไม่แก่ตามอายุของตัวเองเลยแม้แต่น้อย และแทบจะทันทีผมก็โดนชกต้นแขนกลับมา คิดเอาไว้ว่าจะต้องโดนเธอด่าอีกชุดแถมกลับมาด้วยเป็นแน่แต่กลับรู้สึกเพียงแค่ลมหายใจที่แรงและติดขัดขึ้น
แม้แต่บีสตันก็ยังร้องไห้เงียบๆ
อย่างไม่ยอมรับในความอ่อนไหวของตัวเองเมื่อผมจากไป ผมดีใจที่หมอของผมร้องไห้ให้ตัวเอง
“ผมจะคิดถึงพวกคุณ”
ผมขอบคุณพวกเธอจากใจและความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมี
และถึงกระนั้นไทกรีสก็ยังคงยืนยันว่าไม่มีอะไรที่ผมต้องตอบแทน
“เพราะเธอทำเพื่อพวกเราทุกคนแล้วฟินนิคที่รัก
ไม่มีอะไรที่เธอต้องกังวลอีกต่อไป
อันที่จริงพาเน็มควรรู้มากกว่าที่พวกเค้ารู้ในตอนนี้ เกี่ยวกับการเสียสละของเธอที่ถึงแม้ฉันเองก็ยังรู้สึกว่ามันน่าทึ่ง”
ซึ่งเรื่องเหล่านั้นเธอก็ฟังมาจากพีต้าอีกทีหนึ่งในตอนที่เครสสิด้าพาหน่วย 415
เข้ามาหลบภัย ไทกรีสเป็นคนบอกผมเอง
ผมบอกลาพวกเธอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วขึ้นรถไฟเที่ยวที่เร็วที่สุดเพื่อเดินทางไปยังเขตแห่งถ่านหินและไฟ
.
.
.
TBC.
-----------------------------------------------------------------------------------
ไปเลยฟินนิคไปเลยยยยยยยยย ส่งพลังไปให้เต็มร้อยค่ะ พีต้ากำลังเศร้าหนักนะคะ และแคทนิสก็จิตตกหนักเลยค่ะ นางบ้าไปแล้ว
อะไรจะมาคอยระแวงว่าพีต้าจะไม่ปลอดภัย
เธอน่าจะตายในสงครามนะยะ
ขี้ระแวงงี้.....จูๆ ไม่เอาดิ
อย่ากัดชะนีในที่สาธารณะ 555
ปล.ไรท์จะเป็นคนยิงเธอแล้วระเบิดซ้ำเองค่ะ 5555
ฟินนิคแมนของเราใกล้เข้าไปแล้วค่ะ เอาใจช่วยเค้าด้วยนะคะ และ Part มีเรื่องที่ดีต่อใจรีดๆ
แฟนคลับของทั้งสองคนนี้ด้วยค่ะ ><
รอติดตามนะค้า
ขอบพระคุณทุกท่านอย่างยิ่งจริงๆ ค่ะ
ดิส อิส อะ มาย เฟส แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด
สองคนนี้อย่ามาจีบกันตรงนี้นะ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวชูนิ้วโป่ง //โดนแทง// 55555
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น