วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 3] The Possible – Finnick x Peeta



กราบบบสวัสดีค่ะรีดๆ ของไรท์ทุกท่านขาา   มาลงฟิคประจำสัปดาห์แล้วค่ะ อิๆ อันที่จริงอยากมากถี่กว่านี้มากค่ะ  แต่ว่ายุ่งมาก....ยุ่งจริงๆ ค่ะ  คือต้องกังวลตลอดเลย  งานไม่เสร็จจริงๆ สักที  มีเยอะมากเลยค่ะ  ตอนนี้ไรท์เขียนใกล้จบเรื่องแล้วค่ะ  ถ้าลงเร็วเกินไปพอถึงตอนที่เขียนยังไม่เสร็จรีดๆ อาจค้างได้ค่ะเพราะไรท์มีเวลาต่อฟิคน้อยเหลือเกินค่ะ  วันที่ไม่ได้เปิดคอมเลยก็มีค่ะ  เฮ้ออออ  ฉันเกลียดงานนนน

บ่นไปก็เท่านั้น 55555  เอาเถอะค่ะ  ยังไงไรท์ก็มีฟิคให้รีดๆ อ่านและไม่หายเงียบไปไหนค่ะ  ฮี่ๆๆ  เท่านี้ก็โอเคสำหรับไรท์แล้วค่ะ  ไม่ได้ลงนานกลัวรีดขุ่นเคืองงง

โอเคค่ะ  หลังจากตอนนี้ไปอาจบีบหัวใจรีดๆ หลายคนนะคะ  ไรท์ขอให้อ่านแล้วไม่ต้องไปฝังใจกบมันค่ะ  เพราะยงไงเค้าก็จะกลับมาค่ะ!!  ฮ๊ากกกก 555555   //บ้าไปแล้ว -*-//  ฟินนิคแมนผู้เสียสละและน่าสงสารของเรา  (ไรท์จะต่อยแคทนิสค่ะ) + (ชงกับตัวเมียอย่างแรง)


โอ๊ยยยย  ฆ่าไรท์เถอะค่ะ  ฆ่าไรท์เลยยยย  มะโทนนนน



และนี่คือวิวัฒนาการความน่ารักของจอร์ชค่ะ (พีต้า)  โอ๊ยยยยย โตมาเป็นหนุ่มรูปงามค่ะ  อย่ายิ้มอย่างนั้นสิจ๊ะจอร์ช  น่าร๊ากกกกก   แซมอยู่ไหนคะ (ฟินนิค) มาอุ้มไปจัดในห้องเลยค่ะ 555555



 แซมมาแล้วคับบ   โอยยยย  ไปโกนหนวดสิเคอะ  ทำให้คิดถึงเรื่อง Me Before You เลยค่ะ  สารภาพ ไรท์ยังไม่ได้ดู....เพราะว่าชังนางเอกค่ะ (เอาอีกแล้วนังนี่  ชงกับผญ.ในหนังทั้งไทยและเทศ) มนุษย์เพื่อนเลิฟเเอบสปอยล์ว่านางเอกนี่มีแฟนอยู่แล้วก็ไปอ่อยแซมค่ะ  หน้าด้านไม่ไปอีกต่างหาก 55555  ในเรื่องแอบชอบขนาดไม่ได้ดู...แซมปากร้ายยยย 55555

ไรท์ว่าช่วงนี้ลุ้นดีค่ะ และ....มีอะไรที่นอกเหนือจากในหนังด้วยค่ะ  ฮิๆๆ  ต้องอ่านกันจ้าา  ถ้างั้นก็อย่ากระไรเลยนะคะ  ไปกันโล้ดดดดด >///<



------------------------------------------------------------------------------------



ไม่ชอบมาพากล

เงียบจนน่าขนลุก  พอลลักซ์ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมแต่ทุกอย่างก็เริ่มเข้าข้างสโนว์  พวกเราดูเหมือนกำลังแพ้ภายใต้ความรู้สึกเข้าตาจนจากความสนุกของตาแก่คนนั้น  ที่ผ่านมาสองพี่น้องลิ๊กตาย  บ็อกส์ตาย  หลายคนตายและเราต้องลงมาใต้ดินเพื่อหลีกหนีพล็อตที่เพิ่มมากขึ้นจนแม้แต่โฮโลก็ไม่อาจจะคาดเดาได้  แต่กระนั้นความรู้สึกปลอดภัยก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเลย  เมื่อเดินทางโดยใช้อุโมงค์ใต้ดินต่อไปได้ไม่นานเราก็หยุดพัก และเริ่มรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจอีกครั้ง  สัญชาติญาณบอกให้เราลุกขึ้น  ตื่นตัว  แล้วรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด  ผมได้ยินเสียงจ๋อมแจ๋มของแอ่งน้ำที่เจิ่งอยู่ทั่วไปตามอุโมงค์ในบริเวณนั้น  เสียงอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่  สิ่งมีชีวิตเหรอ...ไม่  อาจเป็นเครื่องจักร  มันปล่อยอะไรออกมา

มันตรงเข้ามาหาเรา

ใกล้มาก

ใกล้มากขึ้นทุกที

ผมได้ยินเสียงพีต้าที่อยู่ข้างๆ พูดอะไรบางอย่าง น้ำเสียงของเค้าตื่นตระหนกขึ้นมาทันใดราวกับว่าเคยพบเจอมันมาก่อน  มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เราคุยกันแต่ผมไม่คิดอยากจะถามเค้าตอนนี้  ถึงแม้ว่าอยากจะทำมากมายแค่ไหนก็ตาม  แต่นั่นรังจะทำให้เสียเวลา  ทำให้คนในหน่วยเสียขวัญและตอกย้ำสิ่งนั้นกับพีต้า......ข้อเสียมากเกินไป ผมเลยไม่ทำ

พีต้าเร่งให้เราออกไปจากที่นี่  ผมรู้สึกถึงมืออันอ่อนแรงของเค้าที่ฉุดกระตุกแขนของผม  ก่อนเกวจะดุเค้าให้เงียบเสียงลง

แต่คนที่ไม่สนใจสองคนที่เสียงดังกันตรงหน้าคือเเคทนิส เธอหันไปถามพอลลักซ์ “พอลลักซ์  ขึ้นเร็วสุดทางไหน?” เธอเร่งถาม และทันใดชายร่างท้วมที่ไม่เคยพูดจาอะไรเลยก็หันตรงไปยังตำแหน่งของผู้นำทาง  ผมได้ยินเสียงแจ็คสันเร่งให้เราออกตัวไปเยี่ยงผู้บังคับการของทหารฝีมือดี ในขณะที่ผมคว้าจับเข้าไปที่ต้นแขนของพีต้าอย่างไม่ต้องคิดแล้วพาเค้าออกไปให้เร็วที่สุด

ผมดึงเค้าให้ไปด้านหน้าของกลุ่ม  เกือบผลักเค้าแต่ได้เพียงแค่ทาบฝ่ามือไปบนหลังที่รับรู้ถึงแรงหายใจแรงๆ ของเค้าเพียงเท่านั้น  จากเสียงจ๋อมแจ๋มเวลาก้าวเดินกลายเป็นเสียงกระจายของน้ำอย่างรุนแรงในที่สุด  ทุกอย่างดูชุลมุนไปหมดในตอนนั้นผมนึกอยากจะตะโกนให้ทุกคนเงียบ  สงบสติอารมณ์และเงียบเสียงน่ารำคาญที่อาจทำให้เราถูกฆ่าเพราะเสียงของพวกเค้าเสียที  แต่ทำไม่ได้  ผมเลือกที่จะไม่ทำมันเพราะในตอนนี้ผมแคร์พีต้ามากกว่า  ผมต้องดูแลเค้าจึงเลือกที่จะสนใจเค้ามากกว่าใคร  หรือถ้าทำได้ตอนนี้มันก็ไม่ทันซะแล้ว

และแล้วมันก็เกิดขึ้น......

พวกมันไม่ใช่คนแต่เป็นอสุรกายตัวลื่นเป็นเมือกแถมยังน่าเกลียด  มันโผล่มาขย่ำทุกอย่างที่ขวางหน้า  แจ็คสันเธอโชคร้ายที่ปิดท้ายขบวน  ทุกคนตื่นตกใจอะดรีนาลีนฉูบฉีดขึ้นถึงหน้ากันทุกคน  ผมผลักพีต้าไปข้างหน้าแล้วเราก็ล้มลง



********************************************************************




กระทั่งถึงส่วนที่ต้องคลานข้ามที่กั้นต่างระดับเพื่อเข้าไปยังบันไดซึ่งจะพาพวกเค้าทุกคนขึ้นไปสู่ข้างบน เเจ็คสันปิดท้ายก่อนเธอจะถูกกิน

ใช่  ตัวประหลาดหน้าตาสยดสยองแต่ตัวผอมแห่งราวกับอดอยากมาหลายเดือนโผล่ออกมาเป็นฝูงและไล่ตามคณะเดินทางอย่างหิวกระหาย

ฟินนิคและพีต้าหน้าทิ่มลงไปในน้ำขุ่นขวัก  ชายหนุ่มจากเขตที่เก่งเรื่องดำน้ำมากที่สุดยกตัวขึ้นมาพร้อมกับจับคอเสื้อของเด็กหนุ่มที่กำลังสำลักน้ำให้ขึ้นมาด้วยกัน  พวกเค้าผ่านที่กั้นต่างระดับเข้ามาแล้ว และบันไดปีนสู่ทางรอดก็ตรงตระหง่าอยู่ตรงหน้าห่างไปเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น

นั่นไง  บันไดที่ทอดตัวยาวขึ้นไปด้านบน  เพียงแค่ต้องใช้แรงปีนขึ้นไปเท่านั้น  เราทุกคนก็จะรอด

เพียงแต่ว่าก่อนหน้านั้นต้องออกแรงผ่านด่านเจ้าพวกอสุรกายนี้ไปให้ได้เสียก่อน

หน่วย 415 ที่เหลือแตกตื่นเพราะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเพื่อความเป็นความตายของตัวเองและพรรคพวก  ไม่มีใครอยู่นิ่งกับที่ พวกมันพรั่งพรูออกมาจากที่กั้นต่างระดับเหมือนน้ำทะลักออกมาจากรูรั่วใต้ท้องเรือ  ฟินนิคจำเป็นต้องผละออกไปเพื่อเก็บตัวที่ตั้งท่าจะเข้ามาจัดการพีต้า พวกเค้าทั้งสองเลยแยกออกจากกัน 

พีต้าโดนจู่โจม  แต่มีคนช่วยเค้าไว้  ทุกๆ คนรับหน้าที่หนักขึ้นเมื่อพวกมันทะลักเข้ามามากขึ้นเกินกว่าจะรับไหว  แคทนิสพลาดท่า เธอเกือบโดนฆ่า แต่ทันใดนั้นเองปลายหอกแหลมคมก็พุ่งเข้ามาเสียบกลางอกของตัวประหลาดกระหายเลือดที่คร่อมอยู่บนตัวเธอ แล้วถูกเหวี่ยงร่างออกไปอย่างไม่น่าดูนัก  ก่อนฟินนิคจะกระโดดลงมาแล้วช่วยดึงเธอไว้  เค้าต่อสู้กับตัวน่าสะอิดสะเอียนมากมายนั้นแทนเธอ   

ที่ตรงนั้น ฟินนิค   โอแดร์ สู้กับสิ่งมีชีวิตแสนประหลาดด้วยตัวคนเดียวอย่างเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้กับเค้าเลย  ในใจร่างสูงที่เคลื่อนไหวดั่งคลื่นทะเลในวันที่มีพายุรุนแรงคิดถึงแต่เพียงพีต้า  ไม่เห็นเจ้าตัวเลย  พีต้าไปไหน?เอาอีกแล้ว เค้าคลาดกับเด็กหนุ่มอีกแล้ว  ฟินนิคจ้วงแทงตัวที่กระโจนเข้ามาหาเค้าให้ดับดิ้นไปในครั้งเดียวแล้วเหวี่ยงมันทิ้งไปราวกับว่าเป็นแค่ปลาเหม็นเน่าตัวหนึ่ง  นั่นแหละคือสิ่งที่ไม่มีใครในเขต 13 เคยเข้าใจเค้า  ไม่มีใครรู้สักคนว่าเค้านั้นทำอะไรได้  หากอัลม่าเล็งเห็นข้อนี้และจับตาดูฟินนิคตั้งแต่อยู่ในเขตอพยพที่ 1 สักนิดเธอคงจะตั้งเค้าให้เป็นหัวหน้าหน่วยแทนใครบางคนไปแล้ว ใครจะไปรู้

แต่นั่นก็ถือว่าเป็นข้อดีที่ไม่ใช่เค้า  ฟินนิคพอใจที่จะไม่สลักสำคัญเพื่อให้ได้ดูแลพีต้า

เจอแล้ว  เค้าเจอพีต้าแล้ว  ร่างสูงจึงพุ่งกระโจนเข้าไปช่วยเด็กหนุ่มจากการถูกกัดจากนั้นจึงกระชากคอเสื้อของอีกคนหนึ่งขึ้นไปที่ตีนบันได

“ไปเร็วเข้า!

พีต้าจับบันได พยุงตัวเองขึ้นแล้วตะโกนกลับมาว่า “แล้วนายล่ะ?!” เพราะในตอนนี้ไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในนี้เลยนอกจากตัวเค้า  ฟินนิค  และแคทนิสที่ฟาดคันธนูไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง  เด็กหนุ่มรู้ว่าอีกคนหนึ่งคิดจะทำอะไรแต่เค้าก็ไม่ยอมเห็นด้วยเช่นกัน “มาเถอะน่า!” พีต้าตะโกนอีก แต่ฟังดูอ่อนวอนจนเกือบคร่ำครวญ  ในหัวยังคงจำเสียงกรีดร้องของพวกกบฏที่ถูกนำไปเป็นอาหารของมันได้

“ไป! ปีนขึ้นไป!” ฟินนิคฟาดหอกเหมือนที่แคทนิสฟาดธนูแต่เค้าดูดีกว่า  ก่อนชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาหาพีต้าแล้วจับท้ายทอยเปียกน้ำของเด็กหนุ่มไว้  นิ้วมือของเค้าได้สัมผัสเส้นผมนุ่มลื่นอีกครั้ง “นายต้องทำเพื่อฉัน ได้โปรดเถอะ  แคทนิสเธอตายแน่ถ้าไม่มีคนช่วย เดี๋ยวเราจะตามขึ้นไปเอง” เค้าพูดเพียงเท่านั้น ยังคงมีเสียงหอบหายใจจากการต่อสู้ปะปนคำพูดไปด้วยซ้ำ  แต่แล้วร่างสูงกลับสูดหายใจลึกทำให้อาการหอบหายไป

ฟินนิคจับท้ายทอยพีต้าไว้แน่น ก่อนจะโน้มตัวลงไปกดริมฝีปากกับพีต้าอย่างหนักหน่วงแต่ทว่าก็อ่อนโยนและทะนุถนอม  ร่างคนถูกจูบรับรู้ถึงแรงที่กดลงมาอย่างนุ่มหยุ่น......อยากสัมผัสมากกว่านี้เหลือเกิน อยากให้มันเกิดขึ้นนานกว่านี้  แต่แล้วร่างสูงก็ผละริมฝีปากออกมาแล้วกดเสียงต่ำจนเกือบเหมือนกระซิบ

ไป” ฟินนิคพูดคำเดียว แล้วพีต้าก็ปีนขึ้นไปยังแสงสว่างตามคำขอจนกลายเป็นอ้อนวอนของฟินนิคผู้มองไปรอบด้านและเห็นเพียงแค่หญิงสาวคนเดียวที่เค้าต้องช่วย  เพราะหากขาดเธอหลายคนอาจไม่ยอมไปต่อ

หมดแล้ว  ทุกคนขึ้นไปข้างบนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ฟินนิคและแคทนิสที่ได้รับโฮโลมาจากบ๊อกส์และเธอคิดว่าตัวเองควรจะมีความรับฟิดชอบได้มากเท่าครึ่งหนึ่งของเค้า  ชายหนุ่มก็รั้งท้ายหลังพาแคทนิสมาถึงบันไดในที่สุดพร้อมทั้งคอยจัดการไม่ให้พวกน่าขยะแขยงนี้ตามพวกพ้องขึ้นไปได้  กระทั่งชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ตะโกนให้เธอปีนขึ้นไปเสียที  แคทนิสจึงทำตามเพราะเธอเองก็เริ่มหมดแรงแล้ว  ฟินนิคตามขึ้นไป  แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อร่างสูงโดนฉุดให้กลับลงมา

และแคทนิสก็รู้ว่าฟินนิคจะไม่ได้กลับขึ้นมาอีก......

เค้าถูกสัตว์ประหลาดพวกนั้นดึงไว้และถูกแคทนิสตัดใจไม่ช่วย แถมยังระเบิดเค้าท่ามกลางฝูงอสุรกายพวกนั้นอีกด้วย 

          ทุกคนคิดว่าฟินนิคตายแล้ว  แม้แต่พีต้า เค้าอ้างว้างและเศร้าใจ

“เราช่วยอะไรเค้าไม่ได้แล้ว  ฉันเสียใจแต่ฟินนิคตายแล้ว” แคทนิสพูด เลี่ยงไม่สบสายตาที่ไร้แววของพีต้าก่อนจะวิ่งนำทุกคนให้ออกหนีอีกครั้ง  เธอทำหน้าที่ผู้นำแห่งการหนีได้ดีเยี่ยมอย่าบอกใครเชียว

พีต้าร้องไห้ถึงจะไม่กรีดร้องเสียงดัง แต่ก็อยู่ในขั้นช็อค  มีคนดึงเค้าให้วิ่งตามคนอื่นๆ ไปในขณะที่ขึ้นมาด้านบนแล้วพล็อตก็เริ่มทำงานพร้อมกำลังเสริมจากพิซคีปเปอร์

พิซคีปเปอร์วิ่งไล่กวดคณะเดินทางที่เสียขวัญและเสียกำลังคนไปเรื่อยๆ โชคร้ายมากนัก  คนที่ช่วยพีต้าให้ออกเดินต่อมาได้ตายเพราะพล็อตปริศนา  เค้าสลายราวกับระเหยกลายเป็นไอน้ำแต่กลับเป็นขี้เถ้าโปรยลงพื้นแทน  ทุกคนวิ่งหนีตาย  รับรู้ว่าใครจากไปอีกคนแต่ไม่มีทางเลือก  ต้องหนี  หนีอย่างเดียวที่รักษาชีวิตพวกเค้าเอาไว้ได้ 

และโชคดีเพิ่งกลับมาเข้าข้างหน่วยของกบฏตั้งแต่ที่ไม่เคยสัมผัสคำว่าโชคดีเลยมาตั้งแต่แรก  เครสสิด้ารู้ว่าพวกเธออยู่ที่ไหนและนำพาทุกคนที่วิ่งลับสายตาพิซคีปเปอร์มุ่งหน้าไปยังร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง  มันเงียบเชียบและมืดราวกับไม่มีคนอยู่  แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มีคนมาเปิดประตูรับพวกเค้าทุกคนเข้าไปแล้วให้ความช่วยเหลือ

ไทกรีส  เครสสิด้าเรียกเธอว่าอย่างนั้น  เธอดูไม่เหมือนคนนัก แต่ดูคล้ายเหมือนคนที่พยายามเป็นแมวหรืออะไรเทือกนั้น  แต่ถึงอย่างไรทุกสิ่งที่เธอทำต่อพวกกบฏก็ถือว่าเป็นเรื่องดีงามทั้งหมด  ไทกรีสพาทุกคนไปซ่อนที่ห้องใต้ดินและนำอาหารกับน้ำกลับมาในเวลาต่อมา  เครสสิด้าบอกว่าเธอเป็นพวกเรา



***************************************************************************



ไทกรีส ช่วยหน่วย 415 ที่เหลืออยู่ไว้  หลังจากที่พวกพิซคีปเปอร์ตามมาติดๆ ทุกคนได้พักในคืนนั้นเอง  และประกาศจากสโนว์ก็ออกอากาศ  ทุกอย่างหนักเกินกว่าที่ทุกคนจะไปต่อได้ในคืนนี้  ความเหนื่อยล้าเสียขวัญบุกเข้าโจมตีเราทุกคน  และแน่นอนที่สุด ความสูญเสีย  เราเสียคนของเราไปหลายคน  หนึ่งในนั้นรวมถึงฟินนิคด้วย.....มันยากมากเหลือเกินที่จะยอมรับว่าฉันมีส่วนที่ทำให้เค้าต้องตาย

พูดง่ายๆ ก็คือ ฉันเป็นคนฆ่าเค้านั่นเอง  แต่จะให้ทำอย่างไรได้  เราไม่มีเวลาเหลืออยู่แล้ว  และถึงแม้พวกเราที่เหลือรอดอยู่จะร่วมมือกันช่วยเค้าก็คงจะไม่สำเร็จอยู่ดี

พวกมันมีมากเกินไป  ฉันเลยต้องกลั้นใจทำแบบนั้น  ถึงแม้ว่าจะต้องฝืนใจมากเพียงใดก็ตาม  ฟินนิคเป็นเพื่อนฉัน  และฉันมั่นใจว่าเค้าจะเป็นหนึ่งในผู้คนอันน้อยนิดที่ฉันไว้ใจได้มากที่สุดเช่นเดียวกัน

แต่เค้าตายแล้ว

ฉันไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับใครยกเว้นอยู่คนเดียวที่ฉันกระซิบบอก  ทุกคนรู้แต่เพียงว่าฟินนิคตายแล้วแค่นั้น  ทุกคนเสียใจโดยเฉพาะพีต้า  ฉันเห็นเค้าทำหน้าเหมือนโลกทั้งใบทลายลงไปต่อหน้า  ถึงแม้ว่าพีต้าจะดูอ่อนแออยู่แล้ว แต่พอรู้ว่าฟินนิคไม่ได้กลับขึ้นมาด้วย เค้าก็วิ่งแทบไม่ออกเลย

กลางดึกคืนนั้นฉันตื่นขึ้นมา และพบว่าพีต้ากำลังคุยอยู่กับไทกรีส  แต่ทว่ามันกลับดูเหมือนเธอกำลังปลอบเค้าด้วยความสงสารเสียมากกว่า  คนอื่นๆ หลับไปหมดแล้ว  คงมีแต่ฉันที่ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้อีก  ก่อนจะทำตัวไร้สุ่มเสียงแล้วแอบฟังสองคนนั้นคุยกัน

“เธอช่างน่าสงสาร” ไทกรีสพูด  เธอนั่งอยู่ข้างพีต้าและสูงกว่าเค้า

“เค้าต่างหากที่น่าสงสาร  ไม่ใช่ผม” เสียงของพีต้าตอบกลับมาอย่างรวดเร็วแต่กลับสั่นเครือ “เค้าช่วยเราทุกคน...ช่วยผม  มากมายกว่าที่ผมจะตอบแทนไหว” พอมาถึงตอนนี้ฉันที่เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าของคู่สนทนาทั้งสองพร้อมกับแผ่นหลังก็สังเกตเห็นไหล่ของพีต้าสั่น  หนุ่มทำขนมเงียบไป  ไม่ได้พูดอะไรคล้ายจะเอื้อนเอ่ยไม่ได้มากกว่า  ก่อนไทกรีสจะขยับเข้าไปแล้วใช้มือโอบไหล่เค้าอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลมอีก  แต่ถึงกระนั้นมันก็ดูเหมือนจะไม่พอ

“โถ่ อย่าร้องนะ” ฉันได้ยินเสียงไทกรีสสั่นไหวตาม  เธอดูเป็นคนอ่อนไหวง่ายมากกว่าที่เห็น  และฉันได้ยินเสียงพีต้าร้องไห้  นั่นทำให้ฉันแสบคอไปเลย

และตอนนั้นเองที่ฉันเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าพวกเค้าทั้งสองคน......ฟินนิคกับพีต้าจูบกันในอุโมงค์  พวกเค้าคงรักกัน  ถึงแม้ตอนแรกฉันจะสงสัยว่าฟินนิคหลงรักพีต้าไปเองข้างเดียวหรือเปล่าแต่ในวินาทีนั้นเองฉันก็คิดได้ว่าพวกเค้าผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายแค่ไหนและพีต้าก็มักจะพึ่งพาถามหาแต่ฟินนิคเสมอ  แววตาขี้ระแวงช่างตื่นตระหนกนั้นมักมองหาพันธมิตรจากเขต 4 ของเราอยู่เสมอ 

ฉันไม่เคยเห็นฟินนิคใช้เวลาว่างกับคนอื่นเลย  เช่นเดียวกับพีต้า  ครั้งที่เรายังอยู่เขตอพยพก่อนจะย้ายเข้ามาที่เขต 13 ที่ซึ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป  นั่นอาจทำให้เด็กหนุ่มจากเขตเดียวกับฉันรู้สึกผูกพันกับชายหนุ่มชาวประมงจากเขต 4 คนนั้นมาก......มากเกินกว่าคำว่าเพื่อน  ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าใช่คำนั้นนะ คนรักเหรอ?  แววตาที่พวกเค้ามองกันไม่เหมือนกับที่ฉันมองเกวแต่ฉันก็มั่นใจว่านั่นดูจะลึกซึ้งกว่าเรามาก  เพราะพวกเค้ารักกันอย่างบริสุทธิ์

ฟินนิค...ฉันไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเค้าเป็นชาวประมง  ฉันยอมรับเค้ารูปหล่อถึงจะไม่ใช่สเป็คฉัน  แต่เค้าก็มีใบหน้าและรูปร่างที่น่าหลงใหลมากเลยทีเดียว  เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงตามติดเค้าแจเหมือนฝูงปลาที่ม้วนตัวรวมกันอยู่ในท้องทะเล  และว่ากันตามตรงฟินนิคเก่งหลายด้านพร้อมกับมีทักษะอยู่มาก  แต่ฉันไม่เข้าใจทำไมเค้าไม่เสนอตัวพอเรามาอยู่เขต 13  เพราะฟินนิคไม่ทำอย่างนั้นฉันเลยไม่พูดอะไร  คอยน์เองก็เคยทำให้ฉันไม่พอใจอยู่เหมือนกัน

พีต้ายังคงไหล่สั่นสะท้านต่อไปอยู่บนไหล่ของไทกรีส  เธอกอดเค้าแน่นขึ้นจนหน้าพีต้าเคลื่อนไปอยู่บนหน้าอกของเธอ  ผู้ให้ที่หลบภัยแก่เราบอกพีต้าว่าให้เงียบซะ  ทำใจให้ได้เพราะเพื่อนที่จากไปเป็นผู้ที่กล้าหาญ  อย่าทำให้เค้าต้องผิดหวัง

“เค้าเป็นคนดี...อึก  ผมไม่อยากให้เค้าตาย...” คราวนี้เสียงของเด็กหนุ่มที่อยู่ใกล้บ้านฉันสั่นเครือไปจนคำท้ายประโยคผิดเพี้ยน  แต่เค้าก็ยังสบายใจที่ได้พูดถึงฟินนิคแม้จะตอกย้ำให้ร้องไห้มากขึ้นก็ตาม  ไทกรีสตามใจเค้าเพราะเข้าใจ “เค้าบอกว่าผมเป็นคนพิเศษ....ฮึก...แต่ผมว่าเค้าต่างหากที่พิเศษยิ่งกว่าใคร  เค้าช่วยผม  เราเคยทำขนมด้วยกันถึงแม้ว่าแคทนิสจะบอกว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่าแต่ฟินนิคก็ยินดีที่จะทำและไม่บ่นสักคำ  ผมรู้สึกดีที่เห็นเค้ายิ้มและหัวเราะกับงานอดิเรกของผม”

ฉันลืมตาขึ้นมา แม้แอบฟังมาตั้งแต่แรก  เค้าจำได้ด้วยว่าฉันเคยว่างานอดิเรกของเค้าว่างี่เง่าในตอนที่ตัวเองโมโห

“เค้ายอมเสียสละ  ไม่บอกให้ใครรู้  เค้าไม่เคยบอกใครเลย  เพื่อให้คนอื่นได้มีความสุขบ้างแต่ผมรู้ว่าเค้าทุ่มเททุกอย่างลงไปมากแค่ไหน  ทุกครั้งที่เค้าเจ็บผมไม่เคยได้ยินเค้าบ่นเลย” พีต้าคงพูดถึงตอนที่อยู่เขตอพยพ  และฉันเห็นด้วยกับเค้าจริง

“ใช่จ๊ะ เค้าเป็นคนพิเศษ  แน่นอน เธอก็ด้วยเหมือนกัน” เสียงไทกรีสแผ่วเบาเหมือนกำลังกล่อมให้หลับ

“เราผมสีบล์อนเหมือนกัน  แต่เค้าดูเข้มกว่า  เค้ามีผิวสีเข้มกว่าด้วย...สีแทน ตัวใหญ่แล้วก็แข็งแรงมาก” ตอนนี้พีต้าดูเหมือนเพ้อไปแล้ว และพยายามที่จะยืนยันว่าฟินนิคพิเศษมากกว่าใคร  หนุ่มบ้านขนมปังผู้หัวใจสูญสลายยังคงพูดพร่ำต่อไป  ไม่เหมือนเล่าเรื่องแล้วแต่เป็นพึมพำเบาๆ จนไทกรีสบอกให้หยุดแทน

“เธอเหนื่อยมามากแล้ว ควรพักผ่อนเสียนะ  อย่าให้ฉันต้องมาเจอเธอตื้นอยู่คนเดียวอีกเลย  ทุกคนล้วนเป็นห่วงเธอ” เจ้าของห้องใต้ดินนี้ฉลาดพูดเป็นอย่างมาก  เธออ่อนโยนและไม่ยอมให้พีต้าได้แข็งข้อเช่นกัน และเค้าก็หลับไปในที่สุดหลังจากที่ไทกรีสไปและฉันได้ยินเสียงเค้าพูดอย่างแผ่วเบาคล้ายละเมอว่า “ฟินนิค” ซ้ำไปซ้ำมา

ฉันร้องไห้อย่างเงียบเชียบ  รู้สึกเสียใจมากที่ฆ่าฟินนิค  ไม่ใช่เพราะเค้าจากไปแต่เป็นเพราะเค้ากับพีต้า......ทั้งสองไม่ควรต้องแยกจากกันเลย



.



.



.



TBC.



----------------------------------------------------------------------------------



แคทนิสเธอเคยตายไหม?   ฉันจะส่งเธอไปแทนเค้าที่ถูกไอ้พวกนั้นดึงนะยะ  แล้วเดี๋ยวฉันจะเป็นคนระเบิดเธอเอง  เดี๋ยวปั๊ดฮึ๋ยยยย  คิดแล้วมันขึ้นค่ะ  ฟินนิคช่วยเธอให้ขึ้นไปได้พร้อมกับคนอื่นๆ แท้ๆ แต่ว่าแม่นี่ดันตัดใจฆ่าเค้าง่ายเหลือเกิน แต่สถานการณ์แบบในหนังนั้นก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดีค่ะ TUT  (อ้าว?) 

แต่ว่า อุ๊ยก่อนที่จะจากกันฟินนิคฝากริมฝีปากถึงพีต้าด้วยค่ะ  อร๊ายยยยย!! >[]<  ชอบตรงที่กดจูบแล้วบอกว่า “ไป” นี่แหละค่ะ   เหมือนเป็นจูบสุดท้ายด้วยความรักและหวงหาจริงๆ  ชอบที่ฟินนิคปกป้องพีต้าและบอกให้พีต้าขึ้นไปเพื่อรักษาชีวิตค่ะ  เค้าเป็นห่วงพีต้าจริงๆ พาลเป็นห่วงคนอื่นไปด้วย  แล้วบอกให้ขึ้นไปเดี๋ยวจะรั้งท้ายเอง  โอยยยยยยย  อิชั้นจะกรี๊ดร้องให้อกแตกตายไปเลยเจ้าค่ะ  ฮร๊ายยยยย  ชอบ...ชอบฉากนี้มากค่ะ  ถึงแม้เค้าจะถูกดึงกลับไปก็เถอะ T^T

//พูดอนึ่งไม่ใช่ฟิคของตัวเอง//  กลับมาแล้วดูแลพีต้านะฟินนิค  รีบกลับมาเลย  ฮึก  ฮืออออ น่าสงสารพีต้านะคะ  โอ๊ยยยย  ยังกะใจสลายเลยยยย  ฮ่อลลลล  อย่าเศร้าไปเลยนะพีต้าาา  //กอดแรง//

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะสำหรับ Part นี้  โอ๊ยย  บีบหัวใจ  คอมเม้นท์กันนะคะจิกๆ  5555  

แปะเฟสเจ้าค่ะ แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด  รักมากมายทุกท่านดั่งเดิมค่ะ  ขอบพระคุณที่เข้ามาแวะเวียน เยี่ยมชมและพูดคุยกับไรท์นะคะ  รักมากมายค่ะ  //ส่งจูบ//  แล้วเจอกันใน Part นะค้าา >////<

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund 





ไม่มีความคิดเห็น: