//รูปเก่า เล่าใหม่
ชอบพีต้าลุคนี้มากเลยค่ะ
ดูเค้าสิ ฮ่อลลล โดนจับใส่ชุดเจ้าบ่าวแล้วยังทำหน้าไม่รู้อะไรอีก
(อีกนัยหนึ่งคืออยากกลับบ้าน) ผกก.สั่งตัดชุดเจ้าบ่าวให้ฟินนิคอีกชุดหนึ่งเลยค่าา อร๊ายยยย
ถ้าไม่ทำเดี๋ยวไรท์ทำเองค่ะ 555555//
อร๊ายยยยยยยยยยยยย!! สวัสดีค่ะ
รีดๆ ที่เคารพรักสุดหัวใจของไรท์ ฮาาา โอยยย
กว่าจะได้มา ไรท์ติดสอบค่ะ
55555....เบื่อจุง -0-
แล้วก็ต้องเก็บกิจกรรมอีก
เห้ออออ บ้าจริงๆ
แต่ว่า!! ไรท์จะอัพฟิค +
เขียนฟิคให้มันกระจุยไปเลยค่ะ 55! (ก็..ไม่พูด รีดก็รู้ว่าแกอัดอั้นอ่ะ Aund -*-) พีต้ากำลังจะไปสู่เส้นทางนั้นกับฟินนิคแล้วค่ะรีดๆ
ขา ฮาา //วาดมือไปที่ภาพข้างหน้า//
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย!!!! ดีจังเลยค่ะ >< ในที่สุดทั้งสองก็กำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตรักแบบที่เค้าอื่นๆ
เค้าทำกันสักทีค่ะ 555555
งั้นไปอ่านกันเลยเนอะ
ไปกันเล้ยยยยย
--------------------------------------------------------------------------------------------
หลายวันผ่านไปหลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยดีแล้ว คนเร่รอนหลายคนมีบ้านอยู่และสมาชิกในเขตก็เริ่มทำการเพาะปลูกก่อนฤดูหนาวจะมาถึงในอีกไม่ช้า
ฟินนิคก็บอกคนอื่นๆ
เรื่องกลับบ้านเกิดพร้อมกับพีต้า ในตอนแรกเค้าบอกแคทนิสกับเฮย์มิชก่อน พอสองคนนั้นทำหน้าเงียบงันไร้ปัญหาพร้อมกับยิ้มให้เค้าแล้วฟินนิคจึงเริ่มไปบอกกับคนอื่นๆ
หลายคนทำหน้าใจหายและเสียใจที่เค้ากำลังจะจากไปแต่ถึงอย่างไรก็รู้ดีว่าชายหนุ่มจะต้องกลับบ้านของตัวเองเข้าสักวันหนึ่ง
“นายจะไปทันทีเลยเหรอพวก?”
เฮย์มิชยืนกอดอกพิงเสาตรงระเบียงหน้าบ้านถามฟินนิคที่กำลังเก็บสัมภาระส่วนตัวใส่กระเป๋า
ชายหนุ่มเงยขึ้นมามองคนถาม ไม่ตอบทันทีแต่ยิ้มให้เฮย์มิช “เดาว่าคุณคงจะคิดถึงผมมากแน่เลย
ใช่ไหม?” ร่างสูงว่าหยอก และดูเหมือนจะเป็นอย่างที่พูดจริง
เฮย์มิชคงหาเพื่อนตกปลาที่ถูกคอและถูกใจได้เท่าชายหนุ่มผิวสีแทนไม่ได้อีกแล้ว ก่อนเด็กหนุ่มที่ถือกระเป๋าของตัวเองออกมาจากบ้านจะเรียกความสนใจของเฮย์มิชมากกว่าฟินนิคในตอนแรกลิบลับ
“ไม่ใช่นายซะหน่อย ฉันเป็นห่วงหนุ่มน้อยของฉันมากกว่าว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกไหม ดูท่านายจะไม่ยอมคืนเค้าให้ใครเลยหลังจากกลับขึ้นมาจากหลุมนะพวก”
เฮย์มิชว่าหยอกเหมือนกันให้ความรู้สึกที่เหมือนจริงมาก พลางชี้นิ้วน้อยๆ ไปทางพีต้าที่ตื่นเต้นจนเตรียมพร้อมแล้วเต็มที่
เด็กหนุ่มไม่ว่าอะไรพร้อมกับหลบหน้าเฮย์มิชแต่ร่างสูงแอบเห็นว่าเจ้าตัวแอบเนียมอายไปด้วย ก่อนฟินนิคจะลุกขึ้นจากการจัดของใส่กระเป๋าแล้วกอดไหล่พีต้าแน่นๆ
“อย่าเชียวเฮย์มิช
ถ้าคุณทำให้ผมไม่พอใจ บางทีคุณอาจไม่ได้เค้าคืนก็ได้”
เฮย์มิชหัวเราะพร้อมร่างสูง พวกเค้าเดินเข้าไปหากันแล้วกอดกัน
“ฉันคงคิดถึงนายมากแน่เจ้าหนุ่ม”
เฮย์มิชพูดด้วยความจริงใจและเสียดาย ก่อนจะตะปบมือกับฟินนิค
“ขอให้โชคดีไอ้น้องชาย”
“ขอบคุณเฮย์มิช”
หนุ่มชาวประมงยิ้มอย่างขอบคุณก่อนจะเดินไปหาเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่กับกระเป๋าของเค้า
“นายบอกลาแคทนิสหรือยัง?”
แต่เหนุ่มเบเกอร์รี่ของเค้าเม้มปากแล้วหลุบตาต่ำลง มือที่กำรอบสายกระเป๋าไม่ยอมขึ้นพาดบ่า ร่างสูงมองท่าทางนั้นได้อย่างถ่องแท้ ก่อนจะถอนหายใจยิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นนวดหัวไหล่ของเด็กหนุ่มทั้งสองเบาๆ
อย่างเกลี่ยกล่อม
“งั้นเราไปพร้อมกันโอเคไหม?”
เค้าถาม เด็กหนุ่มจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านตามเค้า บางทีพีต้าอาจยังไม่อยากนึกถึงหน้าแคทนิสว่าจะเป็นยังไงตอนเห็นว่าเค้ากำลังบอกลา เธอทำตัวเหมือนแม่จนพีต้าแทบไม่เชื่อตัวเองว่าเคยชอบเธอเมื่อนานมาแล้ว
และเธอทำตัวเป็นคนดีมากกว่าที่คิดเอาไว้ หญิงสาวผมสยายกอดพีต้าไว้และทำเช่นเดียวกันกับฟินนิค เธอยิ้มอย่างบอกลาก่อนจะบอกให้ฟินนิคดูแลเพื่อนของเธอ กำชับอย่าให้เค้าต้องเป็นอะไรไปอีก พีต้าเหมาะที่สุดสำหรับการถูกคนอื่นดูแลและเธอเชื่อว่าฟินนิคทำมันได้ดีที่สุดมากกว่าใคร
ฟินนิคกอดเธอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจูบแก้มลา ขอบคุณผ่านสายตาที่เธอโค่นล้มสโนว์และทำให้
อัลม่า คอยน์ ลาโลกไปได้ รวมถึงคอยดูแลพีต้าจนกระทั่งเค้าจะกลับมา
“ลาก่อนแคทนิส”
พีต้าพูดเบาๆ เธอลูบแขนเค้าแสนเบาเช่นกัน เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ก่อนจะน้ำตาหยดทั้งๆ
ที่ยังยิ้มอยู่ ฟินนิคโอบไหล่พีต้ากลับคืนมาแล้วพาเด็กหนุ่มเดินขึ้นรถที่มีอยู่เพียงคันเดียวในเขต กริสแบลร์ขับมันไปส่งพวกเค้าที่ชาญชาลาซึ่งดูร้างราวกับไม่มีใครมาใช้ และถือว่าเป็นโชคดีที่ขบวนรถไฟมาจอดแวะเทียบท่าได้ตรงเวลาตามที่ได้คาดการณ์ไว้พอดี ชายหนุ่มทั้งสองบอกลากริสแบลร์ก่อนจะขึ้นไปบนรถไฟที่มีสีหน้างุนงงของครูสโผล่ออกมาต้อนรับ
“เฮ้ ฟินนิค นั่นนายเหรอ!” นายขบวนผุดเสียงดังแล้วฉีกยิ้มออกมาอย่างยินดี ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้วหลังจากที่ชายหนุ่มจากเขต
4 ผู้โด่งดังลงจากรถไฟของเค้าไป ครูสไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่าจะได้เจอฟินนิคอีก แต่ในครั้งนี้มีเด็กหนุ่มที่หน้าตาคุ้นตายิ่งกว่าติดสอยห้อยตามมาด้วย
นายขบวนมองไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนกอดกระเป๋าหลบอยู่ด้านหลังของฟินนิคผู้ฉีกยิ้มตอบเค้า เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่เสมองไปทางอื่นของครูสร่างสูงจึงหันไปดันหลังพีต้าออกมา
“นี่พีต้า เชื่อว่าคุณคงจะรู้จักเค้าแล้ว” ชายหนุ่มผิวสีแทนวาดยิ้มประทับใจ
“เค้าเป็นเพื่อนของผม” บ่งบอกว่าเหตุใดเค้าจึงดั้นด้นมาถึงที่นี่เพื่อเด็กหนุ่มผู้แสนสำคัญคนนี้
“อ่อ พีต้า
เมลล์ลาร์ก จากเขต 12 นี่เอง” นายขบวนถอดหมวกวางไว้บนอกแล้วยื่นมือออกไปจับกับพีต้าอย่างสุภาพ
และเด็กหนุ่มเองก็เช่นกัน
“เธอนี่เองที่ทำให้เราประหลาดใจเพราะความตั้งใจของเค้า”
พีต้าเลิกคิ้วแล้วผูกปม ก่อนจะเพียงแค่ยิ้มตอบไปน้อยๆ เพราะไม่รู้จะพูดออกไปว่าอะไร
นายขบวนที่ลงมาต้อนรับแขกเชื้อเชิญให้พวกเค้าทำตัวตามสบายเพื่อรอให้ถึงจุดหมายของที่กำลังมุ่งหน้าไปถึง ฟินนิคคุ้นเคยกับมันมากกว่าพีต้าจึงพาเด็กหนุ่มออกไปทักทายกัปตันและนายขบวนอีกสองคนที่เหลือ ในตอนแรกพีต้ามีความกังวลว่าคนพวกนั้นจะรังเกียจเค้าเพราะถูกมองว่าเป็นพวกของสโนว์จากการล้างสมองก่อนหน้านี้หรือเปล่า
แต่ก็ไม่เลย ทุกคนเข้าใจดีว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเพียงแค่หนึ่งในสิ่งชั่วร้ายที่สโนว์ได้ทำไว้กับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งในหลายร้อยคน กัปตันกล่าวยินดีต้อนรับด้วยเสียงอันอบอุ่นแล้วจับมือกับเค้าพร้อมกับรอยยิ้ม พีต้าอบอุ่นหัวใจเมื่อการออกมาจากบ้านในรอบหกเดือนของเค้าเริ่มต้นไปได้ด้วยดี
ไม่นานเมื่อพูดคุยกันเสร็จ
ฟินนิคพาเจ้าตัวออกมาจากห้องหัวขบวนอันน่าตื่นตาของกัปตันมายังห้องรับรองที่น่าตื่นตาไม่แพ้กัน เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟานวมปักด้วยลวดลายหรูหราที่เป็นของสืบทอดมาจากสมัยแคปปิตอลเก่า มองออกไปยังนอกกระจกบานใสเป็นแนวยาวเกือบตลอดลำ แสงเงาของต้มไม้และก้อนเมฆเรียกให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาจับขอบดูอย่างเพลิดเพลินและน่าอัศจรรย์ที่ได้ออกมานอกเขตซึ่งเค้าไม่คิดว่าจะได้จากมันมาอีกครั้ง
แม้จะไม่มีอะไรต่างจากครั้งล่าสุดที่เค้าเคยนั่งมัน แต่ทว่าภาพตามรายทางกลับทำให้พีต้ารู้สึกปลอดภัยมากกว่าครั้งไหนๆ แสงสีส้มเริ่มสาดขึ้นเคลือบท้องฟ้า ไฟสีเรืองรองภายในห้องก็สว่างขึ้นจากระบบอัตโนมัติของรถไฟ แต่พร้อมกันนั้นประตูก็เปิดออกอย่างแผ่วเบาแล้วร่างของชายหนุ่มก็แทรกเข้ามาพร้อมถาดอาหารเย็น
“เฮ้”
ฟินนิคทัก “ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว”
“ฉันยังไม่ค่อยหิวเท่าไร”
เป็นเพราะหลายๆ อย่างแปลกใหม่เด็กหนุ่มเลยเลือกที่จะสนใจมันมากกว่า ฟินนิคมองพีต้าอย่างอ่อนใจ
เค้าไมได้ว่าอะไร เพียงวางถาดอาหารที่คงไม่มีใครสนใจไปครู่หนึ่งแล้วเดินมานั่งข้างๆ
เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ของเค้าที่ตื่นตาตื่นใจกับการออกมาจากบ้าน
แต่เมื่อพอเค้ามานั่งรวมกัน
เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สนใจทิวทัศน์แล้ว
“ฉันดีใจที่นายมาด้วย”
ฟินนิคพูดขึ้น มองพีต้าไปด้วยขณะยิ้ม
“ฉันคิดว่าที่นั่นจะต้องเยี่ยม”
หนุ่มน้อยพยายามทำให้คิดว่านอกจากทะเลแล้วเขตแห่งชาวประมงจะมีอะไรได้อีกบ้าง ก่อนร่างสูงจะจับมือเจ้าตัวแล้วพูด
“นายไม่กลัวเหรอที่ออกมาจากบ้านมาไกลขนาดนี้ นี่จะไกลยิ่งกว่าซะแคปปิตอลอีกนะ” เสียงฟินนิคฟังดูเหมือนทดสอบ พีต้าจึงตอบไปตามความจริง
“ฉันเคยกลัวและคิดว่าจะไม่ออกไปจากที่นั่นอีก”
ก่อนจะสบตาฟินนิคแล้วหลุบหนี “อยู่กับนายแล้วฉันรู้สึกปลอดภัย” ชายหนุ่มวาดยิ้ม หัวใจเค้ารู้สึกอิ่มเอม
“โอ้
พีต้า” เค้าดึงพีต้าเข้ามากอดและโอบกอดเอาไว้เองด้วย “ฉันอยู่นี่ จะอยู่กับนายตลอดเวลา นายไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว” ฟินนิคแอบนึกถึงช่วงเวลาที่เค้าปล่อยให้เด็กหนุ่มต้องเจอแต่เรื่องร้ายๆ
ก่อนจะจูบเด็กหนุ่มด้วยความแผ่วเบาจนเหมือนแตะเฉียด พีต้ายึดคอของร่างสูงไว้ ฟินนิคจึงจูบซ้ำอีกแต่ลึกล้ำมากกว่าเดิม
ทั้งสองจูบกันอยู่นานจนไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วสำหรับการจูบเพียงผิวเผินของคนรัก เป็นฟินนิคเสียมากกว่าที่จงใจแกล้งหยอกล้ออีกคนหนึ่ง
เค้าผละปากออกแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดกระเซ้าเหย้าแหย่ถึงแม้พีต้าจะคิดว่าเค้าหยุดแล้ว แต่ร่างสูงก็ก้มลงไปกัดริมฝีปากบางๆ
ของเด็กหนุ่มอยู่หลายทีแล้วหัวเราะไปด้วย
เย็นนั้นพวกเค้าทานอาหารช้ากว่าทุกวันเพราะมีเวลาอยู่ด้วยกันสองคน ไม่มีใครเข้ามารบกวนทั้งนั้นแม้แต่ครูสและเพื่อนๆ
ที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกันเป็นพิเศษเนื่องจากได้เจอคนดังของพาเน็มและหนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนของพวกเค้า แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาเลย
ฟินนิคเคี้ยวผักไปด้วยแล้วมองหน้าพีต้าไปด้วย อาหารมื้อนั้นอร่อยเป็นพิเศษเพราะความพิเศษในแววตาของทั้งคู่ และพวกเค้าไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังสนุกอยู่กับการที่ได้อยู่กันตามลำพัง ไม่มีการมีอยู่ของแคทนิส เสียงที่มาก่อนตัวของเฮย์มิช ขนที่ฟุ้งกระจายอยู่ตลอดเวลาจากแมวของพริม หรือคนอื่นๆ
ถึงแม้จะไม่มีคนพวกนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้หวั่นไหวเลย พีต้าไม่รู้ตัวเลยว่าการจากบ้านไปครั้งนี้ของเค้าจะทำให้เค้าไม่รู้สึกอยากหวนกลับไปหามันอีกเลย...
คืนนั้นขณะที่ตัวเคลื่อนขบวนพารถไฟแล่นไปตามรางอย่างนิ่มนวลและราบรื่น ฟินนิคกับพีต้าอาบน้ำ ร่างเล็กถูกร่างสูงกลั่นแกล้งและหัวเราะอีกครั้ง
ก่อนพวกเค้าจะใส่เสื้อผ้าและนอนกอดกันในห้องที่มีเตียงคู่ตั้งอยู่เคียงข้างไม่ห่างกัน ทั้งสองช่วยกันดันเตียงให้ชนกันและกระโดดขึ้นไปบนนั้น สัมผัสความหนานุ่มเบาสบายของเตียงในโบกี้ระดับเฟิร์สคลาสที่เป็นของพวกเค้า
ฟินนิคนอนกอดพีต้า ทั้งสองนอนกอดกันและพูดคุยไปเรื่อยเกี่ยวกับคำถามเรื่องเขต
4 ของพีต้าและเรื่องเล่าเกี่ยวกับบ้านตัวเองของฟินนิค ก่อนมันจะลงเอยด้วยรอยจูบที่ร่างสูงพรมไปทั่วใบหูและต้นคอของร่างเล็กจนเจ้าตัวหลับไปในอ้อมอกของเค้า
วันต่อมาพีต้าค่อนข้างตื่นเต้น แต่ความนุ่มนวลของรถไฟและแสงดาวจากฟากฟ้ากล่อมให้เด็กหนุ่มเพลิดเพลินจนหลับไปในอ้อมกอดอันปลอดภัยอบอุ่นของชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย ฟินนิคกอดเจ้าตัวไว้ ขาก่ายขาของพีต้าที่เริ่มทับเค้าก่อน แรงหายใจที่ขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะของเด็กหนุ่มทำให้ร่างสูงต้องแทบกลั้นหายใจในยามที่ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ทั้งคู่
วันรุ่งขึ้นพวกเค้าทั้งสองเปลี่ยนขบวน และต่อรถไฟครั้งสุดท้ายไปเขต 4 ซึ่งอยู่ห่างจากแคปปิตอลพอสมควร จำเป็นต้องใช้เส้นทางนี้เนื่องจากมีเวิ้งน้ำคั้นกลางระหว่างพวกเค้ากับบ้านเกิดของฟินนิคอยู่หลายไมล์ พีต้ายื่นดูเกาะกว้างใหญ่ที่เชื่อมติดกับแผ่นดินอีกฝั่งหนึ่งด้วยดวงตาสีฟ้าที่ไร้การกระพริบ และเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าชายผู้ชักชวนให้เค้าออกมาจากบ้านเกิดของตัวเองนั้นได้เดินมายืนกระนาบอยู่ด้านหลังแล้ว
ฟินนิคเงียบเชียบ
ไร้สุ่มเสียง เค้าก้มหัวลงลดใบหน้าให้อยู่ในระดับเดียวกับพีต้าแล้ววาดยิ้มบางๆ
“อีกไม่ถึงสิบสองชั่วโมงเราก็จะไปถึงที่นั่นแล้ว
เอาไว้มองตรงนี้มาจากที่นั่นแล้วนายจะรู้ว่ามันสวยกว่ามาก” แล้วสอดมือเอื้ออมมากอดเด็กหนุ่มจากด้านหลัง
พีต้าสะดุ้งตัวเล็กน้อยเพราะน้ำทะเลสีทองยามเย็นระยิบระยับที่กระทบกับแสงอาทิตย์ทำให้รู้สึกเหม่อลอย คนถูกกอดรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าระเรื่อยอยู่ที่ข้างใบหูซึ่งกำลังขึ้นสีระเรื่อนั้น
ฟินนิคลดมือลงแล้วหยิบกระเป๋าพีต้าขึ้นมาถือไว้เอง
“รถไฟเที่ยวสุดท้ายไปเขต 4 ของวันนี้กำลังจะออกแล้ว เรียนผู้โดยสารทุกท่านเข้าประจำที่และรัดเข็มขัดให้แน่นด้วย”
แล้วจูบแก้มของพีต้าเร็วๆ ก่อนจะหมุนตัวดึงมือเด็กหนุ่มที่ส่งเสียงหัวเราะให้เดินตามไป
“ที่นั่นไม่มีเข็มขัดสักหน่อย”
แว่วเสียงพีต้าตามหลังมา
“อา
นั่นสินะ...จริงด้วยนายพูดถูก” เสียงหัวเราะของพวกเค้าดังขึ้นและถูกกลบด้วยคนบนชาญชาลา
เสียงผู้คนที่เริ่มสนใจในการใช้บริการทางบกที่ล่องลอยอยู่บนรางแร่ดังอย่างไม่วุ่นวายชวนระคายหูอยู่รอบตัวของเด็กหนุ่มผมบล์อนและชายหนุ่มผิวสีแทนที่ผมสีเดียวกัน ที่นี่คือพาเน็ม หลายคนเริ่มเลือกที่จะใช้รถไฟเพื่อเดินทางท่องเที่ยวและเยี่ยมญาติมิตรกันบ้างแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจพวกเค้า
ฟินนิคสวมหมวกที่ซื้อมาและพีต้าสวมเสื้อฮู้ดของเค้า
เค้าดึงมันขึ้นมาปิดหน้าของเด็กหนุ่มก่อนจะดึงมือให้วิ่งตามมาโดยไม่ให้ได้ตั้งตัว พีต้าหัวเราะ
วิ่งไม่มั่นคงและไม่ทันได้หยุดเมื่อพุ่งเข้ามาในรถไฟแล้ว ฟินนิคใช้อกของเค้าเองรับเด็กหนุ่มไว้ด้วยความยินดี พีต้าปัดฮู้ดออกเห็นอีกคนหนึ่งยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์แสนกล แล้วดวงตาสีฟ้าที่ฉายแววสดใสขึ้นกว่าเมื่อก่อนก็กวาดตามองไปรอบๆ
รถไฟเที่ยวสุดท้ายที่จะไปเขต 4 ของวันนี้
“ไม่มีใครอีกแล้วเหรอ?”
พีต้าเดินออกไปสอดส่องผ่านประตูที่เชื่อมโบกี้
“ที่นี่มีแค่เรา”
ฟินนิคเฉลยให้ พีต้าหันมา รู้สึกโคลงไหวใต้เท้าเล็กน้อย...รถไฟออกตัวแล้ว
“นายชอบที่คนเยอะๆ เหรอ?” ร่างสูงถาม
เดินเข้าไปเกลี่ยเส้นผมที่เสียทรงฮู้ดของเค้า
“เปล่า”
พีต้าไหวไหล่ “ไม่ชอบหรอก ฉันแค่สงสัยเท่านั้นเอง”
ร่างสูงยิ้มก่อนจะจุดยิ้มขึ้นมาแล้วก้มลงจูบร่างเล็กที่ใส่เสื้อของเค้า
“นึกว่านายไม่ชอบที่มีแค่เราสองคนซะอีก” แล้วยิ้มอีก พีต้าถอดหมวกของเค้าออกแล้วเริ่มจูบบ้าง
“ชอบสิ ฉันชอบ...”
.
.
.
คืนนั้นเป็นคืนที่ร้อนแรง อบอ้าวอย่างไม่รู้สาเหตุ ปรกติแล้วถึงแม้จะเป็นในฤดูร้อนแต่ผู้คนก็จะนอนซุกใต้ผ้าห่มอย่างอุ่นสบายได้เสมอ สภาพอากาศไม่สามารถทำอะไรผู้โดยสารในรถไฟได้เลย
และภายในโบกี้ผู้โดยสารอันว่างเปล่าก็เช่นกัน อากาศดีราวกับต้นฤดูหนาวที่ยังคงมาไม่ถึง
แต่ทว่าผู้โดยสารที่ขึ้นมาใช้บริการเพียงสองคนกลับกำลังเหงื่อชื่นกายเพราะกิจกรรมยามอาทิตย์ตกดินที่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
“ฉันไม่คิดว่าเราควรทำงี้ก่อนมื้อค่ำนะ”
พีต้าจับปกเสื้อของฟินนิคไว้แน่น “เดี๋ยวพวกเค้าก็จะมาเคาะประตูแล้วและ...อื้อ”
แต่ยังไม่ทันไรก็ถูกจูบตัดคำพูดเสียแล้ว
“แล้วก็เอามื้อค่ำมาวางให้เรายังงั้นเหรอ โอ้ ไม่เอาน่าพีต้า ฉันคิดว่าเค้ารู้ว่าเราไม่ได้มาจากแคปปิตอลนะ ไม่มีคนจากเขตไหนกินอาหารเยอะแยะเหมือนคนจากแคปปิตอลหรอกน่า”
ชายหนุ่มต่อให้จบอย่างไม่มีความกังวล
ก่อนจะแกะมือเล็กๆ นั้นออกแล้วเปลี่ยนให้มาเป็นวางบนบ่าของเค้าแทน
“ดูนายมั่นใจจังนะ”
“ก็ฉันเป็นคนล็อคประตูเองนี่นา”
ก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปหลอกล้อกับเด็กหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง ร่างของพีต้าถูกวางตุ้บลงบนพื้นเบาะโซฟาที่พวกเค้านั่งอยู่ มือใหญ่ของร่างสูงไล่เข้าไปใต้ชายเสื้อของพีต้าในขณะที่ปากของเค้าก็ดูดเม้มริมฝีปากของอีกคนหนึ่งไปด้วย
“พวกเค้าจะมา..อะ
ฮะ!” เด็กหนุ่มยกตัวขึ้นแต่ก็กลายเป็นว่าต้องกระตุกหนักเพราะนิ้วกร้านที่บีบเข้าที่ยอดอกของเจ้าตัว พีต้าเส้นผมถูไถกับเบาะกำมะหยี่ของโซฟาราคาแพงที่ไร้ซึ่งผู้คนมาเยี่ยมเยียนจนเงียบเหงา
ในขณะที่ลำตัวของเค้านั้นก็ถูกรวบกอดจนท้องน้อยแนบชิดกับหน้าท้องของอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังใช้ปากอมยอดอกของเค้าอยู่ นิ้วมือน้อยๆ ข้างซ้ายของพีต้าแตะสะเปะสะปะไปบนขอบกระจกรถไฟอย่างทรมาน
“อ่อ
ฉันลืมถามไปเลย” ฟินนิคผงกหัวขึ้นมาจากหน้าอกที่ขึ้นสีและเลอะน้ำลายของเค้า “ว่านายชอบเซ็กซ์บนรถไฟไหม?”
รอยยิ้มของชายหนุ่มทำให้พีต้านึกถึงคืนนั้นที่เค้าถามว่าชอบปูไหม
“พอเลย”
เด็กหนุ่มยิ้ม ฟินนิคจะทำแบบนั้นในตอนที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแล้วกอดกันอีกแล้ว
.
.
.
TBC.
------------------------------------------------------------------------------------
อุ ค้าง NC ! O..o รีบเผ่นดีกว่า
สวัสดีค่ะรีดขา //ไหว้//
เจอกัน Part หน้า ต่อ NC
กันเนอะ 5555555
ป.ล.
แคทนิสอย่ามาร้องไห้ มารยา!
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น