มาแล้วค่าาาา
ไรท์มาแล้วค่าาาา กับ Part ที่ความเข้าใจของโด้เหมียวกำลังจะพัฒนาขึ้น(....ภายในลิฟต์)ค่ะ
-_-^ .......อะ อั่น
นั่น แน แน๊ แน่ ---- รีดคิดถึงนิสัยถาวรของไรท์อยู่อ่ะป่าวค่ะ
//ชี้หน้ารีดพลางทำตากระหลิ้มกระเหลี่ย//
แหม่.....รีดขา รอกันก่อนสิค่ะ อย่าเพิ่งใจร้อน //นวดขารีด
อนึ่งบ่าวคนสนิท// ไรท์รู้ว่าฉากที่มันประมาณว่า
บ่ะ บ่ะ โอ้ บ่ะ บ่ะ นี่มันก็ห่างหายไปนานสำหรับเรานะคะ แต่ว่าเรื่องนี้เราจะให้เค้าทำลิตฟ์โยกไม่ได้นะคะ
เดี๋ยวตายค่ะ (ลิฟต์ร่วงนี่แย่เลยนะคะ....พอดี Part ทั้งสองโชคดี....ยังไม่ตายเพราะลิฟต์กิดปัญหาค่ะ)+(อ้าววว
ไรท์สปอยล์สิเนี่ยยย)
อ๊ายยย
ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ.....เค้าเพิ่งรู้จักกันเองน้า จาให้จ้ำจี้อะไรกันเลยได้ไงล่าวววว
>///<
อ่ะๆๆๆ
ไรท์ไม่ไร้สาระแล้วค่ะ
เอาเป็นว่าไปอ่านกันเลยล่ะกันนะคะ......ไปดูเฉลยแห่งความหลังกันเลยค่ะ
ว่าเหตุใดเหมียวเมสจึงกลัวที่แคบและความมืดดดด -___________-“””””””” เสียจนจับจิตจับใจถึงเพียงนี้ ------- !
พลั๊กกก!! //โดนรีดก้านคอ....แกมากไปแล้ว ไสหัวไป –{}- !//
---------------------------------------------------------------------------------------------------
“นี่คุณกลัวความสูงเหรอ?”
แขนยาวถูกอ้าออกอย่างสงสัย
ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ลิฟต์เริ่มกระตุกอีกครั้ง คนที่อยู่ในอ้อมกอดจึงสะดุ้งขึ้นสุดตัวก่อนจะเป็นฝ่ายออกแรงกอดร่างสูงเข้าเสียเอง โรนัลโด้วางมือลงกลับที่เดิมอย่างรวดเร็ว โดยไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ว่าทำไมต้องกอดตอบกลับไปรวดเร็วขนาดนั้น
ดวงตาคมกวาดไปทั่วในขณะที่ลิฟต์สั่นสะเทือน และเค้าก็กอดร่างเล็กๆ ที่สั่นเทิ่มไปด้วย ใบหน้าของเค้ากำลังขมวดมุ้นราวกับว่าเค้าลืมของไว้บนรถไฟฟ้ายังไงยังงั้น
............ให้ตาย ให้บอกเลยว่าเกิดมาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน
แค่ลิฟต์กระตุกก็ยังกลัว
แค่เห็นเลือดตัวเองก็ยังเป็นลม! ………..
บอกฉันทีว่าเค้าป่วยหรืออะไรก็ได้
ที่ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดอยู่ พระเจ้า........ร่างสูงอ้อนวอนต่อพระเจ้าขอให้เค้าคิดผิด
และขอให้เหตุผลที่เมสซี่ซึ่งกอดรัดเค้าไว้อย่างเหนียวแน่นในตอนนี้ก็เป็นเพราะเจ้าตัวป่วยหรือรู้สึกไม่ดีอะไรเทือกนั้นก็ได้
ไม่ใช่.........
โรนัลโด้ฝืนความพยายามที่อยากจะเอ่ยปากถามเมสซี่ออกไปตรงๆ
เสียให้ได้ แล้วลอบกลืนของเหลวลงคออย่างรู้สึกประหม่า.........
และร่างสูงก็คิด......ถ้าหากคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเค้าในตอนนี้เป็นโรคขวัญอ่อนจริงๆ
ล่ะ
เค้าควรจะทำอย่างไรดีหากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ร่วมกันกับเมสซี่ที่แค่เลือดตัวเองก็ยังกลัว และ
เอ่อ.....โรนัลโด้จะยังไม่ฟันธงว่าอีกคนกลัวอะไรอีกรึเปล่า เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ตามน้ำไปก่อนแล้วกันนะ
และต่อมาจากการสั่นสะเทือนจนน่าใจหายสำหรับเมสซี่
ลิตฟ์สำรองตัวนี้ของโรงแรมก็หยุดสั่นเสียทีและกลับมาทำงานในโหมดปรกติอีกครั้ง
ร่างสูงเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ โรนัลโด้เหลือบมองด้านบนของตัวลิฟต์น้อยๆ
ราวกับไม่ไว้วางใจมันนิดๆ ที่อยู่ๆ เดี๋ยวก็เป็นอยู่ๆ เดี๋ยวก็หาย
ร่างสูงเหลือบมองเพดานไม้สีส้มเข้มนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้มลงมาให้ความสนใจกับบุคคลที่อยู่ในอ้อมกอดของเค้า
และบอกตามตรงโรนัลโด้ก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มอะไรตรงไหนดี............
ก็เค้าไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนี่นา...........
มือแกร่งค่อยๆ
เลื่อนขึ้นสูงแล้วลูบหัวไหล่เล็กเบาๆ เพื่อทำให้เมสซี่รู้ว่าร่างสูงก็อยู่ตรงนี้
และไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น.........
“เอาล่ะ โอเคแล้ว.....มันหยุดสั่นแล้วล่ะนะ
คุณไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว” โรนัลโด้พูดเสียงนุ่ม
เค้าไม่รู้ว่าจะต้องพูด
หรือปล่อยให้อีกคนหนึ่งกอดเค้าต่อไปดีกันแน่......แต่เสียงนุ่มทุ้มที่เปล่งออกไปก็ไม่ได้มีความไม่แน่ใจปะปนอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย
มือแกร่งออกแรงอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เค้าตั้งใจจะคุยกับเมสซี่ให้รู้เรื่องถึงข้อข้องใจของเค้าจริงๆ
โรนัลโด้ดันตัวเมสซี่ออกมาเล็กน้อยเพื่อให้หน้าของเค้าทั้งสองได้เห็นกันอีกครั้ง......และมือของเมสซี่ยังคงเกาะอยู่บนบริเวณเอวของร่างสูงอย่างลืมตัว
เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ไม่ยอมพูดจา
โรนัลโด้ก็ถึงกับต้องจ้องเขม็งทันที
เมื่อดวงตาของเมสซี่นั้นมีน้ำคลออยู่เกือบเต็มหน่วย และรอบดวงตากลมโตราวกับเด็กเล็กๆ
นั่นก็เขรอะไปด้วยน้ำตา
หลังจากนั้นร่างสูงก็รู้ว่าน้ำตาที่ไม่ได้คลออยู่ในดวงตาของเมสซี่นั้น
มันมาเปียกอยู่บนอกเสื้อของเค้านี่เอง
และเหมือนเมสซี่จะรู้ตัวว่าเค้าทำอะไรอยู่ ร่างเล็กหลุบตาก้มมองต่ำอย่างไม่ต้องการให้โรนัลโด้เห็นสีหน้าของเค้า
เพื่อซ้อนรอยแดงๆ รอบดวงตานั้นไว้
โรนัลโด้เผลอก้มมองตามลงไปอย่างเสียไม่ได้
“คุณโอเคไหม....”
เค้าถามเป็นรอบที่เกือบนับไม่ถ้วนไปแล้วในคืนนี้
แต่คราวนี้เสียงทุ้มกลับฟังดูอ่อนลงมาก
เพราะเค้าค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าร่างเล็กตรงหน้านี้เป็นเช่นไร........อย่างน้อยก็ไม่ชอบลิฟต์กระตุกล่ะอย่างหนึ่ง
แต่คนที่ตัวเล็กกว่ายังคงก้มหน้าอยู่อย่างเดิมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเสียที
ส่วนอีกคนหนึ่งที่รอฟังคำตอบอยู่ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
ยังคงทอดสายตาไปอย่างไม่ลดละราวกับว่าถ้าหากเมสซี่ไม่ตอบเค้าก็จะไม่ไปต่อเช่นกัน
โรนัลโด้จึงจ้องมองไปยังดวงหน้าที่มีเพียงสันจมูกโด่งเท่านั้นที่โผล่พ้นออกมารับแสงไฟ
ส่วนประกอบในใบหน้าอันน่าชวนมองที่เหลือ กลับซ่อนตัวอยู่ในเงามืดไม่ยินยอมให้ร่างสูงได้เห็นอะไรทั้งสิ้น
แต่กระนั้นโรนัลโด้ก็รู้ดีว่าใบหน้าขาวใสใต้เงาบดบังเป็นเช่นไร
“คุณไม่ต้องกลัวนะ ผมสัญญาเราจะไม่เป็นอะไร......ถ้าคุณมีอะไรอยากจะบอกผม
ก็บอกมาได้เลย.....” มือแกร่งยังคงวางไว้อยู่บนไหล่เล็กอย่างคงเดิม
และเสียงนุ่มก็ขาดหายไป เพื่อเว้นช่วงให้อีกคนหนึ่งได้เอ่ยปากบ้าง
แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย.........
เมสซี่เม้มปากอยู่ชั่วครู่
และโรนัลโด้ก็สัมผัสได้ถึงจังหวะการหายใจที่เร็วกว่าปรกติจากการขยับขึ้นลงของหัวไหล่เล็ก ร่างสูงยังคงกวาดตามองสำรวจไปทั่วตัวเมสซี่
“คือ....ผมคงจะไม่เป็นประโยชน์เสียเท่าไรในสถานการณ์แบบนี้......”
โรนัลโด้กระพริบตาปรับโฟกัสไปที่ใบหน้าซึ่งยังคงหลบซ่อนอยู่
และเค้าก็ตั้งใจฟังต่อไปหลังจากเอ่ยปากเพียงคำว่า “ทำไมล่ะ”
เมสซี่เงยหน้ามาหาเค้าในที่สุด
ใบหน้าขาวใสที่คู่ควรกับรอยยิ้มอยู่เป็นนิจแสดงถึงความเสียใจและตื่นกลัว
ตอนนี้กลับมีเพียงร่องรอยแห่งน้ำตาเท่านั้นที่ร่างสูงได้สังเกตเห็น........
เมสซี่ยักไหล่น้อยๆ
แล้วทำในสิ่งที่โรนัลโด้เรียกว่าฝืนยิ้มให้กับเค้า
“คุณดูผมสิ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว คุณก็เห็น.....ผมล้มแผละพอเห็นเลือดตัวเอง แล้วก็ยังตอนที่ผู้ชายสองคนนั้นโผล่มาอีก
ผมเอาแต่ยืนเอ๋ออยู่กับที่แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
คงไม่แปลกว่าทำไมคุณถึงได้รู้สึกหงุดหงิดเพราะผมมันตัวถ่วง.......อ๊ะ!”
เสียงติดจะสั่นเครือนั้นขาดหายไป
และถูกแทนที่ด้วยคำอุทานเสียงหลงเมื่อหัวไหล่เล็กของเค้าถูกเขย่าจนตัวคลอน
“คุณห้ามพูดแบบนั้นเด็ดขาด
เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว......ได้โปรดอย่าพูดเหมือนผมควรจะทิ้งคุณไว้
และได้โปรดอย่าดูถูกตัวเองอีกเลย” โรนัลโด้พูดเสียงอ้อนวอน
เพราะเค้าไม่ชอบเห็นคนถอดใจต่อหน้าต่อตา
และที่สำคัญสายตาของร่างสูงบ่งบอกได้เลยถึงแววแห่งความเสียใจ........
..........เป็นเพราะเค้านึกโทษตัวเองที่คิดจะมองข้ามความอ่อนไหวนี่ไปตั้งแต่แรก
ผมขอโทษ ผมน่าจะรู้ว่าคุณเป็นยังไง
และไม่ควรปล่อยให้คุณโทษตัวเองแบบนี้.........หากพูดถึงผู้ชายที่จิตใจดีและมีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างสูงนั้น
คงหนีไม่พ้นร่างสูงนามคริสเตียนโน่คนนี้เป็นแน่
แต่ทว่าน่าเสียดาย
ที่เมื่ออยู่ในสนามนั้นเค้าไม่มีโอกาสได้แสดงคุณสมบัตินี้ออกมาเลย
...............ก็นั่นมันเตะบอลนี่นา
ใช่ประกวดสุภาพบุรุษบอยแบนด์ซะหน่อย.............
“ผมจะพาเราออกไป ผมสัญญา.....” เค้าพูด เสียงหนักแน่อย่างให้คำสัญญาและต้องการปลอบโยน
เมสซี่หลังติดผนังลิฟต์และมองร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ........ทำไมกัน
ก็ไหนตอนแรกโรนัลโด้ทำเป็นไม่อยากรู้จักเค้าไม่ใช่หรือ? ทำท่าทีหงุดหงิดใส่
และพูดจาไม่แยเสใส่กันอีกด้วย
............แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้แตกต่างกันนัก.........
“ผมนึกว่าคุณไม่ชอบผมเลยหงุดหงิดใส่ผม....”
“ไม่ใช่ครับไม่ใช่อย่างนั้น คือผม.....คิดว่าถ้าทำตัวเป็นมิตรใส่คุณ คุณและคนอื่นๆ จะมองว่าผมโกหก เพราะใครๆ
ก็ต่างรู้กันดีว่าในข่าวเค้าพูดถึงเรากันยังไง
ผมไม่อยากให้พวกคุณมองว่าผมเป็นคนหลอกลวงอะไรแบบนั้น ทั้งๆ
ที่ผมก็ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับคุณเลย”
ร่างสูงสารภาพ ที่เค้าต้องทำท่าไม่สนใจในความรู้สึกของอีกฝ่าย
เป็นเพราะไม่อยากให้เมสซี่มองว่าเค้าเสแสร้ง จึงได้ทำลงไปเช่นนั้น และว่ากันตามตรง
............โรนัลโด้ก็ไม่คิดว่าเค้าจะได้ให้ความสนใจกับคนตรงหน้านี้ด้วยเช่นกัน..........
แค่เพียงมางานเลี้ยงเดียวกัน
และอาจจะแค่เดินผ่านกันเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นที่ร่างสูงคิดไว้
ว่านั้นคือสิ่งที่เหล่าสื่อมวลชนและช่างภาพต้องการ.........ไม่คิดว่าจะได้มาหนีตายผู้ร้ายด้วยกันแบบนี้
“คุณจะโกรธผมรึเปล่า....พอรู้แบบนั้นแล้ว”
โรนัลโด้ส่งสายตาถามเมสซี่ที่หน้าเหวอแบบจริงจัง...........จะว่าไปแล้วตอนนี้ร่างสูงก็กลัวว่าจะโดนเมสซี่เกลียดเอาเข้าจริงๆ
เหมือนกัน
และยิ่งจะทำให้การหนีของเค้าสองคนแย่ยิ่งเข้าไปอีก
แต่ว่าร่างที่เล็กกว่ากลับรีบส่ายหน้าดิกจนกลุ่มผมที่ไม่ได้ใส่เจลจัดทรงมาสะบัดพลิ้วทันที
“ไม่....ไม่หรอก ผมจะโกรธคุณทำไมกัน คุณช่วยผมไว้นะ
ถ้าไม่ได้คุณผมก็คงมีหวังโดนโจรพวกนั้นฆ่าตายไปแล้วล่ะ ผะ โผม....เหวออ!”
แต่ยังไม่ทันที่คนเคยโดนช่วยไว้จะได้พูดจนจบประโยคดี ตัวลิฟต์ก็กระตุกอย่างแรงมากกว่าทุกทีจนเกิดเสียงดังน่ากลัวราวกับระเบิด
แสงไฟเกิดดับไปชั่วเสี้ยวนาทีและตัวของเค้าทั้งสองก็กระดอนไปทั่วลิฟต์สุดสะเทือนขวัญ โรนัลโด้หลังกระแทกกับผนัง
แต่เมสซี่กลับปลิวออกไปอีกทางหนึ่ง
“เมสซี่!” โรนัลโด้ใช้ศอกยันผนังด้านหลังไว้
แล้วเอื้อมมือไปสุดแขนเพื่อรั้งเมสซี่ไว้
แต่ทว่ากลับช้าไป....ร่างเล็กๆ
ของกองหน้าอาร์เจนติน่าลอยไปกระแทกเข้ากับผนังอีกฝั่งหนึ่งอย่างแรงจนหน้านิ่ว
“อึก..ฮึก”
“นอกจากกลัวเลือดแล้ว
คุณยังไม่ได้บอกอะไรผมอีกไหม!”
ร่างสูงตะโกนแข่งกับเสียงดังโครมครามด้านนอกของตัวลิฟต์ โรนัลโด้เริ่มหวั่นแล้วว่าถ้าหากมีอย่างอื่นที่เมสซี่กลัวอีก
เค้าคงจะห่างอีกคนหนึ่งไปไม่ได้แน่ๆ เลยในคืนนี้......
เมสซี่ที่ยังหน้านิ่วไม่หายเริ่มหูอื้ออีกครั้ง
และเค้าก็ต้องยกมือขึ้นทาบใบหูของตัวเองอย่างหวาดกลัวเมื่อจู่ๆ ลิฟต์ก็ร่วงแล้วดิ่งลงอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันไม่ได้อยู่บนความควบคุมของสายสะลิงอีกต่อไปแล้ว
โอ้ไม่นะ!.......โรนัลโด้คิดในใจอย่างไม่ชอบมันเสียเท่าไร
หลังจากไฟดับเกือบสนิทแล้วกระพริบแปลบปลาบเหมือนสายฟ้า........
เพราะเค้ารู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
“เมสซี่!” ร่างสูงตะโกนออกไปอีกครั้ง
เมื่อการวูบสะเทือนรอบตัวเค้าทำให้ยากต่อการทรงตัว
เค้าไม่สามารถเดินไปหาอีกคนหนึ่งได้โดยไม่ถลาล้มไปเสียก่อน
โรนัลโด้ต้องการให้คนขวัญอ่อนลุกขึ้นแล้วมองเค้าไว้
เพื่อสงบสติอารมณ์.....แต่แล้วเค้าก็พบว่ามันแสนยากเย็น
เมสซี่ผู้อ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว ร่างเล็กผิวขาวบัดนี้ใบหน้ากลับเปลี่ยนสีเป็นซีดเซียว
และหลับตาปี๋ งอตัวอยู่บนข้อเท้าตัวเอง
สองมือยกขึ้นกอบกุมใบหูเพื่อกันเสียงสั่นครืนน่ากลัวด้านนอก.......โรคกลัวที่แคบซึ่งร้ายแรงอันดับต้นๆ
ของเค้ากลับมาอีกแล้วในรอบหลายปี
----------------------------------------------------------------------------------
“แม่! แม่ช่วยผมด้วย!....ผมกลัว ฮึก ผมมองไม่เห็น
มันมืดไปหมดเลย! ผมไม่เห็นแม่....แม่ฮะ!”
“ลีโอ! อย่าเดินมาหาแม่นะลูก....อย่าเดินมา
หาที่ซ่อนซะ หาที่ซ่อน!”
“แม่--! ฮืออ!...ผมกลัว ฮึก
ฮือออ”
“ลีโอ.....!” เสียงมารดาขาดหายไปอย่างน่าใจหาย เด็กน้อยอายุไม่ถึงสิบขวบดีจึงจำใจต้องเดินคลำทางที่เค้าคุ้นเคยในความมืดไปหาที่ซ่อนตามคำแม่บอก แม้เค้าจะเสียขวัญเพียงใด
แต่ไม่มีอะไรช่วยเค้าได้แล้ว...........
เสียงสะอื้นฮั่กดังไม่หยุดเป็นเพื่อนเค้าไปตลอดทางที่มืดมิด มือเล็กๆ สะดุ้งในคราแรกที่เจอบานตู้เสื้อผ้า แต่เมื่อจำได้แล้วว่ามันคืออะไร
เด็กน้อยน้ำตาอาบแก้มจึงกระชากเปิดออกอย่างไม่คิดชีวิตแล้วแทรกตัวเข้าไปขดตัวสั่นอยู่ด้านในตู้นั้นทันที
คืนนั้นฝนตกฟ้าคะนองหนักทั้งพื้นที่ แสงของสายฟ้า ฟาดลงมาเป็นพักๆ
ทำให้เด็กน้อยเห็นมันแลบเข้ามาจากบานตู้ที่ปิดไม่สนิท
.........ไม่กล้า
เค้าไม่กล้าที่จะยื่นแขนออกไปปิด เพราะว่ากลัวมาก........
ตึก......
ตึก.....ตึก
ตึก......
เสียงบางอย่างดังขึ้น
คล้ายฝีเท้าหนักๆ ที่เดินอย่างย่ามใจ.......แสงของสายฟ้ากระพริบขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้พาให้เด็กน้อยหัวใจกระตุกวูบ
ขาสองข้างที่ทอดเงาอยู่หน้าตู้ยามสายฟ้าแลบเข้ามา...........
ตึก ตึก ตึก......
เสียงบู๊ตหนักๆ ดังขึ้นอย่างน่าชวนให้หยุดหายใจ เงาทาบทับเมื่อยามแสงวาบเกิดขึ้นนั้น
เดินไปเรื่อยๆ
เด็กน้อยกดปากตัวเองไว้เพื่อห้ามเสียงสะอื้น......แต่แล้วเงายาวๆ
นั้นก็หยุดเดิน แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเค้า
เด็กน้อยเบะปาก แล้วจากนั้นบานประตูก็ถูกกระชากออกจนตู้คลอน แล้วตามมาด้วยร่างของเด็กน้อยๆ
ที่ถูกโยนออกมาอย่างไม่ใยดี
“แม่!!...ฮือ แม่ช่วยผมด้วย แม่....อ๊าา!!”
.
.
.
----------------------------------------------------------------------------------------------------
.
.
.
“ไม่....อึก...ไม่เอาแล้ว”
เมสซี่หดคอแล้วห่อไหล่เมื่อสมองประมวลภาพเมื่อวันวานกลับมาอีกครั้ง
“อย่า...ไม่เอา....”
เมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงก็ยิ่งใจแป้ว......ไม่เพียงแค่ไม่ได้ยินเค้าเท่านั้น
เมสซี่ยังเพิ่งย้ำกับเค้าโดยไม่ต้องบอกอีกด้วยว่า กลัวที่แคบและมืดแบบนี้มากแค่ไหน.......
“เฮ้! คุณจะไม่เป็นอะไร....เชื่อผมสิ!” โรนัลโด้ตะโกนซ้ำ
ลิฟต์ยังคงสร้างความหวาดเสียวได้เสมอ
และร่างเล็กที่อีกมุมหนึ่งยังคงจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความกลัวเช่นเดิม
และกลัวมากขึ้นเข้าไปทุกที
โรนัลโด้ตัดสินใจ เค้าจะไม่ทนแล้ว......
เป็นไงเป็นกันสิว่ะ! ไอ้ลิฟต์บ้า!
ร่างสูงแกร่งคิดในใจอย่างเหลืออดแล้วก้าวออกไป
ก่อนเอนตัวไปด้านหน้าแล้วคว้าตัวเมสซี่เข้ามาไว้ในอ้อมกอด
โรนัลโด้กอดกุมอีกคนหนึ่งไว้
แล้วใช้หลังรับแรงกระแทกไว้เพื่อไม่ให้เมสซี่ต้องล้มลงกับพื้นและยังอยู่ในท่าเดิมได้อย่างปลอดภัยที่สุด
แขนแกร่งโอบแน่นอยู่รอบหลังบางกับศีรษะเล็กชื่นเหงื่อ
และกดมันลงเข้ากับแผ่นอกกว้างของเค้าเอง
เสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดีซับเหงื่อที่ขมับให้เมสซี่ราวกับรู้งาน และร่างสูงก็กอดรั้งร่างเล็กไว้
ราวกับจะโอบอุ้มเค้าให้หายกลัว...........
“ไม่ต้องกลัว.....ไม่ต้องกลัวนะ
คุณจะไม่เป็นไร”
ร่างสูงปลอบโยนพร้อมตระคองกอด
เพื่อมอบไออุ่น เนื่องจากตัวของเมสซี่ที่เค้ากอดอยู่นั้นเย็นเชียบ
ศีรษะแกร่งเผลอกดแนบลงกับศีรษะเล็กของอีกคนทันที
เมื่อเค้าเผลอคิดไปแล้วว่าตัวลิฟต์จะทิ้งตัวกระแทกลงพื้นจริงๆ แต่แล้วมันกลับกระตุกราวกับถูกกระชากกลับและหยุดลงในทันใด...........
ร่างของทั้งคู่ลอยคว้างแล้วกระแทกลงกับพื้น เมสซี่ไม่เป็นอะไรเพราะมีโรนัลโด้รองอยู่ ร่างสูงกอดร่างเล็กที่สั่นหงึกๆ
ไว้แน่นอย่างไม่ไว้ใจสถานการณ์
.
.
.
.
TBC.
-------------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยยยย เค้าใกล้กันขึ้นอีกแล้วววว ทั้งสองเริ่ม Open heart เข้าหากันแล้วค่ะ
ณ จุดๆ นี้.......ต่อไปจะเป็นอะไรที่พลาดไม่ได้แล้วนะคะ >/////<
อร๊ายยยยย นี่สินะเรื่องราวฝังใจบอกใครไม่ด้ายยย
ของเหมีววววว >[]<........เป็นอย่างนี้นี่เองค่ะ //เดี๋ยว เรื่องนี้แกเขียนเองไม่ใช่เหรอยะ!!// สิ่งที่ทำให้เหมียวกลัวทั้งความมืดและที่แคบจนจับจิตจับใจคือสิ่งนี้นี่เองค่ะ
ความทรงจำที่ยอดแย่ในวัยเด็กของเค้าตามมาหลอกหลอนในทุกช่วงเวลาทำให้เกิดเป็นโรคประจำตัวที่แก้ไม่หาย
(.....เอ่อ โรคประจำตัว....ไรท์ใช้คำถูกไหมค่ะ? -_-^ )
แต่อย่างที่ได้เคยบอกไว้ค่ะว่า
จะมีอยู่คนหนึ่งที่ทำให้โรคขี้กลัวของเมสซี่หายไป......อร๊ายยยย! >///< และเพราะเหตุใดเมสซี่จึงได้กลัวสิ่งต่างๆ
เหล่านั้นอย่างจับใจได้ถึงขนาดนี้
ฟังคำขยายความได้ใน Part ต่อๆ ไปนะคะ
รักไรท์และโด้เหมียว.....Comment ให้หัวใจไรท์
Complete ด้วยนะคะ >< //รีดบอก
สองคนหลังฉันรับพิจารณา แต่คนแรกน่ะหมดสิทธิไปเลย// ส่วนท่านใดที่อยากติดตามความฟิน และคู่อื่นๆ
ในบล็อกของไรท์ก็ไปเกาะกระแสกันได้เลยค่ะที่
จิ้มเลยค่ะ เฟสไรท์ยินดีรับแอดเสมอค่าาา รักรีดทุกคนนะค่ะ >3<
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund