ฮร๊ายยยยยยยยยยยยยยย
ง่อวววววววววววว Part สุดท้ายมาแล้วค่ะ
>< มาแล้วค่ะ ถึงจะมาช้า แต่มาชัวร์ค่ะ ฮี่ๆๆๆ มาถึงบทสรุปและตอนจบของเรื่องกันแล้วค่ะ บอกตามตรงค่ะ ไรท์ประทับใจมากๆ เลยค่ะ ที่เขียนเรื่องนี้และมีรีดๆ
ค่อยให้กำลังใจและติดตาม........ขอบคุณรีดสักพันครั้งก็ยังไม่พอ
หวังว่าทุกท่านคงจะพอใจไม่มากก็น้อยสำหรับฟิคเรื่องนี้นะคะ
>< และขอบคุณอีกครั้งสำหรับกำลังจากทุกๆ
ท่านค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นคอมเม้นท์ในบล็อกก็ดี
คอมเม้นท์ในเฟสบุ๊ค หรือแชทก็ดีค่ะ
ไม่เพียงแค่กล่าวถึงเนื้อเรื่องเท่านั้น
รีดบางท่านยังให้กำลังใจในยามที่ไรท์ท้อแท้อีกด้วยค่ะ >< ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ไรท์จะไม่ลืมเลยล่ะค่ะ ^^
และตอนนี้เฮียกับเหมียวรอรีดๆ
กันอยู่ค่ะ อ่านไปเรื่อยๆ ใจร่มๆ นะคะ
ฮิๆๆๆ ไปอ่านกันเลยค่าาาา ส่วนไรท์ขอตัวไปร้องไห้ก่อนค่ะ TUT ฮอลลลลล จบแล้วอ่าาา
//ฟูมฟาย หาทิชชู่ไม่ทัน//
---------------------------------------------------------------------------
“โอ้ ลีโอ....มันชัดเจนด้วยความหมายของมันเอง”
.
.
********************************************************************
.
.
ร่างเล็กจูบตอบแต่โดยดี.......ก็นี่นั่นแหละคือสิ่งที่เจ้าตัวไม่กล้าแอบอ้างว่าร่างสูงนั้นคิดเห็นเป็นเช่นเดียวกับเค้า........และร่างสูงก็เลือกทำอย่างที่ตัวเองคิด โรนัลโด้ดันท้ายทอยของเมสซี่ให้เข้ามาอีก แล้วลดมือทั้งสองลงไปจับที่เอวซึ่งเล็กกว่า
ในขณะที่ร่างเล็กเองก็สัมผัสท้ายทอยของร่างสูงอย่างที่เค้าเคยจำได้
และนี่ไม่ใช่การจุมพิต
แต่มันคือจูบแห่งความเสน่หา......ไม่รู้จบ
ทั้งสองเบียดตัวเข้าหากัน ด้วยการชักนำของร่างสูง โรนัลโด้ดูดดึงริมฝีปากเมสซี่เบาๆ ก่อนที่เจ้าของริมฝีปากบางจะเปิดปากออกน้อยๆ เพื่อยอมให้ลิ้นของร่างสูงได้ล่วงล่ำเข้ามาได้ และไม่รอช้าลิ้นร้อนของโรนัลโด้ก็ตรงเข้าไปกวาดต้อน
สำรวจและลากลึกถึงในโพรงปากของอีกคนหนึ่งทันที
เค้าใช้ลิ้นลากไล้ผ่านทุกส่วน ไล่ต้อนและเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเจ้าของโพรงปากอ่อนนุ่มหอมหวานอย่างไม่ยอมความ ซึ่งลิ้นเล็กพยายามหลีกหนีแต่ก็ต้องจนมุมทุกครั้งไป
เมื่อลิ้นร้อนอันช้ำชองของร่างสูงตวัดเข้ามาเกี่ยวรูดกับลิ้นเล็กของคนถูกสำรวจ ทั้งคู่โรมรันกันไปมา.....ราวกับว่า
พวกเค้าควรทำสิ่งนี้มาตั้งนานแล้ว
...........จูบอย่างลึกล้ำและเสน่หา ไม่ใช่เพียงแค่การสัมผัสริมฝีปากของกันและกันดังเช่นที่ผ่านๆ
มา...........
โรนัลโด้ใช้ลิ้นซอกซอนลึกเข้าไปอีก เค้าแทบจะกลืนกินริมฝีปากของอีกคนหนึ่งเข้าไปเลยด้วยซ้ำ
ร่างเล็กเป็นฝ่ายถูกปลุกปั่น
เพราะร่างสูงนั้นจัดเจนมากในเรื่องนี้ ดังนั้นเมสซี่จึงทำได้เพียงแค่รับการชักนำของอีกคนหนึ่งไว้ ร่างสูงหันหน้าปรับองศาบ่อยขึ้น และนอกจากการจูบที่ร้อนแรงแล้ว โรนัลโด้ยังบดขยี้อีกคนหนึ่งด้วยอ้อมกอดของเค้าอีกต่างหาก
ร่างสูงแกร่งดันปากตัวเองเข้าไปอีกราวกับการลิ้มรสนี้ ช่างหอมหวานอย่างไม่รู้หาย..........
ทั้งสองคนจูบกัน ไร้ช่องว่างใดๆ ขวางกัน..........เบื้องหน้าพวกเค้าคือ
ภาพเมืองอันสวยงามซึ่งกว้างไกลภายใต้รูปปั้นที่อยู่สูงขึ้นไป ซึ่งเบื้องหลังนั้นคือทะเลสีครามอันไร้ขอบเขตทอดตัวโอบล้อมชายฝั่งไว้ และด้วยท้องฟ้าที่งดงามยิ่งกว่าถูกฉาบไปด้วยสีชมพูปลั่งตัดขอบสีส้มแห่งดวงอาทิตย์
ร่างสูงไม่เคยเจอจูบที่แสนหวานขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าร่างเล็กจะดูหมดแรงสู้กับเค้าแล้วก็ตาม
แต่เค้าก็ยังคงระดมจูบและลากไล้ต่อไปอย่างไม่ยอมหยุด โรนัลโด้ไม่เคยเจอคนที่อ่อนเดียงสาอย่างนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่เค้าสัมผัสโดนตัวของเมสซี่อีกฝ่ายหนึ่งจะตัวสั่นและดวงตาไหวระริกด้วยความประหม่า เป็นท่าทีไม่ประสาที่ดูอ่อนต่อโลกแต่ทว่าก็น่าหลงใหลในตัวตนของร่างเล็กยิ่งนัก
โรนัลโด้ป้อนจูบต่อไป เป็นเหตุให้มีน้ำใสๆ
ไหลออกมาจากมุมปากของร่างเล็ก และเค้าดูดกลืนเอาน้ำหวานนั้นเข้าไปจนหมดสิ้น
โรนัลโด้เลื่อนมือขึ้นมาสอดไปที่กลุ่มผมนุ่มมือของเมสซี่ในขณะที่ร่างเล็กเองก็เริ่มหมดลมหายใจแล้ว คนโดนจูบจึงขยำเสื้อนอกของร่างสูงแล้วกระตุกเบาๆ
โรนัลโด้จึงต้องผละจูบออกมาอย่างนึกเสียดาย เค้าอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมออกไปแต่โดยดี........น้ำใสๆ
ยืดออกมาจากปากของทั้งสองฝ่าย
พวกเค้าปากบวมเจ่อ และหอบหายใจอยู่บนอกของกันและกัน โรนัลโด้โน้มหน้าผากลงมาทับกับหน้าผากของคนที่หายใจไม่ทัน เค้าหอบนิดๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มขณะพูดออกไป
“ทีนี้....คุณอยากให้ผมพูดต่ออีกไหม”
เมสซี่หน้าแดงและหมดแรงแล้ว เค้าพิงตัวในอ้อมกอดของร่างสูงแล้วซบหน้าลงบนอกของอีกคน ไม่ตอบโรนัลโด้เพราะหน้าชาเห่อ
“ถ้าผมพูด คุณจะเหนื่อยกว่านี้อีก”
โรนัลโด้เอ่ยแค่นั้น ก่อนจะจับร่างเล็กจูบอีกรอบ
และอีกรอบ ในขณะที่ท้องฟ้าสว่างกระจ่างเป็นสีขาวบริสุทธิ์........
วันนี้พวกเค้าจะลงเขาไปด้วยกัน
และพูดถึงเรื่องราวของกันและกันจนหลายๆ คนจะต้องแปลกใจไปเลยล่ะ.............
กับช่วงเวลาเพียงแค่คืนเดียวของพวกเค้า
..............ช่วงเวลาเพียงแค่คืนเดียว
อันแสนสำคัญ............
.
.
.
.
THE END.
.
.
.
.
ไรท์เคยบอกรีดว่า
เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความจริง ที่เกิดขึ้นนี่เพราะไรท์ฟินล้วนๆ ใช่ไหมค่ะ งั้นเราไปหลุดโลกกันอีกหน่อยล่ะกันค่ะ.............
.
.
.
***********************************************************************
ขบวนรถขนนักโทษที่ตำรวจริโอขอยืมมาใช้เป็นการพิเศษวิ่งขลุกขลักไปมาบนทางถนนคอนกรีตที่ไม่ค่อยจะดีนัก
ก่อนจะโค้งหักศอกขึ้นไปยังถนนใหญ่ซึ่งรถราเบาบางเป็นพิเศษ
ภายในรถหุ้มตะแกรงคันสีดำมะเมื่อมเต็มไปด้วยผู้ก่อการร้ายที่บุกโรงแรมหรูชื่อดังแห่งเมืองริโออย่างอุกอาจและไร้หัวคิด ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนถูกใส่กุญแจมือแน่นหนากองสุมรวมกันแน่นคันรถ และทุกครั้งที่รถกระแทกกับทางที่ไม่ได้รับการพัฒนานั้น เหล่าว่าที่นักโทษทั้งหลายก็หัวโขกกันไปมาราวกับตุ๊กตาเก่าๆ
ใช่ เพราะส่วนมากยังอยู่ในสภาพสลบสไลกันอยู่นั่นเอง..............
กรมตำรวจของริโอห่างไปไม่มากนัก ใกล้ถึงแล้วเป็นเวลาเดียวกับที่หนึ่งในนักโทษบนรถฟื้นขึ้นมาพอดี ชายคนนั้นทำตาสะลึมสะลือและสะบัดหัวไปมา
ก่อนจะหันไปเจอเพื่อนที่มีสภาพไม่ต่างกันนัก จึงใช้เท้าที่ยังเป็นอิสระอยู่เตะเข้าไปที่หน้าขาของเพื่อนเต็มๆ
“โอ๊ย! อะไรของแกว่ะ!” ชายที่โดนเตะไปเสียเต็มรักเอ็ดอย่างหัวเสีย แต่อีกคนหนึ่งหัวเสียยิ่งกว่า เค้าโวยวายใส่หน้าเพื่อนอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไป! ไม่เคยฟังกันบ้าง แล้วเป็นไงเห็นไหม....เราลงไปนอนกองกับพื้นแถมตื่นขึ้นมายังเป็นอย่างงี้อีก
เป็นเพราะแกคนเดียวแท้ๆ เลยเลโซ”
“อ้าว ว่ากันอย่างงี้ได้ไงวะ แกก็พุ่งตามหลังกันมาติดๆ ไม่ใช่เหรอซานโตส”
คนที่อยู่ๆ ก็ถูกโบ้ยความผิดยืดตัวขึ้นเพราะเริ่มมีน้ำโห
“ก็ไอ้คนที่แกเห็นว่ามันไม่สำคัญนั่นไงที่ฉันบอกว่าอย่าประมาทน่ะ”
“ห๊ะ....อะไร แกหมายถึงไอ้คนที่ชื่อ โรนัลโด้อะไรนั่นน่ะเหรอ?”
ทีนี้คนโดนเตะเริ่มคลายอารมณ์หงุดหงิดลงแล้วเปลี่ยนมาเป็นอาการไม่เข้าใจแทน..........ไอ้เพื่อนคนนี้มันเกิดสมองกลับอะไรขึ้นมาอีก
ซานโตสทำหน้าเหมือนเจอทอง “ก็เออน่ะสิว่ะ! ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเข้าไปใกล้มัน...อย่าเข้าไปใกล้มัน มันน่ะตัวอันตรายของแท้เลย”
ซานโตสทำตาโตเหมือนเจอห่านทองคำ เลโซยกปากหนาเตอะของตัวเองขึ้นมาแล้วขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“แกพูดยังกะจะโยนความผิดให้ฉันคนเดียวงั้นแหละ.....แกรู้ล่วงหน้ารึไงว่าเราไม่ควรไปยุ่งกับมันน่ะ”
“โอ๊ย ไอ้ไง่!” ซานโตสคำราม เลโซผงะเพราะเพื่อนจอมบื้อไม่เคยทำพฤติกรรมแบบนี้ใส่เค้ามาก่อนเลย บนรถมีแค่เค้าสองคนที่ได้สติและตื้นอยู่ ส่วนผู้คุมก็นั่งอยู่บนตอนหน้าของรถซึ่งมีผนังโลหะหนาๆ
กั้นอยู่จึงไม่ได้ยินเสียงที่พวกเค้าพูดกัน
ซานโตสกระชากคอเสื้อเลโซทั้งๆ
ที่ยังใส่กุญแจมือ “แกจำไม่ได้รึไง
งานที่เราบุกไปกองกำกับการตำรวจเพื่อไปชิงเอกสารสำคัญทางการเงินไปให้กับพวกชีคน่ะ.....ตอนนั้นที่นั่นมันมีอะไรที่สำคัญกว่านั้น”
ซานโตสเปลี่ยนระดับเสียงมาเป็นกระซิบกระซาบผ่านไรฟัน เลโซพยายามนึกตาม แต่ก็จำได้แค่ว่าวันนั้นเค้าเอาแต่ไล่ต้อนตำรวจสาวๆ
ที่ฟาดปืนใส่เค้า
“ทางการปาตาโกเนียหรือ...หรือประเทศบ้าอะไรสักอย่างก็ตามเหอะ
ฉันไม่แน่ใจ......พวกนั้นมีเอกสารสำคัญทางรัฐบาลที่ต้องส่งไปกรมราชลับของ D.C. มันจ่าหน้าว่าอย่างนั้น แต่ต้องหยุดเพื่อพักของที่ประเทศของเรา มันเป็นซองเอกสารปึกหนึ่งที่ดูไม่สำคัญเลยถ้ามันไม่ว่างอยู่บนโต๊ะของผู้ว่าการตำรวจ.....”
ซานโตสมองซ้ายขวาดูว่าคนอื่นๆ ตื่นมาหรือยัง
“......และดูเหมือนเพิ่งเอาออกมาจากเชฟเพื่อเตรียมการส่งต่อไปยังปลายทาง”
เค้ากระซิบชัดถ้อยชัดคำ
“เซฟในห้องของผู้ว่าการงั้นเหรอ!? มันต้องสำคัญไม่ใช่เล่นเลยนะนั่น” เลโซถึงแม้จะตามไม่ทัน แต่เค้าก็ประเมินค่าได้ว่ามันสำคัญมากแค่ไหนเมื่ออยู่ในส่วนนั้นของกองกำกับการ......แต่ดูท่าตอนนี้เค้าคงจะเป็นคนหัวช้าแทนซานโตสไปเสียแล้ว เลโซเอียงคอ
“แล้วมันเกี่ยวยังไงกันกะไอ้หมอนั่นว่ะ ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“ก็มันเป็นเอกสารของหมอนั่นไง!” ซานโตสพูดแล้วทำตาโตราวกับจะบอกว่าเลโซควรให้ความสำคัญกับคำเตือนของเค้าตั้งแต่แรกแล้ว ชายบราซิลถูกใส่กุญแจมือดึงคอเสื้อเพื่อนแรงอีก เหงื่อกาฬผุดมาตามขมับของเค้าในขณะที่พูดไล่รายละเอียด
“คริสเตียนโน่
โรนัลโด้ สถานะปัจจุบัน : ลาออกจากงานรัฐบาล
.....ใช่ ย้ำโว้ย งานรัฐบาล!
ไอ้หมอนั่นมันทำงานลับให้รัฐบาลสหรัฐไง เป็นซะยิ่งกว่า CIA ซะอีก หน้าซองมันเขียนว่า ‘เอกสารต้นฉบับ
ไม่มีการทำแทบดำ’ นั่นหมายความว่าประวัติของหมอนั่นที่ D.C.
ต้องมีการทำแทบดำปกปิดรายละเอียดเกือบทั้งหมดในระหว่างการทำงานแน่ๆ
เลย........แต่ตอนนี้หมอนั่นออกแล้ว ฉันไม่รู้เว้ย!
ว่ามันออกทำไม แต่ดูแล้วมันคงจะหาตัวจับยาก หัวข้อภารกิจมันของยาวเป็นหางว่าว”
ซานโตสพูดจนน้ำลายกระเฉาะ กลืนลงไปอีกแล้วพูดต่อ “แกรู้ไหม ว่าไอ้หมอนี่แหละที่โค่นล้มรัฐบาลราส
ดาสฮาน ปลดแอกคนที่อยู่ภายใต้การปกครอง จนพวกเราขาดรายได้ขายอาวุธไปตอนนั้นน่ะ”
“อะไร! จริงเหรอวะ.....แกแน่ใจได้ไง
มันเป็นนักฟุตบอลนะโว้ย” เลโซทำหน้าอึ้ง
แต่ก็ยังคงกังขาไม่เชื่อในคำให้การของเพื่อนที่เหงื่อแตกพลั่กๆ
“แน่สิโว้ยย! ก็มันมีรูปไอ้หมอนี่แนบอยู่ในเอกสารเยอะแยะเต็มไปหมด มีรูปตอนมันเตะบอลด้วย ดูเหมือนแม้ว่าจะออกมาแล้ว
แต่รัฐบาลก็ยังตามดูอยู่เพราะไอ้หมอนี่น่ะมันเป็นตัวอันตราย พวกรัฐบาลที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐก็ขอยืมตัวหมอนี่ไว่วานให้ไปทำงานลับๆ
อยู่บ่อยๆ ......เรื่องของมันมีเยอะเกินจนข้าอ่านไม่ไหว แต่จำหน้ามันได้ขึ้นใจเลยล่ะ”
“แกมั่วแล้ว จำผิดคนรึเปล่า” เลโซพูด
ต่อมาโดนตบหัว
“ผิดบ้าอะไร ชุดทีมชาติโปรตุเกตุ กับ เรอัล มาด์ดริก เบอร์เจ็ดนี่นะ! ถึงข้าจะไม่ได้เอามา
แต่อ่านแค่แวบเดียวก็ขึ้นใจแล้วโว้ยย”
เสียงเอะอะของสองคนเพื่อนซี้ ทำให้โจรสังกัดเดียวกันที่อยู่ข้างๆ
ตื่นขึ้นมาพอดี คนเหล่านั้นตื่นได้สักพักหนึ่งแล้ว
แต่ยังคงมึนหัวอยู่เพราะโดนตำรวจรมควัน
แต่แล้วชื่อชุดทีมชาติและหมายเลขก็ทำให้คนที่นั่งเงียบอยู่นานถึงกับโพลงขึ้นด้วยความไม่พอใจทันที
“ไอ้โปรตุเกตุเบอร์เจ็ด....ไอ้เจ็ทโด้นั่นน่ะเหรอ!”
ซานโตสกับเลโซตกใจ แต่ก็เอ่ยกลับไปให้หายข้อข้องใจ
“ใช่....มอโตร่าแกมีอะไร”
แต่คนโดนตอบกระฟึดกระฟัด
“เอาอีกแล้ว! อย่าเรียกชื่อแม่! ข้าบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเรียกชื่อแม่....ไอ้พวก*!@#$%^&**((((_*%$...” คนที่ยืมชื่อแม่มาใช้ก็ด่าทอคำหยาบคายพรั่งพรูออกมาจนคนข้างๆ ตกใจในการด่าอันสละสลวยของฝ่ายนั้น
“ไอ้หยาบคาย” ซานโตสถอยห่าง(ดูเหมือนนอกจากลำดับความเป็นลูกพี่ลูกน้องแล้ว
ซ่องมาเฟียนี้ยังจัดจำแนกกันด้วยลักษณะของคำพูดอีกด้วย) แต่คนที่โดนด่าแม่บ่อยๆ กลับไม่สนใจแล้ววกกลับมาพูดเรื่องเดิมต่อ
“แล้วทำไม ถ้ามันเก่งอย่างที่แกว่า
โค่นล้มรัฐบาลได้จริง แล้วทำไมจะต้องวิ่งหนีพวกข้าไปกับเพื่อนของมันด้วยล่ะว่ะ”
“อ๋อ เพื่อนของมัน....เป้าหมายที่หัวหน้าให้เราไปจับใช่ไหม?”
เลโซออกความคิดเห็น
“ใช่ ใช่ๆๆ คนนั้นล่ะ.....นี่มอโตร่าแกหัดใช้หัวคิดบางสิ
ถ้าคนมันอยากจะล้างมือ ปกปิดไม่ให้คนอื่นรู้ถึงภูมิหลังของตัวเองแล้วมันจะแสดงอาการบอกคนอื่นเค้าไปทำไมว่าเมื่อก่อนมันเคยทำอาชีพอะไรมาน่ะ
ฉันขอถามหน่อยซิ......โอ๊ย!”
“บอกแล้วว่าอย่าเรียกแม่!”
ซานโตสหัวโยก และพวกเค้าก็เริ่มทะเลาะกันบนรถขนผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ที่สุดในรอบปีแห่งริโอ รถเริ่มโคลงตัวแรงขึ้นเนื่องจากพวกที่ฟื้นขึ้นมา
ร่วมตะลุมบอลกันด้วยทั้งคัน และข้อมูลลับของคนที่เป็นความลับก็ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย.............
ไม่มีใครรู้นอกจากทางการของหน่วยงานลับสหรัฐและนานาชาติ และมาเฟียต็อกต๋อยระดับล่างเจ็ดแปดคนซึ่งยื้อหยุดกระชากหน้าของกันและกันอยู่
เป็นไปได้ไหมที่เรื่องนั้นจะเป็นจริง และคนๆ นั้นก็ยังคงเก็บเงียบเรื่องของตัวเองอยู่
เพียงเพราะเค้าอยากลืมสิ่งที่ตัวเองเคยเป็น
ลืม....ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองนั้นเคยเป็นใครหรืออะไรมาก่อน
แล้วคุณล่ะ เชื่อหรือเปล่า
เชื่อไหม ว่าชายที่ใส่ชุดกัปตันทีมชาติโปรุเกตุเบอร์เจ็ดที่เพิ่งจะเป็นคนใกล้ชิดกับกัปตันทีมอาร์เจนติน่าในชุดเบอร์สิบนั้น
จะเป็นคนๆ เดียวกันกับที่ได้กล่าวไปเมื่อครู่นี้
...........คุณล่ะ
เชื่อหรือเปล่า..........
.
.
.
[จบเห๊อะ!!]
--------------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยยยยย! >{}< จบแล้วค่ะจบแล้ววววววว //ว. ล้านตัว จะพิมพ์ก็เกรงใจรีดค่ะ 555// ไรท์ขอร้องไห้ก่อนนะคะ TWT จบแล้วอ่าจบแล้วววว นี่ไรท์ลงเรื่องนี้มากี่เดือนคะเนี่ย มีกิจกรรมดีๆ และมีรีดดีๆ ที่น่ารักเพิ่มขึ้นมาอีกกี่คนกันนนน ฟิคเรื่องนี้สร้างความทรงจำอันมีค่าให้กับไรท์จริงๆ
เลยค่ะ
รีดบอก....อย่าเพิ่งดราม่าไรท์ อิช่วงสุดท้ายนี่มันอัลไลลลลลล!? ตอบม๊าาาา
>[]<
555555555555 ไรท์เองก็ด่าตัวเองเหมือนกันค่ะ นี่เอ็งคิดจะทำอะไรเนี่ย คิดจะพิมพ์อะไรไปก็พิมพ์ได้อย่างนั้นหรือ? อร๊ายยยยย
กรี๊ดดดดดดด! >{}< เฮีย...ฮะ เฮีย....//หายใจไม่ทัน//
เฮียเป็นสายลับค่ะ! หน่วยงานพิเศษของรัฐบาลสหรัฐและนานาชาติ! >{}< โอ้ เฮียขาาา
สุดยอดค่ะ! ><
โม้เป็นคู้เป็นแควมากเลยค่ะ 5555 Ray – Aund บ้าไปแล้ววววว เขียนไรเนี่ยยย
เฮียเค้าเป็นนักฟุตบอลและนายแบบ(?)แท้ๆ อยู่ก็ดีแล้ว แต่ว่าไรท์ได้ดูหนังเรื่องหนึ่งค่ะ และก็กลับมาเปิดดูรูปเฮียกะเหมียวในคอม แล้วไรท์ก็พบว่าตัวเองไม่สามารถละสายตาไปจากเฮียที่ทำหน้าตาจริงจังมีเสน่ห์นั้นได้เลยค่ะ
เฮียแบบ......ไม่น่าเกิดมาเป็นแค่นักฟุตบอลนะคะ น่าจะเป็นอย่างอื่นที่ร่างกายเฮียได้ใช้งานด้วย(แน่ล่ะ เป็นแฟนเหมียวล่ะอย่างหนึ่ง ชัวร์ๆ 555555) ไรท์ก็เลยเขียนพล็อตลงกระดาษแบบมือสั่นๆ
เลยค่ะ //ไม่กล้าพิมพ์ใส่โน็ตในคอมไว้ค่ะ
เพราะมันเยอะเหลือเกิน
เป็นการกดดันตัวเองทางอ้อมด้วย -*-//
กระดาษแผ่นนั้นยังอยู่เลยค่ะ ไรท์ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเขียน สมองมันไบร์ทมากเลยค่ะตอนนั้น บรรเจิดมากก
และบ้าบอมากเลยค่ะ ลิงโลดเสียจนเฮียเราได้กลายเป็นเจ้าหนาที่สุดคาดคิดไปเลย
5555555 อันที่จริงเฮียเค้าเก่งเว่อร์แบบมีมาดนะคะ แต่เค้าแอ๊บอยู่ค่ะ เลยไม่ค่อยจัดเต็มเท่าไร //โถ นี่ขนาดแอ๊บ// มักจะทำอะไรๆ
ให้ดูเหมือนเรื่องบังเอิญมากกว่าค่ะ พยายามปิดเหมียวเต็มที่ แต่ก็โถ อนิจจา เหมียวน้อยๆ ไม่รู้อะไรเลยค่ะ TUT ไม่ต้องลำบากปิดก็ได้นะคะเฮียย
555555 //เหมียวไม่รู้เหมียวมุ้งมิ้งค่ะ
555//
ฮาาาา ก็จบไปแล้วค่ะสำหรับ Fic – Ronaldo x Messi ที่กินเวลาและมีเนื้อหายาวนานที่สุดเรื่องแรกของไรท์ และสร้างความประทับใจให้ไรท์อย่างยิ่งยวดมากมายจริงๆ
ค่ะ และรีดๆ ก็เช่นกันค่ะ
เรื่องทั้งหลายทั้งแหล่นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่มีรีดๆ ค่ะ รีดทุกท่านคอยกระตุ้นเตือนให้ไรท์รู้ว่ายังคงมีคนรออ่านฟิคเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ค่ะ เพียงแค่การคอมเม้นท์ในเฟสบุ๊คเล็กๆ น้อยๆ
ก็ทำให้ไรท์รับรู้ได้แล้วค่ะว่า มีรีดๆ
รออ่านกันอยู่ และนั่นเป็นแรงผลักดันที่สำคัญของไรท์ค่ะ เข้าเฟสไป ทักไรท์ได้ เม้นท์ไรท์ได้นะคะ ไรท์ไม่กัดค่ะ
อยากมากกกก 55555 รีดไม่ต้องเขินนะคะ ^^
รักรีดทุกท่านมากเลยค่ะ
//โอบกอด// เราจะรักเฮียกับเหมียวไปด้วยกัน และฟินไปด้วยกันตลอดไปนะคะ >///< //ชูนิ้วก้อย// และสำหรับจะมีอะไรต่อไปจากนี้หรือไม่
ก็ต้องติดตามค่ะ รีดอยากทราบกันต่อไหมคะ? 555555
คะยั้นคะยอค่ะ ไรท์ชอบบบบบบบ 55555
//เป็นคนพิกลนัก//
อุ๊ย รุ่นพี่เฟี้ยวเล่ม 2 เค้ามีข่าวว่าจะเปิด Word ด้วยล่ะค่ะ มีข่าวมานะคะ
มีข่าวมา 555555 เล่ม 1
ตอบรับดีมากเลยค่ะ และเล่ม 2 ก็อยากจะออกมาให้รีดๆ
ได้ติดตามความอลเวงที่อบอวลอยู่รอบๆ ความรักของเฮียกับเหมียวต่อไปค่ะ ขอกำลังใจกันหน่อยนะคะ >///< //ซึ่งๆ หน้าเลยค่ะ 555//
นี่เฟสไรท์ค่ะ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<
จิ้มๆ เลยค่ะ เอาไว้ติดตามข่าวสารต่างๆ ของฟิคไรท์นะคะ //ถึงแม้บางครั้งไรท์จะไร้สาระก็ตามค่ะ -*- 555
//
รักรีดทุกท่านมากๆ
เลยนะคะ
ขอบคุณจากหัวใจที่ไรท์มีเลยล่ะค่ะ //จูบ//
แล้วพบกันในเรื่องหน้านะค้าาาาา ><
//โบกมือรัวๆ// ขอบคุณทุกท่านมากๆ
เลยค่ะ...สวัสดีค่ะ
--- RonalSi จะอยู่ในหัวใจของเราไปตลอดกาล ---
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund