วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[Fic - RonalSi] + [Part 2] The Sunset...ก่อนแสงสุดท้ายจะหมดไป - Ronaldo x Messi [Falling In Love Again 2]




อร๊ายยยยยยย  สวัสดีค่ะรีดๆ ทั้งหลายของไรท์  หลังจากที่ลง Part แรกไปแล้วเกิดคำถาข้อสงสัยอย่างมากมายเป็นเสียงเดียวกันว่า...เป็นใครกันที่มาหาเหมียว?   อ๊ากกก เราจะมาเฉลยกันใน part นี้ค่ะรีดขาาาาา  แต่ก่อนอื่นไรท์อยากจะบอกไรท์ติดเพลง The Lazy song ของ Bruno mars มากๆ เลยค่ะ //สักพักโดนรีดตบ...มันเกี่ยวกันไหมแกแค่อารมณ์ก็คนละเรื่องกันเลย// 

55555  คลายเครียดดีจริงๆ เลยค่ะ  ลิงของบรูโน่หลุดมากเลยค่ะ  รัวทุกตัวเลย 55555  บรูโน่ก็น่าร๊ากกก น่ารักก >///<  อร๊ายๆๆ อยากได้ผู้ชายตัวเล็กๆ มาเลี้ยงที่บ้านทันทีเลยค่ะ 5555 //บรูโน่ตัวนิดเดียวนุ  ไปร้องเพลงให้  Victoria Secret ยังยืนบนบันไดตั้งสามขั้นแหนะ 55555  สูงแค่ 165 เองนิเนอะ 55555  ชอบค่ะไรท์ชอบบบ พ่อคุณตัวเล็กดี 55//

พอ! นอกเรื่องงง!!  อัลไลเนี่ยหาาา......ปล่อยไรท์ไปค่ะ  555 ไรท์หลงบรูโน่ตั้งแต่เพลง Miror แล้วค่ะ  ตอนแรกยังไม่ได้ดู MV ฟังเสียงนึกว่าผู้หญิง 555555 //ยัง...ยังไม่จบ// โอเคค่ะ  เอาเป็นว่าไปอ่านกันเลยดีกว่านะคะ  ปล่อยไรท์ให้อยู่กับบรูโน่ไปก่อนนะคะ 555555



------------------------------------------------------------------------------------------------



“ไงลีโอ  ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


.


.


****************************************************************************


.


.


ร่างเล็กมีสีหน้าสงสัยและไม่คาดคิด “พี่เนย์มาร์”

ชายหนุ่มผิวสีเข้ม บ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยว่าเค้าไม่ใช่คนในพื้นที่นี้  เค้าใส่เสื้อยืดสีน้ำตาลเข้ม หลังจากที่เสื้อโค้ทสีดำคลับตัวใหญ่ของเค้าโดนแม่ของร่างเล็กรบเร้าให้ถอดออกและฉุดกระชากออกไปแขวนไว้ที่ราวได้สำเร็จในที่สุด โดยที่เนย์มาร์ก็ยิ้มให้อย่างเกรงใจไม่น้อยเลย  และชายหนุ่มคนดังกล่าวนั้นก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ลีโอเนล   เมสซี่ ที่เอาแต่ทำตาโตไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยหลังจากนั้น

“ลีโอ” แม่ของเด็กหนุ่มเรียก  รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ลูกชายของเธอมีคนมาหาถึงบ้าน  และนั่นเรียกสติให้ร่างเล็กที่ยืนจับราวบันไดอยู่ได้เป็นอย่างดี

“คะ ครับ” เมสซี่หันมาหาแม่ด้วยสีหน้าที่ตื่นตัว  แต่กลับโดนแม่เอียงใบหน้าใส่

“พาพี่เค้าไปที่ห้องสิลูก  บางทีเค้าอาจมีเรื่องอยากคุยกับลูกนะ” ก่อนหญิงที่ไม่ใคร่อยู่ในวัยสาวแล้วจะหันมาส่งยิ้มเป็นมิตรให้แก่ร่างสูงโปร่งของหนุ่มชาวบราซิล ที่ซึ่งยิ้มโชว์ฟันมีเขี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์มัดใจสาวๆ ส่งกลับมาให้  แม่ของเมสซี่ดูชอบใจเนย์มาร์เป็นอย่างมากก่อนจะหันไปมองลูกชายที่ยอมเดินลงมาจากบันไดขั้นสุดท้ายอย่างซื่อๆ

“ไง  หวัดดีลีโอ” เนย์มาร์เอ่ยทักอย่างเป็นมิตรเช่นเดิม และยังไม่หุบยิ้มน่ามองนั้นลง  ร่างเล็กของรุ่นพี่ที่โดนบุกเข้ามาหาถึงบ้านก็วาดยิ้มตอบกลับไปน้อยๆ

“หวัดดีฮะ” เมสซี่ยักไหล่และแม่ของเค้าก็เอาผ้าเช็ดโต๊ะไปเก็บในครัว “ผมไม่คิดว่าพี่จะมาที่นี่....”

“โอ้ว ขอโทษนะพี่น่าจะบอกก่อน  มันคงรบกวนน่าดูเลย  เพียงแต่ว่าพี่ไม่มีเบอร์ของลีโอก็เท่านั้นเอง” เนย์มาร์ยักไหล่กลับไป และพูดติดตลกอย่างอารมณ์ดี เช่นที่เมสซี่เพิ่งจำได้ว่าเจ้าตัวชอบบุคลิกด้านนี้ของรุ่นพี่ร่างโปร่งมากแค่ไหน  เมสซี่หัวเราะน้อยๆ ในตอนที่หญิงคนเดียวในบ้านอุทาน ในระหว่างที่เร่งฝีเท้ามาหาสามี

“อุ๊ย  ตายแล้ว  พระเจ้าที่รักฉันเกือบลืมไปเสียสนิทเลย”  สามีของเธอหันมามอง  ก่อนเธอจะหันไปขอโทษแขกที่ดันเสียงดังเสียมารยาทแล้วเอ่ยกับลูกชายอย่างนึกช่วยไม่ได้

“โอ้ ลีโอแม่เพิ่งนึกได้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปโบสถ์  และแม่ต้องไปเอาของบางอย่างจากร้านที่ฝากไว้เมื่อสองวันที่แล้ว  หวังว่าตอนนี้ร้านคงยังไม่ปิดนะ.....โธ่เอ้ย ดันลืมเสียได้  บ้าจริง” เธองึมงำกับตัวเองในท้ายประโยค

“ให้ผมไปเอามาให้ไหมฮะ” ร่างเล็กของเด็กหนุ่มทำเสียงตื่นตัว ต้องการจะเสนอตัวออกไปช่วยผู้เป็นแม่เต็มที่ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาร่างเล็กก็เป็นลูกที่ดีอยู่แล้วเสมอมา  เนย์มาร์หันมามองเมสซี่โดยที่ร่างของเด็กหนุ่มก็ไม่รู้ตัวเลย

“โอ้ว  ไม่ต้องหรอกจ๊ะ  เดี๋ยวแม่กับพ่อจะไปเอง.....เอ่อ  เราต้องคุยกับเจ้าของร้านด้วยเรื่องของอีกหลายๆ อย่างที่เราจะต้องไปรับขากลับจากโบสถ์ในวันพรุ่งนี้น่ะจ๊ะ” แม่ของเค้าบอก พร้อมกับสามีที่รุดหน้าไปหยิบเสื้อคลุมจากราวแขวนมาให้เธอ  พวกเค้าลืมไปเสียสนิทจริงๆ ด้วย  ถ้าหากร้านปิดก่อนล่ะก็ต้องแย่แน่ๆ เลย

เมสซี่อ้าแขนน้อยๆ แล้วโบกมือให้ “เอ่อ  งั้นก็โชคดีนะฮะ  ผมหวังว่าร้านคงยังไม่ปิดตอนนี้” เด็กหนุ่มอวยพรแม่ที่ส่งยิ้มให้เค้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากบ้านไป  แต่ก็มิวายแว่วเสียงบ่นสามีไปด้วย

“ทำไมคุณถึงไม่เตือนฉัน  ถ้าเราไปไม่ทันฉันจะโทษคุณ.......”

เนย์มาร์มองตามประตูที่ปิดลงและเลิกคิ้วตามผู้เป็นแม่ที่ไปไวมาไวของรุ่นน้องซึ่งยืนยิ้มเจื้อนๆ อยู่ข้างหลัง  ร่างสูงโปร่งหันกลับมาหาเมสซี่

“เอ่อ....แม่ผมก็พูดไปเรื่อยน่ะครับ  แม่ไม่เคยหยุดพูดเลย และนั่นก็เป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งของแม่.....ขอโทษด้วยฮะ ถ้าทำพี่รู้สึกแปลกๆ” เด็กหนุ่มผู้น่าตาแช่มชื่นเอ่ยยิ้มๆ พลางยักไหล่  แต่ทว่าใบหน้าขาวใสน่ามองนั้นก็ดูเศร้าหมองลงไปเสียถนัดตา

เนย์มาร์สบตากับรุ่นน้องที่ยิ้มน้อยๆ อยู่ตรงหน้า  เตะความคิดในใจจากการสังเกตท่าทางของเด็กน้อยไว้  แล้วเปลี่ยนมาเป็นยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ถ้าแม่พี่เป็นแบบนี้บ้างก็คงดี” เค้าหัวเราะในลำคอ  ก่อนจะแว่วได้ยินเสียงเช่นนั้นจากเด็กหนุ่มตรงหน้าบ้าง แต่ทว่าร่างเล็กกลับมีเสียงที่สดใสน่าฟังกว่าเค้ามากนัก

เมสซี่ยิ้มมากขึ้น ก่อนจะผายมือไปที่เก้าอี้น้อยๆ “แล้วพี่มีธุระอะไรหรือครับ?” เด็กหนุ่มเชิญรุ่นพี่ร่างสูงโปร่งที่ทำตัวสุภาพเสมอแม้จะอยู่กับรุ่นน้องแต่เพียงสองคนให้ทำตัวตามสบาย  เมสซี่เดินมานั่งที่เก้าอี้ของโต๊ะกินข้าวในห้องครัว  มันทำให้เจ้าตัวรู้สึกดีเสมอที่ได้หย่อนกายไว้บนเก้าอี้ไม้ที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย

เนย์มาร์เดินตามแล้วนั่งลง

“พี่นึกว่าจะไม่ได้เจอลีโอแล้วซะอีก  พี่นึกว่ามาผิดทางแล้ว”

ร่างเล็กหัวเราะน้อยๆ อีก  แล้วเอ่ยเสียงสดใสขึ้น “ผมก็ดีใจที่เจอพี่ครับ” และดูท่าทางเด็กน้อยตรงหน้าร่างสูงจะไม่เคยได้หัวเราะเลยตั้งแต่หายหน้าหายตาไป

“พี่ก็ดีใจที่ได้เจอ...” เนย์มาร์จ้องมองเด็กหนุ่มน่ารักที่เคยทำตัวขยันขันแข็งอยู่ข้างสนามอย่างคิดถึง  ก่อนเค้าจะสูดหายใจเข้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามออกไปอย่างตรงประเด็น “.....ที่โรงเรียนมีอะไรทำให้ลีโอรู้สึกไม่พอใจอย่างงั้นหรือ” เค้าถาม  แต่เด็กหนุ่มเจ้าของบ้านกลับตีสีหน้าใหม่ใส่เค้า  รอยยิ้มประดับริมฝีปากบางอมชมพูหายไป  ใบหน้าขาวใสนั้นฉายแววสะเทือนใจออกมาอย่างปิดไม่มิด  เนย์มาร์น่าจะมองไม่ผิด

“พี่ไม่สบายใจมากที่ลีโออยู่ๆ ก็หายไป  คนอื่นๆ ที่โรงเรียนก็ด้วย.....เพื่อนๆ ของลีโอพวกนั้นอยากรู้ว่าทำไมลีโอถึงหายไป” เนย์มาร์พูดอย่างประนีประนอม ไม่เร่งรัดเด็กน้อยที่นั่งตัวแข็งอยู่ตรงหน้าเค้าด้วยคำพูด “พี่ไม่สบายใจมากลีโอรู้ใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยย้ำถึงความรู้สึกของตัวเอง

ก่อนเด็กหนุ่มจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ “ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่กับคนอื่นๆ เป็นห่วง” เมสซี่ก้มมองนิ้วมือที่เกี่ยวกันไปมาบนโต๊ะอาหารของตนเอง  เจ้าตัวใช้นิ้วถูกไปบนเล็บอีกข้างหนึ่งของตัวเองอย่างเคยชินในยามที่รู้สึกไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้

และใช่ว่าเนย์มาร์จะชอบสถานการณ์น่ากระอักกระอวลเช่นนี้  และยิ่งมันกำลังจะเกิดขึ้นกับรุ่นน้องผู้น่ารักของเค้าแล้ว  ชายหนุ่มกลับนึกโทษตัวเองเสียเป็นเท่าตัว ที่การมาครั้งแรกของเค้าทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของบ้านต้องเป็นกังวล

“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกลีโอ   ลีโอไม่ใช่คนผิด  ไม่ผิดอะไรเลยทั้งนั้น  เพียงแค่ว่าพี่อยากรู้ว่าอะไรทำให้ลีโอหายไป” เมสซี่ช้อนสายตามองมาทางเนย์มาร์เล็กน้อย “มีอะไรที่นั่นไม่ดีทำให้เราไม่สบายใจรึเปล่า?......ทุกคนเป็นห่วงลีโอนะ”

ชายหนุ่มมองดูเด็กหนุ่มขบเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วรอเมสซี่เอ่ยคำออกมาบ้าง..........ไม่ใช่ว่าเนย์มาร์มาที่นี่ตามคำสั่งของคนอื่น  เค้าเพียงแค่เป็นห่วงและคิดถึงเด็กหนุ่มผู้เป็นดั่งเทวดาตัวน้อยๆ ของชมรมเพียงเท่านั้น  ทุกคนก็ต่างเห็นตรงกันว่าการที่เมสซี่หายไปทำให้อะไรๆ ดูสดใสน้อยลง 

ไม่เคยมีเด็กหนุ่มคนไหนที่จะสามารถทำให้ทุกคนยิ้มตามได้ทุกครั้งที่มองใบหน้าขาวใสอันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั้นได้มากไปกว่าเมสซี่อีกแล้ว  และเด็กหนุ่มคนดังกล่าวก็เป็นขวัญใจของทุกๆ คนรวมถึงเค้าด้วย  ถึงแม้ว่าเนย์มาร์จะไม่ออกตัวแรงเหมือนเพื่อนจอมปากมากในชมรมของเค้าหลายๆ คนก็ตามเถอะ

“เอ่อ  ผม.....” ร่างเล็กเอ่ยปากในที่สุด  แต่แล้วเจ้าตัวก็พบว่าตัวเองไม่รู้จะพูดคำใดต่อให้เป็นประโยคไปดี  เมื่อบอกกล่าวความจริงออกไปไม่ได้..........ความจริงที่ใครก็ตามจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด

“คือว่าผม.....”

เนย์มาร์ตั้งใจฟัง แม้ไม่อยากจะกดดันรุ่นน้องก็ตาม

“ผม....”

“ไม่ต้องห่วงลีโอ  ไม่ว่ามันจะเป็นเหตุผลอะไรพี่รับได้เสมอ” ชายหนุ่มเอ่ยเสริมขึ้นในที่สุด  และเค้าไม่ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เพื่อนของตัวเองได้ขืนใจรุ่นน้องที่นั่งเอ่ยตะกุกตะกักน่าเห็นใจอย่างเหลือแสนที่อยู่ตรงนี้เลย  จึงรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยกับการที่เด็กว่าง่ายอย่างเมสซี่จะไม่ยอมพูดออกมา

พวกเค้าทุกคนในชมรมล้วนอยากทราบสาเหตุของการลาออกจากโรงเรียนของร่างเล็กล้วนทั้งสิ้น  เว้นเสียแต่โรนัลโด้

ใช่  พอข่าวเรื่องการย้ายโรงเรียนของเด็กหนุ่มเป็นที่แพร่สะพัดไปทั่ว ทุกคนก็มีท่าทีงุนงงไปหมดตามๆ กัน  เมสซี่รักฟุตบอลมาก  รักมากที่สุดเท่าที่เด็กหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่งจะทำได้  แต่การลาออกโดยละทิ้งโอกาสดีๆ อย่างนี้มันไม่ใช่เลย  ในเย็นวันนั้นที่รู้ข่าวเนย์มาร์รีบตรงเข้าไปถามเพื่อนร่างสูงซึ่งเป็นประธานชมรมทันทีว่าอีกฝ่ายหนึ่งนั้นรู้ข่าวเรื่องรุ่นน้องร่างเล็กที่แสนขยันขันแข็งคนนี้หรือไม่

“รู้สิ” โรนัลโด้เลิกคิ้วแล้วพยักหน้าน้อยๆ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากเช่นการนัดซ้อมฟุตบอลของพวกเค้า

“แล้วเค้าได้มาบอกนายบ้างรึเปล่า?” ชายหนุ่มชาวบราซิลเอ่ยถามอีก  น้ำเสียงก็ยังคงไม่หายตื่นเต้นตกใจ แต่สิ่งที่เค้าได้กลับมาคือการหันมามองหน้านิ่งแล้วไม่มีสีหน้าว่าอยากจะเอ่ยอะไรมากมายอีกเลยของโรนัลโด้

“แล้วมันใช่เรื่องของฉันรึไง” ก่อนเพื่อนร่างสูงที่พูดจาไร้ความใส่ใจเกินเหตุจนน่าหมั่นไส้จะเดินออกไป  ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองเนย์มาร์ที่ตีหน้าไม่พอใจอยู่ข้างหลัง

ไม่รู้ว่าเหตุใดโรนัลโด้จึงได้ดูไร้หัวใจกับเด็กหนุ่มที่แสนเชื่อฟังคนนี้นัก  ยังไม่นับท่าทางไม่ยินดียินร้ายกับการเสียสมาชิกในชมรมไปเสียด้วย  ทั้งๆ ที่เมสซี่ก็มีรายชื่อเป็นนักเตะตัวจริงในชุดที่สอง ซึ่งนั่นหมายความว่าโรนัลโด้จะต้องหัวเสียเป็นอย่างมากที่สมาชิกระดับตัวเต็งหายไป  แต่ทว่านี่กลับเกินความคาดหมายของเนย์มาร์ไปมากโข  เมื่อโรนัลโด้กลับมีท่าทีเพิกเฉยและไม่หยี่ระ ร่างเล็กไปเสียอย่างนั้น

โรนัลโด้ดูแปลกไปมาก  และหลังจากวันที่ข่าวแพร่กระจายเพื่อนร่างสูงที่ดำรงตำแหน่งของประธานชมรมฟุตบอลก็เงียบครึมขึ้นมาก  ทุกคนหวาดกลัวโรนัลโด้มากขึ้นเป็นเท่าตัว  ฝ่ายนั้นมักจะมีท่าทางนิ่งเงียบดูไม่พอใจที่คนในชมรมทำได้ไม่ดีเสมอ แต่สุดท้ายแล้วก็กลับเดินออกไปเฉยๆ เสียอย่างนั้น  ไม่ลงโทษหรือตักเตือนบุคคลอ่อนซ้อม ราวกับว่าโรนัลโด้ไม่เป็นตัวเองของตัวเอง

..........รึว่าไม่สิ  กลายร่างเป็นผู้ชายที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมไปเสียแล้วล่ะสิไม่ว่า..........

 ถ้าไม่บอกตัวเองว่าคิดฟุ้งซ่านมากเกินไปแล้ว  เนย์มาร์ก็คงจะหลงคิดไปว่าเพื่อนร่างสูงของเค้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลาออกของเด็กหนุ่มเป็นแน่แท้..........แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ  หมอนั่นจะทำอะไรให้เมสซี่ผู้มอบชีวิตให้กับฟุตบอลลาออกจากโรงเรียนและทิ้งชมรมไปได้

ไร้สาระจะตายไป

แต่ที่มาที่ว่าเหตุใดเด็กหนุ่มจึงได้ถอนตัวออกมานั้นยังคงเป็นปริศนาอยู่  ชายหนุ่มเชื้อสายบราซิลเข้มข้นกำลังรอฟังคำแถลงไขของร่างเล็กตรงหน้าอยู่

“คะ คือว่ามันเป็นความต้องการของแม่ผม...น่ะฮะ” และในที่สุดประโยคของคำตอบก็หลุดออกมาจากปากน้อยๆ ที่ไม่ชอบการโกหกนั้นออกมาจนได้  และการเอ่ยเรื่องไม่จริงออกไปก็ทำให้เด็กหนุ่มแทบจะอยู่ไม่สุขเลย

มือเล็กๆ เหมือนกับเด็กน้อยนั้นยกขึ้นมาเกาท้ายทอยเล็กน้อย  ก่อนจะลามไปหลังคอบริเวณใต้คอเสื้อ  และเนย์มาร์ก็เลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับเอื้อมมือออกไปจับมือเล็กอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายไว้

เมสซี่นิ่งค้างและรู้สึกงุนงงไม่น้อยที่จู่ๆ เนย์มาร์ก็จับมาที่มือซึ่งอยู่หลังท้ายทอยขาวจัดของเจ้าตัว  แต่แล้วร่างเล็กก็ต้องเบิกตากว้างแล้วเริ่มตัวสั่น

“ลีโอ” เนย์มาร์เรียกชื่อของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา จนเสียงฟังดูเหม่อลอย

ร่างเล็กของรุ่นน้องกลัดกลืนของเหลวลงคอไป ในตอนที่รุ่นพี่ฝั่งตรงข้ามปล่อยเจ้าตัว  แล้วใช้มือลูบต้นคอขาวนวลนั้นอย่างเบามือ  เมสซี่ตัวสั่นเทิ่มพยายามจับมือของรุ่นพี่ออกอย่างสุภาพ  แต่ทว่าอีกคนหนึ่งกลับลุกขึ้นจากเก้าอี้  ปัดมือของร่างเล็กที่พยายามดึงมือของเค้าออกน้อยๆ  เนย์มาร์ลูบต้นคอขาวเนียนที่ปรากฏเป็นรอยจ้ำสีอ่อนตาลงมา  แล้วเลิกคอเสื้อยืดที่เมสซี่สวมใส่อยู่นั้นอย่างถือวิสาสะออก เผยให้เห็นรอยจ้ำด้านในที่เด่นชัดยิ่งกว่า

“เกิดอะไรขึ้นลีโอ!” เนย์มาร์โพล่งขึ้น  และปล่อยมือออกเมื่อเมสซี่ผุดลุกขึ้นยืนบ้าง

นี่มันรอยจูบ!

“อะ อา....” เด็กหนุ่มกุมท้ายทอยตัวเองแล้วถอยจากจุดยืนไปเล็กน้อยอย่างตื่นตกใจ “ผม  ผม...อึก  ผม.....” เด็กหนุ่มละล่ำละลัก  พูดอะไรไม่ออก และน้ำตาก็รื้อขึ้นมาเมื่อความแตกเสียแล้ว

“มันเกิดอะไรขึ้นลีโอ?” เนย์มาร์ถามย้ำไปเมื่อตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า  และเค้าก็คิดปะติปะต่อได้ว่าสิ่งนี้มันอาจเกี่ยวข้องกับการลาออกจากโรงเรียนของเมสซี่ด้วยหรือไม่

“อึก...คือผม....” เด็กหนุ่มน้ำตาร่วงลงมาอย่างห้ามไม่อยู่  ความกลัวก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเริ่มกัดกินหัวใจของเมสซี่..........กลัว  กลัวเหลือเกินว่าเรื่องจะแดงขึ้น และบานปลายจนพ่อกับแม่รู้เข้า

เนย์มาร์ไม่ได้ว่ากระไรมาก  แต่กลับเดินอ้อมมาหารุ่นน้องร่างเล็กตัวจ้อยแล้วจับไปที่ชายเสื้อยืดขนาดตัวเล็กหนานุ่มนั้น

“ดะ เดี๋ยวก่อนครับพี่เนย์มาร์....อึก  เดี๋ยวก่อน!” เมสซี่คว้าจับมือที่กำชายเสื้อของตัวเองไว้แน่นไม่ยอมให้เนย์มาร์ทำได้ดั่งใจคิด  ในขณะที่ร้องไห้กลัวสถานการณ์จนตัวสั่น

“ไม่เป็นไรลีโอ  พี่ไม่ได้ทำอะไร” ร่างสูงโปร่งเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงสุดหัวใจ  ครั้งแรกที่เค้าเห็นเด็กหนุ่มน้ำตาร่วงลงมา เค้าใจสั่น  ความเป็นห่วงมากมายเพิ่มยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ  แต่ทว่าเนย์มาร์เมื่อเห็นรอยจูบประปรายอันแปลกตานั้น เค้าก็ไม่สามารถนั่งอยู่อย่างใจเย็นได้

..........นี่มันเกิดอะไรขึ้น  ใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้กับเด็กหนุ่มผู้อ่อนเดียงสาของเค้ากัน..........

“ไม่เอา...ฮึก...อย่าทำนะครับ อย่าเปิด...” เมสซี่ส่ายหน้ารัว  เจ้าตัวกลัวเกินไปที่จะให้คนอื่นเห็น ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นเนย์มาร์ก็ตาม..........เรื่องแบบนี้จะให้ใครรู้ได้ยังไงกัน  ไม่  ไม่ได้เด็ดขาด

และเมื่อไม่ได้รับความร่วมมือที่ดี  ร่างสูงโปร่งของรุ่นพี่จึงจำใจต้องจับตัวร่างเล็กของรุ่นน้องไว้ ก่อนจะพาตัวมาที่โต๊ะอาหารแล้วดันร่างของเมสซี่ให้ราบลงไป

“อื้ออ!  พี่เนย์....” เมสซี่ขืนตัวไว้สุดแรงแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้  ร่างกายที่สั่นเทาสูบเอาเรี่ยวแรงส่วนหนึ่งของเจ้าตัวไป  เมสซี่จิกเล็บสั้นๆ ทั้งสองข้างลงบนพื้นโต๊ะที่แข็งแต่เรียบลื่นของโต๊ะอาหาร  เนย์มาร์หักห้ามใจ ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น  ก่อนมือแข็งแรงจะจับชายเสื้อยืดตัวหนา  ถลกมันขึ้นเพื่อพิสูจน์ข้อข้องใจมาจนถึงระดับคอของร่างเล็ก  เมสซี่หลับตาปี๋พร้อมทั้งน้ำตาที่จู่ๆ ก็ไหลบ่าออกมาอีกอย่างหมดหนทางหนี

และภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของร่างสูงโปร่งผิวสีเข้มนั้น ก็ทำเอาเค้าเลิกชายเสื้อค้างไว้แบบนั้นอยู่นานทีเดียว  เนย์มาร์ขมวดคิ้วแน่น  ผูกมันเป็นปม  แล้วมีสีหน้าตกตะลึงพลางหงุดหงิดไม่พอใจ  เพราะหน้าท้องแบนราบขาวเนียนน่าสัมผัสของเด็กหนุ่มที่นอนตัวสั่นเทิ้มอยู่ตอนนี้นั้น เต็มไปด้วยรอยจูบและรอยกัดนับสิบรอยเห็นจะได้ ซึ่งปรากฏเด่นชัดอยู่ต่อสายตาของชายหนุ่ม  ถึงจะคิดในแง่ดีอย่างไรก็คงจะเห็นเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แล้ว..........

มือเล็กๆ พยายามร่นชายเสื้อตัวเองให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม และก็ได้รับความยินยอมจากรุ่นพี่ที่ทำหน้าช็อคเสียจนกลัวว่าจะพูดอะไรไม่ได้อีกเลย  เมสซี่ยันตัวลุกขึ้นมานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารและไม่ได้วิ่งหนีรุ่นพี่ที่เพิ่งรู้เรื่องบางอย่างอันแสนสำคัญไปไหนแต่อย่างใด

..........เนย์มาร์แค่กำลังคิด  คิดว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่  และอยู่ๆ ภาพใบหน้าอันเย็นชาของเพื่อนร่างสูงก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเค้าโดยอัตโนมัติเสียอย่างนั้น  ใบหน้าคมสันได้รูปของโรนัลโด้ แต่ถูกแสดงอาการออกมาอย่างเมินเฉย และกำลังหันศีรษะกลับไปโดยไม่สนใจคำถามของเนย์มาร์..........

และที่ต้นคอของโรนัลโด้  เนย์มาร์ก็สังเกตเห็นรอยข่วนบางๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว  ในเย็นของวันจันทร์วันที่เมสซี่ไม่ได้มาโรงเรียนเป็นวันแรก   ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มชาวบราซิลเริ่มคิดในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังนั่งใช้ฝ่ามือปิดหน้าปิดตาร้องไห้

..........ไหนจะยังรอยเล็บมากมายที่ต้นแขนของโรนัลโด้อีกล่ะ...........

เนย์มาร์คว้ามือของเมสซี่ขึ้นมาดู  เด็กหนุ่มสะดุ้งปนสะอื้น

..........เล็บโดนตัดไปแล้ว  และตอนนี้ก็กำลังยาวอยู่ตามลำดับของเวลา ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงสองอาทิตย์ที่แล้ว

ไม่จริงน่า! เป็นไปไม่ได้!..........ชายหนุ่มคิดสบถในใจ  แต่ทว่าก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ทุกอย่างเด่นชัดอยู่ได้  ถึงจะไม่ได้สนิทจนถึงขั้นเพื่อนซี้เพราะโรนัลโด้มีโลกส่วนตัวสูงมาก  แต่เนย์มาร์ก็เคยเห็นสีหน้าที่เพื่อนร่างสูงมองรุ่นน้องร่างเล็กตรงหน้านี้มาก่อนว่าเป็นเช่นไรและมันก็ค่อนข้างบ่อยเสียด้วยซ้ำ  อีกฝ่ายมองเมสซี่ด้วยสีหน้านิ่งเรียบแกมหงุดหงิด  ไม่มีการทำดีด้วย  ไม่มีการปราณีเหมือนเช่นคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่เมสซี่ก็ตัวเล็กและดูอ่อนแอที่สุดในชมรมแท้ๆ..........รึว่าโรนัลโด้จะเห็นว่าเด็กหนุ่มเป็นเพียงเด็กบอบบางที่สมควรโดนเขี่ยออกไป

คริสเป็นคนทำใช่ไหม!?” เค้าถามออกไป  เนย์มาร์ไม่เคยอ้อมค้อม  จนความตรงไปตรงมานั้นทำเอาร่างเล็กที่น้ำตาไหลไม่หยุดทำหน้าตื่นตระหนกแล้วนิ่งอึ้งไปเลย  เมสซี่พยายามปฏิเสธแต่ตอนนี้เนย์มาร์ดูน่ากลัวเหลือเกินสำหรับเค้า  เด็กหนุ่มไม่ต้องการให้รุ่นพี่อีกคนหนึ่งโกรธเค้าเพียงเพราะเค้าโกหก  แต่ทว่ามันก็หนักหนาเกินไปที่จะยอมรับความจริง..........ความจริงที่น่าอาย

“ใช่รึเปล่าลีโอ?  ตอบพี่สิ!” เนย์มาร์ยังคงไม่ปล่อยมือนั้น และเขย่าย้ำถามต่อไป  ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก  ใบหน้าหวานเปื้อนน้ำตานั้นหันไปทางอื่นทั้งแรงสะอื้น จนเนย์มาร์รู้สึกผิดไปไม่น้อยที่เอ่ยออกไปเสียงดังขนาดนั้น..........เด็กคนนี้ยังคงอ่อนต่อโลกและเปราะบาง.........แต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นคงจะโดนตีจนแตกกระจายไปแล้วเมื่อรอยดูดเม้มที่ปรากฏอยู่บนร่างกายนี้ได้ถูกสร้างขึ้น

เมสซี่ไม่ตอบ  เด็กหนุ่มเพียงแต่พยายามกลั้นเสียงร้องไห้ของตัวเองไว้เท่านั้น  แต่ว่านั่น.....ก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีแล้วว่าความคิดของเนย์มาร์นั้นเป็นจริงมากเพียงใด  และทันใดนั้นเองสมองของเค้าก็บีบตัวเข้าหากันแล้วเต้นตุ้บๆ ด้วยความโกรธ

ชัดแล้ว  แม้ไม่ตอบ  ความเป็นจริงก็ประจักษ์แจ้งแล้ว.........เนย์มาร์ไม่ได้นึกโกรธเมสซี่เลยสักนิดเดียว แต่กลับกัน  เค้ากลับสงสารเด็กหนุ่มจับใจที่ต้องไปเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นซึ่งถูกกระทำโดยคนที่เค้าเองก็คาดไม่ถึง!

คริส!..........ร่างสูงโปร่งขบกรามแน่น  ทำใจแข็งเก็บความเกรี้ยวกราดที่ไม่มีให้เห็นบ่อยนักนั้นไว้ในใจ  แล้วปล่อยข้อมือที่เป็นรอยแดงของเมสซี่อย่างอ่อนโยน ก่อนจะมอบอ้อมกอดอันอ่อนโยนยิ่งกว่าให้เด็กหนุ่มที่ร้องไห้ฟูมฟายพร่ำบอกคำอ้ำๆ อึ้งๆ ราวกับต้องการกล่าวคำขอโทษ  

ก่อนร่างสูงโปร่งของเนย์มาร์จะคว้าเสื้อโค้ทตัวใหญ่ของตัวเองออกจากบ้านของเด็กหนุ่มไป  ท่ามกลางความประหวั่นพรั่นพรึงและความใจหวิวของรุ่นน้องที่ยังคงนั่งตัวสั่นเพราะแรงสะอื้นอยู่บนโต๊ะอาหาร

เมสซี่เกิดคำถามที่ค้างคาใจเหลือเกิน ตั้งแต่เนย์มาร์เอ่ยปากถามเมื่อครู่นี้..........เค้ารู้ได้ยังไงกัน?


.


.


.


TBC.



------------------------------------------------------------------------------------------------------


อ๊าาาาา  ปรากฏว่าเป็นเนย์ค่ะ 55555  มีรีดทายถูกด้วยนะเออ ><  อร๊ายๆๆๆๆ  เนย์รู้เรื่องนี้แล้วอ่าาาา  ทำไงดีๆๆๆ ทำไงดีคะรีดด   อุ อันที่จริงต้องถามเหมียวนี่เนอะ  แต่ก็นั่นล่ะค่ะ  อิเนย์คงจะไม่ทำให้น้องลำบากใจหรอกค่ะ

แต่ไรท์ขอบอกไว้ก่อนเลยค่ะนะคะ  ในซีรี่ย์ Falling In Love Again นี้ เนย์มาร์เราปรกติดีนะคะ  สติปัญญาสมบรูณ์มากกว่าเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา  และเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเรื่องวุ่นวายฯ และรุ่นพี่เฟี้ยวฯ นะคะ 55555 //ห้าวิต่อมา  เนย์มาร์เดินมาต่อยไรท์// 555555  เรื่องนี้เค้าโอเคค่ะ  ดูเป็นคนที่ดูมีภูมิน่าดูเลยค่ะ  และเป็นคนที่รู้นิสัยเฮียขึ้นมาระดับหนึ่งค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ลึกถึงสิ่งที่เฮียเค้าคิดอยู่ก็ตาม แต่เฮียเนย์ก็อ่านปฏิกิริยาที่เฮียโด้กำลังจะทำต่อไปได้ค่ะ   และเค้าก็จะคอยปรามเวลาเฮียโด้ทำเกินไปตลอดค่ะ  (แต่ก็รู้เนอะ เฮียเราไม่ฟัง -*-)

ว่างๆมาพูดคุยกับไรท์ได้ค่ะ ที่ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  เฟสของไรท์เองค่ะ  จิ้มโล้ดค่าาา  และพบกันที่ Part ต่อไปนะคะ  เฮียเนย์เค้าจะออกไปไหนกัน  ทำไมถึงใยดูเร่งรีบขนาดนั้น  แล้วเมื่อไรพระเอกของเราจะลงจอเสียที!!  รู้สึกรีดๆ จะรอนานกันแล้วสินะคะ 55555  เดี๋ยวจะได้เจอเฮียกันแน่ๆ เลยค่ะ  อดใจอีกนิดเดียวเท่านั้นนะเออ 

รักรีดทุกท่านมากเลยค่ะ  ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  ส่งจูบ…….^3^

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[Fic - RonalSi] + [Part 1] The Sunset...ก่อนแสงสุดท้ายจะหมดไป - Ronaldo x Messi [Falling In Love Again 2]



อร๊ายยยยยยยยยยยยย! กลับสวัสดีรีดที่รักทุกท่านของไรท์ค่ะ M><M  อูยย ทูนหัวของไรท์.....รู้ตัวเลยค่ะ หายไปนานนน  ในซี่รีย์ Falling In Love นี้ก็เกือบปีเลยค่ะ ที่ห่างจากภาคแรกมา  ฮาาาา  แต่รีดหลายๆ ท่านรอภาคต่อกันมากๆ เลยค่ะ  มีหรือไรท์จะให้รีดรอเก้อ....55555 ไรท์กลับมาแล้วค่ะ  กลับมาพร้อม Falling In Love Again 2 ที่ทุกท่านรอคอยค่ะ! >< 

เรื่องนี้ไรท์นี่แอบจี๊ดเลยค่ะ (อันนี้น่ะหรือแอบ....แต่งไปโวยไปนี่น่ะหรือแกแอบ!) สงสารเหมียวน้อยๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย  ไม่รู้  บริสุทธิ์  ไม่มีความผิด  แล้วใยเฮียจึงทำยังเง้ ---- !  ทำกับเหมียวได้ไงคะ!! //อย่า...อย่าเพิ่งขึ้น//  แต่เฮียแกก็ยังไม่ยอมหยุดค่ะ  ยังคงเดินหน้ามหกรรมรังแกเหมียวต่อไป

ไรท์เชื่อค่ะว่าหลายท่านชิงชังและเกลียดขี้หน้าเฮียโด้ในเรื่องนี้ของเรามาก  แต่ว่าภาคนี้จะเพิ่มลิมิตความชังเฮียแกให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ! //อ้าว? แล้วเกริ่นเพื่อ?//  555555  แต่ถึงเฮียแกจะร้าย แต่เฮียก็รักเหมียวค่ะ  ฮิ้วววววว >< อิๆ บ้าๆๆ //สักพักโดนบอลอัดหัว หมดสติ _ _//

และไรท์ขอบอกเลยค่ะ ชื่อเรื่องกะโหลกกะลามาก....และสารภาพเลยค่ะ ว่าไรท์คิดนานมาก เอาให้เข้ากับภาคแรก  ไม่ใช่อยู่ๆ คิดอะไรก็โด่มาแบบนั้น  แต่มันก็ตันค่ะ  ตันตึ๊บเลยค่ะ -*-  //งั้นก็ตายซะ!// เอื้ออ!! อย่า...อยะ อย่าเพิ่ง  อย่าเพิ่งฆ่าข้าพเจ้าเลยย! //ถ่างนิ้วร้องห้าม//  โอ๊ย พออ!!  //บอกตัวเอง// พอเถอะค่ะ  รู้สึกจะมากไปในแล้วเรื่องความรั่ว

ตอนแรกไรทืก็คิดว่าจะเป็นแค่ SF ล่ะค่ะ  แต่ว่าพอไปพอมาแล้วยาวมาก  เป็นหนึ่งร้อยหน้า Word ค่ะ  ไรท์เลยต้องเป็นสำเนาสกุลเนอะ(?)  แต่คาดว่ารีดบางท่านที่อยากอ่านยาวๆ น่าจะถูกใจนะคะ  ไม่ต้องรอนานจนเกินไป  เอาให้จุใจร้อยหน้าไปเลย 5555 

เรื่องนี้เป็น Fic แย้ววว  หวังว่ารีดๆ คงจะชอบกันนะค้าาาาา

และสำหรับท่านใดที่มาอ่านเจอ Part นี้ ในเรื่องนี้แล้วปุ๊บ  อ่านจบดูงงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน  ใยคนในนั้นถึงเป็นอย่างนี้ก็เข้าไปอ่านภาคแรกได้ที่นี่เลยค่าา กดเลย


สั้นๆ 3 part เท่านั้นเองค่ะ (แต่ได้ใจความ หึๆ) อ่าน Part 1 เสร็จแล้วจิ้มปุ่มเมนูด้านข้างหรือตอนถัดไปด้นล่างเพื่ออ่าน Part ต่อไปเบาๆ นะคะ อิๆ >< อ่านแล้วท่านจะรู้ว่าใย เรื่องนี้ถึงได้เป็นแบบนี้ค่ะ 55555  โอเค บอกไรท์เลิกเมาท์แล้วเราไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ  ไปกันโลยยยยยยย




---------------------------------------------------------------------------------------------


ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมองสนามหญ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาด้วยความตื่นเต้น

ถ้าได้ไปเล่นฟุตบอลที่นั่นก็คงจะดี........ร่างเล็กคิดในใจกับตัวเอง  ในขณะที่ดวงตากลมใสราวกับลูกแก้วนั้นก็ยังคงจับจ้องภาพตรงหน้าอยู่อย่างไม่ละ  สถานที่ๆ ใครก็ตามซึ่งรักฟุตบอล จะต้องอยากไปที่นั่นเป็นแน่

และนั่นจะเป็นโอกาสอันดีที่คนเหล่านั้นจะได้แสดงฝีมือให้คนทั่วทั้งโลกได้เห็น  ได้ซ้อมและเล่นบอลในสนามดีๆ  มีโค้ชฝีมือเยี่ยมคอยฝึกสอนให้คำปรึกษา  มีสปอร์นเซอร์พร้อม  และสวัสดิการดีเยี่ยม

..........ถ้าถูกเสนอโอกาสให้มายืนอยู่ตรงจุดนั้นใครล่ะจะกล้าปฏิเสธได้..........

“แม่ว่าถ้าแมวมองจากสโมสรฟุตบอลที่อังกฤษเค้ามาหาเด็กมีพรสวรรค์ในเมืองของเรา ลูกคงจะมีสิทธิ์เป็นอันดับต้นๆ แน่เลยลีโอ” หญิงวัยกลางคนที่ตักอาหารเพิ่มให้ลูกชายที่นั่งจ้องจอทีวีอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง  เป็นเชิงว่าเห็นเป็นเช่นนั้นจริง  เมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอยังคงจ้องภาพในทีวีไม่เลิกเสียที

ใช่  ถ้าหากโดนหยิบยื่นโอกาสให้จริงๆ

เมสซี่ได้ยินดังนั้นก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะหลุบตาลงมาจากจอทีวี ที่กำลังแสดงโฆษณาพิเศษของสโมสรฟุตบอลเยาวชนชื่อดังในประเทศอังกฤษ ที่ได้ทำการหยิบยื่นโอกาสอันยิ่งใหญ่ซึ่งหายากที่สุดในรอบหลายๆ ปีให้แก่เด็กหนุ่มที่มีความสามารถและพรสวรรค์ชนิดที่หาตัวจับยาก  ซึ่งแน่นอนเด็กชายผู้โชคดีคนนั้นจะได้ไปเป็นนักเตะเยาวชนในสโมสรฟุตบอลอังกฤษแห่งนั้นด้วย

พระเจ้า  นั่นอังกฤษเชียวนะ ที่ๆ ประวัติศาสตร์ของฟุตบอลได้เริ่มขึ้น

..........ที่นั่นมันคือหนึ่งในความฝันของคนรักฟุตบอลเลยล่ะ..........

เมสซี่รักฟุตบอลและคำพูดให้กำลังของแม่ก็ฟังดูยอดเยี่ยมมากสำหรับเค้า  แต่ทว่ามันก็ยากเกินกว่าที่จะเป็นไปได้

“คงไม่หรอกครับแม่” เด็กหนุ่มบอก “ผมได้ยินเพื่อนๆ ที่โรงเรียนพูดกันว่าคนจากทางสโมสรอังกฤษไปมองหาเด็กในเมืองข้างๆ  ที่นั่นแต่คนเก่งๆ และโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากกว่าเราเยอะครับ  ผมว่าผมดูทีวีอย่างเดียวก็ดีอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มที่ก้มหน้ามองตักตัวเอง เมื่อเอ่ยถึงข้อเท็จจริงนั่น เมสซี่บอกกล่าวกับมารดาที่ชะงักมือกุลีกุจอนั้นลง

“ที่นั่นมีการแข่งขันมากกว่าที่นี้เยอะเลย” เมสซี่ยักไหล่  แม่ของเค้าทำหน้าเห็นใจ

จนกระทั่งชายอายุมากที่สุดในโต๊ะอาหารวางแก้วน้ำลง  ฉกชิงลำดับการพูดของภรรยาไป แล้วเอ่ยถามลูกชายเพื่อเปลี่ยนเรื่องบ้าง

“เออ  แล้วโรงเรียนใหม่เราล่ะ   ไปเรียนมาตั้งสองอาทิตย์แล้วนี่ เป็นยังไงบ้างไม่เห็นเล่าให้พ่อกับแม่ฟังบ้างเลย” พ่อของเค้าพูด  แต่เมสซี่กลับเงียบไป

“นายคิดว่านาย...น่าจะพอช่วยได้ ยังงั้นเหรอ?”

ร่างเล็กไหล่กระตุก  เสียงในวันสุดท้าย ก่อนเค้าจะตัดสินใจย้ายโรงเรียนดังขึ้นมาในหัวอย่างไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ 

โรงเรียนใหม่เป็นอย่างไรบ้าง?  โรงเรียนใหม่  โรงเรียนใหม่.......... 

โรงเรียนเก่า  โรงเรียนเก่า  โรงเรียนเก่า

“วันนี้นายจะยังกลับบ้านไม่ได้เมสซี่”

“อย่ามาแต่กับฉัน......นี่ฉันยังไม่ร่วมที่เนย์มาร์มาช่วยนายอีกนะ”

เมสซี่หายใจสะดุดในตอนที่ปั้นยิ้มเจื่อนๆ ออกมาแล้วหมุนตัวออกจากเก้าอี้

“กะ ก็ดีเหมือนเดิมฮะ  ผมอิ่มแล้ว  ขอตัวก่อนนะครับ.....ราตรีสวัสดิ์“ เมสซี่ลุกขึ้น และเลี่ยงหัวข้อสนทนาอย่างเสียไม่ได้เช่นทุกครั้ง  เสียงนั่นดังขึ้นในหูของเค้าอีกแล้ว.....เสียงของคนที่เค้าไม่ต้องการที่จะได้ยินมันอีก

แม่ของเค้าขยับเข้ามาใกล้อย่างเป็นห่วงความรู้สึกของลูกชายตัวเอง  เมื่อเธอเองก็รู้ว่าเมสซี่นั้นสนิทสนมกับเพื่อนที่โรงเรียนเก่ามากมายเพียงใด  เพราะฉะนั้นการเตรียมใจในเวลาอันรวดเร็วนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการบอกลาจากการย้ายโรงเรียน  แต่ว่าเหตุผลที่อยู่ๆ เจ้าตัวก็ขอย้ายโรงเรียนนั้น คืออะไร เธอก็ยังไม่รู้เลยเช่นกัน

“โธ่  ลูกรัก....” เธอเอื้อมมือไปหมายจะกอดลูกชายที่วันๆ เอาแต่เก็บตัวมากขึ้นให้ได้รับไออุ่นจากแม่  แต่เด็กหนุ่มร่างเล็กที่กำลังลุกขึ้นก็เบี่ยงตัวหนีไปเสียอย่างนั้น  หญิงวัยกลางคนชะงัก 

เมสซี่เดินออกไป  เร่งฝีเท้าเมื่อพ้นออกมาจากห้องครัวแล้วขึ้นบันได้ไปที่ห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว  ก่อนจะขังตัวเองไว้ในนั้น  ไม่ยอมลงมาอีกตลอดทั้งคืน

หญิงวัยกลางคนทำหน้าตากังวลกับความเปลี่ยนแปลงของลูกชาย  ก่อนจะหันมาทำหน้าตำหนิใส่สามีที่ดันไปเอ่ยถึงเรื่องที่ไม่ควรเอ่ยอีกครั้งหนึ่ง

เธอไม่รู้ว่าทำไมเมสซี่จึงขอย้ายโรงเรียน  บางทีอาจเป็นเพราะทะเลาะหรือเข้ากันไม่ได้กับเพื่อนบางคน  แต่เธอก็ไม่เคยซักถามอะไรลูกชายให้มากความเลยสักครั้ง เมื่อเด็กหนุ่มมีท่าทางที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากมายขนาดนั้น  ลูกชายของเธอเปลี่ยนไป  กลายเป็นเก็บตัวมากขึ้น  ออกไปเล่นบอลกับเพื่อนน้อยลง  มักจะตัวสั่นทุกครั้งที่โดนแตะตัว  และพูดคุยน้อยลงด้วยอย่างหาเหตุผลมาประกอบไม่ได้  แต่สิ่งเดียวที่ยังคงเหมือนเดิมสำหรับเมสซี่ ก็คือฟุตบอล..........

เด็กหนุ่มรักฟุตบอล  กีฬานั้นคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเด็กหนุ่มให้ก้าวต่อไปได้  ถึงแม้ว่าเค้าจะต้องเจ็บจนบอบช้ำเพราะมันก็ตาม..........

“ฉันจะงดข้าวเย็นคุณ  ถ้าคุณพูดเรื่องนี้กับลูกอีก” หญิงที่อารมณ์บูดพูดกับสามีที่สะอึกไปชั่วขณะ


-----------------------------------------------------------------------------


-----------------------------


สูงขึ้นไปด้านบนของสามีภรรยาที่เริ่มทานมื้อเย็นกันอีกครั้ง โดยปราศจากลูกชายที่ทานน้อยจนน่าเป็นห่วงอีกครั้งหนึ่ง  ถัดขึ้นไปบนชั้นสองคือห้องนอนของร่างเล็กที่เพิ่งจะห่อตะบึงกลับขึ้นมา  เปิดประตูห้องแล้วปิดมันลงอย่างเงียบเชียบ  แต่ไม่เชื่องช้า

เมสซี่ทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มและอบอุ่นของตัวเอง  ร่างเล็กนั่งอยู่บนนั้น ปีนขึ้นไปตรงมุมข้างหน้าต่าง  แล้วหดขากอดเข่าตัวเอง  ก่อนสายตากลมโตแสดงแววเศร้าหมองจะทอดมองไปเห็นบอลลูกใหม่ที่พ่อเพิ่งซื้อมาให้เพื่อทดแทนลูกเก่าที่หายไปของเค้า

ลูกบอลลูกนี้แทนลูกเก่าของเค้าไม่ได้หรอก  ไม่มันใช่ลูกเก่าที่นำโชคของเค้า  ไม่ใช่....ไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว

เพื่อนใหม่ที่โรงเรียนใหม่ก็แทนเพื่อนๆ คนเก่าของเค้าไม่ได้เหมือนกัน  ถึงจะดูดีกว่า  ใหญ่กว่า  มีคนที่มีความสามารถมากกว่า  มีสนามฟุตบอลที่ใหญ่ไม่แพ้กัน..........ก็เทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

แม้แต่น้อย..........

ไม่ใช่ว่าโรงเรียนแห่งใหม่ที่แม่เสนอให้จะไม่ดีหรอกนะ  เพียงแต่ว่าร่างเล็กไม่ได้อยากจากเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเก่ามาเลย  ทุกคนรักเค้าและใจดีกับเค้ามากๆ เมสซี่ก็เช่นเดียวกันที่รักเพื่อนๆ ของเค้ามากมายยิ่งกว่าสิ่งใด  และทุกอย่างก็ดีมาก  การไปโรงเรียนในแต่ละวันของเค้านั้นทำให้ร่างเล็กมีความสุขมากเกินกว่าที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งพึงจะมีได้

ชมรมกีฬาที่นั่นก็ยอดเยี่ยม  รุ่นพี่ที่ชมรมทุกคนกระตือรือร้น ทำให้เค้ารู้สึกกระตือรือร้นตามไปด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เด็กข้างสนามก็ตาม  รุ่นพี่ทุกคนยินดีสอนทุกอย่างให้เค้าด้วยความเต็มใจเสมอ พร้อมทั้งทำให้ความรู้สึกอบอุ่น  แต่นั่นคงจะไม่ใช่กับ..........

“ถ้านายเกลียดฉันนักล่ะก็เกลียดไปเลย......เพราะวันนี้นายจะได้เกลียดฉันมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา” 

เสียงทุ้มต่ำที่ดังก้องเอ่ยคำอย่างไม่ใยดี  ใบหน้าคมสันที่ปราศจากรอยยิ้มแห่งความจริงใจ  ดวงตาคมประดุจเหยี่ยวที่จ้องมองมาอย่างเยือกเย็นป่านจะสาปแช่งทุกอย่างให้หายไป  คิ้วเรียวเข้มที่ขมวดมุ้นเข้าหากันอยู่ตลอดเวลาอย่างแสดงอารมณ์หงุดหงิด

...........ไม่มีท่าทางเพื่อบอกกล่าวอะไรล่วงหน้าเลย  ไม่มี..........

จนกระทั่งแขนกำยำนั้นฉุดดึงร่างของเมสซี่จนตัวปลิวให้ตามไป   ร่างเล็กพยายามขัดขืน  พร่ำถามว่าเหตุใดคนๆ นั้นจึงทำเช่นนี้กับตน  แต่ร่างกายแข็งแรงที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามนั้นก็ไม่ฟังคำวอนใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังฉีกกระชากทุกอย่างออกไป ทั้งความไว้วางใจและความศรัทธาที่เคยมีให้อย่างหาที่เปรียบไม่ได้    หนำซ้ำยังทารุณทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกายของเด็กหนุ่มจนบอบช้ำอีกด้วยต่างหาก

ชายคนนั้นไม่รู้หรอกว่ามันส่งผลย่ำแย่แค่ไหน  มันพาลทำให้ร่างเล็กหวาดระแวง สั่นผวาไปหมด  แม้แต่คนรอบข้างอย่างพ่อกับแม่ที่ให้กำเนิดเจ้าตัวมา

เมสซี่กัดริมฝีปากของตัวเองอย่างรู้สึกสั่นผวาไปทั้งหัวใจ  คืนนั้นนอกจากหลายสิ่งที่ถูกช่วงชิงไป ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังฉีกกระชากเอาการใช้ชีวิตอย่างปรกติสุขของร่างเล็กไปด้วย..........โดยที่เค้าก็คงจะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างน้อยๆ ที่ตัวสั่นเทาเมื่อยามคิดถึงเรื่องราวในคืนนั้นเลยด้วยซ้ำ

โรนัลโด้......คริสเตียนโน่   โรนัลโด้

ชายผู้เป็นดั่งฮีโร่ของร่างเล็ก  ร่างสูงปราดเปรียวที่เป็นดั่งพญาอินทรีย์ในฝูงของหมู่นกทั้งหลาย  ทั้งว่องไวและแม่นยำ  และเคยเก่งกาจเพียงใดเมื่อยามที่ได้ลงสนามเมสซี่จำได้ดี  ครั้งแรกที่เห็นโรนัลโด้จากขอบสนามที่เต็มไปด้วยเสียงเด็กๆ ที่โหวกเหวกนั้น ยังเป็นคราวที่ร่างเล็กยังคงเป็นเพียงแค่เด็กประถมที่กำลังขึ้นมัธยมต้นอยู่เท่านั้นเอง  เจ้าตัวรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างไรก็ยังคงจำได้  ดวงตาที่ไม่เคยปิดกระพริบลงเลยเมื่อได้เห็นการเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมจนผู้เล่นคนอื่นไม่สามารถจะเทียบชั้นหรือติดฝุ่นได้  ในนาทีนั้นไม่เลย....ไม่มีใครเลยที่จะเทียบเคียงกับโรนัลโด้ได้

ดังนั้น ร่างเล็กจึงเดินเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนที่โรนัลโด้เรียนอยู่  และตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าตัวเองจะต้องเป็นอย่างรุ่นพี่ร่างสูงคนนี้ให้ได้  โรนัลโด้เป็นต้นแบบที่ดีแก่เมสซี่เสมอมา จนกระทั่ง...........

“ก็ไหนนายบอกว่าจะบีบให้เจ้าเด็กนี้ออกจากชมรมไงล่ะ....ก็ต้องอัดสิ”

“ใช่....หรือนายเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะคุณโรนัลโด้”

ทำไม..........

ทำไม?

ทำไมกัน?!  ทำไมรุ่นพี่ร่างสูงที่ร่างเล็กเทิดทูนจะต้องทำแบบนั้นกับเจ้าตัวด้วย  เมสซี่ไม่เข้าใจ  ในหัวไม่สามารถเค้นหาเหตุผลที่จะอธิบายกับเหตุการณ์นั้นออกมาได้..........ทำไมล่ะ  โรนัลโด้เกลียดเมสซี่อย่างนั้นหรือ?  มีเหตุผลอะไรทำไมถึงต้องการแบบนั้น  แล้วทำไมต้องพาร่างเล็กไปที่บ้านของเพื่อนด้วย

แล้ว.....แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นกัน!

“อึก ฮ่าาไม่เอา  พอแล้ว....อ๊า!...ฮึก อื้อออ”

เมสซี่หลับตาปี๋แล้วกอดตัวเองเมื่อเสียงของเค้าดังก้องขึ้นมาอีกครั้งหลังจากนับไม่ถ้วนตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา  ทำยังไงเสียงของโรนัลโด้  เสียงที่ร้องขออย่างอ้อนวอนแต่ก็ไร้ประโยชน์ของเจ้าตัวจะหายไปได้เสียที  เสียงนั้นมันกรีดแทงความรู้สึกของเมสซี่ตลอดเวลา..........ทั้งวันทั้งคืน

เกลียดกันมากขนาดนั้นเลยหรือ?  เพราะอะไรล่ะ..........เด็กหนุ่มพยายามหาสาเหตุว่าตัวเองเคยไปทำตัวกวนใจหรือรกหูรกตาอีกฝ่ายบ้างหรือไม่  แต่ก็เปล่าเลย  ไม่มีอะไรที่เป็นไปได้สักอย่าง  เมสซี่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรโรนัลโด้ถึงได้อยากให้เจ้าตัวออกจากชมรมแบบนั้น 

แต่สุดท้ายแล้วเค้าก็ได้มันสมใจ

และร่างเล็กคงจะไม่สามารถกลับไปเจอหน้าอีกฝ่ายได้อีกแล้ว  โรนัลโด้น่ากลัวเกินไปที่จะต่อกรด้วย.........

“ลีโอ!.....ลีโอมีรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่ามาหาแหนะลูก”

แต่ทันใดนั้นเสียงของแม่ก็ดังขึ้นมาจากห้องนั่งเล่น ฉุดกระชากร่างเล็กให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน  และหลังจากจบประโยคนั้น ก็ทำเอาร่างเล็กไม่กล้าขยับไปไหนเลย..........

รุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าอย่างนั้นหรือ?

ใครกัน?..........ร่างเล็กตั้งคำถามในใจอย่างนึกหวาดหวั่น ถึงแม้ว่าจะมีลางสังหรณ์หาคำตอบในหัวใจเอาไว้แล้วก็ตาม  แต่จะเป็นไปได้อย่างไร?  มีธุระอะไรทำไมถึงต้องมาที่นี่

เด็กหนุ่มกอดเข่าตัวสั่นเทาอยู่บนเตียง  และเสียงด้านล่างก็ดังเรียกร้องขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

“ลีโอ  พี่เค้ารออยู่นะลูกรัก  ลงมาเร็วเข้า

แม่.....โอ้ไม่นะ

ร่างเล็กขย่ำผมตัวเอง  นึกอยากจะตะโกนกลับลงไปด้วยถอยคำที่เสียมารยาทอย่าง “ไม่ผมไม่อยากเจอเค้า  บอกให้เค้ากลับไปซะ! เสียจริง  แต่เมสซี่ก็รู้ว่าแม่จะต้องไม่พอใจมากๆ ถ้าเค้าไม่แม้แต่จะลงไป  และถ้าหากมีพ่อกับแม่อยู่เค้าคนนั้นก็คงจะไม่กล้าทำอะไรเกินเลยอย่างที่คาดไม่ถึงหรอก 

ลงไปแค่แปบเดียวแล้วขอตัวกลับขึ้นมาก็ได้นี่.......เมสซี่คิดเรื่องที่ทำให้ตัวเองไม่โดนแม่ดุในใจ  จนร่างเล็กๆ ของเค้ายอมลงมาจากห้องของตัวเองแต่โดยดี  ขาขาวผิดจากเด็กหนุ่มทั่วๆ ไปก้าวลงบันไดมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ และพยายามทำให้มันออกตัวช้าที่สุด  หัวใจเด็กหนุ่มเต้นระรัวเหมือนเสียงกลอง

ก่อนที่เค้าจะเห็นแม่ซึ่งถือผ้าเช็ดโต๊ะอาหารมองมาทางเค้าอยู่อย่างรอคอย  และพ่อที่ดูช่องข่าวกีฬาอยู่ก็หันมามองเค้าอย่างนึกสงสัย  จึงเป็นเหตุให้ร่างเล็กที่ย่องด้วยปลายเท้าอยู่บนขั้นสุดท้ายของบันไดต้องสะดุ้งตัวน้อยๆ แล้วรู้สึกเหมือนตัวหดเล็กลง

แม่ทำสายตาตำหนิใส่เด็กหนุ่ม เพราะเธอรู้ว่าลูกชายกำลังทำนิสัยไม่น่ารักใส่แขกที่มารอพบ  และเลิกคิ้วให้ลูกชายเป็นเชิงว่า “เค้ารออยู่นั่น”

ร่างเล็กรู้และเข้าใจถึงสัญญาณนั้นทันที  ก่อนลำคอเล็กจะกลืนของเหลวดังเอื๊อกแล้วหันไปเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ที่ไม่อยากเจออย่างเสียไม่ได้  เมสซี่เกาะราวบันไดแน่น  ปลายเท้าน่าทะนุถนอมเกินเด็กผู้ชายยังคงยืนอยู่บนบันไดขั้นสุดท้าย  และร่างเล็กก็ดวงตาเบิกกว้าง

“ไงลีโอ  ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


.


.


.


TBC.


----------------------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยยยยยยยยยยย ใครมาหาเหมียวววววว ><  ใครๆๆ ใครกันน้าา! >[]<  ง่าาาา  แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไปล่ะเนี่ยยยย  รอๆ ติดตามชมกันใน part หน้านะคะ 55555555 

ไรท์กลับมาแล้วค่ะ 555555 //สะใจตัวเองค่ะ//

แล้วส่วนท่านใดที่เพิ่งเข้ามาเจอะกัน ก็สามารถเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับไรท์ได้เลยนะคะ ที่เฟสบุ๊คของไรท์ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< ค่ะ  จิ้มโล้ดเลยค่าาา ^^ จะจิกรึทวงฟิคก็ได้ไรท์ไม่ว่าค่ะ 5555  และอย่าลืมมาให้กำลังใจเหมียวกันใน Part หน้าด้วยนะคะ  ให้กำลังใจไรท์น้อยๆ คนนี้ด้วยก็ได้นะคะถ้าใจบุญ ฮาาาา

หากเปิดมาเจอคอมเม้นท์เยอะๆ แล้วอยากจะคึกโยนงานทิ้งแล้วมาลงฟิคก่อนก็ได้นะคะ 5555 //ส่อมากมาย -*-//  ปรกติไรท์เป็นงั้นบ่อยเลยค่ะ  เพราะคนคอมเม้นท์เยอะแสดงว่ามีคนรออ่านมาก  เพราะงั้นไรท์ก็เลยเกรงใจค่ะ 5555555  ว่าเข้าไปนั่น

โอเคๆๆ  จ้างไรท์ให้เลิกฝอยทีค่ะ  รู้สึกจะไหลอีกแล้ว -*-  แล้วพบกัน Part หน้านะคะ ^^  รักรีดทุกท่านมากมายล้นใจเลยค่ะ ^3^

ด้วยรักและแรงหื่น

Ray - Aund