มาแล้วค่ะมาแล้ววววว สวัสดีค่ะรีดๆ ที่น่ารักมากมายของไรท์ ขอโทษนะคะที่มาล่าช้ามากกกกกกก เปิดเรียนแล้วติ้วเลยค่ะ 55555 วิชาพละนันทนาการไรท์โดนวิ่งเก็บทั้งเทอม 100
รอบสนามฟุตบอลค่ะ โฮกกกกกกกกกกกกกกก
อ๊ากกกกกกกก อาจ๊ารย์!! >{}< เอาน้อยๆ ให้หนู่มั่งดิ หนูไม่ใช่นักกีฬานะคะ!! โอ๊ยยยยย พูดถึงแล้วปวดตับ ปวดหัว
ปวดขาเลยค่ะ เลิกพูดแล้วข้ามไป!
มาต่อ Part 2
แล้วนะคะ Part นี้พวกเค้าจะมาโคจรพบกันในเวลาปัจจุบันแล้วล่ะค่ะ อะแน่นอน...ไรท์มโนเองงงงง 555555 แบบว่าใครเคะใครเมะก็ไปจิ้นกันส่วนตัวเนอะ ยอมรับเลยค่ะ
ตั้งแต่ดูครั้งแรกจนเขียนฟิคเสร็จก็ยังไม่รู้เลยค่ะใครเป็นเคะใครเป็นเมะ คือเบน
วิชอว์ (โฟรบิตเชอร์) หนูก็ออกไปผจญโลกอย่างมาดแมนและคิดจะทำอะไรกะอีตาวิเวียนไปแบบนั้น.....
เลือกบ้างนะลูก คนแก่บางทีมันก็ไม่ได้อยู่ๆ
ก็เร่าใจขึ้นมาหรอกนะจ๊ะ อยากจะยัดคนสวนเข้าไปในหนังอีกคนหนึ่งจังเลยค่ะ เอาหล่อๆ ล่ำๆ
ไม่มีการศึกษาแต่เหมาะกับการใช้แรงงานมาก
มาให้เบน (โฟรบิตเชอร์) กระชุ่มกระชวยเล่นๆ 55555
เค้าจะได้ไม่ทำให้อิตาวิเวียนรู้ความลับแล้วเกิดเรื่องน่าปวดหัวขึ้นมาได้ โทษตาแก่นั่นลูกเดียวเลยค่ะ แย่ๆๆๆๆ แย่มากๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วซิกส์สมิธนี่คือเรียบร้อยมากเลยค่ะ แต่ช่วงแขนใหญ่กว่าอีกฝ่ายมาก
น่าจะเปลี่ยนคนกอดนะ 5555555 กอดเค้าสิ
ให้เค้ากอดตัวเองดูขาดหายนะจ๊ะ 555555.....โอเคค่ะ เพราะงี้ไงคะ
ไรท์เลยตบตีกับตัวเองอยู่พอสมควรเลยค่ะ
ใครเคะเมะไม่สนใจค่ะ
อะไรก็ตามไม่มีผลต่อแนวราบค่ะ 5555555555555 //ลั่นหนักมาก// เพราะงั้นรีดๆ
ก็อ่านไปโดยที่รับรู้ว่าเค้าได้กลับมาคู่กันแค่นั้นก็อิมเอมใจแล้วนะคะ ><
โอยยยย ฝอยมากไปแล้ววววว เชิญอ่านกันได้เลยค่ะ >< ไปเลยยยยย //อย่าสนใจไรท์ค่ะ
-*-//
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ปัจจุบัน ............นิวยอร์กซิตี้
“นายแน่ใจเหรอพวก?”
“ใช่ฉันแน่ใจแล้ว.....ทำไมล่ะ?”
ผมแบมือถามเพื่อนๆ ที่ยืนออกันอยู่
“อ้อ เปล่าๆ ไม่มีอะไร”
เจ้าหมอนั่นพูด แต่สายตาของเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหลังก็พร้อมใจกันเขม้น
จนหมอนั่นต้องหันกลับมาหาผมอีกที .................ถึงจะอ้อนวอนกันขนาดไหน
ผมก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด
เจ้าพวกนั้นทำหน้าลำบากใจ
“ฟังนะพวก......ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทาง
ไม่มีวันที่ฉันจะกลับไปอีก เค้าต่อต้านความฝันของฉัน
เค้าไม่เคยเห็นด้วยกับฉันไม่ว่าเรื่องอะไร และเค้าดูถูกฉัน........ พ่อไม่เข้าใจฉัน”
ผมพูดชัดถ้อยชัดคำใส่พวกเค้า
หวังว่าพวกเค้าคงจะเข้าใจ...........แต่ก็ไม่ซะทีเดียว
ผมเลยตัดสินใจกระชับสายกระเป๋าเป็นครั้งสุดท้าย แล้วกลับหลังหันเดินออกไป
“เฮ้ย! เดี๋ยวดิ........แล้วฉันจะกลับไปบอกพ่อนายว่าอะไรล่ะ”
เจสันพูดท่ามกลางเสียงโวยวายของเพื่อนๆ
ผมหันมาทำหน้าเฉยชา “ก็บอกว่า ‘ฉันจะไม่กลับบ้าน’........แค่นั้นแหละ”
แล้วเดินต่อไปโดยไม่ยี่ระต่อเสียงขัดค้านและเสียงเรียกร้องต่างๆ จากพวกนั้นอีกเลย
..........อ่อ ลืมบอกไปครับ
ผมเป็นนักดนตรีอิสระ
ตอนนี้กำลังเดินตามความฝันของตัวเองอยู่ครับ
คือประพันธ์บทเพลงที่คนทั้งโลกจะต้องจดจำ! ........เหมือนลุงของผม
เค้ามีหลายอย่างเหมือนผมมาก....ผมคิดว่าน่ะนะ......เค้าแต่งเพลงที่ไพเราะที่สุดในโลกเท่าที่ผมเคยได้ยินมาเลยล่ะ เค้าเป็นไอดอลของผมเลย แต่พ่อของผมไม่เห็นด้วย เค้าเลยบอกให้ผมเลิกคิดเรื่องไร้สาระซะ
แล้วมาช่วยเค้าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวจะดีกว่า........
‘ลุงของแกตายไปนานแล้ว
อย่ามัวแต่พูดเรื่องไร้สาระของคนที่ไม่อยู่บนโลกนี้แล้วเลย.....ไอ้ลูกชาย’
แต่ผมไม่คิดแบบนั้น
ผมรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณอันเปี่ยมพลังของลุงที่ไหลเวียนในตัวผม.......ผมมีพรสรรค์เรื่องดนตรีตั้งแต่เด็ก
ข้อนั้นพ่อก็รู้ดี
แต่ทุกครั้งที่พูดถึงพี่ชายตัวเอง
พ่อก็จะทำหน้าเหมือนรังเกียจและหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงคนๆ นั้น มันเป็นอะไรที่ผมไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
........แต่ในเมื่อพ่อไม่เข้าใจ
ผมก็เลยออกมาหาทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง
ลุงของผมคือผู้แต่งบทเพลง “Cloud Atlas”.........โรเบิร์ต โฟรบิตเชอร์ ผู้เป็นตำนานคนนั้น ผมได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกแล้วหยุดไม่ได้อีกเลย
ผมชอบมันมาก.............สักวันผมจะเป็นเหมือนลุงของผมให้ได้เลย
ผมจะทำให้พ่อยอมรับผมให้ได้.......ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม
เพราะผมมีความฝัน
ความฝันที่ยิ่งใหญ่เหมือนลุงของผม และเค้าก็สามารถทำมันได้สำเร็จเสียด้วย
ผมกะว่าจะไปหาบ้านพักสงบๆ
ที่ออสเตรเลียครับ มันสงบเงียบเหมาะกับการเขียนเพลงสุดๆ ในทำแลที่ผมคิดไว้ เป็นที่ๆ
ห่างใกล้ผู้คนค่อนข้างมากครับ เป็นชายทะเลในชุมชนเล็กๆ แต่เก่าแก่สุดๆ
เพราะขนาดโทรศัพท์ยังใช้แบบหมุนเกียร์อยู่เลย........ผมไม่ได้ว่านะ
แค่จะบอกว่ามันคลาสสิกเท่านั้นเอง
ซึ่งมันเหมาะกับการเขียนเพลงแนวอินดี้ของผมมากๆ ครับ
ผมหลอก(พ่อ และ)เจ้าพวกนั้นว่าจะขึ้นเครื่องบินไปที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีพวกเค้า แต่ผมก็โบกแท็กซี่ไปที่อื่นครับ
และผมก็ได้เที่ยวเรือสุดพิเศษจากนิวยอร์กไปออสเตรเลียแบบด่วนจี่.......ที่นี่พวกเค้าก็ไม่รู้แล้วว่าผมไปไหน และไม่เพียงเท่านั้น
ผมยังมีแผนรับมือกับพ่ออีกเยอะเลยล่ะ
ผมรู้พ่อไม่ยอมเลิกราง่ายๆ หรอก
พ่ออาจรู้ ว่าผมสั่งจองที่พักไว้ที่ไหน
ผมก็เลยหาที่พักในใจไว้แล้วครับ
พอไปถึงก็เข้าเช็คอินด้วยชื่อปลอมทันทีเลย......ทีนี้พ่อก็ไม่มีทางรู้แล้วว่าผมอยู่ที่ไหน นี่แหละ การใช้ชีวิตแบบ “แอดเวนเจอร์”
ของแท้!
*********************************************
...............ออสเตรเลีย
บีช.................
-------- ณ
บ้านพักชายทะเลสำหรับนักท่องเที่ยว
ประจำหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง --------
.
.
.
“อะไรนะป้า! ห้องเต็มแล้ว!!” ชายหนุ่มยืนตะเบ็งเสียงอยู่ที่เคาเตอร์ไม้เก่าๆ ของบ้านหลังหนึ่ง คำพูดของเค้าทำให้หญิงเจ้าของกิจการทำหน้ายู่
เพราะสรรพนามที่เค้าใช้เรียกต่างจากเดิมมากนัก
.........ทีตอนแรกยังเรียกคุณผู้หญิงอยู่เลย........... หญิงวัยกลางคนคิดในใจ แต่เธอก็มีมารยาทพอ ที่จะไม่หยาบคายกับลูกค้า
“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะคุณ......บ้านพักของเราเต็มแล้ว”
เธอจงใจเน้นคำว่าบ้านพัก เพื่อแก้คำพูดของชายหนุ่มเมื่อกี้...........
...............แต่เค้ากลับอ้าปากเหวอ
ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ...........
“บ้านพักของเรามีแค่ห้าหลังเท่านั้น แล้วนี่มันก็ฤดูท่องเที่ยวด้วย.....ใครๆ
ก็อยากหลบความวุ่นวายในเมืองทั้งนั้นแหละคุณ”
“ตะๆๆๆ แต่ผม..” เค้าชี้หน้าตัวเอง
“...ผมมาที่นี่เพราะเรื่องสำคัญนะครับ......มันสำคัญมาก” เค้าทำตาสั่นเหมือนจะร้อง
เจ๊เจ้าของบ้านถอนหายใจและมองชายหนุ่มแบบออกรำคาญอย่างเห็นได้ชัด
“อย่ามาทำบีบน้ำตาใส่ฉันเลยพ่อหนุ่ม ฉันน่ะไม่มีปัญหาหรอกว่าใครจะเข้าพัก
ขอแค่จ่ายเงินก็พอ......นู้นน คนที่คุณต้องไปคุยด้วย
ค่าที่พักเค้าดูเหมือนจะไม่พอน่ะ.....เค้าเป็นคนที่มาขอเช่าบ้านหลังสุดท้าย”
เจ๊บุ้ยปากไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนเครียดอยู่คนเดียวใต้ต้นมะพร้าวที่ฝั่งตรงข้าม
นักล่าฝันหันควับไปยังตำแหน่งนั้นทันที
“หะ คนนั้นน่ะนะ.....แน่ใจใช่ไหมครับ”
เค้าชี้ไปยังชายหนุ่มผมบล์อนตาสีฟ้าที่กำลังพลิกดูแผนที่ง่วนอยู่คนเดียว อย่างมีหวัง
“อืม ใช่...นั่นเหละ......เอ้า
ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้...
วิ่งระวังหน่อย.......เอ้า! รถ! รถๆๆๆ
โรดดดดด!..........ตายจริง ฮุ้ย....หัวใจจะวาย
เด็กสมัยนี้นี่ยังไง.....ใจร้อนไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ”
เจ๊เจ้าของบ้านเอามือทาบอกพร้อมกับควักยาดมขึ้นมาสูด
หลังจากหนุ่มที่ยืนคุยกับตนอยู่เมื่อกี้ อยู่ๆ ก็วิ่งถลาออกไป
จนเกือบจะจ๊ะเอ๋เข้ากับรถจีปขนาดกลางที่แล่นผ่านเข้ามา
......เอาเถอะ
ไม่ตายก็ดีแล้วเดี๋ยวเสียลูกค้าไปอีกราย รายได้หดหมด.......
.....ไปเอากุญแจมาเปิดบ้านให้เจ้าหนุ่มนั่นดีกว่า เพราะยังไงๆ
ก็ต้องมีคนเช่าบ้านหลังนั้นอยู่แล้วหนิ....
เจ๊เจ้าของบ้านจึงเดินกลับไปหยิบกุญแจที่หลังเค้าเตอร์ไม้ง่อนแง่นอย่างเกียจคร้าน
---------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด!!!
“...!!...”
เสียงเบรกรถอย่างกะทันหันและเสียงกรีดร้องคุ้นหู
ดังสนั่นไปทั่วบริเวณนั้น.........ซึ่งห่างจากเค้าไปเพียงไม่กี่เมตร
ชายผมบล์อนตาสีฟ้าสะดุ้งสุดตัวจนเผลอขยำแผนที่ในมือของตัวเองจนยับย่น
แล้วรีบหันไปมองต้นเสียงทันที.......
............โอ้ พระเจ้า ชายคนนั้นเกือบโดนรถชนแน่ะ........ เค้าคิด
แต่ก็โชคดีที่ไม่เป็นอะไร......หนุ่มผมบล์อนรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก เค้าคงจะไม่ชอบนัก
ถ้าการออกมานอกประเทศครั้งแรกของเค้า จะต้องมาเจออุบัติเหตุต่อหน้าต่อตาแบบนี้
ตั้งแต่วันแรกที่มา.......
................เค้าเป็นคนค่อนข้างขวัญอ่อน.............
แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า
ชายผมสีเข้มใจกล้าคนนั้นจะรีบไปไหนกัน
ถึงขนาดต้องวิ่งข้ามถนนมาตอนที่รถกำลังมา..........แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ
ชายบ้าระห่ำที่เพิ่งรอดนาทีชีวิตแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนั้น
กำลังเดินมาทางนี้.............
“เอ่อ สวัสดีครับ”
เค้าเดินมาห่างไปไม่กี่ก้าว ก็หยุด และพูดขึ้น
ชายผมบล์อน หันไปข้างหลัง
รวมทั้งซ้ายและขาว “เออ ขอโทษนะครับ คุณพูดกับผมหรือ....” เค้าพูดช้าๆ จนเกือบเบา
พร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อย
ชายที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ยิ้ม
แล้วพยักหน้าน้อยๆ “ใช่แล้วครับ ผมพูดกับคุณอยู่”
หนุ่มผมบล์อนทำหน้างง......เค้าคิดว่าไม่มีคนรู้จักที่นี่นะ......
“เออ....”
“คุณอยากจะเช่าบ้านหลังสุดท้ายของป้าคนนั้นใช่ไหมครับ”
พูดพลางงัดนิ้วโป้งไปข้างหลัง
“อะ เอ่อ ใช่ครับ”
“พอดีว่าป้าเค้าบอกว่าคุณอยากจะเช่าบ้านหลังนั้น
แต่ว่ามีเงินไม่พอ......” หนุ่มผมเข้มพูด
เค้ารู้ดี พูดออกไปแบบนั้นมันเสียมารยาท แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าอ้อมค้อม เค้าไม่อยากถูกอีกคนหนึ่งมองว่า
ทำเป็นพูดให้ดูดีเพื่อต้องการในสิ่งที่ตัวเองอยากได้.......และอีกอย่าง
เค้าเป็นคนตรงๆ เหมือนพ่อไม่มีผิด (บางที
เค้าก็นึกไม่อยากเหมือนพ่อเลยแม้แต่นิดเดียว)
หนุ่มผมบล์อนก้มมองแผนที่ยับๆ
ในมือของตัวเอง..........นั่นไง บางที เค้าก็เกลียดที่ได้นิสัยพ่อมา เค้าจึงรีบพูดขึ้นด้วยเสียงอันร่าเริง
หวังจะให้บรรยากาศดีขึ้น
“เอ่อ
ฮ่ะๆๆ.......พอดีผมแค่มาถามเฉยๆ น่ะครับ ว่าคุณมาพักผ่อนที่นี่หรือ.......อะ
ฮะ......อะไรครับป้า..” เค้าหยุดพูด แล้วหันไปมองผู้มาใหม่อีกคน ที่กำลังเขย่ากุญแจจนเกิดเสียงเล็กๆ
ขึ้นมา
“บ้านพัก ที่พวกคุณคนใดคนหนึ่งจะเช่าน่ะ........ฉันจะไปเปิดให้ดู ตามมาสิ” เจ้าของบ้านทิ้งประโยคแสนสั้น
แล้วปัดก้นออกไปทันที
ทิ้งให้คนสองคนยืนงงอยู่พักหนึ่ง
และในที่สุด
ชายผมเข้มก็เดินตามหญิงคนนั้นไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปบอกอีกคนหนึ่ง
ซึ่งกำลังยืนทำตาละห้อยอยู่ข้างหลังเค้า “ไปกันเถอะ....”
“คุณไปเถอะ.....ผมคงจะต้องไปหาที่พักที่อื่นแล้วล่ะ”
หนุ่มแผนที่ยิ้มเศร้า แต่ก็ยังพยายามกล่าวกับเค้าด้วยน้ำเสียงยินดี
“ไม่เอาน่า...”
เค้าไม่ชอบเห็นคนอื่นทำท่าทางท้อแท้เอาเสียเลย จึงทำเสียงติดหัวเราะแกมบังคับ
“......มาเถอะ ผมอยากคุยกับคุณต่อ”
เค้าพยักหัวให้อีกคนตามมา
ซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะสองจิตสองใจ
แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมทำตามคำเชิญแต่โดยดี
ทั้งสองจึงเดินตามหญิงเจ้าของกิจการไปด้วยกัน
ในเวลาบ่ายแก่ๆ ของวันนั้น ท่ามกลางเสียงคลื่นที่สาดกระทบฝั่งและสายลมเย็นสบายที่พัดโบกตลอดเวลาอย่างไม่มีวันหยุด...............
.
.
.
TBC.
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฮ่อลลลลลลลลล
ทั้งสองคนได้เจอกันแล้วววววววว
โฟรบิตเชอร์ระห่ำมากเลยค่าาาา
ข้ามถนนไม่ดูรถเลย 55555 ดีนะไม่ตายยย
555555 พวกเค้าเจอกันแล้วค่ะรีด ตอนจบคือ Part ต่อไปค่ะ ไปต่อกันเลยค่ะ ฮาาาา
วันนี้รวดเร็ว ชดเชยที่ช้าค่ะ M_
_M
ขอบคุณทุกท่านที่รับฟิคเรื่องนี้ของไรท์ไว้ในอ้อมใจนะคะ ขอบคุณค่าาา
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น