ไรท์มาแล้ว...ไรท์กลับมาแล้วค่า!! //เอี๊ยดดดด!! วิ่งออกมาจากมุมแล้วเบรกสุดข้อเท้าอนึ่งวิ่งหนีสุนัข// ขอกรีดร้องหน่อยเถอะค่ะ อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย!! อ๊ากกกกกกกกกกกกก!! แล้วบวกเพิ่ม ย. กับ ก.
ไปอีกสองแสนตัวนะคะ
ไรท์อยากร้องเท่านั้นเลยล่ะค่ะ
กราบสวัสดีมิตรรีดที่รักยิ่งของไรท์ทุกท่านนะคะ หายไปเลยอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ 5555 //หัวเราะแห้ง// อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้ลงฟิคเลย ขออภัยอย่างยิ่งยวดเลยนะคะ งานกำลังฆ่าไรท์จริงๆ ค่ะ
หลังจากที่ปวดใจจาก Part ที่แล้วมาแล้ว
ใน Part นี้ก็จะตัดมาในตอนนี้ที่พาเน็มสงบสุขกันเลยนะคะ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และสำหรับรีดๆ
ที่รอคอยการกลับมาของฟินนิคที่เราเสียเค้าไปใน Part ที่แล้ว เค้าจะกลับมาแล้วค่ะ! //อะไร
กลับมาเร็วเกินไปแล้วแก๊!! –[]-// โอยยยยยย แต่พีต้าน่าสงสารแรงค่ะ น่าสงสารมากกว่าใครที่สุดเลยด้วย งืออออ
ไม่ร้องนะพีต้า ไม่ร้องนะจ๊ะ อย่าร้องไห้ไปเลยยย //กอดพีต้ายันหัว//
โอยยย ปวดใจค่ะ
ปวดใจ....ถึงแคทนิสจะสำเนียกแล้วว่าไม่ควรทำแบบนั้นแต่เธอก็ไม่ทันแล้วล่ะย่ะ!! ชริๆๆๆๆ! //ชะนีตัวนี้ชงอย่างรุนแรงค่ะ//
ถ้าอยู่ในเรื่องไรท์จา.....ไรท์จะกระชากเปียแบ้วๆ
นั่นให้สะใจแล้วจุดไฟเผาให้ไหม้คามือเลยค่ะ
ไหม้แน่ๆ มือไรท์ต้องไหม้ไปด้ววยแน่ๆ เลยค่ะ 55555 //มุขแป้ก//
เปลี่ยนเป็นเอาน้ำมันก๊าดราดแล้วจุดไฟให้เป็นเชื้อไฟก็พอ 55555
//เป็นจริงเป็นจังมาก//
โอเคค่ะ ถ้ารีดอยากรู้กันแล้วว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป
ก็เลื่อนลงข้างล่างเบาๆ แล้วเอาใจช่วยพวกเค้ากันค่ะ
----------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดศึกตัดสินชี้ชะตาของพาเน็มก็มาถึง
สโนว์ถูกจับอย่างง่ายดายและถูก อัลมา
คอยน์ หรือประธานาธิบดีคอยน์คนใหม่ของแคปปิตอลพิพากษา เธอเสนอให้ผู้สมรู้ร่วมคิดทุกคนของเค้าเล่น The Hunger Games ครั้งสุดท้ายเพื่อความสาแก่ใจของประชาชน ส่วนสโนว์
อัลม่าให้แคทนิสยิงธนูปลิดชีพเค้าท่ามกลางผู้คนที่จงเกลียดจงชังเค้าเข้าไส้และเซลล์สมอง
แต่แท้จริงแล้วคนที่จะขึ้นมาเป็นทรราชต่อจากสโนว์ก็คือท่านประธานาธิบดีคอยน์เอง
เธอกระหายเลือดตั้งแต่ยังไม่ได้ชนะตาแก่คนนั้น แคทนิสมองเห็นข้อนั้นและตัดสินใจทำเรื่องดีที่สุดในชีวิต
นั่นคือการฆ่าคอยน์ก่อนสโนว์นั่นเอง
แคทนิสดับวงจรผู้นำบ้าเลือดเสียสติก่อนมันจะได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เธอถูกส่งให้กลับไปอยู่บ้านที่เขต 12
อันเงียบเหงาอย่างที่เธอรักตามเดิม
หลังจากนั้นผู้บังคับบัญชาเพย์เลอร์ ผู้นำของกลุ่มกบฏจากเขต 8 ก็สาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแทนอัลม่า เธอดูแลแคปปิตอลได้ดีและเป็นคนแรกในรอบหลายๆ
ปีที่ทำให้คนในพาเน็มรู้สึกอุ่นใจ
หลังจากนั้นทุกเขตตั้งแต่ 1 จนถึง
12 รวมทั้งแคปปิตอลก็อยู่กันอย่างสงบสุขเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ไม่มีใครต้องกังวลอีกว่าจะถูกจับรายชื่อไปแข่งขันเพื่อเอาชีวิตไปทิ้งในทุ่งหรือป่าดิบชื่นอีก
จะไม่มีใครได้เห็นความโหดร้ายและป่าเถื่อนนั่นอีกแล้ว
มันจึงทำให้ชาวพาเน็มทุกคนรู้สึกเปี่ยมสุขได้อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ยกเว้นเสียแต่ความอ้างว้างและโศกเศร้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง......
ฟินนิคบอกว่าอย่างไรนะ? เค้าเคยบอกเอาไว้ว่า
“ถ้านายรักที่จะทำขนมปังและไม่เบื่อที่จะทำก็จงทำมันต่อไปเถอะ อย่าสงสัยในตัวเอง อย่ากังวลว่าคนอื่นจะว่ายังไง แค่นายเป็นตัวของตัวเองก็พอแล้ว...นั่นแหละที่ฉันต้องการ
แค่นายเป็นนายเหมือนอย่างที่เป็นมาตลอดก็พอ ฉันรักขนมของนาย...”
“ตอนแรกที่รู้ว่านายถูกทำให้เปลี่ยนไป ฉันเสียใจมาก
แต่ฉันก็บอกตัวเองแล้วว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้นายกลับคืนมา ทุกอย่างจะเป็นยังไงฉันไม่สนพีต้า
คนพวกนั้นทำให้ฉันเบื่อหน่าย ทั้งผู้คนและสงคราม”
เพราะฟินนิคพูดแบบนั้นแล้วกุมมือเค้าไว้ตลอดเวลา
พีต้าที่ถูกสโนว์ทรมานจนพาลไม่ไว้ใจเพื่อนฝูงหรือคนรู้จักจึงเลือกที่จะไว้ใจเค้าแค่คนเดียว
อาจเป็นเพราะเจ้าตัวจำได้ด้วยว่าหลงรักอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ก็เป็นได้
ฟินนิคมักจะพูดประโยคนั้นบ่อยๆ อยู่เสมอ
ประโยคที่เหมือนยังพูดไม่จบนั่นแต่เค้าก็ย้ำมันกับพีต้าบ่อย
“ฉันชอบยิ้มของนาย
ชอบตอนที่นายทำให้ขนมปังดูน่ากินมากกว่าใคร ชอบทุกอย่างที่เป็นของนาย”
แล้วเค้าก็เริ่มพูดใหม่อีกรอบหนึ่ง
เมื่อเค้าลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้เพิ่งพูดไป
********************************************************************
ฉันชอบยิ้มของนาย
ชอบตอนที่นายทำให้ขนมปังดูน่ากินมากกว่าใคร ชอบทุกอย่างที่เป็นของนาย
ฉันชอบยิ้มของนาย
ชอบตอนที่นายทำให้ขนมปังดูน่ากินมากกว่าใคร ชอบทุกอย่างที่เป็นของนาย......
......เพราะฉันรักนาย
“เอาเค้าไปเร็ว! เอาขึ้นมาจากน้ำเร็วเข้า!”
เสียงใคร......
“เร็วเข้า”
พีต้าเหรอ?
“แผลไฟไหม้ระดับสี่”
อา ไม่ใช่หนิ ทุ้มเกินไป
มีเสียงผู้หญิงอยู่ด้วย
“แบกเค้าไปเลยเดี๋ยวนี้”
“นี่ เดี๋ยวสิ ทำไมเราต้องทำ? ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกัน
ดูเหมือนเค้าจะตายไปแล้วนะ” มีเสียงหนึ่งแหลมกว่าแต่เป็นเสียงผู้ชายดังขึ้นอยู่บนหัวผม เสียงพวกนั้นไม่ชัดเจนเอาเสียเลย บางทีก็ชัดบางทีก็กังวาน ผมเห็นภาพเบลอเต็มไปหมด สีฟ้า
เขียว แล้วก็แสงไฟสีส้มเป็นดวง
“เราต้องช่วยเค้า”
.
.
“เราช่วยเค้าได้เท่านี้”
“พรุ่งนี้ฉันจะตามบีสตันมา”
“อะไรนะ? บีสตันเหรอ?
หึๆๆ เธอบ้าไปแล้วหรือยังไง
มีเหตุผลจูงใจอะไรให้เธอมาล่ะ?
ฉันคิดว่าตอนนี้เธอคงกำลังฉลองอยู่กับอิสรภาพในเขต 3 ทั้งๆ
ที่ผ่านมาแล้วเกือบอาทิตย์แหงๆ”
ไทกรีสมองหน้าเพื่อนชายที่รู้จักกันและติดจะมองโลกในแง่ร้ายของเธอด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนชายฉกรรจ์ร่างสูงสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างเธอจะพูดอย่างมั่นใจแล้วบอกเค้าว่า
“มาสิ เธอต้องมาแน่”
เธอดูพอใจที่ได้เอาชนะเค้า “มาเพื่อรักษาเค้า”
วันรุ่งขึ้นไทกรีสก็พาคนมารักษาเค้าคนนั้นได้อย่างที่เธอพูดเอาไว้จริงๆ
หลังจากที่บอกบีสตันศัลยแพทย์มือฉมังที่สุดในพาเน็มผู้กลายสภาพไทกรีสให้กลายเป็นแมวได้สำเร็จ
ว่าคนที่ไว่วานให้ไปรักษานั้นคือหนึ่งในผู้กอบกู้พาเน็มใหม่และช่วยเหลือทุกๆ
คนไว้อย่างกล้าหาญ แฟนพันธ์แท้ที่เกลียดรัฐบาลของสโนว์เข้าไส้อย่างบีสตันควรให้ความช่วยเหลือเค้าเพื่อตอบแทนในส่วนที่พอจะทำได้
หญิงแก่อายุเลยวัยทองจึงยอมไปกับไทกรีสเพื่อรักษาชายหนุ่มที่มาจากเขต 4
และเค้าคนนั้นก็เต็มไปด้วยแผลถูกไฟไหม้
ฟินนิคโคม่าไปสามอาทิตย์ ฟื้นขึ้นมาและพบว่าทุกอย่างจบลงแล้ว
เค้าตกใจที่อัลม่าตายเพราะธนูของเเคทนิส แต่เธอก็ทำถูกแล้ว...เค้าคิด เพราะอัลม่าไม่ใช่ผู้นำที่ดีนัก เธอหัวรุนแรง เผด็จการมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
เค้ายังรู้สึกเหมือนจ้องตาเสือหิวกระหายอยู่เลยหลังจากที่คุยกับเธอครั้งล่าสุด
เธอมันเผด็จการ ถึงแม้จะเป็นนิสัยแบบเดียวกับแคทนิส
แต่มันก็สมควรดีแล้วที่เธอถูกผู้หญิงไร้ความอ่อนโยนอย่างแคทนิสฆ่าตาย
ฟินนิคฟื้นขึ้นมารู้สึกเหมือนร่างกายแตกร้าวและหัวถูกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ
เพราะการรักษาตลอดจนพักฟื้น
เค้าเอ่ยขอบคุณทุกคนที่ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าและไม่ลืมที่จะถามหาถึงพีต้า
โดยลืมไปแล้วว่าคนพวกนี้อาจไม่รู้จักเด็กหนุ่มบ้านขนมปังของเค้า
“เราไม่ได้ข่าวของเค้าเลย ขอโทษทีนะ” ไทกรีสบอกเสียงหงอย
“แต่ฉันรู้จักเค้า เราเจอกันหลังจากที่พวกเค้าคิดว่าเธอตายไปแล้ว
เด็กคนนั้นอ่อนโยนมากและเค้าเสียใจยิ่งกว่าใครที่เธอไม่ได้กลับขึ้นมา”
“คุณเจอเค้าเหรอ?”
ชายหนุ่มร่างสูงแต่สภาพย้ำแย่ลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียง
ก่อนจะส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดแล้วถูกปรามอย่างเสียไม่ได้จากบีสตันที่นั่งปรุงยาอยู่ข้างๆ
“ขอโทษทีเถอะพ่อหนุ่ม
ฉันรักษาเธอเพื่อไม่ให้เธอต้องตื่นขึ้นมาแล้วกรี๊ดกับสภาพของตัวเองนะ เคารพฉันหน่อย” หญิงแก่ว่า ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่คำตักเตือนที่ให้ห่วงอาการตัวเองของเธอก็ทำให้ฟินนิคต้องกล่าวขอโทษและชะงักกายตัวเองไป
ไทกรีสเข้าไปช่วยให้เค้านั่งได้ถนัดถนี่ขึ้นก่อนฟินนิคจะมองร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเอง
“มันคงแย่มากเลยใช่ไหม?” ชายหนุ่มถามขึ้นมา พักเรื่องพีต้าไว้ครู่หนึ่ง
บีสตันหยุดมือแล้วหันมามองเค้า สายตาอ่อนลงไปมาก
“ฉันนึกว่าไทกรีสเล่นตลกบ้าอะไรสักอย่างตอนที่เจอเธอ”
หญิงแก่แต่ผิวพรรณเต่งตึงเพราะการศัลยกรรมส่ายหน้าช้าๆ “ฉันนึกว่าเธอตายไปแล้ว”
สีหน้าของเธอแสดงออกถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้งเหมือนกับครั้งแรกที่เห็นร่างแน่นิ่งของฟินนิคและสีหน้านั้นก็เปลี่ยนไปเป็นจอบจ้องอย่างลึกล้ำ
“แต่เธอถือว่าอึดมาก
ฉันไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย
ฉันคลำหาหัวใจของเธอ มันยังเต้นอยู่แต่เบามาก หนักหน่วง
มันบอกฉันว่ายังอยากที่จะมีชีวิตอยู่
เพราะงั้นเธอถึงยังได้มานั่งทำหน้าหล่อๆ อยู่ตรงนี้ยังไงล่ะพ่อหนุ่ม...ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ควรบอกเธอก็ตามว่าตอนแรกตกใจกับแผลไฟไหม้ของเธอมากแค่ไหน”
“อ่อ” ฟินนิคหน้าซีด
เข้าใจในตอนนั้นเองว่าบาดแผลของตัวเองฉกาจฉกรรจ์แค่ไหน บีสตันยิ้มแล้วหันไปคนยาต่อ “ขอบคุณครับ
ถ้าไม่ได้คุณผมอาจเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ก็ได้” ชายหนุ่มพูดต่ออย่างสุภาพ
ไม่อยากนึกถึงหน้าตัวเองตอนประสบอุบัติเหตุใหม่ๆ ก่อนจะหันมาหาไทกรีสที่นั่งอยู่ข้างๆ
“พีต้าปลอดภัยดีไหม? ผมหมายถึงตอนที่คุณเจอเค้าน่ะ”
“ถือว่าสบายดีเลยล่ะ
เพียงแต่ว่าเศร้ามากไปหน่อยก็เท่านั้นเอง มันคงจะดีกว่าถ้าเค้ารู้ว่าเธอยังไม่ตาย”
“งั้นเหรอครับ”
“ใช่ เค้าร้องไห้จนนอนไม่หลับ
ฉันนั่งอยู่เป็นเพื่อนเค้าอยู่พักใหญ่
ฟังเค้าพูดถึงเธอ...ทุกเรื่องที่เค้าจำได้เกี่ยวกับเธอ
มันเลยทำให้ฉันรู้ว่าน่าเสียดายแค่ไหนที่เธอไม่ได้กลับขึ้นมาด้วยฟินนิค”
ไทกรีสยิ้ม รู้สึกปลื้มปิติแทนพีต้าที่ยังไม่รู้ข่าว “เธอน่าจะได้เห็น
ทุกคนดูสิ้นหวังมาก แคทนิสเองก็เกือบถอดใจแล้ว เธอท้อ
แต่เธอต้องไม่เชื่อแน่พ่อหนุ่มน้อยพีต้ากลับกล้าหาญมากกว่าใคร
เค้าบอกว่าการตายของเธอจะไม่เสียเปล่า
และถึงแม้เค้าจะร้องไห้แต่เค้าก็กล้าหาญมาก”
หัวใจของฟินนิคเต้นกระตุกไปในนาทีนั้นเอง ก่อนเค้าจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เต้นอีกเลยหลังจากนั้น......พีต้าคิดถึงเค้าอย่างนั้นหรือ แน่ล่ะมันควรเป็นอย่างนั้นแน่นอน
แต่ทว่ากลับเป็นความกล้าหาญของร่างเล็กที่ทำให้ฟินนิครู้สึกต่างออกไป พีต้ากล้าหาญเพื่อเค้า
ไม่ได้ตื่นตระหนกเมื่อขาดคนปลอบอย่างที่คาดเอาไว้แต่กลับยืนหยัดขึ้นเพื่อไม่ให้เค้าต้องตายเปล่า
“ใช่ครับ เค้าเป็นคนกล้าหาญแล้วก็อ่อนโยนมาก”
ฟินนิคยิ้มเป็นครั้งแรก
เค้าระบายยิ้มออกมาราวกับว่าการที่ได้รับรู้เรื่องของหนุ่มเบเกอร์รี่ทำให้เค้ารู้สึกผ่อนคลาย
ชายหนุ่มหลุบตาลงมองตักที่ถูกคลุมด้วยผ้าลินินเนื้อดีของตัวเอง ยังยิ้มบางอยู่ คิดถึงใบหน้าของพีต้าจับหัวใจ เค้าเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะพูดเบาจนเกือบกระซิบ
“ผมต้องไปหาเค้า” เค้าบอก
ไทกรีสจึงมองหน้าและบีสตันก็หันมามองเร็วยิ่งกว่า
“ฉันนึกว่าเธอจะไม่โง่เสียอีก”
ศัลยแพทย์ว่า
ริมฝีปากของเธอเบะขึ้นอย่างไม่ชอบใจ
แต่ไทกรีสอ่อนโยนกว่านั้นมาก
เธอจับแขนฟินนิคแล้วตะล่อมกล่าว
“แต่เธอยังไม่แข็งแรงดี”
ถึงแม้จะดูน่าสนทนากว่าบีสตัน แต่สาวแมวก็มีน้ำเสียงไม่โอนอ่อนแต่อย่างใด
“แต่เค้าต้องการผม
และผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เค้าเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มยังคงดึงดันถึงแม้จะมีฝ่ามือเรียวเล็กของไทกรีสแปะอยู่บนอกเปลือยเปล่าก็ตาม
“โอ๊ย ขออภัยเถอะพ่อหนุ่ม
เจ้าหนุ่มนั่นสำคัญกับเธอถึงขนาดนั้นนักหนาเลยรึไง”
บีสตันยกมือขึ้นล้อเลียน พลางชูช้อนคนยาที่ติดมือขึ้นมาด้วย
ฟินนิคชะงักไป เค้าตอบไม่ได้ในทันที ก่อนจะบอกว่า
“เค้าเป็นเพื่อนผม
เพื่อนคนสำคัญที่สุดคนเดียวที่ผมมี” บีสตันยักไหล่แล้วหลอกตาไม่สนใจ
แต่ไทกรีสที่นุ่มนวลกว่ายังคงให้กำลังใจได้อย่างอ่อนโยน
“ฉันเชื่อว่าเค้าปลอดภัยดี ต่อไปนี้จะไม่มีใครทำร้ายใครอีกแล้ว
เธอเองก็น่าจะรู้ดี”
“แต่ว่าผม...”
“ได้โปรดเถอะอย่าพูดคำว่าแต่ให้ฉันได้ยินอีก”
เสียงบีสตันที่จับหมอยาอยู่ข้างๆ โพล่งขึ้น
ผมยาวสีขาวของเธอทำให้ยิ่งดูเหมือนแม่มด
เพราะเล็บข้างที่เธอใช้จับหมอยานั้นยาวมาก
ไทกรีสจึงใช้โอกาสที่ชายหนุ่มผู้เริ่มจะดื้อดึงสงบปากลง
กล่าวด้วยความมีเหตุผล
“เธอจำเป็นต้องพักฟื้นร่างกาย ไม่อย่างนั้นจะกลับมาเจ็บหนักเหมือนเดิมและไม่หายดีเสียที”
เสียงของเธอดูน่าฟังมากกว่าลักษณะของเธอเอง
เสียงเคาะช้อนเพื่อเสด็จน้ำที่ขอบหมอดังขึ้น บีสตันสูดหายใจ พร้อมกับพูดขณะปล่อยมันออกมา
“แผลไฟไหม้เกือบทั่วตัว ฉกรรจ์
เนื้อเยื้อบางส่วนตาย
กล้ามเนื้อเสียหายเพราะแรงระเบิด...ฉันจำเป็นต้องบอกหน่อยเพราะนี่คือร่างกายเธอนะพ่อหนุ่ม”
หญิงแก่ไม่ได้มองหน้าฟินนิคแต่ทำท่าคนยาอย่างละเมียดละไมต่อไป
ชายหนุ่มหันไปมองเธอ
ก่อนจะหันมาหาไทกรีสเพราะเธอดูน่าคุยมากกว่ายายแก่อารมณ์แปรปรวนง่ายอย่างบีสตัน
“ผมเชื่อแล้วว่าตัวเองไม่น่ารอด” เค้าตระหนักแล้ว
“ฉันไม่เคยโกหก”
บีสตันชี้ช้อนคนยามาหาฟินนิคแต่ชายหนุ่มไม่ได้หันมามองเธอ
“เพราะงั้นเธอเลยต้องพักฟื้นให้หายดีก่อนยังไงล่ะ หวังว่าเธอคงเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
ไทกรีสเองก็ไม่ได้สนใจแพทย์หญิง
บุคคลดังกล่าวจึงพยายามใหม่
“ใช่ ไทกรีสพูดถูก”
เธอเลิกชี้ช้อนแล้ว อีกสองคนจึงหันมาสนใจ
มองดูคนเป็นหมอคนยาอย่างใจเย็น “เธอถือว่าแข็งแรงมาก แข็งแรงมากแม้ใกล้ตาย ฟินนิค โอแดร์”
บีสตันเรียกชื่อชายหนุ่มเป็นครั้งแรก
หันมามองหน้าเค้าแวบหนึ่งและได้เห็นรอยยิ้มจากหญิงแก่ที่เอาแต่บ่นตั้งแต่แรก ใบหน้าของบีสตันไม่น่าไม่สนทนาด้วยอีกแล้ว
มันเปลี่ยนไปเป็นดังเช่นคนที่เคยผ่านชีวิตมาก่อนอย่างมากมาย
“เธออาจไม่เชื่อว่าตัวเองดูเหมือนคนตายมากแค่ไหน แน่นอนเธอมีสิทธิ์คิดเช่นนั้น”
เธอเหลือบมองเค้าแล้วยักไหล่ “ฉันเองยังไม่คิดว่าเธอจะรอดเลยด้วยซ้ำ
แต่เพราะไทกรีสบอกว่าเธอช่วยเรากอบกู้แคปปิตอลฉันเลยยอมทำเรื่องบ้าที่สุดในรอบยี่สิบปีตั้งแต่เป็นหมอมา”
เสียงฟองน้ำเดือดในหมอปะทุขึ้น
ฟินนิคดึงหน้าออกมาแทนบีสตันที่ยังคงระบายรอยยิ้มอยู่ทั้งๆ
ที่เค้าไม่ได้อยู่ใกล้หมอ
“การปลูกถ่ายเนื้อเยื้อใหม่ทำได้ง่ายดายแต่ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของเซลล์
เซลล์เธอแข็งแรงยิ่งกว่าม้าหนุ่มเสียอีก......ให้ตายเถอะ ไฟอ่อนอีกแล้ว”
หญิงแก่เริ่มบ่นอีก ส่งเสียงจิแจ๊ะกับตัวเองอย่างไม่พอใจแล้ววุ่นวายกับเตาไฟพกพาอยู่เงียบๆ
“เลยใช้เวลาแค่สามอาทิตย์บวกกับการชโลมยาอีกเป็นถัง
วันนี้เธอเลยเหมือนไม่ได้ก้าวออกจากบ้านในวันที่ตัดสินใจมาฆ่าตัวตายที่นี่ไง”
ไฟน่าจะแรงขึ้นแล้ว ยาจากการเดือดจึงกระเด็นออกมาจากปากหม้อ บีสตันเลยกลับมาทำใจเย็นได้อีกครั้ง ดูเธอชื่นชอบการปรุงยาพอๆ
กับการลงมีดบนร่างกายของคนอื่น
ฟินนิคจึงพินิจดูร่างกายของตัวเองอย่างฉงนสนเทศ
ไทกรีสยักไหล่รับกับหญิงอีกคนหนึ่ง
“ฉันจำได้ว่าเพื่อนของเธอเล่าให้ฟังว่ามีคนถูกระเบิดในอุโมงค์ใต้ดิน
พอลงไปพบเธอนอนอยู่ในน้ำฉันเลยคิดว่าน่าจะใช่เธอ
และรูปประกาศจับของเธอก็ทำให้เราแน่ใจว่าต้องเป็นเธอแน่ๆ”
ฟินนิคกระซิบ “ขอบคุณครับ”
เค้ายิ้มอย่างขอบคุณสุดหัวใจและซาบซึ้งเธอกับเพื่อนเป็นอย่างยิ่ง
“เฮอะ!
เธอคิดว่าค่อนทางหลังจากนั้นเป็นเพราะใครกันล่ะที่พาเธอมาถึงนี่”
บีสตันเค้นเสียงเรื่องการรักษาตลอดสามอาทิตย์ที่ผ่านมาอย่างเอาเป็นเอาตายของเธอ และไม่ชอบการโดนเมินอย่างยิ่ง
“และผมก็ต้องขอบคุณคุณด้วยเหมือนกัน มากเกินกว่าที่ผมจะพูดออกมาได้”
ทีนี้เค้าหันมามองไทกรีสด้วย “ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนพวกคุณยังไง”
น้ำเสียงของเค้าฟังดูต้องการตอบแทนเป็นอย่างยิ่ง
แต่ไทกรีสส่ายหน้าก่อนจะวาดยิ้มที่ดูเหมือนแมว
“ไม่เป็นไร
ฉันไม่คิดว่านี่คือสิ่งที่เธอจะต้องตอบแทนเรา เธอคือหนึ่งในคนที่มากับ แคทนิส เอเวอร์ดีน ในวันนั้น และคาดว่าเธอก็คงจะทำเพื่อเราทุกคนอย่างไม่คิดชีวิตด้วยเช่นกัน เราจะดูเเลเธอเอง ไม่ต้องห่วงฟินนิคผู้เสียสละ”
แม้แต่บีสตันเองก็ยังไม่เอ่ยขัด
หญิงแก่ยิ้มแล้วพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะดับไฟแล้วเทยาใส่แก้วกระเบื้องสีขาวพร้อมกับหย่อนน้ำแข็งลงไปด้วย
เธอเดินมาใกล้ฟินนิค ยื่นมันให้เค้า ก่อนชายหนุ่มจะมองหน้ากลับมา
“ดื่มสิ รอให้เย็นแล้วดื่มเลย วิธีนี้ดื่มได้เร็วสุด”
ฟินนิคหันไปมองหน้าไทกรีสขอให้เธอช่วยอธิบายแต่บีสตันกลับกระแทกเสียงแล้วเขย่าแก้วในมือ
“เร็วสิ! เธอก็ดื่มมันมาตลอดทั้งสามอาทิตย์นั่นแหละ
จะอะไรนักหนา” หญิงแก่กลับเข้าอารมณ์เดิม ในขณะที่ชายหนุ่มทำหน้าแหยเป็นครั้งแรก
.
.
.
TBC.
----------------------------------------------------------------------------------------
ฟินนิค ฟินนิค!
ฟินนิค!! //ตะเบ็งเสียงแตกๆ จากในคอ//
อร๊ายยยยยย!! พ่อฟินนิคแมนของไพร่ ไพร่ว่าพ่อช่างอึดแหลือเกินค่ะ
ขนาดความไร้สมองของแคทนิสยังฆ่าพ่อไม่ได้เลย โอ้ ขวัญเอ้ยย ขวัญมา กลับมาหาเราทุกคนนะคะ //อ้าแขนกอด
ถูกแทงสวน//
รีบๆ กลับมาหาพีต้านะคะ น้องรออยู่
ร้องไห้ด้วย ฮืออออ T^T ฟินนิคแม้สติเลือนรางก็ยังคิดว่าเป็นพีต้า
5555 ชอบความหยิ่งและบ้าคนยาของป้าบีสตันกับความเป็นคนดีของไทกรีสค่ะ โอ้วววว
รีดอาจอยากถามว่าฟ้าบีสตันเป็นใคร ใยจึงไม่เคยเห็นแกในหนังรึหนังสือเลย...ถูกต้องแล้วค่ะรีด ไรท์เป็นคนพาแกมาเองค่ะ 5555 แกเป็นคนแก่ลุคยิปซีที่มีหัวใจเป็นสาววัยกระเตอะและมีความหัวสูงผสมอยู่อย่างเท่ากันพอดิบพอดีค่ะ
ฮาาา
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับใน
Part นี้หวังว่าคงจะพอปลอบใจรีดๆ
ได้นะคะ (แต่ปลอบใจพีต้าไม่ได้
ง่อววว เด็กน้อยผู้น่าสงสาร
ไม่รู้อะไรเลยยย)
Part หน้าจะเป็นอย่างไร ฟินนิคจะได้กลับไปหาพีต้าหรือไม่ ต้องคอยติดตามค่าาา บรู้ววววววว
//ซาวด์ลาแปลกๆ -*-//
ไรท์ฉีดยาแล้วค่ะ ครบทุกรอบค่ะ
ไม่เป็นไรนะคะ 55555
ขอบคุณทุกท่านที่รับฟินนิคพีต้า ใน The Hunger Game กับความรักที่แสนหม่นของพวกเค้าท่ามกลางสงครามค่ะ
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น