สวัสดีค่ะรีดๆ
ที่รักของไรท์ขาา M_ _M //กราบบังโคม// ขอโทษนะคะที่หายไปนาน
กว่าจะโผล่มาก็มาเอาตอนนี้
อันที่จริงงานไรท์ยังไม่เสร็จหรอกค่ะ มีอีกเยอะเลย แต่ว่าไรท์เบื่อค่ะ
อะไรๆ ก็ไม่ได้ ยังไม่พร้อมนะ บลาๆ โอเค...งั้นเอาไว้ก่อนนะล่ะกัน มาลงฟิคก่อนดีกว่า 5555!
ไม่สนค่ะ แวะมาลงฟิคให้รีดๆ ดีกว่า
แต่ว่ามีเวลาไม่มากค่ะ ไรท์ต้องรีบไปแล้ว...อ้าว แป้ววววว เสด็จแม่น่ะสิคะ //กระซิบ//
ชอบใช้อย่าบอกใครเลยล่ะค่ะ -0- เหมือนบ้านใหญ่มากและมีไรทืเป็นคนใช้เพียงคเดียวของบ้าน
เฮ้อออ พอกับงานเลย
โอ้ยยยย พอแล้ว! เลิกเว่นฟลีลิ่งตัวเองได้แล้ว ไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะรีดๆ ขา ><
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ชายหนุ่มที่ท้าวแขนกับเข่าเขี่ยกิ่งไม้ไปเรื่อยๆ
ไม่ยิ้มแล้ว ทั้งสองสบตากัน ความขุ่นเคืองของนิวท์ที่มีต่อคนข้างๆ
ถูกเตะหายไปอย่าไม่น่าเชื่อ
เค้าไม่คิดว่าภายใต้ใบหน้าที่ไม่ใส่ใจในสภาพแวดล้อมอันหฤโหดนี้และการพูดจาอ้อมค้อมราวกับจงใจจะกวนประสาทแบบนั้นแอชจะเป็นคนที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกถึงเพียงนี้....ใช่ เป็นใครก็ต้องรักพี่น้องกันทั้งนั้น แต่ว่าอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ก็เป็นคนละเรื่องที่จะมาพูดถึงกันสำหรับใครหลายๆ
คน แต่แอชกลับเลือกทำในสิ่งที่ต้องทำและถูกต้อง
สายตาคมสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นแฝงแววอบอุ่นแต่ก็ไม่มีความขี้ขลาดอยู่ในนั้นเลย
.
.
*********************************************************************************
.
.
หากพูดถึงความเป็นพี่น้องกันแล้วคงไม่มีใครอยากเชื่อเท่าไร
เนื่องจากแอริสเป็นเด็กหนุ่มผอมแห้ง ตัวเล็กและหน้าตาเข้าขั้นน่าสงสาร
แต่ทว่าแอชที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายกลับรูปหน้าคมคาย หล่อเหลา และหน้าตาดี
อีกทั้งเค้ายังรูปร่างกำยำ มีโครงสร้างที่แข็งแรง และยังจัดได้ว่าอดทนกับทุกสิ่งอย่างได้อย่างสบายๆ
อีกต่างหาก
นี่ยังไม่นับรวมสีผมที่แตกต่างกันของสองพี่น้องนี้อีกต่างหากแต่ถึงอย่างไรแอชก็เถียงคอเป็นเอ็นว่าแอริสเป็นน้องชายของเค้า
“บางทีแม่อาจจะผมบล์อนแล้วพ่อก็ผมสีน้ำตาลก็ได้
ใครจะไปรู้ พวกนายนึกไม่ออกหรอก” มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เค้าพูดหักล้างข้อสังเกตของแดเนียลที่ต้องการจะก่อหวอดอีกรอบ
ก่อนจะทำท่าทางเหมือนไม่ใช่เรื่องผิดปรกติอะไรที่จะโดนล้อแบบนี้
นิวท์หลุบตามองต่ำเสียเอง
รู้สึกผิดอย่างเสียไม่ได้ที่แสดงท่าทีไปว่าเคยไม่พอใจแอชแต่อีกฝ่ายทำถูกต้องแล้ว เค้ารั้งรอและเอาชีวิตรอดอยู่ข้างนอกนี่ได้อย่างเหลือเชื่อเพียงเพื่อรอน้องชาย
“นายทำถูกแล้วล่ะ หายากที่จะมีพี่น้องอยู่วงกตเดียวกัน” นิวท์พูดเสียงอ่อนลงมาก
แอชมองกลุ่มผมสีเดียวกันกับน้องชายของเค้าแล้วหัวเราะน้อยๆ
อีกครั้ง “ต้องขอบคุณพวกนายนะ
ที่มาทันเวลาและพาเค้าออกมาด้วย” แต่อีกคนหนึ่งกลับหันมามองอย่างตั้งคำถาม
“พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปช่วยเค้าออกมา”
“พูดเป็นเล่น”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะเข้าไปทางประตูหน้าแล้วตะโกนใส่พวกยามนี่
แอบเข้าไปคงไม่ต่างอะไรจากตอนแรกที่ฉันแอบออกมานักหรอก นายคงไม่รู้ว่าเซนเซอร์ห่วยแค่ไหน”
นิวท์ยักไหล่ “ใช่ ฉันไม่รู้หรอก”
พยายามมองหาอาการหนาวสั่นบนตัวของแอช “แต่นายเจ๋งมากที่คิดจะไปช่วยแอริส ถ้าเค้ารู้คงจะดีใจมาก”
“โว้ว” อีกคนชูไม้ขึ้น
แกล้งทำหน้าตาตื่น “อย่าบอกเค้าเชียว ถ้าเค้ารู้แอริสต้องกล้าเป็นแม่ฉันแน่ๆ
นายไม่รู้หรอกบางทีเค้าก็เหมือนพวกผู้หญิงตอนอารมณ์ไม่ดีเลยน่ะ”
นิวท์หัวเราะออกมา
แอชก็ด้วยเช่นกัน
ก่อนเด็กชาวทุ่งจะรู้ตัวว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรอยู่ในหัวให้ฟุ้งซ่านอีกต่อไปแล้ว
การคุยกับแอชทำให้นิวท์รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วความเหนื่อยล้ากลับเริ่มทวงคืนพื้นที่กับเด็กหนุ่มเข้าเสียแล้ว เค้าหาว
“ฉันคงต้องไปนอนแล้วล่ะ
นายอยู่คนเดียวได้นะ?” นิวท์ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยตามความเป็นผู้นำ แต่แอชกลับมีมันมากกว่าเค้า
“สบายมาก”
ก่อนเค้าจะได้ยินเสียงถอดเสื้อแจ็คเก็ตของนิวท์
“นายคงจะหนาว รับไปสิ” นิวท์พูดพร้อมทั้งส่งมันให้แอช
เจ้าตัวมีเสื้อยืดแขนยาวติดตัวอยู่แล้วอย่างน้อยมันก็ทำให้ไม่หนาวมากนัก
แต่คนที่คอยเฝ้ายามอยู่ตรงนี้กลับมีเพียงแต่เสื้อยืดหน้าร้อนตัวเดียวเท่านั้น
แอชยิ้มให้อย่างขอบใจ
แต่ร่างกายของเค้าถือว่าอึดมากทีเดียวแม้ไม่ได้วิ่งสุดชีวิตเหมือนตอนที่อยู่ในวงกต
แต่ร่างกายของเค้าก็ทำงานอยู่ตลอดเวลา แข็งแรงไม่ผิดแผกไปจากแต่ก่อนเลย “ขอบใจ แต่ฉันคิดว่านายต้องใช้มันมากกว่านะ....ฉันไม่หนาว
ขอบใจมาก กองไฟน้อยๆ
นี่จะอยู่เป็นเพื่อนฉันเองไม่ต้องห่วงหรอก นายไปนอนเถอะ”
คนมีน้ำใจจึงทำได้แค่หดแขนกลับ
ครั้นจะโน้มน้าวต่อไปก็ดูจะป่วยการณ์เพราะอีกฝ่ายดูคล้ายกับว่าไม่มีอะไรจะมาบังคับเค้าได้เลย
ดังนั้นเด็กหนุ่มผู้ที่อาจจะแบกรับความรับผิดชอบเสียมากจนเกินไปจึงทำได้แค่เดินกลับไปนอนกอดตัวเองเหมือนเดิมอย่างเช่นคนอื่นที่หลับไปแล้ว
ดังนั้น ในเวลาต่อมาเพียงไม่นานนักจึงเหลือชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกองไฟเพียงคนเดียว
แอชไม่เคยคิดกลัวหรือหวาดระแวงเหมือนอย่างใครหลายคน
มีอยู่หลายครั้งเค้าชอบคิดเรื่องตลกกับตัวเองว่าการหาเรื่องเสี่ยงตายอยู่ข้างนอกนี่ก็สนุกดีใช่ย่อยอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าความจริงกลับค่อนข้างทำร้ายเค้าเมื่อหนทางที่พวกเค้าต้องหาให้พบเป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตทุกคนไว้ได้
ใช่ หมดเวลาสนุกนับตั้งแต่เค้าออกมาจากวงกตแล้ว
**************************************************************************
คืนนี้เป็นคืนที่ฟ้าไม่มีดาว ท้องนภาสีมืดครึ้มทอดตัวปกคลุมทุกสรรพสิ่งอย่างเดียวดายประกอบกับลมหนาวที่พัดเข้ามาหวีดหวิวของทะเลทรายยามเมื่ออุณหภูมิลดต่ำกลับขั้ว มันยิ่งทำให้หนาวสั่นร้าวถึงกระดูก แม้แต่นักวิ่งที่แข็งแรงที่สุดก็ยังโดนความหนาวเย็นนี้เคลือบผิวกาย ไม่มีใครเลยที่อบอุ่น รวมทั้งโทมัสที่โดนกอดมอบความอบอุ่นให้จากมินโฮผู้แข็งแรง
เจ้าตัวก็ยังรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่กัดกินเข้ามาใต้เสื้อผ้า มันชวนเจ็บและกายสะท้าน กระทั่งโทมัสค้นพบกับตัวเองว่าเจ้าตัวไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้อีกแล้ว
ถึงแม้จะรู้สึกขอบคุณมินโฮและอยากให้อีกฝ่ายกระชับอ้อมกอดขึ้นมากเพียงใดก็ไม่สามารถลบล้างความจริงป่านเยือกแข็งนี้ได้เลย
มินโฮอาจหลับอยู่
แต่คงหลับไม่เต็มที่ส่วนหนึ่งของร่างสูงก็ยังคงตื่นอยู่เหมือนกับโทมัส
หนาว...หนาวเกินไป ไม่ไหวจริงๆ
ความหนาวเย็นที่โทมัสไม่ชอบทำให้เค้าตื่นขึ้นมา
ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่บังคับตัวเองอีกต่อไปแล้ว แพขนตาสวยค่อยๆ ลืมขึ้นมาอย่างอ่อนล้า
โทมัสเห็นภาพเลือนรางของพี่ชายผู้น่าเชื่อถือของแอริสกำลังจ้องมองสันทรายไกลออกไปเบื้องหลังมินโฮ
แอชดูหนาวแต่เค้าชอบอากาศหนาวเรื่องนั้นไม่มีใครรู้เลย กองไฟมอดดับไปแล้วแต่สิ่งที่โทมัสเห็นกลับเป็นแสงไฟดวงน้อยๆ
แสงไฟดวงน้อยๆ นับสิบดวง
ไม่ใช่จากกองไฟที่อยู่ตรงหน้าแอชอย่างแน่นอน
โฟกัสการมองเห็นของเด็กหนุ่มผู้กล้าและแส่หาเรื่องในความคิดของใครหลายๆ
คนถูกปรับให้ชัดขึ้น
พร้อมกับที่ข้อศอกสั่นเทาที่ชันตัวเองขึ้นมาจากอ้อมกอดของมินโฮผู้ลืมตาขึ้นตามการขยับตัวของโทมัส
“มีอะไรเหรอโทมัส?”
มินโฮยังพยายามปรับโฟกัสตามอีกคนหนึ่งอยู่
ไม่เว้นแม้แต่แอชที่เอ่ยทักขึ้น
“ว่าไงโทมัส?”
ชายหนุ่มคราวพี่นึกว่าโทมัสเพียงแค่ตื่นขึ้นมาเฉยๆ แต่กลับไม่ใช่....
“เฮ้ นั่น แสงไฟ”
โทมัสโพล่งขึ้นแต่ไม่ดังมากนัก คลายกับยังอยู่ในอาการอ่อนเพลียต้องการเวลาพัก แต่แสงไฟที่เห็นอยู่ไกลๆ
ก็ผลักดันให้โทมัสตื่นตัวขึ้น
แต่แอชชันเข่าขึ้นกับพื้นแล้วกระซิบเสียงขึง
“โทมัสไม่
มันยังไม่ใช่ตอนนี้...” ร่างสูงที่อาสาเฝ้ายามมีสีหน้าเด็ดขาดระคนวิตกกังวลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้เจอเหล่าเพื่อนใหม่
แต่เค้ากลับโดนบอกปัดกลับมาอย่างรวดเร็ว
“อะไรของนายเล่า นั่นแสงไฟนะ ไฟฟ้าด้วย....ตื่น!
ตื่นเร็วเข้าพวกเรา ตื่นเร็ว!” โทมัสลุกออกจากอ้อมกอดของมินโฮ
ไม่ฟังคำพูดเล็กๆ น้อยๆ
จากแอชที่ทำหน้าเคร่งเครียดและปลุกให้ทุกคนลุกขึ้นด้วยสองมือที่เย็นเชียบกับเสียงที่ไม่เคยทำให้สงบสุขได้เลยของโทมัส
ทุกคนเห็นเหมือนกันหมด
ยืนยันว่าโทมัสไม่ได้ตาฝาดไปและพร้อมใจตกลงกันว่าจะไปยังที่หมายอันสว่างไสวนั่นทันที โดยมีแอชและแดเนียลค่อยโต้แย้งขณะเดินทางไปด้วยเป็นครั้งแรกของวัน สีหน้าของทั้งเค้าคู่ดูเป็นกังวลโดยเฉพาะแอช
“เราไปไม่ได้นะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ คนที่นั่นไม่ใช่พวกที่เราจะคุยด้วยได้หรอกนะเค้าจะต้องหาข้อแลกกับเราเปลี่ยนแน่นอน
ซึ่งตอนนี้เราไม่มีอะไรเลย” แอชดูกดดันเสียยิ่งกว่าเจอแครงค์ยกฝูงเป็นไหนๆ แต่โทมัสอารมณ์ขุ่นเคืองยิ่งกว่า
“เค้าคนนั้นเป็นเพื่อนของนายด้วยรึเปล่าล่ะ ทำไมนายถึงไม่บอกเราทั้งๆ ที่นายเองก็รู้นี่
ใช่ไหม?”
“ฉันก็แค่....โอ๊ย ให้ตายเถอะ
ถ้าฉันเป็นนายจะไม่ปลุกเพื่อนแล้วเดินไปทางนั้นหรอกนะ”
แขนกำยำแข็งแรงเหยียดตรงไปทางอาคารสูงใหญ่ซึ่งประดับประดาเต็มไปด้วยดวงไฟสว่างไสวดูคล้ายสวนสนุกยามค่ำคืนของเด็กๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในขณะนี้นั่นมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
“แล้วทำไมล่ะ?” จู่ๆ
นิวท์ก็ถามขึ้นเมื่อลางสังหรณ์ไม่ดีได้รับการการันตีจากคนที่อยู่ข้างนอกมาก่อนเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มอย่างพี่ชายของแอริส
ก่อนแอชจะทำหน้าลำบากใจแล้วส่ายหัวช้าๆ....บางทีโทมัสที่ถูกเค้ามองว่าอ่อนโยนแต่กระตือรือร้นและเข้าขั้นบอบบางในบางเวลานั้นก็หัวแข็งมากเกินไปหน่อย ถึงจะพูดอะไรออกไปอีกฝ่ายหนึ่งก็คงไม่ฟัง
“นายไม่พูดยังงี้หมายความว่าไง?”
นิวท์ไม่ชอบรอยต่อระหว่างสถานการณ์ปรกติและเรื่องไม่ดีที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อนแดเนียลที่ดันหลังแอริสให้เดินเร็วขึ้นจะทำหน้าแบบเดียวกันกับเพื่อนซี้
“เป็นฉันจะไม่ทำอะไรโง่ๆ นะ เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม? เดินไปตัวเปล่า แผนเปล่าแบบนี้ไม่สวยงามเอาซะเลย
ไม่ฉลาดเอาซะด้วย” ชายหนุ่มผมสีอ่อนสลัดนิ้วใต้ถุงมือสีดำตัดข้อของเค้าเบาๆ
เมื่อโดนแอริสหยิกข้อนิ้วเข้าให้อย่างแรง
“หมายความว่าไง
นายรู้จักที่นั่นเหรอ?”
ฟรายที่จ้ำเร็วขึ้นพยายามเดินให้ทันขบวนเพื่อถามแดเนียลด้วยหน้าตาที่อยากรู้อยากเห็นซึ่งมีผลไปในทางแง่ลบ
แต่กลับเป็นแอชเสียเองที่หันหลังมาตอบด้วยสีหน้าที่เชียบคม
“ก็ไม่เชิง
เราไม่เคยเข้าไปหรอก
แต่เท่าที่ดูแล้วคนพวกนั้นก็ไม่น่าไว้ใจใช้ได้เลยทีเดียว”
ฟรายลอบกลืนน้ำลายถึงแม้ว่าจะย้ำเท้าตามเพื่อนๆ
ไปไม่มีหยุดก็ตาม
เค้าไม่รู้ว่าควรจะเอนเอียงไปหาใครดีแต่เหตุผลของแอชก็น่าฟังใช่ย่อยเลยเหมือนกัน
และไม่มีใครสามารถหักห้ามความตั้งใจของโทมัสได้เลย แม้แต่นิวท์ที่มีพื้นที่ใจเชื่อแอชไปมากกว่าครึ่งเนื่องจากไม่สามารถปฏิเสธความน่าเชื่อถือของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งได้เลย
แต่กระนั้นก็ยังมีความคิดที่ว่าควรไปพิสูจน์ให้มันรู้ไปเลยว่าแสงไฟนั้นมันคืออะไรกันแน่ แต่แล้วหนทางที่โล่งกว้างและราบเรียบกลับไม่ได้ง่ายดายอีกต่อไป เมื่อจู่ๆ ท้องฟ้าที่ไม่มีดาวนั้นก็ปรากฏเป็นเมฆฝนทมิฬพร้อมกับแสงแปลบปลาบของสายฟ้า ก่อนมันจะฟาดลงมา....
“วิ่งเร็ว ทุกคนวิ่ง!”
มีคนตะโกนขึ้นในหมู่ของขบวนเดินทาง
และไม่ต้องให้ทวนซ้ำเลย
เพียงแค่เสียงสายฟ้าฟาดอย่างหนักหน่วงกับพื้นดิน
กระแทกพื้นใต้เท้าเด็กๆ จนสั่นสะเทือน นั่นก็ทำให้พวกเค้าสามารถวิ่งเปิดกันได้อย่างไม่มีใครยอมใครแล้ว
แอชวิ่งนำหน้าพร้อมกับแดเนียลที่กระตุกคอเสื้อแอริสเป็นพักๆ
ไปด้วย
ตามมาด้วยเด็กชาวทุ่งที่เหลือซึ่งวิ่งหนีสายฟ้าฟาดที่ผ่าหวิดไปหวิดมาได้อย่างน่าหวาดเสียว
แต่แล้วเหตุการณ์ร้ายแรงอันเกินจะคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมินโฮที่รั้งท้ายสุด อยากจะแน่ใจว่าเพื่อนของเค้าจะปลอดภัย
หนุ่มเอเชียยอมให้เพื่อนวิ่งนำหน้าไปก่อนแล้วจึงปิดท้ายขบวนก่อนเค้าจะโดนสายฟ้าที่ส่งแสงแปลบปลาบน่าพรั่นพรึงนั้นฟาดเข้าเสียจนแน่นิ่งไปกับพื้นทรายแห้งและแข็ง
ทุกคนหยุดชะงัก สองหนุ่มนักวิ่งจากอีกวงกตหนึ่งซึ่งถึงประตูทางเข้าแล้วในตอนนั้นก็มีสีหน้าตื่นตกใจไม่แพ้คนอื่นเลย
ก่อนทั้งคู่จะรู้หน้าที่หมุนสันเท้าในท่างอเข่าแล้วออกตัววิ่งอย่างรวดเร็วไร้ที่ติเข้าไปคว้าร่างของชายหนุ่มเอเชียเพียงคนเดียวในกลุ่มขึ้นมาจากพื้นดินคลุ้งฝุ่นวิ่งหนีสายฟ้าที่แผลงฤทธิ์อย่างบ้าคลั่ง
พวกเค้าทุกคนเข้ามาข้างในได้ในที่สุด
นั่นคือข่าวดี
แต่ข่าวร้ายคือไม่มีใครรู้ว่ามินโฮยังหายใจอยู่หรือเปล่า ตัวของเค้าแข็งทื่อ ไม่ตอบสนอง
มีกลิ่นควันอ่อนๆ ลอยออกมาจากเสื้อผ้าของเค้า
โทมัสเป็นคนแรกที่แหวกบรรดาเพื่อนให้ถอยออกไปอย่างลืมคำนึงและไม่สนใจใคร ชายหนุ่มที่ขย่ำอกเสื้อของมินโฮตะโกนเรียกชื่อเจ้าของร่าง
หวังที่อยากจะดึงรั้งสติของคนที่แน่นิ่งให้กลับมาแล้วพูดอะไรใส่เค้าก็ได้ โทมัสบอกไม่ได้ว่ากลัวจับใจแค่ไหน
แค่คิดว่าต่อไปหากมินโฮไม่ฟื้นขึ้นมาจะเป็นเช่นไร เค้าก็ปวดใจแล้ว เค้าทั้งสองคนเคยสัญญากันเอาไว้ว่าจะออกไปจากวงกตบ้าๆ
นั่นด้วยกันและไม่ว่าอะไรก็ตามจะกักขังพวกเค้าเอาไว้ไม่ได้
มินโฮสัญญาแล้ว มินโฮเป็นคนให้สัญญาเอง
และเค้าก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับเสียงคราง
ดูน่าสนใจไม่น้อยที่ตัวเองโดนฟ้าผ่าเป็นครั้งแรก
เมื่อได้รับรู้ว่าสมาชิกของพวกเค้าไม่เป็นอะไรแล้วอย่างปาฏิหาริย์มาโปรด ทุกคนก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกไปตามๆ กัน แอชถึงกับหัวเราะเบาๆ
ในลำคอสำหรับเรื่องที่มินโฮทำให้ใจหายใจคว่ำ
ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะเข้ามาอยู่ในถิ่นที่ไม่น่าไว้ใจแล้วก็ตาม และก็เป็นเช่นนั้นจริง
หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีเจ้าบ้านเป็นหญิงสาวท่าทางห้าวๆ
คนหนึ่งมาต้อนรับพวกเค้าถึงที่
เธอพาทุกคนไปหา ฮอร์เฮ ผู้ซึ่งถูกเชื่อฟังจากผู้อาศัยในที่นี่
เค้าดูหรูหราและหมกมุ่นแต่ก็ร้ายกาจจากความไม่น่าไว้ใจของตัวเองด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เด็กๆ
ซึ่งลี้ภัยทุกคนจึงถูกห้อยหัวอยู่เหนือพื้นสูงหลายสิบเมตร รอเวลาตัดสินใจของฮอร์เฮว่าควรจะทำยังไงดี
แต่เดิมทีเค้าเห็นควรว่าน่าจะส่งคืนให้แก่วิกเก็ตเพราะเด็กพวกนี้มีราคาและนั่นก็ยังเป็นความคิดที่ดีที่สุดของเค้าอยู่ในตอนที่นั่งไตร่ตรองอยู่บนห้อง
สูงขึ้นไปเหนือเท้าที่ชี้ขึ้นฟ้าของเด็กทุกคน
“ฉันบอกแล้วว่าเราไม่มีอะไรเลย” แอชมองก้นโทมัสที่ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้าเค้า
ปล่อยมือแกร่งที่สวมถุงมือดำตัดข้อนิ้วออกของตัวเองให้ชี้ลงไปที่พื้นซึ่งอยู่ห่างออกไปมากเสียจนมองอะไรไม่เห็นท่ามกลางความดำมืดนั้น
“โทษใครไม่ได้เพื่อน นายเองก็เคยผิด” แดเนียลให้กำลังใจทุกคน
ถึงแม้จะไม่มีใครอยากได้มันเลยก็ตาม
เค้าชี้ถุงมือแบบเดียวกันลงพื้น “เฮ้ แอริส เสียนายเลิกแหนะ”
“ยุ่งน่า!”
คนโดนทักเหวี่ยงตัวหนีนิ้วมือเปลือยเปล่าที่เขี่ยเอวเล็กๆ ของเจ้าตัว
“พวกนายช่วยทำให้พวกเราอยู่กันเงียบๆ
หน่อยได้ไหม” ชายหนุ่มคนเดิมที่เปิดปากพูดตั้งแต่โดนจับห้อยหัวจากพื้นทักท้วง และคำสั่งนั้นถือเป็นที่สุด
ก่อนนิวท์จะไม่ได้ยินเสียงของแดเนียลและแอริสแล้วเอ่ยแทรกขึ้นมาในความเงียบ
“น่าจะมีคนฟังนาย”
อารมณ์ของชายหนุ่มผมสีทองไม่ใคร่จะแจ่มใสนัก ก่อนแอชจะหันมายักไหล่เหมือนจะบอก
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นะ” แล้วยิ้มให้นิวท์เงียบๆ
ก่อนคนที่หลุดปากพูดออกไปจะหันหน้าหนีรอยยิ้มนั้นเล็กน้อย แล้วเงียบไปไม่พูดอะไรอีก ก่อนแอชจะยกนิ้วโป้งให้แต่โดนเมินอีก
แล้วหันไปชนหมัดที่ยื่นมาให้ของแดเนียล
“เล่นด้วยยาก” เพื่อนผมสีอ่อนขยับปากอย่างเน้นคำ
เรียกรอยเปื้อนยิ้มของเพื่อนผมสีเข้มได้เป็นอย่างดี
ฮอร์เฮชั่งใจอย่างเห็นได้ชัดว่าจะยื่นข้อเสนอกับวิกเก็ตดีไหมในตอนที่มีคนติดต่อแจนสันแล้วว่าผลผลิตอันแสนมีค่าที่หนีออกมานั้นไปเล่นซนทำให้เค้าเสียเวลาอยู่ที่ไหน การจู่โจมของวิกเก็ตจึงเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
แต่กระทั่งเมื่อรู้ตัวว่ามีพวกคิดไม่ซื่ออยู่ในหมู่ของตนเองฮอร์เฮก็ตัดสินใจเล่นเพลงโปรดของเค้าอย่างไม่มีทางเลือก
พร้อมกับที่ชาวทุ่งได้หนีออกมาแล้วเรียบร้อยด้วยความร่วมมือของทุกคน หญิงสาวคนแรกที่ออกมาต้อนรับเด็กๆ
โผล่มาอีกในเหตุการณ์ที่ชุลมุนแสนวุ่นวายเช่นนี้เธอบอกว่าให้ตามเธอไปทั้งๆ
พวกเค้าเพิ่งจะโดนห้อยหัวเพราะคนของเธอ
แต่ไม่มีทางเลือก
ไม่เคยมีทางเลือกที่เด็กๆ ทุกคนชอบอยู่แล้วแม้ว่าจะตอนไหนก็ตาม เช่นเดียวกับที่ต้องจำใจปล่อยวินสตันไว้คนเดียว
เด็กจากวงกตทุกคนวิ่งตามหญิงน้ำเสียงห้าวหาญคนนั้นไป ขึ้นไปหาฮอร์เฮด้านบน
“เบรนด้า”
ฮอร์เฮเรียกเธออย่างโล่งอกที่พาสินค้ามีค้าทุกชิ้นกลับมาได้ แต่ตอนนี้หลายอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ตาแก่หัวหงอเสนอว่าจะพาเด็กผู้เกลียดชังวิกเก็ตทุกคนไปหาไรต์อาร์ม โดยอ้างว่าทุกคนติดหนี้เค้าแต่จะอย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจที่จะคับข้องทั้งสิ้น
ฮอร์เฮพาทุกคนโหนหนี้ไปตามสายสลิงซึ่งเชื่อมไปยังอาคารร้างอีกฝั่งหนึ่ง ทุกคนรีบทำตามอย่างไม่รีรอ แต่ในตอนที่เวลาบีบอัดเข้าหากันเสียจนน่าใจหาย
เบรนด้ากลับวิ่งออกไปเอาของบางอย่างที่เธอลืมเอาไว้ โทมัสวิ่งตามเธอไปและบอกให้เทเรซ่าโหนออกมาก่อน
มินโฮที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งรับเธอไว้แล้วถามเทเรซ่าอย่างรวดเร็วเมื่อไม่เห็นสองคนสุดท้ายรูดผ่านสายสลิงตามเธอมาด้วย
“ฉันไม่รู้ โทมัสบอกให้ฉันมาก่อน เค้าจะตามมาทีหลัง”
เทเรซ่าพูด
ผมยาวกระเซอะกระเซิงของเธอควรได้รับการหวี
แต่มินโฮแทบจะโหนสลิงกลับไปได้อยู่แล้วถ้าหากมันถูกขึงอยู่ในระดับเดียวกัน ตอนนี้เค้าจึงทำได้แค่จับสายสลิงแข็งๆ
นั้นอย่างกลัดกลุ้มรอคอยการปรากฏตัวของโทมัสกับเบรนด้าเท่านั้น แต่ทว่ากลับไร้วี่แวว นานเกินไปแล้วและเพลงโปรดของฮอร์เฮก็จบลง.....
เสียงระเบิดดังขึ้น
พาเอาโครงเหล็กของอาคารที่เค้าเพิ่งจากมาพังครืนลงอย่างรวดเร็ว
“ไม่!!” มินโฮโถมตัวไปข้างหน้า ฮอร์เฮรั้งตัวเค้าไว้
“มันสายไปแล้วไอ้หนู!”
“โทมัส!”
แต่มินโฮสะบัดแขนของคนที่เพิ่งระเบิดบ้านตัวเองทิ้งไป คนอื่นๆ ก็ตื่นตกใจกับภาพที่เห็นและเกิดคำถามว่าโทมัสอยู่ที่ไหน
เค้ากับเบรนด้าปลอดภัยหรือไม่
แต่ฮอร์เฮที่รักเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ
ก็เชื่ออย่างสุดหัวใจว่าเธอจะสามารถเอาตัวรอดได้ และจะไปยังจุดนัดพบได้อย่างแน่นอน
“เราทำอะไรไม่ได้
แค่ภาวนาขอให้สองคนนั้นปลอดภัยแล้วมาร์คัสยังไม่ตายก็พอ” ฮอร์เฮพูด
เหวี่ยงกระเป๋าสัมภาระของตัวเองขึ้นบ่าในขณะที่คำพูดของเค้าสร้างความประหลาดใจยิ่งให้แก่เด็กแปลกหน้าทุกคน
“มาร์คัสไหนนะ?”
.
.
.
TBC.
-------------------------------------------------------------------------------------------------
โธ่ โทมัสทำไมหนูไม่ฟังผู้มีประสบการณ์จ๊ะ....แอชน่ะแอช! //โทมัสบอก
ถึงฟังก็ไม่ทันแล้ว วิ่งออกมาแล้ว -*-//
โถ่วว มินโฮก็ไม่ห้ามกันบ้างเลยอ่าา //เขย่าโต๊ะ// มินโฮ : มัน...มันก็ต้องดำเนินตามเรื่องไปล่ะนะ ฉันห้ามอะไรไม่ได้ แถมฉันยังโดนย่างอีกต่างหาก
เออ
จริงด้วยสิเนอะ....55555555 มินโฮโดนย่าง! 555555
//สักพักโดนเท้าฟาดปาก// สงบปากไว้ดีกว่าค่ะเดี๋ยวไรท์โดนเท้าอีก 5555 โอ้ววว แอชเค้าเป็นพี่ชายและคนที่ดีค่ะ แต่ถือว่าไรท์ข้องนิดๆ
ตอนแรกไม่เข้าใจว่าอิตาฮอร์เฮแกมีความต้องการอย่างไรกันแน่ จิโกงหรือจิดี แต่ท้ายที่สุดแล้วแกก็ดีค่ะ.....แต่ไรท์ถ่างตานิดหน่อยตอนที่เบรนด้าจูบโทมัสแล้วโดนเมิน
555555 อุ๊บ...ไรท์มีผงะเอนไปข้างหลังเล็กน้อย ส่ายหน้าแล้วพูดคำว่า “โถ่ว เบรนด้า”
ในใจค่ะ
อุตส่าห์รุกแล้วเค้าไม่รับเสียหน้า(ใจ)แย่เลยค่ะ อันที่จริงที่โทมัสบอกว่า “เธอไม่ใช่เค้า”
ให้ตาย นั่นก็หมายถึงมินโฮไม่ใช่เหรอคะ?
5555555 หัวนี่แทบจำไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีผู้หญิงด้วย เห็นหนุ่มๆ วิ่งด้องแด้งไปมาแล้วชุ่มชื่นหัวใจค่ะ
5555555
ขอบคุณที่คอยติดตามนะคะ ขอบคุณรีดทุกท่านมากเลยค่ะ M_ _M รักรีดทุกท่านมากนะคะ จุ๊บบ.... .3.
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น