วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[SF – The Amazing Spiderman2]+[Prat 1] In The Dream– Peter x Harry



กลับมาแล้วค๊าาาา  กลับมาแล้ววววว >[]<!!!  กรี๊ดสะนั่นจริงๆ ค่ะ  เพราะเค้ากลับมาพร้อมกับภาคของความอิโรติกสุดร้อนแรงของ It’s you be over her >0<!!!!  ต้องขอบอกก่อนเลยว่า ฟินค้างอีกแล้วค่ะ ณ จุดๆ นี้   ถ้าโซเดมาคอมกันเสร็จแล้วก็ออกไปเฉยๆ มันก็ดูเหมือนจะไม่มีเยื่อใยสักหน่อยสำหรับเรา แต่ที่รีบจบเรื่องนั้นเพราะกลัวว่ามันจะยาวค่ะ -_-“

แต่ที่ไหนได้!!!!!  แกดันมาต่อเรื่องนี้อีกเป็นภาคต่อ  ไม่จบไม่สิ้นจริงๆเลยนะ Ray – Aund -_-* 5555 ก็งี้แหละค่ะ  ความฟินมันไม่เคยเข้าใครออกใครง่ายๆ พอมันมาแล้วไม่ได้ระบายออกก็ติดค้างไว้อยู่อย่างนั้นแหละค่ะ เลยต้องเขียน

ในเรื่องนี้ไม่ได้อิโรติกติดเรท NC 18+ เมื่อตอนเรื่องแรกหรอกนะค่ะ  แต่เป็นตอนที่หลังจากนั้นค่ะ – นู๋แฮร์รี่เค้าลุกไม่ขึ้นอ่ะ – ปีเตอร์จัดเต็มสุดยอดเลยอ่ะ 555

มันออกจะติดดราม่าแบบ.......พูดถึงปมของแฮร์รี่ค่ะ เค้าไม่มีใครเลยนอกจากเพื่อนซี้เพียงคนเดียวของเค้า

อยากให้ทุกท่านได้ลองอ่านกันนะค่ะ  สงสารหนูแฮร์รี่จับใจ TT_TT  และอีกอย่างหนึ่งที่ Ray ไม่เข้าใจตัวเองก็คือ ทำไมเอ็งชอบให้เคะเค้ามีปมและเจ็บปวดมากถึงเพียงนี้นะ  ไม่วาดคาแรกเตอร์ใหม่ๆ ให้พวกเค้าบ้างล่ะ.............ไม่เชื่อลองไปเปิดอ่านเลยนะค่ะ ว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ  ชอบนักแล เห็นเคะน่าสงสารเนี่ย อีกเรื่องหนึ่งที่แต่งอยู่ก็แบบเนี๊ยะ  เคะมีปม น้อยใจ เจ็บปวด โดนพ่อทอดทิ้ง แม่หายหน้า ไม่มีใครมองว่าสำคัญ .........อะ เอ๊ยยย!! เอาอีกแล้ว  แกจะปากรั่วทำบ้าอะไรฟะเนี่ยยย!!.............โอ่ย ไม่ไหวจะเคลียร์กะตัวเองแล้วค่ะ  พอเหอะ

ปล. ต้องขออภัยอย่างสูงเพราะโซฟาที่แฮร์รี่ถูกขืนใจน่ะมัน เค้าเข้าใจผิดนึกว่าเป็นตัวที่อยู่ข้างหลังสไปดี้  แต่จริงๆ แล้วมันเป็นตัวที่อยู่ข้างๆ แฮร์รี่นั่นเองค่ะ


 ตัวนี้นี่แหละค่ะ ทางขาวมือของทุกท่าน  โอ้ สุมิมาเซ็งค่า M_ _M

และท่านใดที่เข้ามาเยี่ยมชมหรือเพิ่งอ่านเรื่องนี้  เราก็มีเรื่องเริ่มแรกให้อ่านกันก่อนนะค่ะ จะได้เข้าใจมากขึ้นค่ะ จิ้มโล้ด >>[SF – The Amazing Spiderman2] It’s you be over her – Peter x Harry<<



---------------------------------------------------------------------------------------



แสงอาทิตย์ยามสายแก่ๆ ของเมืองนิวยอร์กทาวส์สาดส่องเข้ามาทางช่องหน้าต่างนับสิบบานของห้อง CEO คนปัจจุบันแห่งบริษัทออสคอร์ป

ทว่าร่างของเจ้าของห้องนั้น ก็ยังคงนอนแน่นิ่งไม่ทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาต้อนรับยามสายอันสดใสของวันแต่อย่างใด  ร่างบอบบางตัวเล็กจ่อยซึ่งกำลังนอนห่มเสื้อโค้ตตัวหนานุ่มและอบอุ่นอยู่นั้นยังคงหลับตาพริ้มเหมือนเหน็ดเหนื่อยมาเป็นเวลาแรมวัน และเพิ่งได้พักผ่อนเสียที  หรือที่เจ้าตัวไม่ยอมตื่นอาจเป็นเพราะทิศทางในการนอนของเค้า ซึ่งเหมือนมีคนจัดท่าทางให้ซะดิบดี จึงอยู่ห่างไกลจากแสงที่สาดส่องเข้ามาพอดี เลยไม่มีอะไรมาคอยกวนใจให้เค้าตื่น...............

.................วันนี้วันจันทร์  แต่แฮร์รี่   ออสบอร์นไม่ยอมไปทำงาน.............

.............ไม่ใช่ว่าไม่อยากไป หรือขี้เกียจหรอกนะ............

..............แต่เป็นเพราะเมื่อวานเหนื่อยมากๆ...............

................เหนื่อยมากจริงๆ  สาบานได้ ตั้งแต่เกิดมา แฮร์รี่   ออสบอร์นไม่เคยเหนื่อยแบบนี้มาก่อนในชีวิต............

..............กระทั่งเพื่อนสนิทของเค้าเข้ามา และออกไป.........

.............ใช่  อาจจะ  แค่อาจจะ ถ้าเค้าไม่คิดจะเดินกลับมาซะก่อนน่ะนะ.................

................แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมากจนตัวแฮร์รี่เองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน............

..............และท้ายที่สุดก็สลบไป...........

.............เหนื่อย  ไม่ไหวแล้ว..........

.............เหนื่อยจนไม่รู้เลยว่าตอนนี้มันเวลาอะไร  และตัวเค้าเองหลับมานานแค่ไหน...........

...........เรื่องบริษัทเอาไว้ก่อน  เข้าสายนิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง?..............

            ............ตอนนี้ขอพักสักหน่อยหนึ่งก่อนเถอะ..............

            .................................................

นั้นเป็นความคิดสุดท้ายก่อนคุณออสบอร์นจะเข้าสู่ห้วงนิทราหลังจากรู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืดซึ่งแสงเริ่มเรืองรองออกมาจากขอบท้องฟ้าแล้ว และผล็อยหลับลงอีกครั้ง

จนกระทั่งมาถึงตอนนี้  ร่างเล็กแสนบอบบางก็ยังคงจมดิ่งสู่ห่วงแห่งความมืดมิด  และไม่รู้สึกถึงแสงอรุณรุ่งที่สาดเข้ามาให้ความสว่างในห้องเลยแม้แต่น้อย

“คุณออสบอร์นค่ะ......คุณออสบอร์น” จู่ๆ เสียงจากอิเตอร์โฟนที่หน้าประตูห้องก็ดังขึ้น

“คุณออสบอร์น  ฉันเองค่ะ....วันนี้คุณไม่เข้าบริษัท ไม่ทราบว่าเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ......คุณออสบอร์น...” เลขาคนสนิทกดอินเตอร์โฟนแล้วกรอกเสียงเรียกชื่ออีกคนซ้ำไปมาแต่ทว่าไม่ได้เสียงตอบรับกลับมาแต่อย่างใด

........หรือเค้าอาจจะอยากนอนตื่นสายก็ได้ ใครจะไปรู้  อายุยังน้อยแต่เล่นกระดกเหล่าเป็นขวดแบบนั้น เรื่องส่ำมะเลเละเทะอย่างอื่นก็คงจะไม่เว้นหรอกล่ะมั่ง.........

 ซึ่งว่าตามพื้นฐานแล้วคนเป็นเลขาอย่างเธอ ถูกจ้างมาเพื่อให้เป็นเสมือนแขนขาของนายจ้าง  แต่นายจ้างไม่มาทำงานทั้งๆ ที่ไม่ได้บอกกล่าวเช่นนี้  ก็เป็นหน้าที่ของเธออีกเช่นกันที่ต้องลำบากฝ่ารถติด ถ่อมาถึงอพารท์เมนท์สุดหรูของเจ้านาย เพียงเพื่อมาถามเค้าว่าเป็นอะไรกันแน่ทำไม่ถึงยอมไม่รับโทรศัพท์ แล้วทำไมถึงไม่มาทำงาน!

“เออ ฉันเข้าไปนะค่ะ”ในเมื่อเธอทนยืนกดอินเตอร์โฟนต่อไปไม่ไหวแล้ว ก็เลยขออนุญาตแบบง่ายๆ แล้วพลีพลามเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที

ก้าวแรกเมื่อเธอเข้าไปพบว่าภายในห้องว่างเปล่า  ไร้วี่แววของผู้อยู่อาศัย  ชั้นวางของไม่มีสิ่งของและขวดเหล่าใบเปล่าวางอยู่ระเกะระกะเหมือนเคย และโต๊ะกลางห้องก็ไม่รกและมีขยะเยอะเหมือนอย่างเคยอีกเช่นกัน

.........บางที เค้าอาจไม่อยู่นี่ก็ได้........เธอคิด และนึกขุ่นใจขึ้นมาอยู่ไม่น้อยที่ความพยายามของเธอกลับเสียเปล่า

ในที่นี้ไม่มีใคร  แล้วฉันมาหาใครกันเนี่ย!!  เธอกดด่าอีกเล็กน้อยในใจ  พลางเดินกระทืบเท้าไปรอบห้องอย่างสำรวจตรวจตรา

อืม....ที่นี้ก็มีแต่ของดีๆ เหมือนกันแฮะ.......เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ และสายตาของเธอก็พลันเหล่ไปอีกทางหนึ่งจนพบกับสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจยิ่ง.........ว้าย รูปภาพวิคตอเรีย ปี 1970!

แล้วหญิงสาวก็ก้าวเท้ายาวๆ ไปยังอีกมุมหนึ่งของห้องเพื่อชื่นชมงานศิลปะหายากที่เธอสนใจมานาน ......ที่แท้คนรวยๆ พวกนี้ก็แอบเก็บผลงานล่ำค่ามาไว้ให้ฝุ่นจับเล่นๆ นี่เอง........แต่ด้วยความซุ่มซ่ามหรือเพราะการวางตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องของโต๊ะวางของหรืออย่างไรไม่ทราบ ทำให้เธอเตะเข้ากับมันอย่างเต็มรัก

“อู๊ยยยย บ้าเอ้ย....นี่มันอะไรกันเนี่ย  โอ๊ย ไอ้โต๊ะบ้า” แล้วเธอก็รู้ว่า เธอเริ่มจำไม่ได้แล้วว่ากดด่าเป็นรอบที่เท่าไรแล้วของวันนี้  หญิงสาวคลั่งงานศิลปะซึ่งเริ่มอารมณ์เสียทำท่าจะถีบโต๊ะออกไปให้พ้นและขยายทางให้กว้างขึ้น  ก็หันไปด้านข้างซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลเลย อยู่ห่างจากเธอไปไม่ถึงสิบเซนเท่านั้นเอง

“อุ๊ยตายแล้ว....คุณออสบอร์น” เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่เห็นเจ้านายตัวเองนอนหลับลึกอยู่บนโซฟาข้างๆ ขาของเธอ  แต่เธอก็ยังมีความสามรถมากพอที่จะระงับสติตัวเองไม่ตะเบ็งเสียงออกมาจนเค้าตื่นได้

และในขณะนั้นเองที่เจ้าของสถานที่เริ่มขยับตัวเพื่อเปลี่ยนท่า  แต่การกระทำนั้นทำให้อีกคนหนึ่งเข้าใจผิดคิดไปว่าเค้ากำลังจะตื่น

ตายแล้ว  ถ้าเค้ารู้ว่าฉันแอบมาเดินชมของในบ้านเค้าแทนที่จะมาปลุกเค้าไปทำงานแบบนี้ล่ะก็ ฉันต้องโดนแม้งแน่ๆ เลย...........แล้วก็ไวป่านใจคิด เธอกระแอ่มไอเสียงดัง และพูดขึ้นซึ่งดังยิ่งกว่า

“อะแฮ่ม......คุณออสบอร์น!” พลางดึงเสื้อแสงให้ตึงเรียบ และก้าวเดินออกมาห่างจากนายจ้างอายุน้อย

ส่วนอีกคนหนึ่งที่ไม่มีความต้องการอยากจะตื่น ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงที่ดังแทรกโสตประสาทเมื่อครู่นี้ (ทำเอาเค้าขวัญเสียไปเลย)

แพขนตายาวยกตัวขึ้นมาอย่างยากลำบากเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า  เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างราวอัญมณีล่ำค่าหาที่ติไม่ได้ แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นช่างดูอ่อนล้าเหลือเกิน

แฮร์รี่ลืมตาขึ้นมาไม่เต็มหน่วยนักเพราะไม่มีแรง เค้ายังคงนอนอยู่ท่าเดิมและไม่ขยับตัวไปไหนเลย  พลางเพ่งมองไปที่ผู้มาใหม่อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงฟังดูอ่อนแรงยิ่งนัก จนกลัวว่าฝ่ายนั้นจะไม่สบายขึ้นมา “คุณ....อืม  คุณเองหรือ”

“ค ค่ะ  ใช่ค่ะ ดิฉันเอง....” เธอยิ้มแห้งๆ จนออกเฟื่อน

แฮร์รี่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา

“เอ่อ....ไม่ทราบว่าคุณไม่สบายรึเปล่าค่ะถึงไม่เข้าบริษัท  เมื่อชั่วโมงที่แล้วฉันโทรมาแต่คุณไม่ได้รับโทรศัพท์ก็เลยเข้ามาหาคุณที่นี่....ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ”

“ออ  อืม.....คงงั้นมั่ง  อา โทษทีนะผมลุก...เออ  ปวดหัวมากเลยน่ะ  เลยไม่ได้เข้าไป” แฮร์รี่ตอบแบบไม่ค่อยมีสตินัก และเสียงเค้าเบาหวิวติดแหบพร่าจนอาการดูน่าเป็นห่วง

“อ๋อ....ถ้างั้นไม่เป็นไรค่ะ  ฉันจะบอกคนอื่นๆ ให้นะค่ะว่าวันนี้คุณไม่เข้าบริษัท  คุณจะได้พักผ่อนเสียที....ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว  พักผ่อนเถอะค่ะ...”

“เออ เดี๋ยวก่อนสิ....อ๊ะ” ร่างบางที่นอนอยู่ทำท่าจะเกร็งตัวเพื่อลุกขึ้น  แต่ความปวดร้าวก็แล่นแปล็บเข้ามาทางสะโพกทำให้เค้าหยุดชะงักทันที

เธอหยุดด้วยเช่นกัน.........อะไรอีกล่ะ.........!

“คุณช่วยหยิบเสื้อทางนั้นมาให้ผมหน่อยได้ไหม...” แฮร์รี่เพยิดหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งของห้องอย่างอ่อนแรงอีกเช่นเคย  แต่คนที่อารมณ์เริ่มเคืองขุ่นก็จำใจเดินข้ามห้องไปอีกรอบเพื่อไปหยิบสิ่งที่เจ้านายต้องการมาให้อย่างนึกไม่พอใจ  แล้วเธอก็พุ่งออกประตูไปเลยอย่างรวดเร็วและรุนแรงพร้อมกับคำงึมงำอะไรบ้างอย่าง

ปัง!!

แฮร์รี่สะดุ้งอีกรอบ  ก่อนจะค่อยๆ รั้งตัวเองขึ้นมานั่งอย่างยากลำบาก  ทั้งความเจ็บปวดที่แล่นริ้วเข้ามาทั้งตัว แต่ที่หนักสุดรู้สึกจะเป็นตรงสะโพก  ร่างเล็กบางทำหน้าเหยเกเหมือนโดนแทงแล้วใช้แขนเกี่ยวขอบโซฟาไว้  เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่ปกคลุมเรือนกายช่วงบนของเค้าร่นลงมาที่หน้าตัก เผยให้เห็นลาดไหล่และแผ่นอกบางสีน้ำนมนวลตา ซึ่งถูกแต่งแต้มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบช่ำๆ เต็มเรือนร่างของเค้าไปหมด

ชายหนุ่มตัวน้อยตกใจในคราแรก เมื่อไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นนี้จะมากมายเกินกว่าเค้าจะคิดได้

“โอ้  พระเจ้า...โอ๊ย” แต่ไม่ทันไรที่ยกแขนขึ้นเพื่อจะสวมเสื้อ  ส่วนของร่างกายที่สัมพันธ์กันก็ทำให้เค้าต้องค้างกะทันหันราวกับโดนไฟช็อต  ความรู้สึกนั้นแล่นริ้วมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมาพร้อมกับของเหลวอุ่นๆ ที่ไหลย้อนออกมาจากช่องทางของเค้าด้วย   แฮร์รี่ขนลุกเกรียวจนเกร็งไปทั้งตัว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันรู้สึกแย่เพียงใดที่ต้องรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมพร้อมกับความเจ็บปวดที่พุ่งเข้ามาในเวลาเดียวกัน  และใช้เวลานานมากๆ เลยทีเดียวกว่าเค้าจะสวมเสื้อเพียงตัวเดียวเสร็จ

อา ค่อยสภาพเหมือนคนปรกติขึ้นมาหน่อย.......ร่างน้อยถอนหายใจออกมาเบาๆ และสายตาเจ้ากรรมก็ดันไปสะดุดเข้ากับเสื้อโค้ทไร้เจ้าของซึ่งกองอยู่บนตักของเค้าเอง

.....ปีเตอร์

จู่ๆ ชื่อของเพื่อนสนิทก็โผล่มาในหัวของเค้า.......ภาพสุดท้ายของปีเตอร์ก่อนออกไป เค้ายังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ.......

.........ปีเตอร์ออกไปด้วยสีหน้าแบบไหนกันนะ?.........

.........แล้วเค้า......อึก

แฮร์รี่ขย้ำเสื้อโค้ทของเพื่อนไว้แน่น เมื่อเริ่มโต้แย้งกับความคิดของตัวเอง  อีกใจหนึ่งก็คิดว่าปีเตอร์คงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่อีกใจก็คิดไปเป็นอีกอย่าง  แฮร์รี่ไม่อยากที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง เค้าจึงพยายามอย่างหนักเพื่อยุติความคิดของตัวเอง

เค้าขยุ้มหัวตัวเอง “ไม่หรอกน่า....มันไม่ใช่ ปีเตอร์ก็แค่สมเพชนายที่มันไม่ได้เรื่อง  ไม่เป็นอะไรอยู่แล้วถ้านายจะโดนแบบนี้....ไม่มีใครสนใจหรอกน่า...” ประโยคสุดท้ายเสียงที่ดังโหวกเหวกเมื่อครู่ กลับกลายเป็นเสียงสั่นเครือและร้องไห้ในที่สุด 

.............พ่อที่เพิ่งเสียไปทอดทิ้งเค้าทั้งชีวิต และทิ้งบริษัทขนาดใหญ่ไว้ให้เป็นมรดกโดยที่ไม่ถามความสมัครใจของเค้าเลยสักคำ.........

 ทุกหนทางของเค้ามืดมิดไปหมด ไม่รู้จะหันไปหาใคร มีแต่คนที่จ้องจะฮุบเก้าอี้ของเค้า.....ไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น.....แต่จะเป็นอะไรไปล่ะ  ในเมื่อเค้าเองก็ไม่ต้องการสิ่งนี้อยู่แล้ว มันไม่ใช่บริษัทที่เค้าสร้างขึ้นมาเองกับมือนี่นา

“.....ผมไม่ต้องการมัน” สิ่งที่แฮร์รี่  ออสบอร์นต้องการ คือความรัก...และความห่วงใยจากพ่อ  ที่เค้าไม่เคยได้รับมันเลยตลอดชีวิต

“....ที่พ่อพูดมามันไม่จริง...ไม่จริง....อึก  ผมเกลียดพ่อ...” แฮร์รี่พิงแผ่นหลังกับพนักโซฟาอย่างหมดแรง  ดวงตาสีฟ้าหม่นหมองถูกคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาจนมันเอ่อล้นออกมาอาบเต็มใบหน้าหวาน แต่ทว่าเศร้าหมองยิ่งนักในเวลานี้

“ที่พ่อบอกทำเพื่อผม....มันไม่ใช่สักนิดเดียว  พ่อให้ผมแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างอาไว้คนเดียว......ไม่มีใครเลยที่อยู่ข้างผม  ไม่มีเลย  แม้แต่พ่อ.......” แฮร์รี่เอนตัว  ก้มหน้าซบกับขอบโซฟา

...........พ่อไม่รู้หรอกว่าวันแรกที่เค้ารับตำแหน่งซึ่งต้องดูแลรักษาบริหารบริษัทนี้มันแย่แค่ไหน........

.........พวกตาลุงแก่ๆ พวกนั้นมองเค้าด้วยสายตายังไง  รวมทั้งคนอื่นๆ ที่ไม่เชื่อถือเค้าด้วย.........

นายมันก็แค่เด็กอมมือ ที่มีบริษัทใหญ่ไว้เป็นของเล่นในมือก็เท่านั้น เชื่อได้เลย  สายตาทุกคนบอกอย่างนั้น  มันบอกถึงความไม่เชื่อมั่นในตัวเค้า........อย่างที่พ่อเคยเป็น

...........จนกระทั่งปีเตอร์เข้ามา  มาหาเค้า  และถามว่าเค้าเป็นอย่างไรบ้าง  เสียใจด้วยเรื่องพ่อของเค้า  วินาทีนั้นแฮร์รี่สั่นไปทั้งตัว  ไม่ใช่เพียงเพราะได้พบเพื่อนรักที่ไม่เห็นหน้ากันนาน แต่เป็นเพราะความห่วงใยที่อีกคนมีให้  ไม่เคยมีใครถามเค้าแบบนี้นานแล้ว  นานมากๆ แล้ว........

และพอปีเตอร์พูดว่า ฉันแวะมาดู เพราะฉันเป็นห่วงนาย แฮร์รี่ก็หัวใจหยุดเต้น และต่อมามันก็เต้นรัวเร็วจนไม่เป็นจังหวะ จนเค้าเองก็กลัวไปว่าเพื่อนของเค้าจะได้ยินมันรึเปล่า..........ปีเตอร์พูดคำนั้นราวกับว่าเค้าพูดมันเกือบทุกวัน...........เป็นคำที่น่าฟังสำหรับแฮร์รี่


ฉันไม่คิดว่าจะมีคน เป็นห่วงฉันด้วย  จนนายเข้ามาและทำให้ฉันลืมเรื่องน่าปวดหัวไปจนหมดสิ้น เสียงหัวเราะของนายทำให้ฉันคิดถึงตอนที่เรายังเป็นเด็กๆ เล่นสนุกด้วยกันทั้งวัน  มีแต่เรื่องน่าตื่นเต้นรอให้เราค้นหา

ตอนที่พบปีเตอร์ครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี  แฮร์รี่ระบายยิ้มออกมาอย่างปลื้มปิติ  คนตรงหน้าเค้าในตอนนั้นคือคนที่ทำให้เค้ารู้สึกมีความสุขได้เพียงคนเดียวในชีวิต  การพบปีเตอร์ทำให้เค้าลืมเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างไปเลย

ปีเตอร์เปรียบเสมือนประตูที่เปิดอยู่เพียงบานเดียวของเค้า  มีแสงสาดส่องลอดออกมาจากรอยแง้มของประตู ท่ามกลางความมืดมิดที่มองอะไรไม่เห็น  ประตูนั้นรอให้แฮร์รี่เปิดและเดินเข้าไปสู่แสงสว่าง

แต่เค้ากลับยังไม่ได้เปิดมันซะก่อน............

............ปีเตอร์เปรียบเสมือนสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเค้าก็จริง  แต่สิ่งที่ปีเตอร์เพิ่งกระทำลงไปมันหมายความว่ายังไง  แฮร์รี่ไม่เข้าใจและรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก  และตอนนี้เค้ากำลังจะตาย........

ถ้าเป็นไปได้เค้าอยากอยู่ต่อ  เพื่อเปิดประตูบานนั้น และถามถึงสาเหตุของสิ่งที่เพื่อนร่างสูงของเค้าได้กระทำลงไป.......

ใช่แล้ว  แฮร์รี่อยากอยู่ต่อเพื่อปีเตอร์  แม้มันจะไม่ได้หมายความว่าเค้าจะได้เป็นคนสำคัญของเพื่อนก็ตาม แต่ก็ยังอยากอยู่......เพื่อได้ยินเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของอีกคน ที่เค้าเองก็ชอบทำตามบ่อยๆ

“.....ปีเตอร์.....พีท” น้ำตาสายใหญ่ไหลทะลักออกมาจากดวงตาคู่สวยอีกครั้ง  เมื่อความรู้สึกเค้ามันบอกว่าโอกาสที่ตัวเองจะรอดมันริบหรี่เพียงใด.............

จะไม่ได้อยู่เคียงข้างกับปีเตอร์อีกแล้ว  เค้าคงจะต้องตายอย่างโดดเดี่ยวเหมือนพ่อของเค้า

แฮร์รี่ร้องไห้นัก และล้มตัวลงนอนกับเบาะหนานุ่มอีกครั้ง  เค้าร้องไห้และไอออกมาอย่างน่าสงสาร นอนขดตัวอยู่บนโซฟาตัวเมื่อคืนที่เรื่องราวแสนสำคัญได้เกิดขึ้น  และกอดเสื้อโค้ตตัวนั้น สิ่งของเพียงชิ้นเดียวของปีเตอร์ที่เค้ามีอยู่  จนกระทั่งความเหนื่อยล้าจากการร้องไห้เข้ามาฉุดดึงให้เค้าดิ่งลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง


........................................................................


..........แฮร์รี่หลับไปแล้ว  อา เค้าทนดูอยู่ได้ยังไงกันนะ..........

ร่างแกร่งของ สไปเดอร์แมน ซึ่งซ่อนกายอยู่ด้านบนของห้องกำลังมองดูทุกกิริยาของร่างบางตัวน้อยๆ จนกระทั่งเจ้าตัวได้หลับลงไปอีกครั้ง

.

.

.

.

TBC.


--------------------------------------------------------------------------------------


โอ้  แฮร์รี่ ------- อย่าคิดเพิ่งเช่นนั้นสิ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้

แล้วนังเลขานั่นมีชื่อว่าอะไรนะ.....เก๊าจำไม่ได้อ่ะ -..- กลายเป็นบุคคลนิรนามในฟิคของเราไปเรียบร้อยแล้วล่ะหนา   แต่ก็ช่างเถิด นางเป็นแค่ตัวประกอบ มิได้มีความสำคัญแต่อย่างใดอย่าไปเมี่ยงมองนางมากนักเลย  สิ่งที่น่ามองยิ่งคือคู่พระ – นาย และตอนต่อไปต่างหากของเราเล่าาา - !  

ไปไงต่อว่ะ >>> ถามตัวเอง

จ๊ากกกกกกกกกกก!! ปีเตอร์พูดไรดี  ไม่สิ ไม่! ห้ามพูดเดี๋ยวแฮร์รี่ตื่น........

โอ่ยยย ไปตายให้หนอนแหลกไป Ray – Aund -_-“  ไม่ค่อยจะโอเคนะเราน่ะ ไปหลังคาแดงก่อนไปแล้วค่อยมาใหม่

ไปก่อนนะค่ะ  ต้องขอตัวไปจูนตัวเองก่อน ณ จุดๆ นี้  เอื้อออออออออ >> ตายแบบพันธมิตร

ใครคิดถึงหรืออยากตามความกว้าหน้าของเราก็จิ้มและมาเป็นเพื่อนกันได้เลยค่ะที่ >>แฟนฟิค ฮอลลี้วู้ด<<



1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

อร้ายยยย มาแล้วค่าาาาา ก่อนอื่นต้องขออภัยที่มาอ่านช้าไป ฮึกๆ T^T...

- เห็นด้วยอย่างแรงว่าตาของตัวเล็กสวยมากกกก โดยเฉพาะสีตา... แบบเห็นครั้งแรกนี่แทบลงไปกราบเพราะสีตาเลยนะ ถวายชีวิตเลยนะเออ... แพ้เคะตาสวยค่ะ... ตอนที่บอกว่า "ดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างราวอัญมณีล่ำค่า" อะค่ะ เหมือนจริงๆ นะ สีเหมือนไพลินเลยค่ะ แบบ...Blue Sky Sapphire มากค่ะ เหมือนนางเอกอนิเมะเรื่อง Mai-Otome เลย *///*

- เลขาคนนั้นชื่อ เฟลิเชีย ค่ะ ในฟิคนี้เธอดูน่าจับเข้าคอร์สอบรมณ์มารยาทต่อหน้าเจ้านายบ้างก็ดีนะคjะ ^^* ยิ่งเห็นสภาพตัวเล็กแบบนั้นแล้วคุณนางเลขาเธอทำกริยาแบบนั้นนี่อยากจับเธอเขย่าไหลแล้วด่ามาก... ชริ!

- เฮ้ย! พีท...แกน่ะ... ถ้าเกาะเพดานบ้านชั้นนะ แม่จะพ่นไบร์กอนให้ซะหรอก... มาดูเค้า แต่ไม่คิดจะเข้าไปปลอบหรือรับผิดชอบอะไรเลยนะ... ปล่อยให้คุณหนูเล็ก(นี่กลายเป็นอย่าลืมฉันไปแล้ว?) ร้องไห้ฮึกๆ จนหลับไปอีกรอบแบบนั้นได้ไง *ถือไม้กวาดไล่กวักปีเตอร์อย่าบ้าคลั่ง* เคืองนะคะ เคือง -_-* ลงมาแล้วมาปลอบคุณหนูเล็กซะ

- หนูเล็กของแม่ T[]T!!!! อย่านะลูก หนูอย่าคิดแบบนั้น อย่ามองโลกในแง่ร้ายเช่นนั้นสิคะลูก สปีชีส์สตรีเชื้อชาติชะนีอย่างพวกแม่ยังอยู่กับหนูเสมอนะค่ะ เพราะพวกแม่จะ I'm with you till the end of the line... นะคะ (สตีฟมาตามเก็บค่าลิขสิทธิ์)

ปล.เราเปลี่ยนมาเรียกตัวเล็กว่า "คุณหนูเล็ก" กันดีกว่าค่ะ *0* แอ้ก!*โดนถีบ*

สุดท้ายนี้รักไรท์เตอร์ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ และอยากจะบอกกับไรท์เตอร์เช่นกันว่า "I'm with you till the end of the fiction" ค่ะ >3<;;