กลับมาแล้วค๊าาาา กลับมาแล้ววววว >[]<!!! กรี๊ดสะนั่นจริงๆ ค่ะ เพราะเค้ากลับมาพร้อมกับภาคของความอิโรติกสุดร้อนแรงของ It’s you be over her >0<!!!! ต้องขอบอกก่อนเลยว่า ฟินค้างอีกแล้วค่ะ ณ จุดๆ นี้ ถ้าโซเดมาคอมกันเสร็จแล้วก็ออกไปเฉยๆ มันก็ดูเหมือนจะไม่มีเยื่อใยสักหน่อยสำหรับเรา แต่ที่รีบจบเรื่องนั้นเพราะกลัวว่ามันจะยาวค่ะ -_-“
แต่ที่ไหนได้!!!!! แกดันมาต่อเรื่องนี้อีกเป็นภาคต่อ ไม่จบไม่สิ้นจริงๆเลยนะ Ray – Aund -_-* 5555 ก็งี้แหละค่ะ ความฟินมันไม่เคยเข้าใครออกใครง่ายๆ พอมันมาแล้วไม่ได้ระบายออกก็ติดค้างไว้อยู่อย่างนั้นแหละค่ะ เลยต้องเขียน
ในเรื่องนี้ไม่ได้อิโรติกติดเรท NC 18+ เมื่อตอนเรื่องแรกหรอกนะค่ะ แต่เป็นตอนที่หลังจากนั้นค่ะ – นู๋แฮร์รี่เค้าลุกไม่ขึ้นอ่ะ – ปีเตอร์จัดเต็มสุดยอดเลยอ่ะ 555
มันออกจะติดดราม่าแบบ.......พูดถึงปมของแฮร์รี่ค่ะ เค้าไม่มีใครเลยนอกจากเพื่อนซี้เพียงคนเดียวของเค้า
อยากให้ทุกท่านได้ลองอ่านกันนะค่ะ สงสารหนูแฮร์รี่จับใจ TT_TT และอีกอย่างหนึ่งที่ Ray ไม่เข้าใจตัวเองก็คือ ทำไมเอ็งชอบให้เคะเค้ามีปมและเจ็บปวดมากถึงเพียงนี้นะ ไม่วาดคาแรกเตอร์ใหม่ๆ ให้พวกเค้าบ้างล่ะ.............ไม่เชื่อลองไปเปิดอ่านเลยนะค่ะ ว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ ชอบนักแล เห็นเคะน่าสงสารเนี่ย อีกเรื่องหนึ่งที่แต่งอยู่ก็แบบเนี๊ยะ เคะมีปม น้อยใจ เจ็บปวด โดนพ่อทอดทิ้ง แม่หายหน้า ไม่มีใครมองว่าสำคัญ .........อะ เอ๊ยยย!! เอาอีกแล้ว แกจะปากรั่วทำบ้าอะไรฟะเนี่ยยย!!.............โอ่ย ไม่ไหวจะเคลียร์กะตัวเองแล้วค่ะ พอเหอะ
ปล. ต้องขออภัยอย่างสูงเพราะโซฟาที่แฮร์รี่ถูกขืนใจน่ะมัน เค้าเข้าใจผิดนึกว่าเป็นตัวที่อยู่ข้างหลังสไปดี้ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นตัวที่อยู่ข้างๆ แฮร์รี่นั่นเองค่ะ
ตัวนี้นี่แหละค่ะ ทางขาวมือของทุกท่าน โอ้ สุมิมาเซ็งค่า M_ _M
และท่านใดที่เข้ามาเยี่ยมชมหรือเพิ่งอ่านเรื่องนี้ เราก็มีเรื่องเริ่มแรกให้อ่านกันก่อนนะค่ะ จะได้เข้าใจมากขึ้นค่ะ จิ้มโล้ด >>[SF – The Amazing Spiderman2] It’s you be over her – Peter x Harry<<
---------------------------------------------------------------------------------------
แสงอาทิตย์ยามสายแก่ๆ ของเมืองนิวยอร์กทาวส์สาดส่องเข้ามาทางช่องหน้าต่างนับสิบบานของห้อง CEO คนปัจจุบันแห่งบริษัท‘ออสคอร์ป’
ทว่าร่างของเจ้าของห้องนั้น ก็ยังคงนอนแน่นิ่งไม่ทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาต้อนรับยามสายอันสดใสของวันแต่อย่างใด ร่างบอบบางตัวเล็กจ่อยซึ่งกำลังนอนห่มเสื้อโค้ตตัวหนานุ่มและอบอุ่นอยู่นั้นยังคงหลับตาพริ้มเหมือนเหน็ดเหนื่อยมาเป็นเวลาแรมวัน และเพิ่งได้พักผ่อนเสียที หรือที่เจ้าตัวไม่ยอมตื่นอาจเป็นเพราะทิศทางในการนอนของเค้า ซึ่งเหมือนมีคนจัดท่าทางให้ซะดิบดี จึงอยู่ห่างไกลจากแสงที่สาดส่องเข้ามาพอดี เลยไม่มีอะไรมาคอยกวนใจให้เค้าตื่น...............
.................วันนี้วันจันทร์ แต่แฮร์รี่ ออสบอร์นไม่ยอมไปทำงาน.............
.............ไม่ใช่ว่าไม่อยากไป หรือขี้เกียจหรอกนะ............
..............แต่เป็นเพราะเมื่อวานเหนื่อยมากๆ...............
................เหนื่อยมากจริงๆ สาบานได้ ตั้งแต่เกิดมา แฮร์รี่ ออสบอร์นไม่เคยเหนื่อยแบบนี้มาก่อนในชีวิต............
..............กระทั่งเพื่อนสนิทของเค้าเข้ามา และออกไป.........
.............ใช่ อาจจะ แค่อาจจะ ถ้าเค้าไม่คิดจะเดินกลับมาซะก่อนน่ะนะ.................
................แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมากจนตัวแฮร์รี่เองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน............
..............และท้ายที่สุดก็สลบไป...........
.............เหนื่อย ไม่ไหวแล้ว..........
.............เหนื่อยจนไม่รู้เลยว่าตอนนี้มันเวลาอะไร และตัวเค้าเองหลับมานานแค่ไหน...........
...........เรื่องบริษัทเอาไว้ก่อน เข้าสายนิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง?..............
............ตอนนี้ขอพักสักหน่อยหนึ่งก่อนเถอะ..............
.................................................
นั้นเป็นความคิดสุดท้ายก่อนคุณออสบอร์นจะเข้าสู่ห้วงนิทราหลังจากรู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืดซึ่งแสงเริ่มเรืองรองออกมาจากขอบท้องฟ้าแล้ว และผล็อยหลับลงอีกครั้ง
จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ร่างเล็กแสนบอบบางก็ยังคงจมดิ่งสู่ห่วงแห่งความมืดมิด และไม่รู้สึกถึงแสงอรุณรุ่งที่สาดเข้ามาให้ความสว่างในห้องเลยแม้แต่น้อย
“คุณออสบอร์นค่ะ......คุณออสบอร์น” จู่ๆ เสียงจากอิเตอร์โฟนที่หน้าประตูห้องก็ดังขึ้น
“คุณออสบอร์น ฉันเองค่ะ....วันนี้คุณไม่เข้าบริษัท ไม่ทราบว่าเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ......คุณออสบอร์น...” เลขาคนสนิทกดอินเตอร์โฟนแล้วกรอกเสียงเรียกชื่ออีกคนซ้ำไปมาแต่ทว่าไม่ได้เสียงตอบรับกลับมาแต่อย่างใด
........หรือเค้าอาจจะอยากนอนตื่นสายก็ได้ ใครจะไปรู้ อายุยังน้อยแต่เล่นกระดกเหล่าเป็นขวดแบบนั้น เรื่องส่ำมะเลเละเทะอย่างอื่นก็คงจะไม่เว้นหรอกล่ะมั่ง.........
ซึ่งว่าตามพื้นฐานแล้วคนเป็นเลขาอย่างเธอ ถูกจ้างมาเพื่อให้เป็นเสมือนแขนขาของนายจ้าง แต่นายจ้างไม่มาทำงานทั้งๆ ที่ไม่ได้บอกกล่าวเช่นนี้ ก็เป็นหน้าที่ของเธออีกเช่นกันที่ต้องลำบากฝ่ารถติด ถ่อมาถึงอพารท์เมนท์สุดหรูของเจ้านาย เพียงเพื่อมาถามเค้าว่าเป็นอะไรกันแน่ทำไม่ถึงยอมไม่รับโทรศัพท์ แล้วทำไมถึงไม่มาทำงาน!
“เออ ฉันเข้าไปนะค่ะ”ในเมื่อเธอทนยืนกดอินเตอร์โฟนต่อไปไม่ไหวแล้ว ก็เลยขออนุญาตแบบง่ายๆ แล้วพลีพลามเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที
ก้าวแรกเมื่อเธอเข้าไปพบว่าภายในห้องว่างเปล่า ไร้วี่แววของผู้อยู่อาศัย ชั้นวางของไม่มีสิ่งของและขวดเหล่าใบเปล่าวางอยู่ระเกะระกะเหมือนเคย และโต๊ะกลางห้องก็ไม่รกและมีขยะเยอะเหมือนอย่างเคยอีกเช่นกัน
.........บางที เค้าอาจไม่อยู่นี่ก็ได้........เธอคิด และนึกขุ่นใจขึ้นมาอยู่ไม่น้อยที่ความพยายามของเธอกลับเสียเปล่า
ในที่นี้ไม่มีใคร แล้วฉันมาหาใครกันเนี่ย!! เธอกดด่าอีกเล็กน้อยในใจ พลางเดินกระทืบเท้าไปรอบห้องอย่างสำรวจตรวจตรา
อืม....ที่นี้ก็มีแต่ของดีๆ เหมือนกันแฮะ.......เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ และสายตาของเธอก็พลันเหล่ไปอีกทางหนึ่งจนพบกับสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจยิ่ง.........ว้าย รูปภาพวิคตอเรีย ปี 1970!
แล้วหญิงสาวก็ก้าวเท้ายาวๆ ไปยังอีกมุมหนึ่งของห้องเพื่อชื่นชมงานศิลปะหายากที่เธอสนใจมานาน ......ที่แท้คนรวยๆ พวกนี้ก็แอบเก็บผลงานล่ำค่ามาไว้ให้ฝุ่นจับเล่นๆ นี่เอง........แต่ด้วยความซุ่มซ่ามหรือเพราะการวางตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องของโต๊ะวางของหรืออย่างไรไม่ทราบ ทำให้เธอเตะเข้ากับมันอย่างเต็มรัก
“อู๊ยยยย บ้าเอ้ย....นี่มันอะไรกันเนี่ย โอ๊ย ไอ้โต๊ะบ้า” แล้วเธอก็รู้ว่า เธอเริ่มจำไม่ได้แล้วว่ากดด่าเป็นรอบที่เท่าไรแล้วของวันนี้ หญิงสาวคลั่งงานศิลปะซึ่งเริ่มอารมณ์เสียทำท่าจะถีบโต๊ะออกไปให้พ้นและขยายทางให้กว้างขึ้น ก็หันไปด้านข้างซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลเลย อยู่ห่างจากเธอไปไม่ถึงสิบเซนเท่านั้นเอง
“อุ๊ยตายแล้ว....คุณออสบอร์น” เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่เห็นเจ้านายตัวเองนอนหลับลึกอยู่บนโซฟาข้างๆ ขาของเธอ แต่เธอก็ยังมีความสามรถมากพอที่จะระงับสติตัวเองไม่ตะเบ็งเสียงออกมาจนเค้าตื่นได้
และในขณะนั้นเองที่เจ้าของสถานที่เริ่มขยับตัวเพื่อเปลี่ยนท่า แต่การกระทำนั้นทำให้อีกคนหนึ่งเข้าใจผิดคิดไปว่าเค้ากำลังจะตื่น
ตายแล้ว ถ้าเค้ารู้ว่าฉันแอบมาเดินชมของในบ้านเค้าแทนที่จะมาปลุกเค้าไปทำงานแบบนี้ล่ะก็ ฉันต้องโดนแม้งแน่ๆ เลย...........แล้วก็ไวป่านใจคิด เธอกระแอ่มไอเสียงดัง และพูดขึ้นซึ่งดังยิ่งกว่า
“อะแฮ่ม......คุณออสบอร์น!” พลางดึงเสื้อแสงให้ตึงเรียบ และก้าวเดินออกมาห่างจากนายจ้างอายุน้อย
ส่วนอีกคนหนึ่งที่ไม่มีความต้องการอยากจะตื่น ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงที่ดังแทรกโสตประสาทเมื่อครู่นี้ (ทำเอาเค้าขวัญเสียไปเลย)
แพขนตายาวยกตัวขึ้นมาอย่างยากลำบากเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างราวอัญมณีล่ำค่าหาที่ติไม่ได้ แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นช่างดูอ่อนล้าเหลือเกิน
แฮร์รี่ลืมตาขึ้นมาไม่เต็มหน่วยนักเพราะไม่มีแรง เค้ายังคงนอนอยู่ท่าเดิมและไม่ขยับตัวไปไหนเลย พลางเพ่งมองไปที่ผู้มาใหม่อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงฟังดูอ่อนแรงยิ่งนัก จนกลัวว่าฝ่ายนั้นจะไม่สบายขึ้นมา “คุณ....อืม คุณเองหรือ”
“ค ค่ะ ใช่ค่ะ ดิฉันเอง....” เธอยิ้มแห้งๆ จนออกเฟื่อน
แฮร์รี่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา
“เอ่อ....ไม่ทราบว่าคุณไม่สบายรึเปล่าค่ะถึงไม่เข้าบริษัท เมื่อชั่วโมงที่แล้วฉันโทรมาแต่คุณไม่ได้รับโทรศัพท์ก็เลยเข้ามาหาคุณที่นี่....ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ”
“ออ อืม.....คงงั้นมั่ง อา โทษทีนะผมลุก...เออ ปวดหัวมากเลยน่ะ เลยไม่ได้เข้าไป” แฮร์รี่ตอบแบบไม่ค่อยมีสตินัก และเสียงเค้าเบาหวิวติดแหบพร่าจนอาการดูน่าเป็นห่วง
“อ๋อ....ถ้างั้นไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะบอกคนอื่นๆ ให้นะค่ะว่าวันนี้คุณไม่เข้าบริษัท คุณจะได้พักผ่อนเสียที....ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว พักผ่อนเถอะค่ะ...”
“เออ เดี๋ยวก่อนสิ....อ๊ะ” ร่างบางที่นอนอยู่ทำท่าจะเกร็งตัวเพื่อลุกขึ้น แต่ความปวดร้าวก็แล่นแปล็บเข้ามาทางสะโพกทำให้เค้าหยุดชะงักทันที
เธอหยุดด้วยเช่นกัน.........อะไรอีกล่ะ.........!
“คุณช่วยหยิบเสื้อทางนั้นมาให้ผมหน่อยได้ไหม...” แฮร์รี่เพยิดหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งของห้องอย่างอ่อนแรงอีกเช่นเคย แต่คนที่อารมณ์เริ่มเคืองขุ่นก็จำใจเดินข้ามห้องไปอีกรอบเพื่อไปหยิบสิ่งที่เจ้านายต้องการมาให้อย่างนึกไม่พอใจ แล้วเธอก็พุ่งออกประตูไปเลยอย่างรวดเร็วและรุนแรงพร้อมกับคำงึมงำอะไรบ้างอย่าง
ปัง!!
แฮร์รี่สะดุ้งอีกรอบ ก่อนจะค่อยๆ รั้งตัวเองขึ้นมานั่งอย่างยากลำบาก ทั้งความเจ็บปวดที่แล่นริ้วเข้ามาทั้งตัว แต่ที่หนักสุดรู้สึกจะเป็นตรงสะโพก ร่างเล็กบางทำหน้าเหยเกเหมือนโดนแทงแล้วใช้แขนเกี่ยวขอบโซฟาไว้ เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่ปกคลุมเรือนกายช่วงบนของเค้าร่นลงมาที่หน้าตัก เผยให้เห็นลาดไหล่และแผ่นอกบางสีน้ำนมนวลตา ซึ่งถูกแต่งแต้มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบช่ำๆ เต็มเรือนร่างของเค้าไปหมด
ชายหนุ่มตัวน้อยตกใจในคราแรก เมื่อไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นนี้จะมากมายเกินกว่าเค้าจะคิดได้
“โอ้ พระเจ้า...โอ๊ย” แต่ไม่ทันไรที่ยกแขนขึ้นเพื่อจะสวมเสื้อ ส่วนของร่างกายที่สัมพันธ์กันก็ทำให้เค้าต้องค้างกะทันหันราวกับโดนไฟช็อต ความรู้สึกนั้นแล่นริ้วมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมาพร้อมกับของเหลวอุ่นๆ ที่ไหลย้อนออกมาจากช่องทางของเค้าด้วย แฮร์รี่ขนลุกเกรียวจนเกร็งไปทั้งตัว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันรู้สึกแย่เพียงใดที่ต้องรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมพร้อมกับความเจ็บปวดที่พุ่งเข้ามาในเวลาเดียวกัน และใช้เวลานานมากๆ เลยทีเดียวกว่าเค้าจะสวมเสื้อเพียงตัวเดียวเสร็จ
อา ค่อยสภาพเหมือนคนปรกติขึ้นมาหน่อย.......ร่างน้อยถอนหายใจออกมาเบาๆ และสายตาเจ้ากรรมก็ดันไปสะดุดเข้ากับเสื้อโค้ทไร้เจ้าของซึ่งกองอยู่บนตักของเค้าเอง
.....ปีเตอร์
จู่ๆ ชื่อของเพื่อนสนิทก็โผล่มาในหัวของเค้า.......ภาพสุดท้ายของปีเตอร์ก่อนออกไป เค้ายังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ.......
.........ปีเตอร์ออกไปด้วยสีหน้าแบบไหนกันนะ?.........
.........แล้วเค้า......อึก
แฮร์รี่ขย้ำเสื้อโค้ทของเพื่อนไว้แน่น เมื่อเริ่มโต้แย้งกับความคิดของตัวเอง อีกใจหนึ่งก็คิดว่าปีเตอร์คงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่อีกใจก็คิดไปเป็นอีกอย่าง แฮร์รี่ไม่อยากที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง เค้าจึงพยายามอย่างหนักเพื่อยุติความคิดของตัวเอง
เค้าขยุ้มหัวตัวเอง “ไม่หรอกน่า....มันไม่ใช่ ปีเตอร์ก็แค่สมเพชนายที่มันไม่ได้เรื่อง ไม่เป็นอะไรอยู่แล้วถ้านายจะโดนแบบนี้....ไม่มีใครสนใจหรอกน่า...” ประโยคสุดท้ายเสียงที่ดังโหวกเหวกเมื่อครู่ กลับกลายเป็นเสียงสั่นเครือและร้องไห้ในที่สุด
.............พ่อที่เพิ่งเสียไปทอดทิ้งเค้าทั้งชีวิต และทิ้งบริษัทขนาดใหญ่ไว้ให้เป็นมรดกโดยที่ไม่ถามความสมัครใจของเค้าเลยสักคำ.........
ทุกหนทางของเค้ามืดมิดไปหมด ไม่รู้จะหันไปหาใคร มีแต่คนที่จ้องจะฮุบเก้าอี้ของเค้า.....ไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น.....แต่จะเป็นอะไรไปล่ะ ในเมื่อเค้าเองก็ไม่ต้องการสิ่งนี้อยู่แล้ว มันไม่ใช่บริษัทที่เค้าสร้างขึ้นมาเองกับมือนี่นา
“.....ผมไม่ต้องการมัน” สิ่งที่แฮร์รี่ ออสบอร์นต้องการ คือความรัก...และความห่วงใยจากพ่อ ที่เค้าไม่เคยได้รับมันเลยตลอดชีวิต
“....ที่พ่อพูดมามันไม่จริง...ไม่จริง....อึก ผมเกลียดพ่อ...” แฮร์รี่พิงแผ่นหลังกับพนักโซฟาอย่างหมดแรง ดวงตาสีฟ้าหม่นหมองถูกคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาจนมันเอ่อล้นออกมาอาบเต็มใบหน้าหวาน แต่ทว่าเศร้าหมองยิ่งนักในเวลานี้
“ที่พ่อบอกทำเพื่อผม....มันไม่ใช่สักนิดเดียว พ่อให้ผมแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างอาไว้คนเดียว......ไม่มีใครเลยที่อยู่ข้างผม ไม่มีเลย แม้แต่พ่อ.......” แฮร์รี่เอนตัว ก้มหน้าซบกับขอบโซฟา
...........พ่อไม่รู้หรอกว่าวันแรกที่เค้ารับตำแหน่งซึ่งต้องดูแลรักษาบริหารบริษัทนี้มันแย่แค่ไหน........
.........พวกตาลุงแก่ๆ พวกนั้นมองเค้าด้วยสายตายังไง รวมทั้งคนอื่นๆ ที่ไม่เชื่อถือเค้าด้วย.........
‘นายมันก็แค่เด็กอมมือ ที่มีบริษัทใหญ่ไว้เป็นของเล่นในมือก็เท่านั้น’ เชื่อได้เลย สายตาทุกคนบอกอย่างนั้น มันบอกถึงความไม่เชื่อมั่นในตัวเค้า........อย่างที่พ่อเคยเป็น
...........จนกระทั่งปีเตอร์เข้ามา มาหาเค้า และถามว่าเค้าเป็นอย่างไรบ้าง เสียใจด้วยเรื่องพ่อของเค้า วินาทีนั้นแฮร์รี่สั่นไปทั้งตัว ไม่ใช่เพียงเพราะได้พบเพื่อนรักที่ไม่เห็นหน้ากันนาน แต่เป็นเพราะความห่วงใยที่อีกคนมีให้ ไม่เคยมีใครถามเค้าแบบนี้นานแล้ว นานมากๆ แล้ว........
และพอปีเตอร์พูดว่า “ ฉันแวะมาดู เพราะฉันเป็นห่วงนาย ” แฮร์รี่ก็หัวใจหยุดเต้น และต่อมามันก็เต้นรัวเร็วจนไม่เป็นจังหวะ จนเค้าเองก็กลัวไปว่าเพื่อนของเค้าจะได้ยินมันรึเปล่า..........ปีเตอร์พูดคำนั้นราวกับว่าเค้าพูดมันเกือบทุกวัน...........เป็นคำที่น่าฟังสำหรับแฮร์รี่
ฉันไม่คิดว่าจะมีคน ‘เป็นห่วงฉัน’ ด้วย จนนายเข้ามาและทำให้ฉันลืมเรื่องน่าปวดหัวไปจนหมดสิ้น เสียงหัวเราะของนายทำให้ฉันคิดถึงตอนที่เรายังเป็นเด็กๆ เล่นสนุกด้วยกันทั้งวัน มีแต่เรื่องน่าตื่นเต้นรอให้เราค้นหา
ตอนที่พบปีเตอร์ครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี แฮร์รี่ระบายยิ้มออกมาอย่างปลื้มปิติ คนตรงหน้าเค้าในตอนนั้นคือคนที่ทำให้เค้ารู้สึกมีความสุขได้เพียงคนเดียวในชีวิต การพบปีเตอร์ทำให้เค้าลืมเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างไปเลย
ปีเตอร์เปรียบเสมือนประตูที่เปิดอยู่เพียงบานเดียวของเค้า มีแสงสาดส่องลอดออกมาจากรอยแง้มของประตู ท่ามกลางความมืดมิดที่มองอะไรไม่เห็น ประตูนั้นรอให้แฮร์รี่เปิดและเดินเข้าไปสู่แสงสว่าง
แต่เค้ากลับยังไม่ได้เปิดมันซะก่อน............
............ปีเตอร์เปรียบเสมือนสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเค้าก็จริง แต่สิ่งที่ปีเตอร์เพิ่งกระทำลงไปมันหมายความว่ายังไง แฮร์รี่ไม่เข้าใจและรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก และตอนนี้เค้ากำลังจะตาย........
ถ้าเป็นไปได้เค้าอยากอยู่ต่อ เพื่อเปิดประตูบานนั้น และถามถึงสาเหตุของสิ่งที่เพื่อนร่างสูงของเค้าได้กระทำลงไป.......
ใช่แล้ว แฮร์รี่อยากอยู่ต่อเพื่อปีเตอร์ แม้มันจะไม่ได้หมายความว่าเค้าจะได้เป็นคนสำคัญของเพื่อนก็ตาม แต่ก็ยังอยากอยู่......เพื่อได้ยินเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของอีกคน ที่เค้าเองก็ชอบทำตามบ่อยๆ
“.....ปีเตอร์.....พีท” น้ำตาสายใหญ่ไหลทะลักออกมาจากดวงตาคู่สวยอีกครั้ง เมื่อความรู้สึกเค้ามันบอกว่าโอกาสที่ตัวเองจะรอดมันริบหรี่เพียงใด.............
จะไม่ได้อยู่เคียงข้างกับปีเตอร์อีกแล้ว เค้าคงจะต้องตายอย่างโดดเดี่ยวเหมือนพ่อของเค้า
แฮร์รี่ร้องไห้นัก และล้มตัวลงนอนกับเบาะหนานุ่มอีกครั้ง เค้าร้องไห้และไอออกมาอย่างน่าสงสาร นอนขดตัวอยู่บนโซฟาตัวเมื่อคืนที่เรื่องราวแสนสำคัญได้เกิดขึ้น และกอดเสื้อโค้ตตัวนั้น สิ่งของเพียงชิ้นเดียวของปีเตอร์ที่เค้ามีอยู่ จนกระทั่งความเหนื่อยล้าจากการร้องไห้เข้ามาฉุดดึงให้เค้าดิ่งลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
........................................................................
..........แฮร์รี่หลับไปแล้ว อา เค้าทนดูอยู่ได้ยังไงกันนะ..........
ร่างแกร่งของ สไปเดอร์แมน ซึ่งซ่อนกายอยู่ด้านบนของห้องกำลังมองดูทุกกิริยาของร่างบางตัวน้อยๆ จนกระทั่งเจ้าตัวได้หลับลงไปอีกครั้ง
.
.
.
.
TBC.
--------------------------------------------------------------------------------------
โอ้ แฮร์รี่ ------- อย่าคิดเพิ่งเช่นนั้นสิ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้
แล้วนังเลขานั่นมีชื่อว่าอะไรนะ.....เก๊าจำไม่ได้อ่ะ -..- กลายเป็นบุคคลนิรนามในฟิคของเราไปเรียบร้อยแล้วล่ะหนา แต่ก็ช่างเถิด นางเป็นแค่ตัวประกอบ มิได้มีความสำคัญแต่อย่างใดอย่าไปเมี่ยงมองนางมากนักเลย สิ่งที่น่ามองยิ่งคือคู่พระ – นาย และตอนต่อไปต่างหากของเราเล่าาา - !
ไปไงต่อว่ะ >>> ถามตัวเอง
จ๊ากกกกกกกกกกก!! ปีเตอร์พูดไรดี ไม่สิ ไม่! ห้ามพูดเดี๋ยวแฮร์รี่ตื่น........
โอ่ยยย ไปตายให้หนอนแหลกไป Ray – Aund -_-“ ไม่ค่อยจะโอเคนะเราน่ะ ไปหลังคาแดงก่อนไปแล้วค่อยมาใหม่
ไปก่อนนะค่ะ ต้องขอตัวไปจูนตัวเองก่อน ณ จุดๆ นี้ เอื้อออออออออ >> ตายแบบพันธมิตร
ใครคิดถึงหรืออยากตามความกว้าหน้าของเราก็จิ้มและมาเป็นเพื่อนกันได้เลยค่ะที่ >>แฟนฟิค ฮอลลี้วู้ด<<
1 ความคิดเห็น:
อร้ายยยย มาแล้วค่าาาาา ก่อนอื่นต้องขออภัยที่มาอ่านช้าไป ฮึกๆ T^T...
- เห็นด้วยอย่างแรงว่าตาของตัวเล็กสวยมากกกก โดยเฉพาะสีตา... แบบเห็นครั้งแรกนี่แทบลงไปกราบเพราะสีตาเลยนะ ถวายชีวิตเลยนะเออ... แพ้เคะตาสวยค่ะ... ตอนที่บอกว่า "ดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างราวอัญมณีล่ำค่า" อะค่ะ เหมือนจริงๆ นะ สีเหมือนไพลินเลยค่ะ แบบ...Blue Sky Sapphire มากค่ะ เหมือนนางเอกอนิเมะเรื่อง Mai-Otome เลย *///*
- เลขาคนนั้นชื่อ เฟลิเชีย ค่ะ ในฟิคนี้เธอดูน่าจับเข้าคอร์สอบรมณ์มารยาทต่อหน้าเจ้านายบ้างก็ดีนะคjะ ^^* ยิ่งเห็นสภาพตัวเล็กแบบนั้นแล้วคุณนางเลขาเธอทำกริยาแบบนั้นนี่อยากจับเธอเขย่าไหลแล้วด่ามาก... ชริ!
- เฮ้ย! พีท...แกน่ะ... ถ้าเกาะเพดานบ้านชั้นนะ แม่จะพ่นไบร์กอนให้ซะหรอก... มาดูเค้า แต่ไม่คิดจะเข้าไปปลอบหรือรับผิดชอบอะไรเลยนะ... ปล่อยให้คุณหนูเล็ก(นี่กลายเป็นอย่าลืมฉันไปแล้ว?) ร้องไห้ฮึกๆ จนหลับไปอีกรอบแบบนั้นได้ไง *ถือไม้กวาดไล่กวักปีเตอร์อย่าบ้าคลั่ง* เคืองนะคะ เคือง -_-* ลงมาแล้วมาปลอบคุณหนูเล็กซะ
- หนูเล็กของแม่ T[]T!!!! อย่านะลูก หนูอย่าคิดแบบนั้น อย่ามองโลกในแง่ร้ายเช่นนั้นสิคะลูก สปีชีส์สตรีเชื้อชาติชะนีอย่างพวกแม่ยังอยู่กับหนูเสมอนะค่ะ เพราะพวกแม่จะ I'm with you till the end of the line... นะคะ (สตีฟมาตามเก็บค่าลิขสิทธิ์)
ปล.เราเปลี่ยนมาเรียกตัวเล็กว่า "คุณหนูเล็ก" กันดีกว่าค่ะ *0* แอ้ก!*โดนถีบ*
สุดท้ายนี้รักไรท์เตอร์ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ และอยากจะบอกกับไรท์เตอร์เช่นกันว่า "I'm with you till the end of the fiction" ค่ะ >3<;;
แสดงความคิดเห็น