วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 1] The Possible – Finnick x Peeta





 //และใน Part แรกนี้ขอหยิบยกเอาภาพ The Hunger Game ภาคสุดท้ายมาให้เปิดตัวนะคะ  ทำให้นึกถึงตอนที่ฟินนิคพูดถึงครั้งที่ 76th เพื่อเป็นการหยอดมุขเลยนะคะ//

อร๊ายยยยยยยย  อร๊ายยยยย!! >0<  กราบสวัสดีค่ะรีดๆ ที่รักทุกท่านขาา  หลังจากหายไปพักหนึ่งไรท์ก็กลับมาแล้วค่ะ  555555  เปิดเทอมแล้วกลับไปเป็นซอมบี้ต่อเหมือนเดิมค่ะ 5555  โธ่  ช่างน่าเบื่อเสียนี่กระไร

แต่ก็ช่างมันเถอะค่ะฮะ ฮ่า!  อย่างน้อยได้กลับมาลงฟิคแล้วก็ทำให้ไรท์รู้สึกดีมากมายอย่างแรงเลยค่ะ  ฮ่อลลลลล   คิดถึงรีดกับบล็อกฝุ่นเขรอะของตัวเองจังเลยค่ะ  //เดินเข้าไปกอดรีดแล้วจูบแก้ม//  เรื่องดีที่สุดของไรท์ในตอนเปิดเทอมใหม่ๆ นี้คือได้กลับมาหาพีต้ากับฟินนิคอีกครั้งหนึ่งค่ะ  โอ้ ฟินนิคแมนจะได้รับการช่วยเหลือจากไรท์และความฟินของพวกเราเองค่ะ รีดๆ ขา! 555555555  //อินี่ออกแนวเฟื่อง -*-//

โอเคค่ะ ก่อนอื่นเลยไรท์ขอแนะนำให้อ่าน Part สุดท้ายของเรื่องที่แล้วหรืออ่านทั้งเรื่องไปเลยก็ได้ค่ะ 55555  เพื่ออรรถรสที่ต่อเนื่องของฟินนะคะ ^^  และอย่างที่เรารู้ๆ กันดีว่าหนัง The Hunger Game 3 ภาคสุดท้ายนั้นเป็ดที่ปวดหัวบีบขมับมากสำหรับใครหลายๆ คน  (ไรท์ล่ะค่ะคหนนึ่งแล้ว ฮาา)  เพราะงั้นไรท์ขอให้รีดๆ ที่เคยดูภาคสุดท้ายผ่านๆ ตาแล้วนั้น  ลบภาพทั้งหมดทิ้งไปค่ะแล้วไม่ต้องกลับไปดูซ้ำนะคะ 55555  พาเครียดค่ะ  เครียดแคทนิส เครียดเนื้อเรื่องและชะตากรรมของแต่ละคนค่ะ

ฟินนิคว่าน่าสงสารแล้วยังไม่น่าเศร้าเท่าพีต้าที่ลงเอยกับแคทนิสค่ะ  TUT  โอยยย พีต้า  หนู.....หนูเหมือนพี่ชายเลยลูก ไม่เหมือนพ่อคนเลยสักนิด  ส่วนแคทนิสก็เหมือนแม่โทรมๆ อุ้มน้องคนสุดท้องของหนูคอยดูหนูกับน้องคนรองเล่นกันในทุ่งหญ้า  โอยยยยยย  บอกเพ่แกรร์รี่กับป้าซูซานเปลี่ยนตอนจบด่วนค่ะ   ให้แคทนิสมีลูกได้ยังไง  เดี๋ยวก็พาลูกเพี้ยนด้วยพอดี  มีการจะเล่าเรื่องหลอนขแงแคปปิตอลเก่าให้ทารกฟังด้วย  อ๊ากกกก  ไรท์ทนไม่ด้ายค่าา

โอเค หยุดนอกเรื่อง 555555  และแน่นอนค่ะ อย่างที่สาวกวายและแฟนๆ The Hunger Game เห็นพ้องต้องกันทุกคน  ฟินนิค  โอแดร์ ในเรื่องนี้จะไม่ตายค่ะ 5555555   //ลั่นแบบมหาวายร้าย//  พ่อฟินนิคแมนของเราจะยังอยู่รอดเป็นพระเอกที่ยอดเยี่ยมโลดแล่นอยู่ในบล็อกของไรท์อีกคนหนึ่งค่ะ 5555555

โครงเรื่องในช่วงแรกนั้นไรท์จะเท้าความไปยังเนื้อหาในหนังก่อนนะคะ แต่เป็นในแบบของไรทืเองนะเออ 5555  แล้วหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่โหมดที่เป็นโลกของเราค่ะ  มโนแหลกค่ะ 55555  ใครที่โดนเพ่แกร์รี่และป้าซูซานทำร้ายมาในฉากที่ฟินนิคตายและตอนจบนั้น  ฟิคเรื่องนี้จะรักษาแผลนั้นของรีดๆ เองค่ะ

รีดว่าไหมคะ  ขนาดตอนจบยังปวดหัวเนอะ  ยังไม่ทันหายปวดหัวจากความเครียดในต้นเรื่องหนังก็จบซะและ  โอยยยย ไรท์ไม่ไหวจะเคลียร์ค่ะ  ต้องเปลี่ยนด่วนๆ ลย

และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา  เราไปรับชมกันเลยค่าาา >0<



------------------------------------------------------------------------------------------------



เพราะผมคือ พีต้า   เมลลาร์ค.....

“ฟินนิค...”

ผมพูดเป็นคำแรก ในตอนที่น้ำตาของเค้าอยู่ๆ ก็ไหลออกมาเหมือนหยดน้ำ

เค้ามีสีหน้าประหลาดใจ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้

.....เพราะผมคือ พีต้า   เมลลาร์ค

พีต้า   เมลลาร์ค ที่รัก ฟินนิค   โอแดร์                          



.



.



.



*********************************************************************************



.



.



.



พีต้าจำได้แล้ว  ถึงจะยังไม่มากนัก แต่ก็จำได้แล้ว......

เรื่องนี้ต้องขอบคุณฟินนิค   ถึงแม้ว่าทีมแพทย์จะลงความเห็นว่าชายหนุ่มผมบล์อนจากเขต 4 คนนี้อาจมีอิทธิผลต่อจิตใจของคนไข้มากพอที่จะทำให้เค้าฟื้นความจำขึ้นมาได้บ้างก็ตาม  แต่แคทนิสก็รู้ดีว่าฟินนิคมีอิทธิพลต่อจิตใจของพีต้ามากกว่านั้น  มากพอๆ กับที่หนุ่มเบเกอร์รี่เองก็มีผลพวงอย่างยิ่งยวดต่อจิตใจของฟินนิคผู้ที่เริ่มกลับมามีเรี่ยวมีแรงอีกครั้งด้วยเช่นกัน

ไม่สิ  ต้องเรียกว่ามีกำลังใจดีขึ้นต่างหาก  ตั้งแต่ที่พีต้ากลับมาพูดเหมือนกับคนปรกติได้อีกครั้ง แคทนิสก็เห็นฟินนิคออกมาจากห้องพักบ่อยขึ้น  เค้าเก็บตัวน้อยลง  จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้บีทีบอกกับเธอที่แวะเข้าไปหาว่าฟินนิคมาเอาหอกของเค้าและออกไปเล่นกับมันคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง  ซึ่งนั่นต่างจากที่ร่างสูงเป็นอยู่ก่อนหน้านี้อย่างลิบลับ

พีต้าทำให้ฟินนิคดีขึ้น  ใช่  อย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว

และแคทนิสก็ขอลงความเห็นเหมือนทีมแพทย์บ้าง ว่าแอนนี่น้องสาวของเค้าแทบจะไม่ได้รับการใส่ใจจากพี่ชายเท่าเด็กหนุ่มจากต่างเขตอย่างพีต้าเลย  แคทนิสเห็นฟินนิคเข้าไปหาพีต้าทุกวัน  วันละหลายๆ หน  และเค้าเป็นคนเดียวที่เป็นฝ่ายเดินจากมาด้วยการบอกลาและออกมาเอง โดยไม่โดนพีต้าไล่ตะเพิดไปเหมือนคนอื่นๆ

ถึงแม้มันจะฟังดูเสียหน้า  แต่แม้แต่พิมน้องสาวของเธอเองก็ต้องรีบถอยห่างออกมา โดยที่ได้เอ่ยปากพูดกับชายหนุ่มผมทองที่ยังดูไม่แข็งแรงแต่พลังทำลายล้างเหลือล้นคนนั้นได้เพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น  เพราะหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องของเธอ...



.



.



“นายแน่ใจเหรอฟินนิค?” เสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง  ถึงแม้ว่าเธอพอจะคาดเดาคำตอบของมันได้ก็ตาม  แต่เธอก็อยากที่จะเชื่อว่าฟินนิคจะตอบเธอว่า ไม่แน่ใจ

ไม่รู้สิ  เธอคาดหวังอะไรล่ะแคทนิส?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามกลับมา  เป็นเพราะเค้าไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่กันแน่  สีหน้าของเธอเหมือนต้องการอยากให้เค้าบอกว่า ไม่ แต่ความจริงในใจเอนเอียงให้เค้าตอบคำว่า ใช่

......ฟินนิคไม่คิดว่าเธอพร้อมที่จะคุยกับพีต้าเพราะหากอยู่ในสภาพอารมณ์แบบนั้น พีต้าจะไม่มีวันอยากคุยกับเธอ......

แคทนิสถอนหายใจ  ก่อนจะเอนตัวไปพิงกับพนักพิงเก้าอี้อย่างแรง  เธอดูไม่พอใจที่คำว่า ใช่ ดูเหมือนจะได้ออกมาจากปากของฟินนิคมากกว่าประโยคที่ว่า “ไม่ ฉันคิดว่าเธอก็น่าจะมีหวังนะแคทนิส พีต้าที่โดนสโนว์ล้างสมองให้ฆ่าเธอคงไม่ได้เกลียดเธอเสียเดียว”

ฟินนิคไม่ได้ถอนหายใจตามเธอถึงแม้ว่าอยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม เค้าคิดในใจ......ก็เธอนั่นแหละที่สโนว์เป่าหูให้พีต้าจงเกลียดจงชัง

 ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ว่ากระไรต่อ  เค้าเพียงเม้มริมฝีปากแล้วกระชับฝ่ามือที่กุมกันอยู่บนโต๊ะประชุมเอาไว้หลวมๆ  ภายในห้องนี้มืดสลัวและแสงน้อยเป็นเพราะว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่หารือกันอยู่ในห้อง  แสงสว่างเดียวคือแสงจ้าสีขาวจากห้องข้างๆ ที่ทะลุผ่านกระจกเข้ามา

“แต่ว่าเราส่งแคทนิสเข้าไปได้”

“จะบ้าเรอะ! นี่นายไม่ได้ฟังที่เราถามกันอยู่เมื่อกี้หรือยังไง?”

“ไม่มีผลอะไร หากฟินนิคไม่ให้คำตอบเรา...ถ้าเธออยากเข้าไปแคทนิส  ก็เข้าไปได้เลย” พลูตาร์ชว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวลหรือเสียงดังหรอกเฮย์มิช”  

เฮย์มิชที่ยืนพิงโต๊ะประชุมอยู่มีสีหน้าไม่ยินดีนัก  แต่ฟินนิคไม่รู้ว่าเค้าพิงโต๊ะเพราะอารมณ์เฉพาะตัวหรือว่ากำลังเมากรึ่มๆ อยู่กันแน่  เฮย์มิชหันมามองหน้าฟินนิคอีก คล้ายจะย้ำถามแทนแคทนิส

“เธอคงไม่ชอบถ้าผมตอบ  หรือไม่สนใจอยู่ดีถ้าผมตอบออกไปจริง ยังไงเธอก็เข้าไปอยู่ดี” เค้าว่า  และก็เป็นเช่นนั้นจริง พอพลูตาร์ชบอกว่าเข้าไปได้  แคทนิสก็ยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ มันครูดพื้นออกไปด้านหลังจนเกิดเสียงดัง เธอดูไม่รีรอเลยถ้าหากมีคนส่งเสริมในทางที่เธอชอบ

หญิงสาวผมสยายเดินออกไปจากห้องประชุมย่อยที่ถูกจัดขึ้นมาใหม่แล้วเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านหลังของกระจกสองด้านนั้น

“ผมไม่แนะนำให้เธอเข้าไปนะ” ฟินนิคเอ่ยออกมาในที่สุด เค้ารู้ข่าวว่าเธอเพิ่งหายจากอาการเส้นเสียงบวมและอักเสบเพราะโดนพีต้าบีบคอไป  ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีเค้าเพียงคนเดียวที่เข้าไปคุยกับพีต้าได้ก็ตาม  แต่แคทนิสดูแน่วแน่และแน่ใจมากที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากับพีต้าในรอบหลายวันหลังจากเธอบาดเจ็บเพราะเค้า

แต่ก็นั่นแหละ  ถึงอย่างไรฟินนิคก็ยังเป็นคนเดียวอยู่ดีที่พีต้าไม่ไล่ตะเพิดออกมา

แต่ความดื้อดึงของแคทนิสก็น่ารำคาญในระดับหนึ่ง  มันมากพอที่ชายหนุ่มผิวสีแทนจะไม่รั้งเอาไว้  และทันทีที่แคทนิสเข้าไป  คนหนึ่งที่นั่งบนเตียงแพทย์ดูโดดเดี่ยวอยู่กลางห้องกับอีกคนหนึ่งที่เพิ่งผลักประตูเข้าไปก็เริ่มคุยกัน

ฟินนิคลุกขึ้น  เดินเข้าไปใกล้กระจกสองด้านที่กั้นพวกเค้าเอาไว้แล้วฟังคนที่อยู่ในห้องสว่างๆ นั้นคุยกัน  ไม่ยากเลย  มันคาดเดาได้ไม่ยากเลยที่แคทนิสจะถูกพีต้าว่าร้ายและไม่ยอมญาติดีด้วย  แต่ชายหนุ่มผมบล์อนที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ตอนนั้นก็ล่วงรู้ถึงความลับอย่างหนึ่งที่พีต้าไม่เคยเล่าให้ฟัง

........พีต้ายอมโดนแม่ตี เพียงเพราะอยากที่จะแบ่งปันอาหารให้เด็กสาวที่หิวโซ  ฟินนิคยกยิ้มขึ้นมาในตอนที่พีต้าบอกว่าเจ้าตัวจงใจทำขนมปังไหม้เพื่อที่จะสามารถนำมันมาให้แคทนิสได้.........

“....ฉันเลยโดนแม่ตี” พีต้าว่า มองแคทนิสตาเขม็ง “ฉันไม่น่าทำแบบนั้นเลย  ไม่น่าแบ่งมันให้เธอเลย”

ก่อนพีต้าจะพูดต่อไปแล้วแคทนิสก็ขอตัวออกมาจากห้องอย่างกะทันหัน.....

ฟินนิคมีสายตาราบเรียบ  คล้ายอ้อมแขนจากการกอดอกแล้วมองดูพีต้าในห้องนั้นต่อไป  แต่เค้ากำลังคิด...คิดว่าแคทนิสกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่  เธอทำเหมือนพีต้าไม่มีหัวใจ  ชายหนุ่มเบเกอร์รี่ของเค้าไม่มีความหมายสำหรับ แคทนิส   เอเวอร์ดีน มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว  แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงได้แคร์พีต้านัก  ทั้งๆ ที่พีต้าก็ยังเหมือนเดิม  รึว่าแคทนิสแค่รู้สึกผิด...ฟินนิคเอนเอียงไปในข้อนั้นมากกว่า

ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดฟอร์มของเขต 13 ได้ยินเสียงเฮย์มิชออกไปตามแคทนิสที่พรวดพราดออกจากห้องของพีต้าไป  พลูตาร์ชเดินออกไปบ้าง เมื่อความพยายามของหญิงสาวที่เพิ่งเดินร้องไห้ออกไปไม่เป็นผล  แต่ชายวัยกลางคนร่างท่วมยิ้มบางๆ ก๋อเอ่ยขึ้นก่อนเดินออกไป และรอยยิ้มนั้นของเค้าก็ดูไม่จริงใจเลยเช่นทุกคราที่เค้ายิ้ม

“ดูท่า เด็กคนนั้นจะฟังเธอคนเดียวนะ” สีหน้าของพลูตาร์ชดูเจ้าแผนการ เป็นพวกชอบวางกลยุทธ์โดยกำเนิด  แต่คงจะเป็นประโยชน์กับนักการเมืองและอะไรที่ใช่ในการทรมานคนเท่านั้นเสียมากกว่า  ฟินนิคออกความคิดเห็น  ไม่ได้สนใจพลูตาร์ชพอๆ กับพวกของเค้า

และนี่อาจเป็นอีกครั้งหนึ่งที่จอมวางแผนอย่างพลูตาร์ชพูดถูก

พีต้าฟังเค้าแค่คนเดียว



.



.



***************************************************************************



.



.



“เธอมันร้ายกาจ  เห็นแก่ตัว  น่ารังเกียจ” เด็กหนุ่มที่ใส่ชุดขาวสะอาดตากัดฟันกรอดๆ ในตอนที่มือของเจ้าตัวถูกผมกุมเอาไว้

“เธอเคยเป็นเพื่อนนายนะ” ผมพูด

“ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ” พีต้าทำเสียงหงอยลง  หลังจากที่ผมเอ่ยเค้าก็ดูอ่อนลงไปทันที  เค้าดูเหมือนเด็กที่ไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับเด็กผู้หญิงหัวดื้อเจ้าอารมณ์  และผมเหมือนพี่ชายที่คอยไกล่เกลี่ยไม่ให้เค้าโกรธเคืองเธอไปมากกว่านี้

“เธอไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกพีต้า  นายแค่...แค่สับสนน่ะ”

เค้ามองหน้าผม  ก่อนผมจะยืนยันว่าเป็นเช่นนั้นจริงด้วยสายตาและสีหน้าที่ไร้แววโกหกเค้า

ผมนั่งอยู่บนเตียงของเค้า  เข้ามาคุยกับพีต้าทุกครั้งที่มีโอกาสและบ่อยครั้งมากเท่าที่ผมต้องการ  พีต้าคุ้นเคยกับผมอย่างรวดเร็ว ก่อนผมจะรู้ตัวว่าเป็นเพียงคนเดียวที่เค้าไว้ใจ  อาการของพีต้าดีขึ้น นั่นคือเรื่องที่ผมดีใจที่สุด

ในตอนนั้นเองก็มีคนเข้ามาตามตัวผมแล้วออกไป  ผมฝืนใจอยากที่จะปฏิเสธเค้าแต่ก็ไม่อยากให้อัลม่าจับจ้องเพราะแข็งข้อมากกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว  งั้นผมไปแค่เดี๋ยวเดียวก็คงได้กระมัง  ผมบอกลาพีต้า  บอกเค้าว่าจะกลับมา และออกไปที่งานเลี้ยงนั่นชั่วคราวผมเจอแอนนี่  เต้นรำกับเธอ  ผมเจอแคทนิสยืนคุยอยู่กับโจฮันน่า 

และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเธออยู่ที่เขต 13....

แคทนิสกำลังจะพยายามเข้าไปในแคปปิตอล ผมได้ยินพวกเค้าคุยกันแบบนั้น และรู้ทันทีว่าเธอกำลังจะทำอะไร  ผมต้องไปสมทบด้วยถึงแม้ว่าจะไม่อยากห่างจากพีต้าไปก็ตามแต่ว่าสงครามนี้ควรต้องจบได้แล้วเสียที

ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไป  ผมกอดแอนนี่เป็นครั้งสุดท้ายในตอนที่พาเธอกลับห้องโดยที่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอผมและไปหาพีต้าเป็นคนสุดท้ายก่อนตามแคทนิสไปแคปปิตอล

“มีอะไรงั้นเหรอฟินนิค?” ถึงแม้ว่าจะอยู่ในขั้นเฝ้าระวังแต่เด็กผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียงก็สามารถมองสีหน้าผมออกว่ามีเรื่องอะไรอยู่ในใจ

นี่คงไม่ใช่การแวะเวียนมาคุยก่อนนอนเป็นแน่......พีต้าคงคิดเช่นนั้น

ผมหันกลับมา  วาดยิ้มให้เค้าทีหนึ่งก่อนจะกลับมานั่งที่ข้างเตียงเหมือนเดิมแล้วกุมมือเค้าไว้ “ฉันจะไปไม่นานพีต้า”

“ไป?  ไปไหนเหรอ?” สีหน้าของเค้าดูอ่อนแรงแต่ก็มีสีสันขึ้น  นั่นผมจะไม่ลืมเลยและเฝ้ารอเวลาที่จะได้เห็นเค้ากลับมาเจิดจรัสอีกครั้งอย่างที่เคยเป็น  ผมขยับเข้าไปกระซิบใกล้หูพีต้าเพราะรู้ว่าคงไม่ใช่เราเพียงสองคนที่สนทนากันอยู่ในห้อง  และทันทีที่ผมพูดจบมือของพีต้าก็ขยุ้มมือผมแน่นขึ้น

ไม่!  ไม่ได้นะ!...อย่าไป!  ไม่  ฉันไม่ให้นายไป” มันแรงจนผมเองก็ต้องชักสีหน้าในขณะที่เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ของผมโถมเข้ามากอดผม “ฉันไม่ให้นายไปหรอก” เค้าบอกและไม่ยอมปล่อยผมแม้จะถูกผมขอร้องไว้ก็ตาม

“ฉันจำเป็นต้องไปพีต้า...ฉันคิดดูแล้วแคทนิสต้องมีฉันไปด้วย  เกมส์บ้าๆ ของสโนว์สมควรต้องปิดฉากลงแล้วสักที  นายไม่อยากให้มันจบเหรอ?” ผมกระซิบข้างหูเค้า  ไม่ได้พยายามโน้มน้าวอย่างที่ควรจะทำแต่กลับกอดร่างที่ซูบลงมามากกว่าเมื่อสามเดือนก่อนอย่างเต็มใจและปลอบประโลมเค้า

ผมได้ยินเสียงเหมือนพีต้าร้องไห้ “นายไปไมได้ฟินนิค  พวกเค้าจะฆ่านาย...จับนายไปทรมาน  บังคับให้นายกินยาพิษทุกวันแล้วก็ฆ่านายทิ้งซะ....ไม่เอา อย่าไปเลยนะ  ได้โปรดเถอะฉะ ฉันไม่อยากให้นายไป” ผมรู้สึกถึงแรงขย้ำเสื้อที่สวมใส่อยู่อย่างแรงราวกับว่าพีต้าอยากจะบีบคอฆ่าแคทนิสเป็นรอบที่สอง  แต่ผมรู้ ฟังจากน้ำเสียงของเค้าแล้วก็คงไม่อยากให้ผมไปจริงๆ

......ไม่อยากให้ผมไป  เพราะเค้าเคยอยู่มาก่อนและรู้ว่าฝ่ายต่อต้านสโนว์จะได้รับผลตอบแทนเช่นไรเมื่อคุกเข่าอยู่ต่อหน้าชายแก่ผู้นั้น......

แต่ถึงอย่างไงผมก็ต้องไป  ผมกอดตอบพีต้าแน่นมากแต่ไม่มากพอที่เหมือนจะฆ่าคนได้เท่าเค้า “เราต้องเลิกกลัวพีต้า...ฉันเสียใจที่ต้องบอกนายว่าฉันจำเป็นต้องไป  แต่หลังจากเรากลับมาจะไม่มีใครต้องกลัวอีกแล้ว” ผมจูบขมับที่ไม่มีร่องรอยของความบอบช้ำนั้น  จูบนาน  หนักและอ่อนโยน  ซึ่งใจจริงผมอยากจูบเค้าแต่ก็รู้ว่าที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่เราถึงแม้จะไม่มีใครดูพีต้าอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของกระจกแต่ในนี้ก็มีกล้องของพวกเค้าอยู่  และผมเกลียดที่พวกเค้าล่วงรู้อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผมหรือพีต้า

พีต้าร้องไห้ออกมาในที่สุด  แน่นอน เค้าทำให้ตาที่กำลังจะหายช้ำ ช้ำยิ่งกว่าเดิมอีกเล็กน้อยและผมสัญญากับเค้าว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด  บอกเค้าว่าไม่ต้องกลัวว่าความทรงจำที่สับสนจะกลับมาเล่นงานเค้าได้อีก แค่อย่าคิดถึงมันก็พอ และรอยคอยอย่างเด็กดีจนกว่าผมจะทำภารกิจดับชีวิตสโนว์ได้สำเร็จ  อีกทั้งยังสัญญาด้วยว่าจะพาเค้าออกไปดูพระอาทิตย์ตกอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ และทุกๆ อย่างที่เค้าอยากทำ  ก่อนพีต้าจะยอมให้ผมปิดประตูห้องลงได้ในที่สุด......มันเป็นเรื่องดีที่ไม่เห็นเค้าโวยวายอย่างตอนที่นึกถึงแคทนิสอีก

รุ่งเช้าหลังจากที่แคทนิสหายตัวไปเมื่อคืน  ผมก็เดินทางออกมาจากเขต 13 ด้วยความรู้สึกบีบอัดที่ข้างขมับ  หัวใจของผมรู้สึกโล่งสบายเพราะเต็มใจจะไปแคปปิตอลเพื่อจบระบอบป่าเถื่อนนั่น แต่ทว่าการทิ้งพีต้ามามันทำให้ผมปวดหัวตุ้บๆ เหมือนกำลังต่อต้านและบอกว่า......ห้ามไป! อย่าทิ้งเค้าเด็ดขาด  นายเคยปล่อยเค้าไปอย่างไม่น่าให้อภัยมาแล้ว  อย่าทิ้งเค้า กลับไปซะ!

แต่ท้ายที่สุดแล้วพอเครื่องลงจอดที่พรมแดนของพันธมิตรความรู้สึกผิดที่ทำร้ายหนักหน่วงยิ่งกว่าบาดแผลก็หายไป  เมื่อความจริงตั้งอยู่ตรงหน้าและกระซิบบอกผมว่านายต้องทำ  นายต้องไปเพื่อพีต้า  ใช่ ผมจะทำเพื่อเค้าและเพื่อวันพรุ่งนี้ของทุกคนหากเราเอาชนะความป่าเถื่อนที่เกาะกุมมาเนินนานนั้นได้สำเร็จ



.



.



.



TBC.



---------------------------------------------------------------------------------------------------



อร๊ายยยยยยยย  ฟินนิคอย่าจากพีต้าปายย    เหมือนแบบ  ให้ความรู้สึกเหมือนชายหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องไปทำหน้าที่รับใช้ชาติรึออกไปทำภาระกิจลับในฐานะหน่วยลับสุดยอดของรัฐบาลที่ต้องจากแฟนหนุ่มที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นอนซมอยู่ในโรงพยาบาลซึ่งแสนจะน่ารักของเค้ายังไงยังงั้นเลยค่ะ  ฮ่อลลลลลลล

โอยยยย  ดูน่ารักอ่า  พีต้าติดฟินนิคคนเดียวด้วยล่ะค่ะ >///<  ดูโกรธเกลียดแคทนิสมาก  อันนี้ไรท์ขอบอกก่อนเลยนะคะว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องส่วนตัวของไรท์ 5555  //เหลือกตามองบน//   อูยยย  อย่าร้องตามฟินนิคนะคะ  ไม่ร้องน้า  //แบะปากตามพีต้า//

เอาล่ะค่ะก็จบไปแล้วกับ Part 1 ในภาคสุดท้ายของ The Hunger Game นะคะ   ฝากคอมเม้นท์กันหน่อยนะค้าา  ถึงเรื่องนี้จะไม่ค่อยดังหรือมีคนนิยมมากแต่ใครที่จิ้นแล้วก็จะซาบซึ้งถึงทรวงไปเลยล่ะค่ะ   555555  รับรองว่าติดใจกันแน่นอน    ฝากช่องทางติดต่อเป็นเฟสบุ๊คนะคะ ^^

แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด   จิ้มเลยจ้าา ><

ขอบพระคุณสำหรับการแวะเข้ามาเยี่ยมฟิคและบล็อกของไรท์นะคะ ^^  รักรีดๆ มากเลยค่ะ   ต่อจากนี้เรื่องก็ยังจะดำเนินไปตามเนื้อเรื่องในหนัง แต่จะมีฉากหวานของทั้งสองจากไรท์มากน้อยแค่ไหนต้องติดตามค่า >////<

ขอบคุณนะคะ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




ไม่มีความคิดเห็น: