วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[Fic – RonalSi] + [Part 7] เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! – Ronaldo x Messi



อ๊าาา มาแล้วค่าาา  นึกว่าจะดึกกว่านี้ซะแล้วอีก  แต่ไรท์สัญญาแล้วว่าจะลงไรท์ก็ต้องลงค่ะ

//แววเสียงท่านพ่อและท่านแม่บ่นมาแล้วนะเออ....แต่ไม่เป็นไรค่ะ  ไรท์ด้านชาแล้ว -..- //

ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ค่อนข้างจะดึกไปเสียหน่อย  M_ _M  แต่ไรท์ไม่ใช่คนผิดสัญญาค่ะ   Part นี้ไรท์เขินเฮียเค้ามากเลยค่ะ  บอกว่าจะปกป้องดูแลเหมียวอนึ่งจะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันเลยค่ะ >////<  เหมียวก็ขยายความเหตุการณ์ที่ทำให้เค้ากลัวนู่นกลัวนี่ค่ะ

 ไม่เมาท์แล้วเนอะไปอ่านกันเลยค่ะ >{}<


-------------------------------------------------------------------------------------------


ที่ด้านนอกของลิฟต์  ห่างออกไป.........

เสียงบู๊ตหลายคู่ดังขึ้นอยู่หน้าโรงแรมหรูและใหญ่ที่สุดในริโอ   แขกที่ออกมานอกงานแล้วกรีดร้องกันลั่นทุ่งเมื่อเห็นเหล่าชายฉกรรจ์ถือปืนวิ่งตรงเข้ามายังทางเข้าของโรงแรม

หนึ่งในนั้นรัวปืนขึ้นฟ้า  เหล่าสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษต่างก้มตัวลงนั่งบนข้อเท้าโดยอัตโนมัติด้วยความแตกตื่น

“พวกแกทุกคนจงฟัง!  นี่ไม่ใช่การปล้น  เราแค่มาตามหาคน.......อย่าได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาจุ้นเด็ดขาด  ไม่งั้นแขกที่เหลืออยู่ในนี้จะกลายเป็นศพไปที่ละรายสองราย......” ชายคนนั้นพูด หลังจากที่สมุนข้างกายจัดการกับตำรวจสามนายที่ยืนอยู่หน้าประตู  แล้วพวกที่เหลือก็แห่ทะลักกันเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรมอย่างบ้าคลั่ง

แขกส่วนมากที่ออกมาได้แล้วส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัวอยู่หน้าโรงแรม  และเกาะกลุ่มเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้  เมื่อตำรวจที่เหลืออยู่ก็มีไม่ถึงห้านายและที่ทำได้เพียงแค่ต้องรอกำลังเสริมเท่านั้น.......หากแต่กำลังเสริมมาแล้วก็คงจะทำอะไรไม่ได้มาก เพราะยังมีแขกอีกนับสิบที่วิ่งพล่านอยู่ข้างในนั้น เป็นตัวประกัน...........

.................รวมทั้งคนที่ซุ่มโจรพวกนี้ต้องการตัวด้วย...............

พวกโจรนับร้อยบุกทลายเข้าไปในโรงแรมกันแล้ว  อีกไม่นานก็คงจะไปโผล่อยู่ทุกซอกทุกมุมของตึกหลักหลังนี้เป็นแน่  แต่น่าแปลกที่ผู้คนนับร้อยซึ่งนั่งเกาะกลุ่มเอามือกุมหัวตัวเองกันอยู่บนที่โล่งนั้นกลับไม่ได้อยู่ในความสนใจของผู้บุกรุกแต่อย่างใดเลย

ชายหนุ่มสามสี่คนที่นั่งหัวชนกันอยู่เกือบท้ายกลุ่มเหลือบมองไปที่ยามฝ่ายชั่วหน้าประตู แล้วหันกลับมากระซิบใส่กัน

ลีโอ  มีใครเห็นลีโอแล้วมั้ง!?”

“ถ้าเห็นก็ตะโกนบอกไปแล้วไอ้บ้าเอ้ย! แกจะสำลักออกซิเจนตายรึไงฟะ  เลิกถามเซ้าซี้สักทีเถอะน่า!

“แกไม่เคยเป็นห่วงใคร....แกนั่นแหละหุบปากไปเลย!

แต่แล้วเสียงเอ็ดจากชายถือปืนก็ดังขึ้น “เฮ้ย! พวกแกคุยอะไรกัน.....หุบปากเว้ย!” เป็นเหตุให้ชายสองคนที่เพิ่งพูดกันต้องก้มหน้าอย่างเสียไม่ได้และไม่พอใจมากที่โดนผู้ก่อการร้ายขู่เข็ญ

ไอ้บ้าเอ้ย...อย่าให้ฉันถือปืนบ้างล่ะกันนะ  พ่อจะซัดให้ไส้กระจุยเล้ยย” ชายหนุ่มผิวเข้มขบเขี้ยว

ไอ้เวร....ฉันจะเอาปืนเสียบตูดแกแล้วรัวไกซะ” คู่กรณีเมื่อครู่ช่วยด่าด้วย.......ดูแล้วท่าทางของสองคนนี้จะเอาเรื่องกว่าตอนแรกเยอะเลย

“พวกนายอยู่เฉยๆ กันไปก่อนเหอะน่า......เดี๋ยวหน่วยสวาทก็มาแล้ว ถ้าโรนัลโด้กับเมสซี่ยังอยู่ในนั้นพวกเค้าต้องช่วยออกมาได้แน่.......ยังอีก เปเป้....นายจะกัดเนย์มาร์อีกทำไม” มึลเลอร์ที่เอามือจับติ่งหูอยู่ เอาเท้าเตะหน้าแข้งเปเป้

โอ๊ยย  ไอ้บ้า! กัดกันตรงไหน....แค่คุยกันเฉยๆ เว้ย” เปเป้เตะคืน.......น่าแปลก ที่พวกเค้าไม่เคยแม้แต่จะจับมือทำความรู้จักกัน  แต่ตอนนี้กลับสนิทสนมกันถึงขั้นเตะหน้าแข้งทักทายกันได้แล้ว

เนย์มาร์ที่หน้ายุ่งแต่เห็นด้วยกับเปเป้เป็นครั้งแรกในคืนนี้ “ช่าย...ถ้านายไม่ทันได้ฟัง ก็เงี่ยหูฟังดีๆ ก่อนสิพวก  เห็นฉันเป็นพวกชอบวิวาทไปได้....ให้ตาย”

มึลเลอร์ไหวไหล่ “ก็หน้านายมันให้อ่ะ”

สองคู่กรณีเหลือกตากลับมามองพร้อมกันเขียวปั้ด  แล้วบ่นอุบ “แล้วไอ้หน่วยสวาทที่นายว่าจะมากันเมื่อไรนี่ฮึ....นอยเออร์ก็ออกไปตามหาบาสเตียนตั้งนานแล้ว ไม่รู้หมอนั่นอยู่ไหนกันแน่”

“กว่าหน่วยสวาทจะมา ฉันมีหวังอกแตกตายก่อนพอดี.....อ๊ากก ลีโอพี่ขอโทษ ไม่น่าปล่อยให้คลาดสายตาเลย  บ้าฉิบ!” ชายหนุ่มเชื้อสายบราซิลกู่ร้องกับตัวเองอย่างเจ็บใจ  แต่แล้วเสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นข้างพวกเค้าสามคน

“ถ้าพวกคุณหวังที่จะรอหน่วยสวาทล่ะก็.....ลืมไปได้เลย  พวกเค้าจะมาหลังจากที่กำลังเสริมใช้ไม่ได้ผล  และเท่าที่ผมเห็น กำลังเสริมก็ยังไม่มาเลยด้วยซ้ำ....” เสียงเข้มมีภูมิฐานดังขึ้นด้านหลังของมึลเลอร์  นักฟุตบอลทั้งสามหันไปมองโดยไม่ต้องนัดหมาย

อะไร! คุณรู้ได้ไง...คุณเป็นใครเนี่ย!” เนย์มาร์ถามเสียงติดจะรำคาญ  เพราะในใจของเค้าร้อนรุ่มเป็นห่วงเพื่อนร่วมสโมสรจะแย่อยู่แล้ว...ยังจะมาเจอคนอวดดีแบบนี้อีก

“ผมเจ้าหน้าที่จาโร  ตำรวจนอกเครื่องแบบ” ร่างกำยำตอบสวนไปโดยไม่สนใจน้ำเสียงที่ฟังดูคุกคามของเจ้าของคำถาม.......เนย์มาร์หน้าเหวอเล็กๆ และเปเป้ก็ยิ้มเยาะซะใจใส่เค้าโดยไม่ที่เนย์มาร์ไม่ทันได้เห็น

มึลเลอร์เป็นคนแรกที่มีสติอยู่ครบถ้วนที่สุด “แล้วเมื่อไรพวกเค้าจะมาล่ะ  อีกนานไหมครับ”

“คงจะอีกพักหนึ่งครับ....สถานีใหญ่อยู่ห่างออกไปมาก ผมเป็นคนเรียกพวกเค้าเอง  และเชื่อว่าพวกเค้ากำลังรีบมา” เจ้าหน้าที่หนุ่มว่า  แต่เนย์มาร์และเปเป้ที่สติไม่เต็มร้อยเริ่มร้อนใจหนักกว่าเดิม  เนย์มาร์ถลาไปข้างหน้าเบียดเปเป้จนล้มลงกับพื้น

“แต่ว่าเพื่อนของผมอยู่ในนั้น เค้าต้องการความช่วยเหลืออย่างโดยด่วนเลยนะ.....ผมเป็นห่วงเค้ามาก”

“แล้วคริสล่ะเว้ย แกห่วงเมสซี่คนเดียวรึไง”

“ฉันก็หมายถึงสองคนนั่นแหละ....”

“แกไม่เห็นพูดถึง!

“อุ่ย! แล้วแกจะเบียดฉันทำไมว่ะเนี่ย ฉันนั่งอยู่นี่ จะล้มอยู่แล้ว.....”

“แล้วใครมันที่ผลักฉันล้มก่อนกันว่ะ!....แล้วแกจะนั่งยองๆ ทำไม  เอาตูดติดพื้นลงไปสิ”

“ก็นั่งเหมือนกันหมดทุกคนนี่แหละเว้ย!....”

“เอ่อ....เดี๋ยวๆๆๆ ที่พวกคุณพูดถึงอยู่นี่น่ะ ใช่คนที่ผมคิดไว้รึเปล่า?” เจ้าหน้าที่ร่างกำยำและดูภูมิฐานยกมือขึ้นห้ามทัพเสียก่อนที่โปรตุเกตุกับบราซิลจะลงแข้งกันก่อนรอบการแข่งขัน  ชายหนุ่มอายุดูแล้วยังน้อยถามคำถามที่คาใจตัวเองออกไป  และได้รับคำตอบกลับมาแบบฉับไว

เออ! สองคนนั้นแหละ  พวกเค้ายังติดอยู่ข้างใน....ยังไม่ออกมาเลย”

จาโรทำหน้าเหมือนเจ็บปวด “อ่า  แย่เลยนะ  ถ้าพวกมันเจอตัวสองคนนี้ล่ะก็ได้เป็นข่าวไปทั่วโลกแหงๆ เลย......ผมว่า เพื่อนคุณอาจตกอยู่ในอันตราย

“เกาะน่านแหละที่ฉันคิดไว้  ปัดโธ่เอ้ยย!” เปเป้ทำมือหงิก  เนย์มาร์ลมจับ

“ไปช่วยลีโอช่านที.......” หนุ่มบราซิลเกาะขาตำรวจนอกเครื่องแบบ  ชายหนุ่มทำหน้าไม่แน่ใจนัก

“เอ่อ  แต่ผมคนเดียว.....” คนที่เพิ่งบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่เริ่มอิดออด

ไม่  คุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปแบบตำรวจจ๋าหรอก ก็แค่พาสองคนนั้นออกมาปะปนกับพวกเราข้างนอกให้ได้ก็พอแล้ว”

 มึลเลอร์ที่เห็นสีหน้าไม่แน่ใจนั้น  ก็ช่วยยื่นข้อต่อรองให้เผื่อเจ้าตัวจะเก็บไว้คิดดูก่อน  และก็ไม่ต้องรอนานเลย เมื่อเห็นว่ามีโอกาสที่จะช่วยสองคนนั้นได้และอาจทำให้เค้ามีผลงานเข้าตาประชาชน  จาโรก็รับปากเสียงหนักแน่นทันที

ได้ โอเค  ผมจะลองดู......จะพยายามพาพวกเค้าออกมาให้ได้”

เมื่อเยินดังนั้น เนย์มาร์ก็ผงกหัวขึ้นมา แล้วปล่อยมือออกจากขาของตำรวจหนุ่ม  รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นล้นพ้นที่ซึ่งในที่สุดก็มีคนที่สามารถเข้าไปช่วยคนของเค้าได้เสียที  เค้าพึมพำ

“โอ้ ให้ตาย  ถ้าคุณพาเค้าออกมาได้ผมจะจูบคุณสักสิบทีเหอะ”

แต่จาโรไม่ได้ยิน  ร่างสูงกำยำของนายตำรวจ  เคลื่อนตัวหายไปทางด้านหลังของกลุ่มผู้คนที่ผวาแตกตื่นอย่างไร้เสียง แล้วลอบเข้าทางด้านหลังของโรงแรมที่ซึ่งไร้ผู้เฝ้าระวังแทน

..............เจ้าหน้าที่จาโรเปรียบเสมือนความหวังของเนย์มาร์กับเปเป้และคนอื่น ที่จะช่วยสองคนนั้นให้รอดพ้นออกมาได้................


*************************************************************************


โรนัลโด้คลายอ้อมแขนนานแล้ว  และดันเมสซี่ให้พิงหลังกับผนังไร้การสั่นสะเทือนนั้นของลิฟต์  ทั้งคู่ดูหอบแฮ่ก แต่โรนัลโด้หอบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับเมสซี่..........

“คุณโอเคนะ”

“อะ อืม....ผมไม่เป็นไร  ขอบคุณคุณมากนะ  ผมเป็นหนี้คุณอีกแล้ว” ร่างเล็กพูดราวกับจะยิ้มให้กับตัวเอง  แต่ในสายตาของร่างสูงมันกลับดูเป็นยิ้มที่ซีดเซียวเสียจริง   โรนัลโด้ที่หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอแล้ว เพยิดหน้าถามเมสซี่ที่ยังหายใจไม่คล่อง............

.............เพราะดูท่าแล้วเหมือนอุบัติเหตุครั้งนี้ จะทำให้ร่างเล็กรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

“คุณเป็นอะไรรึเปล่า  ผมหมายถึงตอนที่ไฟดับน่ะ.....เมื่อกี้นี้ คุณดูเหมือนแย่เอามากๆ” ร่างสูงจ้องมองไปที่คนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเค้า  โรนัลโด้พยายามถามเสียงเบา จงใจไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อาจทำให้อีกคนหนึ่งรู้สึกแย่

และจากนั้นดวงตากลมโตก็กวาดมองร่างสูงโปร่งที่นั่งท่าเดียวกันกับเค้าเล็กน้อย อย่างไม่เข้าใจและหอบหายใจเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนจะหลับตาแล้วเอนศีรษะพิงกับผนังด้านหลังอย่างเหนื่อยอ่อน

“หึ มันนานมาแล้วน่ะ  มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมยังเป็นเด็ก......” มุมปากของร่างเล็กถูกยกขึ้น  เค้าพยายามจะกลบเกลื่อนความกลัวที่มาพร้อมความทรงจำร้ายๆ ที่เพิ่งได้เผชิญมา........แต่มันกลับไม่ทำให้ร่างสูงรู้สึกว่าร่างเล็กตรงหน้าของเค้าโอเคเลยแม้แต่น้อย

แต่โรนัลโด้ก็ยังคงรับฟังต่อไป........ตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องรีบร้อน เพราะดูเหมือนร่างเล็กต้องการเวลาพักก่อนร่างสูงจะแง้มลิฟต์แล้วพาเราออกไป

โรนัลโด้ยังคงตั้งใจฟัง “......ก่อนผมอายุครบสิบขวบ  สองคืนก่อนหน้านั้น  มีฝนตกหนัก  ไฟที่บ้านรวมทั้งทุกหลังในระแวกนั้นดับหมด  แม่กับผมอยู่บ้านกันแค่สองคน เราคุยกันเรื่องงานวันเกิดของผมที่กำลังใกล้เข้ามา.....แม่ไม่ได้ล็อคประตู” เสียงของเมสซี่เบาหวิว  ดวงตาของร่างเล็กดูว่างเปล่าโรนัลโด้สังเกตได้

“คืนนั้นพ่อออกไปที่ทำงานเพราะถูกเรียกตัวกะทันหันและมีชายคนหนึ่งเข้ามาในบ้านหลังจากไฟดับ......ผมเป็นคนเห็นเค้า แล้วจากนั้นผมก็ร้องหาแม่  แต่แม่บอกให้ผมหนีแล้วหาที่ซ่อน” เสียงเมสซี่ฟังดูสั่น และแววตาเค้าไหวระริกราวกับกำลังมองภาพนั้นอยู่  โรนัลโด้มองปฏิกิริยาของร่างเล็กแล้วยืดตัวขึ้น

“แล้วไงต่อ” ร่างสูงพูด เสียงฟังดูเหมือนกลั้นหายใจ

“ผมได้ยินเสียงแม่ร้องลั่น แล้วผมก็ร้องไห้ ก่อนจะเดินคลำทางไปซ่อนในตู้เสื้อผ้า  แต่เค้าก็เจอผม  ผู้ชายคนนั้นโยนผมออกมาจากตู้.........เค้าตัวใหญ่และแรงเยอะมากๆ เลย  พอหัวผมกระแทกพื้น ผมก็ร้องไห้จ้าเพราะกลัวมากๆ ไม่มีใครช่วยผมได้เลย  แล้วเค้าก็แทงผม.....” พอมาถึงตรงนี้ร่างเล็กงอเข่าเข้าหาตัวแล้วกอดรอบบริเวณซี่โครงของตัวเอง  เมสซี่สะดุ้งฮั่ก และโรนัลโด้ก็ลุกขึ้นนั่งบนเข่า ขยับตัวเข้ามาหาเมสซี่อย่างเป็นห่วง

ร่างสูงรวบกอดเค้าไว้แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด.......โรนัลโด้รู้ เมสซี่กำลังสะเทือนขวัญ ร่างเล็กๆ ใต้อ้อมแขนของเค้าสั่นเทา  แม้เจ้าตัวจะพยายามห้ามไว้สักเพียงใดก็ไม่สามารถทำได้เลย  โรนัลโด้ปลอบร่างน้อยโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดทั้งสิ้น

“วันเกิดอายุครบสิบขวบของผม.....ผมนอนอาการโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมกับแม่ที่ต้องให้ออกซิเจนอยู่ตลอดเวลา  ตำรวจบอกว่าชายคนนั้นเป็นโรคจิตและเค้าเกือบจะฆ่าได้ผมแล้ว ถ้าพ่อไม่กลับมา........เค้าเกือบจะฆ่าผมแล้ว อึก.....”

“ไม่ๆๆ ชู่ว์.....เฮ้ คุณไม่เป็นอะไรแล้ว ได้ยินไหม ไม่เป็นอะไรแล้วนะ คุณอยู่นี่และผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณได้อีก โอเคนะ  หยุดร้องซะ” ร่างสูงที่ทนต่อเสียงสั่นพร่าของอีกคนหนึ่งไม่ไหวแล้ว เอ่ยปากให้เค้าหยุดฟุ้งซ่านเสียที......และเสียงของเมสซี่ก็ถูกกลืนหายไป หลังจากที่โรนัลโด้ลูบศีรษะของเค้าเบาๆ

...........และน่าแปลกยิ่งนัก ที่ร่างเล็กสงบได้เพราะแค่คำกล่าวเสียงอบอุ่นของร่างสูงเพียงประโยคเดียว  มันทำให้เค้ารู้สึกอุ่นใจได้อย่างน่าประหลาด และร่างเล็กยอมเชื่อตามที่อีกคนหนึ่งบอกอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ เลยแม้แต่น้อย...........

เมสซี่พยักหน้า ศีรษะถูไปมาบนอกเสื้อของร่างสูง

“คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นเข้าใจไหม  ผมจะพาคุณออกไปเอง”

 เมสซี่ผละออกมาจากอกของโรนัลโด้แล้วพยักหน้าน้อยๆ ร่างเล็กยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆ

“ได้ โอเค  ผมจะเชื่อฟังคุณ....คุณโรนัลโด้

แต่พอร่างสูงได้ฟังดังนั้นก็หน้าเบ้ทันที  โรนัลโด้ประคองไหล่เมสซี่ไว้

“เอาล่ะ เออ...ถ้าเราจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เราก็ต้องลดช่องว่างให้น้อยลงซะก่อน....โอเคนะ” โรนัลโด้ที่คุกเข่าอยู่เลิกคิ้วแล้วส่งสายตาเช็คคำถามกับเมสซี่  คนโดนถามก็หน้าเหรอหราแต่ก็ผงกหัวรับไปแต่โดยดี  และโรนัลโด้ก็พูดต่อ

“อย่างเช่น.....เอ่อ เลิกเรียกนามสกุลของผมซะ แล้วผมก็จะเรียกชื่อต้นของคุณบ้าง โอเคไหม?” เมสซี่ทำหน้าเหมือนมันยาก แต่ก็ตอบรับกลับไปว่าเค้าทำได้

“โอ้ เฮ้  ไม่ต้องทำหน้ายังงั้นหรอกน่า ผมรู้คุณกำลังช็อค.....ไหนลองเรียกผมซิ” ร่างสูงเสียงอ่อนโยน ราวกับว่าเค้าเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรม  เมสซี่พยักหน้ารับ......เรื่องแค่นี้เค้าทำได้

“โรนัลโด้”

ไม่...ไม่ใช่ นามสกุลผม  ชื่อต้นต่างหาก”

“คริส...คริสเตียนโน่”

“โอเค คราวนี้ดีขึ้น........ลีโอ  ผมเรียกคุณชื่อนี้ได้ไหม”

“ได้...ได้ครับ เราเจ๊ากัน”

“ด้วยความยินดี  ใช่ อย่างงั้นแหละ.....เยี่ยมเลย” ร่างสูงตบไหล่อีกคนหนึ่งที่เออออตามเค้า เล็กน้อย  รู้สึกดีที่ช่องว่างของเค้าทั้งสองเริ่มลดลงแล้ว ส่วนหนึ่งด้วยความร่วมมือของตัวร่างเล็กเองด้วย


.


.


.


TBC.


--------------------------------------------------------------------------------------------


เฮื่ออออออออ  กระทบไหล่สนิทกันขึ้นมาอีกนิดแล้วค่ะ >///<  เรียกชื่อต้นกันแล้ววววว ฮาาาา 

เหตูที่เหมียวเมสกลัวนู่นกลัวนี่  หล๊ายยยย ต่อหลยอย่างนั้นก็เพราะอีตาโจรโรคจิตคนนี้ล่ะค่ะที่ทำเอาเหมียวจำฝังใจไปเลยว่าถ้าไฟดับ  เลือดทะลัก  บลาๆๆๆ อีตาลุงคนนี้จะโผล่มานะ  และคนที่ช่วยให้เหมียวอุ่นใจได้ก็ไม่ใช่ใครอื่นค่ะ  รีดทายกันสิคะ ติ๊กต๊อก  ติ๊กต๊อก.......

และส่วนท่านใดที่อยากเข้าไปตามติดความเคลื่อนไหวต่างๆ ก็จิ้มเลยค่ะที่


เฟสไรท์เองค่ะ  ยินดีรับแอดเสมอเจ้าค่าาาา ^0^

สำหรับวันนี้ลาไปก่อนค่ะ  รักรีดๆ ทุกท่านนะคะ จุ๊บบบ.....//จูบแก้มอย่างนุ่มนวล//

ป.ล.. หากช่วยนี้ไรท์หายไปนานเกือบเดือนก็อย่าเพิ่งแตกตื่นนะคะ  ไรท์หายหน้าไปสอบค่ะ  สอบครั้งนี้มีชีวิตและหน้าตาผอ. เป็นเดิมพัน  เพราะฉะนั้นไรท์จะต้องให้ความสำคัญเสียหน่อยค่ะ  และที่ขาดไม่ได้เลย  ขอบคุณกำลังใจจากรีดที่ส่งมาค่ะ  ทำให้ไรท์มีไฟและแรงฮึดขึ้นเยอะเลยค่ะ ทั้งเรื่องการสอบและเขียนฟิค -..- ฮาาาา

ขอบคุณจากใจจริงค่ะ.....เพื่อนยังไม่เคยเป็นห่วงไรท์ขนาดนี้เลยนะเออ //ปาดน้ำตา  สักพักแววเสียงเพื่อนเดินมาเตะ//

ไปจริงๆ แล้วค่ะ  ยืนยันคำเดิน  รักรีดมากมายนะเออ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




3 ความคิดเห็น:

demon กล่าวว่า...

เนย์มาร์กับเปเป้และคณะ(?) สร้างสีสันกันสนุกสนานจริงๆค่ะ แล้วถ้ามีเนย์มาร์ มีเปเป้ ก็ต้องมีการปะทะคารมกันเล็กๆน้อยๆ(หรือเปล่า?)พอเป็นพิธีเสียด้วย จะว่าไปก็น่าเห็นใจมึลเลอร์อยู่นะ ต้องคอยห้ามทัพ ในขณะที่เพื่อนอีกสองคน นอยเออร์กับชไวนี่ไม่อยู่ ลำบากน่าดูเหมือนกันนะเนี่ย

ประโยคหลังที่เนย์มาร์บอก 'ถ้าคุณพาเขาออกมาได้ผมจะจูบคุณสักสิบที' 555 คุณตำรวจจาโรไม่ได้ยินก็ดีแล้วล่ะค่ะ (แต่คิดว่าจาโรคงไม่ได้อยากได้ยินอยู่แล้วล่ะเนอะ :P) เนย์มาร์ห่วงแต่ลีโอนะ ห่วงคริสเตียโน่บ้างก็ได้ ไหนๆเขาก็อยู่ในลิฟต์กันสองคนแล้วนี่นา //เอ...มันเกี่ยวกันไหมนี่//

ส่วนสองคนที่ถูกกล่าวถึงนี่อ่านแล้วก็เขินจริงๆด้วยล่ะค่ะ เขินพ่อยอดชายโรนัลโด้นั่นล่ะ อะไรจะอบอุ่นขนาดหนาา หวาน นุ่มนวลเหลือเกิน แถมตอนนี้ยังทำความรู้จักกันได้ขึ้นเยอะแล้วอีกด้วย ใช่เลย...เรียกชื่อต้นนั่นแหละ ไม่อยากเกินไปหรอกลีโอ คริสเตียโน่เขาอยากได้ยิน ฮ่าา >///<

ท่าทางไรท์ Ray จะหายไปสักพักใหญ่ๆเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ ไว้สอบเสร็จอะไรเสร็จแล้วจะมาปูเสื่อรอ ต่อมความอยากรู้ทำงานอีกแล้วโดยเฉพาะพอเริ่มจะใกล้ชิดกันแล้วเนี่ยมันก็นะ...//คิดอะไรอยู่ * *// สู้ๆๆ

... กล่าวว่า...

ขำเนย์กับเปเป้ 5555 ตีกันได้ตลอดส่วนเฮียกับเหมียวนี่ จะให้ฟินไปถึงไหนนะ รู้สึกเฮียเป็นคนอบอุ่นและจะปกป้องเหมียวได้ >////< ตอนนี้ก็สนิทกันขึ้นอีกนิด ตอนหน้าแต่งงานเลยละกัน เย้ยยย เร็วไป! 5555 พอดีรีดใจร้อนอยากให้ลงเอยกันสักที~
สุดท้ายนี้ก็ รักไรท์เช่นกันค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ จุ้บๆ >3<

Unknown กล่าวว่า...

น่าร้ากกกกกก โอ่ยยยนี่มันเป้เนย์นิหน่า55555555555555555/โดนสตั๊คเขวี้ยง
เฮียดูแลเหมียวด้วยย เหมียวกลัวว
อยากให้พี่เนย์เจอเหมียวคงมีศึกชิงนางน่าสนุก อริ้อริ้
สู้ๆนะคะไรท์ ดูแลสุขภาพด้วยนะค้า มาต่อไวๆน้าจุ้บๆ😘