วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2558

[Fic – RonalSi] + [Part 2] เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! – Ronaldo x Messi


  
สวัสดีค่ะรีดๆ แฟนมิตรที่รักทุกท่าน.....มาอย่างต่อเนื่องค่ะ  สำหรับ Part2

ต้องขอเรียนก่อนเลยค่ะว่า เรทติ้งของ Part 1 ทันทีที่ลงทำให้ไรท์ตกใจมากเลยค่ะ ขึ้นชร์าตเป็นอันดับ 1ของบล็อกไรท์ภายในเวลาแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะแซงหน้าบทความอื่นๆ ในบล็อกไรท์จนชิดซ้ายไปเลยค่ะ! อุ แม่เจ้าาา >{}<!!

ตกใจและปลื้มมากเลยค่ะ  HOT จริงๆ ค่ะ

วันนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่อยากจะมาบอกว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มลงของฟิคเรื่องนี้ค่ะ  ย้ำค่ะ Fic ........ยาวด้วยค่ะ  ไรท์ก็ตกใจตัวเองค่ะว่าทำไมเอ็งเขียนยาวจัง  ไม่เคยเวิ่นยาวขนาดนี้มาก่อน -_-“  555555+

ไรท์ไม่กวนล่ะ  ไปเขียนต่อดีกว่าค่ะ......เกือบจวนจะเสร็จล่ะ (เกือบจวนนะคะ...เกือบจวน) รีดๆ ก็เชิญไปอ่านกันต่อได้เลยค่าาาา


--------------------------------------------------------------------------------------------------------


“โรนัลโด้”


--------------------------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------


--------------------------------


ร่างสูงยักคิ้วอีกข้างหนึ่งแล้วมองเค้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แค่นั้นเองหรือ?” เค้าพูด เมสซี่ไม่อาจบอกได้ว่าสีหน้าของร่างสูงตรงหน้ากำลังแสดงว่าดูถูกเค้าหรืออย่างไรกันแน่........แต่เมสซี่คิดว่าคงจะเป็นอย่างแรกที่เค้าคิดออกมากกว่า

เนย์มาร์กับคนอื่นๆ บอกว่าสำหรับเค้าแล้ว  ชายร่างสูงตรงหน้านี้ถือว่าไว้ใจไม่ได้มากที่สุด  ว่าตามตรงเมสซี่ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่  แต่เท่าที่ทุกคนบอกมา ว่าโรนัลโด้กับเค้ามีฝีมือสูสีพอๆ กันและอีกฝ่ายตั้งใจจะเหนือกว่าเค้าให้ทุกคนได้เห็น และจะดูถูกเค้าทุกครั้งที่มีโอกาส  ดังนั้นเมสซี่จึงไม่ควรจะไว้ใจโรนัลโด้เป็นอย่างยิ่ง..........พี่ๆ ที่สโมสรเป้าหูไว้ว่าอย่างนั้นน่ะนะ

ถึงแม้จะเพียงแค่เจอหน้ากันในงานที่เค้าไม่แม้แต่อยากจะมีส่วนร่วมก็ตามเถอะ

..................แต่ว่าเค้าเพิ่งทำแชมเปญหกใส่เสื้อของโรนัลโด้นะ!...............

ร่างที่เล็กกว่ากวาดตามองรอบๆ อย่างคิดไม่ออก  และร่ำๆ อยากจะเดินออกไปเสียดื้อๆ ด้วยซ้ำ แต่ว่านั่นเสียมารยาทเกินไป (ปรกติแล้วเมสซี่ไม่รู้เลยว่าเค้ามารยาทดีเกินไป)

“อะ เอ่อ ผม...ขอโทษ” เมสซี่เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่รอคอยการพูดของเค้าอยู่ และพยายามทำหน้าตาให้ดูเหมือนไม่ตกใจให้มากที่สุด

โรนัลโด้ที่ได้รับคำขอโทษก็ถึงกับยกมุมปากขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ดูเหมือนจะล้อเลียนคนซุ้มซ่ามนิดหน่อยว่า “คำว่าขอโทษสำหรับผมเนี่ยดูเหมือนมันจะหลุดออกมาจากปากคุณยากเหลือเกินนะ” ร่างสูงทำท่ามุ้ยปากแล้วกลอกตาขึ้นฟ้าราวกับเพิ่งนึกอะไรได้ โอ้ ผมลืมไป  คุณคงไม่คิดจะขอโทษคู่อริของตัวเองหรอกใช่ไหมคุณเมสซี่” ร่างสูงเน้นคำพูดสุดท้ายอย่างชัดเจนราวกับต้องการจะประชดประชันอีกคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

โดยที่ความหมายเหล่านั้นก็พุ่งเข้าหาคนโดนพูดใส่เต็มๆ  เมสซี่มองกลับไปด้วยดวงตากลมโตที่แสนน่ากลัว(?) แล้วก็ต้องกัดฟันแน่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูประชดประชันไม่แพ้กันเลย

อ๋อ งั้นผมก็คงต้องขอโทษด้วยนะ  ที่คำขอโทษของผมมันไม่ซาบซึ้งพอที่จะทำให้คุณประทับใจ”  ร่างเล็กว่าอย่างรู้สึกฉุนจนน่าประหลาด

แต่ทว่าร่างสูงกลับนึกขำอยู่ในใจเพราะท่าทางนั้นของเมสซี่ดูเป็นอย่างอื่นมากกว่าแทนที่จะดูน่ากลัว  ดวงตาคมสีน้ำตาลยังคงมีแววเรียบเฉยจนกระทั่งมีเสียงหนึ่งแหกฝูงชนออกมาเรียกเค้า  โรนัลโด้หันไปมองก่อนจะหันมาส่งสายตาไม่เป็นมิตรนักสำหรับร่างเล็ก แล้วหมุนร่างหันกลับเข้าไปในฝูงชนพร้อมกับสะบัดผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บอยู่บนกระเป๋าเสื้อออกมาเช็ดคราบเลอะบนเสื้อของตนเองอย่างรู้สึกหงุดหงิดที่มันดูไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็นเสียด้วยซ้ำ

ฝ่ายร่างเล็กที่ถูกทิ้งไว้ดังเดิมก็รู้สึกฉุนไม่น้อยที่โดนทำสายตาแบบนั้นใส่  เค้าไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจตอนไหนกันแน่ แต่ที่รู้ๆ สิ่งที่พี่ๆ ของเค้าเล่าให้ฟังดูเหมือนล้วนแต่เป็นความจริงทั้งหมด

“ใครอยากจะไปขอโทษคนนิสัยแบบนั้นกัน” เมสซี่พึมพำกับตัวเอง แล้วก็ต้องรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมเมื่อนอกจากจะต้องติดเหง็กอยู่ที่นี่แล้วเค้าเพิ่งจะได้เจอกับคนที่ไม่ชอบหน้าเค้าแบบปุ๊บปั๊บรับโชคอีกด้วย

เจ๋งเลย.....เมสซี่คิดพลางอยากเอาหัวฟาดพื้นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสีย......รู้งี้เค้าน่าจะแกล้งทำเป็นป่วยแล้วบอกทุกคนว่ามาไม่ได้ฃะก็ดีหรอก.........เมสซี่คิดอย่างนึกเสียดาย ก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นตื่นตัวทันทีเมื่อมีหญิงสาวสองคนเดินตรงมาหาเค้าและทำหน้าราวกับว่าเธอเจอล็อตเตอร์รี่ที่ถูกรางวัลที่หนึ่งวางทิ้งไว้

“อุ๊ยตายแล้ว! นี่เมสซี่ตัวจริงเสียงจริงนี่นา....โอ้ ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะที่ได้พบคุณ เรามางานนี้ก็เพื่อมาพบคนที่มีความสามรถและรูปหล่ออย่างคุณโดยเฉพาะเลย” หญิงสาวผมบล์อนในชุดเดรสรัดรูปสีบานเย็นสดใสพูดขึ้น พลางจับมือเมสซี่ที่ทำอะไรไม่ถูกมาเขย่าเบาๆ แต่ทว่านานเป็นพิเศษ  จนเพื่อนอีกคนต้องส่งสายตาปราม แล้วคว้ามือที่ดูเล็กกว่าของพวกเธอมาจับแล้วส่งยิ้มหวานให้บ้าง

“ฉันลิซซี่ค่ะ.....ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนนี่เพื่อนฉันสเตล่าลิซซี่หรือหญิงสาวคนที่สองพูดขึ้น โดยมีสายตาขุ่นเคืองของสเตล่าส่งตรงมายังเธอ หลังจากที่สาวเจ้าโดนแย่งซีนแนะนำตัวไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนคนที่ยังไม่แม้แต่จะได้เอ่ยอะไร หรือถึงจะมีโอกาสแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปอยู่ดี  เค้าเปลี่ยนมาเป็นทำหน้าแตกตื่นทันทีหลังจากที่โดนเจอตัวเข้าให้แล้ว.........นี่ไง ที่เค้าหวั่น เมสซี่เป็นคนที่คุยไม่เก่งแถมยังไม่รู้จะพูดอะไรอีกด้วย ถึงแม้คนฟังจะปรารถนาที่จะฟังแค่ไหนแต่มันจะต้องดูโง่มากๆ แน่.........เค้าแน่ใจ

“อะ เอ่อ.....ครับผม...” เอาแล้วสิ  เมสซี่ไม่รู้ว่าตัวเค้าเองกำลังแค่พูดคำว่า “ครับ” หรือกำลังจะพุดอะไรต่ออยู่กันแน่  เป็นครั้งที่สองของคืนนี้ที่เค้าอยากจะเอาหัวฟาดพื้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป.........

อู้ว์ ให้ตายเถอะพระเจ้า! เราสองคนมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเยอะแยะเลยถ้าคุณไม่รังเกียจ  หลังจากเราถ่ายรูปคู่กับคุณแล้วน่ะค่ะ” สเตล่าพูดก่อนจะส่งสายตาค่อนค้อนไปให้เพื่อนสาวอีกคนหนึ่ง พร้อมกับควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าไปด้วย

“อะ ฮะ....คุยหรือครับ” เมสซี่อ้าปากน้อยๆ ในขณะที่มองเธอทั้งสองพยักหน้ารัว

ขอโทษนะครับ ที่สิ่งที่คุณสองคนต้องการมันเป็นสิ่งที่ผมถนัดน้อยที่สุด.......ร่างเล็กผู้กระวนกระวายคิดในใจ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะพูดออกไปแบบนั้นดีหรือไม่  แต่สุดท้ายก็คิดว่าไม่ดีกว่าเพราะมันคงฟังดูน่าขำเอามากๆ  ดังนั้นเมื่อเห็นแสงรำไรแล้วว่าเค้าจะต้องตอบคำถามสาวๆ พวกนี้ เมสซี่จึงค่อยๆ เดินถอยหลังออกไป พร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงตะกุกตะกักว่า

“อะ เอ่อ.....คือผมต้องขอโทษพวกคุณสองคนด้วยจริงๆ นะครับที่มันค่อนข้างแย่ที่จะ  ที่จะ เอ่อ........” เค้าพูดเสียงฟังดูเบาลงในขณะที่หัวเค้าก็เริ่มตื้อแล้วว่าจะพูดอะไรต่อ  และเป็นเวลาเดียวกับที่ลิฟต์ข้างหลังเค้าซึ่งห่างออกไปราวๆ หกเมตรเปิดขึ้นพร้อมกับที่หนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งเพิ่งเดินควงกันออกมาพอดี

ดูเหมือนเค้าจะมองเห็นทางรอดแล้วล่ะ!

“อะ เอ่อ....ใช่! คือ  คือ ผมรู้สึกอยากจะอาเจียนน่ะครับ คงต้องขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกเสียหน่อย  ต้องขอโทษด้วยนะครับ เอ่อ....ถ้าผมดีขึ้นแล้วและถ้าได้เจอพวกคุณอีก ผมยินดีจะตอบคำถามทุกคำถามของคุณอย่างแน่นอนครับ ผมสัญญาเลย.........อุ๊บ ลิฟต์” ร่างเล็กพูดไปเรื่อยๆ จนเกือบโดนลิฟต์ปิดหนีจนต้องรีบแทรกตัวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงอุทานอย่างนึกเสียดายของหญิงสาวปากมันทั้งสอง

และพวกเธอพยักหน้ารับกับคำแก้ตัวของเมสซี่ ซึ่งพวกเธอคิดว่ากลายเป็นคำสัญญาจริงๆ ไปเสียแล้ว และเพื่อไม่ให้คลาดจากนักเตะคนโปรดของพวกเธอ รวมทั้งให้แน่ใจด้วยว่าเค้าจะได้เจอพวกเธออีกครั้ง  ดังนั้นทั้งลิซซี่และสเตล่าจึงตกลงปลงใจกันว่าจะยืนรออยู่หน้าลิฟต์ตัวนั้นทั้งคืนจนกว่าเมสซี่จะมาและพบพวกเธอ  แต่สุดท้ายแล้วจนกระทั่งจบงานพวกเธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเค้า..............

ส่วนคนที่หนีและรอดพ้นเรื่องเสี่ยงตายมาได้อย่างหวุดหวิดก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง อก  แล้วก็ต้องนึกถอนหายใจให้กับความซื่อของตัวองอีกครั้ง ในเมื่อเค้าบอกพวกเธอว่าต้องออกไปสูดอากาศข้านอก เค้าจึงกดไปที่ชั้นดาดฟ้าตามที่ตัวเองปรารถนาอย่างรวดเร็ว (อันที่จริงเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกดชั้นอะไรไป เพราะรีบมากๆ )

ชั้นดาดฟ้า.....โอ๊ย ลีโอเจ้าบ้าเอ้ยย” ร่างเล็กยกมือขึ้นขย้ำหัวตัวเองแล้วก็ต้องยอมรับชะตากรรมที่ว่าเค้าจะต้องขึ้นไปบนชั้นสูงสุดของโรงแรมหรู โดยที่เค้าเองก็กลัวความสูงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

.........หรือถ้าให้คิดในแง่ดี อย่างน้อยเค้าก็ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในงานเลี้ยงหรูๆ นั่นอีกแล้วล่ะกัน  นั่นถือว่าดีมากๆ แล้ว...........

ลิฟต์ของโรงแรมที่นี่มีอยู่สองแบบ นั่นคือลิฟต์หลักสำหรับแขกเป็นลิฟต์แก้วโปร่งใสที่มีขนาดกว้างขวางพอสมควร และลิฟต์สำรองที่มีลักษณะเหมือนลิฟต์ทั่วๆ ไปคือทึบและแคบซึ่งก็เป็นลิฟต์ที่เมสซี่กำลังยืนหายใจเข้าหายใจออกอยู่ในตอนนี้นั่นเอง.......อันที่จริงก็ดีแล้วล่ะนะ ที่บังเอิญได้เข้าลิฟต์ตัวนี้พอดี  เพราะถ้าหากเค้าได้ใช้ลิฟต์ตัวหลักมีหวังได้อ้วกแตกจริงๆ แน่

ตอนมาตอนแรกเค้าก็เอาแต่ซุกหน้าเอาไว้บนหลังของเนย์มาร์ อีกคนหนึ่งก็ค่อยบอกเค้าว่าไม่ต้องมองลงไป ให้หายใจเข้าลึกๆ แต่พอไปพอมากลับเกี่ยวเค้าเข้ามากอดเองเสียนี่.......ไม่ว่าสถานการณ์ไหน เมสซี่ก็ดูเหมือนจะไว้ใจเนย์มาร์ไม่ได้เลย..........แต่อันที่จริงสาเหตุที่ทำให้เมสซี่ต้องหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ อยู่ในลิฟต์ทึบๆ นี่ก็คือ

เค้าไม่ชอบที่แคบ

นั่นแหละเหตุผลเดียวของตอนนี้เลย.............

แต่ชายหนุ่มร่างเล็กก็ยืนก้มหน้ามองพื้นอยู่ได้ไม่นาน เสียง ติ้ง ก็ดังขึ้นพร้อมกับที่บานประตูลิฟต์ได้เปิดออก  ในช่วงนาทีนั้นเอง ลีโอเนล   เมสซี่ก็รีบเบียดร่างอันปวกเปียกของตัวเองออกมาทันทีและยืดตัวขึ้นสูดอากาศบริสุทธิ์ที่เค้าเองก็แทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะรู้สึกสดชื่นขนาดนี้ ลมเย็นๆ พัดเข้ามาปะทะใบหน้าของเค้าพร้อมๆ กับที่ลิฟต์ได้ถูกปิดลง

เมสซี่เดินออกมาอีกเพียงสองสามก้าวให้ห่างจากลิฟต์ และไม่กล้าเดินไปใกล้ขอบดาดฟ้ามากกว่านั้นนัก เพราะอะไรก็คงไม่ต้องบอกหรอกนะ.........ชายหนุ่มชื่นชมกับทัศนียภาพเบื้องบนทั้งดวงดาว  ท้องฟ้า  เมืองและผู้คนด้านล่าง  และรวมไปถึงสวนหย่อมที่จำลองสภาพป่าดิบชื่นที่เหมือนยกเอาทั้งป่าอะเมซอนมาวางไว้บนยอดตึกของโรงแรมนี้ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว

“เฮ้อ....อย่างน้อยผมก็ไม่ได้หนีออกไปจากงานอย่างที่พี่สั่งห้ามไว้หรอกนะ  ผมก็ยังอยู่นี่หนิ” เค้าพึมพำกับตัวเองแต่ดูเหมือนกำลังบอกกับบุคคลที่สองซึ่งไม่อยู่ที่นี่มากกว่า......และร่างเล็กดูเหมือนจะยกยิ้มให้ตัวเองอย่างภูมิใจที่หนีรอดความวุ่นวายข้างล่างมาได้ แต่เค้าก็ต้องรู้สึกแปลกใจเล็กๆ เมื่อจู่ๆ เค้าก็รู้สึกสังหรณ์อะไรบ้างอย่างขึ้นมาทั้งๆ ที่คืนนี้ก็มีแต่คนที่มีความสุขกันทั้งนั้น

........เอ่อ ยกเว้นเค้าน่ะนะ......

“เอาล่ะ ฉันจะอยู่ที่นี่โดยที่จะหาอะไรสักอย่างทำ....ไม่มีใครแอบดูอยู่แล้วนี่นา” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองแล้วออกเดินไปรอบๆ บริเวณที่เค้ายืนอยู่ห่างออกไปสองสามก้าว ไม่ไกลไปกว่านั้น.........

และในขณะที่เดินโต๋เต๋ๆ อยู่นั้นก็มีแสงแวววาวบางอย่างสะท้อนมาเข้าตาร่างเล็กเข้า  เป็นเหตุให้เค้ามองตามจุดวิบวับบนพื้นที่อยู่ห่างออกไปแล้วคิด.....อย่างน้อยอยู่บนนี้คนเดียวก็ไม่น่าเบื่อเสมอไปแฮะ.......แล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปใกล้กับราวเหล็กมันวาวที่ดัดเป็นลวดลายโค่งสวย  เมื่อเดินมาถึงร่างเล็กถึงกับชะงักเล็กน้อยเมื่อแสงแวววาวนั้นพาให้เค้าเดินเข้ามาเกาะขอบรั้วตรงดาดฟ้าเข้าอย่างจัง

และใต้ราวเหล็กมันวาวนั่นคือ เหรียญเล็กๆ เหรียญหนึ่งที่....ใหม่เอี่ยมมากเสียด้วย เหมือนมันยังไม่เคยผ่านการใช้บ่อยๆ มาก่อนอย่างที่มันควรจะเป็น  หล่นอยู่บนพื้นหญ้าสำเร็จรูปที่ถูกปูทับไปทั่วทั้งพื้นที่ ทำให้มันช่างดูเด่นและสะดุดตาเป็นอย่างมากเมื่อกระทบกับแสงจันทร์ในยามนี้

และที่นั่น บนดาดฟ้า.......เบื้องหลังพุ่มไม้ของต้นอาไซอิที่ยังโตไม่เต็มที่ ห่างออกไปจากชายหนุ่มร่างเล็กพอสมควร

เฮ้ย! อย่าขยับสิว่ะ! เดี๋ยวมันก็รู้ตัวก่อนพอดี” เสียงทุ้มแหบกระซิบรอดไรฟัน

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็ปืนมันหลุดมือข้านี่!” อีกเสียงหนึ่งฟังดูขู่กรรโชกไม่แพ้กัน พูดตอบมาอย่างหัวเสีย

“ข้าบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าใส่กางเกงตัวนี้มา! กระเป๋าแกมันรั่วเหรียญใหม่ที่เราปล้นมาหล่นอยู่ตรงนั้นน่ะแกเห็นไหม! ถ้าไอ้เจ้านั่นเกิดรู้ตัวขึ้นมาว่าเราอยู่นี่แล้วจะทำยังไง!” ทีนี้ข้อกล่าวหาใหม่ก็ทำเอาโจรอีกคนหนึ่งถึงกับพูดไม่ออก  ได้แต่ขมวดคิ้วมองกลับไปเท่านั้น

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่า.....ก็ข้ามีอยู่ตัวเดียว”

“แล้วนี่จะเอายังไง......จับมันเลยดีไหม แยกตัวออกมาจากคนอื่นแล้วจับได้สบายๆ” เสียงแรกถามความเห็นกลายๆ อยากจะตัดบทเรื่องกางเกงเพื่อน   แต่เพื่อนข้างๆ กลับเงียบไปไม่พูดอะไรต่อแต่อย่างใด  จนทำให้คนถามเริ่มหงุดหงิดกับความลังเลของเพื่อน “เอ้า! ข้าถาม! จะเอายังไง!

“เอ่อ...คือข้าไม่ได้เอาที่เก็บเสียงมาด้วยว่ะ ลืมหยิบมา......อุ๊ยย!

ผั๊วะ!!

“ไอ่โง่! เอ็งจะเอาปืนไปฆ่ามันรึไงว่ะ!  หัวหน้าบอกว่าใช้ปืนเฉพาะยามฉุกเฉินเท่านั้น! ไม่ใช่ให้ยิงหัวเป้าหมายแล้วแบกศพกลับไปให้หัวหน้า ควายยยย” ด่าออกไปฉาดใหญ่กับความหัวถั่วของเพื่อนร่วมพรรคแล้วก็ถึงกับต้องส่ายหัวเบาๆ

“เออ....จริงด้วยว่ะ ลืมไป” พูดเสียงล่องลอยพลางทำหน้าเพิ่งตรัสรู้ถึงรสพระธรรมคำสั่งของหัวหน้า

“งั้นก็จัดการเลยล่ะกัน” โจรคนแรกพูดขึ้นอย่างหมายมั่น แต่ทว่า........

“เฮ้ยเดี๋ยว....มีคนมา!” เสียงติ้งและการเคลื่อนตัวของบานลิฟต์  ทำให้โจรคนที่สองซึ่งสังเกตเห็นทันพอดี ดึงหัวเพื่อนให้ก้มหมอบลงกับพื้นหญ้าทันเวลาพอดิบพอดีเมื่อมีคนก้าวออกมาจากลิฟต์

และเสียงเตือนเบาๆ ของลิฟต์สำรองก็มาพร้อมกับร่างสูงสมส่วนในชุดสูทสีดำสนิทรัดรูปพอดีตัว  มือแกร่งทั้งสองเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อนอกบริเวณหน้าท้องให้แยกออกจากกันเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับเค้า

และท่าทีสบายๆ นั้นของร่างสูง ดูเหมือนจะช่างผิดกับอาการตัวแข็งทื่อของคนร่างเล็กที่มาถึงก่อนหน้านี้เสียจริงๆ ...................

เมสซี่หันไปมองยังต้นเสียงอย่างหวั่นๆ ทันที กลัวว่าจะเป็นใครๆ ที่เค้าไม่อยากเจอ และเมื่อเค้าหันไปก็ทำให้ต้องเกาะราวเหล็กใกล้ๆ ตัวแน่น  เมื่อเป็นเวลาเดียวกับที่คู่ปรับของเค้าหันมาเจอเค้าเข้าพอดี

ดวงตาสีน้ำตาลเฉดเดียวกัน  สบมองประสานกันในครู่หนึ่งเมื่อต่างฝ่ายต่างหันมาจรดสายตาต่อกันพอดี  สายลมยามค่ำคืนบนตึกสูงพัดหวีดหวิวปะทะร่างกายของชายหนุ่มทั้งสอง พัดพาทำเอาผมด้านหน้าของร่างเล็กปลิวไหวน้อยๆ ตามแรงลม  ผิดกับชายหนุ่มที่ร่างสูงกว่าซึ่งจัดแต่งทรงผมมาอย่างดี.....ลมบนยอดตึกจึงไม่สามารถทำอะไรเค้าได้

ชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่หยุดอยู่กับที่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ขอโทษที ผมไม่รู้ว่ามีคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวอยู่บนนี้” ดูเหมือนร่างสูงเองก็ต้องการมาหาพื้นที่ส่วนตัวเพื่อสูดอากาศด้วยเช่นกัน และดูจะแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่บังเอิญมาเจอเข้ากับคนที่เพิ่งทำแชมเปญหกใส่เสื้อตัวโปรดของเค้า

เมสซี่ยืนนิ่งขณะมองหน้าของโรนัลโด้อย่างเงียบๆ หวังอยากให้อีกคนเดินกลับเข้าไปแล้วหาพื้นที่ส่วนตัวแห่งใหม่เสีย  แต่ทว่าร่างสูงกลับยืนนิ่งและสูดหายใจเอาอากาศเย็นๆ เข้าสู่ปอดแล้วเดินเข้ามาใกล้เค้า  เมสซี่มองการกระทำที่เดาไม่ออกอย่างทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้เค้าจนมุมเสียแล้ว......ตอนนี้ร่างเล็กทำได้แต่เพียงบอกตัวเองเท่านั้นว่า อย่ามองลงไปข้างล่าง

แล้วตัดสินใจพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้เหตุการณ์ดูไม่น่าอึดอัดเกินไปสำหรับเค้า “คุณมีอะไรรึเปล่า” เพราะดูท่าทางร่างสูงที่กำลังเดินมาหาเค้าจะเรียบเฉยเอาเสียเหลือเกิน

และแทบจะทันทีที่จบประโยคสั้นๆ แก้เก้อของร่างเล็ก  ฝ่ามือใหญ่ก็ถูกยื่นออกมากั้นระหว่างเค้าทั้งสองในแนวยี่สิบห้าองศา  เมสซี่มุ้นหัวคิ้วเล็กน้อยมองมือที่ยื่นมาของโรนัลโด้

“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการคุณเมสซี่.....” เสียงทุ้งต่ำนั้นถูกพูดออกมาด้วยความราบเรียบตามแบบฉบับร่างสูง แต่ทว่าร่างเล็กตรงหน้ากลับรู้สึกว่ามันทุ้มกังวานอย่างน่าประหลาด

คนถูกหยิบยื่นก็เลิกลั่กเล็กน้อย ก่อนจะส่งมือไปจับตอบแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายเขย่าเบาๆ

“เช่นกันครับ....คุณ เอ่อ โรนัลโด้” เมสซี่คิดว่าเสียงที่เค้าพูดออกไปฟังดูเบามากๆ เลย เพราะเค้าไม่ค่อยแน่ใจนักว่าจะพูดกับอีกคนด้วยภาษาแบบไหนดี  ได้แต่พูดคำว่า คุณอย่างเป็นทางการตามที่ร่างสูงทำเท่านั้นเอง

ความไม่เข้าใจยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวของเมสซี่จนกระทั่ง ร่างสูงตรงหน้าเค้าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วมองสำรวจทิวทัศน์ไปรอบๆ ก่อนจะหันกลับมาพูดเสียงเบากับเมสซี่

“ผมแค่ทำตามมารยาท เพราะแค่คิดว่ามันเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้กล่าวทำความรู้จักกันอย่างจริงจังก่อนลงสนาม”

ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมามองด้วยดวงตากลมตาที่แฝงไปด้วยคำถามว่า “เพราะงั้นเองหรือ?” ที่ร่างสูงเดินเข้ามาทำความรู้จักและข้อจับมือกับเค้าเพียงเพราะมันเป็นมารยาทที่ใครๆ ก็ควรปฏิบัติเท่านั้นเองน่ะหรือ  รู้ไหม มันทำให้ร่างเล็กหลงคิดไปว่าคนๆ นี้ต้องการจะรู้จักกับเค้าจริงๆ และเราเองก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้........งั้นนี่ก็คงไม่ใช่เลยน่ะสินะ อุตส่าห์หลงคิดไปว่าโรนัลโด้จะไม่คิดว่าเค้าเป็นศัตรูอย่างที่เค้าเองก็คิดเช่นนั้น

.............แต่เห็นทีแล้วเรื่องที่พี่ๆ ในทีมพูดจะเป็นเรื่องจริง.............

“เอ่อ.....ขอบคุณนะที่คุณยังอุตส่าห์ไม่ลืมทำตามมารยาทอย่างที่ควรทำ” เสียงของเมสซี่สั่นเล็กน้อยในขณะที่ก็ยังคงจ้องมองใบหน้าคมสันแสนเรียบเฉยนั้นของร่างสูง ซึ่งก็ก้มลงมามองเค้าด้วยเช่นกัน


.


.


.


TBC.


------------------------------------------------------------------------------------------------


Part นี้ดูเค้าจะไม่ชอบหน้ากันยังไงไม่รู้แฮะ [- - ]

แต่ก็อย่างที่ไรท์ได้สปอยล์ไว้นานแล้วค่ะ ว่าแรกๆ ของสองคนนี้จะดูกัดกันและไม่ชอบหน้ากันน่าดู  แต่พอสุดท้ายแล้วทั้งคู่ดูเหมือนใครจะขาดคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้เลยยย ---  ฮาาาาา //ทำหน้าฟิน....วางยารีดรอบที่.........เอ่อ เท่าไรแล้วไม่รู้ง่ะ// 5555+  น่ารักแน่ค่ะ น่ารัก

และ Part หน้าเค้าจะเริ่มใกล้ชิดกันแล้วนะเออ......แบบว่าฟรุ้งฟริ้งมากขึ้นอ่ะค่ะ >//<  //แกเป็นอะไรยะ!! พอแล้วอย่าฝอยนาน.....จะได้ไปเขียนต่อ//

ติอต่อต่อ Part หน้านะคะ  ไรท์ไปแล้วค่ะ ........RonalSi ทำพิษ -////-  //กำเดาหกรดคอม//+//เดี๋ยวๆ เรื่องนี้ไม่ใช่แนวแบบ The Storm นะ //


รักรีดทุกท่านะคะ //ยิ้มกว้าง//

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund



2 ความคิดเห็น:

demon กล่าวว่า...

โอ้

ตอนนี้อ่านตรงทอล์คแล้วต้องขอกล่าวถึงเสียหน่อย ใช่เลยค่ะ คู่นี้เขาเรตติ้งมาแรงแซงโค้งจริงๆว่าไหม Hot ไม่หยุดฉุดไม่อยู่แบบนี้ต้องมาสานต่อไวๆเนอะคะ ฮ่าๆ :D

เริ่มการทำความรู้จักของทั้งสองดูเหมือนจะชวนอึดอัดชอบกล สงสัยจะเป็นที่ท่าทีของคริสเตียโน่หรือเปล่านะ แต่นี่แหละแบบฉบับและเสน่ห์ของเขาละ สงวนท่าที ซ่อนเร้น เหมือนมีอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา จนลีโอเองก็ยังมองเขาไม่ออก...แต่ก็อย่าเพิ่งเชื่อพี่ๆในทีมเสียหมดล่ะ ยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมากจริงไหมคะ //เอ๊ะ ยังไงกันน้อ~~

บทสนทนาดูเหมือนจะประชดประชันกันไปมาเลยนะแบบนี้ โดยเฉพาะ'คุณเมสซี่'นี่แหละ -//- แต่เดี๋ยวก่อน! 'คุณโรนัลโด้'เองก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน เชือดเฉือนแบบนิ่มๆ แต่ทำให้คนฟังอึ้ง(และคาดว่าคงจะผิดหวังอยู่เหมือนกัน)ได้ แม้แต่จะขึ้นไปหาพื้นที่ส่วนตัว //ชอบศัพท์คำนี้จริงๆ//ก็ยังเจอกันจนได้ ช่างบังเอิญ(?)เสียเหลือเกิน

แก๊งโจรอ่านแล้วชอบค่ะ ขำดี มีคนมาคอยสร้างสีสันอยู่เรื่อยๆ บทสนทนาที่พูดกันฮามากค่ะ เรียกได้ว่าฟิคเรื่องนี้คงจะมีครบทุกรสชาติเชียวล่ะ แปลกใหม่และน่าสนใจจริงๆ รออ่านต่อด้วยใจจดจ่อเช่นเคย อิอิ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อร๊ายยยยไรท์วางยารีดขั้นรุนเเรงเลยนะเนี่ย!!!
เรื่องนี้อ่านไปยิ้มไปเขินไป555
เฮียก็วางมาดซะพูดดีดีกับเหมียวหน่อยก็ไม่ได้
เหมียวเรานี่ก็ขยันกลัวจริงจริ๊ง.....กลัวหมดที่สูงที่มืดที่แคบจะกลัวอะไรอีกมั้ยนี่ ทำตัวน่ารักเกินไปแล้วนะ ฝากไรท์บอกเฮียให้จัดเต็มเลยนะ
โอ้ยยยยยอยากอ่านอีกอ่ะไรท์มาต่อไวไวเลยนะ
อย่าให้รีดรอนานเดี๋ยวคลั่งตายกันพอดี^3^
Gingaksorn