ชูป้ายเยอรมัน//
อร๊ายยยย เหล่าลูกเสือจงเจริญ—
ก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้วนะค่ะกับเรื่องนี้ Part นี้ไรทืแนะนำให้อ่านมากๆๆๆๆ
ยิ่งกว่า Part 1 เลยค่ะ......เพราะว่าฮากว่า 55555
ตอนท้ายๆ
หลังจากที่เฮียมานูเอลแกฉุดบาสเตียนของเราแล้ว 5555...อุ ไรท์สปอยล์สิเนี่ย
อื้มมมม ไปอ่านกันดีกว่าค่ะ ได้อารมณ์กว่าเยอะ หึๆ //ยิ้มหื่น//
----------------------------------------------------------------------------------------
“อะ อ้าาๆๆ ....บาสเตียน....ฮ้า”
“อื้อ...ฮา...โท..อึ..โทมัส....อ่าา”
“อะ อ่า...นาย อึก รัดแน่นชะมัดเลย...โอ้ อ้าา”
“อึก อือ อ่าๆๆๆ” บาสเตียนเกาะมึลเลอร์แน่และยกสะโพกขึ้น........
เฮือกก….!
“อ๊ะ อื้อ!”
ดวงตาเบิกกว้างขึ้น
และอกบางก็กระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงบ่งบอกได้เลยว่าเค้าเพิ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝัน
...............หรือจะว่าไปแล้ว
ฝันของเค้ามันเก็บเอาความทรงจำเข้ามาฉายซ้ำใหม่ในหัวเค้าน่ะสิไม่ว่า.............
ทว่าไม่ใช่ความทรงจำที่เลวร้าย
แต่มันเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับเค้า.............
อีกคนหนึ่งถะนุทนอมและอ่อนโยนกับเค้ามากเลยทีเดียว
บาสเตียนขยับตัวพยายามลุกขึ้นแต่ทว่าความเจ็บที่แล่นริ้วมาเล่นงานเค้าจนต้องค้างอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่แบบนั้น บาสเตียนทำหน้าเหยเกและอุทานออกมาเบาๆ ว่า “เจ็บ”
(ถึงแม้มึลเลอร์จะยั้งมือแล้วก็ตามเถอะ)
เค้าหันไปเห็นคนที่กำลังกล่าวถึงนอนหลับสนิทอยู่ข้างตัวเค้า บาสเตียนตาโต
..........ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องเมื่อคืนจะเป็นความจริง..............
ระ เรานอนกับ....โทมัส โอ้
แล้วพรุ่งนี้เช้าจะทำหน้ายังไงใส่กันล่ะเนี่ย
นึกไม่ออกเลย.........บาสเตียนคิดในใจ
พลางเริ่มขยับตัวใหม่เมื่อเริ่มชินกับอาการปวดทางด้านหลังแล้ว
พรุ่งนี้เช้าสำหรับมึลเลอร์น่ะไม่ยากหรอก แต่สำหรับเค้านี้สิไม่รู้จะทำไงดี ไม่รู้จะพูดยังไง หรือทำหน้ายังไง.........บาสเตียนคนนี้ไม่เก่งในเรื่องแบบนี้เอาหรอกนะ
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเค้าทำตัวยังไงต่อหน้ามึลเลอร์ลงไปบ้าง..........บาสเตียนยกมือขึ้นทาบหัว
โอ้
แย่แล้ว....ฉันต้องน่าอายมากแน่ๆ เลย
และพรุ่งนี้ถ้าคนอื่นๆ มาปลุกที่ห้องแล้วไม่เจอฉันต้องวุ่นวายกันแน่ๆ เลย อืมม งั้นกลับก่อนดีกว่า
แล้วเค้าก็พบว่ามันการยากที่จะทำแบบนั้น
เมื่อร่างกายของเค้าเหมือนไม่อยู่ในการควบคุม อะไรๆ ก็ยากไปหมดเพราะความปวดเมื่อย แต่ในท้ายที่สุดแล้วบาสเตียนก็แต่งตัวจนเสร็จและกำลังนั่งแปะอยู่ที่ขอบเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
อาการไข้ลดลงแล้วเพราะยาที่มึลเลอร์บังคับให้เค้ากิน
และพรุ่งนี้เช้าคงต้องขอยาแก้ปวดกินอีก..........บาสเตียนคิดอย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆ
ลุกขึ้นดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้มึลเลอร์ หลังจากที่เจ้าตัวทำการถีบมันออกไปจากตัว
ถึงว่าทำไมหนาวๆ........บาสเตียนคิด ในขณะที่มองดูมึลเลอร์ยกมือขึ้นเกาคางของตัวเองแล้วกรนไปด้วย [ยอดคน....หยุดกรนแล้วเกาแล้วค่อยกรนใหม่ไม่ได้เหรอ
: Ray - Aund]
ไม่อยากจะเชื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
เค้ากับเพื่อนร่วมทีมของเค้าที่สนิทกันเอามากๆ.......บาสเตียนอมยิ้มแล้วจูบเบาๆ
เข้าที่แก้มของคนที่หลับสนิท
“ฝันดีนะโทมัส” เค้าพูด
ก่อนจะหันไปเจอนาฬิกาตรงผนังมันบอกเวลาว่านี่เลยเที่ยงมาได้ห้านาทีแล้ว..........หวังว่าดึกขนาดนี้แล้วเพื่อนคนอื่นๆ
คงจะกลับห้องนอนกันหมดแล้วนะ
เพราะถ้าไม่เค้าคงจะแย่ทีเดียว
เรื่องโกหกและทำตัวเนียนบาสเตียนไม่ค่อยเก่งเท่าไรนักหรอก.............
ร่างบางโผล่หน้าออกมาจากประตูอย่างระแวดระวัง
พลางมองซ้ายมองขวาและเมื่อไม่เห็นใครเค้าก็ใจชื่นขึ้น จากนั้นก็เดินเอียงๆ
ออกมาจากห้องของมึลเลอร์แล้วปิดกลับเข้าไปเหมือนเดิมอย่างเบามือ
อันที่จริงบาสเตียนไม่ควรทำอย่างนี้ด้วยซ้ำ เค้าควรจะนอนพักผ่อนให้เต็มทีจนถึงเช้า แต่ตอนนี้.....ในเวลาเที่ยงคืนแบบนี้
เค้ากลับมาเดินกระโผลกกระเผลกฝ่าลมเย็นของชายทะเลเพื่อไปนอนต่อที่ห้องของตัวเอง และใช่ มันยากที่จะเดินกลับห้องไปทั้งอย่างนั้น.......ไม่ใช่ง่ายๆ
เลย แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้กันดี บาสเตียนคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความพยายาม
จนในที่สุดร่างโปร่งบางก็พาตัวเองมาถึงห้องจนได้
โดยที่ไม่มีใครเห็นด้วย
“โอ้ ขอบคุณพระเจ้า”
บาสเตียนถอนหายใจอย่างโล่งอกและพึมพำกับตัวเองขณะพิงหลังกับประตูห้อง
เมื่อเค้าเข้ามาเรียบร้อยแล้ว............ภายในห้องที่มืดสลัวของเค้าไม่มีร่องรอยใดเลยของการอยู่อาศัยเพราะบาสเตียนยังไม่ได้เข้ามาห้องเลยหลังจากที่เอากระเป๋าเข้ามาเก็บเมื่อเช้า ซึ่งนั้นถือเป็นเรื่องดี บาสเตียนยิ้ม
“เฮ้อ.....นึกว่าจะโดนจับได้ซะแล้ว”
............แต่เค้าคิดผิด...........
“โดนจับได้?.....เรื่องอะไรหรือบาสเตียน”
พลันเสียงปริศนาก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดที่บาสเตียนมองไม่เห็น ร่างบางสะดุ้งเฮือกทันที หัวใจเค้าหยุดเต้น และรู้สึกชาไปทั้งตัว
เสียงที่ได้ยินนั้นดังมาจากในห้องของเค้าแน่บาสเตียนฟังไม่ผิดหรอก.........แต่ว่านั้นไม่ดีเอาเสียเลยสำหรับเค้า
โอ้ ไม่นะ!!
มีบางอย่างขยับและเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืด
บาสเตียนเกาะลูกบิดประตูแน่น........ผีน่ะเค้าไม่กลัวหรอก
เค้ากลัวจะเป็นคนซะมากกว่า............
ร่างบางหอบหายใจและใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จนกระทั่งไฟจากโคมไฟถูกเปิดขึ้น และแสงสว่างทำให้บาสเตียนเห็นบุคคลนิรนามที่นั่งรอเค้าอยู่บนเตียง
“ไง....นายกลับห้องดึกทีเดียวนะ”
เค้าพูด
“มะ มานูเอล.....นายมาอยู่นี่ได้ไง นะ นาย...ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ...”
บาสเตียนหน้าซีดเผือด
เมื่อใบหน้าของคนที่เค้าไม่คาดฝันว่าจะอยู่นี่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ามารอเค้าอยู่นานแล้ว
นอยเออร์ไม่ตอบ เค้ายังคงนิ่งรอคำตอบที่เค้าได้ถามบาสเตียนไปก่อนหน้า
แต่ทว่าการปรากฏตัวของเค้าเขย่าขวัญเจ้าของห้องไปไม่น้อย ดังนั้นคำถามของเค้าจึงยังไร้คำตอบ
นอยเออร์ใจเย็นมาสี่ชั่วโมงเต็มๆ
แล้วจะใจเย็นอีกหน่อยเค้าคิด....ก็คงจะไม่เป็นไรหรอก “นายไปไหนมาบาสเตียน”
เค้าถามเสียงเย็น
แต่ความใจเย็นของเค้าไม่ได้ส่งผ่านไปถึงบาสเตียนเลย อีกคนหนึ่งดูเหมือนจะยิ่งรู้สึกแย่มากกว่า บาสเตียนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
เค้าไม่รู้ว่าควรบอกความจริงไปดีไหมเพราะนอยเออร์ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งสำหรับเค้า แต่ถ้าจะให้บาสเตียนเลี่ยง
เค้าก็ไม่รู้ว่าจะโกหกออกไปว่าอะไร
“อะ เอ่อ ฉัน.....”
แล้วเค้าก็เงียบไปนานจนกระทั่งเป็นนอยเออร์ซะเองที่ทำลายความเงียบ
“นายรู้ไหม
ที่จริงฉันไม่ได้ป่วยหรอก.....ก็แค่ไม่อยากลงไปวุ่นวายกับปาร์ตี้ของเจ้าพวกนั้น
ก็เท่านั้น” ร่างที่นั่งอยู่บนเตียงเงียบไป แล้วหันไปมองร่างที่ปักหลักอยู่ตรงประตู
อย่างไม่สามารถอ่านความหมายได้
“หระ หระ หระ เหรอ....ฉันนึกว่านายป่วยจริงๆ ซะอีก”
บาสเตียนพยายามยิ้ม
เค้าพยายามแล้วแต่คิดว่ามันคงดูแห้งและฝืนเอามากๆ
“และรู้ไหม ฉันมารอนายอยู่นี่....นานแล้ว”
นอยเออร์พูดก่อนจะยืนขึ้นจนเต็มความสูงแล้วเดิมมาหาบาสเตียน
บาสเตียนตกใจรีบถอยหลังออกไปแต่ทว่าหลังของเค้าติดกับประตูเสียแล้ว
และการที่ได้อยู่กับนอยเออร์มานานพอสมควรทำให้บาสเตียนรู้ว่าร่างสูงหกฟุตสี่ตรงหน้านี่เป็นเช่นไรเวลาที่ไม่พอใจ
ใช่
แบบนี้เลยล่ะ....มานูเอลกำลังไม่พอใจ!!.......บาสเตียนกัดริมฝีปากบางๆ
ของตัวเองในขณะที่อีกคนกำลังตรงมาหาตน
อาจจะเป็นเพราะต้องมานั่งรอนานๆ แล้วไม่มีคำแก้ตัวดีๆ
ให้ก็เป็นได้ร่างสูงเลยรู้สึกเหมือนถูกมองข้าม.............ก็แล้วจะให้บอกได้ยังไงล่ะ
ว่าทำไมถึงกลับดึก!!.............
นอยเออร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของบาสเตียนผู้อกสั่นขวัญแขวน
สายตาซึ่งยากที่จะอ่านออกเพ่งมองสำรวจไปทั่วตัวของคนที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงหน้า
“มะ มานูเอล...ฉัน....อ๊ะ! อ๊าา!” บาสเตียนร้องเสียงหลง
เมื่อนอยเออร์ขยุมคอเสื้อของเค้ายกขึ้นแล้วเหวี่ยงร่างของเค้าไปที่เตียงหลังใหญ่
ตุ้บบ!!
“อึก....มะ มานูเอล”
บาสเตียนละลำละลักเมื่อตัวของเค้ากระแทกลงกับเตียงนุ่มอย่างแรง
แล้วตามมาด้วยร่างของนอยเออร์ที่ขึ้นคร่อมทับบนตัวเค้า
และด้วยสัญชาติญาณบาสเตียนพยายามผลักไสอกของเพื่อร่างสูงให้ออกไป
แต่ทว่าเค้ากลับโดนล็อคมือทั้งสองให้ติดลงกับที่นอนนุ่มแทน
บาสเตียนดิ้น
เค้าไม่สามารถอ่านสถานการณ์ได้ออกเลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้เค้ารู้แต่เพียงว่าต้องไม่ให้นอยเออร์อยู่ใกล้เค้ามากนักเพราะเพื่อนร่างสูงอาจสังเกตเห็นร่องรอยที่มึลเลอร์ฝากไว้กับเค้าได้
“มานูเอล”
บาสเตียนไม่สามารถบังคับเสียงของตัวเองให้ปรกติได้อีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้เค้ารู้สึกได้เลยว่าเสียงเค้าสั่นเครือและเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
คำขอร้องที่กำลังเอื้อนเอ่ยให้นอยเออร์ออกไปจากตัวเค้าก็ถูกชิงตัดบทก่อนด้วยถอยคำอันเยือกเย็นของนอยเออร์เอง
“ฉันจะไม่ถามนายอีกแล้วบาสเตียน”
ร่างที่กำลังพยายามหลุดให้ออกจากอ้อมแขนหยุดชะงักลง
แล้วจ้องหน้าคนพูดเช่นเดียวกับที่เจ้าตัวก็ถูกจ้องกลับมาเหมือนกัน......แต่กลับเป็นสายตาที่แข็งกราวและวาวโรจน์.......และในประโยคถัดมาของนอยเออร์ก็ทำให้บาสเตียนต้องสบตาค้างด้วยความไม่เข้าใจ
“นายเป็นของฉันนะบาสเตียน......เป็นมาโดยตลอด”
ร่างสูงมีแววเจ็บปวดในดวงตา ในขณะที่มองร่างด้านใต้ไปด้วย นอยเออร์ส่านหน้าอย่างเหม่อลอย
“....นายทำได้ยังไง”
ยังไม่ทันขาดคำ
ร่างสูงก็ก้มลงมาดูดเม้มซอกคอขาวเนียนใต้แสงจากโคมไฟของบาสเตียน
ร่างด้านใต้ออกแรงดิ้นมากขึ้นอย่างตกใจแต่กลับเทียบไม่ได้เลยกับแรงที่กดข้อมือทั้งสองเค้าไว้กับที่นอน
“อยะ...อย่านะมานูเอล อย่าทำแบบนี้
อะ อา...อืออ ” บาสเตียนร้องขอ
แต่ก็ต้องเริดหน้าขึ้นเมื่อลิ้นร้อนของนอยเออร์ไล่วนขึ้นมาสูงเรื่อยๆ
ไปตามแนวเส้นเอ็นของบาสเตียน
ร่างบางดิ้นขลุกขลักไปมาอย่างงุนงงและหวาดกลัวด้วยความที่ว่าไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้ทำแบบนี้มาก่อนและนี่ก็เปรียบเสมือนว่าเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง......บาสเตียนจำได้ดี
ว่ามันเป็นยังไง..... “อย่าทำแบบนี้ได้โปรด....”
“อย่าทำแบบนี้
ยังงั้นเหรอ.....” นอยเออร์ชูหัวขึ้นมาพูดเสียงแข็ง ก่อนจะเลื่อนมือมาฉีกเสื้อกล้ามของร่างโปร่งบางออกอย่างไม่ใยดี
“แล้วนี่ล่ะ.....มันหมายความว่าไง!”
บาสเตียนตกตะลึงกับการกระทำที่อุกอาจของนอยเออร์...........แต่สิ่งที่ทำให้เค้าหวาดกลัวมากที่สุดก็คือเรือนร่างของเค้าเอง
ทั่วทั้งลำตัวของบาสเตียนเต็มไปด้วยรอยดูดเม้มสีกุหลาบที่มึลเลอร์ทำไว้กับเค้า
“เดี๋ยวก่อน ฟังฉันก่อนนะ....”
“ฉันไม่ฟังแล้ว!”
“อย่า...อ๊ะ!”
บาสเตียนสะดุ้งสุดตัวเมื่อนอยเออร์ใช้ฟันกัดลงไปร่องรอยสีกุหลาบที่มึลเลอร์ฝากเอาไว้
แล้วมันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อร่างสูงไล่ไปซ้ำรอยทุกรอยที่เค้าเห็น
และไม่ว่าบาสเตียนจะร่ำร้องเพียงใดก็ตาม
มันก็ไม่สามารถเข้าไปถึงโสตประสาทของร่างสูงผู้หื่นกระหายได้เลย
..................ใช่ บาสเตียนเป็นของเค้ามาโดยตลอด
และไม่ว่าจะยังไงคนที่มองบาสเตียนมาโดยตลอดอย่างเค้าจะไม่ยอมเสียร่างบางตรงหน้านี้ให้คนอื่นไปเป็นอันขาด เพราะเป็นเค้าเองที่เฝ้ามองพฤติกรรมและความเป็นไปของคนๆ
นี้มาเนินนานแล้ว
และหลายครั้งที่นอยเออร์บอกตัวเองว่าให้เลิกมองบาสเตียนซะ
แต่เค้าก็ทำไม่ได้กลับรู้สึกดีซะอีกที่ได้เห็นรอยยิ้มและความน่ารักของบาสเตียน
มันทำให้เค้ารู้สึกว่าชีวิตประจำวันของเค้าไม่ได้น่าเบื่ออีกต่อไป............
แต่วันนี้เค้ากลับหัวเสียอย่างห้ามไม่ได้เมื่อรู้ว่าบาสเตียนกลายเป็นของใครคนอื่นไปแล้ว
........มันน่าโมโหชะมัด.........
“อื้ออ!...อย่า มานูเอล
ไม่...ฮึก”
“ใคร?.....มันเป็นใครที่ทำกับนายแบบนี้”
นอยเออร์พูดขึ้นเสียงเข้ม แต่บาสเตียนกลับส่ายหน้าแล้วเม้มปากแน่น
ร่างบางตัดสินใจจะไม่พูดออกไปเพราะเพียงแค่เห็นร่องรอยนอยเออร์ก็ทำถึงขนาดนี้แล้ว
แต่อาการปากแข็งบวกกับหยดน้ำตาที่ร่วงลงข้างหางตาก็ไม่สามารถทำให้นอยเออร์หยุดคาดคั้นได้
“อย่าให้ฉันต้องกัดนายอีกทีนะ”
เค้ากระซิบเยือกเย็น มองดูปฏิกิริยาของบาสเตียน และร่างบางก็ยังคงปิดปากเงียบ
นอยเออร์จึงกระชากเสื้อที่หลุดลุ่ยของบาสเตียนออกมาแล้วใช้มัดมือทั้งสองข้างของร่างบางไพ่หลังเอาไว้
“ฉันคิดว่านายควรจะบอกฉันนะ”
ว่าแล้วมือใหญ่ก็ล้วงลงไปใต้ร่มผ้าของกางเกงกีฬาตัวเก่งสีเข้มของบาสเตียน
แล้วบีบมันเบาๆ
“อ๊ะ...อ๊า!” บาสเตียนร้อง
“ฉันจะทำมากกว่านี้นะ ถ้านายไม่บอก”
นอยเออร์ถอดกางเกงของบาสเตียนออกแล้วยกขาทั้งสองข้างของร่างบางขึ้น เค้าบีบสะโพกนิ่มมือแล้วแยกมันออก
“ฮึก อย่า! มานูเอลอย่า....อึก
โทมัส.....โทมัสเป็นคนทำ” บาสเตียนหลับตาปี๋ในขณะที่พูดออกไป
เค้าไม่รู้ว่ายอมพูดออกไปแล้ว นอยเออร์จะยอมหยุดไหม
แต่พอเค้าลืมตาขึ้นมาก็พบว่านอยเออร์นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองอย่างใช้ความคิด
และในที่สุดร่างสูงที่อยู่เหนือตัวของเค้าก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยียบ
“โอ่ว....งั้นฉันก็ไม่ใช่คนแรกของนายสินะ”
นอยเออร์พูดเพียงแค่นั้น
แล้วก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่บาสเตียนต้องตกตะลึงที่สุดนั้นคือการล่วงนิ้วเข้าไปในช่องบวมช้ำของร่างบางแล้วดันลึกเข้าไปอีกจนสุดโคนนิ้ว...........ตัดสินใจหรือ
ไม่หรอก นอยเออร์ไม่แม้แต่จะตัดสินใจด้วยซ้ำ
เค้าส่งนิ้วเข้าไปเลยต่างหากทันทีที่พูดจบเค้าก็อยากรู้ว่ามึลเลอร์ทำอะไรกับบาสเตียนบ้าง...........
“อ่อ
ดูเหมือนว่าฉันคงไม่ต้องทำอะไรมากสินะ....เจ้านั่นเตรียมไว้ให้แล้วหนิ”
เค้าพูดในขณะที่เพิ่มนิ้วเข้าไปตามลำดับ
และทุกครั้งที่นิ้วยาวเข้าไปก็ล้วนแต่สุดความยาวทั้งนั้น.........
“อะ อาา.....อย่า อึก พอเถอะ
ได้โปรด...ฉัน ฉันเจ็บ ฮะ...”
บาสเตียนตัวสั่นเทิ่มในขณะที่พร่ำขอร้องอย่างเปล่าประโยชน์
เค้ารู้สึกแย่พออยู่แล้วหลังจากที่มึลเลอร์ได้เข้ามาในตัวเค้า
และตอนนี้มันก็กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งโดยอีกคนหนึ่งที่แตกต่างออกไป......ใช่
มึลเลอร์น่ะแสนอ่อนโยนกับเค้าเอามากๆ
แต่สิ่งที่นอยเออร์กำลังทำกับเค้าอยู่ตอนนี้ก็เหมือนกัน
แต่ทว่าไร้ซึ่งความอ่อนโยนและแผ่วเบาโดยสิ้นเชิง
มีเพียงแต่ความรุนแรงและความเร่าร้อนของนอยเออร์ที่กำลังแผดเผาเค้า.............
“เฮ้ นายกำลังจะบอกฉันว่านายให้ไฟเขียวมัน
แล้วจะแจกใบแดงฉันงั้นเหรอ.....โธ่ ไม่เอาน่า บาสตี้” นอยเออร์ไหวไหล่
ในขณะที่เค้าพบว่ามีของเหลวไหลย้อนออกมาจากช่องทางของบาสเตียน......หึ
นี่คงจะเป็นของมึลเลอร์.......เค้าล้วงเอาของเหลวนั้นออกมาจนหมด
แล้วล้วงเอาแก่นกายของตัวเองออกมาจากกางเกงถูไถไปมาบริเวณช่องทางที่บวมช้ำของบาสเตียน
“มะ มานูเอล..” บาสเตียนน้ำตาไหล
เค้าหายใจหอบถี่ อกบางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด
และเค้าก็ต้องร้องลั่นเมื่อนอยเออร์จับขาเค้าพาดบ่าแล้วสวนแก่นกายเข้ามา
“อะ อ๊าา! ฮะ ฮึก!” บาสเตียนแอ่นตัวขึ้นจนสุด จนใบหน้าของเค้าเงยขึ้นไปด้านหลัง ปากบางอ้าออกทั้งส่งเสียงร้องและกอบโกยอากาศหายใจ
และทุกครั้งที่ร่างสูงดันกายที่เหลือเข้ามาเค้าก็กระตุกทุกครั้งอย่างเจ็บปวดและไม่อาจห้ามมันได้เลย
บาสเตียนไม่รู้ว่าร่างกายของเค้ามันยั่วยวนแค่ไหนพอๆ กับที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองร้องไห้ออกมามากแค่ไหนเมื่อการชำแรกกายอันใหญ่โตของนอยเออร์ดำเนินมาจนเสร็จ
“อา...”
“อึก ฮึก...อืออ”
บาสเตียนสะอื้นฮั่ก
ความตึงแน่นจากการมัดของนอยเออร์ทำให้เค้าเจ็บอีกที่หนึ่ง
แต่แล้วเค้าก็ต้องกัดฟันแล้วเผลอหลุดปากร้องออกมาอีกรอบเมื่อร่างสูงด้านบนจับตัวเค้าพลิกกลับมาเป็นนอนคว่ำกับเตียง
“อะ อ๊าา!”
มือใหญ่เอื้อมมากระชากหัวของของบาสเตียนให้สะบัดขึ้นมาเล็กน้อย
ก่อนจะเริ่มขยับกาย
“อาาา”
“อื้ม ฮึก...อา..อ่า..”
บาสเตียนสะอื้นฮั่กอีกครั้ง เมื่อสะโพกที่ถูกยกสูงขึ้นมาของเค้าถูกกระแทกกลับมาอย่างไม่ยอมเบาแรง ทั้งร่างสูงยังโน้มตัวลงมาขบเม้มทั้งใบหูและลาดไหล่ลามไปถึงแผ่นหลังของเค้าอีกต่างหาก
“เบา...ฮึก อ๊า เบาๆ
หน่อย....มานูเอล อ๊าา ช้าหน่อย....” บาสเตียนพูด
“ไม่
อ่าา....ฉันต้องการนายเดี๋ยวนี้ อ่า....นายรู้ไหมบาสเตียน
อา...ฉันควรที่จะได้เป็นคนแรกของนาย....ไม่ใช่หมอนั่น”
นอยเออร์แก้มัดให้บาสเตียนแล้วดึงตัวของอีกคนให้เข้ามาชิดเค้ามากขึ้น
บาสเตียนผู้ทำอะไรไม่ได้แล้ว
เมื่อเป็นอิสระก็ได้เพียงแค่ใช้แขนยันตัวเองไว้ไม่ให้ถลาล้มลงไปข้างหน้ากับฟูกเตียง
ตัวของเค้าโยกไปตามจังหวะที่นอยเออร์ส่งมาทางด้านหลังและร่างกายของเค้าก็เริ่มชินกับการกระแทก
ดังนั้นจึงมีเพียงเสียงครางที่เกิดจากความเสียวซ่านเท่านั้นที่หลุดลอยออกมาจากปากของบาสเตียน.........
ร่างสูงเริ่มเปลี่ยนจังหวะ
เค้าจึงโน้มตัวลงมากอดร่างของบาสเตียนไว้และกำรูดส่วนนั้นของบาสเตียนไปด้วย เสียงครางหอบถี่ของเค้าทั้งสองดังขึ้นปนผสานกันจนไม่สามารถแยกออกได้ว่าของใครเป็นของใคร แต่ที่แน่ๆ
มันสร้างอารมณ์ให้ทั้งคู่ได้อย่างประหลาดเลยทีเดียว
“อ๊ะ อ๊ะ มานูเอล อ๊ะ...อ่าๆๆ อือ
อ้า..”
“ฉันรักนายบาสเตียน
อ้า...อาๆๆๆ......รักมาโดยตลอด อึก นาย อ่า....จะเป็นของใครไปไม่ได้”
นอยเออร์พูดข้างหูร่างบางเสียงแหบพร่า
แล้วการเสียดสีของร่างกายก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งฝ่ามือของนอยเออร์เต็มไปด้วยน้ำรักที่บาสเตียนปลดปล่อยออกมาเมื่อต้านทานความเสียวซ่านนั้นไม่ไหว
เจ้าตัวก็ถึงกับล้มฟุบลงกับที่นอนทันทีที่ปลดปล่อยเสร็จ แต่ทว่ากลับไม่ใช่กับนอยเออร์
ร่างสูงเปลี่ยนมาเป็นยัดตัวขึ้นสูง
แล้วยึดเอวของบาสเตียนไว้ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นจังหวะแบบถี่รัว
และไม่นานนักที่เค้าต้องไล่ตามความต้องการของตัวเอง ร่างสูงก็ยืดตัวขึ้นสูงแล้วฉีดน้ำรักเข้าไปในตัวของอีกคนจนหมดสิ้นทุกความต้องการของเค้า
นอยเออร์หอบหายใจราวกับว่าเพิ่งวิ่งมานับกิโลเมตร
แล้วก้มลงจูบขมับของคนร่างโปร่งบางก่อนจะลูบไปที่กลุ่มผมสีบล์อนนุ่มมืออย่างแสนรักใคร่ และต่อจากนั้นบาสเตียนก็จำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะเค้าหมดสติลงหลังจากที่นอยเออร์บอกว่า
‘รัก’ เค้าอีกรอบ
แล้วสติของเค้าก็ดับวูบไป...............
****************************************************************
และเช้าวันต่อมา คุณคงลุ้นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
เราบอกเลยก็ได้ว่าบาสเตียนน้อย(?)ยังคงไม่ได้สติจนกระทั่ง
เพื่อนๆ คนอื่นในทีมของเค้า(ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลย)ร่วมหัวกันจะมาลักพาตัวเค้าจากห้องไปโยนลงน้ำทะเลอีกรอบก่อนอาหารเช้า
แต่กลับเจอเข้ากับนอยเออร์ยืนบังประตูเป็นผู้รักษาประตูอยู่ซะอย่างนั้น แถมร่างสูงยังบอกอีกด้วยว่า
“พวกนายเลิกเล่นอะไรปัญญานิ่มแล้วไปหามื้อเช้ามาเตรียมไว้ซะเดี๋ยวนี้เลย......เลิกเล่นไร้สาระก่อนอาหารเช้าสักที หมอนั่นเพลียมากจากเมื่อวานจนลุกไม่ขึ้นแล้ว
พวกนายก็น่าจะสำนึกซะบ้าง.......ใช่ นั่นแหละ อ่อ ฉันหมายถึงเลิกแกล้งหมอนั่นก่อนอาบน้ำด้วยนะ
ไม่ใช่แค่ตอนก่อนและหลังอาหารเฉยๆ
ฉันมองพวกนายอยู่”
เค้าพูดเสียงเย็น พาให้ขบวนก๊วนเพื่อนนักบอลต้องรีบถอยกรูไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะสงสัยอยู่บ้างว่าทำไมนอยเออร์ถึงมาอยู่หน้าห้องของบาสเตียนในเวลาเช้าขนาดนี้
แต่พวกเค้าก็ไม่ได้ติดใจคิดถามอะไรออกไปเพราะท่าทางที่น่าเกรงขามของนอยเออร์ทำให้พวกเค้าต้องกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกไปกันเป็นแถบๆ
แล้วรีบถอยร่นออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ไล่เหล่าลูกเสือไปหามื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว นอยเออร์ก็เห็นว่าอีกนานกว่าบาสเตียนจะตื่น
เค้าจึงหาผ้าสะอาดกับน้ำอุ่นๆ มาเช็ดตัวให้อีกคน
แล้วก็ต้องจิปากใส่ตัวเองเมื่อใส่เสื้อผ้าให้อีกฝ่ายเสร็จ...........รอยกัดเมื่อคืนที่เค้าทำไว้
คงทำให้ทั้งทริปนี้บาสเตียนจะต้องใส่เสื้อแขนยาวลงทะเลไปเลยล่ะ
แต่ถึงกระนั้นกล่องปฐมพยาบาลกล่องเล็กแต่ทว่าครบครันก็ช่วยเค้าไว้ได้มากทีเดียว
และพอบาสเตียนตื่นขึ้นมา
นอยเออร์ก็เตรียมพร้อมเต็มทีที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลง เค้าไม่รู้ว่าจะโดนปาหมอนใส่
หรือโวยวายใส่กันแน่
แต่บาสเตียนก็ทำให้เค้าแปลกใจเมื่อเจ้าตัวตื่นขึ้นมาทำตาสั่นใส่เค้าแล้วร้องไห้........บอกว่า
“เจ็บชะมัดเลย”
แล้วก็เล่าว่าเมื่อคืนนี้เจ้าตัวไปอยู่ที่ห้องของมึลเลอร์ได้ยังไงในอ้อมกอดของนอยเออร์ที่ค่อนข้างงงกับปฏิกิริยาของบาสเตียน
และการร้องห่มร้องไห้ของบาสเตียนก็ถูกหยุดด้วยรสจูบของนอยเออร์ แต่แล้วเรื่องราวกลับยุ่งเหยิงขึ้น เมื่ออยู่ๆ มึลเลอร์ก็เปิดประตูผ่าง! เข้ามาเห็นฉากจูบอันร้อนแรงของนอยเออร์กับบาสเตียน
มึลเลอร์อ้าปากค้างแล้วปรี่เข้าไปกระชากนอยเออร์ออกจากบาสเตียน
ท่ามกลางความตกใจของร่างโปร่งบางที่นั่งแปะอยู่บนเตียง
มึลเลอร์พุ่งตรงมาที่ห้องของบาสเตียนด้วยความไวแสงเมื่อตื่นมาแล้วไม่เห็นเพื่อนผมบล์อน
แต่พอมาถึงก็ถึงกับทำให้เค้าต้องรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นไอ้ขี้เต๊ะกำลังจูบกับบาสเตียนของเค้าอยู่
พอมึลเลอร์กับนอยเออร์กำลังจะเปิดฉากต่อยกันในห้อง บาสเตียนก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ
แล้วเล่าให้มึลเลอร์ฟังว่าเมื่อคืนทำไมเจ้าตัวถึงได้เดินกลับห้องมาคนเดียวแล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
นั่นเป็นเพราะบาสเตียนไม่อยากปิดบังอะไรเพื่อนสองคนนี้อีกแล้ว (กลัวเจอคาดคั้นแบบนอยเออร์อีก)
บาสเตียนเล่าทุกอย่างจนหมดเปลือก แล้วสองคนนนั้นก็ต่อยกันอย่างดุเดือด
ไม่ว่าจะเป็นนอยเออร์หรือมึลเลอร์ก็จัดเต็มกันทั้งคู่
นอยเออร์งัดเทควันโด้ออกมาใช้ ในขณะเดียวกันมึลเลอร์ก็ไม่น้อยหน้างัดมวยไทยเข้ามาอวด
จึงเกิดศึกไทยไฟน์ผสมเทควนโด้รอบชิงแชมป์ขึ้นในห้องอันแสนครึกครืน(?)ของบาสเตียน
เจ้าของห้องก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเพราะตัวเค้าเองก็ไม่เป็นมวยอะไรเลยจะเข้าไปร่วมวงด้วยอีกคนก็ยังไงอยู่
รึจะให้เข้าไปห้ามก็คงจะทำไม่ได้เพราะแค่ลุกจากเตียงเค้าก็คงจะล้มหน้าคะมำแล้ว และแค่ขยับตัวบาสเตียนก็ต้องร้องโอดโอยด้วยความเจ็บที่เค้ารู้สึกไปทั้งตัว
และเสียงร้องของเค้าก็ทำให้เพื่อนทั้งสองที่อัดกันอยู่ตรงมุมห้องอย่างเมามันส์หยุดชะงักแล้วหันควับมาหาเค้าทันที
“บาสเตียน........แก!! พูดตามฉันทำไม!!” นอยเออร์กับมึลเลอร์ พร้อมใจกันชี้หน้าแล้วทำตาเขียวใส่กัน
มีแววเหมือนจะขยับเวทีมวยมาต่อยกันตรงนี้แต่ทว่า..........
“โอ๊ยยยย...ย...มานูเอลล โทมาสส โอ๊ยยย” บาสเตียนส่งเสียงร้อง เป็นเหตุให้ทั้งสองหยุดในทันที
และเมื่อเห็นเช่นนั้นบาสเตียนจึงส่งเสียงร้องดังขึ้นอีก
จนทั้งนอยเออร์และมึลเลอร์แย่งกันเข้ามาดูแล้วนั่นแหละบาสเตียนจึงจะหยุดร้อง
“อย่าตีกันนะ....ฉันไม่อยากให้พวกนายทะเลาะกัน”
เค้าพูดพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ทั้งคู่
จนอีกสองคนต้องยอมสงบศึกกันอย่างเสียไม่ได้
พอพวกเค้าลงไปทานมื้อเช้าพร้อมกับคนอื่นๆ ในทีม ฟิลิปป์
ลาห์มก็โพล่งขึ้น
“โอ้โห.....นั่นพวกนายสองคนไปทำอะไรมาน่ะ
ตาเขียวกันคนละข้างเชียว”
“ชนลูกบิดประตู......”
มึลเลอร์และนอยเออร์ชะงักค้างแล้วหันไปมองหน้ากันเมื่อเค้าสองคนพูดพร้อมกันอีกแล้ว
“อืม...งั้นเหรอ
ชนลูกบิดเหมือนกันเลยเหรอ?” ลาห์มยังคงเดินหน้าสงสัยถามต่อไป ในขณะที่บาสเตียนที่ค่อยๆ นั่งลงอย่างเนียนๆ
ใส่เสื้อแขนยาวเหงื่อแตกพลั่ก
มิวายลาห์มขี้สงสัยก็ดันหันมาเจอเสียนี่
“อ้าว แล้วบาสเตียน นายใส่เสื้อแบบนี้ทำไมอ่ะ....ไม่ร้อนเหรอ?”
“อะ เอ่อ...คือ.....”
“เฮ้ย....พอแล้วน่าเตี้ย นายจะถามอะไรนักหนา ฉันหิวแล้วนะเนี่ย”
แล้วก็เป็นอลอนโซ่ที่บาสเตียนอยากจะยกนิ้วให้เป็นรางวัล เพราะเพื่อนสุดหล่อมาช่วยดักคำถามของลาห์มขี้สงสัยไว้ได้ทันเวลาพอดี
............แหม ดีจริงๆ ที่อลอนโซ่มาด้วย
เป็นคนสเปนที่มีน้ำใจดีจริงๆ ..............
บาสเตียนแทบน้ำตาไหลพรากมองหน้าเพื่อนทีมบาร์เยิร์นเชื้อสายสเปนที่ขอติดสอยห้อยตามมาด้วยอย่างปลื้มปิติ
และมื้อเช้าของคู่สมรสใหม่(?)และเหล่าลูกเสือ ก็เริ่มขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทุกๆ
คนบนโต๊ะ.........รวมทั้งบาสเตียนผู้ร่าเริงของเราด้วย
และถ้าคุณถามถึงปัจจุบันล่ะก็...........บาสเตียนจะเลือกใครสักคนไหม?
หึ ม่ายยยย
ม่ายหรอก.........เค้าคงจะต้องเป็นกรรมการจำเป็นคอยห้ามมวยคู่เอกอยู่แบบนี้ไปตลอดนั้นแหละ ไม่ว่าเค้าจะต้องการหรือไม่
แต่ทั้งสองที่รักเค้ายิ่งกว่าสิ่งใดก็จะดูแลและปกป้องเค้าอย่างดีตลอดไปแน่นอน............
...............และบาสเตียนเองก็รู้ ว่าตัวเค้าเองก็ขาดสองคนนี้ไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน............
.
.
.
THE END
-------------------------------------------------------------------------------------------------
กรี๊ดดดดดดดด จบแล้ว.....ไม่รู้ว่าจะเป็นเยี่ยงไร้ในสายตารีดนะค่ะ
เม้นท์ติดชม+ให้กำลังใจไรท์หน่อยนะเออ
ท่านใดที่เพิ่งเข้ามาอ่านเป็นรีดเดอร์ผู้มีเกียตริรายใหม่ของไรท์
ก็เข้ามาเป็นเพื่อนกันใน >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< ได้เลยค่ะ
ไรท์ยินดีรับแอดเสมอค่ะ....เฟสไรท์เองค่ะ
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและความฟินนิยายของไรท์ได้ที่นี่เลยค่ะ
ปล.
ปิดเทอมนี้ฟิคกระจายเลยนะเออ -..-
รักรีดทุกคนค่ะ
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray – Aund -..-
2 ความคิดเห็น:
อรั้ยยยยย พาร์ทนี้หื่นทีเดียว น้อย! แกมันจิต ของดีๆเค้าให้ทะนุถนอม แกเล่นซะแทบพัง =3=
ชอบมึลจริงๆ อ่อนโยนมากกก แต่ปลื้มน้อยแกมากกว่า
สาบานได้ว่าไม่ชอบ SM จริงๆน้ะ 5555555
บาสตี้ผู้น่าสงสาร เจ็บกายแต่สุขใจ อิอิ
คุณชายโผล่มาด้วยยยยย ถึงจะโผล่มาแค่คนสเปนใจดี 5555555
นุ้งลาห์มมีเคืองค่ะ ด่าน้องเตี้ยได้งายยย น้องไม่ยอม 555555
ชอบศึกชิงนายในห้องนอนจริงๆเลยยยย
3P จงเจริญญญญ งานนี้มีเดี้ยงบาสตี้ =w=
ปล. เป็นไปได้อยากให้ไรท์แต่งคู่ อลอนโซ่ กับ เจอร์ราร์ด บ้างง้าาา~ #เราจิ้นเจิดเคะ
ปล.2 ขอโทษน้ะที่ยังไม่ได้อ่านคู่ Spirk พอดีขี้เกียจเปิดคอม แฮะๆ
ปล.3 พรุ่งนี้เราสัญญาว่าเราจะอ่านให้ได้ TvT
อีกเรื่องนึง สำคัญมากกกก *ขอบคุณมากนะคะที่แต่งให้เราได้ฟิน ไอ้เราจะแต่งเองก็ไม่มีปัญญา ขอบคุณมากๆเน้อ จะติดตามต่อไปนะคะ รักน้ะ* ><'
ปกติติดลุคคุณชายนอย มาฟิคนี่มาสายเอสเอมเลย ชอบมั้ย ? ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 555
คิดอยู่แล้วว่านางน่าจะเหมาะกับสายนี้มากกว่า
ส่วนน้องมึลเหมาะกับลุคอย่างงี้สุดแล้ว อ่อนโยน ร่าเริงง จริงๆปกติอ่านคู่ นอย มึล บาสตี้ x ลามป์ รู้สึกว่ากับตันนางให้ฟิลเหมือนปะป๋าลีโอ >-< อ่านอันนี้แล้วรู้สึกว่า เอ้ออ บาสตี้เซะซี่ใช่ย่อย 5555
แสดงความคิดเห็น