วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[Fic – RonalSi] + [Part 10] เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! – Ronaldo x Messi



ปรี๊ดๆๆๆ อร้ายยยย >{}<  //แกเป็นอะไร -_-“//  Part นี้นี่มันทำให้ไรท์นึกหนังเรื่องไททานิกเลยล่ะค่ะ >///<  รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะที่ได้กลับมาลงสักทีหลังจากที่จบสงครามเย็นกับท่านแม่ไปแล้วเมื่อวาน -_-^ แม่เป็นฝ่ายชนะค่ะ เค้าผิดค่ะแต่เค้าชนะ ฮาาาาา  //ไม่ได้ใส่ร้ายนะคะ//

กลับเข้ามาเรื่องของเราดีกว่าค่ะ ^^  ท่านใดที่อยากติดต่อไรท์หรือติดตามฟิคต่างๆ รวมทั้งคู่นี้(ที่เซอร์วิสเยอะมากกกก) ก็เข้าไปเป็นเพื่อนกับไรท์ได้เลยค่ะที่ >>แฟนฟิคฮอลลีวู้ด<< จิ้มเลยค่ะ  ไรท์ยินดีรับแอดเสมอเลยค่ะ

Part นี้มุ้งมิ้งค่ะ  ต้องอ่านเองนะเออ --- อ่าาาา  ไรท์นี่ก็ไร้สาระได้ตลอดจริงๆ เลยค่ะ 55555

เอ้า  พุ่งไปอ่านกันเลยค่าาาา >{}< !!!


----------------------------------------------------------------------------------------------


ผมเป็นผู้ชายนะ! ตัวเล็กก็ไม่เห็นเกี่ยวเลยหนิ.........เมสซี่รู้สึกจี๊ดขึ้นมานิดๆ เมื่อส่วนสูงมีผลกระทบต่อเค้าถึงเพียงนี้  ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ไม่พูดอะไรให้คนอื่นสนใจแล้วเชียวนะ

หัวหน้าเชฟมีอารมณ์ขันหลุดสถานการณ์ไปเล็กน้อย  แต่ท้ายที่สุดแล้วก็พาอารมณ์เดิมของตัวเองกลับเข้ามาในสถานการณ์เดิมได้อย่างแนบเนียน  ชายแก่บีบบ่าร่างสูงเบาๆ

“โทษทีนะ.....ถึงฉันจะไม่ค่อยได้ดูฟุตบอล เพราะชอบคร็อกเก่ย์และการทำอาหารมากกว่าเลยไม่รู้จักพวกเธอ  แต่ฉันก็เชื่อว่าเธอจะทำได้และพาเพื่อนของเธอออกไปได้อย่างปลอดภัย” ท้ายประโยคเสียงถูกกดให้เบาลงแต่ทว่าหนักแน่น

ชายแก่มากประสบการณ์เคยเจอผู้ชายคนหนึ่งที่มีแววตาแบบเดียวกันกับชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้านี้  ผู้ชายคนนั้นห้าวหาญและทำได้ทุกอย่างโดยไม่กลัวสิ่งใด ทั้งในสิ่งที่เค้ารัก และสิ่งที่เค้าคิดว่าถูกต้อง  จนกระทั่งวาระสุดท้ายลูกชายของหัวหน้าเชฟก็ทำหน้าที่เพื่อรับใช้ประเทศได้ดีเยี่ยมจนถึงที่สุด 

และชายสูงวัยหวังว่าพ่อหนุ่มตรงหน้านี้จะเป็นดั่งเช่นที่ลูกชายเค้าเคยเป็น  กล้าหาญ  มาดมั่น  ซื่อตรง  เช่นลูกของเค้า...........แววตาของโรนัลโด้ทำให้เค้ารู้สึกคิดถึงลูกชาย

“ฉันไม่รู้จักเธอ แต่ก็เชื่อว่าเธอมีความตั้งใจมากพอที่จะทำมันได้สำเร็จ.....สายตาเธอมันบอกอย่างนั้น” ชายแก่อาวุโสแต่ทว่าท่าทางแข็งแรงยิ้มให้โรนัลโด้เป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนเค้าจะพยักหน้ารับแล้วพาลีโอออกไปทางประตูหลังดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

ประตูเล็กมาก  คงเป็นทางออกฉุกเฉินจริงๆ และไม่ต้องการสร้างให้เกะกะพื้นที่ในครัว  โรนัลโด้แตะลังเปล่าที่กองพะเนินกันอยู่ให้กระเด็นออกจากประตูแล้วกระชากลูกบิดออก  เค้าโผล่หัวออกไปดูด้านนอกแล้วให้เมสซี่ออกไปก่อน  เมสซี่เกาะขอบประตูอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วมุดออกไป

ถึงตาร่างสูงบ้างแล้ว  เมสซี่รออยู่ด้านนอกเกาะราวเหล็กแน่นและหลังติดผนัง  ดวงตากลมโตเอาแต่เหลือบมองกลับไปทางประตูรอการปรากฏตัวของร่างสูงอย่างใจจดใจจ่อ  มือคู่เล็กชื่นเหงื่อ

.........ให้ตาย  ถึงนี่จะเป็นชั้นสองแต่มันก็ยังสูงสำหรบเค้าอีกอยู่ดีนั่นแหละ.........

โรนัลโด้ที่กำลังมุดเข้าประตูไปก็ดันเหลือบไปเห็นพายน่าทานวางไว้อยู่บนโต๊ะพักอาหารพอดี  บนพายมีบางสิ่งที่เค้าเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกขัดใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นของสองอย่างนี้อยู่ด้วยกัน

โรนัลโด้จุปากอย่างขัดใจ “ไม่...ไม่ๆๆๆๆ  ไม่เอาไอติมวางบนพาย....อย่าเอาไอติมวางบนพายนะได้โปรด  กินแล้วขาอ่อนกันนะทุกคน” เค้าชี้ไปที่พายซึ่งมีไอศครีมวนิลาน่าทานละลายเยิ้มอยู่บนพาย  และชี้ไปหาทุกคนเหมือนราวกับเค้าจะถามว่าทุกคนเข้าใจไหม?

และทุกคนเข้าใจ  พวกเค้าพากันพยักหน้าอย่างงงๆ เมื่อยอดนักเตะในดวงใจของพวกเค้าถามคำถาม

“เยี่ยมเลย” โรนัลโด้ยกยิ้มแล้วชูนิ้วโป้งให้ทุกคน ก่อนจะผละตัวออกไปนอกประตูบานเล็กพร้อมกับใจที่ล่องลอยไปของสาวๆ ในห้องนั้นทั้งหมด

ก็พระเจ้า เค้าสุดฮอต!

และทันทีที่ประตูถูกกระแทกกลับมา  ห้องครัวก็กลับสู่ความสงบอีกครั้งแต่ปราศจากการทำอาหารใดๆ ทั้งสิ้น  ชายคนหนึ่งหัวโขกกับตู้เก็บของแล้ววิ่งหน้าตั้งมาหาหัวหน้าเชฟ

“คุณแม็คดอว์ฟินด์  คุณจะรีบไล่เค้าไปทำไม ผมยังไม่ได้ขอลายเซ็นเค้าเลย” หนุ่มคนนั้นโวย ดูไร้มารยาทเมื่อแทบกับมาตรฐานของหัวหน้าเชฟ  แต่ชายแก่แข็งแรงเมินความคิดนั้นซะก่อนจะเอามือไพ่หลังแล้วถามเสียงเรียบ

“นายเป็นคนคิดวางไอติมบนพายใช่ไหมแอนโทนี่

เชฟชาวสเปนคนนั้นพยักหน้า

“ฉันไล่นายออก”

ชายแก่ประหยัดคำ  แต่แอนโทนี่ใจสลาย

หัวหน้าเชฟดูโล่งอกที่ได้พูดออกไปเสียที เค้าอยากจะทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว  ราวกับหาเรื่องร้ายแรงที่ไล่ลูกมือคนนี้ออกไปไม่ได้ แต่พ่อหนุ่มนักเตะหุ่นล้ำคนนั้นก็ชี้ทางสวรรค์ให้แก่เค้าได้เสียที 

เพราะหัวหน้าเชฟเคยบอกแอนโทนี่หลายครั้งแล้วว่าเค้าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเชฟ  น่าจะไปเป็นรปภ. ที่โรงจอดรถมากกว่า ตอนนี้เค้าก็รับสมัครอยู่   ด้วยฝีมือการทำอาหารที่ห่วยแตกและความคิดสร้างสรรค์บนจานอาหารเหมือนเด็กอายุสามขวบของเค้า ทำให้หัวหน้าเชฟเตือนด้วยความเวทนา  แต่แอนโทนี่ไม่ฟัง  วันนี้หัวหน้าเชฟก็เลยจัดให้แบบเต็มรัก จนหนุ่มสเปนสำลักเลยพูดอะไรไม่ออก เว้นซะแต่ทำหน้าเจ็บปวดใจ


*********************************************************************


  “คุณห้ามกินไอติมกับพายเหรอ!” ร่างเล็กตะโกนอีกแล้ว ทันทีที่ร่างสูงโผล่ออกมาได้เสียที  เสียงดังๆ ของโรนัลโด้ดังลอดช่องประตูออกมาหาเค้าเมื่อตอนที่ร่างสูงบอกห้ามทุกคนกินพายกับไอศกรีม

“ใช่” ร่างสูงตอบไปแต่โดยดี

“แต่ผมเคยกินที่สเปนนะ มันอร่อยมากเลย และผมก็ชอบมันมาก!

“โอ้ โทษที แต่คุณไม่ควรจะกินมันพร้อมกันนะ ถ้าจะกิน คุณต้องกินมันทีละอย่าง......ให้ตาย เราพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย!......เฮ้นี่  คุณตะโกนใส่ผมอีกแล้วนะ” โรนัลโด้พูดแต่ไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิอีกคน  เมสซี่เห็นด้วยว่าเค้าเสียงดังใส่แล้วทำหน้าหงอย

“ผมขอโทษ! ผมแค่ ผมแค่กำลังกลัว!” ร่างเล็กสารภาพแต่ก็ยังคงตะโกนต่อไป เพราะเค้าไม่สามารถสงบสติตัวเองได้เลย หากยังยืนอยู่บนโครงสร้างเหล็กที่สูงจากพื้นเกือบยี่สิบเมตร........โรคกลัวความสูงของเค้ากำเริบอีกแล้ว

“ผมไม่ชอบแบบนี้เลย ให้ตายเถอะ” ร่างเล็กพึมพำกับตัวเอง  และพบว่าเค้าไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้มองลงไปได้เลย  โรนัลโด้เดินเข้ามาหาเค้า

“ไม่ ลีโอ...คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก  ผมไม่ได้โทษคุณ ผมกำลังเป็นห่วงคุณต่างหาก”

แต่ร่างเล็กไม่ได้ฟัง  สายตาของเค้ากำลังดิ่งลงชั้นล่าง  ร่างสูงรีบก้าวยาวๆ ตรงเข้าไปจับแขนเล็กๆ อันสั่นเทาที่เกาะราวเหล็กของอีกคนหนึ่งทันที  ร่างสูงออกแรงเขย่าเบาๆ อย่างต้องการเรียกสติ

ไม่  ลีโอ....ไม่เอา  คุณห้ามมองลงไปข้างล่าง  มองมาที่ผมสิ มองมาที่ผม” เค้าพูด

และก็เป็นอีกครั้งที่ร่างเล็กแสนฉลาดทำตามคำบอกของร่างสูงอย่างว่าง่าย  เสียงโรนัลโด้ฟังดูอ่อนโยนและหาที่ติไม่ได้  เมสซี่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเสียงหวีดหวิวของลมพัดเข้ามาในหูของเค้า  แต่โรนัลโด้ตรึงสายตากลมโตไร้เดียงสานั้นไว้

“เราจะลงไปด้วยกัน โอเคไหม?” ร่างสูงพยักหน้าถามร่างเล็กหวังจะให้คล้อยตามไปด้วย  และชายโปรตุเกตุพยายามยิ้มเพื่อปลอบใจอีกคนหนึ่ง บอกว่ามันจะไม่เป็นไร  เมสซี่มองลึกเข้าไปในตาคมคู่นั้นแล้วพยักหน้าตาม เค้าพยายามแล้วให้มันดูหนักแน่นอย่างโรนัลโด้บ้าง แต่มันก็ยังคงดูไม่เหมือนเท่าไหร่เลย

“เอ่อ  แต่มีอีกอย่างที่ผมยังไม่ได้บอกคุณนะ คือ ผม......ผมกลัวความสูง” ร่างเล็กตัดสินใจสารภาพ

........และไม่ได้พ้นการคาดเดาของร่างสูงเลย.........

“อ๋อ  มันไม่ใช่เรื่องน่าอายนี่นา ใครๆ ก็กลัวความสูงกันได้ทั้งนั้นแหละ.......คุณแค่ต้องเชื่อใจผม  เชื่อใจผมไหม?”

เมสซี่พยักหน้า

“โอเค เยี่ยมไปเลยลีโอ  คุณทำได้ แค่อย่ามองลงไปข้างล่าง  โอเคนะ”

ลมแรงพัดเข้ามาหาพวกเค้าทั้งสองจนเรือนผมของร่างเล็กปลิวและลู่ไปมา  เสื้อนอกสีเดียวกันแต่ต่างสไตล์ปลิวไปตามลมแต่ไม่ได้กระพือแรง ราวกับว่ามันลอยไร้แรงโน้มถ่วงอยู่รอบตัวของพวกเค้าทั้งสอง และสายลมพัดพาเอาความเย็นเยียบมาด้วย  มือเล็กเกาะราวเหล็กแน่นและแรงลมทำให้ต้องออกแรงกำแน่นขึ้น  โรนัลโด้แกะมือเล็กๆ นั่นออกมาจากราวจับ แล้ววางมันลงบนฝ่ามือของเค้าแทน

“ถ้าคุณกลัว  เราจะเดินไปด้วยกัน ดีไหม?” โรนัลโด้ถาม และเมสซี่เห็นด้วย

“อะ เอาสิ” ร่างเล็กพูดตะกุกตะกัก  มือทั้งสองของเค้าวางอยู่บนมือทั้งสองของโรนัลโด้  แล้วจากนั้นมือแกร่งที่จับเค้าอย่างไม่นึกรังเกียจก็ยกขึ้นข้างหนึ่งแล้วจัดการให้เค้าหมุนตัวไปอยู่ข้างหน้าเจ้าตัวเสียอย่างนั้น

.............เหมือนเต้นรำยังไงยังงั้นเลย............

หากเป็นเวลาปรกติ เมสซี่คงหน้าแดงไปแล้ว  แต่ตอนนี้ความกลัวของเค้ากำลังกัดกินหัวใจ.........

............และชายที่ซ้อนตัวอยู่ด้านหลังก็กำลังจะขจัดมันออกไปจากใจเค้าจนหมดสิ้น

ร่างสูงแกร่งเคลื่อนกายเข้ามาใกล้อีก แล้วแนบชิดกับแผ่นหลังเล็กๆ นั้นอย่างแผ่วเบา  เมสซี่รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แล่นเข้ามาทางด้านหลังของเค้า  แขนของเค้าถูกกางออกน้อยๆ ด้วยการชักนำของร่างสูงที่อยู่ทางด้านหลัง  สายลมปะทะเข้าหน้า เมสซี่ผินหน้าหนีเพราะความเย็นที่เค้าไม่ชอบ  แต่ก็รู้ว่าคงหนีมันไม่ได้จึงปล่อยไป

เส้นไหมสีเข้มที่ไม่ได้ใส่เจลจัดแต่งทรงผมลู่ลมไปมาช้าๆ เมสซี่หลับตา แล้วค่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ ซึมซับสายลมที่หอบเอากลิ่นอายของน้ำทะเลอ่อนๆ มาด้วย  ตามคำกล่าวของร่างสูงที่กระซิบพริ้มอยู่ข้างหลังราวกับภูติพราย

โรนัลโด้กระซิบบอกว่าลมที่นี่พากลิ่นเค็มๆ จากทะเลขึ้นมาให้เรา  และเราควรจะรับมันเข้าไป  เมสซี่สูดเข้าไปจนเต็มปอด  และรู้สึกสดชื่นขึ้นจากกลิ่นอายของทะเลจริงๆ

จากฝ่ามือที่เคยเย็นชืดของเค้า  เมสซี่รู้สึกได้เลยว่า ในตอนนี้ตัวของเค้ากลับรู้สึกถึงกระแสเลือดที่สูบฉีดและกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง.......แต่บางทีมันก็ทำให้รู้สึกว่าร้อนมากเกินไปหน่อย

ร่างเล็กกลืนน้ำลายลงคอ และหายใจเข้าไปอีกอย่างรีบร้อน เมื่อเค้าสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่หนักหน่วง  แต่นั้นไม่ใช่ของเค้า..............

..............กลับเป็นของอีกคนหนึ่งซึ่งประกบกายอยู่ด้านหลัง
                                                                                                            
มันหนักหน่วงและชัดเจน  แต่เป็นจังหวะ  ไม่เต้นเป็นส่ำเหมือนกลอง  ความเงียบเกิดขึ้นในช่วงนาทีนั้น.......ไม่มีใครพูดอะไรเลย........ร่างเล็กจึงเงียบ  และหัวใจเต้นแรงตามร่างสูง


.


.


.


TBC.


-------------------------------------------------------------------------------------------------


ฮ้ายยยยยยย เฮียขาาา อยากจะแนบชิดกับเหมียวก็บอกกันดีๆ สิคะ >< !!  ฮิๆ เหมือนหาข้ออ้างเลย  แต่ม่ายช่ายยยย ม่ายช่ายอย่างนั้นเลย  เฮียแค่ต้องประกบตามติดเหมียวแบบใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวเท่านั้นเองค่ะ  ต้องแบบว่าก้าวต่อก้าว  ลมหายใจรดต่อกันอะไรประมาณนั้น  >////<

อร้ายยย ละมุนได้อีกค่ะ >///< !!!

รีดๆ ลองนึกภาพตามนะคะ เฮียที่ตัวสูงๆ ก้มลงมากระซิบข้างหูเหมียวว่า บลาๆๆๆ ยังงั้นยังงู้น อร้ายยยย  สุดยอดเลยค่ะ  ไรท์นี่นั่งฟินจนตาเยิ้มเลยค่ะ  เค้าเหมือนมีโลกส่วนตัวกันอยู่เพียงสองคนเท่านั้น 555555+

            Part ต่อไปคงจะตามมาเร็วๆ นี้ค่ะ  //กระซิบ.....ไรท์ชอบหนังเรื่อง Kingsman มากเลยค่ะ.....แล้วจากไปอย่างสงบ//  รักรีดทุกท่านไม่เคยเสื่อมคลายนะเออ -3- //เหมือนจะบอกใบ้อะไรบางอย่าง 555*//

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray  - Aund


[SF – TASM 2] + [Part 2] Winter Wonderland.....มหัศจรรย์ แดนเหมันต์ – Peter x Harry



มาต่อ Part 2 กันแล้วนะคะ (รู้สึกหายไปนานนิสหนึ่ง แฮ่ๆ ^.^^)  เรื่องราวจะซับซ้อนขึ้นค่ะสำหรับแฮร์รี่ (และรีดด้วยถ้าไรท์เขียนไม่เข้าใจพอ 555+)+(อะไรของไรท์เนี่ยยยย บ้าไปกันใหญ่แล้ววว)

ไม่มีอะไรจะบอกมาค่ะ แอยากจะแป๊ะเฟสไว้ตามธรรมเนียมเท่านั้นค่ะ


อูยยยย ปีเตอร์นายก็ต้องเข้าใจแฮร์รี่เค้านะ อย่าจู่โจมเร็วปายยยย >> อุ๊บ! สปอยล์ O}{o


----------------------------------------------------------------------------------------------


แฮร์รี่เงอะๆ งะๆ ทุกครั้งที่ปีเตอร์พาไปเล่นอะไรใหม่ๆ  ร่างสูงโปร่งทึกทักเอาว่าแฮร์รี่เป็นคนที่อยู่ในกรอบและคงเป็นคนดีของสังคมน่าดู ถึงทำเรื่องอะไรแพล่งๆ ไม่เป็นเหมือนเค้า......แฮร์รี่เออออตอบไป  ไม่ปฏิเสธเพราะไม่อยากให้ปีเตอร์เกลียดเค้า

รู้ไหม  ปีเตอร์เรียกเค้าว่าเพื่อนด้วยล่ะ  ไม่เคยมีใครใช้คำนี้กับเค้ามาก่อนเลย............

แฮร์รี่อิ่มเอมใจ  คิดๆ กับตัวเองดูแล้วเค้าอาจจะฝันไป และยังไม่ได้ตื่นจากฝัน  แต่นี่ก็เป็นฝันที่ดีสุดยอดไปเลยล่ะ

พวกเค้าสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว  โดยที่ปีเตอร์เองก็ไม่เคยมีเพื่อนเหมือนอย่างแฮร์รี่เช่นกัน  พวกเค้าดูสนใจความคิดของกันและกัน

ปีเตอร์จะเป็นพูด  แฮร์รี่จะเป็นคนรับฟังและบางทีก็รับมุขเค้าด้วย

ปีเตอร์จะเป็นคนนำ  และแฮร์รี่ก็จะเป็นคนทำตาม..........

แฮร์รี่ไม่รู้สึกหนาวเลย  ปีเตอร์พาขาอันอ่อนแรงของเค้าสเก็ตไปทั่วธารน้ำแข็งที่ยาวเหยียด  และพาเค้าไปเร็วขึ้นอีกด้วยเส้นใยน่าพิศวงของเจ้าตัว

และในที่สุดก็มาถึง....ธารน้ำแข็งโล่งกว้างขนาดใหญ่  แฮร์รี่กระซิบกับตัวเองว่าถ้าเป็นฤดูร้อนที่นี่คงจะต้องเป็นทะเลสาบใหญ่แน่ๆ  ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอก

...........ที่นี่  ดินแดนเหมันต์ไม่เคยหยุดหนาว..........

แต่ว่าที่นี่ ตรงนี้......เป็นบ่อน้ำพุร้อน

มีบ่อน้ำร้อน (ซึ่งจริงๆ แล้วมันอุ่น เพราะตบตีกับสภาพแวดล้อมอันหนาวเหน็บ) และหลุมเยอะแยะที่ปล่อยลมร้อนออกมายังกะท่อไอเสียเป็นว่าเล่น

ปีเตอร์บอกแฮร์รี่ให้เข้าไปหาความอบอุ่นเสีย  แต่เค้าไม่กล้า.....ร่างบางกลัวเกินไปว่าเค้าจะโดนลวกเอา  แต่ปีเตอร์บอกว่าไม่มีใครรู้จักที่นี่นอกจากเค้าเอง  มือแกร่งที่ไม่เคยห่างจากแฮร์รี่เลยทันทีที่เจอกัน จับไปที่แขนเล็กบางแล้วยื่นมันออกไปเหนือหลุมของลมร้อน

 ปีเตอร์อยู่ข้างแฮร์รี่ไม่ห่าง  มุมปากที่ยกขึ้นราวกับมองโลกในแง่ดีตลอดเวลานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้แฮร์รี่รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด

และปราดแรกที่ไอร้อนจากใต้ดินพวยพุ่งขึ้นมา  ร่างบางสะดุ้งเฮือก  แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าคิดเลย  แฮร์รี่เริ่มสนุกเมื่อมีปีเตอร์เป็นตัวยุยง  ร่างเล็กๆ โดดไปมาข้ามหลุมที่พ่นไอร้อนได้ตามคำบอกของเจ้าถิ่น  และหลายครั้งที่ปีเตอร์พ่นใยออกมาเหวี่ยงตัวเค้าให้สูงขึ้นแฮร์รี่หัวเราะอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน.............

และเค้าคิด  ถ้าหากเช่นนั้นก็ขออย่าได้ตื่นจากฝันนี้อีกเลย  แต่หากมันฟังดูเหมือนคนเห็นแก่ตัวเกินไป  แฮร์รี่ก็ขอให้เค้าได้ฝันให้ยาวขึ้นกว่านี้อีกหน่อย  เพราะเค้ารู้สึกรักปีเตอร์เหลือเกิน............

รักที่ปีเตอร์มอบความรู้สึกที่ขาดหายไปในตอนเด็กๆ ของเค้า

อย่างนี้เองสินะ......ที่มาของเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กๆ ที่วิ่งวนอยู่รอบตัวเค้า  แฮร์รี่เคยสงสัยมาโดยตลอดว่าเหตุใดเด็กพวกนั้นถึงหัวเราะได้น่ารำคาญยิ่งนัก.............

แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว

ปีเตอร์บอกเค้าว่าให้ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกเพราะว่าหนังจะทำให้ร้อนได้  แฮร์รี่ทำตาม

“ฉันมาที่นี่บ่อยๆ น่ะ  เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จักด้วยล่ะมั่ง......แถวนี้เป็นเขตรกร้าง คนส่วนมากจะไปอยู่ในเมืองกันหมด” ปีเตอร์พูดในขณะที่ขายาวๆ โดดข้ามหลุมมาได้อย่างสบายๆ

“ในเมืองที่นายว่าน่ะเหรอ  คงจะเหมือนในเมืองที่ฉัน....เอ่อ หมายถึงในหมู่บ้านที่ฉันอยู่น่ะ มีคนแกะสลักน้ำแข็งเก่งมากเลย” ร่างบางที่ถอดแจ็คเก็ตออกแล้ว เกือบหลุดปากพูดออกไปว่าเค้าไม่ใช่คนในพื้นที่

“แล้วทำไมมีคนไล่ตามนายมาล่ะ....ฉันได้ยินเสียงมีคนตะโกนตามนายมา ตอนที่สลบไปน่ะ”

“อ๋อ หึ.....นายรู้ใช่ไหมว่าฉันหาตัวจับยาก” ปีเตอร์ชะงักเล็กน้อย  เลิกโดดไปมาแล้ว แต่ยืนหัวเราะในลำคอกับตัวเองแทน  แฮร์รี่หยุดบ้างแต่ก็แค่เล็กน้อยแล้วโดดต่อไปอย่างไม่รู้สึกเบื่อ ดวงตาสีฟ้าอัญมณีสวยกลอกไปมา

“อ๋อ  ใช่สินะ....ก็นายทำเหมือนหายตัวได้เลย” แล้วโดดต่อไปอีกเข้าไปหาปีเตอร์

รอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าซึ่งถูกล้อมกรอบด้วยทรงผมยุ่งเหยิงหายไป  เป็นครั้งแรกที่ปีเตอร์หยุดยิ้ม  ก่อนเค้าจะพูด

“รู้ไหมที่ฉันหายตัวจับยาก  เพราะว่าฉันเป็นหัวขโมย” โทนเสียงของร่างสูงเปลี่ยนไป เป็นฟังดูราบเรียบไม่ได้ทะเล้นหยอกล้อเหมือนเดิม  แฮร์รี่ชะลอลงทันใดและความสนุกบนสีหน้าเค้าก็หายไป.........

“นั่นฉันก็ได้ยิน  แต่ถ้านายเป็นคนไม่ดีจริงนายก็คงไม่ช่วยฉัน  หรือถ้านายแค่สนุก  นายก็มีส่วนดีอยู่บ้าง” แฮร์รี่ไหวไหล่  พยายามบอกปีเตอร์ว่าเค้าไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายอันตราย......บางทีเด็กมีปัญหาเรื่องพ่อแม่ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก

“นายคิดงั้นจริงๆ เหรอ.....ว้าว  ไม่เคยมีใครพูดกับฉันแบบนี้มาก่อนเลยนะ” ในที่สุดมุมปากของคนที่เริงร่าที่สุดก็กลับมาอีกครั้ง  แต่ดูขมขื่น

“ฉันเข้าใจนะ  เพราะไม่เคยมีใครมองว่าฉันเป็นอะไรที่มากกว่าตัวประหลาดเลย......และรู้ไหม  นายเป็นคนแรกเลยล่ะที่เล่นกับฉัน  ฉันหมายถึงถ้าย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้วน่ะนะ....ฮ่ะๆ เราอาจใช้คำนี้ได้”

“ไม่มีใครเล่นกับนายงั้นเหรอ.......ไม่เอาน่า  นายออกจะนิสัยดี” ปีเตอร์ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

“คนที่นั่นไม่ได้มองคนที่นิสัยน่ะ” คราวนี้เป็นแฮร์รี่บ้างที่ยิ้มขมขื่น  เค้าอ้าแขนออกน้อยๆ ราวกับจะบอกว่า เรื่องนั้นมันก็ช่วยไม่ได้

 แต่แล้วจู่ๆ ลมร้อนหอบใหญ่จากใต้พิภพก็พวยพุ่งขึ้นมาจนแฮร์รี่ซวนเซไปด้านข้างใกล้กับอีกหลุมหนึ่งที่อยู่ถัดออกไป.......แฮร์รี่ยืนอยู่ใกล้มาก จนทำให้เท้าเสียหลักเอียงตัวเข้าไปหาหลุมที่ภายใต้นั้นเดือดจัด  ร่างบางที่ไม่มีอะไรให้จับคว้า หัวใจหยุดเต้น  ดวงตาสีฟ้าน่าหลงใหลเบิกกว้าง.......ไม่มีเสียงใดๆ หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากบางของแฮร์รี่เพราะเค้าไม่ทันได้ตั้งตัว แต่กลับมีเสียงหนึ่งดังสวนขึ้นมาแทนที่ เมื่อเค้าเสียหลักเกือบทิ้งตัวลงไปหาหลุมลมร้อน

แฮร์รี่ อันตราย!” ปีเตอร์เองผู้ดวงตาเบิกกว้างไม่แพ้กันก็ไวปานแสงเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา  มือแกร่งยื่นออกไปพ่นใยเส้นเหนี่ยวแน่นดึงตัวของแฮร์รี่ไว้ แล้วกระชากกลับมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงพอๆ กัน

ร่างบอบบางภายใต้เสื้อยืดตัวบางเฉียบเหมือนถูกเร่งด้วยเครื่องเร่งความเร็วจากอนาคต  เค้าถูกดึงเข้าไปหาปีเตอร์ทั้งๆ ที่แขนขาของตัวเองก็ยังไม่ทันได้ประสานตามกันไปเลยด้วยซ้ำ  และเพราะเร็วเกินไปเค้าจึงกระแทกเข้ากับแผงอกปีเตอร์อย่างเต็มรัก  ปีเตอร์รับร่างของแฮร์รี่ไว้  เพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองใช้แรงมากเกินไป เพราะพวกเค้าทั้งคู่ลงมานอนกองอยู่กับพื้นเสียแล้ว

หรือจะพูดให้ถูก เป็นปีเตอร์เองต่างหากล่ะที่นอนแช่แผ่นน้ำแข็งอยู่ แฮร์รี่น่ะนอนปลอดภัยดีอยู่บนตัวเค้า............

หัวเล็กๆ ซบลงกับอกกว้างของปีเตอร์โดยไม่รู้ตัว  แฮร์รี่หอบหายใจ.........เริ่มคิด ว่านี่อาจไม่ใช่ฝัน เพราะเค้ารู้สึกใจหายไปเลยเมื่อครู่นี้.......และไม่ได้สะดุ้งตื่น

“อึก...นายโอเคไหม  เอ่อ โทษทีเมื่อกี้ฉันออกแรงมากไปหน่อย....นายเจ็บตรงไหนไหม” ปีเตอร์ที่น่าจะเจ็บที่สุดเอ่ยถาม  และแฮร์รี่ที่เพิ่งจะได้สติว่าเค้าไม่ควรอยู่ในท่านี้นานนัก ก็ลุกขึ้นจากอกของปีเตอร์  แต่ร่างสูงกลับกอดเค้าไว้และพาลุกขึ้นนั่งมาด้วยกัน

“เอ่อ....ฉันไม่เป็นไร” ร่างบางที่ถูกกอดราวกับกลัวว่าจะแตกสลาย ออกแรงดันอกของอีกคนหนึ่งออกไป และเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของเค้าเริ่มร้อนขึ้นมาแปลกๆ เสียแล้ว........แต่ปีเตอร์ยังคงไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

“ฉันนึกว่านายจะเป็นอะไรไปน่ะ” และร่างสูงโปร่งที่ทำตัวเป็นเบาะรองนั่งโดยที่ไม่ถามความเห็นอีกคน ก็ยอมคลายอ้อมแขนลงในที่สุด  ปีเตอร์แอบเห็นสีหน้าที่กำลังเปลี่ยนสีของแฮร์รี่ จึงกระแอ้มไอและเขยิบออกมาพลางเพยิดหน้าไปข้างหลังของอีกฝ่ายหนึ่งที่เค้าทำให้ดูจะเขินอายไปเสียแล้ว

“เอ่อ...อยู่ตรงนั้นน่ะ  บ่อน้ำพุร้อน  ข้างหลังนาย  นายลงไปแช่สักพักหนึ่งก็ขึ้นมาได้  มันจะช่วยให้นายดีขึ้นยิ่งนั่งอยู่ตรงนี้จะเริ่มหนาว  หิมะกำลังจะตกลงมาอีกรอบแล้ว” ปีเตอร์พูดเสียงเบา เพราะเค้าคิดว่าไม่มีความจำเป็น หากเค้าอยู่กันแค่สองคนและใกล้กันพอสมควร  แฮร์รี่พยักหน้า

“แต่นายต้องถอดเสื้อผ้าออกด้วยนะ....ถึงจะทำให้นายอุ่นได้ตอนลงไปแช่  แต่พอขึ้นมาเจอลมหนาว  นายจะหนาวยิ่งกว่าเดิมอีก  นั่นแย่กว่านะ” แฮร์รี่หันหน้ากลับมาเหมือนหูฟังเพี้ยนไป จนกลุ่มผมด้านข้างเค้าสะบัดไปมา  และเจอเข้ากับปีเตอร์ที่ทำหน้าราวกับจะบอกว่า ช่วยไม่ได้ ก็มันไม่มีทางเลือก

“ฉันต้องถอดจริงๆ เหรอ” แฮร์รี่ตอบเสียงเบากว่าปีเตอร์ที่ถามเค้า  ปีเตอร์พยักหน้ามาดมั่น

“ใช่...นั่นดีกับนายนะ  ไม่เอาน่า เราเป็นผู้ชายเหมือนกันนายจะกลัวอะไร  อ๋อ รึว่านายอาย?” คิ้วทะเล้นยกขึ้นพาให้ใบหน้าของปีเตอร์กลับมาทะเล้นอีกครั้ง  แฮร์รี่เสียความมั่นใจนิดๆ

“อายเหรอ?  ใครบอกนายว่าอายกัน  ฉันไม่ได้อายสักหน่อย!” คนถูกสบประมาทว่ากลับเสียงฟังดูแข็งข้อนิดๆ มือเล็กคู่นั้นของเค้ากำแน่นอยู่ที่เสื้อบางของตัวเอง........และเค้าไม่รู้สึกหนาวเลย  อาจเป็นเพราะไอร้อนจากหลุมที่พวยพุ่งออกมา  หรืออาจเป็นเพราะหัวใจที่ยังไม่เลิกรัวของเค้าก็ไม่รู้แน่

แฮร์รี่ขยับห่างออกมาอีกนิด ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันหลังให้ปีเตอร์ (ซึ่งเค้าก็เพิ่งนึกได้ว่าผู้ชายไม่จำเป็นต้องหันหลังให้กันในเวลาถอดเสื้อ)  มือเล็กคู่เดิมรวบสาบเสื้อไว้  ยกขึ้น  และเจ็บเสียดที่กระดูกสะบ้าอย่างเฉียบพลัน  แฮร์รี่ชะงักมือ เค้าเพิ่งจะจำได้ว่าโดนซ้อมมา

ปีเตอร์เดินเข้ามาดู  เมื่อเห็นมุมปากที่มีเลือดแห้งกรังของแฮร์รี่ยกขึ้นบ่งบอกถึงความเจ็บปวด “นายมีแผลหนิ  เจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า”

“เอ่อ...ไม่  ฉันไม่...” ถึงโกหกไปก็ไม่เนียนแล้ว  ปีเตอร์จับสาบเสื้อแฮร์รี่ไว้เสียเอง

..........โอเค  นี่ไม่ใช่ฝันแล้ว  แฮร์รี่เพิ่งประวิง...........

แฮร์รี่ที่ดวงตาเบิกโพลงอีกครั้งกำลังฉุดคิดว่าเค้ามาที่นี่ได้อย่างไรในที่ๆ ไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่จริง  ในขณะที่ปีเตอร์ก็เลิกเสื้อเค้าขึ้น  ถอดมันออกไปจากศีรษะของแฮร์รี่อย่างรวดเร็ว.....แฮร์รี่คิดว่าเมื่อลมปะทะเข้ามาแล้วมันก็จะหนาวจับใจจนตัวสั่น  แต่ก็ไม่เลย

ไม่ได้หนาวเหน็บอย่างนั้นเลย......ไม่เลยสักนิด

แต่เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจของแฮร์รี่นัก  แขนบอบบางและเล็กกว่าปีเตอร์เป็นไหนๆ ของเค้ายกขึ้นไขว้รวบอกตัวเองไว้  แฮร์รี่งอตัวตาเบิกกว้างอย่างตื่นตกใจอีก  แล้วถอยห่างออกมาจากปีเตอร์เล็กน้อย  ปีเตอร์ไม่มีแววงุงงงในสายตา

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

“เอ่อ...เปล่าๆ ฉันแค่...แค่ให้นายดูไม่ได้น่ะ  มันไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่แผลเป็นน่าเกลียดเท่านั้นเอง” แฮร์รี่บอกปัดออกไปอย่างรวดเร็วว่า เปล่าแต่ก็ชังใจว่าไม่ควรโกหกปีเตอร์ที่ช่วยเค้าไว้ ในเมื่อแฮร์รี่ทำร้อนตัวเสียเองแบบนี้  เสียงเบาเริ่มเล็กและแหบแห้งลงเมื่อท้ายประโยคมาถึง

“มันแย่น่ะ...” ร่างบางกอดตัวเองมากขึ้นอีก......ไม่ใช่เพราะความหนาว  แต่เป็นความหวั่นกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้น  เมื่อเค้าอยู่ในที่ๆ ไม่รู้จักจริงๆ หากความลับแตกปีเตอร์ก็จะเกลียดเค้า......และปีเตอร์อาจสงสัยอยู่แน่ๆ เพราะเค้าเริ่มทำตัวแปลกไป  ปีเตอร์พยายามให้เค้าถอดเสื้ออย่างรวดเร็ว

และในขณะที่แฮร์รี่กำลังกอดตัวเองและยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเล็กลงเข้าไปอีกอยู่นั้น  ปีเตอร์ก็โยนเสื้อของอีกคนหนึ่งลงพื้น  ไม่ได้มีท่าทางหรืออาการใดๆ โต้ตอบปฏิกิริยาของแฮร์รี่เลย  เหมือนเค้าเองก็รู้ว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้

ปีเตอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะถอดฮู้ดของตัวเองออกและรวบเสื้อยืดของตัวเองขึ้นบ้าง  เค้าถอดมันออกไปโดยไม่ใยดี และจับจ้องไปที่แฮร์รี่ตาเขม็ง  ปีเตอร์พูด “แผลเป็นเหมือนแบบนี้หรือเปล่า”

อกแกร่งแข็งแรงของร่างสูงโปร่งปรากฏขึ้นต่อหน้าแฮร์รี่  และร่างบางก็หยุดชะงัก.......เมื่อสิ่งที่เค้าเห็นบนอกปีเตอร์คือ รอยแผลเป็นที่เหมือนจุดแตกร้าวบนอกข้างซ้ายของปีเตอร์

เหมือนกับของแฮร์รี่เลย.........

“ทำไมนาย...” ร่าบางพึมพำอย่างไม่เข้าใจ  วงแขนเล็กค่อยๆ คลายออกจากกัน  แฮร์รี่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง..........ปีเตอร์รู้ได้ไงว่าพวกเค้ามีเหมือนกัน

แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร  ร่างสูงโปร่งที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามพองามก็เดินเข้ามาประชิดตัวแฮร์รี่  รวบข้อมือเล็กบางไว้แล้วจูบเข้าไปที่ริมฝีปากที่มีรอยเลือดของแฮร์รี่

คนโดนจู่โจมช็อคหนัก  แต่ปีเตอร์ก็ไม่ให้ทางเลือกอะไรเลยแก่แฮร์รี่  มือแกร่งข้างหนึ่งที่ไม่ได้ใช้งานถูกยกขึ้นมากดท้ายทอยเล็กไว้  ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นมือทั้งสองที่ลูบไล้เรือนร่างและขยุ้มกลุ่มผมสีอ่อนเบาๆ  ปีเตอร์ไม่ยอมให้แฮร์รี่หนีไปไหนเลย.........

ราวกับว่าโหยหา อนึ่งคิดถึงมาแสนเนินนาน...........

ปีเตอร์ยังคงจูบต่อไป  จนแฮร์รี่รู้สึกถึงลำขาแกร่งที่เบียดเข้ามาในหว่างขาของเค้า  แฮร์รี่ประท้วง โดยการทุบเข้าไปที่หน้าอกของคนที่ลิดรอนลมหายใจเค้าเข้าไปเต็มๆ

“ปีเตอร์อย่า....”

“แฮร์รี่...” เสียงประท้วงเมื่อถูกปล่อยปากออกมาของร่างบางถูกหยุดด้วยเสียงเรียกปนลมหายใจหอบพร่าของปีเตอร์ “นายรู้ไหมทำไมนายถึงไม่หนาว”

อีกครั้งที่แฮร์รี่ไม่รู้เรื่อง

“นายรู้ไหมทำไมนายถึงไม่บอกว่าตัวเองนายเองเป็นมนุษย์” ดวงตาของปีเตอร์เฉียบคมเมื่อประสานกับแฮร์รี่ที่เริ่มตื่นตระหนก

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกนายนะ  ฉันแค่....”

“แล้วทำไม  นายถึงไม่ตายเมื่อโดนหิมะห่มเข้าไปถึงครึ่งตัวทั้งๆ ที่ร่างกายนายอ่อนแอ” ปีเตอร์เหมือนกำลังโกรธ “ฉันรู้ว่านายไม่ได้บอกฉันเรื่องที่ว่านายเป็นมนุษย์  เรื่องนั้นฉันรู้ตั้งแต่เจอนายแล้ว.....ชาวเหมันต์ไม่แต่งตัวแบบนี้  แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นแฮร์รี่”

ริมฝีปากของปีเตอร์ยังคงคลอเคลียอยู่ไม่ห่างแม้แฮร์รี่จะพยายามเบี่ยงหน้าหนีเพียงไร  แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกลเพราะปีเตอร์ขังเค้าไว้ในอ้อกอดที่แข็งแรงแต่ทว่าอ่อนโยนนั้นอยู่  แต่กระนั้นแฮร์รี่ก็ยังพยายามใช้แขนดันหน้าอกที่ประดับด้วยแผลเป็นซึ่งเหมือนของเค้าให้ออกไป

“นายเคยสงสัยไหมว่านายเป็นใคร  ตอนเด็กๆ เคยทำอะไรโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวบ้างรึเปล่า?” สีหน้าและน้ำเสียงของปีเตอร์กลับดูเหมือนกำลังสนุกที่ไล่ต้อนแฮร์รี่ได้  ร่างบางที่ผลักไสไม่เป็นผลก็ช้อนดวงตาสีฟ้าอัญมณีขึ้นไปมองเพื่อนใหม่ของเค้าอย่างไม่เข้าใจระคนตื่นกลัว

“นายกำลังจะบอกอะไรฉัน....” เสียงแฮร์รี่แหบแผ่วและเล็กลงจนเจ้าตัวเองก็แปลกใจ

ปีเตอร์ทำเหมือนแสยะยิ้ม  แฮร์รี่ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของปีเตอร์หลุดออกมา

“นายไม่ใช่คนที่นายคิดหรอกแฮร์รี่” ร่างสูงโปร่งพูด  และแฮร์รี่ก็ฉุนขาด....เค้าค่อนข้างอ่อนไหวในเรื่องนี้

“ส่วนนายก็เป็นโจร” คนโดนกอดกระแทกเสียง........ปีเตอร์เป็นใครกัน ที่จะมาบอกว่าเค้าเป็นคนนั้นคนนี้  แค่แฮร์รี่เองก็ยังไม่รู้ตัวเองเลย  ปีเตอร์ไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายเค้าในเรื่องนี้

ปีเตอร์ยิ้มอย่างชอบใจ  เมื่อเห็นแววตาที่เริ่มแข็งกร้าวนั้นของแฮร์รี่ “นายก็เหมือนเมื่อก่อนนั่นแหละ” ร่างสูงพึมพำกับตัวเอง.....ราวกับว่าเค้ารู้จักร่างบางมาก่อน  แฮร์รี่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ พาให้สีหน้าของเค้าดูอ่อนแรงยิ่งกว่าเดิม

“นายพูดว่าอะไรนะ.....เอ่อ แต่ช่างมันเถอะ  ปล่อยฉัน และเลิกพูดถึงฉันแบบนั้นสักทีถึงฉันจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครหรือพ่อแม่ชื่ออะไรก็ช่างมันเถอะ  นายเป็นใครที่จะมาเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องของฉัน!” แฮร์รี่ตะคอกแล้วได้ยินเสียงสวบสาบของหิมะที่ยุบตัว  ร่างบางจบประโยคแล้วรีบหันรีหันขว้างในอ้อมกอดของปีเตอร์ที่กอดเค้าไม่ยอมปล่อยทันที

ส่วนร่างสูงโปร่งนั้นไม่มีปฏิกิริยาใดๆ โต้ตอบต่อเสียงสวบสาบทั้งสิ้น  เค้าเพียงแค่เหม่อมองออกไป แล้วกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างติดจะเบื่อหน่ายเท่านั้น  แฮร์รี่ได้ยินเสียงปีเตอร์ถอนหายใจก่อนมีชายเกือบสิบคนโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้มายืนตีแผ่เป็นวง ล้อมรอบพวกเค้าอยู่

............คนพวกนั้นแต่งตัวแปลกๆ เหมือนย้อนกลับไปก่อนหน้านี้นานมาก.........

คนพวกนั้นไม่มีใครกระตุกกระดิกเลยสักคน  มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เอ่ยพูด และท่าทางเค้าดูนอบน้อมมากกว่าที่จะมาหาเรื่อง

ราชาปีเตอร์” ชายคนนั้นเรียกและแฮร์รี่ก็มีสีหน้าตกใจ  ใบหน้าหวานบ่งบอกเลยว่าไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง

นี่มันเรื่องอะไรกันนี่!?

ปีเตอร์ไม่ได้ตอบกลับไปราวกับว่าชายด้านหลังของเค้าเรียกหาปีเตอร์คนอื่น  ร่างสูงเพียงแค่ก้มหน้าลงมามองแฮร์รี่เท่านั้น

“พระองค์....สภาเรียกประชุมพะย่ะค่ะ” มาคราวนี้ร่างสูงก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เริ่มแห้งผาก  แต่ดูท่าปีเตอร์จะเบื่อหน่ายมากกว่า  และในที่สุดเค้าก็ยอมปล่อยแฮร์รี่ที่ตามสถานการณ์ไม่ทันแล้วหันหลังกลับไปหาชายที่ดูสูงอายุกว่านิดหน่อย  ปีเตอร์ปั้นหน้ายิ้ม

“ไง ราฟา...มาตรงเวลาเหมือนเคยเลยนะ”

แต่ชายคนนั้นดูจริงจังกว่ามาก “สภาเรียกประชุมเรื่องสำคัญพะย่ะยค่ะ  พวกเค้าพบ....”

“ข้ารู้แล้ว  เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว” ปีเตอร์ขัดและตัดประโยคได้อย่างเฉียบขาด  สรรพนามฟังดูเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว  แฮร์รี่แอบสังเกต  สายตาของปีเตอร์ดูเปลี่ยนไปเป็นสุขุมและเด่นคมขึ้น   ร่างสูงโปร่งคว้าแจ็คเก็ตของแฮร์รี่ขึ้นมาแล้วคลุมไว้รอบไหล่ขาวสีน้ำนมของเจ้าของตัวเล็ก  สีหน้าของแฮร์รี่นั้นเกิดคำถามมากมายและปีเตอร์ก็รู้ดี

“เค้าเก่งเรื่องขัดเวลาน่ะ  ไม่ต้องห่วงฉันจะบอกนายทุกอย่างเองเมื่อเราไปถึงที่นั่นแล้ว” ปีเตอร์ว่า พลางกระชับแจ็คเก็ตให้เค้า รอยยิ้มกลับมาอีกครั้ง

แฮร์รี่ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้  เมื่อปีเตอร์เดินออกห่างจากเค้าแล้วหันหลังเดินออกไป

“แล้วชายผู้นี้ล่ะพะย่ะค่ะ” หนึ่งในองครักษ์ถาม  ร่างสูงโปร่งที่มีกางเกงติดกายเพียงตัวเดียวหยุดเท้า แล้วผินหน้ากลับมาเพียงเล็กน้อย

“เค้ามากับข้า”
............เพียงเท่านั้น เค้าก็พ่นใยออกไปแล้วโหนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะหายไปในไม่ช้านั้นเอง  แฮร์รี่โลกเคว้งคว้าทันทีแม้เค้าจะเพิ่งฉุนขาดใส่ปีเตอร์ไปก็ตาม  แต่แล้วในทันทีคนพวกนั้นก็พาแฮร์รี่ไปด้วยท่าทางสุภาพและนอบน้อม.....คนพวกนี้พ่นใยไม่ได้อย่างปีเตอร์  และไม่รวดเร็วเท่าดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่แฮร์รี่ก็รู้ดีว่าพวกเค้าคือ ชาวเหมันต์

องครักษ์พาแฮร์รี่ขึ้นนกฮูกขาวตัวใหญ่ยักษ์บินไปทางเหนือ ซึ่งตื่นตาตื่นใจแฮร์รี่เป็นอย่างมาก.......ที่นี่คงมีอีกหลายอย่างที่แฮร์รี่ไม่รู้  เค้าขาสั่นพอลงมาแม้จะมีคนค่อนรับไว้ก็ตาม

แฮร์รี่สวมแจ็คเก็ตนานแล้ว ในขณะที่มีหญิงสาวหลายคนกรูเข้ามาหาเค้าแล้วฉุดลากฉุดดึงร่างของแฮร์รี่ไปแต่งตัว.....ใช่  ไม่มีใครพูดอะไรเลยนอกจากคำกล่าวยินดีและออดอ้อนของพวกเธอ  ดูเหมือนเธอจะช่างประคบประงมเก่งจริงๆ แม้จะถึงตอนที่ทานู่นทานี้ประทินผิวให้เค้า พวกเธอก็ยังพูดจาหว่านล้อมให้แฮร์รี่ยอมอย่างจนใจจนได้

............พวกเธอดูน่ากลัวแบบสดใสจริงๆ ..........

แฮร์รี่ที่ทำหน้าเหรอหราไม่เคยหยุด อยู่ในชุดใหม่ที่สะอาดสะอาน เสื้อเป็นผ้าเนื้อดีสีขาวขลิบด้วยด้ายเงินและลวดลายพาให้นึกถึงหนังฮอลลีวู้ดย้อนยุคเป็นอย่างมาก แขนเสื้อยาวกรอมนิ้ว  และกางเกงสีเทากำมะหยี่แบบละเอียดพร้อมกับรองเท้าคู่ใหม่อีกด้วย

ร่างบางถูกทิ้งไว้ในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยม้านเนื้อดีทั้งหนาและดูหนักสีเข้มทั้งเขียว  แดงเลือดหมู กรมทา  และสีอื่นๆ มันโยงระย้าอยู่เหนือขึ้นไป รวมทั้งกินพื้นที่ส่วนมากของหน้าตาสูงจากพื้นจรดเพดานอีกด้วย.........ดูเหมือนคนที่ตกแต่งโถงนี้คงจะชอบสีทึบๆ และไม่ชอบแสงแดดเสียเท่าไร  ด้านนอกหน้าต่างออกไปดูอึมครึมเหมือนส่วนนี้ของดินแดนดูไร้ชีวิตชีวา

ห้องเกือบมืดในขณะที่แฮร์รี่นั่งเกี่ยวนิ้วตัวเองอยู่บนเก้าอี้เบาะหุ้มกำมะหยี่สีเลือดหมู  เค้าไม่รู้ว่าปีเตอร์อยู่ที่ไหน........ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ายังรู้จักปีเตอร์อยู่อีกหรือเปล่า  แต่ที่นี่ดูเหมือนจะมีปีเตอร์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เค้าจะคุยด้วยได้  แต่ปีเตอร์อยู่ที่ไหน?

ข้างนอกหิมะเริ่มตกแล้ว  และแฮร์รี่ก็คิดว่าเดินไปไหนมาไหนในโถงหน่อยคงจะไม่เป็นไร เพราะคนพวกนั้นต้องการจะให้เค้ารออยู่ที่นี่นี่นา  แต่แล้วแฮร์รี่ก็เพิ่งรู้ว่ามันคือห้อง....ห้องใหญ่โต มโหฬารห้องหนึ่ง  ใช่  เหมือนจะเป็นห้องของใครคนหนึ่งที่ดูจะไม่ใส่ใจกับการตกแต่งห้องเป็นอย่างมาก  มีเพียงเตียงขนาดใหญ่  โต๊ะเอกสารไร้กระดาษพร้อมเก้าอี้  และผ้าม่านระโยงรยางค์ทั้งห้องนั่นเท่านั้นที่แฮร์รี่สังเกตเห็น

ห้องของใครกันนี่?......แฮร์รี่คิด ก่อนเสียงเปิดประตูบานใหญ่จรดเพดานห้องจะดังขึ้นก้องไปทั้งห้องมืดสลัว  ร่างบางที่ยืนเกาะหน้าต่างสะดุ้ง  เค้าเห็นชายผู้ดันประตูเข้ามามีแสงสีขาวส่องอยู่ด้านหลังของเค้า ก่อนปล่อยประตูให้ปิดลง  แล้วแสงไฟก็สว่างขึ้น  แฮร์รี่ดีใจแต่ตัวแข็ง

ปีเตอร์.......


.


.


.


TBC.


-----------------------------------------------------------------------------------------------


อิพีทททททททท  แกเป็นอะไรน้าาาา.......อ๊บป่ะ! ไม่นะ  คาดไม่ถึงเลย //ผั๊วะ! แววเสียงโดนโบก  เขียนเองหวือหวาเองนะแก//  เรื่องนี้ไรท์ยอมรับค่ะมันดูหลุดโลกและฝืนธรรมชาติของปีเตอร์ไปซะหน่อย (ไม่ได้ว่านะปีเตอร์แค่กำลังจะบอกว่านายน่ะเหมาะกับลุคหาเช้ากินค่ำมากกว่า -_-“......//สักพักมีใยพ่นมาพันคอ)

แต่ว่าหนูแฮร์รี่นั้นเป็นคำสำคัญค่ะ  จริงสิ  ถ้าไม่สำคัญปีเตอร์จะคลอเคลียทำไม  ฮาาาาา

ฮ๊ากกก แท้จริงแล้วแฮร์รี่จะเป็นใครแล้วปีเตอร์ใยจะต้องโกหกแฮร์รี่ (รึแฮร์รี่เองไม่ได้โกหกแค่ไม่ได้แสดงสูติบัตรเฉยๆ กันค่ะ 555+) //มุกฝืด  สักพักโดนรีดตบ//  Part หน้าเป็น Part สุดท้ายแล้วค่ะ!!

ตอนจบจะเป็นเช่นไร  ติดตามได้ในบทสรุปของ Winter Wonderland.....มหัศจรรย์ แดนเหมันต์ ได้ใน Part ที่ 3 ได้เลยค่ะ >[]<!!  ไรท์แต่งฟิคยาวไปๆ มาๆ ก็รู้สึกคิดถึงสองคนนี้ขึ้นมาตะหงิดๆ ยังไงไม่รู้ค่ะ  ก็เลยกลายมาเป็น SF - The Amazing Spider-Man2 เรื่องนี้นี่เองค่ะ   อ่าาา นอกเรื่องเล็กน้อยเพื่อมาสนอง Need ตัวเอง (เสร็จแล้วกลับไปยิกเรื่องที่ค้างไว้ต่อ)

ชอบหรือไม่กับการหากินใหม่ของปีเตอร์(?) ก็ช่วยติชมแนะนำกันด้วยนะคะ ^^ รักรีดที่สุดในสามโลกเลยนะเออ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund