วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

[Fic For Jared Leto] + [Part 1] Stalker Joker – Jared Leto x XXX





อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!  กราบบสวัสดีค่ะรีดๆ มิตรรักแฟนเพลงทุกท่านค่ะ  อร๊ายๆๆๆๆๆ  ถถถถถถ //กรีดร้อง//  ไรท์...เฮือกก  หายใจไม่ออกค่ะ เฮือกกกก  //รีดบอกใจเย็นๆ -..-//

คือไรท์กำลังจะบอกว่า //ทำเสียงแตก// + //เออ พอแล้วล่ะ  เลิกบ้าได้แล้ว Ray – Aund// จาเร็ดเค้าได้ใจไรท์ไปเต็มเปาเลยค่ะ  หน้าของเค้า  เสียงของเค้าตอนร้องเพลง  ผมขงเค้า ลุคของเค้า  อะไรๆ ของเค้า......มันช่างเหมาะกับการเป็นเกย์ซะจริงๆ เลยค่ะ  อร๊ายยยยยยย  ละลายเบยยยย








โอยยยย  อิชั้นจะเป็นลมม...พอก่อน  หยุดก่อนนนนน  ตาสวยจิกไรท์จนละลายเเล้วค่ะ  อ๊ากกกกกกกกก  นางฟ้าาาาาาาา  อันที่จริงอยากลงหมด  แต่กั๊กไว้ให้ Part อื่นบ้าง  แต่ถึงไงก็ลงไม่หมดหรอกค่ะ 55555555

 แล้วตัวก็บางๆ เล็กๆ เป็นโจ๊กเกอร์ที่น่าเอ็นดูที่สุดในประวะติศาสตร์เลยค่ะ อ๊ากกกกๆๆๆๆ  ดูสิคะ ให้ตายเถอะ  อย่างเพลง Closer to the Edge  ที่ไรท์แปะข้างๆ ให้รีดดู (ณ วันที่ 23/9/2016 นี้) มันคือเค้าเลยค่ะ  แบบว่าสุดยอดมากและมีความเป็นเคะขาร็อคในเวลาเดียวกัน  ไรท์ชอบมากเลยค่ะ  ได้ใจไรท์ไปเลย  ไรท์รู้สึกเหมือนตกหลุมรักอีกครั้งเหมือนตอนที่เจอกับ Adam Lambert ตอนแรกเลยค่ะ >////<  อร๊ายยยยย  ปิ๊งมากเลยค่ะ  555555



ฮร๊ายยยยย ได้ถ่ายรูปคู่กะ Adam ด้วยยยยย!!! >///<  เริดค่ะเริดดด!!

ไรท์จะบอกว่าเค้าน่ารักจริงๆ ค่ะ  เพลง City Of Angel ก็สุดๆ ค่ะ  โอ้ แม่นางงง  เมื่อใดท่านจะมีชายคอยดูแลอยู่ข้างกายเล่า?   อ๊ะ นี่  ข้าหาให้แล้ว.......555555555





โอ๊ยยยยย แค่เงายังงดงามมมมม  Song Of Angel เปลี่ยชื่อให้ใหม่ด้วยเลย 555555

ต้องขอบอกก่อนว่าชายคนนี้มีความชอบที่ยึดติดอยู่พอสมควรค่ะ จะบอกว่าเป็นโรคจิต...อืม ก็ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ  เพราะเค้ารู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่และไม่ทำจนเกินไปเหมือนสโตรกเกอร์คนอื่นค่ะ (แกสาบานว่าเป็นงั้น?)  เอ้ยยยย  มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะคะ  จีง จี๊งงงงง >0<  รีดลองนึกถึงมิคาเอลในเรื่อง [FIC - TMI] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec ที่ตามอเล็คนะคะ  เมะคนนี้ในเรื่องนี้ของเราเป็นส่วนผสมของมิคาเอลและคนปรกติค่ะ  ยังไง? ....5555  มีความคลั่งไคล้แต่ก็ยังมีความดีงามอยู่ในตัวเองค่ะ  รู้ว่าต้องทำอะไรยังไงเหมือนคนทั่วๆ ไป  แต่ยังไงก็ตัดใจจากคนที่เค้าชื่นชอบไม่ได้อยู่ค่ะ  เพราะงั้นเลยติดตาเร็ดแจเลยค่ะ  หากอ่านถึงตอนจบจะรู้ว่าเค้ามุ่งมั่นมากขนาดไหน  รีดๆ จะได้รู้กันค่ะ  ฮาๆๆๆๆ

ไรท์ว่าเราไปอ่านกันเลยดีกว่านุ ^^  นี่เป็นเรื่องในทำนองนี้เรื่องแรกของไรท์ค่ะ....ไอ้หมอนี่มันบ้ามากเลย  ไรท์ยังแอบกลัวเค้านิดๆ เลยค่ะ 5555555  อย่าทำอะไรจาเร็ดของเราน้าาา >//< //ไรท์โดนฆ่าคนแรกเลยค่ะ 555//  ฝากไว้ในพิจารณาของรีดๆ หน่อยนะเออ



----------------------------------------------------------------------------------------------



โอ้ พระเจ้าช่วย  ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนที่งดงามซะจนไม่น่าละสายตาไปไหนอย่างคุณ

คุณรู้ไหม? ในวันนั้นที่ผมเดินผ่านร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เต็มไปด้วยทีวีหลายยี่ห่อเต็มตู้กระจก  ผมไม่เคยจะสนใจมันเลยถึงแม้จะเคยเดินผ่านร้านนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม......แต่วันนี้ผมหยุดดูเช่นเดียวกับเด็กสองสามคนที่ชื่นชอบการดูทีวีแล้วยืนจ้องจอภาพอย่างน่าอัศจรรย์ใจนั้น

แต่สำหรับผมมันไม่ใช่...ถุงกระดาษที่มีไอศกรีมของผมให้ความรู้สึกเย็นเพราะเริ่มละลายแล้ว แต่ผมก็ไม่สามารถบอกให้ตัวเองละสายตามาจากตู้กระจกนั้นได้เลย

ผมไม่สนใจทีวี  ไม่ ไม่เคยสนมากขนาดนี้มาก่อน  และนั่นเป็นวันแรกที่ผมเห็นคุณ  เห็นคุณที่กำลังร้องเพลงอยู่ในนั่นมันทำให้ผมนึกอยากย้อนกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำอีก  ใบหน้าของคุณ  ริมฝีปากที่น่ามองมากกว่าใครๆ  ดวงตาภายใต้เรือนผมสีคำสลวยของคุณมันทำให้ละสายตาไหนได้เลย  ผมเกือบคิดว่าคุณร้ายกาจแล้วในตอนที่ได้ยินเสียงน่าฟังนั้นของคุณ

ช่างสมบรูณ์แบบ  ทุกอย่างของคุณมันช่าง......

สมบรูณ์แบบที่สุด

ผมเลยกลับมาที่บ้าน  วางถุงกระดาษไว้ปล่อยให้ของทั้งหมดในนั้นไร้คนเหลียวแลไปก่อน  แล้วหาว่าคุณคือใคร......อ่า นั่นไง  ในที่สุดผมก็เจอคุณแล้ว

จาเร็ด   เลโต้

จาเร็ด   เลโต้ที่รักของผม......ผมจ้องหน้าแลปท็อปตัวเองแล้ววาดยิ้มเผื่อตอนที่มองคุณเมื่อสามสิบนาทีที่แล้วด้วย

ผมหลงรักคุณตั้งแต่ครั้งแรกอย่างไม่ต้องสงสัย  ไม่ต้องสงสัยเลย  พระเจ้าสรรค์สร้างคนอย่างคุณมาได้ยังไงกันนะ  ผมเคยอ้อนวอนพระองค์ขอให้พระองค์ทรงประธานคุณมาให้ผม  แต่เราอยู่ห่างกันเกินไป ผมเลยรอเวลาที่จะได้เจอคุณอย่างใจจดใจจ่อ  นับตั้งแต่ที่ได้เห็นคุณในทีวีผมก็บอกตัวเองว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อพบคุณให้ได้

ดังนั้นผมจึงอดสงสัยไม่ได้เลยว่าคุณจะยินดีที่พบผมหรือไม่นะ  ผมเรียนจบแล้วในตอนที่คุณทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ที่โมร็อคโค  ผมก็ไปที่นั่นด้วยเพื่อให้คุณร่วมยินดีและฉลองกับวันเรียนจบของผม  ผมขึ้นเครื่องจากไมอามี่ไปที่โมร็อคโคทันเวลาได้เห็นหน้าสวยๆ ของคุณออกมาจากหลังเวทีพอดี

โชคดีชะมัด......อ่า  ดูสิ  คุณช่าง...งดงาม  งดงาม เกินคำบรรยายจริงๆ ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ก็ต่างชื่นชอบคุณและกรีดร้องเพลงของคุณ  ผมคลั่งไคล้คุณนะแต่ผมไม่ได้ร้องเพลงของคุณ  อย่าหาว่าผมไม่รักคุณล่ะ  ผมเพียงแค่อยากจะฟังเสียงของคุณให้ชัดๆ เท่านั้น ผมมักจะเก็บความทรงจำในช่วงเวลาที่ได้ฟังคุณร้องเพลงบนคอนเสิร์ตแบบนี้บ่อยๆ เสมอ  ผมอยู่แถวหน้าสุด  คุณเห็นผมไหม?  อา ไม่เห็นสินะ ช่างมันเถอะ  ผมไม่ได้มาเพื่อให้คุณสนใจผม  ผมเพียงแค่อยากมาเพื่อให้ได้เห็นหน้าคุณก็เท่านั้น

เท่านั้นเองจริงๆ   ผมมักจะแวะเวียนไปหาคุณอย่างน้อยปีละห้าครั้ง......หึ แต่ให้ตายสิ คุณหาตัวจับยากชะมัด  เป็นนักร้องไม่พอยังไปเป็นนักแสดงด้วยอีกเหรอ

คนพวกนั้นมักไม่ยอมให้ผมเข้าไปถึงผมจะพยายามทำตัวให้เหมือนพวกเค้าแล้ว  แต่พอโดนจับโยนออกมาเป็นครั้งที่สี่ผมก็เลิกทำแบบนั้น  ผู้จัดการของคุณเกือบจำผมได้แล้ว  สงสัยช่วงนั้นผมไม่มีงานทำเลยดูเหมือนคนน่าสงสัยจัดไปเลยก็ได้ การ์ดพวกนั้นเลยจับผมออกมาได้อย่างง่ายดายทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้าใกล้คุณซะขนาดนั้น  ฮ่ะๆๆ จะอย่างไรก็ช่างมันเถอะ  ผมหาเงินเรียนต่อได้สำเร็จแล้วอย่างที่หวังเอาไว้และคิดว่าไม่นานผมก็จะดีพอที่จะได้พบหน้าคุณทุกวัน

เราจะได้พบกันโดยที่ผมสามารถคุยกับคุณได้อย่างสนิทสนมแน่ๆ  ต้องมีวันนั้นสิ  ผมสัญญา  ผมรู้คุณองก็ต้องรักผมเหมือนกัน......



***************************************************************************************



วันนี้ผมไม่ชอบใจเลย  ไม่ชอบ เมื่อผมเห็นหนังที่คุณเล่นกับคอนลิน  บอกผมสิว่าทำไมต้องเป็นคุณ  คุณไม่ควรรับบทนี้  ใครจะเป็นเฮฟาอิสเตียนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นคุณหรอก! คุณจูบกับเค้าไหม  ผมนึกไม่ชอบใจจนรู้สึกว่าหัวตัวเองเต้นได้  วันนั้นทั้งวันผมหงุดหงิดจนถูกผู้ใหญ่ในที่ฝึกงานต่อว่า  แต่ผมไม่สนใจ  ช่างหัวเค้าเถอะ  ผมชอบที่คุณเป็นนักแสดงนะ  ผมชอบผมยาวสลวยของคุณ  ชอบดวงตาสีฟ้าที่สว่างใสราวกับท้องฟ้ายามแจ่มใสของคุณ ไหนจะยังริมฝีปากบางเชียบสีชมพูที่เจ่อน้อยๆ จนเห็นฟันคู่น่ารักๆ ของคุณอีกนั่นล่ะ  นั่นทำให้ผมอดใจไม่ไหวจนแทบคลั่ง  อยากจะให้ทั้งหมดนั้นเป็นของผมคนเดียว......อยากให้คุณเป็นของผมคนเดียว  รู้หรือเปล่า?

คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้นสิจาเร็ด



*****************************************************************************



เรื่องที่ผมโกรธคอลินจนสาปแช่งเค้าผ่านไปเกือบปีแล้ว  และผมก็พอจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้  ผมไม่ไปหาเรื่องเค้าหรอก  ไม่ ผมไม่ใช่คนโง่ การทำแบบนั้นเป็นการกระทำของคนไร้สมอง  และผมคิดว่าตัวเองมีเรื่องน่าสนใจกว่านั้นมากให้ทำ

เฝ้าดูคุณอย่างไรล่ะจาเร็ดที่รัก......

ผมซื้อนิตยาสารทุกเล่มที่มีภาพและบทสัมภาษณ์ของคุณ  ผมศึกษาคุณ  ผมรู้ว่าคุณชอบทำอะไร  ชอบทานอะไร  ใช้ชีวิตแบบไหน  อะไรที่คุณเกลียดหรือไม่ชอบผมก็รู้หมด  ผมรู้จนกระทั่งแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงของคุณเสียด้วยซ้ำไป  ผมแค่อยากทะนุถนอมคุณ อยากจะเอามือโอบข้างแก้มของคุณในตอนที่คุณรู้สึกโดดเดี่ยวหรือร้องไห้ เช็ดน้ำตาให้คุณอย่างอ่อนโยน  อยากกอดคุณให้แน่นเมื่อคุณหนาวและจะกระซิบบอกคุณว่าจะไม่มีอะไรมาทำร้ายคุณได้  ผมอยากให้คุณหลับอยู่ในอ้อมกอดของผม

เรานอนด้วยกัน  ผมนอนกอดคุณไว้ทั้งคืนเมื่อคุณซบอยู่บนอกผม  หลังเราเร่าร้อนคลอเคลียกันเกือบทั้งคืน  และผมรู้ที่รัก  ผมต้องเบาแรงให้คุณพักผ่อนเข้าไว้เพราะคุณต้องเข้าสตูดิโอที่บริษัทหรือเข้าถ่ายรายการและหนังอยู่ตลอดเวลา  รู้อะไรไหม ผมภูมิใจในตัวคุณมากเลยนะ

และผมก็รู้ด้วยว่าคุณไม่ได้ทำตัวอ่อนแออย่างนั้น  คุณไม่เคยอ่อนแอเสมอแม้แต่ร้องไห้  แต่ผมมองออก...ผมรู้ว่าคุณไม่เคยทำให้ใครเป็นห่วงเลย พวกเค้ามองว่าคุณเข้มแข็งแต่นั่นมันก็แค่เปลือกนอกเท่านั้น  ผมคิดว่าคุณควรมีคนที่คุยด้วยได้และร้องไห้ให้เค้าเห็นได้  และคนๆ นั้นควรเป็นผม

รู้ไหม ผมมีบ้านหลังหนึ่งที่แคลิฟอร์เนียเพื่อเอาไว้ดูคุณได้อย่างชัดเจนที่สุดเวลาที่คุณมาพักสมองแต่งเพลงด้วยล่ะ  นี่ยังไม่นับที่นิวยอร์กกับมิชชิแกนอีกนะ  เนวาด้าก็มี ผมรู้ว่าคุณชอบเล่นคาสิโนเป็นครั้งคราว  ผมไม่ผิดหรอกนะที่จะแอบยิ้มตอนเห็นคุณเสียพนัน  ก็คุณน่ารักออกขนาดนั้นนี่ใช่ไหม?

แต่บ้านที่แท้จริงของผมไม่ได้อยู่ใกล้คุณเลย ในตอนที่คุณออกไปและกลับเข้ามาหลังจากเสร็จงาน  บ้านของผมไม่ได้อยู่ห่างออกไปเพียงสองหรือสามบล็อก  แต่ห่างไปแทบจะอีกฝากหนึ่งของเมือง  ผมเพียงแค่ไม่อยากให้คุณเห็นผมบ่อยเกินไป  คุณจะกลัวจนหวาดระแวงได้และผมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น  เกือบทุกค่ำผมจะจิบชาแล้วมองดูคุณผ่านหน้าต่าง  ผมจะเห็นคุณเดินผ่านไปมาภายในห้องของตัวเอง  บางทีคุณก็คุยโทรศัพท์...เป็นอะไรไปน่ะ? ดูหัวเสียเชียว  บ้างคุณก็ร้องเพลง  แต่ช่วงที่ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุดก็คือตอนคุณอาบน้ำ

ผมดูคุณอย่างนั้นทั้งเช้าทั้งเย็น  หากวันไหนไม่เห็นคุณมันทำเอาผมแทบขาดใจ  และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผมต้องออกไปทำงานก่อนคุณเสมอ ถ้าทำได้เมื่อเราได้อยู่ด้วยกันแล้วผมอยากที่จะออกไปทำงานพร้อมคุณ  ส่งคุณที่บริษัทหรือที่ไหนก็ได้ที่คุณอยากไป  หากคุณอยากโดดงานผมก็ยินดีจะพาคุณไป

ได้ทุกที่เสมอเพียงแค่คุณขอผมมา  ผมก็จะทำให้.....

เมื่อวันก่อนผมดูรายการที่คุณไปออก  คุณชอบลูกหมามากใช่ไหม  ใช่ ผมรู้  ผมรู้อยู่นานแล้วว่าคุณเอ็นดูพวกมันมากยิ่งกว่าอะไรหลายๆ อย่าง  ดูคุณทำหน้าเข้าสิ มันไม่ใช่ตุ๊กตาของคุณนะ  คุณกอดและลูบพวกมันยังกะเป็นตุ๊กตาที่เห่าได้เลย  วันรุ่งขึ้นผมเลยส่งลูกหมาไปให้คุณ

และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้จัดการจอมป่วนของคุณไม่ส่งมอบของจากผมไปให้ถึงมือ  ผมจึงส่งมันไปให้ดูเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่านั้นหน่อย......คุณจะได้รับมันอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วง

เมื่อเร็วๆ นี้ผมเพิ่งได้เห็นทรงผมใหม่ของคุณ...สีเขียวเหรอ?  หึ ก็เหมาะกับคุณอยู่เหมือนกัน  อันที่จริงไม่ว่าทรงอะไรก็เหมาะทั้งนั้น  แต่ทรงโปรดของผมสำหรับคุณก็คือผมยาวอยู่ดีไม่เปลี่ยนแปลง  ผมไม่รู้ว่าคุณจะคิดกับมันเป็นเพียงแค่ทรงผมหรือเปล่า  แต่ผมอยากที่จะสอดนิ้วไปตามไรผมของคุณ เรื่อยลงมาจนสุดปลาย  ให้ผมทำอย่างนั้นทั้งวันก็ยังได้

คุณย้อมผมเขียวเพราะหนังเรื่องใหม่เหรอ  อืม Suicide Squad งั้นเหรอ พวกค่ายหนังนี่เหมือนกำลังทำสงครามกันเลยนะคุณว่าไหม?  แล้วยังจะให้คุณเข้าไปทำงานหนักกับพวกเค้าอีก  ผมแน่ใจว่านี่ไม่ใช่แค่ภาคเดียวที่คุณจะออกโรงแน่  พวกเค้าต้องการคุณอีก

เรื่องนี้คุณเล่นเป็น...เป็น Joker?  ก็น่าสนใจดี  ผมจะเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อเลยว่าคุณจะเล่นออกมาเป็นอย่างไง  หลังจากหนังเรื่องนั้นมาคุณก็ดูจะตัวเล็กลงไปมากเลยนะจนผู้หญิงบางคนยังตัวใหญ่กว่าคุณซะอีก  แต่ให้ตายเถอะ ผมควรเป็นห่วงคุณ......แต่พอเห็นขาคู่เพรียวและตัวเล็กๆ อ้อนแอ้นของคุณแล้วผมกลับทนไม่ไหว  ผมอยากจะจับไปซะทุกส่วนของคุณ อยากจะชโลมมันด้วยน้ำลายของผมซะจริงๆ  ถอดเสื้อผ้าให้คุณแล้วทำให้คุณเป็นของผมอย่างช้าๆ

ผมชอบผมสีเขียวบนหัวคุณ มันทำให้คุณดูเป็นตัวของตัวเองดี  แต่ผมบอกไม่ถูกว่าดีใจแค่ไหนที่คุณเปลี่ยนกลับเป็นสีดำ

เฮ้  แต่ผมชอบสีเขียวจริงๆ นะ

อ้าว  เฮ้ นั่นดักกี้หนิ  ช่าย  นั่นหมาของผมเอง  เจ้าหมาโกเด้นที่ผมส่งไปเค้าได้รับมันแล้ว  มันกำลังทำหางกระดิกเดินตามจาเร็ดของผมอยู่ในห้องนอนของเค้า......ให้ตาย ออดอ้อนชะมัด เค้าเป็นของผมนะ  จะหมาที่มาจากผมก็ช่างเถอะ ทำตัวน่าหมั่นไส้ซะไม่มี  แต่ผมก็รู้สึกดีที่เค้าชอบมัน  มันเดินตามเค้าตลอด จาเร็ดยิ้มแล้ววิ่งเล่นกับมันในห้องนอนของตัวเอง......โอ้ ไม่มีใครบอกเค้าว่าอย่าทำอย่างนั้นในห้องนอนรึไงกัน  เพราะผมคิดว่าเค้าสะดุดเตียงล้มดูไม่เป็นท่าอาซะเลยน่ะสิ

ใครบางคนอาจคิดว่าผมตามเรื่องราวของคุณจนรู้ว่าคุณตั้งชื่อหมาที่ผมส่งไปให้ว่าอะไร  แต่ผิดแล้วล่ะ  ผมเป็นคนตั้งชื่อให้มันเอง  ตอนที่ส่งมอบมันผมใส่ปลอกคอห้อยป้ายกับมันไว้ด้วย เพราะเราจะได้เรียกชื่อหมาเหมือนกัน  ผมรู้สึกดีใจที่คุณชอบหมาของผมและอย่างน้อยคุณก็ไม่ทิ้งมันเพราะผมรู้ดีว่าคุณรักหมา



********************************************************************************



ผมชอบคุณ  ชอบริมฝีปากสีชมพูที่มักจะเผยอเวลาไม่รู้ตัวของคุณ  ชอบดวงตาที่แสนน่าหลงใหลคู่นั้น  ชอบจมูกโด่งรั้นที่แสนจะโดดเด่น เช่นเดียวกับที่ชอบใบหน้าอันไร้ที่ติของคุณด้วย  ผมชอบ...ร่างกายขาวเนียนที่รอการไล่เลียของผมอยู่  ผมชอบวิธีการมองของคุณ...สายตานั้นจะเป็นอย่างไรในตอนที่เห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าคุณกัน?  ผมนึกอยากจะให้ถึงตอนนั้นในชั่วพริบตา  อยากรู้ว่าคุณจะมองผมด้วยสายตาเย้ายวนยิ่งกว่าที่เห็นในทีวีหรือตอนที่คุณไม่ได้มองผมหรือเปล่า

ผมรักคุณจาเร็ด  รักคุณที่สุดเสมอมา

วันนี้ผมไปที่ยิม  ยกเวทอย่างเรื่อยเปื่อยเช่นทุกวันที่ว่างมาทำมัน  แต่แล้วผมก็เห็นคุณ....ผมหยุดชะงักไป  โลกช่างกลม  ผมบอกไม่ถูกว่าดีใจแค่ไหน  ผมเห็นคนวิ่งกรูกันเข้ามาถ่ายรูปและขอลายเซ็นต์กับคุณ  คุณน่ารัก...คุณยิ้มและโอบกอดพวกเค้าราวกับเป็นญาติสนิททั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  แถมคุณยังทำตัวตลกด้วยการอ้าปากแลบลิ้นใส่พวกเค้าอีกด้วย

บ้าจริง  คุณเป็นศิลปินร็อคทั้งจิตวิญญาณจริงๆ แต่ผมก็ชอบคุณนะ  ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณนั่นล่ะ  ผมวางเวทลงนานแล้ว  ยืนมองคุณราวกับปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก  ไม่รับฟังสิ่งใดทั้งนั้นแม้แต่คนที่ผลัดกันเดินเข้ามาหาคุณที่อยู่ข้างนอก  กระทั่งผมไม่รู้สึกถึงแม้กระจกที่กั้นเราเอาไว้

แล้วคุณก็เดินผ่านผมไปหลังจากทักทายแฟนคลับเสร็จ



*********************************************************************************



ผมกลับบ้านและคิดถึงท่วงท่าการเดินของคุณที่ผ่านหน้าไป ห่างเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น  ผมทิ้งตัวลงบนเตียง  พรูลมหายใจออกมาแล้วภาพของคุณก็ลอยวนเต็มหน้าไปหมด  ไม่แปลกหรอกที่ผมจะตื่นเต้นหรือดีใจ  เพราะตลอดมาผมไม่เคยโทรหาคุณเลยหรือแม้แต่เขียนจดหมายไปหาคุณ  โผล่หน้าไปให้คุณเห็นจังๆ ยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำไป  มากที่สุดของผมก็คือส่งของขวัญไปให้คุณชิ้นแล้วชิ้นเล่าโดยไม่ระบุที่อยู่ผู้ส่ง  คุณจะได้คิดว่ามาจากคนอื่นหลายๆ คนที่เค้าชอบคุณเหมือนกันกับผม

ผมเพียงแค่ไม่อยากให้คุณหวาดระแวงกับความรู้สึกที่เหมือนถูกสะกดรอย  ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะเพราะผมไม่ใช่สโตรกเกอร์ ผมเป็นเพียงแค่คนที่รักคุณที่สุดเท่านั้นเอง

หึ  ใช่ไหมล่ะ  ผมรู้ว่าคุณก็รู้ว่าผมรักคุณ......รักสุดหัวใจ

ผมเฝ้าถามตัวเอง และย้ำถามอย่างเป็นจริงเป็นจังในตอนนั้นเองว่าเมื่อไรหนอจะถึงเวลาที่ผมจะสามารถไปพบคุณได้สักที......เพียงแค่คุณกับผมเท่านั้น  แค่คุณกับผม ผมไม่มีน้ำใจเหมารวมคนอื่นด้วยหรอกนะหากมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณ

ผมหันไปมองบอร์ดที่เขียนเกี่ยวกับการพบกันครั้งแรกของเรา  ผมวางแผนเอาไว้แล้ว...วางไว้อย่างดิบดี  นอกจากนั้นยังมีรายชื่อของที่ผมลิสไว้สำหรับคุณอีกด้วย รับรองได้คุณต้องดีใจและตื่นเต้นกับเซอร์ไพรส์ของผมแน่

และเฮ้  ดูเหมือนทุกอย่างจะพร้อมแล้วนะ  เราจะเจอกันวันไหนดีล่ะ?



********************************************************************************



เสียงมือถือดังมาได้สักพักหนึ่งแล้วแต่เจ้าของก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะรับมันเลย

“โอ้  โทรศัพท์นายโอดมาได้ห้านาทีแล้วจาเร็ด  ได้โปรด เห็นแก่ฉันและพระเจ้ารับมันสักทีหนึ่งเถอะ” แชนอนที่นั่งกดมือถืออยู่ข้างๆ หยุดมือแล้วหันมาผายมือไปที่สมาร์ทโฟนของเพื่อนร่วมวงหรืออีกนัยหนึ่งคือน้องชายของเค้าอย่างเหลืออดแต่ก็ดูใจเย็นเป็นอย่างยิ่ง

ห๊ะ?” คนถูกเรียกหันหน้ามาจากทีวีในห้องรับรองส่วนตัวแล้วทำเป็นเพิ่งจะได้ยินเสียงเครื่องมือสื่อสารของตัวเอง “อ๋อ

แชนอนทำหน้าว่างเปล่าและโทโมะที่นั่งข้างๆ ก็ส่ายหน้าช้าๆ แต่ก็หัวเราะไปด้วย เมื่อเจ้าของโทรศัพท์ดึงอมยิ้มออกจากปาก

จาเร็ดรับสาย  ผมสีดำของเค้ามันขลับเนื่องจากได้รับการเซ็ตมาอย่างดีและสะท้อนกับแสงไฟภายในห้องในตอนที่เค้าพูด “ฮัลโหล” แล้วเงียบไป “ครับ” แล้วดึงสายออกเอามือปิดลำโพง “ผู้จัดการน่ะ” เค้าบอกเพื่อนพลางทำหน้าเหมือนมีเรื่องเป็นเรื่องตาย  แชนอนกลอกตาพร้อมกับโทโมะแล้วชายหนุ่มที่รับสายก็คุยต่อสลับกับหันมองเพื่อนร่วมวงไปด้วย

“ครับ  ครับ เอ่อ...โอเค ได้  ผมจะบอกเค้าให้” แล้วสายนั้นก็ถูกวางไปอย่างรวดเร็ว  สาบานได้พี่ชายอย่างแชนอนยังได้ยินเสียงบ่นโวยวายของปลายสายอยู่เลยในตอนที่จาเร็ดทำหน้าเป็นเด็กดีแล้วกดวางสายไป......ใช่  น้องชายของเค้าก็เป็นอย่างนี้เสมอนั่นล่ะ  เจ้าหมอนี่เป็นตัวป่วนกับก่อกวนที่หนึ่งเลย

“ไง เค้าบอกให้เราค้างที่นี่อีกไหมล่ะ?” ชายที่อายุมากที่สุดแบมือพลางสั่นหน้ารอรับคำถ่ายทอดจากผู้จัดการอย่างประชดประชัน  โทโมะที่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์อยู่ก็หันมามองด้วย

จาเร็ดแสยะ  เหมือนพยายามยิ้มแต่ก็ลู่ไหล่ลง “ไม่  ไม่ได้อยู่หรอกเค้าบอกให้เรากลับบ้านไปนอนได้น่ะ” แชนอนทิ้งตัวกระแทกกับพนักพิงโซฟาพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอกส่วนโทโมะก็ชูกำปั้นขึ้นทั้งสองข้างอย่างมีชัยชนะในที่สุด  เว้นเสียแต่สมาชิกคนสำคัญของวงที่ทำหน้าไม่สู้ดีแต่ก็พยายามยิ้มอยู่

“ทำไมอ่ะ? นายทำหน้างั้นหมายความว่าไงเพื่อน” โทโมะกำมือถือไว้ในมือซุกไว้ใต้หว่างขา เค้านึกว่าเพื่อนทรงเสน่ห์แถมออกเพี้ยนนิดๆ จะอยากกลับบ้านไปนอนซะอีก

“ฮิ...” จาเร็ดทำท่าแบบเดียวกันแต่ยิ้มแป้น   ใช่ ใครจะไม่อยากกลับไปนอนสบายๆ ที่บ้านกันล่ะแต่มันดันติดตรงที่ว่า...

จาเร็ดหนีบขาเข้าหาแขนที่เกี่ยวกันอยู่ใต้หว่างขา  ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเล็กลงมากกว่าเดิม  และไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนพร้อมทำหน้าแหย่ๆ อย่างนั้นก็ทำให้พี่ชายที่ต้องขับรถไปส่งเค้าที่บ้านจับผิดได้

“นายไม่ได้เอาหมาไปฝากไว้อีกแล้วเหรอ?” เสียงแชนอนแข็งเข้มขึ้นมาในทันใด

“เอ่อ  ฉัน...” จาเร็ดยิ้มแฮ่ อ่ำอึ่งคิดคำไปชั่วขณะหนึ่งแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว  พี่ชายของเค้าก็เริ่มสวดใส่เค้าอีกรอบเข้าอย่างจัง

“ให้ตายเถอะจาเร็ด  ฉันไม่ได้บอกนายหรือไงว่าให้เอาหมาไปฝากตอนนายไม่อยู่  ฉันย้ำ...ย้ำนักย้ำหนาแล้ว” แชนอนลุกขึ้นชี้หน้าน้องชายที่ยิ้มให้อย่างใจดีสู้เสื้อ “ว่าให้เอาหมาไปฝาก ไอ้...ไอ้หมาเวรของนายน่ะ”

“โว้ว  น้อยหน่อยพวก  นั่นหมาฉันนะไม่ใช่หมาเวร” จาเร็ดเลิกยิ้มแล้วแต่ก็ยังเกรงพี่ชายอยู่ดี “มันก็แค่ดื้อเท่านั้นเอง  นายไม่ชอบหน้ามัน  มันก็เลยไม่ชอบหน้านายไง  กับฉันมันเป็นเด็กดีจะตาย” ชายหนุ่มผู้เป็นน้องหยิบหมอนเข้ามาแนบอกแล้วลูบมันน้อยๆ เหมือนดักกี้อยู่ตรงนั้นพร้อมกับทำตาหวานเวลาอยู่กับหมากวนประสาทพี่ชายตรงหน้าเล่นๆ

“เราไม่ได้กลับบ้านมาสองวันแล้วนะป่านนี้มันคงไม่...” แชนอนหมดคำพูดเพราะคิดว่าจาเร็ดคงรู้ดี  แต่อีกคนหนึ่งกลับสวนขึ้นทันควันด้วยเสียงไม่รู้หนาวรู้ร้อน

“เดี๋ยวแม่บ้านก็เข้ามาเก็บเองนั่นล่ะ” และแอบทำหน้าบูดเล็กๆ เค้าเบื่อแล้วกับความเจ้ากี้เจ้าการของพี่  ขนาดโทโมะยังมองดูแล้วทำหน้าช่วยไม่ได้ใส่จาเร็ดอย่างเห็นใจเลย

“แม่บ้านเพิ่งเข้าไปตอนนายออกมาหนิ” แชนอนทำหน้าว่างเปล่าอีกครั้งก่อนน้องชายจะโวยขึ้นเหมือนเด็กขี้โมโหและเบื่อโลก

“โอ้ ให้ตายเถอะ! นายเป็นแม่รึยังไงกัน  ฉันมีบ้านนะ...มีบ้านเป็นของตัวเอง ฉันจะทำอะไรกับมันรึกับหมามันก็เรื่องของฉันน่า” และพี่ชายของเค้าก็ไม่ตกใจเลยเพราะจาเร็ดมักจะโอดโอยใส่เค้าอย่างนี้เสมออยู่แล้ว  และโทโมะเองก็เป็นได้แค่เพียงคนดูเช่นเดิม

จนกระทั่งฝ่ายพี่ยอมแพ้ไป “โอเค ฉันขอโทษ” แชนอนพูดเสียงอ่อนลงไปมาก  จาเร็ดยอมรับความพ่ายแพ้นั้นแล้วมุ้ยปากพร้อมยักไหล่

“ฉันชอบที่นายรู้ว่าตัวเองผิดนะ” และยังมิวายแหย่พี่ชายอีก

“นายนั่นแหละที่ทำอะไรไม่ดูอายุตัวเอง เมื่อไรจะเลิกเป็นเด็กสักที...”

“โว้ว โว้ว...เฮ้ เฮ้ ไม่เอาน่าเพื่อน พวกนายเลิกทะเลาะกันเรื่อหมาสักที  คนชอบหมากับไม่ชอบหมาไม่ควรคุยกันเรื่องหมากันหรอกนะเข้าใจไหม?” และเป็นโทโมะนั่นเองที่เข้าห้ามทัพ  ชายหนุ่มผมยาวยกมือขึ้นปรามน้อยๆ น้ำเสียงของเค้าฟังดูเหลืออดแต่ก็ยังนิสัยดีอยู่ “ขอบคุณ” ชายคนที่สามขอบคุณสองพี่น้องที่ทำให้เค้าเงียบหูได้อีกครั้ง

“โอเค งั้นฉันคิดว่าเราควรกลับ...”

ก๊อกๆ

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะการออกคำสั่งอีกครั้งของแชนอน  หญิงสาวผมบล์อนใส่แว่นตาบางเฉียบดูสวยเปรี้ยวแม้จะอยู่ในชุดสาวออฟฟิศเบียดตัวเข้ามาในห้องพักส่วนตัวของพวกเค้าแล้วพูดว่า 

“โอ้ว ฮาย  ขอโทษทีค่ะ  มีคนเอานี่ไปส่งที่บ้านของบอสอีกแล้ว  และเหมือนเดิม...เค้าบอกว่าส่งให้ถึงมือคุณน่ะค่ะจาเร็ด” เธอพูด เอ่ยถึงบอสหรือ CEO คนล่าสุดของค่ายเพลง Virgin ก่อนจะทำตัวทุลักทุเลเดินเข้ามาพร้อมกับน้องหมาที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดที่มีกลิ่นน้ำหอมฟุ้งของเธอ

“อ้าว เฮ้...” จาเร็ดทำหน้าละลายก่อนจะส่งเสียงทักทายน้องหมาตัวใหม่ของเค้าแต่พี่ชายกลับลุกขึ้นแล้วชี้นิ้วลงพื้น

“พอเลย  นายมีหมาสี่ตัวแล้วนะไอ้น้อง” แชนอนโวยแต่จาเร็ดหันมาเบรก

“บ้านฉัน  หมาฉัน  โอเค?” คำบ่นของพี่ชายจึงเป็นอันตกไป ก่อนคนเป็นน้องจะหันมาก้างแขนใส่ลูกหมาตัวใหม่แล้วส่งเสียงแปลกๆ

“อู้ว บู้ บู้ บู้ บู้ โอ้ มานี่มะหมาน้อย  หมาน้อยของฉัน” น้องหมาดีดออกจากตัวสาวผมบล์อนแล้ววิ่งรี่เข้าไปหาจาเร็ด “โอ้วว ดูมันสิ” คิ้วคู่สวยของเค้าเลิกขึ้นสูงอย่างหัวใจละลายและแสนจะเอ็นดูและดูท่ามันก็ชอบจาเร็ดด้วยเหมือนกัน  เป็นอย่างนี้มาได้สักพักแล้ว พี่ชายยืนกรานไม่ให้เค้าเลี้ยงหมาแต่พอโบรกกี้ หมาตัวแรกถูกส่งมา (แน่นอนมันสร้างความงุนงงให้ CEO ของพวกเค้าเป็นอย่างมาก เลขาสาวที่นำมาส่งบอกว่าอย่างนั้นก่อนตัวที่สองสามสี่จะทำให้บอสเริ่มโมโห) แต่หากจะไม่เลี้ยงมันก็กระไรอยู่ เค้าใช้สายตาคู่สวยที่เกินกว่าใครๆ นั้นอยู่ไม่นานนัก แชนอนก็ยอมใจอ่อนให้เค้าเลี้ยงหมาได้

คนเป็นพี่ชายกดด่าในใจว่าน้องชายของเค้าจะต้องรู้อยู่แล้วแน่ๆ ว่าตัวเองชอบพาให้คนอื่นใจอ่อนได้ง่ายๆ อย่างร้ายกาจขนาดไหน  เลยทำตัวเอาแต่ใจแบบนี้นอยู่ตลอดเวลา  และเค้าผิดเองที่ตามใจน้องชายมาตั้งแต่เด็กๆ

และไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งพวกมันมา  ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับหรือใครก็ตาม  แต่เค้าคนนั้นทำถูกแล้วที่ส่งหมามา  จาเร็ดใจอ่อนกับหมาเสมอ  ชายหนุ่มไม่สามารถทำร้ายจิตใจของตัวเองด้วยการตัดใจจากหมาตาดำๆ ที่น่าสงสารพวกนั้นไปได้

หญิงคนนั้นกลับออกไปพร้อมบอกว่าบอสค่อนข้างหัวเสียแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ก่อนแชนอนจะหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินออกประตูตามเธอไป  ถึงเวลากลับบ้านแล้วเสียที  โทโมะเองก็ตามมาติดๆ แต่จาเร็ดผู้แสนอ่อยอิงก็ยังคงเกาคอหมาตัวใหม่เล่นแล้วอุทานขึ้นมา

“เฮ้ ตัวนี้ไม่มีปลอกคอน่ะ ฉันตั้งชื่อให้มันได้ไหม?”

“ก็เอาสิ นั่นหมานายนี่” โทโมะผายมือ

“อืม โบรกกี้  แฟรงกี้  ฮักกี้  ดักกี้...งั้นตัวนี้เอาเป็นฟัคกี้ดีไหม?”

fuck นายเถอะจาเร็ด  ไปกันได้แล้ว” แชนอนว่าเป็นเชิงตามใจ กลอกตาแล้วเปิดประตูออกไป  โทโมะหัวเราะไล่หลังขณะตามไปติดๆ

“โอ้ โทษที  เค้าเก่งเรื่องทำร้ายจิตใจฉันน่ะฟัคกี้แต่ฉันก็รู้ว่าเค้ารักฉันนะ...ก็แหงล่ะ เค้าเป็นพี่ฉันนี่   แกอย่าถือเค้าเลยนะหนูน้อย  ลึกๆ แล้วเค้าใจดี...ถึงจะเหมือนแม่ไปหน่อยก็เถอะ” ชายร่างบางและตัวเล็กกว่าคนอื่นๆ ในหมู่เพื่อนว่า พร้อมยิ้มให้น้องหมาของเค้าแล้วอุ้มมันตามพี่ชายออกไป

เฮ้  ไม่  แม่ใจดีกว่าแชนอนจมเลยต่างหาก......จาเร็ดยักไหล่กับตัวเอง



.



.



.



TBC.



--------------------------------------------------------------------------------------



ฮาาา  จาเร็ดของเรายังไม่ออกแฮ่ะ ออกมาแล้วโดยความไม่รู้ของไรท์เองค่ะ 555555  //บ้าจริงงง// ส่วนเมะที่ไรท์เพิ่งเปิดตัวเค้าผ่านไดอารี่ลับของเค้านั้น..........ไรท์ยอมรับเลยค่ะ  ตอนอ่านทวนมีสะพรึงเค้านิดๆ น่ะค่ะ 555555  นะ นี่เราเขียนเหรอ?  อือ  ไรท์ว่าไม่ใช่นะคะ  ไม่รู้เค้ามาจากไหนค่ะ 555

ต้องขอบอกว่าตามจริงๆ ค่ะ  ตามแบบไม่ท้อถอยเลยค่ะ  เค้ารักจาเร็ดมาก  เหมือนต้องตากันเลยในทันใดที่เจออยู่หน้าโทรทัศน์ 55555555

            ไรท์ยังไม่ได้บอกชื่อเค้าเนอะ และมันก็จะเป็นอย่างนั้นต่อไปค่ะ 555555  ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเป็ฯคนที่ไรท์มโนขึ้นเองเนอะ  หาเมะที่คาแรกเตอร์เป็นแบบนี้ให้นางฟ้าของเราไม่ได้จริงๆ ค่ะ  ครั้นจะเอาคลอลิน (อเล็คซานเดอร์ในเรื่องอเล็คซานเดอร์มหาราช) พอไรท์ไปเจอภาพปัจจุบันของคลอลินถึงกับล้มครืนเลยค่ะ อ๊ากกก  ทามมายยยย  ตอนหนุ่มๆ ก็ดูออกจะเฟี้ยว  อย่างเท่อย่างหล่ออ่าค่ะ  แต่ได้ข่าวว่าตอนนี้คงกำลังใช้เวลากับลูกอยู่ -..- เฮ้อออ  ถ้ามีแคมเปญ Fandom – ALEXANDER คุณจะได้เจอกับจาเร็ดของไรท์ค่ะ....ฮึ๋ยยย  พูดแล้วขึ้นค่ะ  ตอนจบเรื่องทำไรท์ไม่พอจัยย


ฝากเอาไว้ในความพิจารณาของทุกคนหน่อยนะคะ  คงไม่ค่อยมีคนอ่านหรอกเนอะ  เพราะว่าไรท์สนองนีดตัวเองเอาล้วนๆ เลยค่ะ 55555  แถมยังจาเร็ดผู้ถูกกระทำกับใครก็ไม่รู้ด้วย....มโนเอานะคะรีดๆ ขา  ว่าเมะคนนี้หล่อมากกก  ออกร้ายนิดๆ แต่ก็มีมุมที่แอบอ่อนโยนค่ะ  ย้ำว่าหล่อออ  ผมสีเข้มม


ฝากรบกวนติชมด้วยนะค้าาาา  ไรท์เพิ่งจะมโนอีกฝ่ายหนึ่งครั้งแรกจะอย่างไรก็รบกวนหน่อยนะเออ ><

ขอบพระคุณทุกท่านมากๆ เลยนะคะ  เอาหัวใจไรท์ไปเลยค่ะ  อร๊ายยย >///<

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund





ไม่มีความคิดเห็น: