วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2559

[SF – Cloud Atlas] + [Part 2] Finally...จวบจนนิรันดร์ – Frobisher x Sixsmith



มาแล้วค่ะมาแล้ววววว  สวัสดีค่ะรีดๆ ที่น่ารักมากมายของไรท์  ขอโทษนะคะที่มาล่าช้ามากกกกกกก  เปิดเรียนแล้วติ้วเลยค่ะ 55555  วิชาพละนันทนาการไรท์โดนวิ่งเก็บทั้งเทอม 100 รอบสนามฟุตบอลค่ะ โฮกกกกกกกกกกกกกกก  อ๊ากกกกกกกก  อาจ๊ารย์!! >{}<  เอาน้อยๆ ให้หนู่มั่งดิ  หนูไม่ใช่นักกีฬานะคะ!!  โอ๊ยยยยย  พูดถึงแล้วปวดตับ  ปวดหัว  ปวดขาเลยค่ะ  เลิกพูดแล้วข้ามไป!


มาต่อ Part 2 แล้วนะคะ  Part นี้พวกเค้าจะมาโคจรพบกันในเวลาปัจจุบันแล้วล่ะค่ะ  อะแน่นอน...ไรท์มโนเองงงงง 555555  แบบว่าใครเคะใครเมะก็ไปจิ้นกันส่วนตัวเนอะ  ยอมรับเลยค่ะ ตั้งแต่ดูครั้งแรกจนเขียนฟิคเสร็จก็ยังไม่รู้เลยค่ะใครเป็นเคะใครเป็นเมะ  คือเบน  วิชอว์ (โฟรบิตเชอร์) หนูก็ออกไปผจญโลกอย่างมาดแมนและคิดจะทำอะไรกะอีตาวิเวียนไปแบบนั้น.....

เลือกบ้างนะลูก  คนแก่บางทีมันก็ไม่ได้อยู่ๆ ก็เร่าใจขึ้นมาหรอกนะจ๊ะ  อยากจะยัดคนสวนเข้าไปในหนังอีกคนหนึ่งจังเลยค่ะ  เอาหล่อๆ ล่ำๆ ไม่มีการศึกษาแต่เหมาะกับการใช้แรงงานมาก  มาให้เบน (โฟรบิตเชอร์) กระชุ่มกระชวยเล่นๆ  55555  เค้าจะได้ไม่ทำให้อิตาวิเวียนรู้ความลับแล้วเกิดเรื่องน่าปวดหัวขึ้นมาได้  โทษตาแก่นั่นลูกเดียวเลยค่ะ  แย่ๆๆๆๆ แย่มากๆๆๆๆๆๆๆ

แล้วซิกส์สมิธนี่คือเรียบร้อยมากเลยค่ะ  แต่ช่วงแขนใหญ่กว่าอีกฝ่ายมาก น่าจะเปลี่ยนคนกอดนะ 5555555  กอดเค้าสิ ให้เค้ากอดตัวเองดูขาดหายนะจ๊ะ 555555.....โอเคค่ะ  เพราะงี้ไงคะ  ไรท์เลยตบตีกับตัวเองอยู่พอสมควรเลยค่ะ  ใครเคะเมะไม่สนใจค่ะ  อะไรก็ตามไม่มีผลต่อแนวราบค่ะ 5555555555555 //ลั่นหนักมาก//  เพราะงั้นรีดๆ ก็อ่านไปโดยที่รับรู้ว่าเค้าได้กลับมาคู่กันแค่นั้นก็อิมเอมใจแล้วนะคะ ><

โอยยยย  ฝอยมากไปแล้ววววว   เชิญอ่านกันได้เลยค่ะ ><  ไปเลยยยยย //อย่าสนใจไรท์ค่ะ -*-//



-----------------------------------------------------------------------------------------------



ปัจจุบัน ............นิวยอร์กซิตี้

“นายแน่ใจเหรอพวก?”

“ใช่ฉันแน่ใจแล้ว.....ทำไมล่ะ?” ผมแบมือถามเพื่อนๆ ที่ยืนออกันอยู่

“อ้อ เปล่าๆ ไม่มีอะไร” เจ้าหมอนั่นพูด แต่สายตาของเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหลังก็พร้อมใจกันเขม้น จนหมอนั่นต้องหันกลับมาหาผมอีกที .................ถึงจะอ้อนวอนกันขนาดไหน ผมก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด

เจ้าพวกนั้นทำหน้าลำบากใจ

“ฟังนะพวก......ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทาง ไม่มีวันที่ฉันจะกลับไปอีก เค้าต่อต้านความฝันของฉัน เค้าไม่เคยเห็นด้วยกับฉันไม่ว่าเรื่องอะไร และเค้าดูถูกฉัน........ พ่อไม่เข้าใจฉัน” ผมพูดชัดถ้อยชัดคำใส่พวกเค้า หวังว่าพวกเค้าคงจะเข้าใจ...........แต่ก็ไม่ซะทีเดียว ผมเลยตัดสินใจกระชับสายกระเป๋าเป็นครั้งสุดท้าย แล้วกลับหลังหันเดินออกไป

“เฮ้ย! เดี๋ยวดิ........แล้วฉันจะกลับไปบอกพ่อนายว่าอะไรล่ะ” เจสันพูดท่ามกลางเสียงโวยวายของเพื่อนๆ

ผมหันมาทำหน้าเฉยชา “ก็บอกว่าฉันจะไม่กลับบ้าน........แค่นั้นแหละ” แล้วเดินต่อไปโดยไม่ยี่ระต่อเสียงขัดค้านและเสียงเรียกร้องต่างๆ จากพวกนั้นอีกเลย

..........อ่อ ลืมบอกไปครับ ผมเป็นนักดนตรีอิสระ  ตอนนี้กำลังเดินตามความฝันของตัวเองอยู่ครับ คือประพันธ์บทเพลงที่คนทั้งโลกจะต้องจดจำ! ........เหมือนลุงของผม เค้ามีหลายอย่างเหมือนผมมาก....ผมคิดว่าน่ะนะ......เค้าแต่งเพลงที่ไพเราะที่สุดในโลกเท่าที่ผมเคยได้ยินมาเลยล่ะ   เค้าเป็นไอดอลของผมเลย  แต่พ่อของผมไม่เห็นด้วย  เค้าเลยบอกให้ผมเลิกคิดเรื่องไร้สาระซะ แล้วมาช่วยเค้าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวจะดีกว่า........

ลุงของแกตายไปนานแล้ว  อย่ามัวแต่พูดเรื่องไร้สาระของคนที่ไม่อยู่บนโลกนี้แล้วเลย.....ไอ้ลูกชาย

แต่ผมไม่คิดแบบนั้น  ผมรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณอันเปี่ยมพลังของลุงที่ไหลเวียนในตัวผม.......ผมมีพรสรรค์เรื่องดนตรีตั้งแต่เด็ก ข้อนั้นพ่อก็รู้ดี  แต่ทุกครั้งที่พูดถึงพี่ชายตัวเอง พ่อก็จะทำหน้าเหมือนรังเกียจและหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงคนๆ นั้น  มันเป็นอะไรที่ผมไม่เข้าใจอย่างยิ่ง

........แต่ในเมื่อพ่อไม่เข้าใจ ผมก็เลยออกมาหาทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง

ลุงของผมคือผู้แต่งบทเพลง “Cloud Atlas”.........โรเบิร์ต  โฟรบิตเชอร์ ผู้เป็นตำนานคนนั้น  ผมได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกแล้วหยุดไม่ได้อีกเลย  ผมชอบมันมาก.............สักวันผมจะเป็นเหมือนลุงของผมให้ได้เลย

ผมจะทำให้พ่อยอมรับผมให้ได้.......ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม เพราะผมมีความฝัน  ความฝันที่ยิ่งใหญ่เหมือนลุงของผม และเค้าก็สามารถทำมันได้สำเร็จเสียด้วย

ผมกะว่าจะไปหาบ้านพักสงบๆ ที่ออสเตรเลียครับ มันสงบเงียบเหมาะกับการเขียนเพลงสุดๆ  ในทำแลที่ผมคิดไว้ เป็นที่ๆ ห่างใกล้ผู้คนค่อนข้างมากครับ เป็นชายทะเลในชุมชนเล็กๆ แต่เก่าแก่สุดๆ  เพราะขนาดโทรศัพท์ยังใช้แบบหมุนเกียร์อยู่เลย........ผมไม่ได้ว่านะ แค่จะบอกว่ามันคลาสสิกเท่านั้นเอง  ซึ่งมันเหมาะกับการเขียนเพลงแนวอินดี้ของผมมากๆ ครับ

ผมหลอก(พ่อ และ)เจ้าพวกนั้นว่าจะขึ้นเครื่องบินไปที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีพวกเค้า  แต่ผมก็โบกแท็กซี่ไปที่อื่นครับ  และผมก็ได้เที่ยวเรือสุดพิเศษจากนิวยอร์กไปออสเตรเลียแบบด่วนจี่.......ที่นี่พวกเค้าก็ไม่รู้แล้วว่าผมไปไหน  และไม่เพียงเท่านั้น ผมยังมีแผนรับมือกับพ่ออีกเยอะเลยล่ะ  ผมรู้พ่อไม่ยอมเลิกราง่ายๆ หรอก  พ่ออาจรู้ ว่าผมสั่งจองที่พักไว้ที่ไหน  ผมก็เลยหาที่พักในใจไว้แล้วครับ พอไปถึงก็เข้าเช็คอินด้วยชื่อปลอมทันทีเลย......ทีนี้พ่อก็ไม่มีทางรู้แล้วว่าผมอยู่ที่ไหน  นี่แหละ การใช้ชีวิตแบบ “แอดเวนเจอร์” ของแท้!




*********************************************



...............ออสเตรเลีย บีช.................

-------- ณ บ้านพักชายทะเลสำหรับนักท่องเที่ยว  ประจำหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง --------


.


.


.


“อะไรนะป้า! ห้องเต็มแล้ว!!” ชายหนุ่มยืนตะเบ็งเสียงอยู่ที่เคาเตอร์ไม้เก่าๆ ของบ้านหลังหนึ่ง คำพูดของเค้าทำให้หญิงเจ้าของกิจการทำหน้ายู่ เพราะสรรพนามที่เค้าใช้เรียกต่างจากเดิมมากนัก

.........ทีตอนแรกยังเรียกคุณผู้หญิงอยู่เลย........... หญิงวัยกลางคนคิดในใจ  แต่เธอก็มีมารยาทพอ ที่จะไม่หยาบคายกับลูกค้า

“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะคุณ......บ้านพักของเราเต็มแล้ว” เธอจงใจเน้นคำว่าบ้านพัก เพื่อแก้คำพูดของชายหนุ่มเมื่อกี้...........

...............แต่เค้ากลับอ้าปากเหวอ ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ...........

“บ้านพักของเรามีแค่ห้าหลังเท่านั้น  แล้วนี่มันก็ฤดูท่องเที่ยวด้วย.....ใครๆ ก็อยากหลบความวุ่นวายในเมืองทั้งนั้นแหละคุณ”

“ตะๆๆๆ แต่ผม..” เค้าชี้หน้าตัวเอง “...ผมมาที่นี่เพราะเรื่องสำคัญนะครับ......มันสำคัญมาก” เค้าทำตาสั่นเหมือนจะร้อง

เจ๊เจ้าของบ้านถอนหายใจและมองชายหนุ่มแบบออกรำคาญอย่างเห็นได้ชัด “อย่ามาทำบีบน้ำตาใส่ฉันเลยพ่อหนุ่ม ฉันน่ะไม่มีปัญหาหรอกว่าใครจะเข้าพัก ขอแค่จ่ายเงินก็พอ......นู้นน คนที่คุณต้องไปคุยด้วย  ค่าที่พักเค้าดูเหมือนจะไม่พอน่ะ.....เค้าเป็นคนที่มาขอเช่าบ้านหลังสุดท้าย” เจ๊บุ้ยปากไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนเครียดอยู่คนเดียวใต้ต้นมะพร้าวที่ฝั่งตรงข้าม

นักล่าฝันหันควับไปยังตำแหน่งนั้นทันที “หะ คนนั้นน่ะนะ.....แน่ใจใช่ไหมครับ” เค้าชี้ไปยังชายหนุ่มผมบล์อนตาสีฟ้าที่กำลังพลิกดูแผนที่ง่วนอยู่คนเดียว อย่างมีหวัง

“อืม ใช่...นั่นเหละ......เอ้า ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้...  วิ่งระวังหน่อย.......เอ้า! รถ! รถๆๆๆ โรดดดดด!..........ตายจริง  ฮุ้ย....หัวใจจะวาย  เด็กสมัยนี้นี่ยังไง.....ใจร้อนไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ” เจ๊เจ้าของบ้านเอามือทาบอกพร้อมกับควักยาดมขึ้นมาสูด หลังจากหนุ่มที่ยืนคุยกับตนอยู่เมื่อกี้ อยู่ๆ ก็วิ่งถลาออกไป จนเกือบจะจ๊ะเอ๋เข้ากับรถจีปขนาดกลางที่แล่นผ่านเข้ามา

......เอาเถอะ ไม่ตายก็ดีแล้วเดี๋ยวเสียลูกค้าไปอีกราย รายได้หดหมด.......

.....ไปเอากุญแจมาเปิดบ้านให้เจ้าหนุ่มนั่นดีกว่า  เพราะยังไงๆ ก็ต้องมีคนเช่าบ้านหลังนั้นอยู่แล้วหนิ....

เจ๊เจ้าของบ้านจึงเดินกลับไปหยิบกุญแจที่หลังเค้าเตอร์ไม้ง่อนแง่นอย่างเกียจคร้าน



---------------------------------------------------------------------------------



----------------------------------



เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด!!!

“...!!...”

เสียงเบรกรถอย่างกะทันหันและเสียงกรีดร้องคุ้นหู ดังสนั่นไปทั่วบริเวณนั้น.........ซึ่งห่างจากเค้าไปเพียงไม่กี่เมตร  ชายผมบล์อนตาสีฟ้าสะดุ้งสุดตัวจนเผลอขยำแผนที่ในมือของตัวเองจนยับย่น แล้วรีบหันไปมองต้นเสียงทันที.......

............โอ้ พระเจ้า  ชายคนนั้นเกือบโดนรถชนแน่ะ........ เค้าคิด

แต่ก็โชคดีที่ไม่เป็นอะไร......หนุ่มผมบล์อนรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก  เค้าคงจะไม่ชอบนัก ถ้าการออกมานอกประเทศครั้งแรกของเค้า จะต้องมาเจออุบัติเหตุต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ตั้งแต่วันแรกที่มา.......

................เค้าเป็นคนค่อนข้างขวัญอ่อน.............

แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ชายผมสีเข้มใจกล้าคนนั้นจะรีบไปไหนกัน ถึงขนาดต้องวิ่งข้ามถนนมาตอนที่รถกำลังมา..........แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ ชายบ้าระห่ำที่เพิ่งรอดนาทีชีวิตแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนั้น กำลังเดินมาทางนี้.............

“เอ่อ สวัสดีครับ” เค้าเดินมาห่างไปไม่กี่ก้าว ก็หยุด และพูดขึ้น

ชายผมบล์อน หันไปข้างหลัง รวมทั้งซ้ายและขาว “เออ ขอโทษนะครับ คุณพูดกับผมหรือ....” เค้าพูดช้าๆ จนเกือบเบา พร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อย

ชายที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ยิ้ม แล้วพยักหน้าน้อยๆ “ใช่แล้วครับ ผมพูดกับคุณอยู่” หนุ่มผมบล์อนทำหน้างง......เค้าคิดว่าไม่มีคนรู้จักที่นี่นะ......

“เออ....”

“คุณอยากจะเช่าบ้านหลังสุดท้ายของป้าคนนั้นใช่ไหมครับ” พูดพลางงัดนิ้วโป้งไปข้างหลัง

 “อะ เอ่อ ใช่ครับ”

“พอดีว่าป้าเค้าบอกว่าคุณอยากจะเช่าบ้านหลังนั้น แต่ว่ามีเงินไม่พอ......” หนุ่มผมเข้มพูด  เค้ารู้ดี พูดออกไปแบบนั้นมันเสียมารยาท แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าอ้อมค้อม  เค้าไม่อยากถูกอีกคนหนึ่งมองว่า ทำเป็นพูดให้ดูดีเพื่อต้องการในสิ่งที่ตัวเองอยากได้.......และอีกอย่าง เค้าเป็นคนตรงๆ เหมือนพ่อไม่มีผิด (บางที เค้าก็นึกไม่อยากเหมือนพ่อเลยแม้แต่นิดเดียว)

หนุ่มผมบล์อนก้มมองแผนที่ยับๆ ในมือของตัวเอง..........นั่นไง บางที เค้าก็เกลียดที่ได้นิสัยพ่อมา  เค้าจึงรีบพูดขึ้นด้วยเสียงอันร่าเริง หวังจะให้บรรยากาศดีขึ้น

“เอ่อ ฮ่ะๆๆ.......พอดีผมแค่มาถามเฉยๆ น่ะครับ ว่าคุณมาพักผ่อนที่นี่หรือ.......อะ ฮะ......อะไรครับป้า..” เค้าหยุดพูด แล้วหันไปมองผู้มาใหม่อีกคน ที่กำลังเขย่ากุญแจจนเกิดเสียงเล็กๆ ขึ้นมา

บ้านพัก ที่พวกคุณคนใดคนหนึ่งจะเช่าน่ะ........ฉันจะไปเปิดให้ดู  ตามมาสิ” เจ้าของบ้านทิ้งประโยคแสนสั้น แล้วปัดก้นออกไปทันที  ทิ้งให้คนสองคนยืนงงอยู่พักหนึ่ง

และในที่สุด ชายผมเข้มก็เดินตามหญิงคนนั้นไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปบอกอีกคนหนึ่ง ซึ่งกำลังยืนทำตาละห้อยอยู่ข้างหลังเค้า “ไปกันเถอะ....”

“คุณไปเถอะ.....ผมคงจะต้องไปหาที่พักที่อื่นแล้วล่ะ” หนุ่มแผนที่ยิ้มเศร้า แต่ก็ยังพยายามกล่าวกับเค้าด้วยน้ำเสียงยินดี

“ไม่เอาน่า...” เค้าไม่ชอบเห็นคนอื่นทำท่าทางท้อแท้เอาเสียเลย จึงทำเสียงติดหัวเราะแกมบังคับ “......มาเถอะ  ผมอยากคุยกับคุณต่อ” เค้าพยักหัวให้อีกคนตามมา  ซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะสองจิตสองใจ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมทำตามคำเชิญแต่โดยดี

ทั้งสองจึงเดินตามหญิงเจ้าของกิจการไปด้วยกัน ในเวลาบ่ายแก่ๆ ของวันนั้น  ท่ามกลางเสียงคลื่นที่สาดกระทบฝั่งและสายลมเย็นสบายที่พัดโบกตลอดเวลาอย่างไม่มีวันหยุด...............



.



.



.



TBC.



----------------------------------------------------------------------------------------------------------







ฮ่อลลลลลลลลล ทั้งสองคนได้เจอกันแล้วววววววว  โฟรบิตเชอร์ระห่ำมากเลยค่าาาา  ข้ามถนนไม่ดูรถเลย 55555  ดีนะไม่ตายยย 555555  พวกเค้าเจอกันแล้วค่ะรีด  ตอนจบคือ Part ต่อไปค่ะ   ไปต่อกันเลยค่ะ  ฮาาาา  วันนี้รวดเร็ว  ชดเชยที่ช้าค่ะ M_ _M

ขอบคุณทุกท่านที่รับฟิคเรื่องนี้ของไรท์ไว้ในอ้อมใจนะคะ  ขอบคุณค่าาา

ด้วยรักและแรงหื่น

Ray - Aund


ไม่มีความคิดเห็น: