อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย! สวัสดีค่ะรีดๆ
ที่รักทุกท่านขาาาา >{}< ในที่สุด...ฮึก...ฮ้า...ฮ้า..//หอบหายใจ// ในที่สุดไรท์ก็ว่างมาลงแล้วค่ะ ><! //สักพักมีเท้าไม่ทราบชื่อ// อั๊กก!! //ตัวเบี้ยว// ขอโทษค่าาาา
M_ _M เนื่องด้วยช่วงนี้แม่ใช้ไรท์เยี่ยงทาสของทาสค่ะ.....เยี่ยงทาสไม่พอค่ะ ไรท์เลเวลอัพ T_T เวลาที่เหลืออันแสนจะมีค่ายิ่งของไรท์จึงจำเป็นต้องอุทิศให้แก่การเขียนฟิคค่ะ
M_ _M ว่างจริงๆ เลยได้ลงฟิคกะเค้าสักทีหนึ่งค่ะ
แฮ่ๆ ^^* //หัวเราะแห้ง//
อร๊ายย มาต่อค่ะ เรื่องอื่นอย่างเพิ่งสนใจ! //บ้าคลั่ง//
เนื่องจากไม่ได้ต่อมาหลายอาทิตย์แล้วสำหรับเรื่องนี้ Part นี้จ่อก้น Part
ที่ 19 ของเรื่องนี้เลยค่ะ ^^ เพื่ออรรถรสที่ดีเยี่ยมไรท์แนะนำให้รีดๆ
อ่าน Part 19 ย้อนหลังอีกทีหนึ่งนะคะ แล้วค่อยมาอ่าน Part
20 นี้ ^^
โอ๊ยยยยยยย
แม็กนัสพระเอกมาเลยค่ะ ><!! อุ๊บ! สปอยล์
55555 เผลอเป็นไม่ได้เลยค่ะไรท์ 5555
งั้นเอาเป็นว่ารีดๆ ไปอ่านกันเลยล่ะกันค่ะ >< เอ้า ไปกันเลยยยยยยยย!! >{}<
-------------------------------------------------------------------------------------------------
“อเล็คอยู่ไหมครับ”
แม็กนัสว่า เนื้อตัวของเค้าถูกสวมทับด้วยเสื้อผ้าในชุดเดิมของเมื่อวานนี้เพราะรีบมาก และตอนนั้นเองเป็นเวลาเดียวกันกับที่อิซาเบลเปิดประตูออกมาพอดี เธอชะงักค้างแล้วตาโตที่เห็นเพื่อนของพี่ชายซึ่งไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว
และเธอแอบสนใจเค้าตั้งแต่เป็นเพื่อนกับอเล็คเมื่อหลายปีก่อนแล้ว เค้าทำไมถึงได้ดูน่าดึงดูดใจถึงเพียงนี้กันนะ............นั่นคือแม็กนัสที่เอาแต่เป็นห่วงอเล็คอยู่นักหนาจริงๆ
น่ะหรือ?
ตัวจริงของเค้าในตอนนี้หล่อมากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก........อิซาเบลล่องลอย มือกำลูกบิดค้างไว้
และครึ่งหนึ่งของตัวเธอก็ยังคงซ้อนอยู่ในด้านหลังของประตู แม็กนัสในทีวีเทียบไม่ได้กับตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงนี้เลย
“หวัดดี อิซซี่” แม็กนัสหันมาเจออิซาเบลแล้วยิ้มทักทายกับเธอ เป็นเหตุให้คนที่ปลื้มเค้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม แต่แล้วแม็กนัสก็เรียกรอยยิ้มนั้นคืนไป
“อเล็คอยู่รึเปล่า” ร่างสูงดูรีบร้อนมากขึ้นไปอีก
อิซาเบลหุบยิ้มลงแล้วทำหน้าตาย เธอหมุนตัวกลับเข้าไปแล้วกระแทกประตูใส่ จนแม็กนัสที่ทำตัวรีบร้อน
ปรากฏหน้าไม่เข้าใจในการกระทำนั้นของน้องสาวคนเดียวของอเล็ค
อิซาเบลกลับเข้ามาในบ้าน
เดินผ่านพี่ชายของตัวเอง “อเล็คมีคนมาหาพี่แหนะ” เธอว่า ก่อนจะกระทืบเท้าขึ้นไปบนห้องนอนของเธอแล้วอารมณ์เสียตลอดทั้งวัน
เพราะตั้งแต่อเล็คมาเธอก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของใครเลย อิซาเบลเริ่มเกิดอารมณ์อิจฉาที่ขุ่นมัว
ส่วนคนที่นั่งอยู่รอการกลับมาของผู้เป็นแม่อย่างใจเย็น
ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่มีคนมาหาเค้าถึงที่บ้าน
อเล็คจำได้ว่าไม่มีใครรู้ว่าเค้ากลับมาที่นี่ ขนาดครอบครัวก็เพิ่งจะรู้ด้วยซ้ำว่าเค้ากลับมาเร็วขนาดนี้..........ไม่น่ามีคนในแถบนี้รู้และคิดจะมาหาอเล็คได้นะ
ร่างบางมีความรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บางทีอาจจะเป็นคนที่บังเอิญเห็นเค้าในระหว่างที่ทางนั่งแท็กซี่จากสนามบินกลับมาบ้านก็ได้ใครจะไปรู้ ดังนั้นอเล็คจึงยืนขึ้นแล้วเดินออกไปที่ประตู
ร่างบางไม่ได้มองผ่านกระจกใสตรงประตูหน้าเลยด้วยซ้ำว่าเป็นใครกันแน่ที่มาหาเค้า
และทันทีที่ผลักประตูออกไปแล้วปิดมันลงด้วยความเงียบ
อเล็คก็แทบหยุดหายใจ ดวงตาสีฟ้าแสนสวยราวกับลูกแก้วนั้นเบิกขึ้นและไหวระริก
.................คนที่มาหาเค้ายืนรอเค้าอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
คล้ายกับเมื่อหลายปีก่อนที่เจ้าตัวมาเพื่อชวนเค้าออกไปเล่นข้างนอกบ่อยๆ
..............
“แม็กนัส...” อเล็คกระซิบจนคิดไปว่าตัวเองอาจเพียงแค่เอ่ยชื่อนั้นในใจ ภาพเบื้องหน้าคือ แม็กนัส เบน ที่เค้าหวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ยืนอยู่เคียงข้างรถที่เค้าเคยเห็นในโฆษณามอเตอร์โชว์หรูในนิตยาสารที่เจซชอบอ่าน เพื่อนร่างสูงยืนไม่เต็มความสูงนัก คล้ายกับว่าเจ้าตัวนั้นรีบเอามากๆ
และไม่ได้หยุดพักเลยจนกระทั่งมาถึงที่หมาย.............
แม็กนัสทอดสายตามาหาอเล็ค จนร่างบางรู้สึกว่าตัวเองหดเล็กลงไปเลยเมื่อโดนจ้องมองด้วยสายตาแบบนั้น สายตาที่เว้าวอน สายตาที่น่าสงสาร สายตาที่อัดอั้นบางสิ่งบางอย่างอยู่ สายตาที่เหมือนจะขาดใจแม้จะมาถึงที่หมายแล้ว สายตาเหล่านั้นล้วนเป็นสายตาของแม็กนัสที่อเล็คไม่เคยเห็น...........
มีเรื่องร้ายแรงอะไรอย่างนั้นหรือ.......อเล็คคิดอะไรไม่ออก
และเกิดคำถามขึ้นมาในใจ
ท่าทางของแม็กนัสพาทำให้เค้าใจไม่ดีไปด้วย
............แม็กนัสเป็นอะไรรึเปล่านะ...........
สองหนุ่มยืนมองจ้องประสานตากันโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมาทั้งสิ้น และลืมไปเลยว่ายังมีอีกสองชีวิตที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวยืนคั่นกลางระหว่างทั้งสองไว้อยู่ แม็กซ์ที่อ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัวหันกลับไปกลับมาระหว่างแม็กนัสกับอเล็ค เช่นเดียวกับผู้เป็นแม่ซึ่งทำสายตาประมาณเดียวกัน
“เอ่อ หนุ่มๆ ถ้ามีอะไรก็คุยกันได้ตามสบายเลยนะจ๊ะ....”
และในที่สุดแมรีสก็ตัดสินใจทำลายความเงียบที่ชวนอึดอัดพิกลนั่นซะ เธอไม่รู้ว่าเหตุใดลูกชายและเพื่อนของเค้าจึงมีท่าทีอย่างนั้นใส่กัน.........บางทีอาจเป็นเพราะทะลาะกันตามประสาหนุ่มๆ
ก็ได้ เธอคิด และไม่ได้รู้เลยว่าเหตุผลที่ทำให้สองคนนี้มีท่าทางชาดิกใส่กันนั่นเป็นเพราะอะไร
แต่แม่ของอเล็คก็ไม่อาจปล่อยให้เสียเวลาในเรื่องที่เธอเห็นสำคัญกว่า
ไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว “แต่ก่อนอื่นอเล็คต้องคุยเรื่องธนาคารกับแม่ก่อนนะ เงินของลูกตอนนี้มันยังอยู่ดีใช่ไหม” แมรีสยกมือทั้งสองขึ้นราวกับขอหยุดเรื่องทุกอย่างไว้ก่อนที่เรื่องสำคัญของเธอจะเสร็จเรียบร้อย
หญิงค่อนข้างมากอายุเสยผมขึ้น พยายามปั้นยิ้มให้ดูอารีในขณะที่หันไปพูดกับลูกชายคนโตผู้เป็นดั่งความหวัง
“คนของธนาคาร....กำลังจะมาและแม่ไม่อยากให้เค้ารอเก้อนะอเล็ค” เธอว่า ไม่สนใจในมารยาทของการคุยเรื่องภายในครอบครัวต่อคนอื่นอีกแล้ว
“ขอแค่เอาเงินนั่นมา แล้วบ้านเราก็จะปลอดภัย”
แมรีสดูร้อนใจในประโยคถัดมา คราวนี้เธอหันไปรบเร้ากับลูกชายตรงๆ แล้วยืนบังเค้าไว้จากแม็กนัส อเล็คไม่สามารถมองเห็นแม็กซ์หรือแม็กนัสได้ แม่ของเค้าในตอนนี้ดูราวกับปีศาจกระหายเลือดที่กำลังต้องการโลหิตสีแดงจากเค้า
แต่สิ่งที่เธอต้องการแท้จริงแล้ว นั่นคือเงินต่างหาก
“เฮ้อ.....นายน่ะจบการบริหาร เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาเพื่อเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านลาเฟ่เล็กๆ
เนี่ยนะ เชื่อเค้าเลย”
“ช่างฉันเถอะน่า........ฉันกำลังซึมซับประสบการณ์
เดี๋ยวอีกหน่อยฉันจะต้องมีร้านเป็นของตัวเองแน่”
“ฮ่าๆๆ งั้นเหรอ.....ฉันจะค่อยดูล่ะกันนะ”
“คุณศึกษามันถึงไหนแล้วล่ะ?........ผมว่าร้านของคุณคงจะน่าเข้าน่าดูเลย
เพราะคุณดูใส่ใจและละเอียดอ่อนกับมันเหลือเกินหนิ”
“ผมเพิ่งดูรายการที่พาไปเที่ยวในอิตาลีน่ะ.....มีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง
สไตล์การแต่งร้านน่าสนใจมาก ผมก็เลยจดสิ่งที่น่าจะมีอยู่ในร้านของผมอีกนิดหน่อย”
“คุณมีจินตนาการ”
“ผมรู้ แต่ร้านของผมในอนาคตไม่ได้ต้องการแค่จิตนาการแต่มันต้องการเงินทุนด้วย”
“โอ้.....แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคุณจะทำได้ เพราะคุณเป็นคนที่ขยันและจริงจังมากๆ
และคุณก็รักร้านลาเฟ่”
“ใช่
ผมอยากเปิดร้านของตัวเองจริงๆ นั่นแหละ.......”
แม่รบเร้าถาม อยากจะเอาคำตอบ อเล็คต้องตอบแม่ออกไปแล้ว แต่วินาทีนั้นเค้ากลับรู้สึกกลัว เสียใจ
และโหยหา.........ความฝันตลอดหลายปีมานี้ของเค้ากำลังจะหายไปอย่างไม่มีวันปั้นใหม่ได้อีก อเล็ครู้สึกมวนท้อง ใบหน้าแม่ของเค้าเหมือนภาพหลอนจากหนังสยองขวัญที่เอาแต่ลอยตามตัวเค้าไม่หยุด และพื้นใต้เท้าร่างบางก็เหมือนท้องเรือที่โคลงไปมา อเล็คไม่ได้ลังเลที่จะตอบแต่มีท่าทีว่าจะไม่ปริปากพูดอะไรออกไปเลยต่างหาก
และกิริยาเช่นนั้นก็ทำให้แมรีสอารมณ์เสีย เธอเร่งและเชื่อว่าลูกชายจะไม่มีวันปฏิเสธเธอแน่นอนดั่งเช่นทุกครั้งที่เป็นมา
“อเล็ค” พลันสีหน้าเธอก็เกิดเปลี่ยนไป เมื่ออเล็คหันมามองหน้าเธออย่างตื่นกลัว
ก่อนจะถอยหลังหนีไปหนึ่งก้าว...........การเผชิญหน้ากับแม่เวลาที่ไม่พอใจทำให้อเล็ครู้สึกแย่
และดูเหมือนแม่ต้องการเงินนั่นจริงๆ แม้เค้าจะตอบว่าได้หรือไม่ก็ตาม
“จะไม่มีใครเอาเงินของใครไปทั้งนั้นล่ะครับ”
พลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ยุติการเดินหน้าเข้าหาลูกชายผู้ตื่นกลัวของแม่รีสลง
หญิงมากอายุที่สุดแต่ทว่าดูแลตัวเองได้ดีหันหลังกลับมาอย่างไม่เชื่อหู สีหน้าเธอขณะพูดดูเดือดจัด เพราะไม่ชอบใจที่มีใครเข้ามาแทรกบทสนทนาภายในครอบครัวของเธอ โดยเฉพาะในตอนที่บ้านของเธอกำลังจะถูกยึด
“แม็กนัสเธอว่าอะไรนะ” แมรีสผมสะบัดปลิ้วในขณะที่หันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าเธอดูไม่เชื่อหูตัวเอง “นี่มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
หญิงแก่พูดเสียงแข็งกร้าว แต่แมรีสก็พยายามเก็บสีหน้าโมโหเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
แต่แม็กนัสไม่ได้สงบคำตามที่หญิงแก่คาดไว้
“มันเป็นเรื่องของผม เพราะพวกคุณกำลังบังคับอเล็คทั้งๆ
ที่เค้าไม่เต็มใจ” ร่างสูงสะโอดสะองสังเกตเห็นแววตาวาววูบของหญิงที่สบตาเค้าอยู่
แมรีสหันทั้งร่างมาหาประจันหน้ากับเพื่อนสนิทของลูกชาย
“แล้วมันใช่เรื่องของเธอหรือไง” แมรีสว่า
เธอรู้ว่าแม็กนัสเป็นคนดัง ไม่ควรพูดไม่ดีออกไปมากนักแต่แมรีสก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้แสดงอารมณ์ทางสีหน้าออกมาได้เลย
อเล็คที่ถูกแย่งความสนใจจากแม่ไปก็เอียงใบหน้าไปมองแม็กนัสด้วยแววตาลุกวาวอย่างพรั่นพรึงและเหนือความคาดหมาย........แต่ไหนแต่ไร
แม็กนัสสุภาพกับครอบครัวของเค้ามาโดยตลอด
ไม่เคยเลยสักครั้งที่แม็กนัสคิดจะทำให้แม่ของเค้าอารมณ์ขุ่นมัว
แม็กนัสคิดจะทำอะไรของเค้ากัน.......ร่างบางคิด
ในขณะที่ร่างกายที่ยังคงมีรอยจูบของเพื่อนร่างสูงอยู่ สั่นอยู่ภายใต้เสื้อแขนยาวตัวหนานุ่ม อเล็คไม่อยากเห็นฉากปะทะครารมระหว่างแม็กนัสกับแม่ของเค้าเลย เรื่องแย่ๆ กำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว อเล็คประวิง ร่างน้อยๆ ของเค้าสั่นระริกราวกับลูกแมวที่โดนฝนสาดกระหน่ำ
“ทำไมคุณถึงคิดว่าอเล็คจะต้องรับผิดชอบกับทุกอย่างที่คุณก่อไว้ล่ะ”
แม็กนัสยืดตรงจนเต็มความสูง ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้มีแววยำเกรงเลย.......แม็กนัสจะไม่ลืมเหตุผลที่เค้าอุตส่าห์ขับรถมาหลายร้อยไมล์ด้วยความเร็วที่สามารถเข้าไปนอนในคุกได้สบายๆ
เพียงเพราะโดนหญิงแกคนนี้ตวาดแน่นอน
และทันทีที่แม็กนัสพูดขึ้นโดยไม่โอนอ่อนเลย
แมรีสก็รู้สึกเหมือนโดนตบหน้า..........แม็กนัสพูดเหมือนรู้เรื่องทั้งหมดดีอย่างทะลุปรุโปร่ง เธอหน้าชาเห่อในตอนที่พูด
“เธอเอาอะไรมาพูด” แมรีสพยายามทำเสียงเย็น ไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่แม็กนัสกำลังจะสื่อ
“คุณให้เค้ารับภาระหน้าที่หนักเกินไปรู้บ้างไหมครับ”
อเล็คตัวกระตุกในขณะที่แม็กนัสพูดประโยคนี้ออกมา
...............แม็กนัสมาที่นี่เพื่ออะไรกัน?
และทำไมเค้าถึงทำเหมือนรู้เรื่องค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวที่อเล็คต้องเป็นคนรับผิดชอบ.............
“ผมไม่คิดว่าเค้าจะเป็นลูกชายที่ควรออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านเพียงเพื่อต้องหาเงินมาจ่ายอะไรต่อมิอะไรที่พวกคุณไม่คิดจะหาเงินจ่ายเองหรอกนะครับ”
แม็กนัสพูด และแมรีสก็เหมือนโดนตบหน้าแรงขึ้นอีก คำพูดของแม็กนัสทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนสาป
“ธะ เธอพูดเรื่องแบบนี้รู้ใช่ไหม มันหมายความว่าอะไร!? และอีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมายุ่งเกี่ยวกับเราด้วย อเล็คเป็นลูกของฉัน เงินทุกเหรียญที่เค้าหาได้พวกเราเองก็มีสิทธิ์ใช้มันเหมือนกัน!”
“เหมือนที่เค้าไม่เคยได้รับอะไรจากพวกคุณเลยน่ะหรือ”
แม็กนัสยังคงยืนยัดและมีทีท่าว่าจะไม่ยอมความแมรีสง่ายๆ “ผมเคยคิดว่าอาจมีบางเรื่องที่ผมยังไม่รู้ แต่จริงๆ แล้วพวกคุณก็ไม่เคยปฏิบัติกับอเล็คอย่างที่ครอบครัวควรจะทำ
จริงๆ นั่นแหละ”
“เธอก้าวก่ายมากเกินไปแล้วแม็กนัส ถึงเธอจะเป็นคนดังแต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้”
แมรีสชี้หน้าแม็กนัส รู้สึกเหมือนโดนหยามหน้าอย่างรุนแรง..........ไม่เคยมีใครพูดถึงสิทธิประโยชน์ของอเล็คสักคนหนึ่งหรอก ไม่มี!
“ผมไม่ได้พูดในฐานะของ แม็กนัส เบน ที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก แต่ผมมาที่นี่เพื่อตัวของอเล็คเอง....” พอเอ่ยถึงส่วนท้ายของประโยค
เสียงแข็งกร้าวของแม็กนัสก็ฟังดูอ่อนยวบลงทันที
ร่างสูงสะโอดสะองเบนสายตาไปมองใบหน้าขาวใสที่บ่งบอกถึงความงุนงงและกดดันได้เป็นอย่างดีของอเล็ค
และพลันสีหน้าของอเล็คก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวใจดวงน้อยของร่างบางหยุดเต้นและกระตุกไป............แม็กนัสที่มาที่นี่เพื่อเค้าอย่างนั้นหรือ? ช่วงเวลานั้นอเล็ครู้สึกเหมือนแม็กนัสมาช่วยเค้า
แต่อเล็คไม่ชอบคิดเข้าข้างตัวเองมากนัก
“หึ ถึงเธอจะทำเพื่ออเล็ค แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก.....เพราะอเล็คตัดสินใจจะมาที่นี่เพื่อช่วยครอบครัว”
หญิงมากอายุหัวเราะอย่างเหนือเชิงกว่า และเอ่ยถึงสายสัมพันธ์ที่แม็กนัสไม่มี
เป็นเพราะครอบครัวของร่างสูงนั้นกลับไปอยู่ต่างประเทศนานแล้ว
แต่แม็กนัสโตพอที่จะไม่สนใจ “และผมหวังว่าเค้าจะปฏิเสธ“
พ่อของเค้าคนเดียวรักเค้ามากกว่าที่แมรีสกับโรเบิร์ตรักอเล็ครวมกันซะอีก
แมรีสได้ยินเสียงอเล็คอุทานอยู่ด้านหลังเธอ ก่อนที่แม็กนัสจะเดินเข้ามา ผ่านแม็กซ์ มองหน้าเธอราวกับผิดหวังเป็นอย่างมาก และจับมืออเล็ค
“เค้าจะไม่จ่ายให้คุณ” แม็กนัสว่า
ขณะอเล็คที่ทำหน้าตาตื่นตกใจแบบสุดขั้วมองข้อมือที่ถูกจับของตัวเองและแม่กับแม็กนัสไปด้วย
แมรีสเดือดจัดแล้วจริงๆ
เธอไม่เคยเจอคนนิสัยก้าวร้าวแบบนี้มาก่อนเลย “ปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
“ผมไม่ปล่อย” แม็กนัสเอ่ยเสียงฟังดูหงุดหงิด
ก่อนที่จะดึงอเล็คเข้ามาหาตัวเค้า ร่างบางเซถลามาซบอกของแม็กนัสและโดนกอดไว้ คนโดนกอดทำหน้าตาตื่นแต่ก็คงน้อยกว่าแม่ของตัวเองในเวลานี้
แมรีสมองดูการกระทำนั้นของชายหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนสะโอดสะอง
และรู้สึกว่าสมองตัวเองกำลังจะเต้นได้
หญิงแก่เม้มปากอย่างไม่ชอบใจและเอ่ยออกมาอย่างคุกคาม “ปล่อยเค้าแม็กนัส
แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
อเล็คพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของเพื่อนร่างสูง
กระทั้งบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมก็ทำไม่ได้
และนั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำทำให้อเล็คหวนนึกถึงคืนนั้นอีกด้วย ร่างบางตัวสั่นเทาเล็กน้อยขณะพยายามไม่ทำให้แม่โกรธไปมากกว่านี้
“แม็กนัส ปล่อยฉันเถอะ...อึก”
แต่แม็กนัสไม่ฟัง ร่างสูงสะโอดสะองเอียงหน้าเข้าไปเอ่ยอย่างชัดเจนกับแมรีส
“คุณจะไม่ได้อะไรจากอเล็คอีกแล้ว” เค้ากล่าวอย่างมั่นใจ แต่แล้วเสียงล้อยางบดกับถนนหินกรวดก็ดังขึ้นเรียกความสนใจใหม่ของทุกคนไปที่ทางเข้าบ้าน
รถเบนซ์สีดำคันหรูจอดอยู่ข้าง Agera ของแม็กนัส แต่ดูไม่เข้ากันเสียเท่าไร รถคันที่เพิ่งมาใหม่ดูหมดราศีไปเลยเมื่อเทียบกับรถราคาหลายล้านของร่างสูง มีชายใส่สูทสองคนลงมาจากรถ หัวล้านและสวมแว่นตา ดูท่าทางไม่เคยรู้จักคำว่าออกกำลังกายเลยเดินหน้าเข้ามา แมรีสเป็นคนแรกที่รู้และลอบกลืนน้ำลายลงคอไป สีหน้าเธอเปลี่ยนไปเป็นประหวั่นประวิงเล็กน้อย แล้วปั้นหน้ายิ้มให้แก่ชายสองคนจากธนาคาร
มีคนหนึ่งถือกระเป๋าเอกสารการจำนองบ้านของแมรีสมาด้วย
“เอ่อ สวัสดีค่ะ
ยินดีที่คุณมาค่ะ เชิญนั่งข้าง.....”
“คงไม่ต้องเป็นการรบกวนหรอกครับคุณนายไลต์วู้ด
เราจะไม่อยู่นานนัก” ชายอ้วนหัวล้านใสใส่แว่นอันจิ๋ว ที่ไม่ได้ถือกระเป๋าเอกสารพูด
สีหน้าเค้าดูไร้อารมณ์ตลอด กระทั่งดูเหมือนจะไร้ความปราณีทางด้านการเงินไปด้วยเลย
..............ถึงเวลาที่ต้องจ่ายเงินแล้ว..........
แมรีสหันมาทำหน้าเป็นผู้ชนะใส่แม็กนัสที่มีอเล็คยืนพิงอกอยู่ หญิงแก่เห็นใบหน้าพรั่นพรึงที่ยังไม่พร้อมของลูกชายคนโต
ริมฝีปากบางนั้นที่ดูน่าทะนุถนอมกว่าอิซาเบลเม้มเข้าหากันเพื่อซ่อนอาการสั่นระริก
เธอชนะ! และคำพูดที่ดูจะปกป้องของแม็กนัสก็ไม่สามรถช่วยอะไรเล็คได้เลย
และมันก็เอาชนะเธอไม่ได้!
ชายคนที่สองเปิดกระเป๋าเอกสารออก
ด้านในเป็นเอกสารที่พร้อมเซ็น
และชายคนที่สองก็ถือปากกาหมึกซึมอย่างดีที่นายธนาคารชอบใช้กันกับลูกค้าคนสำคัญ
“คุณ แม็กนัส เบน เชิญเซ็นด้วยครับ”
ชายหน้าไร้อารมณ์พูดขึ้น หลังจากเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม และแมรีสก็อ้าปากค้าง
“อะไรนะคะ?!” เธอทวนคำ
คาดว่าตัวเองคงฟังผิดไป
และนายธนาคารคนนั้นก็หันมาตอบหน้าตายกับเธอราวกับไม่มีอารมณ์สนุกด้วย “คุณควรดีใจที่คุณแม็กนัสจ่ายหนี้ที่คุณติดอยู่กับธนาคารไว้ทั้งหมดแทนประชากรที่รายได้ด้อยต้อยต่ำอย่างคุณ....”
ชายอ้วนปั้นยิ้มหลอกๆ รู้สึกรำคาญแมรีสอยู่ไม่น้อย “.....นะครับคุณนายไลต์วู้ด”
และก็เป็นเวลาเดียวกันที่แม็กนัสจรดปากกาเซ็นเอกสารนั้นเสร็จพอดี..........เค้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้วจากการให้คนไปสืบมานิดๆ
หน่อยๆ ร่างสูงก็พอจะรู้ว่าครอบครัวของอเล็คสร้างหนี้สินไว้มากมายแค่ไหน
และเค้าทนไม่ได้ที่จะเห็นอเล็คต้องมารับกรรมทุกอย่าง ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย ทั้งๆ ที่ทำงานลำบากแทบตายขนาดนั้นเพื่อครอบครัวกับตัวเองแท้ๆ
แต่ทำไมคนที่อ้างตัวว่าเป็นครอบครัวจะต้องทำแบบนี้กับเพื่อนตัวน้อยของเค้าด้วย
ดังนั้น เมื่อความเห็นใจของเค้าเอ่อล้นออกมา พร้อมกับที่ความอดทนก็ขาดผึ่งออกจากกันอย่างเหลืออด แม็กนัสจึงขอรับผิดชอบทั้งหมดนั้นไว้ด้วยตัวเองแทน
...................ซึ่งมันเทียบไม่ได้กับรายได้มหาศาลที่เค้าได้รับในทุกๆ
วันเลยด้วยซ้ำ............
“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน” แมรีสอ้าปากค้าง
ผายมืออย่างไม่เข้าใจ ในใจเธอแทบอยากจะกู่ร้องพร้อมเต้นไปด้วย แต่ความไม่เข้าใจของหญิงแก่นั้นมีมากกว่าหลายเท่านัก
แต่ยังไม่มีใครสนใจเธอ นายธนาคารทั้งสองยิ้มแย้ม จับมือกับแม็กนัส ขอบคุณที่ร่างสูงจ่ายเงินทั้งหมดด้วยเช็คจำนวนหนึ่งที่ไม่ใช่ว่าใครๆ
ก็สามารถทำแบบนี้ได้ แล้วลากลับไปในที่สุดเมื่อหมดธุระแล้ว
..................บ้านหลังนี้ยังคงเป็นของตระกลูไลต์วู้ดต่อไป.............
ด้วยปลายปากกาและสมุดเช็คของแม็กนัส
เบน
แม็กซ์ลืมไปนานแล้วว่านัดกับเบ็ตตี้ไว้ เด็กชายมองตามรถของคนจากธนาคารขับออกไปจากบ้านจนลับสายตา
แต่แม่ของเค้านี่สิหนักกว่า
แมรีสทำหน้าเหมือนเพิ่งมีคนกระชากสร้อยของเธอไป แต่ความรู้สึกของเธออยู่ในแง่ดี
อเล็คมองหน้าแม็กนัสโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ.........ทำไมแม็กนัสถึงรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ?
ที่มาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ และกล่าวก็กล่าวเถอะ แม็กนัสไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ร่างสูงสะโอดสะองกลับไม่สนใจสิ่งแวดล้อมที่โดนสาปและเพ่งความฉงนมาทางเค้าเลย แมรีสเริ่มได้สติแล้วและหันมาหาแม็กนัสที่ทำหน้าไม่ยินดียินร้าย
แต่ในใจร่างสูงนั้นอยากยกยิ้มออกมาเยี่ยงผู้ที่เหนือความคาดหมายมากกว่าและกุมชัยชนะไว้
เป็นอย่างยิ่ง
“เธอ....”
“ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณ” เค้าพูดขัด มีสีหน้าจริงจัง
“ไม่ได้ทำเพื่อใครทั้งนั้น” และเค้าก็หันมาจับมือของอเล็คอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้บีบจนแน่นแต่สัมผัสอ่อนโยนอย่างยิ่ง ร่างสูงสบตาเพื่อนตัวน้อยที่ทำหน้าไม่เข้าใจ
ด้วยสายตาที่จริงแท้
“แต่ผมทำเพื่ออเล็ค”
.
.
.
TBC.
---------------------------------------------------------------------------------------------
อิตาเบนนนนนน! >///< อร๊ายยยยยยยยยยย! พระเอกเชอะ!! >{}< เพิ่งรู้สึกว่าแกมีคุณสมบัติความเป็นพระเอกครั้งแรกเลยนะเนี่ยยยยยย
><
เปรี๊ยงงงงง! //สายฟ้าสีฟ้าผ่าลงกลางหัว//
ก็มันจริงไหมอ่าาา >{}<!? จริงไหมคะรีด?? เนี่ยยยย ไรท์เพิ่งจะอุทานคำว่าพระเอกเป็นครั้งแรกตั้งแต่อ่านทวนในเรื่องนี้มาเลยล่ะค่ะ “แต่ผมทำเพื่ออเล็ค” โอ๊ยยยยยย
อิตาเบนนน เอาไปหนึ่งไลท์เลย 5555555 //แม็กนัส : นี่เธอเห็นค่าฉันแค่นั้นเองใช่ไหม
-_-“ //
เอื่อ 5555555 //สะใจ// แม่อเล็คเหวอเลยค่ะ
5555 Part จะเป็นยังต่อแม็กนัสผู้มาใหม่อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเชิญมานั้นจะทำอะไรต่อก็ติดตามกันต่อได้ใน
Part หน้าเลยนะคะ ><
ไรท์จะกลับมาใหม่เมื่อชาติต้องการค่ะ
5555 //โดนถีบ// ถ้าหากหายไปนานก็ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วนนะค่าาา M_ _M ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ รักรีดทุกท่านนะคะ >< อูยยยยย อย่าลืมคอมเม้นท์กันด้วยนะเออ
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น