อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย!!!!! >{}< ขอกรี๊ดแรงๆ อีกทีนะคะ อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย!!! อรั๊ยๆๆๆๆๆ //พอแล้ว!! -*-// แฮ่ๆๆ ไรท์ตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อยค่ะ แฮ่ๆๆ
สวัสดีค่าาาา รีดที่รักยิ่งของไรท์ -3- //จู๋ปากทาบจอ// คิดถึ๊งงงง คิดถึงเป็นที่สุดเลยค่ะ >< อ่าห์--- รู้สึกเหมือนหายไปนานเลยล่ะค่ะ คงเป็นเพราะทางที่เรียนอยู่ตอนนี้กำลังหนักๆ อยู่แน่ๆ เลยค่ะ เลยไม่ได้หันมาแตะฟิคเลย แต่ตอนนี้มีวันหยุดเพิ่มขึ้นมาแล้ว (ถึงจะแค่ในอาทิตย์นี้ก็เถอะ TuT) ก็เลยไม่รอช้ากระโดดเกาะคอมทันทีเลยค่ะ 55555555 พิสูจน์อักษรแล้วไรท์ก็ยิ้มๆ กับตัวเองค่ะ
เพราะว่าตอนแรกกะจะเขียน Spock x Kirk แต่ไปๆ มาๆ เหมือนหมอแมคคอยจะเป็นคนต้นเรื่องเสียกลายๆ ค่ะ และมีจิมเข้ามาปรึกษาปัญหาร้อนใจของตัวเอง (ซึ่งจะเป็นอะไรนั้น เรากำลังจะได้รู้กันค่ะ) และแน่นอน....รีดๆ รู้กันใช่ไหมคะ ว่ามีหมอ...สำหรับไรท์แล้วจะต้องมีใครติดสอยห้อยตามมาด้วย
ปิ๊งป๊องงง.....น้องเชคอฟนั่นเองงง! >{}< อร๊ายยยยยย น่ารักจังเลยยย (รำพัน) >////< ถึงแม้ว่าในเรื่องหนูจะดูอยาก growing up เป็น Men เหมือนกะรุ่นพี่คนอื่นๆ เค้าก็ตาม 55555 แต่ถึงอย่างไร.....ถึงจะเป็นคอวอดก้ารึชอบเกี้ยวสาว (เดาว่าแห้วบ่อย) ก็ตาม แต่ถึงยังไงหนูก็ยังเป็นเคะที่ไรท์ชื่นชอบนะลูก เซ็นต์สัญญาซื้อตัวมาเล่นฟิคให้ไรท์ตลอดกาลแล้วด้วยย ^^ //ปรบมือเบาๆ// น่าลักค่ะ >///<
อูยยยย พูดถึงน้องแล้วก็พูดถึงหมอเนอะ คือ....ในภาคนี้ หมอทำไรท์กับมนุษย์เพื่อนเลิฟตื่นตั้งแต่เข้าโรงเลยค่ะ พอเจอแกฉากแรกก็ดี๊ด๊าเลยค่ะ กรี๊ดกร๊าด (เงียบๆ) โดยไม่เกรงใจอีกสี่คนที่นั่งดูอยู่แถวล่างเลย 555555 //ดีนะคะที่ไปแต่เช้า ไม่งั้นคนเยอะ วี๊ดวายไม่ได้ 555555//+ //จุดประสงค์// ขอยืมคำของรีดทานหนึ่งมาใช้หน่อยนะคะ......หมอหล่อวัวตายควายล้มจริงๆ เลยค่ะ ถึงตาย ถึงตาย!! ฮ่อลลล
คือพอถึงจุดนี้เอามือพัดตัวเองแรงๆ แล้วถามหมอว่า “หมอแน่ใจเหรอว่าหมอเป็นหมอน่ะ?” อูยยยยย ยังกะ....อูยยย พ่อคุณเอ้ยยยยย พ่อศรีนวล >///< //เสียงสูง// 555555555 //ไม่เกี่ยวกะปันปัน 5555// แบบว่าทำให้ไรท์ยิ่งคลั่งหมอเลยค่ะ จากที่ตอนแรกก็ชอบหมออยู่แล้ว อูยยยยย ช่างสมแล้วที่ได้ดูแลน้องเชคอฟค่ะหมอ 555555 คือลุคหมอในภาคนี้น่าเปลี่ยนเป็นที่ปรึกษาด้านการรบมากเลยค่ะ ไม่ต้องเป็นมันแล้วหมอ 555555....เอ้ย เดี๋ยว นี่ไรท์เตลิดอีกแล้วนี่นา 5555 กลับมาๆๆๆ สองคนนี้มีบทบาทอย่างแน่นอนค่ะ และด้วยความรักป็อคเสียดายหมอไรท์เลยให้คู่หลักเป็นของทั้งสองคนนี้ค่ะ 55555 สองคู่กันเลยทีเดียว 555555
โอเค มาทางฝั่งSpock x Kirk กันบ้างนะคะ สป็อคอยากลาออกจากสตาร์ฟลีทเพื่อไปดูแลดาววัลแคนใหม่ แคร์อูฮูร่าแต่ไม่เท่าแคร์จิมค่ะ 55555 คือเอาแต่ปรึกษาหมออยู่นั่นแหละว่าจิมจะว่าอย่างไร อร๊ายยยยยยย เป็นห่วงความรู้สึกจิมมากถึงขนาดสุดท้ายก็ไม่ได้ลาออกค่ะ >///< ส่วนจิมก็เทิดทูนสป็อคสุดหัวใจเลยค่ะ >< จะให้เป็นกัปตันอย่างนั้นอย่างนี้ ภาคที่แล้วสป็อคใจแตกสลายที่จิมหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา แต่ภาคนี้จิมเป็นห่วงพ่อวัลแคนแทบดิ้นเลยค่ะ อร๊ายยยย!!! อ๊อยยย หมดเสียงไปกับเรื่องนี้หนักมากเลยค่ะ ....เสียงแหบ +_-
หนังอย่างนี้ก็ดีอย่างนี้เองสินะคะ >< อิๆๆ เอะอะวายเอะวาย.....เราจิ้นกันเองนี่แหละ 555555 //ขอเช็คแฮนด์กะรีด// และที่ไม่กรี๊ดไม่ได้ค่ะ รีดขา!!!!! >< ซูลูมีลูกสาวกับผู้ชายยยยยยยย อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!! ในโรงที่นั่งดูกับเพื่อน (ไม่ได้เป็นสาววาย) ไรท์ก็ค้างๆ แต่ในใจนี่ปากฉีกไปถึงกกหูพร้อมกรี๊ดร้องด้วยความที่ไตวายตายไปแล้วเรียบร้อยค่ะ 555555555 ซูลู!!!!! อร๊ายยยยยยย เป็นเคะสินะคะ อร๊ายยย! >< ชอบบบบบบ!!!!! สนับสนุนให้มีภาค 4 ต่อไวไวค่ะ ให้ซูลูกับ Partner ออกเยอะๆ นะค้าาา >///< อูยยย Star Trek : Beyond ภาคนี้ถึงตายค่ะถึงตาย! บอกได้คำเดียวเลยค่ะ...จัดว่าเด็ด!
โอเค พอแล้วเนอะ แฮ่ๆ ขอโทษทีค่ะเป็นเพราะวี๊ดกับเรื่องนี้มากเลยยาวค่ะและคิดถึงอย่างมากมายด้วย Star Trek เป็น Fandom แรกที่ไรท์เชื้อเชิญมาเป็นครอบครัว Fan Fictions Hollywood (Thailand) ค่ะ ^^ ดีใจมากๆ เลยค่ะ ที่ได้เจอกันอีก //อนึ่งญาติสนิท// และขอกราบเรียนรีดที่รักของไรท์ไว้ตรงนี้นะคะว่า SF เรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาอยู่ใน Star Trek : Beyond ภาค 3 นี้แต่อย่างใดค่ะ (อ้าว?) ในเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของสามปี (รึสองปีหว่า?) ต่อจากนี้ค่ะ ครบห้าปีของการท่องอวกาศและทุกคนได้กลับบ้าน แต่ดันเกิดเรื่องโลกแตกขึ้นกับจิมเข้า สป็อคเองก็เช่นกันค่ะ........เพราะฉะนั้นหากท่านใดอยากรู้ว่าปัญหาโลกแตกที่ว่าจะเป็นอะไรก็ไปอ่านกันเลยค่าาา ><
ปล. ภาพบนซูลูทำหน้าเหนื่อย 555555 //โดนดาบฟันคอปลิว//
------------------------------------------------------------------------------------------
“มีอะไรไอ้หนู ห้ามวิ่งในห้องพยาบาลของฉันนะลืมแล้วเหรอ!?”
“ไม่ อย่าให้สป็อคเจอฉัน!” แววตาของกัปตันคนเก่งที่เคยขี้เล่นบัดนี้ดูซีดเซียวอย่างตื้นตระหนก แมคคอยที่เห็นดังนั้นจึงรู้แล้วว่าเพื่อนจอมยุ่งของเค้าไม่ได้วิ่งหนีเข้าห้องพยาบาลมาเพื่อยั่วโมโหเค้าเล่นๆ เป็นแน่
หมอแมคคอยแห่งยาน Enterprise จับไหล่ที่ลู่ลงจนเหมือนจะเกือบล้มทั้งยืนของจิมไว้ แล้วออกแรงเขย่าเบาๆ
“มีอะไรจิมมี่ สป็อคมันจะทำอะไรนาย?” สีหน้าของแมคคอยดูเป็นกังวลมาก เพราะใครๆ ก็รู้ว่าถ้าวัลแคนขาดเหตุผลแล้วโมโหน่ะมันเป็นยังไง
......แต่สำหรับสป็อคน่ะ มันยากเกินกว่าที่จะเกิดเรื่องแบบนั้น โดยเฉพาะกับจิม......
กัปตันเคิร์กกระพริบตาแล้วมองไปมา สีหน้าเค้าดูหวาดวิตก ดวงตาสีฟ้าทอประกายก็ไม่ได้ซุกซนอย่างเช่นที่เคยเป็นแล้วอีกต่อไปแล้ว.......จิมเอื้อมมือขึ้นมาจับแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ไม่เหมาะกับอาชีพคนเป็นหมอของแมคคอย แล้วกลืนของเหลวลงคอก่อนจะหอบหายใจ
“สป็อค....สป็อค....” เค้าละลำละลัก
“อะไรจิม”
“สป็อคเป็นฟอนฟา”
.
.
----------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------
-----------------------------------
.
.
“สป็อคเป็นฟอนฟา”
“แกออกจากยานไปเลยจิม!”
จิมหันควับกลับมามองหน้าเพื่อนที่เสียงดังใส่เค้าเกินเหตุ แล้วส่ายหน้าแต่ทว่าดูอ่อนแรง “ไม่ ไม่ได้ ฉันต้องลงจากยานเป็นคนสุดท้าย....”
“ช่างหัวกฎเถอะน่า! นายเป็นกัปตันแล้วไง Enterprise แตะพื้นแล้วและทุกคนกำลังทยอยลง ไม่มีใครสนใจกฎบ้าอะไรทั้งนั้น นายรีบไปก่อนเถอะตอนนี้ยังพอปะปนไปกับพวกลูกเรือได้ เดี๋ยวฉันจะลงเป็นไปคนสุดท้ายเอง.....ไม่ อย่าอ้าปากเถียงฉันจิมมี่ ฉันจะตรวจทุกอย่างแทนนายเอง และห้ามเถียงคำสั่งของหมอเด็ดขาด!”
“แต่ฉันไม่กล้า...ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะพูดคำนี้” กัปตัน Enterprise กลอกตากับตัวเองน้อยๆ แต่เค้าก็รู้ว่าข้อนี้จะยกเว้นได้กับสป็อคเพียงคนเดียวเท่านั้น “นายก็รู้สป็อคโผล่มาได้ตลอด พอเค้ารู้ว่าฉันอยู่ไหนเค้าก็จะมาหาฉัน” จิม เคิร์ก ส่ายหน้าไปมาและเกาะแขนทั้งสองข้างของแมคคอยแน่น ราวกับจะถามว่าเพื่อนของเค้าว่ามีแผนที่ดีกว่านี้ไหม
“ไม่หรอกน่า.....เดี๋ยวนายลงไปที่ทางออกฉุกเฉิน อย่าออกทางอออกหลักเดี๋ยวฉันจะบอกซูลูให้ไปรอนายอยู่ที่นั่น” เสียงเข้มที่ออกห้วนของแมคคอยดังขึ้นตามนิสัยแต่ทว่าไม่มีพิษภัย ร่างสูงของหมอใหญ่เดินผละออกไปควานหาเครื่องมือสื่อสารแล้วติดต่อหาชายคนดังกล่าวทันที
แต่จิมที่มีสีหน้าไม่สู่ดีนักกลับยังไม่ยอมหายกังวล “แต่โบนส์ ถ้าเค้าเจอนายล่ะพวก?”
“ฉันก็จะด่าหลักการของมันว่าหน้าโง่ แล้วให้มันไสหัวออกไปจากห้องฉัน” แมคคอยหันมาพูดใส่ ดูมั่นใจและหน้าตายราวกับเป็นเรื่องปรกติเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่คิดว่านายทำงั้นได้นะ” จิมทำหน้าเบ้
“จะได้หรือไม่ นายก็ไม่ได้อยู่รู้หรอกจิม รีบลงไปได้แล้วไอ้หนู......ซูลูนี่ฉันเอง มีเรื่องอยากจะวานหน่อย” และไม่นานนักลูกเรือคนสำคัญอีกคนหนึ่งของยาน Enterprise ก็ทำความเข้าใจกับสิ่งที่แมคคอยบอกให้ทำตามสายสนทนาอย่างไม่มีข้อขัดข้อง
“นายคงยังไม่เคยเจอวัลแคนตอนเป็นฟอนฟาใช่ไหม?” ปรกติแล้ว จิม เคิร์ก ผู้แสนร่าเริงจนกวนประสาทคนนี้ไม่เคยทำตัวงี่เง่าให้ดูน่ารำคาญมาก่อนเลยแต่ในครั้งนี้การเอ่ยจู้จี้จนเกินความพอดีก็อาจทำให้คนอย่างแมคคอยร่ำๆ อยากจะตวาดใส่ แต่ทว่าความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหลือมันก็มีมากเกินกว่าที่จะทำให้เค้าตะเพิดคนกวนสมาธิตรงหน้านี้ให้ไปให้พ้นหูพ้นตา
คนเป็นหมอที่มีความสุขุมเป็นคุณสมบัติชั้นเลิศอย่างหนึ่งของเค้าคุยกับปลายสายเสร็จเรียบร้อยก่อนหันมาเหวใส่จิม “โอเคนะซูลู.....ไม่! แล้วนายล่ะ? พูดยังกะเคยเห็น นี่นายเพิ่งคบกับไอ้หนูผีนั่นได้แค่กี่ปีเองนะเว้ย” แมคคอยถลึงตา....คนอื่นจะมารู้ดีกว่าหมออย่างเค้าได้ยังไงกัน?!
ก็เค้าเป็นหมอหนิ
“ก็เพราะว่าเคยเห็นไงถึงบอกน่ะ!”
“ยังไง?” เพื่อนหมอทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ในขณะที่เก็บของใส่กระเป๋าและในตอนนั้นเองก็มีคนเดินออกมาจากฉากกันเตียงแพทย์ของเค้าในช่วงเวลาที่พอดิบพอดี....
“ก็เมื่อมันตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว......อ้าว! เชคอฟนายมาอยู่นี่ได้ไงน่ะ....อะ โอ่ว รู้แล้ว ช่างมันเถอะ...” จิมยิ้มเป็นครั้งแรก และเด็กหนุ่มคนนั้นดูง่วงซึมและหมดเรี่ยวแรงเป็นอย่างมากก่อนจะแววได้ยินเสียงแมคคอยกัดฟันกรอดอีก
“หุบปากไปเลยจิม! ใครอนุญาตให้นายเปลี่ยนเรื่องกันห๊าา??” อันที่จริงเจ้าของห้องพยาบาลนึกว่าต้นหนอายุน้อยคนนี้จะออกมาช้ากว่านี้สักหน่อย คนถูกบ่นยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้
“โว่ว ใจเย็น ฉันหูแตกแล้วล่ะ” แล้วกัปตันที่เริ่มมีรอยยิ้มซุกซนกลับมาก็เอานิ้วแหย่หูตัวเองอย่างล้อเลียนน้อยที่สุด พลางมองดูเด็กหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนหมอของเค้าอย่างสนอกสนใจ “ไง? ช่วงเวลาพักก่อนถึงโลกครึ่งชั่วโมงของเชคอฟเป็นประโยชน์กับนายไหมเพื่อน?” คราวนี้จิมหันไปยักคิ้วหลิ่วตาเป็นเชิงรู้กันกับคนที่ไม่เล่นด้วย
“ประโยชน์กับผีน่ะสิ! หุบปากซะจิม” แมคคอยแยกเขี้ยวใส่ เพราะรู้ว่าเชคอฟรับมือกับปากพร้อยๆ ของจิมไม่เก่งนัก แต่เด็กหนุ่มที่กอดกระเป๋าสัมภาระใบน้อยนั้นก็อยากที่จะลองทำ
“เอ่อ กัปตันครับคือว่าผม...”
“ฉันรู้เชคอฟ ฉันเข้าใจ หน้าที่ของนายหมดไปตั้งแต่สามสิบห้านาทีที่แล้วแล้วและมันเป็นสิทธิ์ที่จะทำอะไรต่อก็ได้” เสียงฟังดูระรื่นของกัปตันตัดบทของต้นหนคนเก่งไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะโดนเล่นงานด้วยคนที่ไม่ชอบใจเมื่อเชคอฟถูกแกล้ง โดยเฉพาะกับไอ้คนน่าหงุดหงิดอย่างไอ้กัปตันไม่เจียมชะตานี่
“หุบปากซะจิมถ้าแกไม่อยากตายก่อนได้เจอวันพรุ่งนี้! ฉันเปลี่ยนใจไม่ช่วยนายแล้วโทรไปยกเลิกกับซูลูดีไหม?” เสียงหมอที่ดูเหมือนฆาตกรเอ่ยอย่างเย็นเยียบทำให้กัปตันผมทองยอมเลิกเล่นกับเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารที่ตามอะไรไม่ทันแต่โดยดี และหันมาทำสัญญากับแมคคอยต่อด้วยความยำเกรง
“โอเคได้เพื่อน ได้เลยเลิกเจ๊าะแจ๊ะ และฉันรู้สึกว่าฉันต้องไปแล้ว เดี๋ยวนี้เลย” คนยกมือทำท่ายอมแพ้ว่า หลังจากความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีคนยืนซ้อนทับอยู่จะทำเอาเค้าหายใจสะดุดไป
“ซูลูรอนายอยู่ที่ช่องถ่ายโอนเสบียง”
************************************************************
“ว่าไงครับกัปตัน” คนที่นั่งอยู่บนรถขนถ่ายเสบียงตามที่ถูกอีกคนหนึ่งไว่วานมาเอี่ยวตัวไปหันหาคนที่กำลังจะร่วมทางอันแสนสั้นนี้ออกไปกับเค้า ถึงแม้จะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมแมคคอยจึงบอกว่าให้ทำแบบนี้แต่ซูลูก็ไม่เก่งเรื่องตั้งคำถามกับหมอขี้หงุดหงิดคนนั้นนัก
ตุ้บ!
จิมวิ่งออกมาจากสายพานของยานแล้วกระโดดลงข้างต้นหนคนสำคัญอีกคนหนึ่งของเค้าอย่างรีบร้อน “ออกรถเลยไอ้น้อง” สีหน้าซุกซนและลิงโลดนั้นยังคงแสดงออกมาอย่างเด่นชัดถึงแม้จะมีความกังวลอย่างผิดปรกติซ่อนอยู่บ้างจนคนที่คุมพวงมาลัยอยู่จะอดถามขึ้นไม่ได้
“คุณโอเคไหม? ทุกอย่างเรียบร้อยนะครับ” ซูลูพูดก่อนจะหมุนพวงมาลัยแล้วรถขนถ่ายคันใหญ่ที่ว่างเปล่าก็แล่นอกไปโดยไม่ติดพื้น
เจมส์ ที. เคิร์ก บอกว่า “ทุกอย่างปรกติมากซูลู” เค้าพูดอย่างสนิทสนมเมื่อนอกเหนือเวลางาน “พาฉันกลับบ้านที” เค้าพูดคล้ายกับเล่นมุข แต่อีกนัยหนึ่งเหมือนกำชับ
“เอ่อ ครับ ได้เลย ยานที่จะกลับโลกลำต่อไปจะออกภายในห้านาที เราน่าจะไปถึงทันเวลาพอดี แต่ เอ่อ...แล้วคุณสป็อคล่ะครับ เค้าไม่มากับคุณด้วยเหรอ?”
“ชู่ว์! ซูลู ชู่ว์......อย่าพูดชื่อเค้า อย่าแม้แต่จะคิดถึงเป็นอันขาดเชียว” จิมใช้มือหนึ่งกอดกระเป๋าสัมภาระส่วนตัวแนบกับอก อีกมือหนึ่งก็ชี้นิ้วจรดปากพร้อมเอ็ดเบาๆ รอดไรฟันอย่างคนวิตกจริต ราวกับว่าเค้าเป็นผู้รอดชีวิตจากดาวที่แห้งแล้งและหฤโหดที่สุดในกาแล็คซี่
......ตอนนี้อะไรก็ดูเหมือนไม่ใช่มุขตลกอีกแล้วสำหรับท่าทีของกัปตันเคิร์ก......
“ทำไมล่ะ พวกคุณทะเลาะกันเหรอ? ถ้างั้นผมคงไม่ควรพูดถึงเค้าจริงๆ” ซูลูวนรถเข้าจอดที่ท่าของช่างซ่อมบำรุงแล้วลงรถมาพร้อมกับกัปตันที่เคารพยิ่ง แต่ทว่าเค้ากลับหายไปอย่างรวดเร็วไม่บอกลาซูลูก่อนกลับโลกเลยสักคำ
“อะไรของเค้ากัน?” คนมาส่งเพราะถูกคำไว่วานเพี้ยนๆ ขอร้องเกาหัวอย่างไม่ใคร่เข้าใจนักและคิดว่าทุกอย่างดูเพี้ยนมากกว่าเดิมเมื่อกัปตันอันแสนจะชาญฉลาดของเค้ามีท่าทีเหมือนคนเสียสติ
***************************************************************
“ยานที่จะไปยังโลกจะออกในอีกหนึ่งนาที ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย เจ้าหน้าที่และบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาออกห่างจากยานด้วยค่ะ ยานที่จะไปยังโลกจะออกในอีกหนึ่งนาที ......”
ใช่ นั่นล่ะ รีบไปสิ รีบไปเดี๋ยวนี้เลย ป่านนี้สป็อคคงกำลังตามหาเค้าอยู่แน่ๆ ถึงจะไม่ได้ออกมาจากห้องส่วนตัวตั้งแต่เมื่อวานแล้วเพราะอ้างว่าป่วย แต่ทันทีที่ถึงบ้านเค้าก็รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งตั้งใจจะทำอะไร บอกไม่ถูกเลยว่าเมื่อวานที่เข้าไปหาอีกฝ่ายเพราะเป็นห่วง จิม เคิร์ก ผู้แสนมากประสบการณ์คนนี้ตื่นตกใจขนาดไหน
“จิม จิม นั่นคุณเหรอ?” ไฟในห้องมืดหมดและเค้าก็มองไม่เห็นอะไรเลย เกือบสะดุดเข้ากับอะไรบ้างอย่าง จนในที่สุดก็รู้ว่าเป็นมือของสป็อค!
“ฮะ เฮ้ นายโอเครึเปล่าสป็อค นายบอกเชคอฟว่าไม่สบาย เป็นอะไรมากไหม? นะ นายลุกไหว...เหวอออ” คนที่ลนลานคงจะมีแค่จิมคนเดียวเสียแล้วและไม่ทันไรเค้าก็โดยอีกฝ่ายหนึ่งลุกขึ้นมาเกี่ยวตัวเข้าไปหาด้วยแรงของวัลแคนอันมหาศาล สป็อคออกแรงอย่างเกินความจำเป็นจนเป็นเหตุให้คนเยี่ยมไข้ต้องแอบนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ
“ไม่หนุกเลย นายโอเคไหมสป็อค?” คนใจไม่ดีเพราะท่าทางที่แปลกไปพร่ำถาม
“จิม...อึก ผมรู้ว่าคุณต้องมา...มาหาผม” เค้าได้ยินเสียงกลืนน้ำลายและเสียงหายใจหอบถี่ “ผมรอคุณอยู่ ผมมีความรู้สึกแปลกๆ และเกรงว่าต้องการคุณเดี๋ยวนี้” ว่ายังไม่ทันไร ริมฝีปากบางเชียบและอุ่นร้อนของผู้การซึ่งเป็นวัลแคนเพียงคนเดียวของสตาร์ฟลีทก็นาบลงไปบนต้นคอขาวของกัปตันยานแล้วเริ่มใช้ลิ้นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามนุษย์ถึงสองเท่าไล่เลียไปตามเส้นชีพจรของคนที่ตัวสั่นด้วยความเสียวซ่านแปลกประหลาด
อ่า ให้ตายเถอะ! ยิ่งกว่าสาวเนวิเกตสองคนรวมกันซะอีก! โอ้ สป็อคอย่า! นายฉีกเสื้อฉันทำไม อย่า...อย่าทำ อย่ากระชากกางเกง อ๊าาา!......นั่นคือสิ่งที่จิมเล่าให้โบนส์เพื่อนรักของเค้าฟังหลังจากขึ้นยานขนส่งมาแล้วและกำลังคุยผ่านวิทยุกับอีกคนหนึ่งอยู่
“บ้าแล้ว หมอนั่นทำงั้นได้ด้วยเหรอ?” เสียงแมคคอยเหมือนไม่อยากเชื่อราวกับจิมบอกว่าสป็อคใส่กางเกงในตัวเดียวมาประจำการที่สะพานเรือ (คุณก็รู้ใช่ไหมความคิดแมคคอยร้ายกาจแค่ไหน เค้าไม่เคยไว้หน้าใครยกเว้นเชคอฟ)
จิมทำเสียงกรรโชกก่อนจะแสดงอารมณ์ข่มขื่น บอกว่าเค้ากลัวและตกใจมากแค่ไหนเมื่อวานนี้
“ฉันรู้เพื่อน ฉันรู้ ฉันเห็นด้วยกับนายที่เค้าเป็นฟอนฟา ใช่ นี่มันก็ถึงเวลาโป๊ะเช๊ะของหมอนั่นแล้วอ่ะนะ แต่ว่าถ้าเป็นอย่างที่นายพูดจริง” แมคคอยใคร่ครวญ “หลังจากนายหนีมันมาได้สำเร็จแล้ว นายไม่คิดว่าหมอนั่นอาจจะไปรอนายอยู่ที่ห้องล่วงหน้าแล้วน่ะ?” เค้าดูเต็มใจช่วยเพื่อนเต็มที่และไม่ลืมที่จะคิดแบบสป็อค ถึงแม้จะเอียนจนอยากจะอ้วกมากแค่ไหนก็ตาม
จิมทำเสียงเหมือนลูกหมาโดนเตะแต่ก็ยังจะรั้นอยากอ้อนเจ้าของ แล้วแมคคอยก็พูดเสียงจริงจังเหมือนเค้าไม่เคยอายเลยที่จะพูดมันออกมา “ไม่ใช่ว่ามันเดทกับแจกันระหว่างที่รอนายอยู่เรอะ?”
“ไอ้บ้า นั่นแจกัน” เป็นครั้งแรกที่จิมด่าแมคคอยเพราะความคิดไม่เข้าท่า
“ฉันจะบอกให้ วัลแคนเหมือนหัวหน้าแก็งค์หนวดปลาหมึกยักษ์เลยนะ และฉันว่ามันฟังดูไม่ดีเท่าไรสำหรับนาย”
“หุบปากซะโบนส์...ฉันเคยมีเซ็กซ์กับเค้าแล้ว ชัดไหม? ฉันเคยมีเซ็กซ์กับเค้า ไอ้นั่นของสป็อคไม่ใช่ปลาหมึก...ย้ำ น้องชายของเค้าเป็นวัลแคนแท้ๆ!” ไม่มีใครดูออกเลยว่าชายที่นั่งตรงมุมยานคนนี้คือกัปตันเคิร์กแห่ง U.S.S. Enterprise เพราะเค้ากำลังนั่งขดตัวงุดและกำลังคำรามรอดไรฟันใส่วิทยุสื่อสารราวกับคนบ้า
แมคคอยเถียงกลับมา จิมได้ยินเสียงเล็กๆ ของเชคอฟ “นายจะไปรู้ได้ยังไงว่าไอ้น้องชายที่หมอนั่นหอบข้ามจักรวาลมาด้วยจะไม่กลายร่างตอนเข้าช่วงฤดูผสมพันธุ์น่ะ.....โอ้ว เชคอฟโทษที”
จริง เชคอฟอยู่ตรงนั้นจริงๆ
“ข้อหนึ่งเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดคำว่าผสมพันธุ์ และข้อสองวอดก้าสำหรับนายพอแล้วไอ้หนู” เสียงเล็กๆ ของเชคอฟคงเป็นเพราะแมคคอยแย่งแก้วอดก้าไปนี่เอง
จิมยอมแพ้แล้ว เพิ่งรู้ในตอนนี้เองว่าเพื่อนหมอไม่ได้ตั้งใจคุยกับเค้ามาตั้งแต่แรก “ขอบใจเพื่อน ช่วยได้มากเลย” กัปตันผมสีบลอนด์น่าหลงใหลลดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่ง เชคอฟอยู่ก็ทำแมคคอยเสียสมาธิได้เสมอ
“เฮ้ เดี๋ยว จะว่างแล้ว? แล้วนายจะทำไง?” หมอผู้น่าเคารพกระดกวอดก้าจนหมดแก้ว แล้วเสียงอ้าก็ถูกปล่อยออกมาจากลำคอของเค้า เชคอฟจะไม่ได้กินและทำเสียงแบบนั้นบ้างแล้ววันนี้
ชายหนุ่มตาสีฟ้าที่หมองแสงซุกซนกัดริมฝีปาก “ฉันจะหาที่ซ่อน” เค้าบอก “ฉันคิดว่าช่วงฟอนฟาของสป็อคน่ากลัวไป ฉันเป็นคนใหม่แล้วโอเค? ไม่เป็นงั้นแล้วเค้าต้องทำจนฉันตายแน่”
แล้วร่างที่ขดตัวเป็นก้อนผ้าก็ดึงโค้ทขึ้นมาคลุมหัวตัวเอง
อูฮูร่าบอกว่าช่วงฟอนฟาของวัลแคนจะมารธอนเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงจะแล้วเสร็จ และสป็อคเพราะแข็งแรงจึงมีช่วงฟอนฟาที่น่ากลัวกว่าคนอื่น
************************************************************************
และรู้อะไรไหม เธอโกหก......
เธอไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ มารธอนน่ะใช่ แต่เกรงว่าหลายอย่างอาจไม่เกินจริงถึงขนาดนั้น อูฮูร่าปล่อยหัวเราะคิกในตอนที่กัปตันคนเก่งเดินจากไปหลังขอคำปรึกษาจากเธอด้วยสีหน้าที่เหม่อลอยเหมือนรู้วันสุดท้ายในชีวิตของตัวเอง
“โธ่ จิม ขอโทษนะ” เธอยิ้มเบาบางและหลับตา คำถามที่ว่าเค้าจะเป็นอะไรรึเปล่าทำให้เธอต้องคำนึงถึงมุกของตัวเองเสียหน่อย “จะเป็นอะไรไป คงไม่มีอะไรหรอก สป็อคจะเป็นฟอนฟาเหรอ? ม้าย เค้ายังอายุน้อยเกินไปที่จะเป็น” อูฮูราหัวเราะก่อนหันกลับไปกดแป้นพิมพ์ช่องสื่อสารต่อ
เธอไม่รู้......ไม่ ไม่รู้อะไรเลย ว่าสป็อคโตเต็มวัยแล้ว และเป็นหนุ่มโตเต็มวัยที่แข็งแรงเอามากๆ เสียด้วย
ซึ่งในเวลาปัจจุบันนี้ชายหนุ่มที่มีเชื้อสายของความเป็นมนุษย์ชาวโลกอย่างเต็มที่ก็กำลังเก็บเอามุกตลกนึกครึมอยากจะแกล้งของอูฮูร่ามาขบคิดเป็นตุเป็นตะ
.
.
.
TBC.
-----------------------------------------------------------------------------
โอ๊ย จิมน่าสงสาร! 555555 อูฮูร่าทำงั้นไมคะเนี่ยยย???? >{}< 55555 //แต่ตัวเองก็หัวเราะ// สป็อคเป็นฟอนฟาจ้าาา ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ 555555 ถือว่ากะโหลกกะลามาก //คือนี่แกคิดอะไรไม่ออกแล้วหรือยังไง?//
หมอดูเหมือนเป็นคนดีนะคะแต่ว่าเชือดเฉือนมาก 55555555 หมอเหมือนจะฆ่าจิมเลยค่ะ เค้าไม่โอ๋ใครเลย โอ๋อยู่ค่ะเดียวคือเชคอฟ...... -///- อร๊ายยยยย โดนไปอีกหนึ่งดอก 555555 #ทีมแซวน้องเช สป็อคเรื่องนี้มาครึ้มมาก แต่ชอบหลักการที่ทำให้หน้าตายของเค้าค่ะ สารภาพรักได้โรแมนติกน้อยมากแต่ก็ทำให้หัวใจสั่นไหวได้ไม่น้อยเลยค่ะ อันนี้จริงไหมนะ? แต่ไรท์มโนเองค่ะว่าถ้าวัลแคนเจอคู่แท้ของตัวเองแล้วก็จะรู้สึกว่าเค้าแตกต่างจากคนอื่นค่ะอย่างเช่นจิมทำให้สป็อครู้สึกร้อนรุ่มอย่างไม่รู้สาเหตุและในขณะเดียวกันจิมมี่ของเราก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ต้องการสป็อคมาโอบกอดมอบไออุ่นให้หายหนาวค่ะ >///< จะใช่อย่างนี้ไหมนะ? แต่เราไม่สนใครค่ะ เราอยากให้เป็นอย่างนี้ 55555555
เหมือนๆ กับว่าไรท์เกริ่นซะจริงจังอ่ะเนอะ แต่เริ่มมาเรื่องเริ่มรั่วค่ะ 55555 มันเป็นพล็อตที่กลายพันธุ์ของไรท์ค่ะจนสุดท้ายก็ออกมาเป็นแบบนี้ พออ่านจนจบแล้วรีดจะรู้สึกยังไงน้า ไรท์อยากรู้จังเลยค่ะ >< จะชอบรึปล่า ไรท์มักไม่ค่อยปรังแต่งอะไรให้เป็นอื่นจากที่ตัวเองคิดไปมากนักค่ะ (ยกเว้นเตลิดเอง -///-) เพราะมันจะทำให้ไรท์เขียนออกมาได้ไม่ดี ไรท์ไม่ชอบแบบนั้นเลยค่ะ
รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ ที่ได้มาพบทุกคนใน Star Trek และรีดๆ อีก ดีใจมากๆ เลยล่ะค่ะ >< คอมเม้นท์กันหน่อยนะคะ >< รักรีดทุกท่านมากๆ เลยค่ะ
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
2 ความคิดเห็น:
รู้สึกสงสารจิมโบ้น้อยของเรานิดๆเหมือนกัน แต่ก็อยากให้สป๊อคมาเจอเหลือเกิน 5555555
ฟีลลิ่งตอนดูบียอนในโรงเหมือนกันเป๊ะๆเลยค่ะ ยิ่งนี่ไปดูคนเดียวอีก ถ้ากรี๊ดนี่คงโดนมองทั้งโรงแน่ๆ ได้แต่เอามือปิดปากละกรี๊ดในใจ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ชอบบบ
แหม่ จิมหนีทำไมค่ะ แค่มาราธอนเองน่าลองออก555 อูฮูร่าก็ช่างแกล้งถูกเรื่องจริงพี่สาว แล้วหมอทำไรเชคคอฟช่วงพักค่ะนั้น
ไปดูบียอนมาเหมือนกัน ไปกับเพื่อน(วายเหมือนกัน)นั่งบีมมือจิกโซฟาจะขาดตามออกมาอยู่แล้ว ในโรงรวมแล้ว7คน กัดปากกันจนเลือดจะออก โอ๊ย ออกมานี้เม้ากระจาย คนมองคงนึกว่าคนบ้า แต่ทำไงได้อ่ะมันฟิน^////^ จะรอน่ะค่ะ แต่มาเร็วหน่อยก็ดีเปิดมาเอาแบบเจอแล้วเลย (-.,-)
แสดงความคิดเห็น