//รูปเก่าเล่าใหม่อีกรูปหนึ่งค่ะ
ในเมื่อขุดพีต้ามาแล้วก็ต้องเอาฟินนิคมาด้วยค่ะ 555555 ธีมโปสเตอร์แบบครบชุด เซ็กซี่จุงงงง 5555// +
//นึกถึงชุดแต่งงานของฟินนิคบ้างแล้ว โอ้ยละลายยย 555555....อิบ้า!//
มาต่อกันค่ะ Part นี้ NC แน่นอน 555555555
มาสั้นๆ
แต่ได้ใจความค่ะ............NC…………
-----------------------------------------------------------------------------------
“พอเลย” เด็กหนุ่มยิ้ม ฟินนิคจะทำแบบนั้นในตอนที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแล้วกอดกันอีกแล้ว
ไม่นานเสียงลมหายใจก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเสียดสีของผิวหนัง เสื้อผ้าถูกถอดออกจนหมด มันหล่นเกลื่อนพรมด้านล่างอย่างไร้ค่า แสงไฟสีนวลตาให้ความอบอุ่นสะท้อนอยู่บนลูกบิดที่หมุนล็อคอยู่อย่างดีและก็ไม่มีใครมารบกวนมันอีกเลยตลอดคืนนั้น นับว่าฟินนิคพูดถูกเรื่องความคิดของนายขบวนบนรถไฟ
และในตอนนี้เอง พีต้าก็นั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเค้าซึ่งเอนหลังพิงอยู่กับโซฟาติดขอบหน้าต่างของโบกี้ที่แสนจะเป็นส่วนตัวนี้ของพวกเค้า กระจกใสแต่แข็งแรงนั้นฉายให้เห็นดวงดาวพร่างพรายบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไร้ความหวาดหวั่นของผู้คน พวกเค้าจูบกัน แลกเปลี่ยน
ดูดดื่ม
ขย่มกายใส่กันอย่างเนิบช้าละเร่าร้อน ก่อนเด็กหนุ่มจะละจูบออกมา
ยืดตัวขึ้นถอดเสื้อตัวสุดท้ายออกแล้วโยนมันทิ้งไปดังเช่นที่ร่างสูงเคยทำบ่อยๆ ก่อนจะถูกดึงให้ก้มลงไปจูบใหม่อีกครั้งด้วยความใจร้อนของอีกคนหนึ่งที่รออยู่
พวกเค้าจูบกันและบีบคลึงกันไปมา กดฝ่ามือลากไล่ไปตามผิวที่ปราศาจเสื้อผ้า
แกนกายที่ขยายใหญ่จนเต็มที่แล้วของชายหนุ่มทาบทับอยู่บนร่องซึ่งถูกแยกออกจากกันของเด็กหนุ่ม
พีต้าจับไหล่ของเค้าไว้
จูบกันแล้วจูบกันอีกจนกระทั่งชายหนุ่มจรดสิ่งนั้นของตัวเองไปจ่อที่ช่องทางอ่อนนุ่มของร่างเล็ก
“ขยับขึ้นหน่อยพีต้า”
เค้าแนะนำในขณะที่นิ้วของตัวเองก็ยังคงคาจนมิดโคนอยู่ในรูน้อยๆ
ที่ช่ำลื่นนั้น
แต่เด็กหนุ่มที่เกาะอยู่บนบ่าแน่นกลับร้องขอ
“ทำดีๆ ไม่ได้เหรอ?”
เด็กหนุ่มหยัดขาไว้ตรงแน่ว
ไม่เคยเลยที่จะต้องทำการกลืนกินด้วยตัวเอง
เจ้าตัวชอบผ่ามือและน้ำเสียงที่คอยปลอบประโลมของชายหนุ่มยามเมื่อฟินนิคเป็นฝ่ายดันเข้ามาเองเสียมากกว่า
ฟินนิคจูบอีกครั้งอย่างแผ่วเบาแล้วลูบแก้มของพีต้า
“นี่เป็นโอกาสอันดีของนายนะ”
แล้วถอนนิ้วออกมาจากช่องทางที่มีน้ำเหนียวใสเยิ้มติดออกมาด้วย
“อา” นิ้วของฟินนิคทำให้เจ้าตัวปั่นป่วน
“ฉะ...ฉันไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันดีเลย” พีต้าบ่นอุบ
“นายไม่ต้องทำอะไร ฉันทำเอง” ร่างสูงยอมแพ้ในที่สุด
เค้ายอมโอนอ่อนให้ครึ่งทางแต่ไม่ยอมให้เด็กหนุ่มลงจากตักของตัวเอง ก่อนร่างสูงจะกำรูดแกนกายของตัวเองช้าๆ
แล้วใช้มืออีกข้างประคองช้อนก้นของพีต้าไว้ในมือให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
“อา...”
ร่างสูงจรดแกนกายเข้าไปในรูคับแคบที่อยู่ระหว่างซอกนิ้วของเค้า
และรู้สึกถึงท่อนเนื้อที่เบียดร่องนิ้วของตัวเอง เลยถ่างนิ้วให้กว้างขึ้น
พร้อมกันนั้นก็ดันแหวกให้กลีบสะโพกน้อยๆ อ้าออกกว้างไปด้วย
“อ๊า!”
พีต้ารู้สึกเหมือนตัวถูกแหวกออกอีกครั้งนับตั้งแต่ที่ถูกฟินนิคสารภาพรัก เด็กหนุ่มขยำไหล่หนุ่มชาวประมงไว้แน่น
ในตอนที่ส่วนปลายที่ร้อนระอุนั้นมุดเข้ามาได้อย่างง่ายดายและค่อยเป็นค่อยไปอย่างไม่รีบร้อนแต่ก็ไม่ได้มีการหยุดพัก
“อ๊ะ...อ๊ะ...อา...ฟินนิค ฟินนิค
เดี๋ยวก่อน” เด็กหนุ่มรั้งเสียงเบาออกสั่นพร่า
ก่อนจะถูกอีกคนหนึ่งกระซิบบอกว่าให้ลองขยับเองดู
อาจทำให้ไม่เจ็บเท่าเค้าทำเอง
“อืม...อ้า นั่นแหละพีต้า ไม่ต้องรีบ
ขยับช้าๆ อย่างนั้นแหละดีแล้ว”
คนถูกแนะนำโยกสะโพกช้าๆ
อย่างระมัดระวังแต่ทว่าความเสียวปลาบก็เรียกร้องบอกว่ายังต้องการอีก
ดังนั้นพีต้าจึงกดตัวเองลงไปบนตักแล้วดูดกลืนแกนกายที่ไม่ใช่ว่าเล็กน้อยของฟินนิคให้ค่อยๆ
เข้ามาในตัว
เด็กหนุ่มส่งเสียง
ร้องครางกระเซ้าอย่างกระสับกระส่ายอยู่คนเดียว
ส่วนร่างที่วางมืออยู่บนสะโพกของเจ้าตัวนั้นก็กำลังหายใจช้าๆ
เป็นจังหวะเดียวกับการโยกตัวอย่างอ่อนประสบการณ์ของพีต้าจนกระทั่งมันสุดปลาย
กดแช่อยู่ในตัวของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนตักของเค้า พีต้าตัวติดจะสั่น
เกาะบ่าของเค้าไว้ส่วนสะโพกแน่นมือนั้นก็บีบอัดของๆ
เค้าไว้จนแทบจะกระเฉาะออกมาโดยไม่ต้องขยับ
ร่างสูงบีบคลึงไปมา ส่งลิ้นไปทักทายเด็กหนุ่มอีกครั้งแล้วขยับตัว
“อือ...!”
เด็กหนุ่มรั้งไว้ ไม่ให้ขยับ “ข้างล่างมันเจ็บจัง” พีต้าบอก มันต่างจากทุกครั้งที่ฟินนิคประชิดเข้ามา
ชายหนุ่มจูบทั่วข้างแก้มและใบหูของเด็กหนุ่ม ความคับแน่นทำให้เค้ารู้สึกร้อนรนและโหยหา
“ขยับสิพีต้า” ร่างสูงไม่บังคับ
ปล่อยให้เด็กหนุ่มทำตามใจของตัวเอง
แต่พีต้าทำได้ไม่ดีนักเนื่องจากแกนกายร้อนใหญ่ที่เสียบอยู่ลึกเกินไปทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่กล้า
“อ่า...อาา”
เด็กหนุ่มร่อนสะโพกไปมาโดยมีมือทั้งสองข้างของชายหนุ่มคอยทาบประกบอยู่ด้างล่าง
มันลูบและบีบคลึงบ้างเป็นครั้งคราวทำให้หนุ่มบ้านขนมปังมีแรงผลักดันที่จะยกสะโพกตัวเองและทิ้งตัวลงมาได้เร็วขึ้น
“อา
อาา พีต้า ดี...ดีมาก อ่าา อย่างนั้นแหละ แรงอีกสิ”
ชายหนุ่มเองก็ช่วยไปขยับฐานแกนกายด้านล่างไปด้วย
“อือ...อ้าา อ่า” พีต้าจากเขต 12
ถอนหายใจทุเลาแรงสูบฉีดของเลือดในกายแล้วซบหน้าข้ามบ่าของฟินนิคไป
“เกาะฉันไว้นะ...อ่าา โอ้ อา” ร่างสูงบอก รู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดแผ่นหลังด้วยความเร็วถี่
“อา...ลึก ลึกจังฟินนิค มันลึก....อ้าา”
“ลึกมากกว่าครั้งก่อนๆ ใช่ไหมล่ะ...อา”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปยิ้มกับเด็กหนุ่มที่นิ่วหน้าแต่ก็รู้สึกยอดเยี่ยมไปด้วย
“มันเยี่ยมไปเลยใช่ไหมพีต้า” เค้าทำหน้าเหมือนมีคำแนะนำดีๆ ให้พีต้า เด็กหนุ่มกอดรอบต้นคอของชายหนุ่ม ทั้งสองจูบกันสะเปะสะปะ สวนสะโพกอย่างแม้นยำและมีน้ำหนัก
เสียงกระซิบกระซาบและเอ่ยครางหวานหูดังระงมไปทั่วตู้โดยสารนั้นราวกับคนด้านในมีโอกาสครั้งนี้เพียงครั้งเดียวที่จะได้อยู่ด้วยกันในค่ำคืนที่เป็นใจ
หรือหลายคนอาจเพิ่งรู้ว่าทั้งคู่ทำมันด้วยความรู้สึกอย่างนั้นมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเค้านอนกอดกันแล้ว โอบรัดทั้งกายด้านนอกและด้านใน จูบกันอย่างไม่รู้จักพอ และนอนกอดกันโดยจงใจลืมสภาพแวดล้อมกันทั้งคู่
“อา อา..อา ฟินนิค...เราจะ...มะ ไม่...ไม่ไป...ที่เตียง...อ๊า!...กันจริงๆ เหรอ? อ้า!”
เด็กหนุ่มตัวสั่นคลอนอยู่บนตักและแกนกายที่เสียบเข้าออกเจียนจะลุกเป็นไฟของชายหนุ่ม
ฟินนิคดูดลิ้นในโพรงปากของเด็กหนุ่มของเค้าอีกครั้ง
“มาถึงขนาดนี้คงไปไม่ทันแล้วล่ะ...อ้าา”
ชายหนุ่มเผลอบีบโคนขาของอีกคนจนเป็นรอยแดง
ซอยเอวที่เด้งขึ้นอย่างไม่อาจจะหยุดยั่งไว้ได้
“อ่าา” พีต้าซบหน้าผากกับบ่าแข็งแรงนั้นแล้วรู้สึกเหมือนช่องทางถูกรังแก
“อาๆๆๆ อ่า อ่า...อ๊า”
เด็กหนุ่มร้องถี่รัวตอบรับจำนวนครั้งที่ชายหนุ่มกระทั้นเข้ามา
“อ้าา ใกล้แล้ว...ใกล้แล้วพีต้า อ้า!”
จนกระทั่งชายหนุ่มกระแทกสุดแรงไปครั้งสุดท้าย
ก่อนของเหลวสีขาวขุ่นจะเอ่อล้นเข้าไปในร่างอันสั่นกระตุกของเด็กหนุ่ม
“อ๊าา!”
หนุ่มเบเกอร์รี่หลั่งออกมาอย่างเลอะเทอะเพราะการเสียดสีจากหน้าท้องของร่างสูง
สะโพกแน่นมือยังคงดูดกลืนความร้อนระอุที่เริ่มเย็นตัวลงและหมดแรงแล้วในที่สุด ชายหนุ่มหอบหายใจถี่พอๆ กับคนบนอกของเค้า กอดเด็กหนุ่มเพื่อชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเรี่ยวแรงที่กลับมาจะบอกให้เค้าเลิกแช่ตัวเองอยู่ในก้นของพีต้าเสียที
ฟินนิคสอดข้อพับแขนเข้าไปใต้ขาอ่อนของเด็กหนุ่ม ยกเค้าขึ้นเล็กน้อยแล้วดึงของตัวเองออกมา
“อะ อ่า” พีต้านิ่วหน้า
รู้สึกถึงของเหลวที่ต้องการจะไหลออกมาจากช่องทางอย่างบ้าคลั่ง
เด็กหนุ่มครางอื้ออึงในลำคออย่างไม่สบายตัวอยู่ครู่หนึ่งจนร่างสูงที่ยังไม่ได้ขยับไปไหนจะส่งเสียงถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วงแน่นอน
“เป็นอะไรไปพีต้า?” เค้าจับสะโพกที่รู้สึกถึงคามอึดอัดนั้น
“มันทำให้นายเจ็บเหรอ?”
บางทีต่อไปเค้าคงต้องเลิกบังคับให้พีต้านั่งโยกตัวบนตักของเค้าซะแล้ว เพราะนอกจากจะทำให้เจ้าตัวรู้สึกแปลกไปแล้ว
ดูเหมือนจะทำให้พีต้าเจ็บมากไปเสียด้วย
แต่คนถูกถามอย่างห่วงใยกลับส่ายหน้าช้าๆ
พลางทำตัวสั่น ขยับเข้ากอดร่างสูงที่ยืมตักให้นั่งอย่างเชื่องช้า “ไม่ใช่ เปล่าหรอกฉันแค่ เอ่อ มันแค่...”
แล้วกระซิบบอกร่างสูงว่าเจ้าตัวรู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย
และเมื่อได้ยินคำกระซิบกระซาบข้างหูถึงแม้จะอยู่กันเพียงสองคนอย่างเนียมอายของหนุ่มน้อยพีต้าแล้ว ร่างสูงก็จุดยิ้มขึ้นมา
ฟินนิคลูบลงไปตามเนินสะโพกกลมกลึงก่อนจะล่วงนิ้วเข้าไปในช่องทางอันอ่อนยวบแต่ยังคงคับแน่นของพีต้า
“อื้ออ...”
เด็กหนุ่มจิกแผ่นหลังของเค้า
แนบแก้มร้อนผ่าวกับไหล่ที่เอนพิงกับพนักพิงกำมะหยี่
ฟินนิคส่งไปอีกนิ้วหนึ่ง หมุนไปมา
“อ๊า!”
พีต้าสะดุ้งแล้วจิกแรงกว่าเดิม “ย๊ะ...อย่าทำแบบนั้นสิ” เด็กน้อยดุ
ร่างสูงจึงเลิกหมุนวน เปลี่ยนมาเป็นขยับเข้าออกแล้วแยกนิ้วออกจากกัน
“อ้าา...า!”
ก่อนจะดึงนิ้วออกมาพร้อมกับน้ำรักของตัวเองที่ไหลตามมาด้วยอย่างมากมาย
“อย่าทำอย่างนั้นอีกเชียว”
เด็กหนุ่มหายใจหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย
เพราะนิ้วของร่างสูงร้ายกาจไม่แพ้กับลิ้นและหอกประจำกายของเค้าเลย
“ฉันก็แค่ช่วยนายเฉยๆ
มันดีกว่าไม่ใช่เหอร?” ฟินนิคขยิบตาให้พีต้า
“นายไม่จำเป็นต้องทำก็ได้...”
แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ
คนที่นั่งอยู่ด้านล่างก็โอบลำตัวเด็กหนุ่มเอียงไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงฟังดูสนุกสนานว่า
“เว้นซะแต่ว่านายอยากไปต่อที่เตียงนะ”
แล้วจูบซุกซนอยู่ในปากของเด็กหนุ่ม
ผละริมฝีปากออกมา กอดลูบเด็กหนุ่ม
กดลงแนบกับอกของเค้า ก่อนฟินนิคจะจับคำอู้อี้แต่ชัดเจนได้ว่า
ไม่
คืนนั้นเสียงรถไฟดังกึกกักเกือบตลอดเวลาหลังจากตีสามเพราะเริ่มเข้าเขตที่พื้นดินไม่สมดุลกัน ที่ๆ
ไม่มีหญ้าและต้นไม้พุ่มเตี้ยขึ้นจะมีแต่ดินทรายและก้อนหินปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน
พวกเค้าใกล้ถึงแล้ว
และอีกไม่นานฟินนิคก็จะได้ปลุกเด็กหนุ่มที่จะกระวีกระวาดขึ้นมา
แล้ววิ่งตรงไปยังหาดทรายที่เค้าคุ้นเคยมาทั้งชีวิต
เพราะนี่คือบ้านของเค้า
บ้านที่เค้าหวังว่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นและผู้คนจะดีใจเมื่อได้เห็นเค้า
**********************************************************************************
ผู้คนดีใจแน่นอนที่ได้เห็นฟินนิค
ความเหลือเชื่อปรากฏอยู่บนสีหน้าของใครหลายๆ
คน
แต่เป็นเรื่องดีที่สุดหลังจากประกาศยุติสงครามจากแคปิตอลเก่า ทุกคนยินดีที่ฟินนิคคืนกลับมาบ้าน
เอ๊าะ
ช่าย...พีต้าด้วย แน่นอน
รวมทั้งพีต้าด้วย
และคุณต้องไม่เชื่อแน่ว่ามีหลายคนชอบพีต้า
ชอบมากกว่าฟินนิคที่ฟื้นกลับมาจากความตายเสียอีก
.
.
.
หลายสัปดาห์ต่อมา...
“ถอยไปเลยออสกี้
ฉันบอกนายเป็นรอบที่ล้านแล้วว่าอย่าเอาอวนไปให้เค้าเล่น!” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากท่าเรือ
ฟินนิคเดินดุ่มๆ
ขึ้นมาบนท่าไม้บนบกที่ชาวประมงทำไว้เพื่อทำความสะอาดอวนและตากมันให้แห้ง
สีหน้าของชายหนุ่มดูไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เค้ามองดูเด็กหนุ่มของตัวเองที่นิ้วมือพันอยู่ในอวนและมีแผลโดนบาด พีต้าทำหน้าไม่สู้ดีนัก พยายามเก็บมือออกมาจากอวนเจ้าปัญหาแต่ทว่าดึงไม่ออก
“ฟินนิค...” พีต้าพูดยังไม่ทันถึงไหน มือกร้านแดดที่กำหอกอยู่ก็กระแทกมันลงบนพื้นแล้วขยำไปที่หัวสีแดงประกายด้วยริ้วสีส้มอย่างเหมาะเจาะของหนุ่มที่นั่งบนเก้าอี้อยู่ข้างอวน
“โอ๊ย!
ฟินนิคใจเย็นน่าเพื่อน
นายจะ...อั๊ก นายจะเอามือหนักๆ
ของนายออกไปก่อนได้ไหม?” คนโดนครอบคลุมโอดโอย
“ฟังที่ฉันพูดก่อน” ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ พีต้าเบ้หน้าหนัก
ชูมือที่ขยับไปมาเหมือนอยากจะแกะมือที่ออกแรงจิกหัวของเค้าออกไปเสียเดี๋ยวนั้นแต่ทำอะไรไม่ได้ ชายคนนั้นไม่ใส่เสื้อเหมือนฟินนิค แต่ผิวซีดกว่าเล็กน้อย
สร้อยที่ทำจากหอยก้นแหลมของเค้าเป็นสีขาวบริสุทธิ์ทำให้เค้าดูเหมือนชาวประมงที่ทำงานในร่มมากกว่าออกทะเล
“ออสก้า”
พีต้าเห็นใจเค้าอย่างแผ่วเบา
“โอ๊ยยย พีต้า! เค้าจะฆ่าฉัน
ฟินนิคจะฆ่าฉานน”
ออกก้าที่ว่านั่นอ้าปากร้องเสียงดังทำตาโต
ถึงแม้ฟินนิคจะยังไม่ได้ทำอะไรเค้ามากไปกว่าการทึ้งผม
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ปล่อยด้วยเช่นกัน
“ฟินนิค”
คราวนี้เด็กหนุ่มหันไปหาชายหนุ่มบ้างแต่พูดเสียงอ่อย
ทำหน้าราวกับว่าอยากให้เห็นใจออสก้าอย่างที่เจ้าตัวเป็นบ้าง
แต่สำหรับฟินนิคแล้วออสก้าร้ายกาจมากและไม่น่าให้อภัยมาตั้งแต่ตอนตอนเด็กๆ
ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
ร่างสูงโยกมือไปทางซ้าย หัวออสก้าเอียงตาม มีเสียงกรีดร้องเล็กๆ
อย่างแสบคันหนังศีรษะตามมาด้วย
“นายไม่ต้องเป็นห่วงเค้าหรอก หมอนี่ไม่สมควรได้รับคำว่าน่าสงสาร”
“แต่ว่าเค้า...”
“ฉันบอกนายแล้ว”
ฟินนิคตัดบทอย่างนุ่มนวลและเชียบขาด “บอกนายก่อนซะด้วยซ้ำออสกี้” แล้วหันมาพูดกับเพื่อนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเด็กหนุ่มของเค้าเสียงและอารมณ์แตกต่างกันอย่างเนได้ชัด
“อ๊าก!”
“ว่าพีต้าแก้อวนไม่เป็น แล้วเค้ามีแผลที่นิ้วนายจะว่ายังไง?”
ออสก้าเป็นคนที่ควรรู้ดีที่สุด
เพราะเค้าเป็นคนแรกที่พาพีต้าออกไปรู้จักกับอวนหาปลาและเด็กหนุ่มก็ถูกพันทั้งมือในอีกแค่ห้านาทีต่อมาจนต้องตัดอวนของลุงฮาร์เบิร์กทิ้ง
แต่ครั้งนี้ที่ทำให้เค้าไม่พอใจก็คือออสก้าไปลากอวนในเขตที่มีปะการังเปราะและมีหอยอาศัยอยู่มาก
ดังนั้นจึงมีเศษปะการังที่แตกหักและเปลือกหอยซึ่งใช่ว่าจะดีติดมาด้วย
และตอนนี้พีต้าได้แผลมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ฟินนิคไม่ใช่ความผิดของเค้าหรอก เพราะฉันมาที่นี่เอง”
เด็กหนุ่มว่าเสียงอ่อยอีกครั้ง
ความรู้สึกตุ้บๆ ที่แผลยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พีต้าวางมันลงบนขา
ทำเหมือนเพียงแค่วางมือลงเฉยๆ
และพยายามทำราวกับว่าสีแดงที่นิ้วนั้นเป็นเพียงแค่สีแดงจากผลเบอร์รี่
ฟินนิคหันมามองร่างเล็กด้วยสีหน้าที่อ่อนลงไปมากเมื่อเทียบกับออสก้า
“แต่เค้ามองนายโดยบาดนะ”
“เพิ่งบาดเมื่อกี้เอง...โอ๊ย! โอ๊ยๆๆ ฉันยอมแล้ว ยอมแล้ว ยอม...ยอมแล้วฟินนิคเพื่อนรัก
ยอม...ทุกอย่างเลย”
ออสก้าหัวเอียงอีกครั้งและคำในประโยคของเค้าถูกบีบให้เสียงสูงขึ้น
ชายหนุ่มผิวสีแทนคิดว่าผมสีประกายร้อนของออสก้ามีค่ากับตัวเองมากขึ้นทุกวินาที
“ฉันไม่ทันระวังเอง”
เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยกนิ้วมือของตัวเองขึ้นมาและเผลอมองมันสีห้าเจ็บปวดให้ฟินนิคเห็น
“ฉันไม่คิดว่ามันจะคมขนาดนั้น
มันก็เป็นแค่...เปลือกหอย”
ว่าขาดคำเพียงแค่นิดเดียว ผมสีแดงดกหนานุ่มของออสก้าก็ถูกปล่อยออก ชายหนุ่มที่สวมสร้อยเปลือกหอยเหมือนพวกพรานประมงเกือบหงายหลังบนเก้าอี้ในตอนที่เพื่อนผมบล์อนสะบัดมือออกจากผมของเค้า
“โอ๊ย” ออสก้าขยุ้มนิ้วเบาๆ บนผมตัวเอง
“ผมฉัน”
เค้าโอดครวญไม่ดังนักแล้วมองเพื่อนชายหนุ่มที่ร่างกายกำยำขึ้นมากกว่าเมื่อปีก่อนเดินไปยังเด็กหนุ่มที่เค้าพามาด้วยจากเขต
12
ฟินนิคหยุดอยู่ตรงหน้าพีต้าซึ่งจ้องนิ้วที่เลือดเพิ่งหยุดไหล
ก่อนจะคว้ามันมาไว้ตรงหน้าแล้วอมมัน
เด็กหนุ่มตัวแข็งทื่อ
เกือบจะชินแล้วกับการแสดงตัวเสมือนคนรักต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ของฟินนิคแต่ดวงตาตื่นตูมของเด็กหนุ่มก็มองเลิกลั่กไปทั่ว
และเห็นเพียงแค่ออสก้าที่เป็นห่วงผมของตัวเองมากกว่าอะไร
นั่งมองปอยผมของตัวเองอยู่ตรงหน้ากับคนที่ยืนดูอยู่อีกหนึ่งคน ก่อนพีต้าจะหน้าแดงในตอนฟินนิคถ่มเลือดที่อยู่ในปากของตัวเองลงไปบนพื้นทรายที่อยู่ต่ำลงไปเบื้องล่างจากท่าตากอวนที่ยกสูงขึ้นมาจากผืนทราย จนมันดูเหมือนระเบียงโล่งยาวสีขาวเข้ากับชายหาด
เลือดของพีต้ากลับมาไหลอีกครั้งหนึ่ง
แต่หนุ่มน้อยจากเขต 12 ไม่รู้สึกปวดตุ้บแล้ว
“ฟินนิคนายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้”
คนโดนดูดหัวไหล่ยกสูงขึ้น เพราะถูกดึงข้อมือไป
“มันอาจเป็นพิษ” ร่างสูงว่า
พูดให้มันดูมีเรื่องราวขึ้นมาได้อย่างมีเหตุผลและง่ายได้
แต่ใบหน้าของเค้ากลับมีแววอมยิ้มและยังไม่ยอมปล่อยนิ้วของพีต้า
ฟินนิคหันไปมองเปลือกหอยที่เลอะเลือดของพีต้าเพียงแวบเดียวก่อนจะหันกลับมาหาอีกคนหนึ่ง
เมื่อเจอหน้าเด็กหนุ่มเค้ามักจะทำท่าเหมือนคนใจดีอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ก่อนจะดึงเด็กหนุ่มคนโปรดให้ลุกขึ้น
ลากลงมาตามบันไดของระเบียงไม้อย่างนุ่มนวล
“รู้อะไรไหม
นายน่าจะฟังที่ที่รักของนายพูดบ้างนะ” ออสก้าพูด
มองตามฟินนิคที่สบตาเค้าด้วยแววสาสม
มือของหนุ่มผมแดงยังจับอยู่บนปอยผมยังคงของตัวเองอยู่
ฟินนิคไม่แม้แต่จะหยุด
เพียงแค่เบะปากยักไหล่ใส่เค้าเป็นเชิงไม่แคร์และเหมือนจะพูดว่า แล้วไงล่ะ
นายสมควรโดนแล้ว ใส่เพื่อนที่โตมาด้วยกัน
ชายหนุ่มช่วงไหล่แข็งแรงและกล้ามเนื้อสวยงามน่าดูตามแบบของชาวทะเลมองตามแผ่นหลังที่พยายามย่ำตามให้ทันจังหวะก้าวเดินของชายหนุ่มผิวสีแทน
ก่อนหนุ่มชาวเลจะเลิกจับผมตัวเองแล้วเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวพลางถอนหายใจอย่างเสียดาย
“แหม
ให้ตายสิ ฉันชอบเค้าซะด้วย” ออสก้ายิ้มหวานกับตัวเอง
เอียงหัวไหล่ไปพิงกับเสาเกี่ยวอวนที่แข็งแรง
“ใช่ น่าเสียดายนะ” มีเสียงหนึ่งเห็นด้วยกับเค้า ชายหนุ่มผมแดงอีกคนหนึ่งที่แก้อวนอยู่ข้างๆ
อย่างเงียบๆ ซึ่งมองดูเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่แรกยื่นหน้าออกไปมองตามหลังเด็กหนุ่มตัวเล็กคนนั้นบ้าง
“เค้าน่ารักเนอะ”
“ช่ายย” ออสก้าหันมายิ้มเห็นด้วย
“นายพูดถูกที่สุดเลยออสซี่”
ชายคนนั้นละมือจากการแก้อวนแล้วชี้นิ้วชี้ทั้งสองข้างมาหาน้องชายตัวเองเร็วๆ
ประมาณว่าใช่ไหมล่ะ ฉันพูดถูก “ใช่
ฉันก็ชอบเค้า พีต้าทำอาหารเก่ง” ออสซิเดี้ยนว่าสั้นๆ
“แต่เซ็งชะมัด ฟินนิคเจอเค้าก่อนฉันซะได้”
ออสซิเดี้ยนตบไหล่น้องชาย
“เค้าสมควรได้แล้ว เชื่อสิออกกี้ เค้าสมควรได้แล้ว”
อย่างน้อยทุกคนก็รู้แล้วว่าช่วงเกิดสงครามฟินนิคเสียสละและทำอะไรมาบ้าง แต่ออสก้าก็ยังทำหน้าบูดอยู่ดี
“ขอบคุณพี่ชาย นายว่าไหมเราน่าจะคุยกันเรื่องเวลานายปลอบใจฉันนะ”
เค้ากลอกตา “ตอนจบพระเอกต้องเป็นฉันสิ ไม่ใช่ฟินนิค”
“พูดได้ไง นายเป็นตัวร้ายตลอดนั่นแหละเพราะว่านายมันตัวป่วนไงไอ้น้อง”
“ฉันจะพูดเรื่องอวนนั่น”
ออสก้าชี้ไปที่อวนข้างหลังอย่างเฉยชา
“เฮ้ย อย่า ฉันเอาของลุงกัลลี่มาใช้ ลากขึ้นฝั่งมาแล้วยังไม่ได้บอกเค้าเลย” แววตัวป่วนอย่างร้ายกาจของออสก้าฉายชัดอย่างไม่ต้องสงสัย
และเห็นได้ชัดว่าลุงกัลลี่คงจะไม่ชอบไปลากอวนที่แนวปะการังเปราะเป็นแน่เพราะมันทำให้เค้าอยากได้อวนใหม่
ออสซิเดี้ยนเดินออกมา กอดคอออสก้าที่ตัวสูงเท่ากันแล้วเสนอเรื่องดีๆ
อย่าง “งั้นเอางี้ไหม
เราทำเป็นเดินออกไป ไปที่เรือ
ออกไปสักสองชั่วโมงแล้วปล่อยให้ลุงมาเจออวนของตัวเอง?”
“อืมม”
ออสก้าเม้มริมฝีปากแล้วเอียงค้างครุ่นคิด
ลุงกัลลี่จะต้องร้องไห้แน่ๆ ถ้ามาเจออวนตัวเองถูกเศษปะการังกับเปลือกหอยปู้ยี่ปู้ยำขนาดนั้น และเค้าก็ส่ายหน้าบอกพี่ชายของตัวเองไปว่า “รู้อะไรไหมฉันชอบเชื้อคนเขต 10
ของนายจังเลย งี้สิ ถึงจะสมเป็นพี่ฉัน”
แล้วออสก้าก็ยิ้ม เดินลงบันไดสั้นๆ
ลงไปบนพื้นทรายอย่างกระปรี้กระเปร้าพร้อมกับพี่ชาย
“ถึงชื่อที่ปู่ตั้งให้นายมันจะฟังดูเพี้ยนๆ ไปหน่อยก็เถอะ”
แล้วออสก้ากับออสซิเดี้ยนพี่ชายของเค้าก็ออกไปถอดเสมอเรือเล็กอยู่ที่ปากอ่าวเกือบทั้งวัน
แล้วลุงกัลลี่ก็ร้องไห้เมื่อเดินมาพบอวนใหม่ของตัวเองพันยุ่งเหยิงอยู่กับปะการังและเปลือกหอย ก่อนเค้าพอจะเดาได้ว่าเป็นฝีมือของหลานชายตัวดีคนไหน
.
.
.
TBC.
--------------------------------------------------------------------------------------------
ว๊ากกกกกกกกกกก สองพี่น้องนี่ก็ช่ายย่อยนะคะ 5555555 ขนาดเค้าพาแฟนกลับมาบ้านยังไม่เกรงใจ
ตามจีบแฟนเค้าเฉยเลยนะออสก้า 555555 ฮึย
ลืมบอกไปว่าสองคนนี้เป็นแฝดกันค่ะ 5555
เรื่องอาจจะดูเดินไปเร็วๆ นะคะ
เพราะเดี๋ยวออกเล่มแล้วจะไม่มีอะไรเขียนค่ะ 55555555
การรวมเล่มเป็นความใฝ่ฝันของไรท์เลยล่ะค่ะ ฮึก T^T
เดียวเจอกันแน่คะ เมื่อไรไม่รู้ 5555555
Part หน้า Part จบแล้วนะเออ รอชมกันค่าา ขอบพระคุณสำหรับการรับชมและติชมนะคะ รักมากมายค่าา
ไปและ แปะเฟสตามธรรมเนียม แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด (อย่าลืมไลค์เฟจให้ด้วยนะจ๊ะ รวมเล่มแล้วจะได้ตรู้ข่าวกันค่าา)
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray – Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น