วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

[FIC – The Maze Runner] + [Part 4] The Scorch Trials – Minho x Thomas [The Maze Runner 2]






สวัสดีค่ะรีดๆ ที่รักของไรท์ขาา M_ _M //กราบบังโคม// ขอโทษนะคะที่หายไปนาน กว่าจะโผล่มาก็มาเอาตอนนี้  อันที่จริงงานไรท์ยังไม่เสร็จหรอกค่ะ มีอีกเยอะเลย แต่ว่าไรท์เบื่อค่ะ อะไรๆ ก็ไม่ได้ ยังไม่พร้อมนะ บลาๆ โอเค...งั้นเอาไว้ก่อนนะล่ะกัน  มาลงฟิคก่อนดีกว่า 5555!

ไม่สนค่ะ  แวะมาลงฟิคให้รีดๆ ดีกว่า แต่ว่ามีเวลาไม่มากค่ะ ไรท์ต้องรีบไปแล้ว...อ้าว แป้ววววว  เสด็จแม่น่ะสิคะ //กระซิบ// ชอบใช้อย่าบอกใครเลยล่ะค่ะ -0- เหมือนบ้านใหญ่มากและมีไรทืเป็นคนใช้เพียงคเดียวของบ้าน เฮ้อออ พอกับงานเลย

โอ้ยยยย พอแล้ว! เลิกเว่นฟลีลิ่งตัวเองได้แล้ว  ไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะรีดๆ ขา ><



---------------------------------------------------------------------------------------------------



ชายหนุ่มที่ท้าวแขนกับเข่าเขี่ยกิ่งไม้ไปเรื่อยๆ ไม่ยิ้มแล้ว  ทั้งสองสบตากัน  ความขุ่นเคืองของนิวท์ที่มีต่อคนข้างๆ ถูกเตะหายไปอย่าไม่น่าเชื่อ  เค้าไม่คิดว่าภายใต้ใบหน้าที่ไม่ใส่ใจในสภาพแวดล้อมอันหฤโหดนี้และการพูดจาอ้อมค้อมราวกับจงใจจะกวนประสาทแบบนั้นแอชจะเป็นคนที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกถึงเพียงนี้....ใช่  เป็นใครก็ต้องรักพี่น้องกันทั้งนั้น  แต่ว่าอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ก็เป็นคนละเรื่องที่จะมาพูดถึงกันสำหรับใครหลายๆ คน  แต่แอชกลับเลือกทำในสิ่งที่ต้องทำและถูกต้อง  สายตาคมสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นแฝงแววอบอุ่นแต่ก็ไม่มีความขี้ขลาดอยู่ในนั้นเลย



.



.



*********************************************************************************



.



.



หากพูดถึงความเป็นพี่น้องกันแล้วคงไม่มีใครอยากเชื่อเท่าไร เนื่องจากแอริสเป็นเด็กหนุ่มผอมแห้ง ตัวเล็กและหน้าตาเข้าขั้นน่าสงสาร แต่ทว่าแอชที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายกลับรูปหน้าคมคาย หล่อเหลา และหน้าตาดี อีกทั้งเค้ายังรูปร่างกำยำ มีโครงสร้างที่แข็งแรง และยังจัดได้ว่าอดทนกับทุกสิ่งอย่างได้อย่างสบายๆ อีกต่างหาก  นี่ยังไม่นับรวมสีผมที่แตกต่างกันของสองพี่น้องนี้อีกต่างหากแต่ถึงอย่างไรแอชก็เถียงคอเป็นเอ็นว่าแอริสเป็นน้องชายของเค้า

“บางทีแม่อาจจะผมบล์อนแล้วพ่อก็ผมสีน้ำตาลก็ได้ ใครจะไปรู้ พวกนายนึกไม่ออกหรอก” มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เค้าพูดหักล้างข้อสังเกตของแดเนียลที่ต้องการจะก่อหวอดอีกรอบ ก่อนจะทำท่าทางเหมือนไม่ใช่เรื่องผิดปรกติอะไรที่จะโดนล้อแบบนี้

นิวท์หลุบตามองต่ำเสียเอง  รู้สึกผิดอย่างเสียไม่ได้ที่แสดงท่าทีไปว่าเคยไม่พอใจแอชแต่อีกฝ่ายทำถูกต้องแล้ว  เค้ารั้งรอและเอาชีวิตรอดอยู่ข้างนอกนี่ได้อย่างเหลือเชื่อเพียงเพื่อรอน้องชาย “นายทำถูกแล้วล่ะ หายากที่จะมีพี่น้องอยู่วงกตเดียวกัน” นิวท์พูดเสียงอ่อนลงมาก

แอชมองกลุ่มผมสีเดียวกันกับน้องชายของเค้าแล้วหัวเราะน้อยๆ อีกครั้ง “ต้องขอบคุณพวกนายนะ  ที่มาทันเวลาและพาเค้าออกมาด้วย” แต่อีกคนหนึ่งกลับหันมามองอย่างตั้งคำถาม “พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปช่วยเค้าออกมา”

“พูดเป็นเล่น”

“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะเข้าไปทางประตูหน้าแล้วตะโกนใส่พวกยามนี่  แอบเข้าไปคงไม่ต่างอะไรจากตอนแรกที่ฉันแอบออกมานักหรอก  นายคงไม่รู้ว่าเซนเซอร์ห่วยแค่ไหน”

นิวท์ยักไหล่ “ใช่ ฉันไม่รู้หรอก” พยายามมองหาอาการหนาวสั่นบนตัวของแอช “แต่นายเจ๋งมากที่คิดจะไปช่วยแอริส  ถ้าเค้ารู้คงจะดีใจมาก”

โว้ว” อีกคนชูไม้ขึ้น แกล้งทำหน้าตาตื่น “อย่าบอกเค้าเชียว ถ้าเค้ารู้แอริสต้องกล้าเป็นแม่ฉันแน่ๆ นายไม่รู้หรอกบางทีเค้าก็เหมือนพวกผู้หญิงตอนอารมณ์ไม่ดีเลยน่ะ”

นิวท์หัวเราะออกมา แอชก็ด้วยเช่นกัน  ก่อนเด็กชาวทุ่งจะรู้ตัวว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรอยู่ในหัวให้ฟุ้งซ่านอีกต่อไปแล้ว  การคุยกับแอชทำให้นิวท์รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วความเหนื่อยล้ากลับเริ่มทวงคืนพื้นที่กับเด็กหนุ่มเข้าเสียแล้ว  เค้าหาว

“ฉันคงต้องไปนอนแล้วล่ะ นายอยู่คนเดียวได้นะ?” นิวท์ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยตามความเป็นผู้นำ  แต่แอชกลับมีมันมากกว่าเค้า

“สบายมาก” ก่อนเค้าจะได้ยินเสียงถอดเสื้อแจ็คเก็ตของนิวท์ 

“นายคงจะหนาว  รับไปสิ” นิวท์พูดพร้อมทั้งส่งมันให้แอช เจ้าตัวมีเสื้อยืดแขนยาวติดตัวอยู่แล้วอย่างน้อยมันก็ทำให้ไม่หนาวมากนัก  แต่คนที่คอยเฝ้ายามอยู่ตรงนี้กลับมีเพียงแต่เสื้อยืดหน้าร้อนตัวเดียวเท่านั้น

แอชยิ้มให้อย่างขอบใจ  แต่ร่างกายของเค้าถือว่าอึดมากทีเดียวแม้ไม่ได้วิ่งสุดชีวิตเหมือนตอนที่อยู่ในวงกต แต่ร่างกายของเค้าก็ทำงานอยู่ตลอดเวลา แข็งแรงไม่ผิดแผกไปจากแต่ก่อนเลย “ขอบใจ  แต่ฉันคิดว่านายต้องใช้มันมากกว่านะ....ฉันไม่หนาว ขอบใจมาก  กองไฟน้อยๆ นี่จะอยู่เป็นเพื่อนฉันเองไม่ต้องห่วงหรอก นายไปนอนเถอะ” 

คนมีน้ำใจจึงทำได้แค่หดแขนกลับ ครั้นจะโน้มน้าวต่อไปก็ดูจะป่วยการณ์เพราะอีกฝ่ายดูคล้ายกับว่าไม่มีอะไรจะมาบังคับเค้าได้เลย  ดังนั้นเด็กหนุ่มผู้ที่อาจจะแบกรับความรับผิดชอบเสียมากจนเกินไปจึงทำได้แค่เดินกลับไปนอนกอดตัวเองเหมือนเดิมอย่างเช่นคนอื่นที่หลับไปแล้ว

ดังนั้น ในเวลาต่อมาเพียงไม่นานนักจึงเหลือชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกองไฟเพียงคนเดียว   แอชไม่เคยคิดกลัวหรือหวาดระแวงเหมือนอย่างใครหลายคน  มีอยู่หลายครั้งเค้าชอบคิดเรื่องตลกกับตัวเองว่าการหาเรื่องเสี่ยงตายอยู่ข้างนอกนี่ก็สนุกดีใช่ย่อยอยู่เหมือนกัน  แต่ทว่าความจริงกลับค่อนข้างทำร้ายเค้าเมื่อหนทางที่พวกเค้าต้องหาให้พบเป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตทุกคนไว้ได้

ใช่  หมดเวลาสนุกนับตั้งแต่เค้าออกมาจากวงกตแล้ว



**************************************************************************



คืนนี้เป็นคืนที่ฟ้าไม่มีดาว  ท้องนภาสีมืดครึ้มทอดตัวปกคลุมทุกสรรพสิ่งอย่างเดียวดายประกอบกับลมหนาวที่พัดเข้ามาหวีดหวิวของทะเลทรายยามเมื่ออุณหภูมิลดต่ำกลับขั้ว  มันยิ่งทำให้หนาวสั่นร้าวถึงกระดูก  แม้แต่นักวิ่งที่แข็งแรงที่สุดก็ยังโดนความหนาวเย็นนี้เคลือบผิวกาย  ไม่มีใครเลยที่อบอุ่น  รวมทั้งโทมัสที่โดนกอดมอบความอบอุ่นให้จากมินโฮผู้แข็งแรง เจ้าตัวก็ยังรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่กัดกินเข้ามาใต้เสื้อผ้า  มันชวนเจ็บและกายสะท้าน  กระทั่งโทมัสค้นพบกับตัวเองว่าเจ้าตัวไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้อีกแล้ว  ถึงแม้จะรู้สึกขอบคุณมินโฮและอยากให้อีกฝ่ายกระชับอ้อมกอดขึ้นมากเพียงใดก็ไม่สามารถลบล้างความจริงป่านเยือกแข็งนี้ได้เลย

มินโฮอาจหลับอยู่ แต่คงหลับไม่เต็มที่ส่วนหนึ่งของร่างสูงก็ยังคงตื่นอยู่เหมือนกับโทมัส

หนาว...หนาวเกินไป  ไม่ไหวจริงๆ ความหนาวเย็นที่โทมัสไม่ชอบทำให้เค้าตื่นขึ้นมา  ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่บังคับตัวเองอีกต่อไปแล้ว  แพขนตาสวยค่อยๆ ลืมขึ้นมาอย่างอ่อนล้า  โทมัสเห็นภาพเลือนรางของพี่ชายผู้น่าเชื่อถือของแอริสกำลังจ้องมองสันทรายไกลออกไปเบื้องหลังมินโฮ  แอชดูหนาวแต่เค้าชอบอากาศหนาวเรื่องนั้นไม่มีใครรู้เลย  กองไฟมอดดับไปแล้วแต่สิ่งที่โทมัสเห็นกลับเป็นแสงไฟดวงน้อยๆ

แสงไฟดวงน้อยๆ นับสิบดวง

ไม่ใช่จากกองไฟที่อยู่ตรงหน้าแอชอย่างแน่นอน  โฟกัสการมองเห็นของเด็กหนุ่มผู้กล้าและแส่หาเรื่องในความคิดของใครหลายๆ คนถูกปรับให้ชัดขึ้น  พร้อมกับที่ข้อศอกสั่นเทาที่ชันตัวเองขึ้นมาจากอ้อมกอดของมินโฮผู้ลืมตาขึ้นตามการขยับตัวของโทมัส

“มีอะไรเหรอโทมัส?” มินโฮยังพยายามปรับโฟกัสตามอีกคนหนึ่งอยู่  ไม่เว้นแม้แต่แอชที่เอ่ยทักขึ้น

“ว่าไงโทมัส?” ชายหนุ่มคราวพี่นึกว่าโทมัสเพียงแค่ตื่นขึ้นมาเฉยๆ  แต่กลับไม่ใช่....

“เฮ้ นั่น แสงไฟ” โทมัสโพล่งขึ้นแต่ไม่ดังมากนัก คลายกับยังอยู่ในอาการอ่อนเพลียต้องการเวลาพัก  แต่แสงไฟที่เห็นอยู่ไกลๆ ก็ผลักดันให้โทมัสตื่นตัวขึ้น  แต่แอชชันเข่าขึ้นกับพื้นแล้วกระซิบเสียงขึง

“โทมัสไม่ มันยังไม่ใช่ตอนนี้...” ร่างสูงที่อาสาเฝ้ายามมีสีหน้าเด็ดขาดระคนวิตกกังวลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้เจอเหล่าเพื่อนใหม่ แต่เค้ากลับโดนบอกปัดกลับมาอย่างรวดเร็ว

“อะไรของนายเล่า นั่นแสงไฟนะ  ไฟฟ้าด้วย....ตื่น! ตื่นเร็วเข้าพวกเรา  ตื่นเร็ว!” โทมัสลุกออกจากอ้อมกอดของมินโฮ  ไม่ฟังคำพูดเล็กๆ น้อยๆ จากแอชที่ทำหน้าเคร่งเครียดและปลุกให้ทุกคนลุกขึ้นด้วยสองมือที่เย็นเชียบกับเสียงที่ไม่เคยทำให้สงบสุขได้เลยของโทมัส

ทุกคนเห็นเหมือนกันหมด ยืนยันว่าโทมัสไม่ได้ตาฝาดไปและพร้อมใจตกลงกันว่าจะไปยังที่หมายอันสว่างไสวนั่นทันที  โดยมีแอชและแดเนียลค่อยโต้แย้งขณะเดินทางไปด้วยเป็นครั้งแรกของวัน  สีหน้าของทั้งเค้าคู่ดูเป็นกังวลโดยเฉพาะแอช

“เราไปไม่ได้นะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้  คนที่นั่นไม่ใช่พวกที่เราจะคุยด้วยได้หรอกนะเค้าจะต้องหาข้อแลกกับเราเปลี่ยนแน่นอน ซึ่งตอนนี้เราไม่มีอะไรเลย” แอชดูกดดันเสียยิ่งกว่าเจอแครงค์ยกฝูงเป็นไหนๆ  แต่โทมัสอารมณ์ขุ่นเคืองยิ่งกว่า

เค้าคนนั้นเป็นเพื่อนของนายด้วยรึเปล่าล่ะ  ทำไมนายถึงไม่บอกเราทั้งๆ ที่นายเองก็รู้นี่ ใช่ไหม?”

“ฉันก็แค่....โอ๊ย ให้ตายเถอะ ถ้าฉันเป็นนายจะไม่ปลุกเพื่อนแล้วเดินไปทางนั้นหรอกนะ” แขนกำยำแข็งแรงเหยียดตรงไปทางอาคารสูงใหญ่ซึ่งประดับประดาเต็มไปด้วยดวงไฟสว่างไสวดูคล้ายสวนสนุกยามค่ำคืนของเด็กๆ  ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในขณะนี้นั่นมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย

“แล้วทำไมล่ะ?” จู่ๆ นิวท์ก็ถามขึ้นเมื่อลางสังหรณ์ไม่ดีได้รับการการันตีจากคนที่อยู่ข้างนอกมาก่อนเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มอย่างพี่ชายของแอริส  ก่อนแอชจะทำหน้าลำบากใจแล้วส่ายหัวช้าๆ....บางทีโทมัสที่ถูกเค้ามองว่าอ่อนโยนแต่กระตือรือร้นและเข้าขั้นบอบบางในบางเวลานั้นก็หัวแข็งมากเกินไปหน่อย  ถึงจะพูดอะไรออกไปอีกฝ่ายหนึ่งก็คงไม่ฟัง

“นายไม่พูดยังงี้หมายความว่าไง?” นิวท์ไม่ชอบรอยต่อระหว่างสถานการณ์ปรกติและเรื่องไม่ดีที่กำลังจะเกิดขึ้น  ก่อนแดเนียลที่ดันหลังแอริสให้เดินเร็วขึ้นจะทำหน้าแบบเดียวกันกับเพื่อนซี้

“เป็นฉันจะไม่ทำอะไรโง่ๆ นะ  เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม? เดินไปตัวเปล่า  แผนเปล่าแบบนี้ไม่สวยงามเอาซะเลย ไม่ฉลาดเอาซะด้วย” ชายหนุ่มผมสีอ่อนสลัดนิ้วใต้ถุงมือสีดำตัดข้อของเค้าเบาๆ เมื่อโดนแอริสหยิกข้อนิ้วเข้าให้อย่างแรง

“หมายความว่าไง นายรู้จักที่นั่นเหรอ?” ฟรายที่จ้ำเร็วขึ้นพยายามเดินให้ทันขบวนเพื่อถามแดเนียลด้วยหน้าตาที่อยากรู้อยากเห็นซึ่งมีผลไปในทางแง่ลบ  แต่กลับเป็นแอชเสียเองที่หันหลังมาตอบด้วยสีหน้าที่เชียบคม

“ก็ไม่เชิง เราไม่เคยเข้าไปหรอก  แต่เท่าที่ดูแล้วคนพวกนั้นก็ไม่น่าไว้ใจใช้ได้เลยทีเดียว”

ฟรายลอบกลืนน้ำลายถึงแม้ว่าจะย้ำเท้าตามเพื่อนๆ ไปไม่มีหยุดก็ตาม  เค้าไม่รู้ว่าควรจะเอนเอียงไปหาใครดีแต่เหตุผลของแอชก็น่าฟังใช่ย่อยเลยเหมือนกัน

และไม่มีใครสามารถหักห้ามความตั้งใจของโทมัสได้เลย  แม้แต่นิวท์ที่มีพื้นที่ใจเชื่อแอชไปมากกว่าครึ่งเนื่องจากไม่สามารถปฏิเสธความน่าเชื่อถือของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งได้เลย  แต่กระนั้นก็ยังมีความคิดที่ว่าควรไปพิสูจน์ให้มันรู้ไปเลยว่าแสงไฟนั้นมันคืออะไรกันแน่  แต่แล้วหนทางที่โล่งกว้างและราบเรียบกลับไม่ได้ง่ายดายอีกต่อไป  เมื่อจู่ๆ ท้องฟ้าที่ไม่มีดาวนั้นก็ปรากฏเป็นเมฆฝนทมิฬพร้อมกับแสงแปลบปลาบของสายฟ้า  ก่อนมันจะฟาดลงมา....

“วิ่งเร็ว ทุกคนวิ่ง!” มีคนตะโกนขึ้นในหมู่ของขบวนเดินทาง  และไม่ต้องให้ทวนซ้ำเลย เพียงแค่เสียงสายฟ้าฟาดอย่างหนักหน่วงกับพื้นดิน  กระแทกพื้นใต้เท้าเด็กๆ จนสั่นสะเทือน นั่นก็ทำให้พวกเค้าสามารถวิ่งเปิดกันได้อย่างไม่มีใครยอมใครแล้ว

แอชวิ่งนำหน้าพร้อมกับแดเนียลที่กระตุกคอเสื้อแอริสเป็นพักๆ ไปด้วย ตามมาด้วยเด็กชาวทุ่งที่เหลือซึ่งวิ่งหนีสายฟ้าฟาดที่ผ่าหวิดไปหวิดมาได้อย่างน่าหวาดเสียว  แต่แล้วเหตุการณ์ร้ายแรงอันเกินจะคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมินโฮที่รั้งท้ายสุด  อยากจะแน่ใจว่าเพื่อนของเค้าจะปลอดภัย  หนุ่มเอเชียยอมให้เพื่อนวิ่งนำหน้าไปก่อนแล้วจึงปิดท้ายขบวนก่อนเค้าจะโดนสายฟ้าที่ส่งแสงแปลบปลาบน่าพรั่นพรึงนั้นฟาดเข้าเสียจนแน่นิ่งไปกับพื้นทรายแห้งและแข็ง

ทุกคนหยุดชะงัก  สองหนุ่มนักวิ่งจากอีกวงกตหนึ่งซึ่งถึงประตูทางเข้าแล้วในตอนนั้นก็มีสีหน้าตื่นตกใจไม่แพ้คนอื่นเลย  ก่อนทั้งคู่จะรู้หน้าที่หมุนสันเท้าในท่างอเข่าแล้วออกตัววิ่งอย่างรวดเร็วไร้ที่ติเข้าไปคว้าร่างของชายหนุ่มเอเชียเพียงคนเดียวในกลุ่มขึ้นมาจากพื้นดินคลุ้งฝุ่นวิ่งหนีสายฟ้าที่แผลงฤทธิ์อย่างบ้าคลั่ง

พวกเค้าทุกคนเข้ามาข้างในได้ในที่สุด นั่นคือข่าวดี  แต่ข่าวร้ายคือไม่มีใครรู้ว่ามินโฮยังหายใจอยู่หรือเปล่า  ตัวของเค้าแข็งทื่อ  ไม่ตอบสนอง  มีกลิ่นควันอ่อนๆ ลอยออกมาจากเสื้อผ้าของเค้า   โทมัสเป็นคนแรกที่แหวกบรรดาเพื่อนให้ถอยออกไปอย่างลืมคำนึงและไม่สนใจใคร  ชายหนุ่มที่ขย่ำอกเสื้อของมินโฮตะโกนเรียกชื่อเจ้าของร่าง  หวังที่อยากจะดึงรั้งสติของคนที่แน่นิ่งให้กลับมาแล้วพูดอะไรใส่เค้าก็ได้  โทมัสบอกไม่ได้ว่ากลัวจับใจแค่ไหน  แค่คิดว่าต่อไปหากมินโฮไม่ฟื้นขึ้นมาจะเป็นเช่นไร เค้าก็ปวดใจแล้ว   เค้าทั้งสองคนเคยสัญญากันเอาไว้ว่าจะออกไปจากวงกตบ้าๆ นั่นด้วยกันและไม่ว่าอะไรก็ตามจะกักขังพวกเค้าเอาไว้ไม่ได้ 

มินโฮสัญญาแล้ว  มินโฮเป็นคนให้สัญญาเอง

และเค้าก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับเสียงคราง  ดูน่าสนใจไม่น้อยที่ตัวเองโดนฟ้าผ่าเป็นครั้งแรก

เมื่อได้รับรู้ว่าสมาชิกของพวกเค้าไม่เป็นอะไรแล้วอย่างปาฏิหาริย์มาโปรด  ทุกคนก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกไปตามๆ กัน  แอชถึงกับหัวเราะเบาๆ ในลำคอสำหรับเรื่องที่มินโฮทำให้ใจหายใจคว่ำ ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะเข้ามาอยู่ในถิ่นที่ไม่น่าไว้ใจแล้วก็ตาม  และก็เป็นเช่นนั้นจริง หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีเจ้าบ้านเป็นหญิงสาวท่าทางห้าวๆ คนหนึ่งมาต้อนรับพวกเค้าถึงที่  เธอพาทุกคนไปหา ฮอร์เฮ  ผู้ซึ่งถูกเชื่อฟังจากผู้อาศัยในที่นี่  เค้าดูหรูหราและหมกมุ่นแต่ก็ร้ายกาจจากความไม่น่าไว้ใจของตัวเองด้วยเช่นกัน

ดังนั้น เด็กๆ ซึ่งลี้ภัยทุกคนจึงถูกห้อยหัวอยู่เหนือพื้นสูงหลายสิบเมตร  รอเวลาตัดสินใจของฮอร์เฮว่าควรจะทำยังไงดี  แต่เดิมทีเค้าเห็นควรว่าน่าจะส่งคืนให้แก่วิกเก็ตเพราะเด็กพวกนี้มีราคาและนั่นก็ยังเป็นความคิดที่ดีที่สุดของเค้าอยู่ในตอนที่นั่งไตร่ตรองอยู่บนห้อง สูงขึ้นไปเหนือเท้าที่ชี้ขึ้นฟ้าของเด็กทุกคน

“ฉันบอกแล้วว่าเราไม่มีอะไรเลย” แอชมองก้นโทมัสที่ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้าเค้า  ปล่อยมือแกร่งที่สวมถุงมือดำตัดข้อนิ้วออกของตัวเองให้ชี้ลงไปที่พื้นซึ่งอยู่ห่างออกไปมากเสียจนมองอะไรไม่เห็นท่ามกลางความดำมืดนั้น

“โทษใครไม่ได้เพื่อน  นายเองก็เคยผิด” แดเนียลให้กำลังใจทุกคน ถึงแม้จะไม่มีใครอยากได้มันเลยก็ตาม  เค้าชี้ถุงมือแบบเดียวกันลงพื้น “เฮ้ แอริส  เสียนายเลิกแหนะ”

“ยุ่งน่า!” คนโดนทักเหวี่ยงตัวหนีนิ้วมือเปลือยเปล่าที่เขี่ยเอวเล็กๆ ของเจ้าตัว

“พวกนายช่วยทำให้พวกเราอยู่กันเงียบๆ หน่อยได้ไหม” ชายหนุ่มคนเดิมที่เปิดปากพูดตั้งแต่โดนจับห้อยหัวจากพื้นทักท้วง  และคำสั่งนั้นถือเป็นที่สุด  ก่อนนิวท์จะไม่ได้ยินเสียงของแดเนียลและแอริสแล้วเอ่ยแทรกขึ้นมาในความเงียบ

“น่าจะมีคนฟังนาย” อารมณ์ของชายหนุ่มผมสีทองไม่ใคร่จะแจ่มใสนัก  ก่อนแอชจะหันมายักไหล่เหมือนจะบอก “ก็มันช่วยไม่ได้นี่นะ” แล้วยิ้มให้นิวท์เงียบๆ  ก่อนคนที่หลุดปากพูดออกไปจะหันหน้าหนีรอยยิ้มนั้นเล็กน้อย  แล้วเงียบไปไม่พูดอะไรอีก  ก่อนแอชจะยกนิ้วโป้งให้แต่โดนเมินอีก แล้วหันไปชนหมัดที่ยื่นมาให้ของแดเนียล

เล่นด้วยยาก” เพื่อนผมสีอ่อนขยับปากอย่างเน้นคำ  เรียกรอยเปื้อนยิ้มของเพื่อนผมสีเข้มได้เป็นอย่างดี

ฮอร์เฮชั่งใจอย่างเห็นได้ชัดว่าจะยื่นข้อเสนอกับวิกเก็ตดีไหมในตอนที่มีคนติดต่อแจนสันแล้วว่าผลผลิตอันแสนมีค่าที่หนีออกมานั้นไปเล่นซนทำให้เค้าเสียเวลาอยู่ที่ไหน  การจู่โจมของวิกเก็ตจึงเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ  แต่กระทั่งเมื่อรู้ตัวว่ามีพวกคิดไม่ซื่ออยู่ในหมู่ของตนเองฮอร์เฮก็ตัดสินใจเล่นเพลงโปรดของเค้าอย่างไม่มีทางเลือก พร้อมกับที่ชาวทุ่งได้หนีออกมาแล้วเรียบร้อยด้วยความร่วมมือของทุกคน  หญิงสาวคนแรกที่ออกมาต้อนรับเด็กๆ โผล่มาอีกในเหตุการณ์ที่ชุลมุนแสนวุ่นวายเช่นนี้เธอบอกว่าให้ตามเธอไปทั้งๆ พวกเค้าเพิ่งจะโดนห้อยหัวเพราะคนของเธอ  แต่ไม่มีทางเลือก  ไม่เคยมีทางเลือกที่เด็กๆ ทุกคนชอบอยู่แล้วแม้ว่าจะตอนไหนก็ตาม เช่นเดียวกับที่ต้องจำใจปล่อยวินสตันไว้คนเดียว เด็กจากวงกตทุกคนวิ่งตามหญิงน้ำเสียงห้าวหาญคนนั้นไป  ขึ้นไปหาฮอร์เฮด้านบน

เบรนด้า” ฮอร์เฮเรียกเธออย่างโล่งอกที่พาสินค้ามีค้าทุกชิ้นกลับมาได้  แต่ตอนนี้หลายอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว  ตาแก่หัวหงอเสนอว่าจะพาเด็กผู้เกลียดชังวิกเก็ตทุกคนไปหาไรต์อาร์ม  โดยอ้างว่าทุกคนติดหนี้เค้าแต่จะอย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจที่จะคับข้องทั้งสิ้น

ฮอร์เฮพาทุกคนโหนหนี้ไปตามสายสลิงซึ่งเชื่อมไปยังอาคารร้างอีกฝั่งหนึ่ง  ทุกคนรีบทำตามอย่างไม่รีรอ  แต่ในตอนที่เวลาบีบอัดเข้าหากันเสียจนน่าใจหาย เบรนด้ากลับวิ่งออกไปเอาของบางอย่างที่เธอลืมเอาไว้  โทมัสวิ่งตามเธอไปและบอกให้เทเรซ่าโหนออกมาก่อน  มินโฮที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งรับเธอไว้แล้วถามเทเรซ่าอย่างรวดเร็วเมื่อไม่เห็นสองคนสุดท้ายรูดผ่านสายสลิงตามเธอมาด้วย

“ฉันไม่รู้  โทมัสบอกให้ฉันมาก่อน เค้าจะตามมาทีหลัง” เทเรซ่าพูด  ผมยาวกระเซอะกระเซิงของเธอควรได้รับการหวี

แต่มินโฮแทบจะโหนสลิงกลับไปได้อยู่แล้วถ้าหากมันถูกขึงอยู่ในระดับเดียวกัน  ตอนนี้เค้าจึงทำได้แค่จับสายสลิงแข็งๆ นั้นอย่างกลัดกลุ้มรอคอยการปรากฏตัวของโทมัสกับเบรนด้าเท่านั้น  แต่ทว่ากลับไร้วี่แวว  นานเกินไปแล้วและเพลงโปรดของฮอร์เฮก็จบลง.....

เสียงระเบิดดังขึ้น  พาเอาโครงเหล็กของอาคารที่เค้าเพิ่งจากมาพังครืนลงอย่างรวดเร็ว

ไม่!!” มินโฮโถมตัวไปข้างหน้า  ฮอร์เฮรั้งตัวเค้าไว้

“มันสายไปแล้วไอ้หนู!

“โทมัส!” แต่มินโฮสะบัดแขนของคนที่เพิ่งระเบิดบ้านตัวเองทิ้งไป  คนอื่นๆ ก็ตื่นตกใจกับภาพที่เห็นและเกิดคำถามว่าโทมัสอยู่ที่ไหน เค้ากับเบรนด้าปลอดภัยหรือไม่  แต่ฮอร์เฮที่รักเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ ก็เชื่ออย่างสุดหัวใจว่าเธอจะสามารถเอาตัวรอดได้  และจะไปยังจุดนัดพบได้อย่างแน่นอน

“เราทำอะไรไม่ได้ แค่ภาวนาขอให้สองคนนั้นปลอดภัยแล้วมาร์คัสยังไม่ตายก็พอ” ฮอร์เฮพูด  เหวี่ยงกระเป๋าสัมภาระของตัวเองขึ้นบ่าในขณะที่คำพูดของเค้าสร้างความประหลาดใจยิ่งให้แก่เด็กแปลกหน้าทุกคน

มาร์คัสไหนนะ?”



.



.



.



TBC.



-------------------------------------------------------------------------------------------------



โธ่ โทมัสทำไมหนูไม่ฟังผู้มีประสบการณ์จ๊ะ....แอชน่ะแอช! //โทมัสบอก ถึงฟังก็ไม่ทันแล้ว วิ่งออกมาแล้ว -*-//  โถ่วว มินโฮก็ไม่ห้ามกันบ้างเลยอ่าา //เขย่าโต๊ะ// มินโฮ : มัน...มันก็ต้องดำเนินตามเรื่องไปล่ะนะ ฉันห้ามอะไรไม่ได้ แถมฉันยังโดนย่างอีกต่างหาก

เออ จริงด้วยสิเนอะ....55555555  มินโฮโดนย่าง! 555555 //สักพักโดนเท้าฟาดปาก// สงบปากไว้ดีกว่าค่ะเดี๋ยวไรท์โดนเท้าอีก 5555  โอ้ววว แอชเค้าเป็นพี่ชายและคนที่ดีค่ะ แต่ถือว่าไรท์ข้องนิดๆ ตอนแรกไม่เข้าใจว่าอิตาฮอร์เฮแกมีความต้องการอย่างไรกันแน่ จิโกงหรือจิดี  แต่ท้ายที่สุดแล้วแกก็ดีค่ะ.....แต่ไรท์ถ่างตานิดหน่อยตอนที่เบรนด้าจูบโทมัสแล้วโดนเมิน 555555 อุ๊บ...ไรท์มีผงะเอนไปข้างหลังเล็กน้อย ส่ายหน้าแล้วพูดคำว่า “โถ่ว เบรนด้า” ในใจค่ะ  อุตส่าห์รุกแล้วเค้าไม่รับเสียหน้า(ใจ)แย่เลยค่ะ  อันที่จริงที่โทมัสบอกว่า “เธอไม่ใช่เค้า” ให้ตาย  นั่นก็หมายถึงมินโฮไม่ใช่เหรอคะ? 5555555 หัวนี่แทบจำไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีผู้หญิงด้วย  เห็นหนุ่มๆ วิ่งด้องแด้งไปมาแล้วชุ่มชื่นหัวใจค่ะ 5555555

ขอบคุณที่คอยติดตามนะคะ  ขอบคุณรีดทุกท่านมากเลยค่ะ M_ _M  รักรีดทุกท่านมากนะคะ จุ๊บบ.... .3.

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund 





ไม่มีความคิดเห็น: