วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[SF – Star Trek] + [Part 4...END] FONFA – Spock x Kirk , McCoy x Chekov





//Part สุดท้ายนี้ขอหยิบยกภาพจากภาค 1 มาค่ะ  ภาพนี้ทำให้ไรท์รู้สึกประทับใจมากค่ะ  Enterprise ที่เรื่องราวของทุกคนได้เริ่มต้นขึ้น  และจิมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าในตอนที่เค้าได้ไปเห็นเธอครั้งแรกเค้าจะได้เป็นกัปตันบนยาน Enterprise และเป็นคนที่สหพันธ์ต้องจดจำค่ะ// ซิกๆๆ //ซับน้ำตา//

อร๊ายยยยยยยยยยยย  Part สุดท้าย! Part สุดท้ายสวัสดีค่าาา  รีดๆ ของไรท์ทุกท่าน >///< มาถึง Part ไม่อยากให้มาถึงแล้วนะคะ 55555+  โอยยยยยย  น่าเสียดายจังเลย  รู้สึกรักและคิดถึง Fandom – Star Trek จริงๆ เลยค่ะ  รู้สึกไรท์เขียนกะเอาฮาจริงๆ ด้วยล่ะค่ะ (หัวเราะ) คือไม่มีสาระอะไรเลย  กะเอาให้หายคิดถึงอย่างเดียวเลย  ถ้าเอาจากเนื้อเรื่องของภาค 3 จริงๆ พล็อตก็คงเป็นอีกอย่างหนึ่งค่ะซึ่งไรท์ว่ามันก็น่าสนใจดี  แต่ก็ไม่ค่อยจะห่างจากนิสัยถาวรของไรท์ซะเท่าไรหรอกค่ะ หุๆๆ //กำเดาหก//  ซึ่งเรื่องนี้ก็มีฉากให้เลือดสูบฉีดอยู่นิดหน่อยนะเออ

ต้องขอบคุณรีดๆ มากเลยนะคะที่คอยให้กำลังและเข้ามาอ่านฟิคของไรท์

อ่าาา  อิจิมไม่ปฏิเสธสป็อคแล้วสินะคะ  จะเป็นอย่างไรต่อไปน้ากับบทส่งท้ายนี้ของเรา  ไปอ่านกันเลยค่าา >[]< !!!!



---------------------------------------------------------------------------------------

เก้าวันให้หลัง......

แมคคอยที่กำลังยืนจิบกาแฟอยู่พึ่งได้รับข้อความจากเพื่อนกัปตันตัวยุ่งในเช้าวันนั้นนั่นเองหลังจากหายหน้าหายตาไปเสียจนเค้าเกือบนึกว่าต้องเตรียมบทพูดไปกล่าวในพิธีศพของอีกคนหนึ่งเสียแล้ว  ถึงแม้ท่าทางตอนเปิดอ่านเค้าจะดูชิลล์แค่ไหนแต่ก็ต้องยอมรับว่าลุ้นระทึกไม่น้อยเลยว่าจะเป็นคำบอกเล่าประเภทไหน......ไม่ใช่ว่าเป็นข้อความลาตายหรอกนะ ก็เล่นหายต๋อมไปตั้งเก้าวันเลยนี่นา

นัดเจอเหรอ?  หึ หายไปเก้าวันเพราะเจ้าวัลแคนนั่นนายคงไม่เป็นอะไรเลยงั้นสินะ” ร่างสูงที่ถือแก้วกาแฟ  หน้าอกเปลือยเปล่าไม่ได้สวมเสื้อเพราะเพิ่งตื่นนอนแสยะยิ้มอย่างนึกเสียใจอยู่บ้างที่แอบเป็นห่วงเพื่อนกัปตันหัวทองว่าจะเป็นอย่างไรในระหว่างที่เจ้าหนูผีนั่นเป็นฟอนฟา  แต่เห็นทีคงจะต้องคิดใหม่เสียแล้ว

หากถูกเรียกให้ไปเจอกันคาดว่าคงหนีไม่พ้นการพูดคุยไม่ผิดเป็นแน่  ในเวลานี้ร่างสูงเจ้าของบ้านกำลังอารมณ์ดีเพราะงั้นจึงไม่ได้พ่นคำผรุสวาทใส่เจ้าคู่รักเจ้าปัญหานี้แต่อย่างใด  แต่ก็เดาได้ว่าอีกไม่นานไม่ความไม่มีกาลเทศะของจิมก็ความหน้าตายระรื่นของสป็อคนี่แหละที่จะทำให้เค้าหงุดหงิดจนต้องขาดสติออกปากบ่นอีกรอบ....ก็ให้ตาย อีกคนหนึ่งก็น่ารำคาญส่วนอีกคนหนึ่งก็น่าโมโห  มันสมเป็นคู่กันดีไหมล่ะ

เสียงผ้าห่มบนเตียงขยับไปมา  ทำให้ร่างสูงต้องหันไปมองเชคอฟที่พลิกตัวมุ่นกับผ้าห่มอยู่บนเตียงที่เค้าเพิ่งลุกออกมา

 “อืมม” เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเข้าไปผัวพันกับผ้าห่มและจะพาลหาทางออกไม่เจอเข้า  แมคคอยจึงเดินเข้าไปแล้วทำให้เชคอฟหยุดทำตัวเองซะ

“ตื่นแล้วเหรอเชคอฟ” เค้าพูด ถึงแม้จะรู้ว่าอีกคนหนึ่งยังไม่ได้ตื่นจริงก็ตาม  แต่หากโดนพูดด้วยประโยคแบบนี้แล้วร่างเล็กเห็นทีคงจะหลับต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

“อืมม กัปตันติดต่อมาเหรอครับ? ผมได้ยินเสียงข้อความ” ถึงแม้เสียงจะงัวเงียเต็มทีแต่เจ้าของประโยคนั้นก็ยิ้มรับอรุณด้วยดวงตาที่ยังไม่เปิดทั้งสองข้าง

“ใช่ ก็คงเป็นอย่างนั้นเชคอฟ.....ข่าวดีสำหรับนาย  เค้ายังไม่ตาย” แมคคอยขยี้หัวนุ่มนิ่มนั้นแล้วจูบเชคอฟ “ตื่นได้แล้วเจ้าหนู  วันนี้เรามีนัด”

“ไปข้างนอกเหรอครับ” เชคอฟกระแทกตัวกับเตียงแล้วคลุมโปง “อืมม  ผมไม่อยากไปเลย วันนี้เดวิดมา......ผมมีนัดกับเค้าซะด้วยสิ” เด็กหนุ่มคงหมายถึงรายการทีวีรายการโปรดของตัวเองเป็นแน่  แมคคอยที่กำลังเดินออกจากประตูไปจึงอดยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้

“แต่ถ้านายนอนต่อก็จะพลาดดูเดวิดเหมือนกันนะเจ้าหนูน้อย”

มีเสียงอู้อี้ตามหลังมาและเสียงเลิกผ้าห่มก็กระพือดังพรึ่บ



*******************************************************************************



ผ่านไปสามสิบนาทีกับอีกเล็กน้อย  คนที่บอกว่ามีนัดออกไปคุยกับเพื่อนที่หายสาบสูญไปเกือบสิบวันกำลังเติมพลังตอนเช้าอยู่ที่โต๊ะทานอาหารภายในบ้านหลังไม่น้อยไม่ใหญ่อันแสนรักของเค้า  ร่างสูงลงมื้อทำมื้อเช้าเองอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำ  และในขณะที่เชคอฟกำลังก้มหน้าก้มตาแก้ปริศนาสมการสูตรฟิสิกส์กับ PAD อยู่นั้นร่างของแมคคอยก็ยกมื้อเช้าที่ทำเสร็จใหม่ๆ ออกมาพอดี  ก่อนเสียงบานพับที่ถูกกระแทกจนเกือบเด้งออกจากกรอบประตูจะดังขึ้นพร้อมการชะงักกายของชายผู้เป็นหมอ

“ไอ้โบนส์!

จิม!!” แมคคอยวางอาหารตรงหน้าเชคอฟ และเมื่อเห็นเพื่อนตัวดีก็เกือบทำจานของตัวเองตก  เจ้าของบ้านตะโกนเสียงดังก่อนจะมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเหลือเชื่อ “นี่มื้อเช้าเองนะโว้ย  มื้อเช้า!” เค้าย้ำ  นึกหวั่นในใจว่าสป็อคมากับจิมด้วยหรือเปล่าแต่ก็ไม่  กัปตันเคิร์กมาเยี่ยมด้วยตัวเองเพียงคนเดียวเท่านั้น

เสียงสดใสของกัปตันสุกเจ๋งดังขึ้นที่หน้าประตูจึงทำให้เชคอฟวาง PAD ลงแล้วเข้าไปทักทายกัปตันของเจ้าตัวด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจและไม่ลืมไถ่ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง  ส่วนคนถูกเป็นห่วงก็ตอบคำถามด้วยสีหน้าระรื่นราวกับว่าตัวเองหลบไปพักร้อนมาไม่ได้ผ่านสมรภูมิเดือดกับวัลแคนที่กำลังคลั่งเซ็กซ์แต่อย่างใด  จนกระทั่งแมคคอยกลอกตาเสร็จไปสามตลบได้พวกเค้าจึงได้คุยกันอย่างที่คาดเอาไว้

“ไง  ฮันนีมูลน้ำผึ้งกับเจ้านั่นเป็นไงบ้างล่ะจิม  หวานหยดย้อยจนเลือดอาบไปเลยไหม?” เชคอฟไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว  เด็กหนุ่มรัสเซียมีนัดกับเดวิดอยู่ที่จอภาพโฮโลแกรมขนาดยักษ์

คนถูกถามยิ้มเปล่งประกายซุกซนแล้วยักคิ้วให้แมคคอยก่อนพูดว่า “แหม  ไม่เอาน่าเพื่อน  มันไม่แย่ขนาดนั้นซะหน่อย” จิมรูว่าเพื่อนโบนส์ชอบหยอกล้อตนกับสป็อคด้วยการประชดประชันเสมอ แต่เค้าก็ชอบที่แมคคอยทำแบบนั้น

“แล้วนายเป็นไงบ้าง  นี้คงไม่ได้เป็นร่างโคลนของนายหรอกนะ  หรือว่าจริงๆ แล้วฟอนฟาของวัลแคนเป็นแค่สี่ชั่วโมง” แมคคอยว่าอีก  หากช่วงเร้าร้อนของวัลแคนยาวนานจริงเจ้าเพื่อนผู้น่ารำคาญคนนี้ก็คงจะไม่มีทางฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้เป็นแน่

“เป็นเจ็ดวันกับอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อน” จิมแก้คำแดกดันนั้นให้ถูกต้อง  และเค้าดูเหมือนรู้สึกว่ามันไม่ใช่สถิติที่น่าตกใจอะไรเลย  แต่เพื่อนหมอที่อยู่ตรงหน้ากลับเกือบตะโกนจนบ้านแตก

โอ้พระเจ้าช่วย!  นายไม่ไปเข้าเฝ้าเฮ้งเจียบนสวรรค์ก็บุญเท่าไรแล้ว  รึว่านี่เป็นร่างโคลนของนายจริงๆ ฮึจิม!” หมอจากไอโอว่าว่าพร้อมทั้งทำท่าจะแหกตาเพื่อนกัปตันเพื่อพิสูจน์ดู  แต่โดนปัดมือออกไปเสียก่อนอย่างติดจะรำคาญ

“ไม่ใช่ว้อย  ร่างโคลนไม่มีวันเหมือนฉันไปได้หรอก” มันก็จริง เพราะไม่ว่าใครก็กวนประสาทเกินความคาดหมายเท่าจิมไม่ได้อีกแล้วแม้แต่ร่างโคลนของหมอนี้เองก็ตาม

“แล้ว” แมคคอยยอมเปลี่ยนเจตนคติก่อนจะทำหน้าสดใส (ซึ่งเค้าหลอก) “เป็นไงบ้างล่ะ?” เพราะเค้ารู้ว่าจิมมาเพื่อให้เค้าถามคำนี้โดยเฉพาะ

“ก็...” คนต้นเรื่องมองขึ้นบนแล้วส่ายหน้าน้อยๆ อย่างคิดทบทวน “มันเจ๋งมากเลยเพื่อน  และไอ้ที่นายบอกว่าเค้าไปเดทกับแจกันรอฉันกลับไปน่ะเป็นเรื่องจริง” แมคคอยคิ้วกระตุกแล้วลอบมองเชคอฟที่นั่งอยู่ถัดออกไป  และโชคดีที่เด็กหนุ่มกำลังจดจ่ออยู่กับช่วงสุดท้ายของรายการทีวีห่วยๆ (แมคคอยออกความเห็นว่ายังงั้นเพราะเค้าดูไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ใช่ความผิดที่เชคอฟชอบดูรายการที่ครอบจักรวาลไปเสียทุกเรื่อง)

“แต่เฮ้! ฉันหมายถึง...ฉันกำลังจะบอกว่า มันเจ๋งจริงๆ นะเพื่อน  เรามีเซ็กซ์กัน” จิมเลิกคิ้วสูง ทำตาโต ก่อนจะลดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่งเป็นเคลิบเคลิ้มแล้วบอกว่า “ช่ายย เรามีเซ็กซ์กันน่ะ ฮ่า..ฮ่า  เราแทบไม่ได้ทำอะไรเลย  และมันแปลกมากที่ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยไม่รู้สึกหิว เราแค่ดื่มน้ำ  เข้าห้องน้ำ  นอน  เจ๊าะแจ๊ะกันแล้วก็กลับมาดื่มน้ำต่อ” คราวนี้แมคคอยลดเปลือกตาลงบ้าง “แต่ว่ามีอยู่หลายครั้งเลยนะที่สป็อคถึงขนาดเข้าไปตามฉันในห้องน้ำแล้วเราก็เจ๊าะแจ๊ะกันในห้องน้ำ” แล้วคนต้นเรื่องก็หัวเราะ

“ฉันเกลียดนายว่ะ” น่าไม่อายชะมัด......แมคคอยคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป คำพูดที่ออกจากปากเค้าก็ร้ายกาจกว่าความคิดในใจมากพออยู่แล้ว  ร่างสูงกลอกตาไปหาเชคอฟ  ถ้าไอ้หมอนี่จะเล่าลงลึกมากกว่านี้เค้าคงต้องพาออกไปคุยนอกบ้านเสียแล้ว (ใครๆ ก็รู้ว่าแมคคอยประคบประหงมเชคอฟมากแค่ไหน ถึงเค้าจะปากแข็งว่า เดี๋ยวเด็กมันเคยตัว ตลอดก็ตาม)

จิมเคิร์กหัวเราะ เอื้อมมือมาตบไหล่แมคคอยอย่างแรงเพราะชอบใจกับคำบอกรักตามประสาคุณหมอขี้หงุดหงิด  เพราะชายหนุ่มผมทองตาสีฟ้ามักคิดเสมอว่าเพื่อนของเค้าเหน็บแนมเพราะรักเค้ามาก

“เออ” ร่างสูงของคนที่มีแนวโน้มจะเป็นหมอน้อยมากครางรับแต่ไม่ได้หัวเราะตาม  จิมจึงเริ่มพูดต่อ

“แต่มันเป็นเรื่องจริงนะเพื่อน  ฉันไม่หิว ไม่หมดแรงเลย  เหมือนกับว่าทุกครั้งที่สป็อค” เค้าเป่าลมออกจากปาก “มันเหมือนกับ” แล้วขยิบตาเอียงหัวอีก “นายเข้าใจใช่ไหม?”

แมคคอยส่ายหน้า

“เรามีเซ็กซ์กัน แล้วก็มีเซ็กซ์กันอีก” จิมโยกตัวเบาๆ “นายต้องไม่เชื่อแน่ แต่ฉันไม่อยากให้มันจบเลย” ใช่  เค้าไม่เชื่อ...และนอกจากจะไม่เชื่อแล้วแมคคอยต้องพาจิมไปเช็คสติด้วย เค้าไม่ใช่จิตแพทย์สายตรงจึงทำได้เพียงแค่ตรวจร่างกายทั้งภายในและภายนอกเท่านั้น

“พลังแห่งจักรวาลไหลเวียนอยู่ในตัวนายสองคนเลยงั้นสิ” หมอแห่งยาน Enterprise โบกมือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กน้อย  จิมสูดหายใจลึกอย่างรู้สึกดี  แมคคอยจึงบอกตัวเองว่าถ้าขืนทำท่าเพี้ยนอีกครั้งหนึ่งเค้าจะออกปากด่าแล้ว

“โอ้ เพื่อน อย่างเจ๋งเลย!” ดวงตาของจิมเป็นประกาย  เค้าดูดีมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแม้แต่แมคคอยที่รู้จักกันมานานก็ไม่อาจปฏิเสธได้  “ฉันอยากให้มีแบบนี้อีกจัง! นายข้าใจใช่ไหม  ให้เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เราอยากมีเซ็กซ์กันเลย”

“เฮ้อ  นายจะบ้ารึไงจิม  ไอ้คำว่า อยาก มันเป็นของนายคนเดียวไม่ใช่เหรอ  นายก็รู้ว่านาย อยาก ทุกๆ ห้านาทีน่ะ”

“ฮ่าๆๆๆ  นั่นมันก็ใช่”

“ไม่ต้องมา นั่นมันก็ใช่ เลย” แมคคอยกลอกตา “ฉันอยากจะบ้าตาย” ไม่คิดว่าเพื่อนของเค้าจะเกินความคาดหมายได้ถึงขนาดนี้  “แล้วนี่นายมาคนเดียวหรือไง  ทิ้งเจ้าหมอนั่นไว้คนเดียวอย่างงั้นเหรอ?” แต่แล้วเค้าก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสป็อคเองก็ควรมาด้วย  ถึงแม้จะมีโอกาสน้อยอยู่บ้างก็ตาม

จิมยิ้ม ทำตาเป็นประกายดูตื่นเต้นน่าดู  ส่งเสียงเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกัน “อ่อ  เค้าก็มาด้วยล่ะ”

“แล้วหมอนั่นอยู่ไหน?!” แมคคอยทำหน้าเหมือนโดนฆาตการโรคจิตตามฆ่า

และจู่ๆ เรือนผมสีดำขลับที่ถูกดูแลอย่างเรียบร้อยก็เลื่อนขึ้นมาจากหน้าต่างรับแสงแดดที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง “คุณหมอถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างยิ่งที่คุณถามหาถึงผม  แต่มีความเป็นไปได้ถึงเก้าสิบเจ็ดเปอร์เซ็นที่มันไม่ได้เป็นไปด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ”

“เฮ้ยย! แกมาได้ไง...”

“คุณสป็อค!” เชคอฟที่ทั้งตกใจและไม่คาดฝันอย่างยินดีชิงโพล่งขึ้นตัดบทของแมคคอยเสียก่อนความรวดเร็ว  เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีกระต่ายเด้งออกมาจากกระโปรงรถของคุณหมอเจ้าของบ้านอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

“อรุณสวัสดิ์คุณเชคอฟ” วัลแคนหนุ่มที่ดูท่าว่ากำลังไพ่มือไปด้านหลังอยู่นั้นพยักหน้าให้ต้นหนตัวน้อยช้าๆ  แต่แมคคอยกัดฟันกรอด

“ฉันเกลียดแก” เค้าว่าเสียงต่ำ “แกทั้งคู่เลย” และกำลังจะไล่ทั้งสองคนให้กลับๆ ไปเสียทีหากหมดธุระกับบ้านของเค้าแล้วแต่ทันใดนั้นเด็กหนุ่มหัวหย่อยของคุณหมอก็ยิ้มร่าขึ้น

“เข้ามาข้างในก่อนสิครับคุณสป็อค” เดวิดไม่ได้รับความสนใจจากเชคอฟไปแล้วในตอนนี้

จิมซึ่งลอบยิ้มดูแมคคอยออกจึงแสยะยิ้มขึ้นมาอีกเล็กน้อย “เค้าเป็นเด็กดีนะ  นายอบรมดีจริงๆ เพื่อน”

“หุบปากไปเลยจิม” แมคคอยแหวใส่ “ฉันกะจะโยนแกออกนอกบ้านให้ไปยืนทำหน้าเป๋ออยู่กับคู่ของแกซะด้วยซ้ำ” เพื่อนหมอที่รักยิ่งพูดรอดไรฟัน  แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงคำเชิญของเชคอฟแต่อย่างใด......เด็กหนุ่มชาวรัสเซียคนนี้เข้าออกบ้านหลังนี้จนกลายเป็นเจ้าของอีกคนหนึ่งของบ้านไปแล้ว หากเจ้าตัวเชิญใครแม้แต่แมคคอยเองก็ไม่สามารถขัดข้องได้

เชคอฟชวนทานมื้อเช้า  และแมคคอยกระแทกหน้ากับผ้ามือพร้อมกับบอกว่า จะบ้าตาย  ก่อนสป็อคจะเข้ามาแล้ววิจารณ์การแต่งบ้าน แม้ส่วนมากจะค่อนไปในทางที่ดีแต่แมคคอยก็รู้ว่ามันแฝงคำเจ็บแสบตามประสาวัลแคนไว้ด้วย  เค้าเลยด่าสป็อคกลับไป

“ฉันไม่มีมื้อเช้าให้แกสองคน” ลีโอนาร์ด   แมคคอย เริ่มกลับเข้าสู่โหมดไม่พอใจ

“ไม่เป็นไรคุณหมอ  ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงยี่สิบแปดนาทีก่อนหมดเวลาทานอาหารเช้า  และผมเกรงว่าเราสองคนก็ไม่ได้รู้สึกหิวด้วยเช่นกัน” สป็อคหันไปและจิมยิ้มให้

“ฉันบอกว่า ไม่มี!  ไม่ใช่ถามแกว่า กินไหม? ไอ้คิ้วชี้!” แมคคอยกระแทกเสียงใส่วัลแคนหนุ่มที่บัดนี้คิ้วกลับมาอยู่ที่เดิมต่างจากเมื่อเกือบสิบวันก่อนโดยสิ้นเชิง “และฉันเกรงว่ามื้อเช้าของเราจะหมดแล้ว” เจ้าของบ้านเลียนแบบเพื่อล้อเลียนตบท้ายได้อย่างเจ็บแสบ  ดูสะใจตัวเองนิดๆ เพราะจิมถึงขนาดหลุดขำออกมา  แต่เชคอฟทำหน้าหงอย เด็กหนุ่มไม่อยากให้บุคคลสำคัญทั้งสองของ Enterprise ต้องฟาดฟันฝีปากกันอีกเหมือนอย่างเช่นตอนที่อยู่บนยาน  แบบว่า เฮ้ ไม่เอาน่านี่นอกเวลางานแล้วนะ

จิมสังเกตเห็นเด็กหนุ่ม “ไม่เอาน่าเพื่อน  นายก็รู้ว่าเชคอฟอยากให้พวกนายญาติดีกันแค่ไหน......หยวนๆ ให้กันหน่อยเหอะน่า นะ” คนพูดเดินมาข้างๆ เชคอฟแล้วกอดคอจนอีกคนหนึ่งต้องเซตาม  กัปตันเคิร์กเพยิดเพย้อมาที่คนในอ้อมแขนเพื่อบอกเป็นเชิงว่าเห็นใจเด็กคนนี้หน่อยเถอะน่า

“เอามือออกมาเลยจิม นายจะทำให้เชคอฟติดเชื้อ...”

“ผมไม่เข้าใจว่าเพียงแค่การที่จิมสัมผัสโดนคุณเชคอฟจะทำให้ติดเชื้อได้ด้วย จิมไม่เคยมีเชื้อ...”

“ฉันเเค่เปรย...เปรยน่ะเปรย! แกนี่หนักกว่ามันอีกไอ้...”

“เฮ้ โบนส์ นายอย่าใจร้ายสิ นี่ต่อหน้าเด็กนะ”

“แกน่ะหุบปากไปเลยจิมมี่!

“คุณหมอแมคคอย ผมเกรงว่าต้องบอกให้คุณรู้ว่าผมไม่ใคร่ชอบใจนักหากคุณจะเอ่ยถึง...”

“แกอย่าจุ้น! ไอ้หนูผี”

“แต่คุณหมอแมคคอย...”

“ฉันออกงานแล้วโว้ย ตอนนี้ไม่ใช่หมอแต่เป็นเจ้าของบ้านที่กำลังยั๊วะและกำลังจะไล่แกออกจากแล้วเข้าใจ?”

จิมกอดเชคอฟแน่นในขณะที่เด็กหนุ่มแอบถอนหายใจและเก็บรอยยิ้มไปด้วย  เจ้าตัวไม่ได้ตระหนกแต่อย่างใดเลยแม้แต่น้อยเพียงแค่รู้สึกดีที่วันนี้บ้านไม่เงียบและมีเรื่องเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นแต่เช้า

และหวังว่ามันจะดำเนินต่อไปตลอดทั้งวัน เพราะเชคอฟชอบให้ครอบครัวของเค้าอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสมอ ถึงจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนก็ตาม  แต่เด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองนิสัยไม่ดีเอามากๆ ที่ชอบเห็นเวลาแมคคอยทะเลาะกับสป็อคเพราะแม้แต่จิมเองก็ชวนเค้าไปนั่งกินป็อปคอร์นดูสองคนนี้ต่อปากต่อคำกัน

“เราได้หยุดกี่วันนะเชคอฟ?” หนุ่มผมบล์อนที่เอาเท้าพาดบนโต๊ะรับแขกยิ้มขณะเคี้ยวป็อคอร์นกรอบๆ ฟันคู่น่ารักของเค้าไม่เคยน่าดูน้อยลงเลย และมันเพิ่มเสน่ห์ให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก

คนถูกถามนั่งอยู่บนโซฟายาวตัวเดียวกันกับกัปตันของเค้า  เด็กหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะเลิกเก๊กแล้วยิ้มแก้มปริ “ไม่รู้สิครับ  ผมก็ไม่รู้เหมือน” เชคอฟหัวเราะคิกแล้วจิมก็หัวเราะตามเสียงดัง

แมคคอยกำลังบ่นสป็อคเรื่องนั่งเก้าอี้ตัวโปรดของเค้านั่นแหนะ

ฮ่ะ! ฮาชะมัดเลย



***************************************************************************



“คุณกำลังดูอะไรอยู่เหรอ?” ชายหนุ่มพลิกตัวมาอยู่ข้างๆ พลางถามคนรักของเค้าว่ากำลังสนใจสิ่งใดอยู่ในเวลานี้

ซูลูหันมาก่อนจะยิ้มให้  รอยยิ้มของเค้าเปื้อนเสียงหัวเราะ “อ๋อ  เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” คนที่นอนคว่ำกับพื้นเตียงหนานุ่มอุ่นสบายพูดขึ้นถึงปากบอกว่าไม่มีอะไรแต่ก็ยังให้ความสนใจกับมันอยู่หลังจากหันมามองหน้าอีกคนหนึ่งเพียงชั่วสั้นๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมิได้วางสิ่งที่อยู่ในมือลงแต่อย่างใด

ครอบครัวของคุณเหรอ?” แม้แต่เค้าก็ยังยิ้มไปด้วย  ในมือของซูลูคือรูปใบเก่าที่ถูกถ่ายขึ้นบนยาน Enterprise ในวันแรกที่เหล่าคนกล้าได้ออกไปทำภารกิจในอากาศอันไกลโพ้นเป็นเวลานานถึงห้าปีและมันทำให้เค้าทรมานสุดใจเมื่อรู้ว่าคนรักต้องจากไปทำหน้าที่นานขนาดนั้น  แต่ทว่าก็บอกตัวเองได้ว่าเค้าควรภูมิใจที่ซูลูได้ทำเรื่องที่ไม่เคยมีคนกลุ่มใดได้ทำมันมาก่อนและควรตั้งหน้าตั้งตารออีกฝ่ายกลับมาอย่างปลอดภัย 

ชายหนุ่มผิวสีเข้มเชื้อสายญี่ปุ่นสังเกตรูปในมือของคนข้างๆ  ทุกคนในรูปยิ้มแย้ม  ตรงกลางมีชายหนุ่มผมบล์อนที่ดูอายุยังน้อยเมื่อเทียบกัปสีเสื้อกับเก้าอี้ที่เค้ากำลังนั่งอยู่ เดาว่านั่นคงเป็นกัปตันเคิร์กที่อีกคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ อยู่เสมอเป็นแน่และตรงนั้นเองคือซูลูที่ใส่เสื้อสีเดียวกัน ยืนเคียงอยู่ข้างเก้าอี้ของกัปตัน  และพร้อมเพรียงไปด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ที่ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไปแต่ทว่าดูแล้วล้วนสลักสำคัญไม่แพ้กันเลย

ทุกคนดูยอดเยี่ยมและเป็นครอบครัวที่อบอุ่น

“ผมคิดว่าผมโชคดี” ชายหนุ่มผิวสีเข้มที่กอดไหล่เปลือยเปล่าของอีกคนหนึ่งอยู่พูดขึ้นทำให้คนถูกโอบหันมามองด้วยใบหน้าใคร่สงสัย

“ยังไง? คุณอยากทำงานกับผมยังงั้นเหรอ?” ซูลูเย้า เพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้หากเป็นเช่นนั้นลูกสาวของพวกเค้าคงไม่มีคนคอยดูแลเป็นแน่ เนื่องจากการเป็นคนขับยานเช่นเจ้าตัวนั้นไม่มีเวลางานที่ตายตัวนัก

คนข้างกายส่ายหน้าช้าๆ แล้วบอกว่า “ผมโชคดีที่พวกเค้าทุกคนล้วนเป็นคนที่ยอดเยี่ยม  ทุกคนเก่งมากนี่ใช่ไหม?  คุณเคยบอกว่ากัปตันของคุณเคยยอมสละชีวิตเพื่อช่วยลูกเรือไว้และทุกคนก็เป็นห่วงเป็นใยกัน” เค้าระบายยิ้มอีกพลางใช้นิ้วสัมผัสแก้มของซูลู “ผมโชคดี เพราะมั่นใจได้ว่าพวกเค้าจะดูแลคนสำคัญของผมอย่างดี...ดีที่สุดเท่าที่พวกเค้าจะทำได้  ผมควรวางใจหนิ ถูกไหม?”

ซูลูวาดยิ้มบ้างก่อนจะหลุดหัวเราะแล้วสบตาคนที่ห่มผ้าผืนเดียวกัน “คุณจะพูดจาเห็นแก่ตัวมากเกินไปแล้วนะ” ก่อนจะจูบปากคนเห็นแก่ตัว

“อ้าว แล้วไม่จริงเหรอ?” เค้ายิ้มหลังผละจูบออกมา “ผมว่าคงดีกว่าให้ผมเป็นห่วงคุณจนไม่เห็นด้วยที่คุณออกไปทำงาน” แล้วจูบของพวกเค้าก็ดำเนินขั้นไปเป็นดูดดื่ม  ม้วนตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วเกิดเสียงเสียดสีของผิวกายอย่างวาบหวาม

“เฮ้  คุณรู้ไหม ผมได้นั่งเก้าอี้กัปตันในตำแหน่งรักษาการบ่อยมากเลยนะ เพราะกัปตันของเราชอบลงไปภาคพื้นมากกว่านั่งอยู่บนเก้าอี้ในสะพานเรือ” แววเสียงซูลูลอดออกมาคล้ายกำลังหัวเราะ  อีกคนหนึ่งจึงตอบรับไปก่อนจะมีเสียงใครบางคนร้องออกมาเบาๆ

“ผมถึงว่าทำไมช่วงนี้คุณถึงชอบสั่งผมนัก”

เสียงซูลูร้อง “อย่าบ่นน่า” ก่อนเค้าจะกลายเป็นคนบ่นอีกคนหนึ่งเสียเองเมื่อผ้าห่มเรื่องไหวไปมา

มีเสียงดังขึ้นอีกแล้ว  เดาว่าพวกเค้าคงจะรำลึกความคิดถึงกันเป็นรอบที่เท่าไรก็นับไม่ถ้วนแล้วอีกเป็นแน่



.



.



.



THE END.



---------------------------------------------------------------------------------------------



ฮร๊ายยยยยย!! บ้าจริงๆ เลยเชียววว ><  ขนาดจะจบแล้วยังทำรั่วกันอีกนะคะ (อ้าว) 555555  แต่ที่น่าทุบรัวๆ แล้วพูดว่า “บ้าจริงๆ เลยเชียว” เห็นทีว่าคงจะเป็นคู่ของซูลูกับแฟนค่ะ  อร๊ายย  แหม ไรท์รู้สึกเกรงๆ แฮะ เพราะเห็นแค่หน้าเค้าแวบๆ ในหนังกับแผ่นหลังที่หายไปพร้อมกับซูลู  ดูน่ารักกันเนอะ “ดีใจจังที่คุณมาได้...” หรืออะไรสักอย่างหนึ่งนี่แหละค่ะ 55555  ทำนองนี่ แต่แค่นี้ก็ทำเอาคนที่นั่งดิ้นอยู่ในโรงฟินได้ค่ะ  อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย!!!   บ้าาาา >[]<

อิจิมมัน.......ไร้เสียงบรรยายค่ะ  ก็เนอะคนลั้นล้ายังไงก็ลั้นล้าวันยันค่ำค่ะ  555555  สป็อคเข้าโหมดเดิมแล้วค่ะ  ส่วนหมอทำเอาไรท์อมยิ้มนิดๆ เลยค่ะ  รู้สึกเหนื่อยแทนเนอะต้องบ่นพร้อมกันสองคนเลย 55555  ทั้งอิจิมและสป็อค  ส่วนน้องเชคอฟก็เป็นยาชูกำลังให้หมอยังหายใจอยู่ได้ค่ะ 55555  โอ่ววว น้องเชของไรท์ //โดนหมอทุบหัว//  ผิด!!  ของหมอต่างหาก.......ฮาา  อ่า จา จ้า  ของหมอไงจะเป็นของใครไปได้ 55555555

รู้สึกดีเนอะที่ได้มองทุกคนบน Enterprise เป็นครอบครัว  ก็มีกัปตันที่แสนดีแบบใจซื้อใจและน่ารักขนาดนั้นนี่เนอะ  โอ๊ยยยยย  Star Trek จะมีภาค 4 ไหมคะ?  มีมาเมื่อไรบอกไรท์ด้วยค่ะจะเคลียร์คิวรอเลย  เฮ้ออ  ไม่อยากให้จบเลยค่ะ  //แกก็เป็นงี้ทุกเรื่องแหละ -*-//   ต้องขอขอบคุณรีดผู้มีพระคุณของไรท์ทุกท่านมากๆ เลยนะคะที่กรุณาอ่านและให้กำลังใจกัน //โค้ง// M_ _M 

เรื่องหน้าเราจะเจอกันกับใครต้องติดตามค่าา  ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ  รักรีดเหมือนเดิมนะคะ


ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




ไม่มีความคิดเห็น: