วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 2] The Possible – Finnick x Peeta







มาแล้วค่ะ  หลังจากที่หายไปหลายวันอยู่ 5555  ช่วงนี้คงจะไม่ได้ลงฟิคถี่นักนะคะ เพราะว่างานเยอะอย่างไม่ปราณีไรท์เลยค่ะ ไรท์จะพยายามลงในทุกๆ อาทิตย์นะคะ  จะได้ไม่ขาดช่วงนานนัก  เลยต้องขออภัยรีดๆ ในเรื่องของความล่าช้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ M_ _M

อร๊ายยยยยย  ปรับฟีลมาเข้าเรื่อกันอย่างรวดเร็วค่ะ ><  ฮ่อลลล  ฟินนิคกำลังจะไปแคปปิตอลแล้ว  จะดำเนินไปตามเนื้อเรื่องในหนังในแบบของไรท์นะคะ 5555  ชอบความใกล้ชิดของพ่อฟินนิคแมนและพีต้าน้อยๆ มากเลยค่ะ....อุ๊บ!!  อย่าพวดเซ่! >0<

ก็ มันก็จะเป็นไปตามเนื้อเรื่องอยู่อ่ะเนอะหลังจากนี้ เชื่อว่ารีดหลายๆ ท่านก็คงจะรู้กันแล้วแน่นอนค่ะ  ถ้าใครชอบฟิควายที่สนุกมีฉากตื่นเต้นพอให้มีรสชาติแปลกใหม่  เรื่องนี้รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนเลยค่ะ (แน่นอน ไรท์รวมถึงภาคแล้วๆ ที่ผ่านมาของ The Hunger Game ด้วยค่ะ 5555 โดยเฉพาะสองภาคแรก  ทั้งตื่นเต้นและบีบหัวใจ เอื้อออออ)

โอเคค่ะ  เราไปอ่านกันเลยค่ะ >< !!



--------------------------------------------------------------------------------------------



ผมเดินลงจากเครื่องบิน  มีทั้งทหารของฝ่ายกบฏและคนธรรมดาที่ไร้ที่อยู่เต็มไปหมด  พวกเค้าพากันมองผมเป็นตาเดียวจนผมต้องหยุดเดินแล้วมองกลับไป  นึกอยากถามไม่น้อยว่าผมไม่เป็นที่ต้อนรับหรือเปล่า  แต่ไม่เลย...สายตาของพวกเค้าไม่ได้บอกว่าอย่างนั้น  และผมเดาว่าแคทนิสก็คงจะถูกมองแบบเดียวกันนี้ในตอนที่เธอมาถึง  มีชายในเครื่องแบบคนหนึ่งนำทางผมไปสมทบกับแคทนิสและพรรคพวก

และดูเหมือนว่าผมจะไปถึงทันเวลาพอดี  คณะเดินทางอย่างไม่เป็นทางการกำลังรวมพลในตอนนั้นเอง แคทนิสก็เลิกสนใจผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจัดแจงทุกอย่างแล้ววิ่งมากอดผมแต่ก่อนหน้านั้นเธอทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสายตาเหมือนผมอยู่ผิดที่ผิดทาง......แต่ถึงยังไงผมก็มาแล้ว

ผู้หญิงคนที่แคทนิสไม่ให้ความสนใจคือร้อยโทแจ็คสัน  เธอบอกว่าหน่วยนี้เป็นหน่วยของเธอและเธอเป็นหัวหน้าแต่ก็ไม่ใหญ่เท่าบ็อกส์ซึ่งเป็นคนถือโฮโลและนำทางให้แก่เราอีกทีหนึ่ง  กระทั่งเราออกเดินทางไปสู่แคปปิตอล  เครสสิด้าบอกว่าเราต้องถ่ายทำกันในซากปรักหักพังเพื่อสื่อถึงสิ่งที่สโนว์ได้สร้างขึ้นและทิ้งเอาไว้  ลูกทีมของเธอคือพอลลักซ์และแคสเตอร์พวกเค้าดูเป็นคนอัธยาศัยดีแต่ระวังตัวได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนทหารที่ถูกฝึกมา  และผมชอบพวกเค้า ซึ่งผิดจากลูกทีมของแจ็คสันที่อ้างว่ามาคุ้มครองเรา  ผมเดาว่าการเดินเท้าเข้าไปหาความสยดสยองของพวกบ้าอำนาจคงจะทำให้พวกเค้าสั่นกลัวไม่น้อยถึงแม้จะไม่เห็นมันบนสีหน้าของพวกเค้าแต่ผมก็รู้ดี......ใช่ เพราะผมไม่ได้รู้สึกแบบพวกนั้น เราเลยไม่เหมือนกัน

บ็อกส์บอกรายละเอียดทุกอย่างที่เราต้องรู้และกัดกินขวัญกำลังใจของเรา  ทว่าผมกลับรู้สึกดีอีกทั้งยังกระปรี้ประเปร้าที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะได้เข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องน่าตื่นเต้นอีกครั้ง ถึงแม้มันจะไม่น่ายินดีนักแต่ผมก็รู้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมรู้สึกสนุกเหมือนคนบ้าเพราะเราจะไปฆ่าสโนว์กัน

ผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอต้อนรับสู่ฮังเกอร์เกมส์ครั้งที่ 76” ผมพูดในขณะที่กล้ามเนื้อเริ่มเต้นกระตุก



******************************************************************



เราออกเดินทางอย่างเงียบๆ จนดูเหมือนแอบหนีออกมาจากค่ายกบฏด้วยซ้ำ  บ็อกส์คอยนำทางโดยมีโฮโลคอยอ่านพล็อตกับดักและช่วยไม่ให้เราไปติดกับจนตาย  แจ็คสันและลูกทีมของเธออีกสี่คนปิดท้ายกลุ่มสร้างความอุ่นใจให้แก่พวกเรา  ผมสวมชุดป้องกันสีดำล้วนของทหาร รู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างน่าประหลาด  กี่เดือนกันแล้วนะที่เขตอพยพที่ 1 ถูกโจมตีก่อนเราจะย้ายมาอยู่กับตัวตุ่นใต้ดินในเขต 1  ผมกลายเป็นคนมืดมนหัวใจห่อเหี่ยวกี่ไปเดือนกัน?

เกือบหลงลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนตัวเองเคยทำอะไรได้ และมีคนเรียกชื่อผมด้วยเสียงกึกก้องอันดังมากแค่ไหน  ทุกอย่างถูกผมขว้างทิ้งไปและหมกตัวอยู่กับความรู้สึกผิดที่พีต้าถูกจับตัวไป......ไม่  มันจะไม่เกิดขึ้นอีก  พีต้าจะไม่ต้องหวาดกลัวอีกแล้วเพราะผมจะปกป้องเค้าเอง ทำให้เกมส์ที่กลายเป็นสงครามนี้จบลงซะอย่างที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก

เราเดินทางเข้าใกล้ใจกลางเมืองขึ้นเรื่อยๆ  เครสสิด้าหยุดทีมให้ถ่ายทำอยู่หลายครั้ง  ผมรู้แคทนิสไม่ได้เกลียดเครสสิด้าแต่บางครั้งเธอก็ดูอารมณ์เสียกับการที่ต้องสร้างภาพอยู่หน้ากล้อง  เราย่างย่องไปต่ออย่างระมัดระวัง  หยุดพักที่ซากตึกเพื่อทานมื้อเที่ยงและในตอนนั้นเองที่มีรถน่าสงสัยแล่นเข้ามา  เสียงล้อยางบดเศษซากปูนและขี้เถ้าดังเข้าหูเรามา  พวกทหารตื่นตัวรีบรุดออกไปดูยกเว้นแจ็คสัน  เธอวอร์วิทยุไปถามฐานว่ามันเป็นรถของใคร


“ไม่มีอะไรแล้วทุกคน  มันเป็นมิตร” เธอบอก แล้วสีหน้าตึงเครียดของทุกคนก็หายไป

แต่รถคันนั้นทำให้ผมหยุดหายใจ  มีทหารในเครื่องแบบเดินลงมาท่าทางขึงขังพร้อมจะฆ่าศัตรู  มีคนหนึ่งดึงตัวทหารในเครื่องแบบอีกคนหนึ่งออกมาจากรถ  คนๆ นั้นโซเซเพราะแรงฉุด  ก้มหน้างุดพร้อมกับห่อไหล่อย่างไม่สนโลกอันตรายภายนอก  ผมนิ่งค้าง รู้สึกเหมือนโดนเสาหินทุบเป็นครั้งแรกในเวลานั้นเอง

พีต้า

ใช่แน่  จำไม่ผิด  ไม่มีทางไม่ใช่เค้า  พีต้าถูกทหารดึงออกห่างจากรถก่อนจะดันหลังเค้าที่เดินก้มหน้ากุมตาแทบไม่มองทางด้วยซ้ำให้เดินตรงมาหาเรา......ไม่มีทาง  เค้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?  เค้ากำลังป่วยอยู่นี่  เค้าไม่ควร......

“ผมชื่อ พีต้า   เมลล์ลาร์ค  บ้านอยู่เขต 12  ผมชื่อ พีต้า   เมลลาร์ค  บ้านอยู่เขต 12  ผมชื่อ...” พีต้างึมงำมาตามทางเหมือนทหารพวกนั้นชวนเค้าท่องจำเพื่อฆ่าเวลาก่อนมาถึงนี่ และทันทีที่ได้ยินเสียงไม่สนโลกของเค้าจู่ๆ แคทนิสก็หยิบลูกธนูขึ้นมาน้าวสายแล้วเล็งไปที่เค้า  ดูเธอช็อคมากแต่ก่อนจะได้ทำอะไรโง่ๆ อย่างการยิงพีต้าที่เพิ่งเข้ามา  เสียงบ็อกส์ก็แว่วขึ้นว่า “พอแล้ว”  แต่ผมรู้ว่าเธอจะไม่ฟัง  แคทนิสไม่เคยฟังใคร  ผมจึงเดินเข้าไปขวางด้วยใจและขาที่ไวกว่า

“หยุดก่อน ทุกคนใจเย็นๆ” อันที่จริงผมบอกเธอ....แคทนิสใจเย็นๆ เธอบ้าไปแล้ว!

พีต้าเงยหน้าขึ้นมองผม  เป็นครั้งแรกนับจากที่ลงจากรถ  ผมวาดมือขวางแคทนิสไว้เพื่อความอุ่นใจของพีต้า  เพราะผมรู้ว่าเค้ารู้ว่าผมจะปกป้องเค้าและพีต้าเชื่อใจผมได้เสมอ  เด็กหนุ่มของผมตัวสั่นจนเผลอกัดริมฝีปากเมื่อเห็นแคทนิสง้างสายธนู......ไม่เอา  ผมจะไม่ยอมให้ผู้หญิงบ้าที่อยู่ด้านหลังทำร้ายความรู้สึกดีๆ อันน้อยนิดที่ผมเพียรสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากของพีต้าที่มีต่อเธอให้พังทลายลงไปแน่นอน  ผมรู้ ถึงแคทนิสจะผิดที่ทิ้งพีต้าในตอนนั้นแต่อย่างน้อยเธอก็เป็นเพื่อนของเค้า

“แจ็คสันใส่กุญแจมือ” ผมได้ยินเสียงบ็อกส์สั่งการ  และอยากท้วงแต่ก็เพิ่งนึกได้ว่าพีต้าจะไม่ทำร้ายผมเพียงแค่คนเดียว  สถานการณ์กดดันอาจบีบคั้นเค้าอีกได้  และดูเหมือนแจ็คสันจะเข้าใจว่าพีต้าเป็นอย่างไรเธอจึงพูดตะล่อมอย่างอ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่นิสัยแข็งกร้าวของเธอจะเอื้อได้

ผมยืนอยู่ตรงนั้น  อยู่ข้างเค้าแทบพูดอะไรไม่ออกเพราะตกใจมาก

“นายโอเคไหมพีต้า?” ผมกระซิบถามเค้าขณะโอบกอดไหล่ของเค้า พีต้าก้มหน้าลงอีกแล้วและผมก็ทำตามเค้าเพื่อหาคำตอบ แต่เค้าไม่ได้พูดเอาแต่มองหน้าผมอย่างเดียว

“ไม่เป็นไรนะ  ฉันจะอยู่ข้างนายเอง  นายจะปลอดภัยฉันสัญญา” ผมลูบผมเค้าอย่างให้กำลังใจ  ก่อนจะพาเค้าเข้าไปนั่งรวมกับคนอื่นๆ ในซากตึก.....อย่างน้อยเค้าก็ไม่พึมพำแล้วว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน  ให้ตายเถอะ เค้าไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย

หลังจากที่บ็อกส์บอกว่าผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าประธานธิบดีอยากเห็นพีต้าอยู่ในโฆษณาร่วมกับแคทนิสด้วย  อัลม่าไม่ควรทำแบบนี้......รู้อะไรไหม? โฆษณาปลุกระดมน่ะมันงี่เง่าและเธอมันก็งี่เง่าพอกันเลย  ผมอยากกดด่าเธอแต่เธอเป็นผู้หญิง  เธอเลยรอดตัวไป  แต่หลังจากนี้ผมจะบอกตัวเองไว้ว่าให้สิบแต้มสำหรับการไม่ทำตามผู้นำอย่างเธอเมื่อเธอขึ้นเป็นประธานธิบดีแทนสโนว์



****************************************************************



ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างไหลลื่น  ทุกคนกำลังถ่ายทำเสร็จสมบรูณ์และใกล้ได้กลับค่าย......

แต่อัลม่าส่งพีต้าไป  “ผมชื่อพีต้า เมลลาร์ค บ้านอยู่เขต 12” เธอส่งเค้าไปร่วมกับหน่วย 415 เพื่อทำให้แคทนิสไขว่เขว  ถ่วงความปลอดภัยของทีมและทำให้เธอตายในที่สุด  แต่ฟินนิคก็ดูแลเค้าได้เป็นอย่างดีเช่นที่ในคอเตอร์เควลย์ ชายหนุ่มจากเขต 4 รู้สึกฉุนอัลม่าไม่น้อยที่ส่งพีต้ามา...เธอก็รู้ว่าเค้าจะไม่รอดเเน่  แต่ฟินนิคจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด

“พวกเค้าอยากให้มีพีต้าด้วย ให้เห็นว่าเค้าอยู่ข้างเรา” บ็อกส์พูดหลังพีต้ามาถึงจุดพักของ 415

ฟินนิคดูแลพีต้า สอนพีต้าทุกอย่าง และฟื้นความทรงจำเค้าทีละน้อยถึงแม้จะอยู่ในสมรภูมิ  มีอยู่ครั้งหนึ่งเค้ากอดพีต้าในตอนที่เจ้าตัวจะทุบแคทนิสด้วยด้ามปืน  มันบ้ามากทุกคนบอกอย่างนั้นเพราะตอนเกิดเรื่อง กับดักของสโนว์เล่นงานทุกคนอีกครั้งและพีต้าก็ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ทำร้ายแคทนิส  เธอเกือบตายแล้ว ถ้าฟินนิคไม่ดึงพีต้าออกมาแล้วลากเจ้าตัวหนีของเหลวหนืดสีดำหรือที่เรียกกันว่าน้ำมันดิบที่ท่วมลามขึ้นมาหาหน่วย 415 ทั้งกลุ่ม

“วิ่งเร็วเข้า! เร็ว เข้าไปในนั้น” มีคนกรรโชกเสียงขึ้นฟินนิคจับได้ว่ามันมาจากความหวาดกลัว  แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร  ร่างสูงเหวี่ยงปืนไว้ด้านหลังแล้วกอดพีต้าไว้ พาเค้าขึ้นไปบนชั้นสองของซากตึกที่ร้างผู้คนไปนานแล้ว ณ ที่นั่นไม่มีใครเหลือยู่เลยนอกจากตัวแทนกบฏผู้กล้าหาญ  ของเหลวที่น่าสยดสยองนั้นลามตามพวกเค้าขึ้นมาอย่างกระชั้นชิดราวกับว่าเนื้อที่บริเวณนั้นเป็นบ่อไม่ใช่เขตเมืองชั้นนอกของแคปปิตอล

“อยู่กับฉัน” ฟินนิคกดเด็กหนุ่มที่คุ้มคลั่งกับผนังกำแพง “ชู่ว  ชู่ว” พร้อมกับพยายามให้เค้าใจเย็นในขณะที่มีคนทำให้เค้าสงบลงด้วยการฉีดยาระงับประสาท  เด็กหนุ่มผมสีทองหมดสติลงในที่สุดอย่างรวดเร็ว  ฟินนิครับเจ้าตัวไว้แล้วกอดกระชับเข้าหาตัวราวกับว่าพีต้าโดนตีหัวจนสลบ  ชายหนุ่มนั่งฟังเสียงที่ถกเถียงกันอย่างงี่เง่าไม่ดูเวลาของแจ็คสันและแคทนิส

มีคนตายเพราะกับดักไปแล้ว  บ็อกส์  ลูกทีมของแจ็คสัน  และพี่น้องลิ๊กก็กำลังจะตามไปอีกหนึ่งคนเพราะเป็นตัวถ่วงแต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเค้าก็เสียพี่น้องลิ๊กไปทั้งคู่เนื่องจากไม่สามารถให้พวกเธอลดทอนความเร็วของการหลบหนีได้เมื่อมีพิซคีปเปอร์เป็นร้อยกำลังมุ่งตรงมาทางนี้  พวกเค้าจึงจำเป็นต้องไป

ฟินนิครีบอุ้มพีต้าขึ้นพาดบ่าเพื่อไม่ให้มีใครได้เสนอว่าควรให้เด็กหนุ่มรอหน่วยช่วยเหลือเป็นเพื่อนพี่น้องลิ๊กได้  ซึ่งเค้ารู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้พวกพิซคีปเปอร์จะมาถึงที่นี่ก่อนครบสามนาทีแน่ๆ  เมื่อออกมาจากที่ๆ ทิ้งพี่น้องลิ๊กได้ไม่ไกลทุกคนก็ได้ยินเสียงกราดยิงชุดหนึ่งแล้วเงียบไป......และรู้ดีว่าเสียพวกเธอไปแล้ว

ในเวลาต่อมาฟินนิคยังคงกอดพีต้าจนกระทั่งเค้าฟื้น  ร่างสูงไม่ได้ร่วมวงวางแผนการกับแคทนิสและคนอื่นๆ มากนักเนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของเค้า หลายคนในนี้ไม่เคยรู้จักเค้าและไม่รู้ด้วยว่าเค้าเป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของเขตอพยพที่ 1 มาก่อน  แต่แคทนิสรู้ หลายครั้งเธอหันมามองหน้าเค้าหวังว่าฟินนิคจะพูดแทรกอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้างแต่กลับรับรู้แต่เพียงความเงียบกริบของชายหนุ่ม  ฟินนิคปิดปากเงียบ  ปล่อยพีต้าจากอ้อมแขนแล้วถึงไม่ได้ทำอะไรแต่ก็ยังอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ที่หน้าเสียเพราะรู้ว่าตัวเองทำตัวคลุ้มคลั่งไป  ไหล่ของเค้าทั้งสองกระทบกันและไม่แยกจากกันเลย

“เราจะเข้าไปที่แมนชั่นของสโนว์เหรอ?” พีต้ากระซิบจ้องมองโฮโลที่แสดงแผนภาพสามมิติของเมืองและพล็อตเขม็ง ราวกับว่ามันเป็นแผนที่สุสานที่ใครเข้าไปแล้วก็จะไม่ได้กลับมา

ฟินนิคเม้มริมฝีปากแต่ดูคล้ายจะยิ้มอบอุ่นให้พีต้า  เค้ารู้ดีว่าสโนว์อาจเคยพาพีต้าไปที่นั่นเพื่อทรมาน “ใช่ เราอาจจะลอบเข้าไปได้ถ้าแผนลุยแบบไม่มองซ้ายมองขวาของแคทนิสสำเร็จ” ร่างสูงดึงสายรัดแขนที่เป็นกุญแจมือของพีต้าให้สูงขึ้นไปบนแขนเสื้อเพื่อไม่ให้บาดข้อมือของเด็กหนุ่ม  สายตาสีน้ำตาลเข้มนั้นบอกพีต้าว่ามันจะไม่เป็นไร เค้าจะต้องปลอดภัยแน่  และแผนหยาบๆ ของแคทนิสก็จะไม่มีวันสำเร็จ

แต่พีต้ากลับมองหญิงสาวคนดังกล่าวเขม็งอีก ก่อนจะถูกฟินนิคติติงด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเค้าเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนและจะต้องเป็นแบบนั้นต่อไป

“มันเป็นเรื่องดีที่เรามีเพื่อนพีต้า อย่าให้ภาพลวงตาที่พวกนั้นสร้างขึ้นทำให้นายเปลี่ยนไปสิ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกล่าว “พีต้าที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนแบบนั้น”  พวกเค้าทั้งสองคุยอะไรกันเงียบๆ ในระหว่างที่คณะเดินทางมีแคทนิสและเครสสิด้าเป็นตัวเต็งหลักในการทบทวนวางแผนการเดินทาง  แต่พอลลักซ์กลับเป็นคนเสนอวิธีที่ดีที่สุดและนำทางให้แทน

คาสเตอร์บอกว่าพี่ชายของเค้าบอกว่าทางใต้ดินปลอดภัย

ดังนั้นทุกคนจึงลงใต้ดิน



*******************************************************************************



ไม่ดีเลย  ที่นี่แฉะมากแถมยังมีกลิ่นเหม็นของๆ เสียจากสารเคมีลอยอบอวนไปทั่วอีกด้วย  แต่พอลลักซ์เป็นใบ้  เค้าพูดไม่ได้ผมเลยไม่โกรธเค้า  แต่ถึงรู้ก็ไม่ถือสาเพราะมันเลี่ยงไม่ได้และเค้ากับน้องชายก็เป็นคนดีมาก  พอลลักซ์เดินนำทางเราไปใต้ท่ออุโมงค์ที่มีน้ำท่วมถึงหน้าแข้งใต้เมืองแคปปิตอล  ที่นี่ปราศจากพล็อต......เป็นเรื่องดี  แต่บางอย่างบอกผมว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น  เหมือนเรากำลังเดินเหยียบมันอยู่ ไม่รู้แต่เพียงว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็เท่านั้น

เราเดินมาได้นานพอสมควร  ผมอยู่ข้างหลังพีต้าตลอดจนกระทั่งถึงเวลาค่ำ  เราดูนาฬิกาก่อนแจ็คสันจะบอกว่าควรพักได้เสียที  เธอจัดเวรยามให้ตัวเองตื่นอยู่คนเดียวในกะแรกและแคทนิสเป็นคนที่สองต่อจากเธอ  พีต้าไม่ยอมหลับ  ผมรู้สึกได้ถึงไหล่ที่สั่นระริกอยู่ตลอดเวลาของเค้า

“นายหนาวเหรอ?” ผมไม่ได้ถามเค้าเพราะรู้ว่าไม่ใช่ความหนาวที่ทำร้ายเค้า แต่ก็ใช้มันเพื่อเข้ากอดพีต้าได้อย่างไม่ให้เค้ารู้สึกสับสนกับเจตนาของผม

“พะ พวกเค้าเลี้ยงมัน...” เค้ากระซิบพร้อมซุกตัวเข้าอ้อมแขนผม

“อะไรเหรอพีต้า?” คราวนี้ผมถามเค้าจริงๆ รู้สึกขนอ่อนลุกชันไปทั่วทั้งตัวด้วยความประหลาดใจ

เค้าไม่ได้ตอบผมในทันที ตัวสั่นขึ้นอีกแล้วหันมามองผม “เค้าหย่อนพวกมันลงมาในนี้...ที่นี่” แล้วไม่พูดไปอีกพักหนึ่งเอาแต่ขดตัว “ฉันเห็น...เห็นพวกเค้าส่งพวกต่อต้านที่โดนซ้อมจนน้วมลงมาที่นี่....ฮึก มีเสียงฟินนิค  ฉันได้ยินเสียง! พวกนั้นกรีดร้อง  ฮึก...กรีดร้องกันดังมาก  พิซคีปเปอร์โยนพวกนั้นลงมาให้พวกมันกิน  อึก ฮึก ฉัน ฉัน...”

“พอแล้วพีต้า  ไม่ต้องเล่าแล้วล่ะ...ชู่  ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่ นายปลอดภัยแล้วโอเคไหม?  ไม่ต้องห่วงนะ  เลิกคิดถึงมันซะเถอะ” อันที่จริงผมอยากฟังต่อแต่ว่าอาการสั่นจนพาลร้องไห้ของเค้าก็ทำให้ผมต้องใจอ่อน......พอแล้วกับการเห็นพีต้าร้องไห้  ถึงแม้จะอยากรู้แค่ไหนแต่ว่าก็ไม่อาจต้องทนเห็นเค้าหวนนึกถึงช่วงเวลาเลวร้ายที่ถูกนำไปทรมานอีกแล้ว

พีต้าหลับไปในที่สุด  ผมรู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเค้าอยู่ในอ้อมอกจึงคลายตัว เพื่อปล่อยให้เค้าหายใจได้สะดวก  จนกระทั่งพีต้าพลิกตัวออกไปนอนได้ด้วยตัวเองในที่สุด  ผมเกือบหลับแล้วในตอนที่ได้ยินเสียงแจ็คสันมาเปลี่ยนกะกับแคทนิส  คนถูกปลุกไม่ได้เดินออกไปดูปากทางอุโมงค์ย่อยที่เราซ่อนอยู่ แต่เดินมานั่งข้างพีต้า  ผมได้ยินเสียงทั้งสองคนคุยกัน พีต้าพยายามบอกว่าเค้ากำลังสับสน  ไม่แน่ใจว่าอะไรจริงอะไรเท็จหลังจากที่ถูกสโนว์ปล่อยตัวออกมา  และเค้าบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเธอ...

ผมยิ้ม  ไม่มีใครเห็นเพราะหันมาอีกด้าน  ดูเหมือนหนุ่มเบเกอร์รี่ของผมกำลังพยายามที่จะเชื่อว่าแคทนิสเป็นเพื่อนอย่างสนิทใจ  เค้าเป็นเด็กดี  ใช่ ผมชอบที่เค้าเป็นเด็กดีถึงแม้จะสับสนกับความคิดเลวร้ายที่สโนว์เป่าหูให้แต่เค้าก็เชื่อใจผมเสมอ  ผมเล่าให้เค้าฟังทุกเรื่องตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนหายตัวไป  ทุกเรื่อง  ยกเว้นเรื่องที่เค้าเคยแอบชอบแคทนิส.......ผมรู้มันฟังดูเห็นแก่ตัว  ผมแอบหวังในใจว่าพีต้าจะจำไม่ได้ว่าเคยแอบชอบเธอแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว  ถึงแม้เราจะเคยคุยกันว่าเค้าไม่ได้รักเธออีกต่อไปแล้วเพราะความทรงจำที่เพิ่งรับรู้มาหลังจากเธอเป็นม็อกกิ้งเจย์  แคทนิสหยาบคายและขึงขังขึ้นมากนั่นทำให้พีต้ารู้สึกกลัว  แต่ผมก็ไม่อยากให้เค้ารู้ว่าตัวเองเคยคิดอย่างไรกับแคทนิส

ผมอยากรักและครอบครองเค้าไว้คนเดียว......ใช่ไหมล่ะ ผมมันเห็นแก่ตัว

พอเช้า  เอ่อ ผมว่าตอนนี้เช้าแล้ว  เราออกเดินทางกันอีกครั้ง  ปลอดภัยไม่มีพล็อตและแทบไม่ต้องใช้โฮโลอีกเลยแต่ถึงกระนั้นทุกก้าวที่ออกเดินก็ทำให้ผมยิ่งต้องระวังตัว  เสียงน้ำที่ดังกระเฉาะเมื่อยามที่เรายกเท้าก้าวเดินมันทำให้ผมต้องเกร็งหู  นอกจากเราแล้วจะยังมีใครที่เรามองไม่เห็นได้ยินการเคลื่อนไหวของเราอีกหรือเปล่า

ท่าไม่ดี  ท่าไม่ดีเอามากๆ

ผมเดินใกล้พีต้ามากขึ้นและสอดส่องสายตาไปรอบข้างมากขึ้นทุกขณะ  หอกของผมพร้อมใช้งานอยู่ในมือและปืนพกที่เหน็บอยู่บนต้นขาซ้าย  แต่แล้วบรรยากาศก็เริ่มบีบคั้นอะดรีนาลีนของเรา  เสียงหวืดหวือเบาๆ สะท้อนมาตามอุโมงค์  เราจึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น  แจ็คสันนำไป ผมไม่เห็นด้วยที่เราจ้ำอ้าวใส่น้ำที่ส่งเสียงดังไปทั่วทั้งอุโมงค์แบบนั้น  เป็นผมผมจะเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ  ไม่แปลกใจเลยทำไมเสียงสะท้อนลึกลับนั้นถึงดังบ่อยขึ้นและชัดเจนขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่ดีจึงได้จ้ำอ้าวกันต่อไป

ตอนนี้ทุกคนมีอาวุธพร้อมท่าอยู่ในมือแล้ว (ยกเว้นพีต้า) ผมอยู่หลังเค้าเหมือนเดิม  เราเดินเร็วขึ้นผลักกันเหมือนกลัวตายเต็มที่  ผมกันพีต้าจากการผลักของเครสสิด้า  เสียงเงียบไปแล้ว  จู่ๆ มันก็เงียบไป

ไม่ชอบมาพากล



.



.



.



TBC.






-----------------------------------------------------------------------------



Oh god! เรื่องกำลังจะตื่นเต้นขึ้นแล้วค่ะ! O_o

อัลม่าเธอสมควรตายตั้งแต่ส่งพีต้าฉันไปและ! >{}<  ชริๆๆๆๆ  ทำไมกันเนี่ยยย  แล้วฟินนิคจะ อูยยยย  จะอ่อนโยนและแอบบ้าไปไหนคะ(?)   gเหมือนรู้สึกดีที่จะได้เข้าไปเจอเรื่องตื่นเต้นอีก ต่างจากคนอื่นลิบลับ  พอเจอพีต้าก็โอยยยยยย  เหมือนโลกนี้มีกันอยู่สองคนค่ะ 55555  พีต้าน่ารักมากก ฟินนิคก็น่ารัก คอยเทคแคร์ตลอด

เรื่องดำเนินมาถึงจุดใกล้แตกหักแล้วค่ะ  ใช้คำนี้เว่อร์ไปไหม 555555   ถัดฉากนี้ไปจะเป็นตอนที่บีบหัวใจแฟนเกิร์ลทุกคนค่ะ T^T  ไม่!! ม่ายยยยยยยย

แต่ในฟิคนี้จะเป็นอย่างไรก็ต้องคอยชมกันไปค่ะ ><  ขอฝากฝังฟิค The Hunger Game ภาคสุดท้ายนี้ไว้ในอ้อมใจของรีดทุกท่านด้วยนะคะ >//<  วันนี้ไรท์ขอลาค่ะ  ล้าเหลือเกิน 5555555  งานทำร้ายหนักมากกกกก    ขอบพระคุณที่รับชมรับอ่านนะคะ  รักสุดหัวใจเลยค่ะ //วาดหัวใจบนจอ//

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray – Aund

ป.ล. แคทนิสเธอมันบ้าไปแล้ว  ไปตายซะ!!  บังอาจจะยิงพีต้าของฉัน!






ไม่มีความคิดเห็น: