วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

[Fic – RonalSi]+ [Part 6] เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! – Ronaldo x Messi



มาแล้วค่าาาา ไรท์มาแล้วค่าาาา  กับ Part ที่ความเข้าใจของโด้เหมียวกำลังจะพัฒนาขึ้น(....ภายในลิฟต์)ค่ะ -_-^  .......อะ อั่น นั่น แน แน๊ แน่ ---- รีดคิดถึงนิสัยถาวรของไรท์อยู่อ่ะป่าวค่ะ //ชี้หน้ารีดพลางทำตากระหลิ้มกระเหลี่ย//

แหม่.....รีดขา  รอกันก่อนสิค่ะ อย่าเพิ่งใจร้อน //นวดขารีด อนึ่งบ่าวคนสนิท//  ไรท์รู้ว่าฉากที่มันประมาณว่า บ่ะ บ่ะ โอ้ บ่ะ บ่ะ นี่มันก็ห่างหายไปนานสำหรับเรานะคะ แต่ว่าเรื่องนี้เราจะให้เค้าทำลิตฟ์โยกไม่ได้นะคะ เดี๋ยวตายค่ะ (ลิฟต์ร่วงนี่แย่เลยนะคะ....พอดี Part ทั้งสองโชคดี....ยังไม่ตายเพราะลิฟต์กิดปัญหาค่ะ)+(อ้าววว ไรท์สปอยล์สิเนี่ยยย)

อ๊ายยย ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ.....เค้าเพิ่งรู้จักกันเองน้า จาให้จ้ำจี้อะไรกันเลยได้ไงล่าวววว >///<

อ่ะๆๆๆ ไรท์ไม่ไร้สาระแล้วค่ะ  เอาเป็นว่าไปอ่านกันเลยล่ะกันนะคะ......ไปดูเฉลยแห่งความหลังกันเลยค่ะ ว่าเหตุใดเหมียวเมสจึงกลัวที่แคบและความมืดดดด -___________-“””””””” เสียจนจับจิตจับใจถึงเพียงนี้ ------- !

พลั๊กกก!! //โดนรีดก้านคอ....แกมากไปแล้ว  ไสหัวไป –{}- !//


---------------------------------------------------------------------------------------------------



“นี่คุณกลัวความสูงเหรอ?”

แขนยาวถูกอ้าออกอย่างสงสัย  ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ลิฟต์เริ่มกระตุกอีกครั้ง  คนที่อยู่ในอ้อมกอดจึงสะดุ้งขึ้นสุดตัวก่อนจะเป็นฝ่ายออกแรงกอดร่างสูงเข้าเสียเอง  โรนัลโด้วางมือลงกลับที่เดิมอย่างรวดเร็ว  โดยไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องกอดตอบกลับไปรวดเร็วขนาดนั้น

ดวงตาคมกวาดไปทั่วในขณะที่ลิฟต์สั่นสะเทือน  และเค้าก็กอดร่างเล็กๆ ที่สั่นเทิ่มไปด้วย  ใบหน้าของเค้ากำลังขมวดมุ้นราวกับว่าเค้าลืมของไว้บนรถไฟฟ้ายังไงยังงั้น 

............ให้ตาย  ให้บอกเลยว่าเกิดมาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน แค่ลิฟต์กระตุกก็ยังกลัว  แค่เห็นเลือดตัวเองก็ยังเป็นลม! ………..

บอกฉันทีว่าเค้าป่วยหรืออะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดอยู่  พระเจ้า........ร่างสูงอ้อนวอนต่อพระเจ้าขอให้เค้าคิดผิด  และขอให้เหตุผลที่เมสซี่ซึ่งกอดรัดเค้าไว้อย่างเหนียวแน่นในตอนนี้ก็เป็นเพราะเจ้าตัวป่วยหรือรู้สึกไม่ดีอะไรเทือกนั้นก็ได้

ไม่ใช่.........

โรนัลโด้ฝืนความพยายามที่อยากจะเอ่ยปากถามเมสซี่ออกไปตรงๆ เสียให้ได้  แล้วลอบกลืนของเหลวลงคออย่างรู้สึกประหม่า.........

และร่างสูงก็คิด......ถ้าหากคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเค้าในตอนนี้เป็นโรคขวัญอ่อนจริงๆ ล่ะ  เค้าควรจะทำอย่างไรดีหากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ร่วมกันกับเมสซี่ที่แค่เลือดตัวเองก็ยังกลัว  และ  เอ่อ.....โรนัลโด้จะยังไม่ฟันธงว่าอีกคนกลัวอะไรอีกรึเปล่า  เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ตามน้ำไปก่อนแล้วกันนะ

และต่อมาจากการสั่นสะเทือนจนน่าใจหายสำหรับเมสซี่  ลิตฟ์สำรองตัวนี้ของโรงแรมก็หยุดสั่นเสียทีและกลับมาทำงานในโหมดปรกติอีกครั้ง  ร่างสูงเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้  โรนัลโด้เหลือบมองด้านบนของตัวลิฟต์น้อยๆ ราวกับไม่ไว้วางใจมันนิดๆ ที่อยู่ๆ เดี๋ยวก็เป็นอยู่ๆ เดี๋ยวก็หาย

ร่างสูงเหลือบมองเพดานไม้สีส้มเข้มนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้มลงมาให้ความสนใจกับบุคคลที่อยู่ในอ้อมกอดของเค้า  และบอกตามตรงโรนัลโด้ก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มอะไรตรงไหนดี............

ก็เค้าไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนี่นา...........

มือแกร่งค่อยๆ เลื่อนขึ้นสูงแล้วลูบหัวไหล่เล็กเบาๆ เพื่อทำให้เมสซี่รู้ว่าร่างสูงก็อยู่ตรงนี้ และไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น.........

“เอาล่ะ  โอเคแล้ว.....มันหยุดสั่นแล้วล่ะนะ คุณไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว” โรนัลโด้พูดเสียงนุ่ม  เค้าไม่รู้ว่าจะต้องพูด หรือปล่อยให้อีกคนหนึ่งกอดเค้าต่อไปดีกันแน่......แต่เสียงนุ่มทุ้มที่เปล่งออกไปก็ไม่ได้มีความไม่แน่ใจปะปนอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย

มือแกร่งออกแรงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เค้าตั้งใจจะคุยกับเมสซี่ให้รู้เรื่องถึงข้อข้องใจของเค้าจริงๆ  โรนัลโด้ดันตัวเมสซี่ออกมาเล็กน้อยเพื่อให้หน้าของเค้าทั้งสองได้เห็นกันอีกครั้ง......และมือของเมสซี่ยังคงเกาะอยู่บนบริเวณเอวของร่างสูงอย่างลืมตัว

เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ไม่ยอมพูดจา โรนัลโด้ก็ถึงกับต้องจ้องเขม็งทันที  เมื่อดวงตาของเมสซี่นั้นมีน้ำคลออยู่เกือบเต็มหน่วย  และรอบดวงตากลมโตราวกับเด็กเล็กๆ นั่นก็เขรอะไปด้วยน้ำตา  หลังจากนั้นร่างสูงก็รู้ว่าน้ำตาที่ไม่ได้คลออยู่ในดวงตาของเมสซี่นั้น มันมาเปียกอยู่บนอกเสื้อของเค้านี่เอง

และเหมือนเมสซี่จะรู้ตัวว่าเค้าทำอะไรอยู่  ร่างเล็กหลุบตาก้มมองต่ำอย่างไม่ต้องการให้โรนัลโด้เห็นสีหน้าของเค้า เพื่อซ้อนรอยแดงๆ รอบดวงตานั้นไว้  โรนัลโด้เผลอก้มมองตามลงไปอย่างเสียไม่ได้

“คุณโอเคไหม....” เค้าถามเป็นรอบที่เกือบนับไม่ถ้วนไปแล้วในคืนนี้  แต่คราวนี้เสียงทุ้มกลับฟังดูอ่อนลงมาก  เพราะเค้าค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าร่างเล็กตรงหน้านี้เป็นเช่นไร........อย่างน้อยก็ไม่ชอบลิฟต์กระตุกล่ะอย่างหนึ่ง

แต่คนที่ตัวเล็กกว่ายังคงก้มหน้าอยู่อย่างเดิมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเสียที   ส่วนอีกคนหนึ่งที่รอฟังคำตอบอยู่ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ยังคงทอดสายตาไปอย่างไม่ลดละราวกับว่าถ้าหากเมสซี่ไม่ตอบเค้าก็จะไม่ไปต่อเช่นกัน

โรนัลโด้จึงจ้องมองไปยังดวงหน้าที่มีเพียงสันจมูกโด่งเท่านั้นที่โผล่พ้นออกมารับแสงไฟ ส่วนประกอบในใบหน้าอันน่าชวนมองที่เหลือ กลับซ่อนตัวอยู่ในเงามืดไม่ยินยอมให้ร่างสูงได้เห็นอะไรทั้งสิ้น  แต่กระนั้นโรนัลโด้ก็รู้ดีว่าใบหน้าขาวใสใต้เงาบดบังเป็นเช่นไร

“คุณไม่ต้องกลัวนะ  ผมสัญญาเราจะไม่เป็นอะไร......ถ้าคุณมีอะไรอยากจะบอกผม ก็บอกมาได้เลย.....” มือแกร่งยังคงวางไว้อยู่บนไหล่เล็กอย่างคงเดิม และเสียงนุ่มก็ขาดหายไป เพื่อเว้นช่วงให้อีกคนหนึ่งได้เอ่ยปากบ้าง แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย.........

เมสซี่เม้มปากอยู่ชั่วครู่ และโรนัลโด้ก็สัมผัสได้ถึงจังหวะการหายใจที่เร็วกว่าปรกติจากการขยับขึ้นลงของหัวไหล่เล็ก  ร่างสูงยังคงกวาดตามองสำรวจไปทั่วตัวเมสซี่

“คือ....ผมคงจะไม่เป็นประโยชน์เสียเท่าไรในสถานการณ์แบบนี้......”

โรนัลโด้กระพริบตาปรับโฟกัสไปที่ใบหน้าซึ่งยังคงหลบซ่อนอยู่ และเค้าก็ตั้งใจฟังต่อไปหลังจากเอ่ยปากเพียงคำว่า “ทำไมล่ะ”

เมสซี่เงยหน้ามาหาเค้าในที่สุด  ใบหน้าขาวใสที่คู่ควรกับรอยยิ้มอยู่เป็นนิจแสดงถึงความเสียใจและตื่นกลัว ตอนนี้กลับมีเพียงร่องรอยแห่งน้ำตาเท่านั้นที่ร่างสูงได้สังเกตเห็น........

เมสซี่ยักไหล่น้อยๆ แล้วทำในสิ่งที่โรนัลโด้เรียกว่าฝืนยิ้มให้กับเค้า

“คุณดูผมสิ  ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว  คุณก็เห็น.....ผมล้มแผละพอเห็นเลือดตัวเอง  แล้วก็ยังตอนที่ผู้ชายสองคนนั้นโผล่มาอีก ผมเอาแต่ยืนเอ๋ออยู่กับที่แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย  คงไม่แปลกว่าทำไมคุณถึงได้รู้สึกหงุดหงิดเพราะผมมันตัวถ่วง.......อ๊ะ!

เสียงติดจะสั่นเครือนั้นขาดหายไป และถูกแทนที่ด้วยคำอุทานเสียงหลงเมื่อหัวไหล่เล็กของเค้าถูกเขย่าจนตัวคลอน

“คุณห้ามพูดแบบนั้นเด็ดขาด เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว......ได้โปรดอย่าพูดเหมือนผมควรจะทิ้งคุณไว้ และได้โปรดอย่าดูถูกตัวเองอีกเลย” โรนัลโด้พูดเสียงอ้อนวอน เพราะเค้าไม่ชอบเห็นคนถอดใจต่อหน้าต่อตา และที่สำคัญสายตาของร่างสูงบ่งบอกได้เลยถึงแววแห่งความเสียใจ........

..........เป็นเพราะเค้านึกโทษตัวเองที่คิดจะมองข้ามความอ่อนไหวนี่ไปตั้งแต่แรก

ผมขอโทษ ผมน่าจะรู้ว่าคุณเป็นยังไง และไม่ควรปล่อยให้คุณโทษตัวเองแบบนี้.........หากพูดถึงผู้ชายที่จิตใจดีและมีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างสูงนั้น คงหนีไม่พ้นร่างสูงนามคริสเตียนโน่คนนี้เป็นแน่  แต่ทว่าน่าเสียดาย ที่เมื่ออยู่ในสนามนั้นเค้าไม่มีโอกาสได้แสดงคุณสมบัตินี้ออกมาเลย

...............ก็นั่นมันเตะบอลนี่นา ใช่ประกวดสุภาพบุรุษบอยแบนด์ซะหน่อย.............

“ผมจะพาเราออกไป  ผมสัญญา.....” เค้าพูด เสียงหนักแน่อย่างให้คำสัญญาและต้องการปลอบโยน

เมสซี่หลังติดผนังลิฟต์และมองร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ........ทำไมกัน ก็ไหนตอนแรกโรนัลโด้ทำเป็นไม่อยากรู้จักเค้าไม่ใช่หรือ? ทำท่าทีหงุดหงิดใส่ และพูดจาไม่แยเสใส่กันอีกด้วย

............แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้แตกต่างกันนัก.........

“ผมนึกว่าคุณไม่ชอบผมเลยหงุดหงิดใส่ผม....”

“ไม่ใช่ครับไม่ใช่อย่างนั้น  คือผม.....คิดว่าถ้าทำตัวเป็นมิตรใส่คุณ  คุณและคนอื่นๆ จะมองว่าผมโกหก เพราะใครๆ ก็ต่างรู้กันดีว่าในข่าวเค้าพูดถึงเรากันยังไง  ผมไม่อยากให้พวกคุณมองว่าผมเป็นคนหลอกลวงอะไรแบบนั้น ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับคุณเลย”

ร่างสูงสารภาพ  ที่เค้าต้องทำท่าไม่สนใจในความรู้สึกของอีกฝ่าย เป็นเพราะไม่อยากให้เมสซี่มองว่าเค้าเสแสร้ง จึงได้ทำลงไปเช่นนั้น  และว่ากันตามตรง

............โรนัลโด้ก็ไม่คิดว่าเค้าจะได้ให้ความสนใจกับคนตรงหน้านี้ด้วยเช่นกัน..........

แค่เพียงมางานเลี้ยงเดียวกัน  และอาจจะแค่เดินผ่านกันเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นที่ร่างสูงคิดไว้ ว่านั้นคือสิ่งที่เหล่าสื่อมวลชนและช่างภาพต้องการ.........ไม่คิดว่าจะได้มาหนีตายผู้ร้ายด้วยกันแบบนี้

“คุณจะโกรธผมรึเปล่า....พอรู้แบบนั้นแล้ว” โรนัลโด้ส่งสายตาถามเมสซี่ที่หน้าเหวอแบบจริงจัง...........จะว่าไปแล้วตอนนี้ร่างสูงก็กลัวว่าจะโดนเมสซี่เกลียดเอาเข้าจริงๆ เหมือนกัน  และยิ่งจะทำให้การหนีของเค้าสองคนแย่ยิ่งเข้าไปอีก

แต่ว่าร่างที่เล็กกว่ากลับรีบส่ายหน้าดิกจนกลุ่มผมที่ไม่ได้ใส่เจลจัดทรงมาสะบัดพลิ้วทันที

“ไม่....ไม่หรอก  ผมจะโกรธคุณทำไมกัน  คุณช่วยผมไว้นะ  ถ้าไม่ได้คุณผมก็คงมีหวังโดนโจรพวกนั้นฆ่าตายไปแล้วล่ะ ผะ โผม....เหวออ!”  แต่ยังไม่ทันที่คนเคยโดนช่วยไว้จะได้พูดจนจบประโยคดี  ตัวลิฟต์ก็กระตุกอย่างแรงมากกว่าทุกทีจนเกิดเสียงดังน่ากลัวราวกับระเบิด  แสงไฟเกิดดับไปชั่วเสี้ยวนาทีและตัวของเค้าทั้งสองก็กระดอนไปทั่วลิฟต์สุดสะเทือนขวัญ  โรนัลโด้หลังกระแทกกับผนัง แต่เมสซี่กลับปลิวออกไปอีกทางหนึ่ง

เมสซี่!” โรนัลโด้ใช้ศอกยันผนังด้านหลังไว้ แล้วเอื้อมมือไปสุดแขนเพื่อรั้งเมสซี่ไว้  แต่ทว่ากลับช้าไป....ร่างเล็กๆ ของกองหน้าอาร์เจนติน่าลอยไปกระแทกเข้ากับผนังอีกฝั่งหนึ่งอย่างแรงจนหน้านิ่ว


“อึก..ฮึก”

“นอกจากกลัวเลือดแล้ว คุณยังไม่ได้บอกอะไรผมอีกไหม!” ร่างสูงตะโกนแข่งกับเสียงดังโครมครามด้านนอกของตัวลิฟต์  โรนัลโด้เริ่มหวั่นแล้วว่าถ้าหากมีอย่างอื่นที่เมสซี่กลัวอีก เค้าคงจะห่างอีกคนหนึ่งไปไม่ได้แน่ๆ เลยในคืนนี้......

เมสซี่ที่ยังหน้านิ่วไม่หายเริ่มหูอื้ออีกครั้ง และเค้าก็ต้องยกมือขึ้นทาบใบหูของตัวเองอย่างหวาดกลัวเมื่อจู่ๆ ลิฟต์ก็ร่วงแล้วดิ่งลงอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันไม่ได้อยู่บนความควบคุมของสายสะลิงอีกต่อไปแล้ว

โอ้ไม่นะ!.......โรนัลโด้คิดในใจอย่างไม่ชอบมันเสียเท่าไร หลังจากไฟดับเกือบสนิทแล้วกระพริบแปลบปลาบเหมือนสายฟ้า........

เพราะเค้ารู้ว่ามันหมายความว่าอะไร

เมสซี่!” ร่างสูงตะโกนออกไปอีกครั้ง เมื่อการวูบสะเทือนรอบตัวเค้าทำให้ยากต่อการทรงตัว  เค้าไม่สามารถเดินไปหาอีกคนหนึ่งได้โดยไม่ถลาล้มไปเสียก่อน

โรนัลโด้ต้องการให้คนขวัญอ่อนลุกขึ้นแล้วมองเค้าไว้  เพื่อสงบสติอารมณ์.....แต่แล้วเค้าก็พบว่ามันแสนยากเย็น

เมสซี่ผู้อ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว  ร่างเล็กผิวขาวบัดนี้ใบหน้ากลับเปลี่ยนสีเป็นซีดเซียว และหลับตาปี๋ งอตัวอยู่บนข้อเท้าตัวเอง  สองมือยกขึ้นกอบกุมใบหูเพื่อกันเสียงสั่นครืนน่ากลัวด้านนอก.......โรคกลัวที่แคบซึ่งร้ายแรงอันดับต้นๆ ของเค้ากลับมาอีกแล้วในรอบหลายปี


----------------------------------------------------------------------------------


“แม่! แม่ช่วยผมด้วย!....ผมกลัว ฮึก ผมมองไม่เห็น มันมืดไปหมดเลย! ผมไม่เห็นแม่....แม่ฮะ!

“ลีโอ! อย่าเดินมาหาแม่นะลูก....อย่าเดินมา หาที่ซ่อนซะ หาที่ซ่อน!

“แม่--! ฮืออ!...ผมกลัว ฮึก ฮือออ”

“ลีโอ.....!” เสียงมารดาขาดหายไปอย่างน่าใจหาย  เด็กน้อยอายุไม่ถึงสิบขวบดีจึงจำใจต้องเดินคลำทางที่เค้าคุ้นเคยในความมืดไปหาที่ซ่อนตามคำแม่บอก  แม้เค้าจะเสียขวัญเพียงใด แต่ไม่มีอะไรช่วยเค้าได้แล้ว...........

เสียงสะอื้นฮั่กดังไม่หยุดเป็นเพื่อนเค้าไปตลอดทางที่มืดมิด  มือเล็กๆ สะดุ้งในคราแรกที่เจอบานตู้เสื้อผ้า  แต่เมื่อจำได้แล้วว่ามันคืออะไร เด็กน้อยน้ำตาอาบแก้มจึงกระชากเปิดออกอย่างไม่คิดชีวิตแล้วแทรกตัวเข้าไปขดตัวสั่นอยู่ด้านในตู้นั้นทันที

คืนนั้นฝนตกฟ้าคะนองหนักทั้งพื้นที่  แสงของสายฟ้า ฟาดลงมาเป็นพักๆ ทำให้เด็กน้อยเห็นมันแลบเข้ามาจากบานตู้ที่ปิดไม่สนิท

.........ไม่กล้า  เค้าไม่กล้าที่จะยื่นแขนออกไปปิด เพราะว่ากลัวมาก........

ตึก......

ตึก.....ตึก  ตึก......

เสียงบางอย่างดังขึ้น  คล้ายฝีเท้าหนักๆ ที่เดินอย่างย่ามใจ.......แสงของสายฟ้ากระพริบขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้พาให้เด็กน้อยหัวใจกระตุกวูบ

ขาสองข้างที่ทอดเงาอยู่หน้าตู้ยามสายฟ้าแลบเข้ามา...........

ตึก  ตึก  ตึก......

เสียงบู๊ตหนักๆ ดังขึ้นอย่างน่าชวนให้หยุดหายใจ  เงาทาบทับเมื่อยามแสงวาบเกิดขึ้นนั้น เดินไปเรื่อยๆ  เด็กน้อยกดปากตัวเองไว้เพื่อห้ามเสียงสะอื้น......แต่แล้วเงายาวๆ นั้นก็หยุดเดิน แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเค้า

เด็กน้อยเบะปาก แล้วจากนั้นบานประตูก็ถูกกระชากออกจนตู้คลอน  แล้วตามมาด้วยร่างของเด็กน้อยๆ ที่ถูกโยนออกมาอย่างไม่ใยดี

“แม่!!...ฮือ แม่ช่วยผมด้วย แม่....อ๊าา!!

.


.


.


----------------------------------------------------------------------------------------------------

.


.


.


“ไม่....อึก...ไม่เอาแล้ว” เมสซี่หดคอแล้วห่อไหล่เมื่อสมองประมวลภาพเมื่อวันวานกลับมาอีกครั้ง

“อย่า...ไม่เอา....”

เมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงก็ยิ่งใจแป้ว......ไม่เพียงแค่ไม่ได้ยินเค้าเท่านั้น  เมสซี่ยังเพิ่งย้ำกับเค้าโดยไม่ต้องบอกอีกด้วยว่า กลัวที่แคบและมืดแบบนี้มากแค่ไหน.......

เฮ้! คุณจะไม่เป็นอะไร....เชื่อผมสิ!” โรนัลโด้ตะโกนซ้ำ  ลิฟต์ยังคงสร้างความหวาดเสียวได้เสมอ  และร่างเล็กที่อีกมุมหนึ่งยังคงจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความกลัวเช่นเดิม และกลัวมากขึ้นเข้าไปทุกที

โรนัลโด้ตัดสินใจ  เค้าจะไม่ทนแล้ว......

เป็นไงเป็นกันสิว่ะ! ไอ้ลิฟต์บ้า!

ร่างสูงแกร่งคิดในใจอย่างเหลืออดแล้วก้าวออกไป ก่อนเอนตัวไปด้านหน้าแล้วคว้าตัวเมสซี่เข้ามาไว้ในอ้อมกอด

โรนัลโด้กอดกุมอีกคนหนึ่งไว้ แล้วใช้หลังรับแรงกระแทกไว้เพื่อไม่ให้เมสซี่ต้องล้มลงกับพื้นและยังอยู่ในท่าเดิมได้อย่างปลอดภัยที่สุด  แขนแกร่งโอบแน่นอยู่รอบหลังบางกับศีรษะเล็กชื่นเหงื่อ และกดมันลงเข้ากับแผ่นอกกว้างของเค้าเอง  เสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดีซับเหงื่อที่ขมับให้เมสซี่ราวกับรู้งาน  และร่างสูงก็กอดรั้งร่างเล็กไว้ ราวกับจะโอบอุ้มเค้าให้หายกลัว...........

“ไม่ต้องกลัว.....ไม่ต้องกลัวนะ คุณจะไม่เป็นไร”

ร่างสูงปลอบโยนพร้อมตระคองกอด เพื่อมอบไออุ่น เนื่องจากตัวของเมสซี่ที่เค้ากอดอยู่นั้นเย็นเชียบ  ศีรษะแกร่งเผลอกดแนบลงกับศีรษะเล็กของอีกคนทันที เมื่อเค้าเผลอคิดไปแล้วว่าตัวลิฟต์จะทิ้งตัวกระแทกลงพื้นจริงๆ แต่แล้วมันกลับกระตุกราวกับถูกกระชากกลับและหยุดลงในทันใด...........

ร่างของทั้งคู่ลอยคว้างแล้วกระแทกลงกับพื้น  เมสซี่ไม่เป็นอะไรเพราะมีโรนัลโด้รองอยู่  ร่างสูงกอดร่างเล็กที่สั่นหงึกๆ ไว้แน่นอย่างไม่ไว้ใจสถานการณ์


.


.


.


.


TBC.


-------------------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยยยย  เค้าใกล้กันขึ้นอีกแล้วววว  ทั้งสองเริ่ม Open heart เข้าหากันแล้วค่ะ ณ จุดๆ นี้.......ต่อไปจะเป็นอะไรที่พลาดไม่ได้แล้วนะคะ  >/////<

อร๊ายยยยย นี่สินะเรื่องราวฝังใจบอกใครไม่ด้ายยย ของเหมีววววว >[]<........เป็นอย่างนี้นี่เองค่ะ //เดี๋ยว  เรื่องนี้แกเขียนเองไม่ใช่เหรอยะ!!//  สิ่งที่ทำให้เหมียวกลัวทั้งความมืดและที่แคบจนจับจิตจับใจคือสิ่งนี้นี่เองค่ะ

ความทรงจำที่ยอดแย่ในวัยเด็กของเค้าตามมาหลอกหลอนในทุกช่วงเวลาทำให้เกิดเป็นโรคประจำตัวที่แก้ไม่หาย (.....เอ่อ โรคประจำตัว....ไรท์ใช้คำถูกไหมค่ะ? -_-^ )

แต่อย่างที่ได้เคยบอกไว้ค่ะว่า จะมีอยู่คนหนึ่งที่ทำให้โรคขี้กลัวของเมสซี่หายไป......อร๊ายยยย! >///<  และเพราะเหตุใดเมสซี่จึงได้กลัวสิ่งต่างๆ เหล่านั้นอย่างจับใจได้ถึงขนาดนี้  ฟังคำขยายความได้ใน Part ต่อๆ ไปนะคะ

รักไรท์และโด้เหมียว.....Comment ให้หัวใจไรท์ Complete ด้วยนะคะ >< //รีดบอก สองคนหลังฉันรับพิจารณา แต่คนแรกน่ะหมดสิทธิไปเลย//  ส่วนท่านใดที่อยากติดตามความฟิน และคู่อื่นๆ ในบล็อกของไรท์ก็ไปเกาะกระแสกันได้เลยค่ะที่


จิ้มเลยค่ะ  เฟสไรท์ยินดีรับแอดเสมอค่าาา  รักรีดทุกคนนะค่ะ >3<

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




4 ความคิดเห็น:

demon กล่าวว่า...

ช่วงTalk. ของตอนนี้ฮาตรงเรื่องลิฟต์ของไรท์นี่ล่ะค่ะ เรียกได้ว่านั่งขำจนปรับอารมณ์แทบไม่ทันเมื่อเข้าสู่เนื้อเรื่องกันเลยทีเดียว ฮ่าา

แน่นอนว่าพอเข้าสู่เนื้อเรื่องแล้วจากหัวเราะเมื่อสักครู่ กลายเป็นเขินม้วนไปม้วนมาเชียวล่ะค่ะ พ่อยอดชายคุณคริสเตียโน่นี่เขาเป็นคนโรแมนติ๊กโรแมนติดเนอะ แถมยังอ่อนโยนอีกต่างหาก .///. (แม้ตอนแรกจะทำเป็นเฉยๆกับเหมียวก็เถ๊อะ แต่เริ่มจะหวั่นไหวกับความน่ารักของเหมียวใช่ไหม)

อ่านไปนี่นึกภาพตามได้ตลอดๆค่ะ รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่! ไม่เข้าไปอยู่ในลิฟต์นะ ไม่อยากไปขัดขวางการทำความรู้จักและใกล้ชิด(?)ของสองคนนี้ เดี๋ยวเขาจะต้องได้รู้จักกันมากกว่านี้อีกแน่นอนเลยสิถ้าให้เดา ความอยากรู้ครอบงำอีกแล้วซิแบบนี้ //ยิ้มกรุ้มกริ่ม//

อืม...มันเป็นอะไรที่หวานมากนะคะ นี่ขนาดเพิ่งขยับเข้าไปทำความรู้จักกันทีละก้าวๆนะเนี่ย แต่ก็ชวนให้เขินเสียแล้ว XD
ที่แน่ๆคริสเตียโน่ก็ดูจะปกป้องลีโอเอาไว้ได้ แถมยังเริ่มจะเกิดความรู้สึกอะไรมากกว่าปกป้องแล้วด้วยนี่สิ ไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อนก็ทำเสียลูกพี่ พระเอกตัวจริงเลยงานนี้ 55+ ชอบค่ะ ชอบ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เริ่มเปิดใจกันแล้วสินะ ใครกันนะทีาทำให้เหมียวกลัวได้ขนาดนี้กลัวฝังใจเลย คนที่ดึงเหมียวออกมาจากตู้คือใครแล้วทำอะไรกะเหมียวอ่ะหวังว่าจะไม่ใช่ที่เราคิดใช่มั้ย โอ๊ยยยยนอย่ากรู้อ่าาาไรท์มาต่อไวไวนะ
Gging

Unknown กล่าวว่า...

มาไวมากกก เม้นก่อนอ่านเลย ^0^
ไรท์สู้ๆๆๆค่ะ

Unknown กล่าวว่า...

เฮียยปกป้องเหมียวด้วยยT////////////T
โง่ยยยย เขิลอ่ะเริ่มเปิดใจกันแล้วว
เหมียวไม่ต้องกลัวแล้วนะ ! เฮียจะปกป้องเหมียวเอง
ไรท์มาต่อเร็วมากขร่า เลิ้บเลย ❤️