มาแล้วค่ะ
มาแล้ว.....มาแบบกระชันติดกันเลยยยย ฮิๆๆ
เรามาลุ้นกันค่ะว่าสองเพื่อนซี้จะทำอย่างไรเมื่อหนูเชคอฟเข้ามาแล้ว
ไปอ่านกันเลยค่าาาา อยากเมาท์แต่ปีใหม่นี้ไรท์มึนๆ ไงไม่รู้ค่ะ ไหนจะจัดงาน
ไหนจะเขียนฟิค พิสูจน์อักษรแบบมึนๆ
(ซึ่งอันนี้ไรท์ก็ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดกันแน่นะคะ//อ้าววว!//) อูยยยยย ปีใหม่นี้ไรท์จะเค้าดาวกับเพื่อนและลูกหมาอีกสามตัวค่ะ
5555
เมาท์ยาวแบบไร้สาระ -_-^
เอาเป็นว่าเลิกสนใจไรท์ แล้วไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ หวังว่าจะหายคิดถึงหมอกะน้องน้าาาาา
ปล. สำหรับรีดท่านที่รอเรื่องนี้อยู่ ไรท์ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ให้รอนาน M_ _M
-----------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 5
เยี่ยม พระเจ้าเฮงซวยลงโทษฉันอีกแล้ว!.......แมคคอยขบเขี้ยว
แต่ทว่าในใจกลับแตกต่าง
ความรู้สึกกระวนกระวายแย่งชิงพื้นที่กันอยู่ในจิตใจของเค้าอย่างมั่วซั่ว ซึ่งมันเกิดขึ้นในรอบหลายๆ ปีเลยทีเดียว
และเค้ากับเพื่อนซี้ที่กำลังรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก..............
“ฮ่าๆๆ เอาล่ะเชคอฟ
นายนั่งตรงนี้นะเจ้าหนูฉันรู้ว่าวันนี้นายรับศึกหนักมา
เพราะกระแทกกับแกนวาร์ปแล้วกระแทกกับพื้นอีกทีนี่มันคงจะแย่มากๆ
เลยสินะ ทำตัวตามสบายสิเจ้าหนู!......โอ้ว โทษที ฉันตบแรงไปหน่อยน่ะ”
กัปตันคนเก่งพูดเสียงติดจะร่าเริงแบบโลกสวยตลอดประโยค แม้กระทั่งเค้าเผลอตบไหล่ของเด็กหนุ่มแรงเกินไปจนคนอายุน้อยกว่าทำหน้าเสีย จิมก็ยังคงโลกสวยอยู่
แมคคอยคิดในใจ.........เออ! ขอบใจมากจิม
แกทำให้สถานการณ์ยิ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากขึ้นไปอีก
ร่างสูงของนายแพทย์ยืนถือ PADD นิ่งอยู่กับที่ มองดูเพื่อนซี้ตัวแสบของเค้าลากเชคอฟเข้ามานั่งบนเก้าอี้สำหรับคนไข้แล้วดันเก้าอี้ติดล้อนั่นเข้ามาหาตัวเค้า แมคคอยเห็นเชคอฟฝืนตัวไว้
แม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรก็ตาม
แมคคอยขยับปาก “ไอ้เวร”
จิมขยับตอบ “ฉันช่วยนายนะเพื่อน”
แมคคอยเหลือกตาใส่ “ช่วยกะผีน่ะสิ!” เหมือนเค้ากำลังจะบอกยังงั้น
จิมยิ้มใส่หน้าระรื่นราวกับว่านั้นคือคำชมสุดหวานหูจากโบนส์เพื่อนยาก
แล้วหยุดเก้าอี้ความเร็วสูงของเค้าโดยไม่บอกเชคอฟ
ทำให้เด็กหนุ่มที่เกาะที่ท้าวแขนแน่นเกือบหน้าขมำ
กัปตันผมบล์อนโลกสวยกำลังคิดว่า
เค้าเองก็เริ่มหมดความอดทนกับความก่ำกึ่งของเพื่อนหมอมามากแล้วเช่นกัน
และคนที่ไม่จัดเจนเรื่องความรักเช่นเพื่อนของเค้าควรจะได้ปรมจารย์ผู้ช้ำชองคอยบอกทางให้
อย่างเช่นที่จิมกำลังทำอยู่ในตอนนี้.................
................นั่นคือ
กำลังหาเรื่องให้แมคคอยขย่มคอแบบนอกรอบ.............
นายต้องเดินหน้าสู้อุปสรรค์สิไอ้โบนส์!......จิมคิดในใจและส่งมันไปให้แมคคอยทางสายตา
ก่อนจะหมุนเก้าอี้ของต้นกลอายุน้อยให้หันกลับมาหาเค้า กัปตันแห่งยาน Enterprise โน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อท้าวแขนกับเก้าอี้
ดวงตาสีฟ้ากระจ่างที่ใครๆ เห็นก็ต้องหลงใหล เปล่งประกายอยู่เบื้องหน้าเชคอฟและฉายแววซุกซนออกมาอย่างปิดไม่อยู่
“ขอให้สนุกนะเจ้าหนู โบนส์จะดูแลนายเอง” เค้าพูด
แต่เชคอฟกลับรู้สึกเหมือนอยากหายตัวไปเสียให้ได้เมื่อจิมยืดตัวขึ้นจนเต็มความสูงแล้วบอกเป็นนัยว่าจะเดินออกไปจากห้องล่ะนะ
เจ้าหนูรัสเซียทำตาโตแล้วเผยอริมฝีปากเหมือนจะพูดอะไรบ้างอย่าง
เพียงแค่รอให้กัปตันคนดีของเค้ารับฟังเพียงเท่านั้น ไทบีเรียส
เคิร์กเห็น
แต่ว่าแกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียแล้วหันไปยกยิ้มส่งกำลังใจให้กับแมคคอยที่อยู่ด้านหลังของเชคอฟ
โชคดีนะเพื่อน
ฉันช่วยนายได้แค่นี้แหละ......จิมส่งสัญญาณทางสายตา
แมคคอยเลยให้รางวัลด้วยการชูนิ้วกลางให้หนึ่งที โดยที่เชคอฟก็ไม่เห็นอีกเช่นกัน
จิมเอียงศีรษะแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิมราวกับสัญลักษณ์นั้นเป็นคำว่า “ขอบคุณนะเพื่อน”
ของโบนส์
และกัปตันพราวเสน่ห์ก็ทำท่าเหมือนมีคนสะกิดเค้าที่หัวเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าเหรอหรา
“เอาะ อ่อ!....ฉันต้องไปแล้วนะเพื่อน ดูเหมือนสป็อคจะเรียกหาฉันแล้วล่ะ สงสัยจะมีอะไรให้จุบุๆ กันอีกแหงเลย ฮ่าา – ฮ่าาา ......แหม สมกับเป็นแฟนฉันจริงๆ
เลยแฮ่ะ” จิมปั้นสีหน้าที่ใครดูก็รู้เลยว่าเสแสร้งยกเว้นแต่กับเชคอฟผู้ใสซื่อ แล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
“วัลแคนอยากทุกๆ 7
ปีเฟ้ย ไม่ใช่ทุกๆ 7 ชั่วโมง”
แต่ร่างสูงผู้อยู่หลังสุดก็ไม่วายหลุดปากตอกกลับไปอย่างอดไม่ได้ตามประสาคนปากไว
เป็นเหตุให้เชคอฟที่ได้แต่นั่งมองร่างของกัปตันจนลับตาไป หลุดยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้
หมั่นไส้มันมาตั้งแต่เมื่อกี้และ ขอหน่อยเหอะ........แมคคอยแย่งเขี้ยว แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วเมื่อจิมหายไป ความหงุดหงิดของเค้าก็แฟบลงทันที..............
....................เมื่อทั้งห้องพยาบาลเหลือไว้เพียงแค่เค้ากับเชคอฟสองคน.................
เอาไงล่ะแมคคอย ไอ้จิมมันทิ้งระเบิดไว้ในหวอดของนายแหนะ........ส่วนหนึ่งในจิตใต้สำนึกเค้ากำลังเซ็ง และอีกส่วนหนึ่งกำลังคิดหาหนทางไปต่ออยู่
และในเวลาอันรวดเร็วเค้าก็พบว่ามันไม่ยากเกินความสามารถของเค้าที่ลอกเลียนแบบมาจากจิมได้
เมื่อรวบรวมสรตะและตัดสินใจอย่างรวดเร็วเยี่ยงคนเป็นหมอได้แล้ว แมคคอยก็เดินเข้าไปลากพนักพิงเก้าอี้ด้านหลังที่เชคอฟนั่งอยู่แล้วพาเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ทันที
ร่างสูงทำตามหน้าที่ของเค้าไปโดยมีเด็กหนุ่มที่เกร็งยิ่งกว่าเดิมเป็นคนไข้อยู่ข้างๆ แมคคอยสไลด์ PADD ดูภาพเอ็กซ์เรย์ไปมา
แล้วตวัดสายตาขึ้นมามองเชคอฟที่ก็จ้องมองเค้าอยู่โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
..............เหมือนรอผลตรวจโรคเอดส์............
ทั้งห้องเงียบกริบ แม้แต่เชคอฟก็ยังหยุดหายใจ ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
เพราะเด็กหนุ่มเข้ามาทำการเอ็กซ์เรย์แล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เค้าคุ้นเคยกับขั้นตอนดีจนไม่ต้องให้คนเป็นหมอบอก
ตลอดการตรวจนี้จึงเงียบไปโดยปริยายเมื่อไม่มีใครอยากปริปาก
“นายกระดูกร้าว”
แมคคอยเปิดสนามพูดคนแรก
และเชคอฟดูจะลงด้วยไม่ได้เพราะเค้าไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี เว้นซะแต่...............
“ครับผม....”
ดวงตากลมโตฉายแววสั่นระริก
“นายจะต้องเข้าเฝือก
ฉันจะให้ยาสมานกระดูกกับนาย.....แค่วันเดียวเท่านั้นที่นายจะต้องใส่เฝือก
และเดี๋ยวฉันจะเป็นคนเอามันออกให้นายเอง
ไม่ต้องกลัวล่ะว่ามันจะเกะกะนายตอนท้าวแผงควบคุมของสถานี” บลาๆๆ
แมคคอยร่ายบทตามผลตรวจเอ็กซเรย์
“แล้วจิมมันรู้ได้ไงว่านายไปโดนอะไรมา”
และแมคคอยก็ถือโอกาสถาม
เมื่อสิ่งนี้ก็เป็นข้อข้องใจของเค้าจริงๆ อยู่เหมือนกัน
“เอ่อ....กัปตันเห็นผมหกล้มครับ”
“เห็นนายหกล้ม? ตอนไหน”
แมคคอยเริ่มทำหน้าขึงแล้วถามเสียงเย็น
เชคอฟทำอะไรไม่ได้ จึงต้องตอบไปตามความจริงท่าเดียว
“คงจะ....ก่อนที่จะมาพบคุณน่ะครับ”
เชคอฟทำตาเหมือนเจอแดดจ้า
แมคคอยทำหน้าเหมือนมีคนขโมยงานเค้าไป
“แล้วนายก็เพิ่งจะมาเอาตอนนี้น่ะเหรอ!”
เชคอฟห่อไหล่งุ้ม และกดหลังเข้ากับเก้าอี้ แมคคอยพ่นไฟต่อไป
“นายมัวรออะไรอยู่น่ะห๊ะ! ต้องรอให้ฉันเดินออกจากห้องไปเจอนายก่อนรึไง.......ถึงจะบอกฉันน่ะ ให้ตายสิ
ถ้ามันแย่ยิ่งกว่านี้ขึ้นมาจะว่ายังไง....” ร่างสูงนั่งลงบนขอบโต๊ะ ก่อนจะอ้าปากราวกับจะพูดอะไรบ้างอย่างต่อ
แต่เค้ากลับกอบโกยเอาออกซิเจนและไนโตรเจนในอากาศเข้าไปแทน
ก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นคาร์บอนไดออกไซด์แล้วพรูออกมา
“เฮ้อ....” แมคคอยหนักใจ
เพราะรู้ว่าไม่ควรดุเชคอฟมากนัก......เด็กคนนี้ยังเด็กมาก เด็กกว่าทุกคนที่ทำงานบนยานด้วยเสียด้วยซ้ำ
การทำแบบนั้นจะทำให้เชคอฟกลัวและไม่กล้าเข้าห้องพยามบาล
แมคคอยบอกตัวเองแบบนี้ทุกครั้งที่ต้องรักษาให้เด็กจอมซุ่มซ่ามอย่างเชคอฟ
แม้แต่ตอนที่หลังจากเกิดเรื่องอย่างว่าขึ้นก็ตาม
เมื่ออยู่ในห้องพยาบาลแล้วร่างสูงแดนใต้คนนี้ก็ยังคงเป็นหมอแมคคอยที่ขึ้นชื่อเรื่องปากเสียงโดยตรงอยู่ดี............แต่ไม่ เค้าจะไม่ดุเด็กที่อายุไม่ถึงยี่สิบหรอกนะ นั่นมันดูจะเกินไปหน่อย
“ผมขอโทษฮะ”
ในที่สุดเด็กหนุ่มก็พูดขึ้นบ้าง
เมื่อเห็นโอกาสว่าคนที่ตรวจอาการเค้าเงียบลงแล้ว
คำพูดของเชคอฟทำให้แมคคอยถอนหายใจอีกรอบ สีหน้าคนเป็นหมอดูอ่อนใจ
“โอเค
ก็ได้.........แต่คราวหน้านายต้องสัญญาว่าห้ามอิดออดอีกถ้าต้องมาห้องพยาบาล”
แมคคอยวาง PADD
ลงบนพื้นโต๊ะข้างตัว แล้ววางแขนลงบนตักตัวเอง
เชคอฟพยักหน้างกๆ
เหมือนคนง่วงนอน
แล้วจากนั้นหมอแมคคอยก็เริ่มต้นขั้นตอนการเข้าเฝือกที่แสนรวดเร็วแต่เรียบร้อยเช่นมืออาชีพ ราวกับว่าเค้าทำมันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
(ซึ่งนั่นก็ค่อนข้างจริงทีเดียว)
หลังจากเสร็จแล้วโดยไม่มีบทสนทนาเพิ่มเติมมากนัก
ร่างสูงเจ้าของห้องก็ลงมือเก็บของที่นำออกมาใช้เล็กน้อย แต่พอเดินกลับมากำลังจะบอกกำหนดการถอดเฝือกและข้อควรระวังในระหว่างนี้
แมคคอยกลับเห็นเพียงเด็กหนุ่มที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนแทน..........
..........ใช่ ท่าทางเชคอฟดูเป็นอย่างนั้นจริงๆ
แขนทั้งสองข้างฟาดอยู่บนเตียงแพทย์นุ่มๆ
พร้อมกับใบหน้าอ่อนเดียงสาที่ซบหันข้างมาหาคนที่เพิ่งเดินเข้ามา เชคอฟนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ
เตียงแพทย์เพียงไม่ถึงห้านาทีเท่านั้นที่แมคคอยห่างไป เด็กรัสเซียตัวจ้อยก็หลับไปเสียแล้ว
แมคคอยไม่เสียงดังใส่เมื่อเห็นเชคอฟนอนไม่เป็นที่ ไม่ปลุกเด็กหนุ่มเสียด้วยซ้ำ ทั้งๆ
ที่นั้นคือสิ่งแรกที่เค้าจะทำเมื่อเห็นคนอื่นนอนเอาตัวพาดเตียงครั้งเก้าอี้ครึ่งแบบนี้แท้ๆ
ร่างสูงนิ่งชะงักไปเมื่อเห็นภาพตรงหน้า มือที่ยก PADD ค้างไว้กลางอากาศราวกับถูกกดปุ่มหยุดไว้
สายตาคมสีเข้มกวาดมองไปที่เด็กซึ่งยึดเอาเตียงแพทย์ครึ่งหนึ่งของเค้าไว้ แมคคอยสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะวาง PADD ไว้แล้วเดินตรงไปหาเด็กหนุ่ม
ร่างของเชคอฟถูกยกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเบามือสู่กลางอากาศ แขนน้อยๆ
ห้อยไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรงเพราะกำลังหลับ
และศีรษะที่ผงกไปข้างหลังมากเกินไปของเชคอฟก็ทำให้แมคคอยต้องกระดกวงแขนตัวเองขึ้นสูงเพราะกลัวว่าอีกคนหนึ่งจะหายใจลำบากและตื้นเอาได้
แมคคอยอุ้มเชคอฟขึ้นไปนอนราบบนเตียงแพทย์อย่างเบามือ ให้เด็กหนุ่มนอนได้อย่างสบายขึ้น
เชคอฟไม่ขยับเขยื้อนตัวเปลี่ยนท่าไปไหนเลย......แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ มีเพียงอกเล็กๆ
ที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอเท่านั้นที่แมคคอยสังเกตได้
เชคอฟคงเพลียมากจากการที่ไม่ได้พักผ่อน.........
ร่างสูงซึ่งเป็นหมอ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ
มองดูรอยคล้ำใต้ตาและใบหน้าเรียวเล็กที่ดูหมองลงไปถนัดตาของเชคอฟ.........ต้นกลอายุน้อยคนนี้ดูเหมือนไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว
มิน่าทำไมถึงได้ทำตาหยีๆ
อยู่ตลอดเวลา นอนไม่พอนี่เอง.........แมคคอยคิดในใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายประคองหัวเชคอฟขึ้นแล้ววางให้อยู่ในท่านอนที่ถูกต้องและสบายที่สุด
ร่างสูงจัดนู่นจัดนี่ให้เด็กหนุ่มอยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มกายให้เค้า
บางทีเจ้าหนูนี่อาจจะคิดมากเรื่องเดียวกับเราอยู่ก็ได้.........แมคคอยคิดในใจถึงเหตุผลที่ทำให้เชคอฟต้องอดหลับอดนอน
..............รึว่านอนไม่หลับกันแน่?.........
ไม่ได้แล้ว ฉันจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
จะต้องทำอะไรสักอย่าง
เจ้าหนูนี่ไม่โอเคซะแล้ว
แมคคอยที่ยืนท้าวแขนทั้งสองข้างกับขอบเตียงที่เชคอฟนอนอยู่
คิดใคร่ครวญกับตัวเองเงียบๆ
แต่ถ้าคิดในข้อดี............
อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องบอกให้เจ้าหนูนี่ระวังนู่นระวังนี่ทั้งๆ
ที่เค้าทำไม่ได้แล้วล่ะ
เพราะตื่นขึ้นมาก็คงจะถึงกำหนดการถอดเฝือกพอดี
แมคคอยตัดสินใจเดินออกไป ดวงตาสีเข้มที่ดูหงุดหงิดและอ่านไม่ออก
แต่บัดนี้ดูอ่อนลงเป็นอย่างมาก จ้องมองร่างของเด็กหนุ่มที่นอนอย่างสุขสบายอยู่บนเตียงแพทย์นุ่มนิ่มเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนมือแกร่งที่เชี่ยวชาญการแพทย์ที่สุดจะดึงรูดม่านสีขาวบังแสงให้เด็กหนุ่ม พร้อมทั้งสั่งคอมพิวเตอร์ลดแสงลงให้เหลือเพียงสิบเปอร์เซ็นอีกต่างหาก
และร่าสูงคิด เค้าจะไม่ยอมปลุกเจ้าหนูรัสเซียจอมจุ้นหัวฟูคนนี้เด็ดขาด
ถ้าหากเจ้าตัวไม่ได้ตื่นเอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------
---------------------------------
----------------------------------
--------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตึด......
“......”
ตึด......
“......”
ตึด........
“........”
ตึด......
“.......”
“คุณซูลู
ผมขอแนะนำให้คุณลดค่าความกดอากาศภายใต้ท่องยานด้วย เนื่องจากมันส่งเสียงเตือนคุณมาสิ 11
ครั้งก่อนหน้าเมื่อ 33.5 วินาทีที่แล้วแล้วครับ
และผมเชื่อว่านั่นอยู่ในความรับผิดชอบของคุณ....”
เสียงราบเรียบดังขึ้นด้านหลังของเค้า
ทำให้ชายลูกครึ่งเอเชียต้องเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ยืดตัวตรงแล้วหันไปมองคนเรียกสติเค้าเพียงครึ่งหนึ่ง ก่อนจะจรดนิ้วลงบนสถานีแล้วปรับค่าความกดอากาศให้ลดลง
“อ่อ ครับ ขอโทษครับผู้การ” ซูลูพูดขณะลดค่าดังกล่าว
ตอนนี้เป็นช่วงพักห้านาทีของเชคอฟ เค้าเลยต้องควบคุมสถานีทั้งสองด้วยตนเอง แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น
การแยกประสาทสัมผัสและคอยสังเกตการเตือนมาตรวัดต่างๆ ไม่ใช่ปัญหาของเค้าเลย แต่สิ่งที่ทำให้ฮิคารุ
ซูลูกำลังคิดถึงอยู่ก็คือคนที่อยู่ข้างเค้าแต่หายไปตอนนี้........
เชคอฟ
“จากความคิดเห็นของผม การเหม่อลอยในเวลางานนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้นคุณซูลูกรุณามีสมาธิกับหน้าที่ของคุณด้วย”
ชายคนเดิมที่รูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์โลกแต่หูของเค้านั้นแหลมและมีหน้าม้าเต่อลอยอยู่เหนือคิ้วชี้ๆ
นั่น พูดซ้ำขณะมือไพ่หลัง เค้าดูทรงความรู้และจริงจังกับทุกเรื่อง
“ครับ แน่นอนครับผู้การ”
ซูลูตอบเสียงเรียบกลับไป
ในใจเค้าไม่ได้สนใจสิ่งที่สป็อคพูดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
วัลแคนหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงรับเมื่อประโยคของซูลูจบลง แล้วเดินกลับไปเข้าประจำที่ของตัวเองบ้าง
ซูลูวางแขนลงกับสถานีแล้วถอนหายใจออกมา
กลับเข้าสู่โหมดเหม่อลอยอีกครั้ง........เค้าไม่แน่ใจ
ว่าจะบอกเชคอฟเรื่องนั้นดีหรือเปล่า
แต่ลึกๆ แล้วในใจซูลูอยากบอกให้เชคอฟรู้ แม้มันอาจทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตกใจไม่น้อยก็ตาม
หรืออาจเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยบอกทีหลัง........
หลังจากที่มันสายไปแล้วงั้นเหรอซูลู!.......กำปั้นแข็งๆ
ทุบกับสถานีจนเกิดเสียงแต่นั่นก็เบามากพอที่จะทำให้เค้าได้ยินเพียงแค่คนเดียว
ภาพที่กัดกินความสุขในใจเค้าหวนปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งทำให้แววตาของซูลูแข็งกร้าวขึ้น เค้าขบกรามแน่น และกำปั้นก็กดลงบนสถานีอย่างไม่กลัวพัง............ใบหน้าของเค้าดูไม่ชอบใจภาพในหัวเสียเท่าไหร่
และตอนนี้ซูลูอยากรู้ว่าเชคอฟอยู่ที่ไหน!
มันเลยเวลามาหลายนาทีแล้ว ทำไมเชคอฟยังไม่มาอีก........ซูลูค่อนข้างแน่ใจว่าเชคอฟเป็นคนรักษาเวลา
เพราะน้องชายต่างสายเลือดของเค้าเป็นแบบนี้เสมอ
ความร้อนรนบวกกับภาพที่รบกวนจิตใจของเค้า
ทำให้ซูลูเริ่มทนไม่ไหว........ภายในใจเค้าร้อนรุ่ม
เพราะเค้าสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ให้อะไรเกิดขึ้นกับเชคอฟอีกเป็นอันขาด.................
...............ไม่
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่ฉันอยู่ด้วย
เมื่อเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว ฮิคารุ
ซูลูจึงลุกขึ้นจากสถานีประจำการและหันไปบอกให้ลูกเรือลำดับถัดไปซึ่งอยู่ข้างๆ
ดูแลรักษาการแทนให้ที
เธอดูงงเล็กน้อยเมื่อซูลูพูดเช่นนั้นด้วยสีหน้าหงุดหงิดก่อนเดินเข้าเทอร์โบลิฟต์ไป
แล้วเธอก็ทำหน้าไม่สู่ดีนักเมื่อต้องรับผิดชอบเพิ่มเป็นสามสถานีในเวลาเดียวกัน
**************************************************************
ถ้าถามว่าซูลูรู้ไหม ว่าเชคอฟอยู่ที่ไหน?
ใช่ รู้....รู้สิ เค้ารู้อยู่แล้วว่าเชคอฟอยู่ไหน ก็เชคอฟไปที่นั่นตลอดนั่นแหละน่า!
ร่างของหนุ่มเอเชียคงเดินฝุ่นตลบไปแล้วถ้าหาก
Enterprise ปูทางด้วยลูกรัง ซูลูเดินไม่สนใจสิ่งรอบข้างตรงไปยังทางที่ใครๆ
บนยานก็ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี
แล้วบานประตูก็เลื่อนออกจากกันอย่างอัตโนมัติ
เมื่อเค้าเดินเข้าไปในห้องที่เขียนว่า ‘ห้องพยาบาล’
เมื่อซูลูเดินเข้าไปก็ต้องชะงักเล็กน้อย
แล้วมองไปรอบห้องด้วยความแปลกใจ
เมื่อห้องทั้งห้องมืดสลัว เค้าแทบมองไม่เห็นตัวเองด้วยซ้ำ ทุกอย่างรอบตัวดูเลือนรางมาก
เมื่อครู่ ในระหว่างทางที่เดินมา
ซูลูสวนกับพวกของนางพยาบาลดูแล้วก็คงจะเป็นช่วงเวลาพักของพวกเธอทุกคน
ดังนั้นทั้งห้องนี้ก็น่าจะเหลืออยู่แค่เพียงหมอที่เก่งที่สุดของยาน
..........ใช่ ถ้าหากไม่นับร่วมเชคอฟด้วย แต่ตอนนี้ซูลูไม่เห็นน้องของเค้าเลย
และตอนนี้ชายเอเชียกำลังคิด
ว่าแมคคอยกำลังจ้องจะเอาคืนเค้าที่เสียมารยาทในบ้านของเจ้าตัวอยู่รึเปล่า เพราะที่นี่เงียบอย่างน่าสงสัย และน่าสงสัยที่สุด
“ไอ้เบื้อก!....นี่ใช่เวลาพักของนายหรือไง”
เสียงคำรามเบาๆ ดังรอดออกมาจากข้างหลังของซูลู
และซูลูก็เจอเข้ากับเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หันหน้าหงุดหงิดมาหาเค้า แต่ไม่ได้หันตัวมา
แมคคอยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ติดล้อประจำตัวใช้เท้าถีบขอบโต๊ะไสเก้าอี้ออกมาจากฉากกั้นโต๊ะทำงานของเค้า
แล้วก็เจอเข้ากับซูลูที่ยืนเหมือนหาป้ายบอกทางอยู่ทางขาวมือของเค้า ในมือแมคคอยยังถือปากกา PADD อยู่ขณะพูดรอดไรฟันออกไป ในใจเค้าไม่ต้องการปลุกให้เชคอฟตื่น
................หรือไม่ต้องให้ซูลูรู้ก็จะดีมากเลย
เพราะเจ้าซามูไรจอมทะเล่อทะล่านี่จะต้องปลุกคนไข้ของเค้าเป็นแน่แท้เลยทีเดียว...............
และแมคคอยก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นซูลูอยู่ที่นี่ ไม่มีใครต้องดูแลสถานีหรือยังไง? เจ้าซามูไรไร้มารยาทนี่ไม่ใช่อยู่ๆ
ก็ทิ้งอะไรมาเฉยๆ ไม่ใช่หรือ
ไอ้หนูผีนั่นปล่อยมันออกมาได้ไงว่ะเนี่ย..........แมคคอยยังคงถือปากกาค้างกลางอากาศ ในขณะรอประโยคแรกของซูลู
และซูลูก็พูดออกมาเสียงดังฟังชัดเจน
จนแมคคอยยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเสียงดังฉาด
“ผมมาหาเชคอฟ!”
.
.
.
TBC.
------------------------------------------------------------------------------------------
ปาดโถ๊ ----- !! ซูลูเจ้าขาาาา หมอเค้าอุตส่าห์เงียบ จาไปตะโกนเสียงดังทามมายล่ะค่าาาา –{}-
มาเป็นเพื่อนกับไรท์และติดตามความเคลื่อนไหวของฟิคเรื่องต่างๆ
ได้ที่นี่เลยค่ะ จิ้มเลยยยย
รออ่านตอนต่อไปกันด้วยนะค่าาา รักรีดทุกท่านที่สุดเลยค่ะ ^3^
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
3 ความคิดเห็น:
กรี๊ดดดดดดดดดดหนุกมากกกกกค่ะไรท์//รักคู่เน๊
รอPart 6อยู่น้าาาาาคร้าบบบบบบบ
อร๊ายยยยยยย รีดขาาาาา //ร้องโหยหวน ปานพี่น้องที่หากันจนเจอ// ไรท์ขอโทษจริงๆ เลยนะคะที่ไม่ได้ลงของหมอกับน้องนานขนาดนี้ มันเป็นเพราะตัวไรท์เองค่ะ ชอบโลเล หลงเข้าไปในป่าพิศวง ไปเจอคู่นู่นคู่นี้ ตื่นตาตื่นใจจนแต่งไปหลายคู่เลยค่ะ แฮ่ๆๆ
แต่หมอกับน้องไรท์ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ เข้าไปแต่งอยู่เรื่อยๆ ค่ะ แต่ยังไม่ได้อัพเพิ่มเลยค่ะ ง่อวววว ขอโทษจริงๆ นะคะ ถ้าพร้อมแล้วจะลง Part 6 และ Part ต่อๆ ไปให้นะคะ ปัจจุบันเรื่องปัจจุบันก็ยังไม่มีเวลาลงเลย แต่พ้นช่วงยุ่งไปแล้วก็คาดว่าน่าจะว่างค่ะ ง่าาา ต้อง So Sorry จริงๆ นะคะที่ล่าช้าาา M_ _M
ปล. ขอบคุณที่ติดตามนะคะ รักรีดเลยค่ะ 5555
ฟิคสนุกค่ะ รอลุ้นมาก เอาตรงๆเราจิ้นซูลูเชคอฟนะ สองคนนี้สนิทกันดี แต่พอหมอมาคั่นแล้วมันกร๊าวอ่ะค่ะ ฮาาาา รออ่านตอนต่ไปนะคะ ติดอมแงมเลย ขอมาเม้นตอนนี้ตอนเดียวนะคะ
แสดงความคิดเห็น