คือแบบว่าไรท์กดผิดอ่ะค่ะ ลง Prat 3 อยู่ มันก็มีบทความฉบับร่างเด้งขึ้นมาเยอะเเยพเต็มไปหมด ไรท์เลยกดลบที่เกินๆ ออกไป
แต่-----------!! ไรท์กดผิิดค่ะ ไปลบ Prat 2 ออกด้วยยยย!!! โอ๊ยยยยย แทบดิ้นตาย ต้องขอโทษด้วยค่ะ ไรท์บ้าไปแล้ววววว
ลงชดเชยให้ใหม่อย่างไม่น่าให้อภัย
-----------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 2
ร่างน้อยบนที่นอนขยับหยุกหยิกไปมาอยู่ใต้ผ้าห่ม
ทำให้ร่างสูงที่ยืนบังหน้าต่างอยู่ถึงกับเกือบหยุดหายใจ
เวรแล้วแมคคอย! ไอ้หนูนั่นตื้นแล้วเว้ย........แมคคอยสูดหายใจเข้าเล็กน้อย และเริ่มคิด
ตัวเค้าเองก็ไม่ใช่คนที่จะวิ่งหนีปัญหาเหมือนคนขี้ขลาดหรือไร้ความรับผิดชอบใดๆ ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ก็จะตั้งหน้ารับปัญหาที่เกิดขึ้นเสมอมา
ใช่.....เพราะเป็นผู้ใหญ่แมคคอยจึงต้องรับผิดชอบ
ร่างสูงผิวกร้านแดดเล็กน้อยสูดหายใจเข้าอีกครั้ง
และเดินเข้าไปหาเด็กที่กำลังโกยผ้าห่มออกจากหน้าตัวเอง แมคคอยเห็นกลุ่มผมหยักซกน้อยๆ
โผล่ออกมาจากผ้าห่มนั้นแล้ว เค้ารั้งมือที่กำลังจะเอื้อมไปสัมผัสกลุ่มผมนั้น
เหมือนยังชั่งใจว่าตัวเองควรทำเช่นนี้หรือไม่
แต่เสียงครางอืออึงอย่างเจ็บปวดที่เล็ดรอดออกมาจากร่างใต้ผ้าห่มก็ทำให้จิตวิญญาณของหมอใหญ่กลับเข้ามาสวมบทบาทอีกครั้ง
“เฮ้....อย่าเพิ่งขยับสิ” ในที่สุดฝ่ามือใหญ่เชี่ยวชาญการแพทย์นั้นก็ทาบทับลงบนหัวเล็กๆ
นั่นจนได้ ร่างที่หยุกหยิกหยุดขยับทันที
และไม่ขยับอีกเลย แมคคอยก็เช่นกัน
เอาล่ะสิ
นิ่งแบบนี้หมายความว่าไงว่ะเนี่ย.......เจ้าหนูนี่จำเรื่องเมื่อคืนได้หรือไม่ได้กันล่ะ.............
แมคคอยเริ่มคิดเสียใจแล้วว่าไม่น่าเข้าจู่โจมเร็วๆ
เลย แต่ในเมื่อมันเริ่มขึ้นแล้ว
เค้าก็ต้องเดินหน้าต่อไป
ดังนั้นร่างสูงจึงตัดสินใจดึงผ้าห่มออกเล็กน้อยให้ช่วงหน้าของเด็กน้อยโผล่ออกมาเพียงเท่านั้น
ใบหน้าของอีกคนเมื่อเจอะเข้ากับเจ้าของบ้านก็แตกตื่นราวกับตัวเองลืมใส่ชั้นในไปโรงเรียน............ยังคงไม่มีใครพูดอะไรอยู่นาน
จนกระทั่งร่างที่สูงกว่าตัดสินใจทำลายความเงียบนี้ลง
“นาย....ลุกไหวไหมเชคอฟ”
ถึงแม้จะทำเสียงให้ดูเข้มเป็นปรกติแค่ไหน
แต่แมคคอยก็ไม่สามารถสบสายตากับเจ้าเด็กหัวนุ่นที่นอนแอ็งแม็งอยู่บนเตียงได้เลย
เชคอฟยังคงเงียบ แต่จริงๆ
แล้วเจ้าตัวไม่รู้จะพูดอะไรออกไปมากกว่า ..........กับอีกคนที่เค้าไม่คาดไม่ฝันว่าตื่นมาจะเห็นหน้าคนๆ
นั้นอยู่ข้างเตียงเมื่อตื่นขึ้นมา...............
............ไม่รู้สินะ
พูดว่าอะไรดีล่ะ..........
แล้วร่างของเด็กน้อยก็ตัดสินใจว่าจะไม่พูดอะไร
แต่พยักหน้าขึ้นลงเบาๆ เป็นคำตอบแทน
เมื่อเห็นเชคอฟทำเช่นนั้น
หมอแมคคอยก็แทบอยากจะเอาเจ้าหนูนี่ยัดเข้าเครื่องแคสแกนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะเลย
พยักหน้าตอบก็ยังอ่อนเปลียเพลียแรงขนาดนี้
แล้วลุกมันจะไหวไหมว่ะเนี่ย......โอ้ย กลุ้ม
ร่างสูงเผลอถอนหายใจตามแบบฉบับของตัวเองออกมาอีกครั้ง
ซึ่งนั้นทำให้เด็กหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงตรงช่วงจมูก
เพราะคิดว่าตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้อีกคนต้องรู้สึกไม่พอใจ และเหลือไว้เพียงดวงตากลมโตทั้งสองที่มองขึ้นมามองแมคคอยด้วยสายตาที่รู้สึกผิดอย่างปิดไม่มิด.........
............เชคอฟเป็นเด็กรู้จักประมาณตัวเองเสมอ
ทำอะไรเค้าก็จะคิดไปก่อนเสมอว่าตัวเองผิด...........
ร่างสูงแห่งบุรุษแดนใต้เพิ่งจะสังเกตเห็นสายตาลูกหมาเว้าวอนที่ส่งมาหาเค้าแบบไม่ได้ตั้งใจของเชคอฟ แมคคอยรู้สึกเองไปว่าเด็กหนุ่มอาจจะช็อคจนไม่พูดกับเค้า
และตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไป ก็รีบพูดไปโดยไม่ได้คิดเลยว่าภาพลักษณ์อันเงียบขรึมที่เค้าพยายามสร้างมาแต่แรกได้พังทลายลงโดยสิ้นเชิง
“อา โอเค....โอเค ฟังนะ ฉันขอโทษ ฉันผิดเองแหละที่....เออ
ที่เมาไม่รู้เรื่องแบบนั้น....แต่นั่นก็เป็นเพราะเจ้าสก็อตตี้ตัวดีนั่นแหละนะที่ทำให้ฉันไม่มีทางเลือก....”
แมคคอยชูนิ้วชี้ไปทางเชคอฟ เหมือนอยากจะบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของร่างสูงทั้งหมด
“......และแอลกอฮอล์ที่มากกว่าระดับปรกติถึง 20 เท่า มันทำให้ฉัน
อา โอเค.....ฉัน
ขอโทษนะเชคอฟ...ขอโทษกับเรื่องทั้งหมด
ฉัน....”
สุดท้ายร่างสูงก็เอ่ยคำขอโทษออกมาจนได้
หลังจากว้าวุ่นอยู่ในใจแทบตายว่าจะพูดออกมายังไงดี ร่างที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงส่ายหน้าตัวเองช้าๆ
อย่างสุดอธิบายว่าเค้าได้ทำสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตกับเชคอฟลงไปเสียแล้ว และมันไม่มีคำขอโทษใดจะสมควรกับสิ่งที่เค้าได้กระทำลงไป
“ฉัน....”
“คุณ....มะ
ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกฮะ.....“ แต่แล้วก็มีเสียงสั่นๆ ดังลอดออกมาจากใต้ผ้าห่มให้แมคคอยได้หยุดกล่าว
แล้วค่อยๆ หันไปทางต้นเสียงนั่น
หนุ่มน้อยผู้ซึ่งซ่อนอีกครึ่งหน้าไว้ใต้ผ้าห่มก็ยังคงมีแววตาสั่นไหว
ราวกับรวบรวมความกล้ามานานกว่าจะพูดประโยคเมื่อครู่นี้ไปได้
“ผะ ผะ โผมรู้ว่า....ว่ามันไม่น่าเกิดขึ้น”
ดวงตาของเชคอฟฉายแววไหวระริกยิ่งกว่าเดิม
“และ...และผมก็..ตั้งใจจะมาส่งคุณเอง....คุณไม่ผิดหรอกฮะ อึก
ผมเอง.....” น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงมาอย่างรวดเร็วจากหางตาของเด็กน้อย และในความคิดของแมคคอยถึงแม้เด็กคนนี้จะพยายามอย่างยิ่งที่จะมองโลกในแง่ดีแค่ไหน
แต่ด้วยภาพและความรู้สึกที่ตกค้างจากเหตุการณ์ของเมื่อคืนก็ยังคงทำให้เชคอฟช็อคอยู่ และรวมทั้งร่างกายกับจิตใจของเด็กคนนี้ก็มากเกินจะรับไหวแล้วด้วย
.............สภาพอารมณ์ของเด็กวัย
17 ยังคงไม่สามารถที่จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้หรอก.............
แมคคอยลูบไปที่หัวน้อยๆ ของเชคอฟ
“ใช่ ฉันเข้าใจแล้ว....ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ” แต่สัมผัสแรกที่เชคอฟรู้สึกกลับทำให้เจ้าตัวสั่นและหดคอหนีทันที และถึงตอนนี้แมคคอยก็เข้าใจแล้วว่าเชคอฟเคยกลัวมากแค่ไหน...............
ร่างสูงของบุรุษแดนใต้สูดหายใจเข้าลึกๆ
อย่างรวบรวมสมาธิ แสงสีทองของดวงอาทิตย์อาบอยู่ทั่วแผ่นหลังแกร่งกำยำของเค้า ก่อนน้ำเสียงทุ้มจะเอ่ยออกไปเบาๆ
“ฉันรู้ว่านายคิดยังไงเชคอฟ.....นายกล้าหาญมาก เอาล่ะ ทีนี้จะไม่มีใครทำร้ายนายได้แล้วนะ ไม่ต้องห่วง
ฉันจะดูแลนายเอง ไม่เป็นไร....”
แม้จะรู้สึกตะขิดตะข่วงใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่เป็นคนทำร้ายเด็กคนนี้เองแท้ๆ
แต่กลับบอกว่าจะดูแลเค้า..........หึ
น่าขำจริงๆ แมคคอย.......แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าอะไรทั้งสิ้นตอนนี้ คือเค้าต้องทำให้เชคอฟรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยเสียก่อน
จึงจำเป็นจะต้องพูดเรื่องนี้ออกไปถึงแม้มันจะขัดความเป็นจริงก็ตามเถอะ
แล้วร่างสูงก็พยายามอีกครั้ง เค้าค่อยๆ ทาบทับฝ่ามืออุ่นลงไปบนหัวนุ่นของเด็กหนุ่ม
และมันก็ได้ผล...เชคอฟยอมอยู่นิ่งๆ ให้เค้าได้ปลอบโยน..... แมคคอยเผยยิ้มบาง แล้วลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มนั้นไปมา
“คุณโกรธผมรึเปล่าครับ” จู่ๆ
เสียงอู่อี่ใต้ผ้าห่มก็ดังลอดออกมาอีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่เป็นกังวลช้อนขึ้นมามองเจ้าของบ้าน
“เฮ้ออ...
ใครจะไปโกรธนายได้เล่า
นายไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
และอีกอย่างฉันเองก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องนั้นด้วยเหมือนกัน ที่....”
“ไม่ๆๆๆๆ คุณไม่ผิดหรอกฮะ ไม่ผิดสักนิดเดียว...โอ๊ย!”
แมคคอยโดนตัดบทโดยเชคอฟ
และเชคอฟก็โดนตัดบทโดยอาการเจ็บแปลบที่แล่นริ้วเข้ามาหาสะโพกของเค้า
เมื่อเจ้าตัวเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนนุ่ม และในทันทีที่เด็กหนุ่มร้องโอดโอยออกมา
หมอแมคคอยก็เอ็ดขึ้นมาทันที
“เอ้าเชคอฟ....บ้าเอ้ย
อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาสิ ถึงจะฉีดยาเข้าไปแล้วแต่พลีพลามลุกขึ้นมาแบบนี้
เดี๋ยวแผลก็ฉีกขึ้นมาหรอก”
เชคอฟหน้าเสียเพราะความเจ็บและรู้สึกผิดที่โดนดุ
เลยกลับลงมานอนห่อตัวในผ้าห่มเหมือนเดิม “ผะ ผมขอโทษฮะ....” .....และแมคคอยก็เพิ่งนึกได้
น่าน....ดูสิ
ทำหน้าเป็นลูกหมาโดนดุไปเลย....เอาอีกแล้วแมคคอย แกกำลังจะทำให้เจ้าเด็กนี่ร้องไห้อีกแล้ว
เพราะเสียงไหวๆ
นั่นทำให้รู้สึกใจหวิวขึ้นมาในทันที
เมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากเสียงดังออกไปตามภาษาคนเจ้าอารมณ์ หมอใหญ่แห่ง Enterprise จึงรีบเปลี่ยนโทนเสียงทันที
“เออ ช่างมันเถอะเชคอฟ ฉันเองที่พูดมากไป แต่นายเองก็ต้องสัญญานะว่าจะไม่ขยับตัวกะทันหันแบบนั้นอีก...”
เหมือนจะสำนึกผิด แต่ก็ถือโอกาสตักเตือนอีกคนไปด้วยซะงั้น แมคคอยชี้นิ้วใส่เชคอฟเหมือนตอนที่เค้าใช้คำสั่งของหมอกับเพื่อนกัปตันตัวแสบ
เชคอฟพยักหน้า
“....โอเค ก่อนอื่นเราก็ต้องทำอะไรสักอย่างก่อน เพื่อไล่เจ้าซูลูให้ออกไปจากหน้าบ้านฉัน”
ร่างสูงพูดพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
แต่คำกล่าวนั่นกลับทำให้เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง หัวใจแทบหยุดเต้น
“คุณซูลูมาเหรอฮะ!...โอ แย่แล้ว
เค้าต้องมาตามหาผมแน่ๆ เลย!”
เชคอฟลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท “เค้าเพิ่งมาเหรอฮะ”
“ออ...สักพักหนึ่งได้แล้วมั่ง”
“อ๊าาา....แย่แล้ว โอไม่นะ ผมแย่แน่เลย”
“ทำไมล่ะ...ออ..” แล้วร่างสูงก็เพิ่งใคร่ครวญได้
ว่าเป็นเพราะอะไร
ก็แค่เจ้าซูลูมา
ไม่เห็นจะต้องทำท่าทางวุ่นวายเลย.....ก็แค่พี่น้องต่างสายเลือด อะไรกัน
ทำยังกะพ่อตัวเองมาตามอย่างงั้นล่ะ....แมคคอยมองเชคอฟอย่างไม่เข้าใจ
กับท่าทีเป็นกังวลโอเวอร์ของเด็กน้อย
“โธ่ ช่างมันเถอะน่า ฉัน....อะ เฮ้ย นายห้ามลุกขึ้นเด็ดขาด ห้าม....ฉันจะไปบอกให้ไอ้หมอนั่นกลับไปก็ได้ ถ้านายต้องการ” แมคคอยบอก
แต่เมื่อกี้ก็ยังมิวายเอ็ดเด็กดื้อที่พยายามลุกขึ้นมาอีกที
เชคอฟกลับไปม้วนตัวในผ้าห่มตามเดิม
“ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอกฮะ
ผมไม่อยากรบกวนคุณ....แล้วก็อีกอย่าง....” ครานี้เชคอฟเงียบไป
ไม่ช่างจ่อเหมือนเมื้อครู่ แมคคอยเห็นดังนั้น...ก็อย่างที่รู้ๆ
กัน....จึงถือโอกาสสรุปว่า เชคอฟถึงแม้จะอายุเกือบบรรลุนิติภาวะแล้วแต่ก็เข้มแข็งไม่น้อยเลยทีเดียว
...............ทำไมน่ะเหรอ?............
ก็คนบ่นมาหาถึงที่
แล้วยังจะดั้นด้นบากหน้าไปให้เค้าบ่นอีกน่ะสิ!
.............โอ๊ย
ไม่ไหวจะเคลียร์............
ไม่เคยเป็นคนไม่ดีเลยใช่ไหมเนี่ย
ตรงเหน่วเป็นไม้บรรทัดตลอด........แมคคอยคิดพลางส่ายหน้าน้อยๆ
แต่เค้าก็ยอมรับจริงๆ ว่าทำไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาทำเสียงแข็งแล้วออกคำสั่งแบบตัดบทเหมือนเคยอย่างที่เคยทำมากับคนไข้ทุกๆ
ราย
.........แต่สำหรับเจ้าหนูรัสเซียหัวฟูรายนี้เค้ากลับทำไม่ได้ ต้องบอกว่าตัดใจทำไม่ได้มากกว่า
เพราะดูเหมือนการคิดจะตวาดและขึ้นเสียงกับเด็กคนนี้มันเป็นเรื่องที่ยากมากเหลือเกิน...........
..............แมคคอยแค่รู้ว่า
เห็นหน้าแล้วไม่อยากทำ
ไม่อยากทำให้รู้สึกไม่ดีก็เท่านั้น..........
ทำไมกันนะ? ทำไม.....ทำไมกัน?
ช่างหัวมันเถอะ
ถ้าไม่รู้ว่าทำไมก็เอาไว้ก่อน ตอนนี้จำเป็นจะต้องจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ให้ได้เสียก่อน..............
และหมอแมคคอยก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้นว่า
“นายลุกไหวรึเปล่าเชคอฟ” ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจริงจังเพราะต้องการให้ชัวร์จริงๆ
ว่าลุกไหวจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ไม่อยากให้ไอ้คนที่ยืนทำเสียงหน้ารำคาญอยู่ที่หน้าบ้านเค้าต้องหัวเสียกันแน่
แต่ดูท่าทางของเด็กหนุ่มจะบ่งบอกว่าอยากลุกเต็มทีแล้ว
เพราะถ้าหากไม่ตอบเค้าจะไม่ยอมให้เจ้าหนูนี่ลุกขึ้นเป็นแน่........ถ้าตัวยาที่ใช้ไปไม่ได้ผลก็อาจจะต้องดูแลเป็นพิเศษ
แต่ทว่าตัวยาสูตรขั้นเทพราคาไม่ติดดินนั่นก็ใช้กับเชคอฟได้ผลชะงัดทีเดียว เพราะงั้นเด็กหนุ่มจึงรีบพยักหน้าพรืดจนกลุ่มผมบนหัวเด๋งดึ๋งไปมา
มือทั้งสองข้างก็เกาะผ้าห่มที่เลื่อนขึ้นมาปิดตรงช่วงจมูกแน่น
พอได้คำตอบเช่นนั้น แมคคอยก็ขมวดคิ้วเป็นปมให้กับตัวเอง
แล้วยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่
............ถามไปกะไม่เอาคำตอบ
แต่เจ้าหนูนี่ก็ดันตอบมาซะดิบดีว่าจะเอาๆๆๆๆ............
เออ!
ฉันกะจะเล่นรางวัลตุ๊กตาทองบอกซูลูมันไปสักหน่อยว่านายไม่อยู่.....ลุกไหวแน่หรือ
เชคอฟ...........แต่หมอหนุ่มก็อดเป็นห่วงในใจไม่ได้
และจิตวิญญาณของความเป็นหมอก็บอกให้เค้าพูดห้ามไว้
ซึ่งเค้ายังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนตัดบทด้วยเสียงอ่อยๆ นั่นเสียแล้ว
“แต่ฉันว่านาย.....”
“คุณซูลูรอผมอยู่ข้างนอกนะฮะ ให้ผมออกไปเถอะ....” เสียงน้อยๆ
นั่นอู่อี่ลอดออกมาจากใต้ผ้าห่มของแมคคอย
ร่างสูงถึงกับเบรกสนิททันที
เมื่อได้ยินเสียงของประโยคนั้น
“ทำไม” นั่นเป็นคำถามเดียวที่ผุดขึ้นมาในใจของแมคคอย ซึ่งสร้างความรู้สึกขุ่นเคืองให้ร่างสูงไม่น้อย
การที่คนไข้ไม่ดูแลตัวเองแล้วห่วงเรื่องของคนอื่นแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ.............
เจ้าหมอนั่นมีอะไรให้ห่วงนักหนาหรือ...........แมคคอยส่งสายตาถามเชคอฟไปแบบนั้นอย่างเรียบเฉย
เด็กหนุ่มกลอกตาไปซ้ายทีขวาที ก่อนจะอู่อี่สำเนียงรัสเซียจ๋าตอบออกมาอีกรอบ
“เค้าต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าผมอยู่ที่นี่.....คุณซูลูต้องไม่ยอมกลับไปแน่จนกว่าจะได้เจอผม”
เชคฟรู้ดี
รู้จักผู้ชายคนนั้นจนทะลุปรุโปร่งเหมือนเป็นคนๆ เดียวกันเลยทีเดียวล่ะ
.................ก็พวกเค้าโตมาด้วยกันนี่นา.............
แต่ทว่าดูท่าตอนนี้แมคคอยจะเป็นห่วงอาการของเชคอฟอยู่มาก
“เอาจริง?” พลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วถอนหายใจตามแบบฉบับลีโอนร์าด แมคคอย
เชคอฟก็ตอบแบบไม่คิดทันที.........ถ้าปล่อยให้ซูลูรอนานแล้วเกิดโมโหขึ้นมาล่ะก็......อา
เชคอฟคนนี้ไม่อยากคิดเลยล่ะ ไม่เอาน่าาา
“ครับๆ ผมลุกไหว ผมทำได้!”
เด็กน้อยกระเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับโดนเข็มทิ่ม
แต่หมอแมคคอยก็ไวพอที่จะเข้าไปดึงเข็มเล่มนั้นออกด้วยการโถมตัวเข้าไปปรามไว้
“เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆๆๆ!
อย่างเพิ่ง.....” และคงเป็นเพราะร่างสูงโถมตัวลงไปมากเกินไป
จึงทำให้ทั้งสองจมูกปะทะกันแบบปุบปับรับโชค
“?!”
เด็กหนุ่มตัวแข็งทื่อ
ศีรษะของเค้าเพิ่งผละจากหมอนมาเพียงนิดเดียวเท่านั้น และด้วยความอ่อนแรงซึ่งยังไม่ฟื้นตัวดีของเด็กหนุ่มก็ทำให้เค้าไม่มีแรงพอที่จะพยุงตัวเองไว้ได้ และร่างน้อยๆ นั่นก็กำลังตกลงกระแทกกับที่นอนเสียด้วยแล้ว แต่โชคยังดีที่ได้วงแขนแกร่งของบุรุษแดนใต้มาเกี่ยวประคองไว้ได้ทันเวลา
และด้วยสัญชาติญาณ
แมคคอยเกี่ยวรั้งเชคอฟไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีจึงทำให้ปลายจมูกของทั้งสองบดขยี้กันอย่างแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาทั้งคู่กระพริบถี่อย่างตกใจในคราแรก
แต่ดวงตาสีเฉดเดียวกันก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งมนต์สะกดของกันและกัน จนมิอาจละออกมาได้...............
..................ดวงหนึ่งกลมโตแลดูไร้เดียงสา.............
....................อีกดวงหนึ่งคมกริบประดุจเหยี่ยว.................
ดูเหมือนนอกจากอ้อมกอดแล้ว
ดวงตาของทั้งคู่ก็ยังเกาะเกี่ยวกันด้วย
แต่พอนานเข้าดวงตาคู่น้อยนั่นก็เริ่มสั่นระริกใส่อีกคนเสียอย่างนั้น
พร้อมกับริ้วสีแดงที่ขึ้นทาบทับบนผิวแก้มเนียนใส
ทว่า...........
กริ๊งงง!!!!
‘ฮิคารุ ซูลู มายืนอยู่ที่หน้าบ้านคุณแล้วคุณหมอ’
.
.
.
.
TBC.
--------------------------------------------------------------------------------------------
ตามไปแกะกระแสกันในเฟสเลยค่าาาาา >>แฟนฟิค ฮอลีวู้ด<<
2 ความคิดเห็น:
อยากไปออกรายการ วันนี้ที่รอคอย มากอะ... กว่าเราจะได้เม้นท์ให้ 555 ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้ขึ้นดอย แล้วคณะนัดตีห้าป่ะ...เหอๆๆๆ ก็กะจะนอนเช้าๆ นะ(เหรอ?) ช่างเหอะเม้นท์ดีกว่า เย้ๆๆๆ
เย้ๆ ได้รู้ละว่าหมอกะน้อง คุยไรกันตอนตื่นมา เหอะๆๆ คือแบบตอนนี้ขอเคืองน้องนิดนึงนะ แบบ...ให้หมอโกหกไปก็ได้นะว่าไม่อยู่อะ -*- คือถ้าหมอไม่นึกขึ้นมาว่าน้องอายุ 17 นะ เราก็ลืมไปแล้วค่ะ 555 แบบตอกย้ำว่า "หมอเอ้ยยย แกโดนข้อหาพรากผู้เยาว์แน่ๆ" วะฮะฮะๆๆๆ *ฉึก<<<มีดปักอก
งุงิ ตอนที่ล้มลมทับกันอะ เรานึกว่าจะจุ๊บุกันแล้วซะอีก (ความคิดแกนี่ไม่ค่อยอะ...) ฟีลแบบ Lying beside you...Here in the dark...Feeling your heartbeat with mine...เราว่าจริงๆ นะคะ เพลง Open Arms แอบตรงกับฟีลลิ่งหมอนะ คึคึคึคึคึ
เช่นเคยค่ะ ขอบคุณไรท์เตอร์ผู้น่ารักที่อุตส่าห์เขียนฟิคให้เราอ่าน ลัลล้าๆ สู้ๆ นะคะ จุ๊บๆๆๆ
แสดงความคิดเห็น