วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Fic – RonalSi] + [Part 30…END] เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! – Ronaldo x Messi




ฮร๊ายยยยยยยยยยยยยยย ง่อวววววววววววว  Part สุดท้ายมาแล้วค่ะ ><  มาแล้วค่ะ  ถึงจะมาช้า แต่มาชัวร์ค่ะ ฮี่ๆๆๆ  มาถึงบทสรุปและตอนจบของเรื่องกันแล้วค่ะ  บอกตามตรงค่ะ ไรท์ประทับใจมากๆ เลยค่ะ  ที่เขียนเรื่องนี้และมีรีดๆ ค่อยให้กำลังใจและติดตาม........ขอบคุณรีดสักพันครั้งก็ยังไม่พอ

หวังว่าทุกท่านคงจะพอใจไม่มากก็น้อยสำหรับฟิคเรื่องนี้นะคะ ><  และขอบคุณอีกครั้งสำหรับกำลังจากทุกๆ ท่านค่ะ  ไม่ว่าจะเป็นคอมเม้นท์ในบล็อกก็ดี  คอมเม้นท์ในเฟสบุ๊ค หรือแชทก็ดีค่ะ  ไม่เพียงแค่กล่าวถึงเนื้อเรื่องเท่านั้น  รีดบางท่านยังให้กำลังใจในยามที่ไรท์ท้อแท้อีกด้วยค่ะ ><  ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ  ไรท์จะไม่ลืมเลยล่ะค่ะ ^^

และตอนนี้เฮียกับเหมียวรอรีดๆ กันอยู่ค่ะ  อ่านไปเรื่อยๆ ใจร่มๆ นะคะ ฮิๆๆๆ  ไปอ่านกันเลยค่าาาา  ส่วนไรท์ขอตัวไปร้องไห้ก่อนค่ะ TUT  ฮอลลลลล  จบแล้วอ่าาา  //ฟูมฟาย หาทิชชู่ไม่ทัน//









---------------------------------------------------------------------------
 

“โอ้ ลีโอ....มันชัดเจนด้วยความหมายของมันเอง”


.


.


********************************************************************


.


.


ร่างเล็กจูบตอบแต่โดยดี.......ก็นี่นั่นแหละคือสิ่งที่เจ้าตัวไม่กล้าแอบอ้างว่าร่างสูงนั้นคิดเห็นเป็นเช่นเดียวกับเค้า........และร่างสูงก็เลือกทำอย่างที่ตัวเองคิด  โรนัลโด้ดันท้ายทอยของเมสซี่ให้เข้ามาอีก แล้วลดมือทั้งสองลงไปจับที่เอวซึ่งเล็กกว่า ในขณะที่ร่างเล็กเองก็สัมผัสท้ายทอยของร่างสูงอย่างที่เค้าเคยจำได้

และนี่ไม่ใช่การจุมพิต แต่มันคือจูบแห่งความเสน่หา......ไม่รู้จบ

ทั้งสองเบียดตัวเข้าหากัน ด้วยการชักนำของร่างสูง  โรนัลโด้ดูดดึงริมฝีปากเมสซี่เบาๆ  ก่อนที่เจ้าของริมฝีปากบางจะเปิดปากออกน้อยๆ เพื่อยอมให้ลิ้นของร่างสูงได้ล่วงล่ำเข้ามาได้  และไม่รอช้าลิ้นร้อนของโรนัลโด้ก็ตรงเข้าไปกวาดต้อน  สำรวจและลากลึกถึงในโพรงปากของอีกคนหนึ่งทันที

เค้าใช้ลิ้นลากไล้ผ่านทุกส่วน  ไล่ต้อนและเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเจ้าของโพรงปากอ่อนนุ่มหอมหวานอย่างไม่ยอมความ  ซึ่งลิ้นเล็กพยายามหลีกหนีแต่ก็ต้องจนมุมทุกครั้งไป เมื่อลิ้นร้อนอันช้ำชองของร่างสูงตวัดเข้ามาเกี่ยวรูดกับลิ้นเล็กของคนถูกสำรวจ  ทั้งคู่โรมรันกันไปมา.....ราวกับว่า พวกเค้าควรทำสิ่งนี้มาตั้งนานแล้ว

...........จูบอย่างลึกล้ำและเสน่หา  ไม่ใช่เพียงแค่การสัมผัสริมฝีปากของกันและกันดังเช่นที่ผ่านๆ มา...........

โรนัลโด้ใช้ลิ้นซอกซอนลึกเข้าไปอีก  เค้าแทบจะกลืนกินริมฝีปากของอีกคนหนึ่งเข้าไปเลยด้วยซ้ำ  ร่างเล็กเป็นฝ่ายถูกปลุกปั่น เพราะร่างสูงนั้นจัดเจนมากในเรื่องนี้  ดังนั้นเมสซี่จึงทำได้เพียงแค่รับการชักนำของอีกคนหนึ่งไว้  ร่างสูงหันหน้าปรับองศาบ่อยขึ้น  และนอกจากการจูบที่ร้อนแรงแล้ว โรนัลโด้ยังบดขยี้อีกคนหนึ่งด้วยอ้อมกอดของเค้าอีกต่างหาก  ร่างสูงแกร่งดันปากตัวเองเข้าไปอีกราวกับการลิ้มรสนี้ ช่างหอมหวานอย่างไม่รู้หาย..........

ทั้งสองคนจูบกัน  ไร้ช่องว่างใดๆ ขวางกัน..........เบื้องหน้าพวกเค้าคือ ภาพเมืองอันสวยงามซึ่งกว้างไกลภายใต้รูปปั้นที่อยู่สูงขึ้นไป  ซึ่งเบื้องหลังนั้นคือทะเลสีครามอันไร้ขอบเขตทอดตัวโอบล้อมชายฝั่งไว้  และด้วยท้องฟ้าที่งดงามยิ่งกว่าถูกฉาบไปด้วยสีชมพูปลั่งตัดขอบสีส้มแห่งดวงอาทิตย์

ร่างสูงไม่เคยเจอจูบที่แสนหวานขนาดนี้มาก่อน  แม้ว่าร่างเล็กจะดูหมดแรงสู้กับเค้าแล้วก็ตาม แต่เค้าก็ยังคงระดมจูบและลากไล้ต่อไปอย่างไม่ยอมหยุด  โรนัลโด้ไม่เคยเจอคนที่อ่อนเดียงสาอย่างนี้มาก่อนเลย  ทุกครั้งที่เค้าสัมผัสโดนตัวของเมสซี่อีกฝ่ายหนึ่งจะตัวสั่นและดวงตาไหวระริกด้วยความประหม่า  เป็นท่าทีไม่ประสาที่ดูอ่อนต่อโลกแต่ทว่าก็น่าหลงใหลในตัวตนของร่างเล็กยิ่งนัก

โรนัลโด้ป้อนจูบต่อไป เป็นเหตุให้มีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากมุมปากของร่างเล็ก  และเค้าดูดกลืนเอาน้ำหวานนั้นเข้าไปจนหมดสิ้น  โรนัลโด้เลื่อนมือขึ้นมาสอดไปที่กลุ่มผมนุ่มมือของเมสซี่ในขณะที่ร่างเล็กเองก็เริ่มหมดลมหายใจแล้ว  คนโดนจูบจึงขยำเสื้อนอกของร่างสูงแล้วกระตุกเบาๆ

โรนัลโด้จึงต้องผละจูบออกมาอย่างนึกเสียดาย  เค้าอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมออกไปแต่โดยดี........น้ำใสๆ ยืดออกมาจากปากของทั้งสองฝ่าย

พวกเค้าปากบวมเจ่อ และหอบหายใจอยู่บนอกของกันและกัน  โรนัลโด้โน้มหน้าผากลงมาทับกับหน้าผากของคนที่หายใจไม่ทัน  เค้าหอบนิดๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มขณะพูดออกไป

ทีนี้....คุณอยากให้ผมพูดต่ออีกไหม”

เมสซี่หน้าแดงและหมดแรงแล้ว  เค้าพิงตัวในอ้อมกอดของร่างสูงแล้วซบหน้าลงบนอกของอีกคน  ไม่ตอบโรนัลโด้เพราะหน้าชาเห่อ

“ถ้าผมพูด คุณจะเหนื่อยกว่านี้อีก”

โรนัลโด้เอ่ยแค่นั้น ก่อนจะจับร่างเล็กจูบอีกรอบ และอีกรอบ  ในขณะที่ท้องฟ้าสว่างกระจ่างเป็นสีขาวบริสุทธิ์........

วันนี้พวกเค้าจะลงเขาไปด้วยกัน และพูดถึงเรื่องราวของกันและกันจนหลายๆ คนจะต้องแปลกใจไปเลยล่ะ.............

กับช่วงเวลาเพียงแค่คืนเดียวของพวกเค้า

..............ช่วงเวลาเพียงแค่คืนเดียว

อันแสนสำคัญ............


.

.

.

.

THE END.

.

.

.

.

ไรท์เคยบอกรีดว่า เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความจริง ที่เกิดขึ้นนี่เพราะไรท์ฟินล้วนๆ ใช่ไหมค่ะ  งั้นเราไปหลุดโลกกันอีกหน่อยล่ะกันค่ะ.............

.


.


.

***********************************************************************


ขบวนรถขนนักโทษที่ตำรวจริโอขอยืมมาใช้เป็นการพิเศษวิ่งขลุกขลักไปมาบนทางถนนคอนกรีตที่ไม่ค่อยจะดีนัก ก่อนจะโค้งหักศอกขึ้นไปยังถนนใหญ่ซึ่งรถราเบาบางเป็นพิเศษ

ภายในรถหุ้มตะแกรงคันสีดำมะเมื่อมเต็มไปด้วยผู้ก่อการร้ายที่บุกโรงแรมหรูชื่อดังแห่งเมืองริโออย่างอุกอาจและไร้หัวคิด  ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนถูกใส่กุญแจมือแน่นหนากองสุมรวมกันแน่นคันรถ  และทุกครั้งที่รถกระแทกกับทางที่ไม่ได้รับการพัฒนานั้น  เหล่าว่าที่นักโทษทั้งหลายก็หัวโขกกันไปมาราวกับตุ๊กตาเก่าๆ

ใช่  เพราะส่วนมากยังอยู่ในสภาพสลบสไลกันอยู่นั่นเอง..............

กรมตำรวจของริโอห่างไปไม่มากนัก  ใกล้ถึงแล้วเป็นเวลาเดียวกับที่หนึ่งในนักโทษบนรถฟื้นขึ้นมาพอดี  ชายคนนั้นทำตาสะลึมสะลือและสะบัดหัวไปมา ก่อนจะหันไปเจอเพื่อนที่มีสภาพไม่ต่างกันนัก จึงใช้เท้าที่ยังเป็นอิสระอยู่เตะเข้าไปที่หน้าขาของเพื่อนเต็มๆ

“โอ๊ย! อะไรของแกว่ะ!” ชายที่โดนเตะไปเสียเต็มรักเอ็ดอย่างหัวเสีย  แต่อีกคนหนึ่งหัวเสียยิ่งกว่า เค้าโวยวายใส่หน้าเพื่อนอย่างกินเลือดกินเนื้อ

“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไป! ไม่เคยฟังกันบ้าง  แล้วเป็นไงเห็นไหม....เราลงไปนอนกองกับพื้นแถมตื่นขึ้นมายังเป็นอย่างงี้อีก เป็นเพราะแกคนเดียวแท้ๆ เลยเลโซ

“อ้าว  ว่ากันอย่างงี้ได้ไงวะ  แกก็พุ่งตามหลังกันมาติดๆ ไม่ใช่เหรอซานโตส” คนที่อยู่ๆ ก็ถูกโบ้ยความผิดยืดตัวขึ้นเพราะเริ่มมีน้ำโห

“ก็ไอ้คนที่แกเห็นว่ามันไม่สำคัญนั่นไงที่ฉันบอกว่าอย่าประมาทน่ะ”

“ห๊ะ....อะไร  แกหมายถึงไอ้คนที่ชื่อ โรนัลโด้อะไรนั่นน่ะเหรอ?” ทีนี้คนโดนเตะเริ่มคลายอารมณ์หงุดหงิดลงแล้วเปลี่ยนมาเป็นอาการไม่เข้าใจแทน..........ไอ้เพื่อนคนนี้มันเกิดสมองกลับอะไรขึ้นมาอีก

ซานโตสทำหน้าเหมือนเจอทอง “ก็เออน่ะสิว่ะ! ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเข้าไปใกล้มัน...อย่าเข้าไปใกล้มัน  มันน่ะตัวอันตรายของแท้เลย” ซานโตสทำตาโตเหมือนเจอห่านทองคำ  เลโซยกปากหนาเตอะของตัวเองขึ้นมาแล้วขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“แกพูดยังกะจะโยนความผิดให้ฉันคนเดียวงั้นแหละ.....แกรู้ล่วงหน้ารึไงว่าเราไม่ควรไปยุ่งกับมันน่ะ”

“โอ๊ย ไอ้ไง่!” ซานโตสคำราม  เลโซผงะเพราะเพื่อนจอมบื้อไม่เคยทำพฤติกรรมแบบนี้ใส่เค้ามาก่อนเลย  บนรถมีแค่เค้าสองคนที่ได้สติและตื้นอยู่  ส่วนผู้คุมก็นั่งอยู่บนตอนหน้าของรถซึ่งมีผนังโลหะหนาๆ กั้นอยู่จึงไม่ได้ยินเสียงที่พวกเค้าพูดกัน

ซานโตสกระชากคอเสื้อเลโซทั้งๆ ที่ยังใส่กุญแจมือ “แกจำไม่ได้รึไง  งานที่เราบุกไปกองกำกับการตำรวจเพื่อไปชิงเอกสารสำคัญทางการเงินไปให้กับพวกชีคน่ะ.....ตอนนั้นที่นั่นมันมีอะไรที่สำคัญกว่านั้น”

ซานโตสเปลี่ยนระดับเสียงมาเป็นกระซิบกระซาบผ่านไรฟัน  เลโซพยายามนึกตาม  แต่ก็จำได้แค่ว่าวันนั้นเค้าเอาแต่ไล่ต้อนตำรวจสาวๆ ที่ฟาดปืนใส่เค้า

“ทางการปาตาโกเนียหรือ...หรือประเทศบ้าอะไรสักอย่างก็ตามเหอะ ฉันไม่แน่ใจ......พวกนั้นมีเอกสารสำคัญทางรัฐบาลที่ต้องส่งไปกรมราชลับของ D.C.  มันจ่าหน้าว่าอย่างนั้น แต่ต้องหยุดเพื่อพักของที่ประเทศของเรา  มันเป็นซองเอกสารปึกหนึ่งที่ดูไม่สำคัญเลยถ้ามันไม่ว่างอยู่บนโต๊ะของผู้ว่าการตำรวจ.....” ซานโตสมองซ้ายขวาดูว่าคนอื่นๆ ตื่นมาหรือยัง

“......และดูเหมือนเพิ่งเอาออกมาจากเชฟเพื่อเตรียมการส่งต่อไปยังปลายทาง” เค้ากระซิบชัดถ้อยชัดคำ

“เซฟในห้องของผู้ว่าการงั้นเหรอ!?  มันต้องสำคัญไม่ใช่เล่นเลยนะนั่น” เลโซถึงแม้จะตามไม่ทัน  แต่เค้าก็ประเมินค่าได้ว่ามันสำคัญมากแค่ไหนเมื่ออยู่ในส่วนนั้นของกองกำกับการ......แต่ดูท่าตอนนี้เค้าคงจะเป็นคนหัวช้าแทนซานโตสไปเสียแล้ว  เลโซเอียงคอ

“แล้วมันเกี่ยวยังไงกันกะไอ้หมอนั่นว่ะ  ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

“ก็มันเป็นเอกสารของหมอนั่นไง!” ซานโตสพูดแล้วทำตาโตราวกับจะบอกว่าเลโซควรให้ความสำคัญกับคำเตือนของเค้าตั้งแต่แรกแล้ว  ชายบราซิลถูกใส่กุญแจมือดึงคอเสื้อเพื่อนแรงอีก  เหงื่อกาฬผุดมาตามขมับของเค้าในขณะที่พูดไล่รายละเอียด

 “คริสเตียนโน่   โรนัลโด้  สถานะปัจจุบัน : ลาออกจากงานรัฐบาล .....ใช่ ย้ำโว้ย  งานรัฐบาล!  ไอ้หมอนั่นมันทำงานลับให้รัฐบาลสหรัฐไง  เป็นซะยิ่งกว่า CIA ซะอีก  หน้าซองมันเขียนว่า เอกสารต้นฉบับ ไม่มีการทำแทบดำนั่นหมายความว่าประวัติของหมอนั่นที่ D.C. ต้องมีการทำแทบดำปกปิดรายละเอียดเกือบทั้งหมดในระหว่างการทำงานแน่ๆ เลย........แต่ตอนนี้หมอนั่นออกแล้ว  ฉันไม่รู้เว้ย! ว่ามันออกทำไม  แต่ดูแล้วมันคงจะหาตัวจับยาก  หัวข้อภารกิจมันของยาวเป็นหางว่าว”

ซานโตสพูดจนน้ำลายกระเฉาะ  กลืนลงไปอีกแล้วพูดต่อ “แกรู้ไหม ว่าไอ้หมอนี่แหละที่โค่นล้มรัฐบาลราส ดาสฮาน ปลดแอกคนที่อยู่ภายใต้การปกครอง จนพวกเราขาดรายได้ขายอาวุธไปตอนนั้นน่ะ”

“อะไร! จริงเหรอวะ.....แกแน่ใจได้ไง  มันเป็นนักฟุตบอลนะโว้ย” เลโซทำหน้าอึ้ง  แต่ก็ยังคงกังขาไม่เชื่อในคำให้การของเพื่อนที่เหงื่อแตกพลั่กๆ

“แน่สิโว้ยย! ก็มันมีรูปไอ้หมอนี่แนบอยู่ในเอกสารเยอะแยะเต็มไปหมด  มีรูปตอนมันเตะบอลด้วย  ดูเหมือนแม้ว่าจะออกมาแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังตามดูอยู่เพราะไอ้หมอนี่น่ะมันเป็นตัวอันตราย  พวกรัฐบาลที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐก็ขอยืมตัวหมอนี่ไว่วานให้ไปทำงานลับๆ อยู่บ่อยๆ ......เรื่องของมันมีเยอะเกินจนข้าอ่านไม่ไหว แต่จำหน้ามันได้ขึ้นใจเลยล่ะ”

“แกมั่วแล้ว จำผิดคนรึเปล่า” เลโซพูด ต่อมาโดนตบหัว

“ผิดบ้าอะไร  ชุดทีมชาติโปรตุเกตุ กับ เรอัล  มาด์ดริก เบอร์เจ็ดนี่นะ! ถึงข้าจะไม่ได้เอามา แต่อ่านแค่แวบเดียวก็ขึ้นใจแล้วโว้ยย”

เสียงเอะอะของสองคนเพื่อนซี้ ทำให้โจรสังกัดเดียวกันที่อยู่ข้างๆ ตื่นขึ้นมาพอดี  คนเหล่านั้นตื่นได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ยังคงมึนหัวอยู่เพราะโดนตำรวจรมควัน  แต่แล้วชื่อชุดทีมชาติและหมายเลขก็ทำให้คนที่นั่งเงียบอยู่นานถึงกับโพลงขึ้นด้วยความไม่พอใจทันที

“ไอ้โปรตุเกตุเบอร์เจ็ด....ไอ้เจ็ทโด้นั่นน่ะเหรอ!

ซานโตสกับเลโซตกใจ  แต่ก็เอ่ยกลับไปให้หายข้อข้องใจ

“ใช่....มอโตร่าแกมีอะไร”

แต่คนโดนตอบกระฟึดกระฟัด “เอาอีกแล้ว! อย่าเรียกชื่อแม่! ข้าบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเรียกชื่อแม่....ไอ้พวก*!@#$%^&**((((_*%$...” คนที่ยืมชื่อแม่มาใช้ก็ด่าทอคำหยาบคายพรั่งพรูออกมาจนคนข้างๆ ตกใจในการด่าอันสละสลวยของฝ่ายนั้น

“ไอ้หยาบคาย” ซานโตสถอยห่าง(ดูเหมือนนอกจากลำดับความเป็นลูกพี่ลูกน้องแล้ว ซ่องมาเฟียนี้ยังจัดจำแนกกันด้วยลักษณะของคำพูดอีกด้วย)  แต่คนที่โดนด่าแม่บ่อยๆ กลับไม่สนใจแล้ววกกลับมาพูดเรื่องเดิมต่อ

“แล้วทำไม ถ้ามันเก่งอย่างที่แกว่า โค่นล้มรัฐบาลได้จริง แล้วทำไมจะต้องวิ่งหนีพวกข้าไปกับเพื่อนของมันด้วยล่ะว่ะ”

“อ๋อ เพื่อนของมัน....เป้าหมายที่หัวหน้าให้เราไปจับใช่ไหม?” เลโซออกความคิดเห็น 

“ใช่ ใช่ๆๆ คนนั้นล่ะ.....นี่มอโตร่าแกหัดใช้หัวคิดบางสิ ถ้าคนมันอยากจะล้างมือ ปกปิดไม่ให้คนอื่นรู้ถึงภูมิหลังของตัวเองแล้วมันจะแสดงอาการบอกคนอื่นเค้าไปทำไมว่าเมื่อก่อนมันเคยทำอาชีพอะไรมาน่ะ ฉันขอถามหน่อยซิ......โอ๊ย!

“บอกแล้วว่าอย่าเรียกแม่!

ซานโตสหัวโยก  และพวกเค้าก็เริ่มทะเลาะกันบนรถขนผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ที่สุดในรอบปีแห่งริโอ  รถเริ่มโคลงตัวแรงขึ้นเนื่องจากพวกที่ฟื้นขึ้นมา ร่วมตะลุมบอลกันด้วยทั้งคัน   และข้อมูลลับของคนที่เป็นความลับก็ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย............. 

ไม่มีใครรู้นอกจากทางการของหน่วยงานลับสหรัฐและนานาชาติ  และมาเฟียต็อกต๋อยระดับล่างเจ็ดแปดคนซึ่งยื้อหยุดกระชากหน้าของกันและกันอยู่

เป็นไปได้ไหมที่เรื่องนั้นจะเป็นจริง  และคนๆ นั้นก็ยังคงเก็บเงียบเรื่องของตัวเองอยู่ เพียงเพราะเค้าอยากลืมสิ่งที่ตัวเองเคยเป็น    ลืม....ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองนั้นเคยเป็นใครหรืออะไรมาก่อน

แล้วคุณล่ะ  เชื่อหรือเปล่า

เชื่อไหม  ว่าชายที่ใส่ชุดกัปตันทีมชาติโปรุเกตุเบอร์เจ็ดที่เพิ่งจะเป็นคนใกล้ชิดกับกัปตันทีมอาร์เจนติน่าในชุดเบอร์สิบนั้น จะเป็นคนๆ เดียวกันกับที่ได้กล่าวไปเมื่อครู่นี้

...........คุณล่ะ เชื่อหรือเปล่า..........


.


.


.


[จบเห๊อะ!!]


--------------------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยยยยย! >{}<  จบแล้วค่ะจบแล้ววววววว //ว. ล้านตัว  จะพิมพ์ก็เกรงใจรีดค่ะ 555//  ไรท์ขอร้องไห้ก่อนนะคะ TWT  จบแล้วอ่าจบแล้วววว  นี่ไรท์ลงเรื่องนี้มากี่เดือนคะเนี่ย  มีกิจกรรมดีๆ และมีรีดดีๆ ที่น่ารักเพิ่มขึ้นมาอีกกี่คนกันนนน  ฟิคเรื่องนี้สร้างความทรงจำอันมีค่าให้กับไรท์จริงๆ เลยค่ะ

รีดบอก....อย่าเพิ่งดราม่าไรท์  อิช่วงสุดท้ายนี่มันอัลไลลลลลล!? ตอบม๊าาาา >[]<

555555555555  ไรท์เองก็ด่าตัวเองเหมือนกันค่ะ  นี่เอ็งคิดจะทำอะไรเนี่ย  คิดจะพิมพ์อะไรไปก็พิมพ์ได้อย่างนั้นหรือ?  อร๊ายยยยย  กรี๊ดดดดดดด! >{}<  เฮีย...ฮะ เฮีย....//หายใจไม่ทัน//  เฮียเป็นสายลับค่ะ!  หน่วยงานพิเศษของรัฐบาลสหรัฐและนานาชาติ! >{}<  โอ้  เฮียขาาา  สุดยอดค่ะ! ><

โม้เป็นคู้เป็นแควมากเลยค่ะ  5555  Ray – Aund บ้าไปแล้ววววว  เขียนไรเนี่ยยย เฮียเค้าเป็นนักฟุตบอลและนายแบบ(?)แท้ๆ อยู่ก็ดีแล้ว  แต่ว่าไรท์ได้ดูหนังเรื่องหนึ่งค่ะ และก็กลับมาเปิดดูรูปเฮียกะเหมียวในคอม  แล้วไรท์ก็พบว่าตัวเองไม่สามารถละสายตาไปจากเฮียที่ทำหน้าตาจริงจังมีเสน่ห์นั้นได้เลยค่ะ  เฮียแบบ......ไม่น่าเกิดมาเป็นแค่นักฟุตบอลนะคะ  น่าจะเป็นอย่างอื่นที่ร่างกายเฮียได้ใช้งานด้วย(แน่ล่ะ  เป็นแฟนเหมียวล่ะอย่างหนึ่ง ชัวร์ๆ 555555) ไรท์ก็เลยเขียนพล็อตลงกระดาษแบบมือสั่นๆ เลยค่ะ //ไม่กล้าพิมพ์ใส่โน็ตในคอมไว้ค่ะ  เพราะมันเยอะเหลือเกิน  เป็นการกดดันตัวเองทางอ้อมด้วย -*-//

กระดาษแผ่นนั้นยังอยู่เลยค่ะ  ไรท์ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเขียน  สมองมันไบร์ทมากเลยค่ะตอนนั้น  บรรเจิดมากก  และบ้าบอมากเลยค่ะ  ลิงโลดเสียจนเฮียเราได้กลายเป็นเจ้าหนาที่สุดคาดคิดไปเลย 5555555  อันที่จริงเฮียเค้าเก่งเว่อร์แบบมีมาดนะคะ  แต่เค้าแอ๊บอยู่ค่ะ เลยไม่ค่อยจัดเต็มเท่าไร //โถ  นี่ขนาดแอ๊บ//   มักจะทำอะไรๆ ให้ดูเหมือนเรื่องบังเอิญมากกว่าค่ะ  พยายามปิดเหมียวเต็มที่  แต่ก็โถ อนิจจา  เหมียวน้อยๆ ไม่รู้อะไรเลยค่ะ TUT  ไม่ต้องลำบากปิดก็ได้นะคะเฮียย 555555  //เหมียวไม่รู้เหมียวมุ้งมิ้งค่ะ 555//

ฮาาาา  ก็จบไปแล้วค่ะสำหรับ Fic – Ronaldo x Messi ที่กินเวลาและมีเนื้อหายาวนานที่สุดเรื่องแรกของไรท์  และสร้างความประทับใจให้ไรท์อย่างยิ่งยวดมากมายจริงๆ ค่ะ  และรีดๆ ก็เช่นกันค่ะ  เรื่องทั้งหลายทั้งแหล่นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย  ถ้าไม่มีรีดๆ ค่ะ  รีดทุกท่านคอยกระตุ้นเตือนให้ไรท์รู้ว่ายังคงมีคนรออ่านฟิคเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ค่ะ  เพียงแค่การคอมเม้นท์ในเฟสบุ๊คเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้ไรท์รับรู้ได้แล้วค่ะว่า  มีรีดๆ รออ่านกันอยู่ และนั่นเป็นแรงผลักดันที่สำคัญของไรท์ค่ะ  เข้าเฟสไป ทักไรท์ได้  เม้นท์ไรท์ได้นะคะ  ไรท์ไม่กัดค่ะ  อยากมากกกก 55555 รีดไม่ต้องเขินนะคะ ^^

รักรีดทุกท่านมากเลยค่ะ //โอบกอด//  เราจะรักเฮียกับเหมียวไปด้วยกัน  และฟินไปด้วยกันตลอดไปนะคะ >///<  //ชูนิ้วก้อย//  และสำหรับจะมีอะไรต่อไปจากนี้หรือไม่ ก็ต้องติดตามค่ะ  รีดอยากทราบกันต่อไหมคะ?  555555  คะยั้นคะยอค่ะ  ไรท์ชอบบบบบบบ 55555 //เป็นคนพิกลนัก// 

อุ๊ย  รุ่นพี่เฟี้ยวเล่ม 2 เค้ามีข่าวว่าจะเปิด Word ด้วยล่ะค่ะ  มีข่าวมานะคะ  มีข่าวมา 555555  เล่ม 1 ตอบรับดีมากเลยค่ะ  และเล่ม 2 ก็อยากจะออกมาให้รีดๆ ได้ติดตามความอลเวงที่อบอวลอยู่รอบๆ ความรักของเฮียกับเหมียวต่อไปค่ะ  ขอกำลังใจกันหน่อยนะคะ >///<  //ซึ่งๆ หน้าเลยค่ะ 555//

นี่เฟสไรท์ค่ะ  >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  จิ้มๆ เลยค่ะ เอาไว้ติดตามข่าวสารต่างๆ ของฟิคไรท์นะคะ  //ถึงแม้บางครั้งไรท์จะไร้สาระก็ตามค่ะ -*- 555 //

รักรีดทุกท่านมากๆ เลยนะคะ  ขอบคุณจากหัวใจที่ไรท์มีเลยล่ะค่ะ  //จูบ// แล้วพบกันในเรื่องหน้านะค้าาาาา ><  //โบกมือรัวๆ//  ขอบคุณทุกท่านมากๆ เลยค่ะ...สวัสดีค่ะ

--- RonalSi จะอยู่ในหัวใจของเราไปตลอดกาล ---




ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund


วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 23] Your Heart...หัวใจนายเป็นของฉัน - Magnus x Alec



อ่าาาาาา  สวัสดีค่ะรีดๆ ทุกท่านทั้งหลายของไรท์ -3-  หายไปประมาณชาติภพเศษๆ เลยทีเดียวค่ะสำหรับ MaLec ของไรท์  แฮ่ๆๆ //หัวเราะแห้ง//  ขอโทษนะคะที่ไรท์หายไปนานเลยเรื่องนี้ ไรท์กะจะลง เฮียกะเหมียวให้เสร็จก่อนน่ะคะ  และตอนนี้ “เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี!” ก็ได้ปิดจอไปแล้วเรียบร้อยค่ะ  ต้องขอบคุณสำหรับการติดตามจริงๆ ค่ะ M_ _M  //เอ้ย  เดี๋ยว....นี่คนละเรื่องกันหนิ  แล้วเกี่ยวกันไหม?//

ปู้ดดด  ข้ามไปค่ะ ข้ามไป นี่ TMI เนอะ 555555 ^^  ถือว่าอัพเดตค่ะ 5555  และเนื่องด้วยหายไปนาน  เป็นเดือนเลยค่ะ  เพราะงั้นหากรีดท่านใดอยากให้ได้อรรถรสที่สมบรูณ์ต่อเนื่องก็รบกวนย้อนไปอ่าน Part 22 นะคะ ><  จิได้ต่อกัน

และ Part นี้  ที่ขาดไม่ได้ และห้ามลืมบอกเลยค่ะ.....Part นี้จะมีคนๆ หนึ่งปรากฏขึ้นมาค่ะ //พูดจาแปลกๆ เนอะไรท์//  เอาใหม่ค่ะ  ตอนนี้จะเปิดตัวละครใหม่ที่เป็นตัวละครเก่าค่ะ......?

อ๊ากกกกก  งงยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ TUT  งั้นเอาเป็นว่าเราไปอ่านกันเลยนะคะ  อย่าให้เสียเวลาอย่าช้าทีอยู่ใย  ไปหาคำตอบและไขความลับกันเลยค่าาาาา  >{}<


-----------------------------------------------------------------------------------------


ผมบึ่งไปคอนโด  แต่ก็ไม่รีบเท่าไรนัก และติดจะนึกภาพไม่ออกเสียด้วยซ้ำว่าผมจะทำหน้ายังไงใส่เอลซ่าดี  ผมคิดว่าเธอคงรู้แล้วว่า ผมคิดอะไรอยู่ในใจเกี่ยวกับเรื่องพิรุตของเธอในวันนั้น  และใช่ ผมจะไม่หลอกตัวเองอีกแล้ว

ผมจอดรถในที่จอดรถส่วนตัวแล้วขึ้นลิฟต์อย่างกระตือรือร้นนิดๆ  ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร  ทั้งๆ ที่เอลซ่ามีเปอร์เซ็นที่จะทำเรื่องไม่คาดฝันเป็นอย่างมากในสภาพจิตใจเช่นนั้นแต่ผมก็คิดถึงเธอน้อยกว่าอเล็คมาก  ถ้าทำได้ผมคงจะตัดสินใจอยู่กับอเล็คต่อ และบอกสิ่งที่อยากบอกกับอเล็คไป.........ผมคำนึงในใจ มันจะสายเกินไปรึเปล่านะ?  มันจะสายเกินไปไหม ถ้าผมเพิ่งได้รู้ถึงความรู้สึกตัวเอง

และใช้เวลาไม่นานเลย  ลิฟต์ก็มาหยุดอยู่ที่ชั้นของผม  ผมเดินออกไปและเห็นเอลซ่ายืนร้องไห้กับประตูห้องของผมอยู่ อนึ่งเหมือนบานไม้แข็งๆ นั่นเป็นอกของผม  และทันทีที่เห็นผม  เอลซ่าก็รีบวิ่งเข้ามาซุกหน้ากับอกจริงๆ ของผมอย่างรวดเร็ว  ผมจับไหล่เธอให้ผละออกมา ก่อนผมจะเปิดประตูห้องพร้อมเชิญเธอเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น?” ผมว่า ในขณะที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดและเอลซ่านั่งอยู่บนตัวถัดไป  หน้าของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยการละลายตัวของมาสคาร่า  ผมไม่เคยเห็นเธอลุคนี้มาก่อนเลย และติดจะตกใจนิดๆ ...............ก็เธอไม่เคยปล่อยตัวอย่างนี้เลยนี่นา

เอลซ่าขยำกระโปรง  และเบะปาก “ฉันรู้สึกแย่....” เธอเอ่ยสั้นๆ และใบหน้าดูรวดร้าว  ผมจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ เพราะผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกกับเธอเช่นไรดี

“แย่กับอะไรงั้นหรือ” ผมเอ่ยถาม  ดูตรงไปตรงมา  แต่แล้วจู่ๆ เอลซ่าก็ย้ายมานั่งข้างๆ ผมแล้วกุมมือผมไว้  เล็บสีหวานของเธอครูดกับมือของผม

“แม็กนัส...” เธอร่ำร้อง “.....ฉันคิดถึงคุณ” เธอทำหน้าปวดใจ อย่างตอนที่แสดงหนังดราม่าเรื่องล่าสุด  ผมนึกอยากตบหน้าเตือนสติตัวเองในใจซะให้ได้.....นี่เธอกำลังดูเดือดร้อนอยู่นะ ผมคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่เนี่ย

ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป และเอลซ่าก็ยังคงเข้าประชิดตัวผมต่อไป “ฉันรักคุณแม็กนัส.....โอ้ ฉันรักคุณมากเหลือเกิน” เธอบอกรักผม  แต่ทำไมถึงต้องทำหน้าเหมือนผมกำลังจะบอกเลิกเธออย่างนั้นด้วยนะ  และผมก็ไม่เข้าใจการกระทำของเธอว่าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่.........

“โอ อะ เอ่อ...” ผมถอยเพราะโดนเธอเบียด  และอยากให้เธอหยุดทำมันซะ “ทำไมคุณถึงไม่เข้ามานั่งรอในห้องล่ะ” ผมเอ่ยถามออกไป  เพื่อให้เอลซ่าหยุดทำแบบนั้นซะ และมันก็ได้ผล  เอลซ่านิ่งไปและตอบอย่างปรกติ

“ฉันจะเข้ามาได้ยังไงกัน  ฉันยืนรอคุณอยู่หน้าห้องตั้งนานแหนะ” เธอทำเสียงสะอิกสะอ้อยอีก  แต่ผมกลับงงจัด

“ไม่ใช่ว่าคุณเข้ามาเมื่อไรก็ได้ไม่ใช่หรือ” ผมว่า และเงียบไป  เช่นเดียวกับเอลซ่าที่ชะงักค้าง  ผมเห็นเธอหลุบตาก้มมองต่ำแล้วกลอกไปมาคลายกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง  ก่อนคนที่จับมือผมจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วจิกมือของผมอีก

“ฉันรักคุณแม็กนัส!  ฉันไม่อยากห่างจากคุณเลย  ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณ” เอลซ่าพูด  และมันทำให้ผมรู้สึกอยากจะพิสูจน์ขึ้นมาเสียแล้วสิ

ผมกล่าวเสียงเรียบ “งั้นคุณให้คำตอบเรื่องไวน์ขวดนั้นกับผมได้ไหม” ผมพูดและทำให้เธอทำท่าทีแปลกๆ นั่นอีก  กระทั่งเอลซ่าตัดสินใจกรีดร้อง

“มันเป็นเรื่องผิดพลาด  ฉันไม่ได้ตั้งใจ.....” เอลซ่าทำตาโต  คล้ายกับว่าเธอเพิ่งหลุดปากในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา

“มันเป็นของคุณจริงๆ ใช่ไหม?” ผมผงะ  ก่อนจะแกะมือตัวเองออกมาแล้วขยับถอยห่างโดยอัตโนมัติ............และหัวใจผมเหมือนโดนเสียดแทง  ความเจ็บจี๊ดแล่นเข้ามาหาหว่างคิ้ว

ผมไม่เข้าใจ  ทำไมเธอจะต้องทำแบบนี้ด้วย

เอลซ่าละลำละลัก “สาบานได้  ฉันไม่ได้.....มันไม่ใช่ของฉันจริงๆ นะ  ที่ฉันมานี่ก็เพื่อให้คุณมั่นใจ และบอกให้คุณรู้ว่าฉันรักคุณ” มือที่เต็มไปด้วยเล็บซึ่งเคยจิกผมนั้นเอื้อมออกมา หมายจะจับเข้าที่แก้มของผม  แต่ผมปัดออกอย่างเบามือ

ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำแบบนี้

“แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะทำแบบนี้” ผมไหวไหล่ เหมือนสมเพสตัวเองที่ทำตัวโง่เง่า

เอลซ่าบีบน้ำตาอีก “แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น  ฉันทำไปก็เพื่อคุณนะ......”

“ด้วยการวางยาผมอย่างนั้นหรือ?!” ผมผุดลุกขึ้น  สองมือกำแน่นเมื่อแน่ชัดแล้วในข้อสงสัยของตัวเอง

“ได้โปรดเถอะอภัยให้ฉันด้วยแม็กนัส  มันไม่ใช่ความคิดฉัน....ฉัน  ฉันถูกชักจูง! คุณก็รู้ว่าฉันโดนชักจูงง่ายเสมอ  มีคนเกลี้ยกล่อมให้ฉันทำ!” เธอเอ่ยถึงความใสซื่อของตัวเอง  ที่วันนี้ผมเพิ่งจะได้รู้แล้วว่าเธอเองก็ไม่ได้ใสซื่อเป็นเพียงอย่างเดียว

“ใครจะบอกให้คุณทำ! ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่เก่งไปซะทุกอย่าง อย่างคุณจะไม่ยอมคิดถึงผลที่จะตามมาในอนาคตหรอกนะ” ผมยกมือขึ้นแล้วอ้าแขนออก

“ฉันเปราะบาง” เธอเอ่ยเสียงน้อย ราวกับขอความสงสารจากผม  และลุกขึ้นมาหาผมในที่สุด “มีหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับฉัน  นอกจากจะถูกชักจูงง่ายแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่คุณต้องศึกษาฉัน  และฉันก็ไม่เคยรู้จักคุณมากกว่าตอนที่เราเจอกันเลย” เธอว่า เหมือนกำลังจะบอกว่าผมเป็นคนผิดเสียอย่างนั้น ที่ไม่เข้าใจเธอ

ผมไม่เข้าใจผู้หญิงเลย  โดยเฉพาะเอลซ่าในตอนนี้

“ยังมีอะไรที่คุณจะต้องรู้จักผมอีกงั้นหรือ?” ผมทำเสียงเหมือนกลั้นขำ เพราะให้ตาย  ใครกันล่ะที่แอบเข้ามาในห้องผมแล้วทำความสะอาดให้แทบทุกคืนจนผมไม่ต้องเรียกใช้บริการของแม่บ้านเลย  ยกเว้นช่วงหลังๆ มานี้

แต่เธอกลับโพล่งขึ้นเสียงดัง “โอ้ แม็กนัสที่รัก! แค่ตู้เย็นของคุณฉันก็ยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงไหนกันแน่น่ะ!  เห็นมันเป็นสี่เหลี่ยมๆ ดำๆ เหมือนกันไปหมด” เอลซ่าโบกไม้โบกมือ  แต่ผมค้าง........

เธอว่าอะไรนะ?.........

เธอกำลังพูดเหมือนเธอไม่ได้เป็นคนเข้ามาในห้องผมอย่างที่เป็นบ่อยๆ  แล้วใครเป็นคนจัดระเบียบความสะอาดสะอ้านในห้องของผมและทำอาหารให้ผมกัน?!

ผมนิ่งไป  รู้สึกชาถึงครึ่งตัว  ใบหน้าของผมเสไปทางอื่นอย่างขบคิด   ก่อนจะหันกลับมาหาเอลซ่าอย่างไม่รีบร้อน  ผมพูดช้าๆ “เรื่องนั้น คุณก็ไม่ได้บอกด้วยใช่ไหม” เอลซ่าทำหน้างุนงง และผมก็พูดต่อไป “ที่คุณไม่ยอมทำอาหารหรือทำอะไรๆ โดยที่มีผมอยู่ก็เพราะว่าคุณไม่ใช่คนทำมันอย่างนั้นหรือ” ผมตั้งคำถามและนึกถึงกระดาษโน็ตรูปแมวสีดำน่ารัก หลายต่อหลายใบที่ลงชื่อเธอ.........

หลังจากผมเอ่ยจบ  เธอก็ทำหน้าเหมือนโดนแทงจากข้างหลังแล้วยกมือขึ้นปิดปากของตัวเอง.........ท่าทางเอลซ่าเหมือนกำลังช็อค  แต่มันไม่ถูกหรอก  เป็นผมเองเสียมากกว่าที่จะต้องช็อค เพราะโดนแฟนสาวโกหกมาโดยตลอด

และเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกเหมือนโดนเสียดแทง “ผมไม่คิดว่าคุณจะ.....”

“แต่ฉันทำไปก็เพื่อคุณ!  เพราะฉันรักคุณ! ฉันก็เลยต้องทำทุกอย่าง.....ออกรับทุกอย่างที่จะมัดใจคุณได้!” เอลซ่าพูดขัดประโยคของผมอย่างร้อนใจ  เธอดูเหมือนพร้อมแลกกับทุกอย่างเพื่อให้ผมยังคงรักเธอต่อไป  “เพราะว่าคุณชอบ  คุณดูมีความสุขเมื่อพูดถึงสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ  มันเลยทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียคุณไป!  ฉันเลยต้องทำแบบนั้น  พูดคำว่า อ่อใช่ ฉันเป็นคนทำเอง  เพื่อให้คุณยังคงรักฉันต่อไป”

“นั่นหมายถึงการโกหกผมมาโดยตลอดหลายปีอย่างนั้นหรือ” ผมทำหน้าเจ็บปวดใจ  และเอลซ่าก็สังเกตเห็น

เธอทำร้ายหัวใจผมได้อย่างร้ายกาจ

และผมก็เกลียดคนโกหกเอามากๆ เลยด้วย

เอลซ่าชักสีหน้าประหลาดใจกับตัวเองแล้วมีทีท่าราวกับว่าหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ควรเอ่ยออกมาเสียแล้ว...........เธอดูเป็นคนละคนกับที่ผมเคยรู้จัก  ดูหวงแหน  ดูอ่อนแอ  และดูบ้าคลั่ง  เธอเอาแต่ให้เหตุผลกับผมด้วยเสียงโวยวายและกรีดร้องเมื่อผมพูดเรื่องที่เธอเสแสร้งขึ้นมา  และใช่ มันเป็นเรื่องจริง  ที่เธอพูดว่า เรายังต้องศึกษากันอีกมาก............

เอลซ่าเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่เป็นเจ็บปวดอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือเดินเข้ามาหมายจะสัมผัสหน้าผม “โอ้ แม็กนัส......”

แต่ผมถอยหนี  เธอจึงหยุดเอ่ยปาก

ผมคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเธอจะทำกับผมได้ “เอลซ่า” ผมพูด  จ้องมองใบหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่อนลง “เราเลิกกันเถอะ” ผมประหยัดคำแต่ทว่าทำให้เธอแสดงอัปกิริยาได้อย่างมากมายนัก

อดีตแฟนสาวของผมทำหน้าไม่เชื่อหูของตัวเอง อย่างที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน  ดวงตาของเธอเหลือกออกจากกัน “อะไรนะ?.....คุณ คุณว่าอะไรนะ” ก่อนนิ้วมือที่เรียงตัวเต็มไปด้วยเล็บยาวสีหวานสวยของเธอจะถ่างออกจากกันแล้วหยิกงอ  ใบหน้าของเธอแสดงอาการเหมือนเพิ่งโดนตบ

เอลซ่ากรีดร้องจนผมเกือบตกใจ “คุณพูดอะไรออกมา!  เห็นความรักของฉันมันไม่มีค่ารึไงจะมีใครรักคุณเท่าฉันไหม.....ไม่  ไม่มีใครรักและอยากอยู่ใกล้คุณเท่าฉันอีกแล้ว!” เธอเป็นบ้าอะไรน่ะ  โอ้ พระเจ้า

“ผมต้องการคนที่รักผมเพราะตัวจริง  ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงหรือเงินทอง  ผมไม่สนว่าใครจะอยากอยู่ใกล้ผมมากที่สุดหรือชื่นชอบผมมากที่สุดหรอกนะ  ที่ผมต้องการคือคนที่เข้าใจผม  และเห็นชัด...ว่าคุณไม่ใช่คนๆ นั้นเอลซ่า” ผมพูด และยักไหล่เล็กน้อย  พยายามทำให้ประโยคชี้แจงนั้นดูเล็กน้อยที่สุด

แต่เธอก็ยังคงโวยไม่เลิก  คราวนี้เอลซ่ากรีดกรายนิ้วที่ขึ้นรูปหงิกงอของตัวเอง วาดไปบนอากาศ  รอบศีรษะของตัวเองอย่างหัวเสียมากและมองขึ้นไปด้านบน  ก่อนจะหันมาสนใจผมที่เพิ่งบอกเลิกกับเธอ แล้วเดินหน้าเข้ามาหาผม “เพราะไอ้เด็กนั่นใช่ไหม?เพราะเจ้าเด็กตาสีฟ้าคนนั้น....เป็นเพราะมัน คุณเลยไม่รักฉัน!  คุณเลยทิ้งฉันไป!

เธอกู่ร้อง  และผมก็ฉุนขาด “อเล็คอายุน้อยกว่าผมแค่สองปี  และอีกอย่างเค้าไม่ใช่เด็กแล้วด้วย” ผมว่าเสียงแข็ง ก่อนจะจับไปที่ข้อมือของเอลซ่าซึ่งตรงเข้ามาหาผม  และผมก็ไม่ชอบเป็นอย่างยิ่งที่เธอพูดถึงอเล็คแบบนั้น 

ผมสะบัดมือเธอออก “เค้ายังน่าคบมากกว่าคุณเสียอีก” 

กรี๊ดดดดด!” เธอกรีดร้องเหมือนโดนน้ำกรดสาดหน้า  แล้วผมก็ถอยหนี “ฉันเกลียดมันนน!

“โอ้ พระเจ้าเอลซ่า.....คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ” ไม่....นั่นเธอบ้าไปแล้ว  ผมเคยคบกับผู้หญิงที่มีอาการทางจิตมากขนาดนี้เชียวหรือนี่  และมากเกินพอแล้วสำหรับการแสดงของเธอผมจึงบอกปัด ประกาศออกไป “ผมว่าเราไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้วล่ะ  คุณกลับไปได้แล้ว  เรื่องที่คุณโวยวายวันนี้ผมจะลืมมันไปซะและไม่บอกเรื่องนี้กับสื่อมวลชน”

ผมดันเธอออกไปอย่างสุภาพ  แต่เอลซ่าก็ตบแขนผมแล้วสะบัดออก “คุณหมายความว่ายังไงคุณจะทิ้งฉันไปหาไอ้หมอนั่นอย่างงั้นหรือ แม็กนัส   เบน!” เอลซ่าง้างมือจะตบผมทันทีที่จบประโยคอันแสนจะกรีดแทงเยื่อแก้วหูนั้นของเธอ  แต่ทันใดนั้นผมก็รับฝ่ามือของเธอไว้ แล้วจับมันบีบแน่น  ผมกดเสียงต่ำลงอย่างเย็นยะเยียบ

“ใช่  ผมรักเค้า”  ผมเอ่ยชัด  ก่อนจะลากเธอไปที่ประตู ท่ามกลางเสียงโวยวายและความไม่ยินยอมพร้อมใจนั้น  ผมก็เหวี่ยงเธอออกจากประตูห้องไป

“ผมเสียใจจริงๆ ที่หลงไปรักคนอย่างคุณ...” ผมกล่าวจากใจ  ก่อนผมจะส่ายหน้าน้อยๆ อย่างนึกสมเพสทั้งตัวเอง และสภาพของเอลซ่าในตอนนี้ที่ดูแทบไม่ได้เลย

“บ้า! คนบ้าเอ้ยรู้ไหมว่าฉันน่ะมีคนหลงใหลมากมายแค่ไหนทำไมถึง.....”

ปัง!

ผมปิดประตูใส่หน้าเธอและเสียงก็เงียบไป หลังจากถูกกลืนกินด้วยประตูเก็บเสียงของผม จนไม่มีเสียงใดสามารถเล็ดรอดออกมาได้  ผมหมดแรงไปเลย   ในเวลานั้นผมทรุดตัวลงกับบานประตูและรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ เมื่อเอลซ่าออกแรงทุบใส่ประตูซึ่งแข็งแรงของผม  แต่ก็เป็นอย่างนั้นไปได้ไม่นาน  มันก็หายไป  อาจเป็นเพราะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาตรงทางเดินนั้น  เห็นเธอเข้า  เอลซ่าจึงต้องยอมล่าถอย  เธอคงจะไม่อยากให้คนอื่นๆ มองเธอเป็นอื่นไปแน่นอน............คนพวกนั้นก็เหมือนกับผมที่หลงคิดไปว่าเธอใสซื่อและน่ารัก  แต่มันไม่ใช่เลย  ไม่ได้ใกล้เคียงกับตัวตนที่แท้จริงของเธอเสียด้วยซ้ำ

ผมรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว  ภาพและความรู้สึกที่ผมมีร่วมกับอดีตแฟนสาวลอยเข้ามา และสุดท้ายนั่นคือภาพของอเล็คที่ผมทำใจแข็งเมินเฉยใส่เค้ามาโดยตลอด........ภาพของอเล็คพรั่งพรูออกมา  และที่ผมเสียใจที่สุดคือผมนับไม่ได้แล้วว่าผมทำร้ายจิตใจเค้าไปมากมายกี่ครั้งแค่ไหนกัน

ผมนี่มันบ้าที่สุด  น่าสมเพสชะมัดที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีอะไรอยู่ข้างกายตลอดเวลา  จนกระทั่งผมกำลังจะเสียเค้าไป...........

ผมมันโง่ที่สุด

และตอนนี้ผมต้องการเวลา.....เวลาที่ผมจะลบภาพของเอลซ่าออกจากใจ  มันคงจะทำได้ไม่ยากนัก เพราะเธอไม่ใช่คนที่น่าจดจำอะไรเลย  ผมคิดว่าตอนนี้ผมอยากพัก  ผมควรจะพักผ่อนให้ทุกอย่างได้เริ่มใหม่  และผมคงไปพบอเล็คในสภาพอย่างนี้ไม่ได้แน่นอน  แต่ผมจะไปหาเค้าแน่..........ผมจะไปหาอเล็คและบอกเค้าว่าผมคิดยังไงกับเค้า


***********************************************************************


เป็นเวลาย่ำค่ำแล้วของมหานครที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้...............

อเล็คซานเดอร์   ไลต์วู้ด กำลังนั่งเช็ดผมซึ่งเกาะพราวเต็มไปด้วยหยดน้ำ หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งจะได้อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จไปเมื่อสักครู่นี้นี่เอง  ร่างบางสวมเสื้อสเวตเตอร์ตัวโคร่งทับกับเสื้อยืดสีเทาตัวบางซึ่งหากจะสังเกตไปแล้วมันก็ยังดูเหมือนจะใหญ่เกินไปสำหรับตัวเค้าอยู่ดี

.........อเล็คยังคงไม่ยอมใส่เสื้อแขนสั้นธรรมดา  เพราะร่องรอยที่แม็กนัสได้ฝากไว้ยังคงปรากฏชัดอยู่อย่างชัดเจน..........

อเล็คไม่กล้า  เค้ารู้สึกกลัวและโดดเดี่ยว  ซึ่งหากจะเอ่ยจริงๆ แล้วหลังจากที่แม็กนัสไปหาเค้าที่บ้านของพ่อกับแม่นั้น  อเล็คก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก.......ดีใจหรือ?  ใช้คำนี้ได้รึเปล่านะ  ใช่ ดีใจ คำนี้ล่ะที่บ่งบอกถึงความรู้สึกของร่างบางได้อย่างถูกต้องที่สุดในขณะนั้น

และพอกลับมาถึงห้องพักเก่าๆ แถมเล็กเป็นรังหนูของเค้า เพื่อนร่างสูงก็พูดจาแปลกๆ  เอ่ยในสิ่งที่คาดไม่ถึงกับเค้า  อเล็คก็เริ่มตามไม่ทัน  จนกระทั่งก่อนไปแม็กนัสได้ฝากรอยจูบไว้กับเค้าและทำในสิ่งที่เป็นเหตุให้อเล็คต้องหัวใจไหวสั่น.......ร่างบางรู้สึกสับสนในที่สุดจากสัมผัสของริมฝีปากอุ่นร้อนคู่นั้น  แต่ทว่าเมื่อแม็กนัสกลับไปแล้ว  ความรู้สึกราวกับถูกว่าคุ้มครองอันไม่มีที่มานั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เปรียบเสมือนกับได้ปิดไฟในหัวใจของเค้าไป

จู่ๆ ร่างบางก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาโดยไม่สามารถหาสาเหตุได้.........เหมือนกับวันแรกที่รู้ว่าแม็กนัสมีแฟนและพยายามทำตัวออกห่างจากเค้า

อเล็คส่ายหน้า  นึกภาวนาในใจขออย่าให้เป็นเพราะว่าเค้ายังรักแม็กนัสเหนี่ยวแน่นเช่นเมื่อก่อน  ดังนั้นร่างบางจึงได้คิดหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง...............

...........หรือเค้าอาจจะรู้สึกอ้างว้างไปเอง  เพราะตัวเค้าเองนั้นกำลังจะจากที่นี่ไป.............

จากคนที่เคยรู้จัก และรักเช่นครอบครัว  เพื่อนๆ ในร้านลาเฟ่ต์  บรรดาลูกค้าที่ชื่นชอบรอยยิ้มบางๆ ของเค้า  และอีกหลายๆ อย่างที่อเล็คเองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารัก.......ว่าเค้ารักความทรงจำดีๆ เหล่านั้นมากมายแค่ไหน

และอเล็คก็รักแม็กนัสด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ท้ายที่สุดร่างบางแสนอ่อนโยนและเปราะบางคนนี้ก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงนั้นได้เลย  ว่าเค้ารักแม็กนัส.........

ร่างบางหยุดมือที่กำลังถือผ้าขนหนูลง แล้วโปะมันไว้บนศีรษะแทน  อเล็คเม้มปากเป็นเส้นตรง..........ดูสิ ว่าเค้ามีอะไร  เค้าตกงาน  มีห้องพักเล็กๆ  และเงินติดบัญชีที่ไม่นานก็คงจะต้องถูกแม่ถอนไถ้ไปใช้จนหมดแน่ๆ อย่างไม่มีข้อสงสัย (และใช่  ถ้าหากเค้าคิดจะเปิดร้าน ครอบครัวก็จะต้องเกิดข้อกังขา ก่อนจะตั้งคำถามอย่างดูแคลนตามมาเป็นพรวน.....”จะไปรอดหรืออเล็ค?” แม่ของเค้าจะต้องพูดแบบนั้นแน่  นั่นเป็นสัญญาณซึ่งหมายความว่าทุกๆ คนจะไม่เห็นด้วย อเล็คไม่ชอบเลยที่คนในบ้านชอบจับตามองเค้า)

และแม็กนัสล่ะ  มีอะไร  เพื่อนร่างสูงของเค้ามีงานดีๆ ที่ได้ค่าตอบแทนอย่างมหาศาล  มีเงินให้ใช้อย่างไม่ขาดมือ เผลอๆ จะเหลือเฟือเผื่อคนอื่นเสียด้วยซ้ำ  และแม็กนัสก็มีห้องพักที่แพงที่สุดในย่าน มากเกินกว่าที่ใครๆ จะจ่ายไหวนั่นอีกด้วย

“ฉันกับนายเราอยู่คนละโลกกันเลยรู้ไหม” อเล็คเอ่ยถึงบุคคลซึ่งไม่อยู่ที่นี่ แต่คล้ายกับว่าเค้ากำลังรำพึงกับตัวเองเสียมากกว่า  และนั่นคือเหตุผลหลักว่าทำไมร่างบางจึงมีความต้องการที่จะย้ายกับไปอยู่บ้านเก่าของตระกลู

สีหน้าอเล็คดูเศร้าหมอง  วันพรุ่งนี้เค้าจะเริ่มเก็บของในห้องนี้แล้วค่อยโทรบอกลาแม็กนัสทีหลัง  เมื่อเค้าพร้อมออกเดินทางก็แล้วกัน.......นั่นมันเป็นการดีสำหรับเค้าที่สุดแล้ว

และร่างบางก็คงจะเริ่มจากชั้นหนังสืออันแสนหวงแหนของเค้าก่อนเป็นแน่..........สเวตเตอร์สีอ่อนร่นลงมาจากหัวไหล่บางเล็กน้อย เป็นเหตุให้เห็นเสื้อยืดเนื้อบางเบาซึ่งปกคลุมกายขาวอยู่ด้านใน  อเล็คกำลังวางแผนเรื่องการจัดวางหนังสือเข้ากล่องอย่างไรจึงจะสามารถรักษาสภาพของมันเอาไว้ได้ดีที่สุด  ในขณะที่บานประตูสีเขียวอ่อนของเค้าถูกเคาะจนเกิดเสียงขึ้นเบาๆ พอให้เค้าสามารถได้ยินได้

เสียงที่หน้าประตูดังขึ้นอย่างสุภาพ  อเล็คฉงนเล็กน้อยก่อนจะเร่งเดินไปเปิดประตูนั้นเพื่อไม่ให้เสียมารยาทจากการปล่อยให้แขกที่หน้าห้องต้องรอนาน  และทันทีที่ร่างบางเจ้าของห้องได้หมุนลูกบิดเก่าๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคไปในสมัยที่มีนักล่าปีศาจนั้นออก แล้วเปิดประตูจนปรากฏกายของแขกผู้มาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้ให้เจ้าของห้องได้เห็น

............เป็นใครไปไม่ได้เลย..........

อเล็คระบายยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  และคนๆ นั้นก็เอ่ยทักทายอย่างสุภาพเช่นทุกครั้ง

“สวัสดีอเล็ค” คาร์ลยิ้มอย่างอ่อนโยนและไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม  แว่นหน้าเตอะของเค้ายังคงสะอาดเอี่ยมราวกับว่าเพิ่งจะแกะกล่องออกมาใช้ใหม่

ร่างบางซึ่งโดนทักทายเหยียดยิ้มกว้างขึ้นอีก แล้วเอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างสงสัย “มีอะไรหรือครับ  วงจรของผมมีอะไรผิดปรกติสะกิดความรู้สึกคุณอีกแล้วหรือ” อเล็คถามเสียงน่ารักอย่างยิ่งในความรู้สึกของหนุ่มไฮสคลูผู้มาเยือน  คาร์ลหัวเราะในลำคอเล็กน้อย

และชายหนุ่มผู้สวมเสื้ออย่างมิดชิดก็เชื้อเชิญตามมารยาท “คุณเข้ามาก่อนสิ....ผมคิดว่าผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกคุณ” เค้าว่าก่อนจะหมุนตัวบนสันเท้าแล้วเดินนำเข้าไปในเขตห้องของตนเอง  คาร์ลซึ่งถูกเชื้อเชิญเดินตามเข้า แต่ทว่า.........

“ผมเสียใจจริงๆ ที่คงจะต้องบอกกับคุณว่าผมไม่สามมารถเปิด......” เสียงเจื้อยแจ้วแต่ทว่าแฝงด้วยความเศร้าอย่างน่าใจหายของร่างบางนั้นขาดหายไป  และตัวเค้าเองก็รู้สึกแสบที่จมูกอย่างรุนแรง

ลูกชายคนโตแห่งตระกลูไลต์วู้ดสัมผัสได้ถึงสิ่งที่โอบรัดรอบตัวเค้าไว้  ซึ่งมันสอดเข้ามาจากทางด้านหลังและมาพร้อมกับอาการแสบจมูกที่เค้ารู้สึก  อเล็คพยายามดิ้น  สะบัดตัวเองออกจากการเกาะกุมแม้จะไม่แน่ใจในที่มานัก  แต่ทว่าแขนซึ่งโอบรัดร่างกายของเค้าไว้กลับแน่นขึ้น........มันแข็งแรงเป็นอย่างยิ่งอย่างน่าเหลือเชื่อ

อเล็คจิกมือไปที่ฝ่ามือซึ่งประกบบางอย่างใส่จมูกของเค้าอย่างไร้ประโยขน์  ในเมื่อมันไม่มีทางคลายออกได้เลย  อเล็คดิ้นอย่างสุดแรงเกิด และภาพสุดท้ายที่เค้าเห็นคือชั้นหนังสือที่เค้าคิดจะเก็บลงใส่กล่องเป็นอย่างแรก

สวัสดีอเล็ค” ชายผู้ที่มีร่างบางซึ่งหมดสติลู่ไหลอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองพูดขึ้น เสียงฟังดูทุ้มต่ำและเยียบเย็น  คาร์ลแสยะยิ้มมุมปาก.........ถึงไม่บอกผมก็รู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร

คาร์ลเคยบอกชื่อจริงของเค้ากับใครไปไหมนะ?

.........ไม่  ไม่เคยบอกหรอก  ว่าชื่อจริงของเค้าน่ะ

คือ มิคาเอล   คอว์ส...........


.


.


.


TBC.


-------------------------------------------------------------------------------------------------


ฮร๊ายยยยยยยยยย  อย่าทำอะไรอเล็คนะ >< !!  ห้ามๆๆ  จิฟ้องแม็กนัสนะคะ  อย่าเลยเชียว  อย่าทำอเล็คนะ

เค้าออกมาแล้วค่ะ  คนที่ไรท์ชอบและเก็บงำมาโดยตลอดค่ะ(?) //เดี๋ยว Part รีดก็จะว่าแกประหลาดปนน่าสะพรึงที่ชอบเค้า -=-//  55555  งั้น Part หน้าเป็นต้นไป  ไรท์ไม่ชอบเค้าแล้วก็ได้ค่ะ -..-  5555+  //Ray – Aund สองใจ//   ชอบไม่ชอบก็เม้มท์ๆ กันด้วยนะคะ  อยากอ่าน Part ต่อไปรึเปล่าเอ่ย??  ฮาาาา  รอติดตามกันด้วยนะคะ  เรื่องนี้ก็กำลังจะได้ลงจอ  เอ้ย! ปิดจอเหมือนกันกับเฮียเหมียว เค้าแล้วล่ะค่ะ >///<  และเร็วๆ นี้ ไรท์กำลังจะปิดจองรวมเล่มของเรื่องนี้ค่ะ  คู่นี้เลยประเดิมคู่แรกของชีวิตไรท์ค่ะ

[FIC - TMI] Your Heart...หัวใจนายเป็นของฉัน - Magnus x Alec  PreeOder…Is Coming Soon!

กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำและเรียบเรียงค่ะ  ซึ่ง!  ในรวมเล่มของไรท์นั้นจะมี Nc สมานแผลใจของอเล็คด้วยค่ะ  อะ 5555! ฮี่ๆๆๆๆ!  (และ Nc อื่นๆ ตามมาอย่างมากมาย  กระจายค่ะงานนี้ 5555) ก็....รีดก็คงจะชอบกันค่ะ  เป็น Nc MaLec อีกแนวหนึ่งที่รีดยังไม่เคยได้อ่านแน่นอนค่ะ  พร้อมทั้งตอนพิเศษต่อจากตอนจบของเรื่องนี้ด้วยค่ะ  ไรท์จะแต่งต่อเป็นเรื่องราวหลังจากที่เค้าตกลงปลงใจกันได้แล้ว  และจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกค่ะ!  

แต่ไม่ได้เครียดหรือลุ้นจนรีดตัวโก่งหรือปวดหัวกันหรอกนะคะ  ในตอนพิเศษ...ซึ่งคาดว่ายาวแน่ค่ะ  ไม่ได้มีแค่ 20 หน้า -*-.....ก็จะมีเรื่องราวน่ารักกุ๊กกิ๊กของแม็กนัสกับอเล็คด้วยค่ะ >///<  น่ารักและหวานเว่อร์มากค่ะ  เป็นมุมหวานๆ ของสองคนนี้เนอะ^^  รวมเล่มชุดนี้ไรท์ตั้งใจทำมากๆ เลยค่ะ  ถึงยังไม่ได้ออกมาเป็นเล่ม  แต่ตอนนี้ก็เป็นรูปเป็นร่างแล้วค่ะ  ไรท์ออกแบบรูปเล่มแล้ว  และคิดของแถมไว้แล้วค่ะ ^^  ช่วยไรท์อุดหนุนหน่อยนะคะ   ขอให้เป็นความประทับใจแรกของการรวมเล่มครั้งแรกในชีวิตของไรท์ด้วยนะคะ M><M  รบกวนรีดๆ ช่วยรับพิจารณาด้วยนะคะ ><!!  

และไรท์จะออกมาเปิดเผยเรื่องรวมเล่มตอนไหนนั้น  ติดตามได้ใน เฟสบุ๊คของไรท์เลยค่ะ 

>>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  จิ้มได้เลยค่ะ ^^

 ขอบคุณรีดทุกท่านสำหรับการติดตามนะคะ  รักรีดทุกท่านมากๆ เลยค่ะ ><

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund