//คนอะไรเนี่ย หล่อชิเป๋งเลยค่ะ!
>< อร๊ายยยยยย 55555 แซมอย่าทำหน้างั้นซี่
>///< ฮ่อลลลล อิจฉานุ้งจอร์ชจังงง//
มาแล้วค่ะรีดค่าา กราบสวัสดีค่ะ >< //ย่อแบบหญิงไทยเข่าติดพื้น// ฮ่อลลลลล
หลังจากที่ปลดเปลื้องหัวใจไปกับ Part ที่แล้วที่เค้าทั้งสองได้เจอกันไปแล้ว มาต่อกันเลยค่ะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ไรท์อยากจะสารภาพว่ามีความเกลียดฟินนิคใน
Part นี้ค่ะหลังจากที่ไม่เคยเกลียดเค้าเลย (หมั่นไส้ก็ไม่เคยนะเออ) แต่ว่า Part นี้
ในใจไรท์คิดแบบว่า.....แหมม
รอดตายแล้วเอ็งหื่นเลยนะ 555555
อุ๊บๆๆๆ มิควรเอ่ยสิเนี่ยยย ฮาาา
งั้นรีดๆ ก็ไปดูกันเลยค่ะว่า Part เป็นอย่างไรน้าาา ฮืมๆๆๆๆ >w<
ไรท์รู้สึกดีที่ฟินิคกับพีต้าได้เจอกันสักทีค่ะ เบื่อแคทนิส
อยากเขี่ยนางแต่ว่ามันจะห้วนไป 5555
งั้นประดับกรอบไปล่ะกันย่ะ ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง ฉันงานยุ่ง ฉันปราณีเธอ ไปอยู่กับตาขี้เมาเฮย์มิชนู่นไป ชริๆๆๆ
-----------------------------------------------------------------------------------
แคทนิสไม่สบายใจเป็นอย่างมากที่ตะวันตกดินแล้วแต่พีต้ายังไม่กลับบ้าน
เธอกลับมาไม่เจอเค้าและเห็นเฮย์มิชกำลังเดินโงนเงนมาจากทางใต้ของหมู่บ้าน เธอถามเค้าแต่ชายขี้เมากลับพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียว่าตื่นมาก็ไม่พบเด็กหนุ่มแล้ว นึกว่าเจ้าตัวกลับมาก่อนเสียอีก
หญิงสาวผมดำขลับที่ถักรวบเป็นเปียอย่างง่ายวิ่งออกมาจากตัวบ้าน
กำลังจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่เดียวที่คิดว่าพีต้าจะต้องอยู่ที่นั่นก่อนจะหยุดชะงักฝีเท้าไปทั้งๆ
ที่ยังไม่พ้นเขตบ้านของเธอเสียด้วยซ้ำ
เมื่อเด็กหนุ่มคนดังกล่าวกำลังเดินกลับมาจากขอบฟ้าที่เริ่มมืดมิดพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง
แคทนิสหรี่ตาจ้องเขม็งอย่างนึกสงสัย ชายคนนั้นตัวสูงใหญ่ ผมตัดสั้น
เดินอยู่เคียงข้างพีต้า เค้าทั้งสองคนจับมือกัน
เธอเบิกตาโตแล้วสูดหายใจเสียงดังจนเฮย์มิชได้ยิน
“ฟินนิค” แคทนิสเอ่ยคล้ายรำพึงกับตัวเอง
“ฟินนิค!” ก่อนจะแน่ใจเมื่ออีกฝ่ายโบกมือให้เธอแล้ว
“ห๊ะ อะไร เธอว่าอะไรนะ?”
เฮย์มิชหันควับมาเงี่ยนหูให้ประโยคที่ตะโกนก้องอย่างบ้าคลั่งของหญิงสาว
หลังจากนั้น แคทนิส เอเวอร์ดีน
ก็วิ่งไปกอดคนที่เธอแน่ใจว่าเห็นเค้าตายไปแล้ว
ซึ่งแม้แต่เฮย์มิชที่เพิ่งจะสร้างเมาก็ยังรู้สึกตกตะลึงเมื่อไม่มีคำไหนเลยที่จะโต้เถียงได้ว่าคนที่ปรากฏตรงหน้านั้นไม่ใช่ชายหนุ่มจากเขต
4 ที่เค้าเคยรู้จัก
“พระเจ้าช่วย” เค้าพึมพำกับภาพที่เห็น
“พระเจ้าช่วย เป็นไปไม่ได้...” ก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงดัง
“โอ้ เฮ้!
ดูสิ ใครฟื้นขึ้นมาจากความตาย” ชายขี้เมาพูดอย่างเหลือเชื่อ อ้าแขนต้อนรับฟินนิคกลับคืนสู่ดินแดนของคนเป็น
แล้วเดินเข้าไปสมทบกับคนอื่นๆ
ที่ตรงนั้นแคทนิสน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกปาฏิหาริย์เมื่อเห็นเพื่อนผิวสีแทนที่บัดนี้ดูขาวขึ้นกว่าปรกติ
“โอ้ พระเจ้าช่วย” เธอผละออกมาแล้วร้องไห้อีก
ไม่ได้ฟูมฟายแต่ความรู้สึกผิดที่รัดคอเธอมาตลอดทุกครั้งที่ล้มตัวลงนอนถูกฉีกกระชากออกให้ขาดกระจายในตอนนั้นเอง
ทุกวินาทีเธอโทษความขี้ขลาดของตัวเองที่ตัดใจอย่างง่ายดายมาตลอด
เธอเป็นเหตุทำให้เค้าต้องตายถึงแม้ว่าจะจริงหรือไม่แต่แคทนิสก็มีส่วนในการรับผิดชอบ ดังนั้นเมื่อเธอเห็นฟินนิคที่เดินมากับพีต้าจึงนึกถามตัวเองว่าฝันไปหรือเปล่าแต่เมื่อได้โถมกอดร่างที่สูงกว่า
และรู้สึกถึงกล้ามแขนที่กอดตอบ
แคทนิสจึงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปแน่ๆ
ฟินนิคยังไม่ตาย
ร่างสูงกอดเฮย์มิชบ้างเมื่อชายที่อายุมากที่สุดรัดเค้าจนแทบหายใจไม่ออกในตอนที่แคทนิสถาม
“แต่มันเป็นไปได้ยังไงฉันเห็นนาย...”
“ตาย” ร่างสูงเติมให้ รู้สึกประหลาดใจว่าทำไมใครๆ
ก็เอาแต่พูดคำนี้กับเค้ากันนัก
ฟินนิคแทบไม่ได้คิดเรื่องที่แคทนิสระเบิดเค้าในตอนที่บอกสั้นๆ
ว่ามีคนช่วยเค้าไว้ได้ทันก่อนเค้าจะตายได้จริงๆ
“แหม! นายนี่มันตายยากจริงๆ
เลยพับผ่าสิ!” เฮย์มิชว่าเสียงดังอย่างได้ใจก่อนจะตบหลังชายหนุ่มไปเสียป้าบใหญ่จนฟินนิคตัวเอียง ร่างสูงหัวเราะก่อนจะตบกลับไป
“คงไม่มากไปกว่าคุณหรอกเฮย์มิช”
ชายขี้เมาเกือบล้มแต่มีพีต้าอยู่จึงไม่ได้เสียหลักไปมากกว่านั้น
ก่อนเค้าจะสังเกตเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มแล้วเอ่ยเสียงไม่ปิดบัง
“โอ้ว เฮ้
ฉันว่ามีใครบางคนนอกจากแคทนิสที่ร้องไห้ด้วยนะเนี่ย”
พีต้ากำลังจะแก้ไปว่า
เปล่าเลยเค้าไม่ได้ร้อง แต่ก็โดนขัดไปก่อนจนได้
“อ๋อ ใช่
แน่นอนสิ เค้าร้อง” ฟินนิคพูดก่อนจะโดนต่อย
และทุกคนก็ได้เห็นว่าพีต้ากำลังเขินอายอยู่
เฮย์มิชทำหน้าแปลกไปเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจในตอนที่แคทนิสจับแขนเค้าแล้วบอกว่าต้องการคนช่วยเตรียมอาหารเย็น
“ฉันว่าบางทีเราอาจต้องใช้เวลาหน่อย และมั่นใจว่านายกับพีต้าคงมีเรื่องอยากคุยกัน”
เธอมองออกถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง
และตัดสินใจทำเรื่องที่ถูกถึงแม้เฮย์มิชที่ทำหน้าไม่เข้าใจจะท้วงอยู่บ้างก็ตาม
“อ้าวแต่ว่าฉันก็อยากคุยเหมือนกันนะ
เธอไม่คิดว่าฉันจะไม่อยากคุยกับเค้าหน่อยเหรอ ทำไมต้อง...”
“เย็นนี้บนโต๊ะอาหารจะมีเราสี่คนเฮย์มิช ฉันว่าคุณคงไม่อยากกินมื้อค่ำช้าหรอกใช่ไหม?” แคทนิสฝืนความต้องการอยากกลอกตา
“หา? ดินเนอร์สายเหรอ? ช่าย ก็ใช่อยู่
ฉันชอบเป็นโรคกระเพราะตอนกลางคืนซะด้วยสิ...โว้ว เฮ้”
ยังพูดไม่ทันจบแคทนิสที่กลอกตาเสร็จไปแล้วก็ลากเค้าเข้าไปในบ้านนำหน้าชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
กัน
“พวกเค้าเป็นอย่างนี้กันบ่อยๆ หรือเปล่า?”
ฟินนิคงัดนิ้วโป้งไปทางที่ทั้งสองเพิ่งหายไป
พีต้ายักไหล่
“ไม่หรอก
เฮย์มิชไม่ค่อยทำตัวบื้อส่วนแคทนิสก็ไม่เคยจู้จี้กับเค้าขนาดนี้น่ะ แต่ฉันคิดว่าพวกเค้าอยากทำเพื่อนายนะ”
แต่ฟินนิคไม่เข้าใจนัก
“ทำไมพวกเค้าต้องทำเพื่อฉันล่ะ?”
“ก็นายกลับมา”
แล้วเด็กหนุ่มก็พบว่าตัวเองก็คงไม่ต่างไปจากสองคนนั้นเท่าไรนัก บางทีเค้าควรทำอะไรเพื่อฟินนิคบ้าง
“ฉันว่าฉันน่าจะไป..”
“ไม่ต้องหรอก”
แต่แล้วกลับถูกคว้ามือเอาไว้เสียก่อน
ฟินนิคเอ่ยเสียงไม่ดังนัก
ใบหน้าของเค้าเหมือนกำลังวาดรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “นายแค่อยู่กับฉันก็พอ”
ร่างสูงจับมือพีต้าไว้แน่น เค้าสอดนิ้วเข้าไป กระชับมันแล้วไม่ปล่อยอีกเลย
จนทั้งสองเดินเข้าบ้านเพื่อหลบความหนาวเย็นของตอนกลางคืนไป
ที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดเตรียมเร็วเป็นพิเศษจนฟินนิคกับพีต้าไม่มีเวลาได้คุยอะไรกันมากนัก
เฮย์มิชพูดมากเป็นพิเศษ
ชายอายุมากที่สุดบนโต๊ะหยอกเย้าถึงเครื่องรางหรือของขลังแห่งความโชคดีของชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง ทุกคนหัวเราะก่อนฟินนิคจะบอกปฏิเสธไปน้อยๆ
ทุกครั้งว่าไม่มีอะไร เค้าเพียงแค่ดวงดีเท่านั้น
แคทนิสพูดไม่มากตามเคย
เธอเอาแต่ประหยัดคำและจ้องฟินนิคที่นั่งเคียงคู่อยู่กับพีต้า บอกตัวเองว่าที่เพื่อนจากเขต 4
กลับมานั้นเป็นความจริงและเธอควรเลิกรู้สึกผิดเสียทีในเมื่อฟินนิคกลับมาแล้ว
เธอก็ไม่ควรคิดถึงเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านมาอีก
บนโต๊ะอาหารยังคงอบอวลเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อของฟินนิคผู้ทำเพียงแค่ยิ้มรับและเล่าเรื่องราวของคนที่ช่วยเค้าไว้เท่านั้น ทุกคนจึงได้รู้เหตุผลว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้ดูแข็งแกร่งขึ้นทั้งๆ
ที่ถูกสร้างเนื้อเยื่อใหม่ แต่เค้าไม่ได้บอกว่าแรงผลักดันที่ทำให้ออกเดินทางมาที่นี่ก่อนบ้านเกิดนั้นเป็นเพราะใคร
“อกนายแข็งเหมือนกำแพงเหล็กเลยเพื่อน”
เฮย์มิชเอ่ยอย่างสนใจ เอากำปั้นจิ้มอกเค้าหลังจากทานมื้อค่ำเสร็จแล้ว
และกำลังขอตัวกลับไปนอนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“แค่คุณทำแบบผมทุกวันก็เหมือนกันแล้วเฮย์มิช”
ชายหนุ่มที่กอดอกพิงกับกรอบประตูว่า
พีต้าและแคทนิสกำลังช่วยกันล้างจานอยู่ในห้องครัวสลัวๆ นั่น
“โอ้ วันละห้าชั่วโมงน่ะเหรอ...เฮอะ!
แค่ครึ่งชั่วโมงฉันก็เหลือทนแล้ว”
เค้าหัวเราะก่อนจะพาฟินนิคหัวเราะไปด้วย
ชายขี้เมาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหนที่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มผมสีแทนอีกครั้ง เฮย์มิชรู้สึกอบอุ่นใจที่หนึ่งในครอบครัวอันเล็กจ้อยของเค้ายังอยู่ดีอีกคนหนึ่ง...เค้ารู้ว่าฟินนิคเชื่อใจได้เสมอ
เหมือนอย่างที่แคทนิสและเจ้าหนูพีต้าเองก็เป็น
เฮย์มิชเข้าบ้านที่เห็นอยู่ในสายตาอย่างชัดเจนไปแล้ว
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาอันแสนปิติที่ควรจะเฉลิมฉลองแต่ฟินนิคเห็นด้วยว่าทุกคนควรพักผ่อน วันนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้นกันมากพอแล้ว แคทนิสจึงขอตัวไปอย่างเก่ๆ กังๆ ก่อนพีต้าจะบอกว่า
“ฉันจะไปเตรียมห้องให้นายนะ
เอ่อ...โทษทีอันที่จริงฉันควรทำเร็วกว่านี้” เด็กหนุ่มกลอกตา
เสไปมองทางอื่นแล้วส่ายมือไปมาราวกับไม่รู้ว่าจะวางมันไว้ตรงไหนดี
แต่ฟินนิคกลับเดินเข้ามาใกล้แล้วถามเสียงสงสัยว่า
“ทำไมล่ะ?”
พีต้ากระพริบตาสั่น นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมกลับมาจากความตายคราวนี้คนตรงหน้าถึงได้ทำตัวมากคำถามนัก
แต่ที่ไม่เข้าใจอย่างมากมายก็คือทำไมเค้าจะต้องใจสั่นตลอดเวลาที่อยู่กับฟินนิคด้วย ซึ่งมันเป็นมากกว่าแต่ก่อนนี้ลิบลับเลย
“ก็...ก็นายจะต้องนอนไม่ใช่เหรอ
งั้นฉันก็ต้องไป...”
“ไปห้องนายสิ” ร่างสูงพูดรวดเร็วราวกับว่าเค้ารอพูดคำนี้มาตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อนแล้ว
พีต้าหน้าแดง มันคงส่งเสียงฉ่าให้ได้ยินไปแล้วถ้าทำได้
และนอกจากนั้นยังทำให้เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออกอีกด้วย
ร่างสูงก้มลงใช้ริมฝีปากประชิดลำคอและใบหูของหนุ่มน้อย
“ห้องนายไปทางไหนล่ะ?” เค้าไม่มีความจำเป็นต้องพูดเสียงดังเลยแม้แต่น้อย
ฟินนิคหลับตาแล้วสูดหายใจเอาความอุ่นใจที่มีอยู่ในตอนนี้เข้าไป เค้าได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากผมของพีต้า
กลิ่นสบู่ที่เค้าเองก็ใช้แต่ชอบให้มันอยู่บนเนื้อตัวของอีกคนหนึ่งมากกว่า
เด็กหนุ่มหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง หนีลมหายใจอุ่นร้อนของร่างสูงที่รดเฉียดใบหูอยู่อย่างแข็งทื่อแล้วชี้นิ้วระริกอย่างว่าง่ายแทนที่จะพูดด้วยความยากลำบาก พีต้าตัวเอนเอียง
เดินก้าวถอยหลังไปตามแรงอกที่เบียดเหมือนจะผลักดันเพื่อนำทิศทางของฟินนิค ร่างสูงใช้แก้มของตัวเองสัมผัสกับแก้มอุ่นๆ
ที่อยู่ต่ำลงมาของพีต้า
เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ได้
ถึงแม้จะอยากต่อต้านเพราะความเขินอายของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้
เป็นเพราะอะไรเจ้าตัวก็ไม่ทราบได้
พีต้าเพียงคิดแค่ว่าที่ได้อยู่ใกล้ฟินนิคก็ดีแล้ว ไม่อยากให้อีกคนหนึ่งหายไปอีก
จึงไม่แม้แต่อยากที่จะทำให้ร่างสูงนึกขัดใจ เด็กหนุ่มเพียงแค่ก้าวถอยอย่างไม่แน่ใจและกางมือออกไปแตะคลำทางอย่างเสปะสะปะเพียงเท่านั้น
เสื้อยืดแขนยาวและกางเกงนอนขายาวนั้นก็ทำให้พีต้าดูเหมือนเด็กที่ใกล้จะสะดุดล้มเพราะขากางเกงของตัวเองอยู่แล้วรอมร่อ
หนุ่มเบเกอร์รี่ถูกดันให้เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
โดยที่มีเพียงแสงไฟจากในห้องอันน้อยนิดเท่านั้นที่ส่องเงาของทั้งสองให้กระทบสาดออกมาบนทางเดินหน้าห้องก่อนร่างสูงจะปิดประตูลง
ฟินนิคเริ่มกอดพีต้า แนบจมูกเข้าไปในซอกคอเนียนนุ่มแล้วสูดดม เค้าสูดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ
ของสบู่ที่เจือปนด้วยดอกไม้เข้าไปจนเต็มปอด
กระชับแขนแน่นจนใต้แขนของเด็กหนุ่มลอยสูงขึ้นมา ร่างสูงเลื่อนจมูก
ลากไล่เรื่อยไปอีกอย่างเก็บรายละเอียด...เค้าคิดถึง ไม่รู้จะบอกอย่างไรดีว่าโหยหาแค่ไหน ในตอนแรกขอเพียงแค่ได้เห็นหน้าชัดๆ
เท่านั้นที่เค้าต้องการ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าพีต้าจริงๆ แล้วฟินนิคก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเค้าถึงห้ามตัวเองไม่ให้เข้าไปกอดจูบเด็กหนุ่มไม่ได้
ทุกอย่างคงเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วล่ะมั้ง
และจุดเริ่มต้นใหม่ก็กำลังเกิดขึ้น...
เสียงลมหายใจของพีต้าดังกระเซ้าขึ้นอย่างประหม่าในตอนแรก
ก่อนจะเป็นเสียงหายใจของฟินนิคเองที่ดังขึ้นอย่างเร้าร้อน เด็กหนุ่มตัวสั่น
เพื่อนร่างสูงที่อายุมากกว่าไม่เคยกอดเค้าแบบนี้มาก่อน
ถึงแม้ในตอนนี้ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปแล้วแต่พีต้าก็อดหวาดวิตกไม่ได้เลย
“ฟินนิค” ร่างสูงทำเหมือนจะฆ่าเค้าด้วยการดม
“คะ คือว่า...อ๊ะ!”
ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยเสียงไม่มั่นใจนั้นออกไป ร่างของเจ้าตัวก็ถูกผลักลงให้ลงไปนอนราบบนเตียงหลังเก่าของตัวเองเสียแล้ว พีต้าเบิกดวงตา
ศอกค้ำยันกับผืนผ้าห่มแล้วจ้องดวงตาระยิบระยับของฟินนิคตอบด้วยแววตาไหวระริกอันไม่แน่ใจของตัวเอง
ร่างด้านล่างมองเห็นคนด้านบนยิ้มก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบอย่างเบาบางและอ่อนโยนดั่งเช่นครั้งแรก
กระทั่งเพิ่มเติมเป็นความหนักหน่วงอันเร่าร้อนอย่างรวดเร็วในที่สุด ฟินนิคไล่ฝ่ามือไปตามชายเสื้อ
สอดเสียดเข้าไปจนพีต้ารู้สึกถึงความอุ่นที่ลูบไล้ขึ้นมาราวกับรากไม้ที่กำลังเติบโต เด็กหนุ่มจับบ่าของร่างสูงไว้ก่อนจะบีบแน่นอย่างร้องขอ
จนทำให้ร่างสูงผละริมฝีปากออกมาจนได้ในที่สุด
“แคทนิส เธออยู่ที่นี่ด้วย”
เด็กหนุ่มที่หอบหายใจอย่างติดขัดบอกเตือน
ผนังกั้นห้องและบานประตูไม่ได้หนานักดังนั้นหญิงสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามจะต้องได้ยินเป็นแน่อย่างไม่ต้องสงสัย พีต้าจึงจำเป็นจะต้องบอกว่าพวกเค้าไม่ควรทำเรื่องแบบนี้ที่นี่
“ฉันว่าเราไม่...อื้อ”
และยังไม่ทันไร
ฟินนิคก็บอกร่างเล็กว่าเค้าไม่สนใจแคทนิสด้วยการจูบกลืนคำพูดห้ามปรามเหล่านั้นให้หายลงคอไป
มันดูดดื่มตั้งแต่ร่างสูงประกบปากแนบชิดลงไปในคราแรก
พีต้าพยายามผลักดัน แต่ทว่ามันกลับดูเหมือนสมยอมด้วยการโอบกอดอีกคนหนึ่งเสียมากกว่า
ชายหนุ่มยอมผละริมฝีปากแล้วแต่ก็ยังคลอเคลียอยู่กับลำคอขาวๆ นั้น
“ฉันไม่สนแคทนิสหรอก ปล่อยเธอไป” เค้าพูด
และเริ่มพรมจูบต่อไปอย่างหนักหน่วงแต่ละเมียดละไม
หลังจากนั้นจึงตรึงข้อมือทั้งสองข้างที่พยายามแตะห้ามเค้าเสียยกใหญ่ให้จมอยู่ในพื้นเตียงหนานุ่ม
และขยับวางไว้บนเหนือหัวของพีต้าแล้วซุกจมูกไปตามซอกคอขาวกับใต้คอเสื้อที่ถูกซุกไซร้จนแหวกออกกว้าง
พีต้าได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังอยู่ใกล้ประชิดจนพาลทำให้ใบหน้าร้อนฉ่าไปด้วย เด็กหนุ่มยอมรับว่าเกิดอาการวิตกเพราะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าการได้ใกล้ชิด
เบียดกายจนแนบชิดกับฟินนิคทำให้รู้สึกร้อนผ่าวและเกิดอาการบิดเร้าอย่างแปลกประหลาด
“ฟินนิค...อื้อ ฮ้าา อึก อยะ อย่าเพิ่ง...เดี๋ยวก่อนสิ”
พีต้าไม่ได้ขยับข้อมือแรงเท่าที่ควร เนื่องจากร่างสูงด้านบนไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเค้าแต่ทว่าการที่นอนทอดกายอยู่แบบนี้มันก็น่าอายไม่ใช่เล่นเลย เจ้าตัวไม่เคยคิดถึงเรื่องทำนองนี้มาก่อน
ด้วยความต้องการอันเดียงสาและบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มนั้นหวังเพียงแค่ให้ได้อยู่ในอ้อมกอดที่กระชับแน่นของอีกคนหนึ่งเพียงเท่านั้น
พีต้าเพียงแค่อยากให้ฟินนิคให้ความอบอุ่น
จนหลับไปด้วยกันตลอดทั้งคืน
เจ้าตัวจะได้ไม่ต้องฝันร้ายอีกและไม่รู้สึกเดียวดายอย่างเช่นที่เป็นอยู่
แต่ทว่าในเวลานี้
ภาพที่ร่างเล็กได้วาดฝันเอาไว้กำลังถูกบิดเบือนไปโดยสิ้นเชิง ด้วยความคิดถึงที่บีบตัวกันเป็นความต้องการของร่างสูง
เพราะในเมื่อความรู้สึกของทั้งคู่ชัดเจนแล้วฟินนิคก็ไม่รอช้าเลยที่จะทำความสัมพันธ์ของพวกเค้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ไม่สิ ไม่ใช่หรอก
เรื่องนั่นน่ะมันเป็นแค่ข้ออ้างเพียงเท่านั้น
ชายหนุ่มตั้งคำถามมานานแล้วว่าถ้าหากได้ไล่มือไปใต้ชายเสื้อแสนสะอาดของพีต้าและได้ลากสันจมูกกับริมฝีปากไปบนผิวที่ดูเนียนนุ่มนั้นจะให้ความรู้สึกยังไงกัน และตอนนี้เค้าก็กำลังค้นหาคำตอบนั้นอยู่
“ฟินนิค...”
เสียงเด็กหนุ่มด้านล่างที่ถูกตรึงข้อมือเบาหวิว
และเว้าวอนขอความเห็นใจอีกครั้ง
“ว่าไง?”
หลังจากนั้นร่างสูงก็รู้สึกเลยว่าพีต้าของเค้าตัวสั่น จึงคลายมือของตัวเองออก เด็กหนุ่มจับอกเสื้อเหมือนกอดตัวเอง
แล้วมีสีหน้าใคร่ครวญปนไม่แน่ใจนัก
คนส่งเสียงเรียก เอื้อมมือขึ้นมาหาเค้า “พอแค่นี้ก่อนเถอะ”
แล้วใช้นิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากของฟินนิคด้วยดวงตาฉ่ำน้ำอันไร้หนทาง “นะ”
พีต้าขอร้อง หลงกลัวทั้งแคทนิสและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งเจ้าตัวไม่รู้อะไรเลย
ใช่
พีต้าไม่รู้อะไรจริงๆ นอกจากการเผยอปากจูบกับคนอื่น...
ฟินนิครวบมือพีต้าไว้ข้างแก้มตนเองแล้วจูบอย่างอ่อนโยน
“นายไม่รู้อะไรเลยเหรอ” ร่างสูงวางมือนั้นลงบนเตียง “ว่ามันได้เริ่มขึ้นไปแล้ว”
“หือ?”
“ต่อจากนี้ฉันต้องถอดเสื้อของนายออก รู้ไหม?”
พีต้าทำหน้าพรั่นพรึงเหมือนเข้าใจแล้ว
“และกลัวว่ามันคงจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น...”
“เอ่อ ฉันคิดว่าเราน่าจะเกรง...อึ อ๊ะ
อ่าา ฟินนิคอย่า...” พีต้าจับมือคู่ร้อนที่ลูบขึ้นจากท้องน้อยของเค้า
“อ่า...อย่าเพิ่ง อืออ ฮึก”
หน้าท้องขาวที่ปรากฏอยู่ใต้เสื้อกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัวกับความวาบหวามจากฝ่ามือร้อนที่ให้ความรู้สึกดีของอีกคนหนึ่ง
ฟินนิคนั่งคร่อมอยู่บนตัวของเด็กหนุ่มที่เค้ารัก ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวลงเพราะกลัวพีต้าเจ็บ ก่อนจะตั้งใจสัมผัสต่อไป ไล่มือไปบนซี่โครงที่ให้สัมผัสที่แข็งแรงของกระดูกและยอดอกที่จู่ๆ
ก็พลันแข็งตัวขึ้นมาสู้กับมือของเค้าเสียอย่างนั้น ขาของพีต้าไม่อยู่เฉย
มันขยับไปมาบนผ้าห่มราวกับว่ากำลังกระสับกระส่ายเพราะกำลังฝันร้ายอยู่ เด็กหนุ่มหายใจติดขัด ไม่ได้ปัดมือของฟินนิคออกเพียงแต่ทาบมันลงไปบนข้อมือให้อีกคนหนึ่งหยุดทำแบบนี้เสียที
“อะ อ่าา
ฟินนิค...” เด็กหนุ่มบิดตัว
ถ้าหากทำมากกว่านี้เค้าอาจจะเก็บเสียงของตัวเองไว้ไม่อยู่และแคทนิสจะต้องรู้แน่ว่าพวกเค้าทำอะไรกันอยู่ ใครจะไปรู้
เธออาจจะพังประตูเข้ามาแล้วบอกว่าให้พวกเค้าหยุดทำเดี๋ยวนี้ก็ได้
แต่ร่างสูงไม่ได้ห่วงหรือแม้แต่สนใจความสอดรู้ของแคทนิสเลย
เค้าก้มตัวลงไปจูบกับพีต้าอย่างอ่อนโยนและทำซ้ำอย่างนั้นอยู่หลายทีก่อนจะพรมจูบลงมาเรื่อยๆ
ยังต้นคอขาวกระทั่งมาถึงยอดอกสีหวานที่แข็งขืนอยู่ในแสงไฟสลัว
ฟินนิคถอดเสื้อยืดตัวบางที่ไร้ความหมายของพีต้าออกอย่างง่ายดายถึงแม้เจ้าของจะไม่ใคร่ให้ความร่วมมือนักก็ตาม
ก่อนเค้าจะฝังยอดอกน่ารักนั้นเข้ามาในโพรงปากของตัวเอง
แล้วเสียงร้องอันสั่นกระเซ้าก็ดังขึ้นพร้อมกับหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นสูงเหมือนระรอกคลื่นของพีต้า
“อะ อ้า!....อ่าา อึก อา ฮาา
ฮึก ฟะ ฟินนิค...อ้าา..า” เค้ารู้เลย
พีต้าไม่เคยนอนกับสาวคนไหน
จากฝ่ามือที่ซุกเข้ามาใต้เรือนผมของเค้า
พีต้าขยำมัน และคลึงไปมาอย่างอ่อนไหว
ร่างสูงจึงส่งมือของตัวเองลูบไล้ไปทั่วตัวของเด็กหนุ่มบ้าง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฝ่ามือน้อยๆ
นั้นที่ทำกับผมของเค้า
เสียงฝ่ามือเสียดสีลากผ่านผิวกายยังคงดังแผ่วขึ้นต่อสู้กับเสียงที่บ่งบอกว่าอ่อนประสบการณ์ของพีต้า
เด็กหนุ่มพยายามแล้วแต่ว่าเรี่ยวแรงกลับถูกสูบหายไปอย่างรวดเร็วด้วยปล่อยลิ้นแล้วฝ่ามือที่พาให้อ่อนระทวยของฟินนิค
เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้เลยกับร่างสูงที่ไล่เลียยอดอกอย่างเอาใจ และทำให้รู้สึกราวกับว่าจะอยู่ด้วยกันบนเตียงนี้ไปอีกนาน
“ฮะ อ๊ะ...อาา ฟินนิคอย่า พอ...พอแล้ว”
พีต้าว่าเสียงกระเซ้า
ซุกมือเข้าไปในเรือนผมสีเดียวกันนั้นอีก
ก่อนร่างสูงจะยอมทำตามแต่โดยดีหลังดึงดันไม่ยอมมาตั้งแต่แรก
ฟินนิคลวงมือเข้าไปใต้กางเกงนอนของพีต้าแล้วลูบสะโพกที่สะดุ้งหนี
“ไม่ต้องกลัวพีต้า อยู่นิ่งๆ สิ” ชายหนุ่มด้านบนกระซิบบอก
แต่เด็กหนุ่มที่ขยุ้มอกเสื้อตัวเองกลับทำหน้าไม่เข้าใจแล้วงอเข่าเหมือนรู้สึกตัวคนเดียว
ก่อนฟินนิคจะรูดมือลงแล้วดึงกางเกงของเด็กหนุ่มออกมาอย่างนุ่มนวลแต่ไหลลื่น
“เฮ้” พีต้าประท้วงเสียงน้อยในลำคอ พลางมองสีหน้าที่ประดับรอยยิ้มน้อยๆ
อย่างอบอุ่นที่เป็นอยู่ประจำของฟินนิคแต่ทว่าวันนี้มันกลับดูเจ้าเล่ห์มากกว่าเดิม ร่างสูงก้มลงมาแล้วกระซิบบอกว่ามันจะไม่เป็นไร
ทุกอย่างจะเรียบร้อย
ก่อนจะลดริมฝีปากลงจูบซอกคอและกกหูของร่างเล็กอีกครั้งเพื่อให้พีต้าผ่อนคลาย
ในระหว่างนั้นฟินนิคก็ไม่ลืมที่จะกระซิบปลอบโยนไปด้วย
ต่ำลงไปข้างล่างพีต้าเริ่มรู้สึก
ถึงแม้จะไม่รู้ตัวก็ตาม
ฝ่ามืออุ่นรับหน้าที่อาสากอบกุมมันไว้แล้วให้ที่พักพิง ในคราแรกพีต้ารั้งมือห้ามเค้าไว้
แต่ฟินนิคก็พูดเสียงแหบพร่าไปว่าให้เค้าจัดการเอง เด็กหนุ่มจึงยอมฟังอย่างว่าง่าย ไม่เป็นการฉลาดนักหากยังงี่เง่าถอยหนี
พีต้าไม่ปฏิเสธออกไปว่าตัวเองก็ต้องการฟินนิคเหมือนกัน
จึงโอบแขนรอบลำคอของฟินนิคเมื่อถูกอีกฝ่ายขยับเข้าหา
เสียงจูบและดูดดึงริมฝีปากดังขึ้นเป็นจังหวะประปรายราวกับว่าถ้าขาดหายไปแล้ว
ทั้งสองจะหายใจไม่ออก
ตอนนี้เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ตัวเปลือยเปล่าแล้วและกำลังบิดกายอยู่ใต้ร่างของร่างสูงด้วยความรู้สึกที่แทบจะขาดใจ
“อะ อาา ฟินนิค”
เสียงพีต้าสั่นเครือทั้งประโยค
เมื่อฝ่ามือของร่างสูงไม่ได้เคลื่อนไปไหน
ยังคงมีธุระอยู่กับตรงกลางตัวของเด็กหนุ่ม
มันบีบนวดและคลึงมือยุบยับไปหมดจนพีต้าต้องหอบหายใจหนักและสะกดกลั้นเสียงหลงในลำคอคอเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
ฟินนิครู้สึกถึงลำตัวที่เกร็งไปหมดทุกส่วนของเด็กหนุ่มใต้อ้อมกอดก่อนจะจูบไปที่ขมับชื่นเหงื่อแล้วกระซิบคำพูดบางอย่างด้วยความนุ่มนวล
พีต้าโอบมือขึ้นกอดฟินนิคที่พาดเงาทาบทับเจ้าตัวให้อยู่ภายใต้ความมืดและความร้อนรน
เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าแกนกายที่ถูกมือขยับขึ้นลงไปมานั้นได้แข็งตัวขึ้นมาพร้อมกับสะโพกไร้ตำหนิที่ยกลอยขึ้นสูงเกือบไปเบียดกับเปากางเกงของอีกคนหนึ่งอยู่แล้วรอมร่อ
เพราะความพลุ่งพล่านและสัญชาติญาณที่กำลังทำความรู้จักกับพีต้า
เด็กหนุ่มกระชับแขนที่กอดกับคนร่างสูงไว้แน่น
แผ่นหลังขาวเนียนนั้นยกลอยขึ้นจากพื้นเตียงยับย่น ทั้งสองจูบกันอีกครั้ง แลกลิ้น
ดูดดื่ม
ลมหายใจปะทะกันและโอบกอดกันจนเหมือนจะใครสักคนจากไป
เสียงจูบ
เสียงลมหายใจ และเสียงเสียดสีของผิวกายที่ขึ้นอุณหภูมิร้อน
ไม่สามารถสู้กับเสียงพูดเป็นประโยคในเวลาถัดมาได้เลย
“พีต้า”
เสียงนั้นดังขึ้นอย่างไม่เต็มเสียงนัก “นายนอนหรือยัง?”
มันดังขึ้นหลังเสียงเคาะประตู
.
.
.
TBC.
-------------------------------------------------------------------------------------
อา อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! >{}< นัง....อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไรท์จะสปอยล์แล้วค่ะ
อิตัวขัดจังหวะมีอยู่คนเดียว
ต่อ....อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!! กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ //ดิ้น// ไรท์ไม่ยอมค่ะ ไรท์ไม่ย๊อมมมมมมม แคทนิสสสส ไปตายซ๊าาา >[]< กี่เดือน...กี่เดือน?! ที่ฟินนิคนับว่าที่จะได้เจอพีต้า กี่สิบวันกันที่เค้าวางแผนจะสารภาพรักแล้วล็อคประตูหนีเธอด้วยเหตุผลที่แสนจะฟังขึ้นนี้???!!!! นี่เธอจะให้ฉันขึ้นจริงๆ
ใช่ไหมยะ?
โอ๊ยยยยยยยยย เบื่อจังค่ะรีดขาาา ช่วยกันกดโหวตให้แคทนิสออกไปนะคะ 555555 เฮย์มิชไปไหน
ตาลุง รีบมาลากเธอไปเลย
ง่อววววว โอยยย
จะไงต่อเนี่ยยยย ช่วยกันลุ้นใน Part ต่อไปนะจ๊ะ ^^ 55555 NC ฟินนิคพีต้ามาแล้วค่ะ ในที่สุดๆ 555555 //รีดบอก ฉันรอแกมานานมากกกก//
ฉากที่หมั่นไส้สุดตอนไหนรู้ไหมคะ? อิตอนที่...
"ไปห้องนายสิ"
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย >[]< บ้าๆๆๆๆๆ แล้วยังมีหน้ามาเอาแก้มนาบแก้มน้องของฉันเข้าไปในห้องของเค้าอีก หน้าไม่อายที่สุดเลยยยยยย นี่แหละๆๆ //ทุบอกฟินนิครัวๆ ก่อนโดนสวนด้วยหอกเข้ากลางอก//
ขอบพระคุณทุกท่านที่รับอุปการะฟินนิคและพีต้านะคะ รักเว่อร์ๆ เลยค่ะ ^^ อย่าลืมติดตาม Part กันด้วยนะเออ
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น