วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 9] The Possible – Finnick x Peeta





//คนอะไรเนี่ย หล่อชิเป๋งเลยค่ะ! ><  อร๊ายยยยยย 55555  แซมอย่าทำหน้างั้นซี่ >///<  ฮ่อลลลล อิจฉานุ้งจอร์ชจังงง//

มาแล้วค่ะรีดค่าา  กราบสวัสดีค่ะ ><  //ย่อแบบหญิงไทยเข่าติดพื้น//  ฮ่อลลลลล  หลังจากที่ปลดเปลื้องหัวใจไปกับ Part ที่แล้วที่เค้าทั้งสองได้เจอกันไปแล้ว   มาต่อกันเลยค่ะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ไรท์อยากจะสารภาพว่ามีความเกลียดฟินนิคใน Part นี้ค่ะหลังจากที่ไม่เคยเกลียดเค้าเลย (หมั่นไส้ก็ไม่เคยนะเออ)  แต่ว่า Part นี้ ในใจไรท์คิดแบบว่า.....แหมม  รอดตายแล้วเอ็งหื่นเลยนะ 555555

อุ๊บๆๆๆ  มิควรเอ่ยสิเนี่ยยย  ฮาาา  งั้นรีดๆ ก็ไปดูกันเลยค่ะว่า Part เป็นอย่างไรน้าาา  ฮืมๆๆๆๆ >w< ไรท์รู้สึกดีที่ฟินิคกับพีต้าได้เจอกันสักทีค่ะ  เบื่อแคทนิส  อยากเขี่ยนางแต่ว่ามันจะห้วนไป 5555  งั้นประดับกรอบไปล่ะกันย่ะ  ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง  ฉันงานยุ่ง ฉันปราณีเธอ  ไปอยู่กับตาขี้เมาเฮย์มิชนู่นไป  ชริๆๆๆ



-----------------------------------------------------------------------------------



แคทนิสไม่สบายใจเป็นอย่างมากที่ตะวันตกดินแล้วแต่พีต้ายังไม่กลับบ้าน  เธอกลับมาไม่เจอเค้าและเห็นเฮย์มิชกำลังเดินโงนเงนมาจากทางใต้ของหมู่บ้าน  เธอถามเค้าแต่ชายขี้เมากลับพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียว่าตื่นมาก็ไม่พบเด็กหนุ่มแล้ว  นึกว่าเจ้าตัวกลับมาก่อนเสียอีก

หญิงสาวผมดำขลับที่ถักรวบเป็นเปียอย่างง่ายวิ่งออกมาจากตัวบ้าน  กำลังจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่เดียวที่คิดว่าพีต้าจะต้องอยู่ที่นั่นก่อนจะหยุดชะงักฝีเท้าไปทั้งๆ ที่ยังไม่พ้นเขตบ้านของเธอเสียด้วยซ้ำ  เมื่อเด็กหนุ่มคนดังกล่าวกำลังเดินกลับมาจากขอบฟ้าที่เริ่มมืดมิดพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง

แคทนิสหรี่ตาจ้องเขม็งอย่างนึกสงสัย  ชายคนนั้นตัวสูงใหญ่  ผมตัดสั้น  เดินอยู่เคียงข้างพีต้า  เค้าทั้งสองคนจับมือกัน  เธอเบิกตาโตแล้วสูดหายใจเสียงดังจนเฮย์มิชได้ยิน

“ฟินนิค” แคทนิสเอ่ยคล้ายรำพึงกับตัวเอง “ฟินนิค!” ก่อนจะแน่ใจเมื่ออีกฝ่ายโบกมือให้เธอแล้ว

ห๊ะ อะไร  เธอว่าอะไรนะ?” เฮย์มิชหันควับมาเงี่ยนหูให้ประโยคที่ตะโกนก้องอย่างบ้าคลั่งของหญิงสาว หลังจากนั้น แคทนิส   เอเวอร์ดีน ก็วิ่งไปกอดคนที่เธอแน่ใจว่าเห็นเค้าตายไปแล้ว  ซึ่งแม้แต่เฮย์มิชที่เพิ่งจะสร้างเมาก็ยังรู้สึกตกตะลึงเมื่อไม่มีคำไหนเลยที่จะโต้เถียงได้ว่าคนที่ปรากฏตรงหน้านั้นไม่ใช่ชายหนุ่มจากเขต 4 ที่เค้าเคยรู้จัก

“พระเจ้าช่วย” เค้าพึมพำกับภาพที่เห็น “พระเจ้าช่วย เป็นไปไม่ได้...” ก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงดัง

“โอ้ เฮ้! ดูสิ ใครฟื้นขึ้นมาจากความตาย” ชายขี้เมาพูดอย่างเหลือเชื่อ อ้าแขนต้อนรับฟินนิคกลับคืนสู่ดินแดนของคนเป็น แล้วเดินเข้าไปสมทบกับคนอื่นๆ

ที่ตรงนั้นแคทนิสน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกปาฏิหาริย์เมื่อเห็นเพื่อนผิวสีแทนที่บัดนี้ดูขาวขึ้นกว่าปรกติ “โอ้ พระเจ้าช่วย” เธอผละออกมาแล้วร้องไห้อีก  ไม่ได้ฟูมฟายแต่ความรู้สึกผิดที่รัดคอเธอมาตลอดทุกครั้งที่ล้มตัวลงนอนถูกฉีกกระชากออกให้ขาดกระจายในตอนนั้นเอง

ทุกวินาทีเธอโทษความขี้ขลาดของตัวเองที่ตัดใจอย่างง่ายดายมาตลอด  เธอเป็นเหตุทำให้เค้าต้องตายถึงแม้ว่าจะจริงหรือไม่แต่แคทนิสก็มีส่วนในการรับผิดชอบ  ดังนั้นเมื่อเธอเห็นฟินนิคที่เดินมากับพีต้าจึงนึกถามตัวเองว่าฝันไปหรือเปล่าแต่เมื่อได้โถมกอดร่างที่สูงกว่า และรู้สึกถึงกล้ามแขนที่กอดตอบ  แคทนิสจึงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปแน่ๆ  ฟินนิคยังไม่ตาย

ร่างสูงกอดเฮย์มิชบ้างเมื่อชายที่อายุมากที่สุดรัดเค้าจนแทบหายใจไม่ออกในตอนที่แคทนิสถาม

“แต่มันเป็นไปได้ยังไงฉันเห็นนาย...”

ตาย” ร่างสูงเติมให้  รู้สึกประหลาดใจว่าทำไมใครๆ ก็เอาแต่พูดคำนี้กับเค้ากันนัก  ฟินนิคแทบไม่ได้คิดเรื่องที่แคทนิสระเบิดเค้าในตอนที่บอกสั้นๆ ว่ามีคนช่วยเค้าไว้ได้ทันก่อนเค้าจะตายได้จริงๆ

“แหม! นายนี่มันตายยากจริงๆ เลยพับผ่าสิ!” เฮย์มิชว่าเสียงดังอย่างได้ใจก่อนจะตบหลังชายหนุ่มไปเสียป้าบใหญ่จนฟินนิคตัวเอียง  ร่างสูงหัวเราะก่อนจะตบกลับไป

“คงไม่มากไปกว่าคุณหรอกเฮย์มิช” ชายขี้เมาเกือบล้มแต่มีพีต้าอยู่จึงไม่ได้เสียหลักไปมากกว่านั้น  ก่อนเค้าจะสังเกตเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มแล้วเอ่ยเสียงไม่ปิดบัง

“โอ้ว เฮ้  ฉันว่ามีใครบางคนนอกจากแคทนิสที่ร้องไห้ด้วยนะเนี่ย”

พีต้ากำลังจะแก้ไปว่า เปล่าเลยเค้าไม่ได้ร้อง แต่ก็โดนขัดไปก่อนจนได้

“อ๋อ ใช่  แน่นอนสิ เค้าร้อง” ฟินนิคพูดก่อนจะโดนต่อย และทุกคนก็ได้เห็นว่าพีต้ากำลังเขินอายอยู่  เฮย์มิชทำหน้าแปลกไปเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจในตอนที่แคทนิสจับแขนเค้าแล้วบอกว่าต้องการคนช่วยเตรียมอาหารเย็น

“ฉันว่าบางทีเราอาจต้องใช้เวลาหน่อย  และมั่นใจว่านายกับพีต้าคงมีเรื่องอยากคุยกัน” เธอมองออกถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง  และตัดสินใจทำเรื่องที่ถูกถึงแม้เฮย์มิชที่ทำหน้าไม่เข้าใจจะท้วงอยู่บ้างก็ตาม

“อ้าวแต่ว่าฉันก็อยากคุยเหมือนกันนะ  เธอไม่คิดว่าฉันจะไม่อยากคุยกับเค้าหน่อยเหรอ  ทำไมต้อง...”

“เย็นนี้บนโต๊ะอาหารจะมีเราสี่คนเฮย์มิช  ฉันว่าคุณคงไม่อยากกินมื้อค่ำช้าหรอกใช่ไหม?” แคทนิสฝืนความต้องการอยากกลอกตา

“หา? ดินเนอร์สายเหรอ?  ช่าย ก็ใช่อยู่  ฉันชอบเป็นโรคกระเพราะตอนกลางคืนซะด้วยสิ...โว้ว  เฮ้” ยังพูดไม่ทันจบแคทนิสที่กลอกตาเสร็จไปแล้วก็ลากเค้าเข้าไปในบ้านนำหน้าชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน

“พวกเค้าเป็นอย่างนี้กันบ่อยๆ หรือเปล่า?” ฟินนิคงัดนิ้วโป้งไปทางที่ทั้งสองเพิ่งหายไป  พีต้ายักไหล่

“ไม่หรอก เฮย์มิชไม่ค่อยทำตัวบื้อส่วนแคทนิสก็ไม่เคยจู้จี้กับเค้าขนาดนี้น่ะ  แต่ฉันคิดว่าพวกเค้าอยากทำเพื่อนายนะ” แต่ฟินนิคไม่เข้าใจนัก

“ทำไมพวกเค้าต้องทำเพื่อฉันล่ะ?”

“ก็นายกลับมา” แล้วเด็กหนุ่มก็พบว่าตัวเองก็คงไม่ต่างไปจากสองคนนั้นเท่าไรนัก บางทีเค้าควรทำอะไรเพื่อฟินนิคบ้าง “ฉันว่าฉันน่าจะไป..”

“ไม่ต้องหรอก” แต่แล้วกลับถูกคว้ามือเอาไว้เสียก่อน  ฟินนิคเอ่ยเสียงไม่ดังนัก ใบหน้าของเค้าเหมือนกำลังวาดรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “นายแค่อยู่กับฉันก็พอ” ร่างสูงจับมือพีต้าไว้แน่น  เค้าสอดนิ้วเข้าไป  กระชับมันแล้วไม่ปล่อยอีกเลย จนทั้งสองเดินเข้าบ้านเพื่อหลบความหนาวเย็นของตอนกลางคืนไป

ที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดเตรียมเร็วเป็นพิเศษจนฟินนิคกับพีต้าไม่มีเวลาได้คุยอะไรกันมากนัก เฮย์มิชพูดมากเป็นพิเศษ  ชายอายุมากที่สุดบนโต๊ะหยอกเย้าถึงเครื่องรางหรือของขลังแห่งความโชคดีของชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง  ทุกคนหัวเราะก่อนฟินนิคจะบอกปฏิเสธไปน้อยๆ ทุกครั้งว่าไม่มีอะไร เค้าเพียงแค่ดวงดีเท่านั้น

แคทนิสพูดไม่มากตามเคย  เธอเอาแต่ประหยัดคำและจ้องฟินนิคที่นั่งเคียงคู่อยู่กับพีต้า  บอกตัวเองว่าที่เพื่อนจากเขต 4 กลับมานั้นเป็นความจริงและเธอควรเลิกรู้สึกผิดเสียทีในเมื่อฟินนิคกลับมาแล้ว เธอก็ไม่ควรคิดถึงเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านมาอีก

บนโต๊ะอาหารยังคงอบอวลเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อของฟินนิคผู้ทำเพียงแค่ยิ้มรับและเล่าเรื่องราวของคนที่ช่วยเค้าไว้เท่านั้น  ทุกคนจึงได้รู้เหตุผลว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้ดูแข็งแกร่งขึ้นทั้งๆ ที่ถูกสร้างเนื้อเยื่อใหม่  แต่เค้าไม่ได้บอกว่าแรงผลักดันที่ทำให้ออกเดินทางมาที่นี่ก่อนบ้านเกิดนั้นเป็นเพราะใคร

“อกนายแข็งเหมือนกำแพงเหล็กเลยเพื่อน” เฮย์มิชเอ่ยอย่างสนใจ เอากำปั้นจิ้มอกเค้าหลังจากทานมื้อค่ำเสร็จแล้ว และกำลังขอตัวกลับไปนอนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“แค่คุณทำแบบผมทุกวันก็เหมือนกันแล้วเฮย์มิช” ชายหนุ่มที่กอดอกพิงกับกรอบประตูว่า  พีต้าและแคทนิสกำลังช่วยกันล้างจานอยู่ในห้องครัวสลัวๆ นั่น

“โอ้ วันละห้าชั่วโมงน่ะเหรอ...เฮอะ! แค่ครึ่งชั่วโมงฉันก็เหลือทนแล้ว” เค้าหัวเราะก่อนจะพาฟินนิคหัวเราะไปด้วย  ชายขี้เมาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหนที่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มผมสีแทนอีกครั้ง  เฮย์มิชรู้สึกอบอุ่นใจที่หนึ่งในครอบครัวอันเล็กจ้อยของเค้ายังอยู่ดีอีกคนหนึ่ง...เค้ารู้ว่าฟินนิคเชื่อใจได้เสมอ เหมือนอย่างที่แคทนิสและเจ้าหนูพีต้าเองก็เป็น

เฮย์มิชเข้าบ้านที่เห็นอยู่ในสายตาอย่างชัดเจนไปแล้ว  ถึงแม้ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาอันแสนปิติที่ควรจะเฉลิมฉลองแต่ฟินนิคเห็นด้วยว่าทุกคนควรพักผ่อน  วันนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้นกันมากพอแล้ว  แคทนิสจึงขอตัวไปอย่างเก่ๆ กังๆ ก่อนพีต้าจะบอกว่า

“ฉันจะไปเตรียมห้องให้นายนะ เอ่อ...โทษทีอันที่จริงฉันควรทำเร็วกว่านี้” เด็กหนุ่มกลอกตา เสไปมองทางอื่นแล้วส่ายมือไปมาราวกับไม่รู้ว่าจะวางมันไว้ตรงไหนดี  แต่ฟินนิคกลับเดินเข้ามาใกล้แล้วถามเสียงสงสัยว่า

“ทำไมล่ะ?”

พีต้ากระพริบตาสั่น  นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมกลับมาจากความตายคราวนี้คนตรงหน้าถึงได้ทำตัวมากคำถามนัก  แต่ที่ไม่เข้าใจอย่างมากมายก็คือทำไมเค้าจะต้องใจสั่นตลอดเวลาที่อยู่กับฟินนิคด้วย  ซึ่งมันเป็นมากกว่าแต่ก่อนนี้ลิบลับเลย

“ก็...ก็นายจะต้องนอนไม่ใช่เหรอ งั้นฉันก็ต้องไป...”

“ไปห้องนายสิ” ร่างสูงพูดรวดเร็วราวกับว่าเค้ารอพูดคำนี้มาตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อนแล้ว

พีต้าหน้าแดง  มันคงส่งเสียงฉ่าให้ได้ยินไปแล้วถ้าทำได้  และนอกจากนั้นยังทำให้เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออกอีกด้วย

ร่างสูงก้มลงใช้ริมฝีปากประชิดลำคอและใบหูของหนุ่มน้อย “ห้องนายไปทางไหนล่ะ?” เค้าไม่มีความจำเป็นต้องพูดเสียงดังเลยแม้แต่น้อย  ฟินนิคหลับตาแล้วสูดหายใจเอาความอุ่นใจที่มีอยู่ในตอนนี้เข้าไป  เค้าได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากผมของพีต้า  กลิ่นสบู่ที่เค้าเองก็ใช้แต่ชอบให้มันอยู่บนเนื้อตัวของอีกคนหนึ่งมากกว่า

เด็กหนุ่มหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง  หนีลมหายใจอุ่นร้อนของร่างสูงที่รดเฉียดใบหูอยู่อย่างแข็งทื่อแล้วชี้นิ้วระริกอย่างว่าง่ายแทนที่จะพูดด้วยความยากลำบาก  พีต้าตัวเอนเอียง เดินก้าวถอยหลังไปตามแรงอกที่เบียดเหมือนจะผลักดันเพื่อนำทิศทางของฟินนิค  ร่างสูงใช้แก้มของตัวเองสัมผัสกับแก้มอุ่นๆ ที่อยู่ต่ำลงมาของพีต้า

เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ได้  ถึงแม้จะอยากต่อต้านเพราะความเขินอายของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้ เป็นเพราะอะไรเจ้าตัวก็ไม่ทราบได้  พีต้าเพียงคิดแค่ว่าที่ได้อยู่ใกล้ฟินนิคก็ดีแล้ว  ไม่อยากให้อีกคนหนึ่งหายไปอีก  จึงไม่แม้แต่อยากที่จะทำให้ร่างสูงนึกขัดใจ  เด็กหนุ่มเพียงแค่ก้าวถอยอย่างไม่แน่ใจและกางมือออกไปแตะคลำทางอย่างเสปะสะปะเพียงเท่านั้น  เสื้อยืดแขนยาวและกางเกงนอนขายาวนั้นก็ทำให้พีต้าดูเหมือนเด็กที่ใกล้จะสะดุดล้มเพราะขากางเกงของตัวเองอยู่แล้วรอมร่อ 

หนุ่มเบเกอร์รี่ถูกดันให้เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง โดยที่มีเพียงแสงไฟจากในห้องอันน้อยนิดเท่านั้นที่ส่องเงาของทั้งสองให้กระทบสาดออกมาบนทางเดินหน้าห้องก่อนร่างสูงจะปิดประตูลง

ฟินนิคเริ่มกอดพีต้า  แนบจมูกเข้าไปในซอกคอเนียนนุ่มแล้วสูดดม  เค้าสูดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ที่เจือปนด้วยดอกไม้เข้าไปจนเต็มปอด  กระชับแขนแน่นจนใต้แขนของเด็กหนุ่มลอยสูงขึ้นมา  ร่างสูงเลื่อนจมูก  ลากไล่เรื่อยไปอีกอย่างเก็บรายละเอียด...เค้าคิดถึง  ไม่รู้จะบอกอย่างไรดีว่าโหยหาแค่ไหน  ในตอนแรกขอเพียงแค่ได้เห็นหน้าชัดๆ เท่านั้นที่เค้าต้องการ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าพีต้าจริงๆ แล้วฟินนิคก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเค้าถึงห้ามตัวเองไม่ให้เข้าไปกอดจูบเด็กหนุ่มไม่ได้

ทุกอย่างคงเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วล่ะมั้ง

และจุดเริ่มต้นใหม่ก็กำลังเกิดขึ้น...

เสียงลมหายใจของพีต้าดังกระเซ้าขึ้นอย่างประหม่าในตอนแรก  ก่อนจะเป็นเสียงหายใจของฟินนิคเองที่ดังขึ้นอย่างเร้าร้อน  เด็กหนุ่มตัวสั่น เพื่อนร่างสูงที่อายุมากกว่าไม่เคยกอดเค้าแบบนี้มาก่อน  ถึงแม้ในตอนนี้ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปแล้วแต่พีต้าก็อดหวาดวิตกไม่ได้เลย

“ฟินนิค” ร่างสูงทำเหมือนจะฆ่าเค้าด้วยการดม “คะ คือว่า...อ๊ะ!

ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยเสียงไม่มั่นใจนั้นออกไป  ร่างของเจ้าตัวก็ถูกผลักลงให้ลงไปนอนราบบนเตียงหลังเก่าของตัวเองเสียแล้ว  พีต้าเบิกดวงตา  ศอกค้ำยันกับผืนผ้าห่มแล้วจ้องดวงตาระยิบระยับของฟินนิคตอบด้วยแววตาไหวระริกอันไม่แน่ใจของตัวเอง

ร่างด้านล่างมองเห็นคนด้านบนยิ้มก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบอย่างเบาบางและอ่อนโยนดั่งเช่นครั้งแรก  กระทั่งเพิ่มเติมเป็นความหนักหน่วงอันเร่าร้อนอย่างรวดเร็วในที่สุด  ฟินนิคไล่ฝ่ามือไปตามชายเสื้อ  สอดเสียดเข้าไปจนพีต้ารู้สึกถึงความอุ่นที่ลูบไล้ขึ้นมาราวกับรากไม้ที่กำลังเติบโต  เด็กหนุ่มจับบ่าของร่างสูงไว้ก่อนจะบีบแน่นอย่างร้องขอ จนทำให้ร่างสูงผละริมฝีปากออกมาจนได้ในที่สุด

แคทนิส  เธออยู่ที่นี่ด้วย” เด็กหนุ่มที่หอบหายใจอย่างติดขัดบอกเตือน  ผนังกั้นห้องและบานประตูไม่ได้หนานักดังนั้นหญิงสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามจะต้องได้ยินเป็นแน่อย่างไม่ต้องสงสัย  พีต้าจึงจำเป็นจะต้องบอกว่าพวกเค้าไม่ควรทำเรื่องแบบนี้ที่นี่

“ฉันว่าเราไม่...อื้อ” และยังไม่ทันไร ฟินนิคก็บอกร่างเล็กว่าเค้าไม่สนใจแคทนิสด้วยการจูบกลืนคำพูดห้ามปรามเหล่านั้นให้หายลงคอไป  มันดูดดื่มตั้งแต่ร่างสูงประกบปากแนบชิดลงไปในคราแรก

พีต้าพยายามผลักดัน แต่ทว่ามันกลับดูเหมือนสมยอมด้วยการโอบกอดอีกคนหนึ่งเสียมากกว่า  ชายหนุ่มยอมผละริมฝีปากแล้วแต่ก็ยังคลอเคลียอยู่กับลำคอขาวๆ นั้น

“ฉันไม่สนแคทนิสหรอก  ปล่อยเธอไป” เค้าพูด และเริ่มพรมจูบต่อไปอย่างหนักหน่วงแต่ละเมียดละไม  หลังจากนั้นจึงตรึงข้อมือทั้งสองข้างที่พยายามแตะห้ามเค้าเสียยกใหญ่ให้จมอยู่ในพื้นเตียงหนานุ่ม และขยับวางไว้บนเหนือหัวของพีต้าแล้วซุกจมูกไปตามซอกคอขาวกับใต้คอเสื้อที่ถูกซุกไซร้จนแหวกออกกว้าง

พีต้าได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังอยู่ใกล้ประชิดจนพาลทำให้ใบหน้าร้อนฉ่าไปด้วย  เด็กหนุ่มยอมรับว่าเกิดอาการวิตกเพราะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน  แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าการได้ใกล้ชิด เบียดกายจนแนบชิดกับฟินนิคทำให้รู้สึกร้อนผ่าวและเกิดอาการบิดเร้าอย่างแปลกประหลาด

“ฟินนิค...อื้อ  ฮ้าา อึก อยะ อย่าเพิ่ง...เดี๋ยวก่อนสิ” พีต้าไม่ได้ขยับข้อมือแรงเท่าที่ควร เนื่องจากร่างสูงด้านบนไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเค้าแต่ทว่าการที่นอนทอดกายอยู่แบบนี้มันก็น่าอายไม่ใช่เล่นเลย  เจ้าตัวไม่เคยคิดถึงเรื่องทำนองนี้มาก่อน  ด้วยความต้องการอันเดียงสาและบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มนั้นหวังเพียงแค่ให้ได้อยู่ในอ้อมกอดที่กระชับแน่นของอีกคนหนึ่งเพียงเท่านั้น

พีต้าเพียงแค่อยากให้ฟินนิคให้ความอบอุ่น จนหลับไปด้วยกันตลอดทั้งคืน  เจ้าตัวจะได้ไม่ต้องฝันร้ายอีกและไม่รู้สึกเดียวดายอย่างเช่นที่เป็นอยู่

แต่ทว่าในเวลานี้ ภาพที่ร่างเล็กได้วาดฝันเอาไว้กำลังถูกบิดเบือนไปโดยสิ้นเชิง  ด้วยความคิดถึงที่บีบตัวกันเป็นความต้องการของร่างสูง  เพราะในเมื่อความรู้สึกของทั้งคู่ชัดเจนแล้วฟินนิคก็ไม่รอช้าเลยที่จะทำความสัมพันธ์ของพวกเค้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น   ไม่สิ ไม่ใช่หรอก เรื่องนั่นน่ะมันเป็นแค่ข้ออ้างเพียงเท่านั้น  ชายหนุ่มตั้งคำถามมานานแล้วว่าถ้าหากได้ไล่มือไปใต้ชายเสื้อแสนสะอาดของพีต้าและได้ลากสันจมูกกับริมฝีปากไปบนผิวที่ดูเนียนนุ่มนั้นจะให้ความรู้สึกยังไงกัน  และตอนนี้เค้าก็กำลังค้นหาคำตอบนั้นอยู่

“ฟินนิค...” เสียงเด็กหนุ่มด้านล่างที่ถูกตรึงข้อมือเบาหวิว และเว้าวอนขอความเห็นใจอีกครั้ง 

“ว่าไง?” หลังจากนั้นร่างสูงก็รู้สึกเลยว่าพีต้าของเค้าตัวสั่น จึงคลายมือของตัวเองออก  เด็กหนุ่มจับอกเสื้อเหมือนกอดตัวเอง แล้วมีสีหน้าใคร่ครวญปนไม่แน่ใจนัก

คนส่งเสียงเรียก  เอื้อมมือขึ้นมาหาเค้า “พอแค่นี้ก่อนเถอะ” แล้วใช้นิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากของฟินนิคด้วยดวงตาฉ่ำน้ำอันไร้หนทาง “นะ” พีต้าขอร้อง  หลงกลัวทั้งแคทนิสและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งเจ้าตัวไม่รู้อะไรเลย

ใช่  พีต้าไม่รู้อะไรจริงๆ นอกจากการเผยอปากจูบกับคนอื่น...

ฟินนิครวบมือพีต้าไว้ข้างแก้มตนเองแล้วจูบอย่างอ่อนโยน “นายไม่รู้อะไรเลยเหรอ” ร่างสูงวางมือนั้นลงบนเตียง “ว่ามันได้เริ่มขึ้นไปแล้ว”

“หือ?”

“ต่อจากนี้ฉันต้องถอดเสื้อของนายออก  รู้ไหม?”

พีต้าทำหน้าพรั่นพรึงเหมือนเข้าใจแล้ว

“และกลัวว่ามันคงจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น...”

“เอ่อ ฉันคิดว่าเราน่าจะเกรง...อึ อ๊ะ อ่าา ฟินนิคอย่า...” พีต้าจับมือคู่ร้อนที่ลูบขึ้นจากท้องน้อยของเค้า “อ่า...อย่าเพิ่ง  อืออ  ฮึก” หน้าท้องขาวที่ปรากฏอยู่ใต้เสื้อกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัวกับความวาบหวามจากฝ่ามือร้อนที่ให้ความรู้สึกดีของอีกคนหนึ่ง

ฟินนิคนั่งคร่อมอยู่บนตัวของเด็กหนุ่มที่เค้ารัก  ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวลงเพราะกลัวพีต้าเจ็บ  ก่อนจะตั้งใจสัมผัสต่อไป  ไล่มือไปบนซี่โครงที่ให้สัมผัสที่แข็งแรงของกระดูกและยอดอกที่จู่ๆ ก็พลันแข็งตัวขึ้นมาสู้กับมือของเค้าเสียอย่างนั้น  ขาของพีต้าไม่อยู่เฉย มันขยับไปมาบนผ้าห่มราวกับว่ากำลังกระสับกระส่ายเพราะกำลังฝันร้ายอยู่  เด็กหนุ่มหายใจติดขัด  ไม่ได้ปัดมือของฟินนิคออกเพียงแต่ทาบมันลงไปบนข้อมือให้อีกคนหนึ่งหยุดทำแบบนี้เสียที

“อะ อ่าา  ฟินนิค...” เด็กหนุ่มบิดตัว  ถ้าหากทำมากกว่านี้เค้าอาจจะเก็บเสียงของตัวเองไว้ไม่อยู่และแคทนิสจะต้องรู้แน่ว่าพวกเค้าทำอะไรกันอยู่  ใครจะไปรู้ เธออาจจะพังประตูเข้ามาแล้วบอกว่าให้พวกเค้าหยุดทำเดี๋ยวนี้ก็ได้

แต่ร่างสูงไม่ได้ห่วงหรือแม้แต่สนใจความสอดรู้ของแคทนิสเลย  เค้าก้มตัวลงไปจูบกับพีต้าอย่างอ่อนโยนและทำซ้ำอย่างนั้นอยู่หลายทีก่อนจะพรมจูบลงมาเรื่อยๆ ยังต้นคอขาวกระทั่งมาถึงยอดอกสีหวานที่แข็งขืนอยู่ในแสงไฟสลัว  ฟินนิคถอดเสื้อยืดตัวบางที่ไร้ความหมายของพีต้าออกอย่างง่ายดายถึงแม้เจ้าของจะไม่ใคร่ให้ความร่วมมือนักก็ตาม  ก่อนเค้าจะฝังยอดอกน่ารักนั้นเข้ามาในโพรงปากของตัวเอง แล้วเสียงร้องอันสั่นกระเซ้าก็ดังขึ้นพร้อมกับหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นสูงเหมือนระรอกคลื่นของพีต้า

อะ อ้า!....อ่าา อึก  อา ฮาา  ฮึก ฟะ ฟินนิค...อ้าา..า” เค้ารู้เลย พีต้าไม่เคยนอนกับสาวคนไหน  จากฝ่ามือที่ซุกเข้ามาใต้เรือนผมของเค้า   พีต้าขยำมัน และคลึงไปมาอย่างอ่อนไหว  ร่างสูงจึงส่งมือของตัวเองลูบไล้ไปทั่วตัวของเด็กหนุ่มบ้าง  เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฝ่ามือน้อยๆ นั้นที่ทำกับผมของเค้า

เสียงฝ่ามือเสียดสีลากผ่านผิวกายยังคงดังแผ่วขึ้นต่อสู้กับเสียงที่บ่งบอกว่าอ่อนประสบการณ์ของพีต้า  เด็กหนุ่มพยายามแล้วแต่ว่าเรี่ยวแรงกลับถูกสูบหายไปอย่างรวดเร็วด้วยปล่อยลิ้นแล้วฝ่ามือที่พาให้อ่อนระทวยของฟินนิค  เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้เลยกับร่างสูงที่ไล่เลียยอดอกอย่างเอาใจ  และทำให้รู้สึกราวกับว่าจะอยู่ด้วยกันบนเตียงนี้ไปอีกนาน

“ฮะ อ๊ะ...อาา ฟินนิคอย่า พอ...พอแล้ว” พีต้าว่าเสียงกระเซ้า  ซุกมือเข้าไปในเรือนผมสีเดียวกันนั้นอีก  ก่อนร่างสูงจะยอมทำตามแต่โดยดีหลังดึงดันไม่ยอมมาตั้งแต่แรก  ฟินนิคลวงมือเข้าไปใต้กางเกงนอนของพีต้าแล้วลูบสะโพกที่สะดุ้งหนี

“ไม่ต้องกลัวพีต้า  อยู่นิ่งๆ สิ” ชายหนุ่มด้านบนกระซิบบอก  แต่เด็กหนุ่มที่ขยุ้มอกเสื้อตัวเองกลับทำหน้าไม่เข้าใจแล้วงอเข่าเหมือนรู้สึกตัวคนเดียว  ก่อนฟินนิคจะรูดมือลงแล้วดึงกางเกงของเด็กหนุ่มออกมาอย่างนุ่มนวลแต่ไหลลื่น

“เฮ้” พีต้าประท้วงเสียงน้อยในลำคอ  พลางมองสีหน้าที่ประดับรอยยิ้มน้อยๆ อย่างอบอุ่นที่เป็นอยู่ประจำของฟินนิคแต่ทว่าวันนี้มันกลับดูเจ้าเล่ห์มากกว่าเดิม  ร่างสูงก้มลงมาแล้วกระซิบบอกว่ามันจะไม่เป็นไร ทุกอย่างจะเรียบร้อย  ก่อนจะลดริมฝีปากลงจูบซอกคอและกกหูของร่างเล็กอีกครั้งเพื่อให้พีต้าผ่อนคลาย  ในระหว่างนั้นฟินนิคก็ไม่ลืมที่จะกระซิบปลอบโยนไปด้วย

ต่ำลงไปข้างล่างพีต้าเริ่มรู้สึก ถึงแม้จะไม่รู้ตัวก็ตาม  ฝ่ามืออุ่นรับหน้าที่อาสากอบกุมมันไว้แล้วให้ที่พักพิง  ในคราแรกพีต้ารั้งมือห้ามเค้าไว้ แต่ฟินนิคก็พูดเสียงแหบพร่าไปว่าให้เค้าจัดการเอง  เด็กหนุ่มจึงยอมฟังอย่างว่าง่าย  ไม่เป็นการฉลาดนักหากยังงี่เง่าถอยหนี  พีต้าไม่ปฏิเสธออกไปว่าตัวเองก็ต้องการฟินนิคเหมือนกัน  จึงโอบแขนรอบลำคอของฟินนิคเมื่อถูกอีกฝ่ายขยับเข้าหา

เสียงจูบและดูดดึงริมฝีปากดังขึ้นเป็นจังหวะประปรายราวกับว่าถ้าขาดหายไปแล้ว ทั้งสองจะหายใจไม่ออก  ตอนนี้เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ตัวเปลือยเปล่าแล้วและกำลังบิดกายอยู่ใต้ร่างของร่างสูงด้วยความรู้สึกที่แทบจะขาดใจ

“อะ อาา ฟินนิค” เสียงพีต้าสั่นเครือทั้งประโยค  เมื่อฝ่ามือของร่างสูงไม่ได้เคลื่อนไปไหน ยังคงมีธุระอยู่กับตรงกลางตัวของเด็กหนุ่ม  มันบีบนวดและคลึงมือยุบยับไปหมดจนพีต้าต้องหอบหายใจหนักและสะกดกลั้นเสียงหลงในลำคอคอเอาไว้อย่างสุดความสามารถ  ฟินนิครู้สึกถึงลำตัวที่เกร็งไปหมดทุกส่วนของเด็กหนุ่มใต้อ้อมกอดก่อนจะจูบไปที่ขมับชื่นเหงื่อแล้วกระซิบคำพูดบางอย่างด้วยความนุ่มนวล

พีต้าโอบมือขึ้นกอดฟินนิคที่พาดเงาทาบทับเจ้าตัวให้อยู่ภายใต้ความมืดและความร้อนรน  เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าแกนกายที่ถูกมือขยับขึ้นลงไปมานั้นได้แข็งตัวขึ้นมาพร้อมกับสะโพกไร้ตำหนิที่ยกลอยขึ้นสูงเกือบไปเบียดกับเปากางเกงของอีกคนหนึ่งอยู่แล้วรอมร่อ เพราะความพลุ่งพล่านและสัญชาติญาณที่กำลังทำความรู้จักกับพีต้า  เด็กหนุ่มกระชับแขนที่กอดกับคนร่างสูงไว้แน่น  แผ่นหลังขาวเนียนนั้นยกลอยขึ้นจากพื้นเตียงยับย่น  ทั้งสองจูบกันอีกครั้ง  แลกลิ้น  ดูดดื่ม  ลมหายใจปะทะกันและโอบกอดกันจนเหมือนจะใครสักคนจากไป

เสียงจูบ  เสียงลมหายใจ  และเสียงเสียดสีของผิวกายที่ขึ้นอุณหภูมิร้อน  ไม่สามารถสู้กับเสียงพูดเป็นประโยคในเวลาถัดมาได้เลย

พีต้า” เสียงนั้นดังขึ้นอย่างไม่เต็มเสียงนัก “นายนอนหรือยัง?” มันดังขึ้นหลังเสียงเคาะประตู



.



.



.



TBC.



-------------------------------------------------------------------------------------



อา อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! >{}<  นัง....อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  ไรท์จะสปอยล์แล้วค่ะ  อิตัวขัดจังหวะมีอยู่คนเดียว  ต่อ....อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!! กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ  //ดิ้น// ไรท์ไม่ยอมค่ะ  ไรท์ไม่ย๊อมมมมมมม  แคทนิสสสส ไปตายซ๊าาา >[]< กี่เดือน...กี่เดือน?! ที่ฟินนิคนับว่าที่จะได้เจอพีต้า  กี่สิบวันกันที่เค้าวางแผนจะสารภาพรักแล้วล็อคประตูหนีเธอด้วยเหตุผลที่แสนจะฟังขึ้นนี้???!!!!  นี่เธอจะให้ฉันขึ้นจริงๆ ใช่ไหมยะ?

โอ๊ยยยยยยยยย  เบื่อจังค่ะรีดขาาา  ช่วยกันกดโหวตให้แคทนิสออกไปนะคะ 555555  เฮย์มิชไปไหน  ตาลุง รีบมาลากเธอไปเลย   ง่อววววว  โอยยย จะไงต่อเนี่ยยยย  ช่วยกันลุ้นใน Part ต่อไปนะจ๊ะ ^^  55555  NC ฟินนิคพีต้ามาแล้วค่ะ  ในที่สุดๆ 555555  //รีดบอก ฉันรอแกมานานมากกกก//

ฉากที่หมั่นไส้สุดตอนไหนรู้ไหมคะ?  อิตอนที่...

"ไปห้องนายสิ"

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย >[]< บ้าๆๆๆๆๆ แล้วยังมีหน้ามาเอาแก้มนาบแก้มน้องของฉันเข้าไปในห้องของเค้าอีก  หน้าไม่อายที่สุดเลยยยยยย  นี่แหละๆๆ //ทุบอกฟินนิครัวๆ ก่อนโดนสวนด้วยหอกเข้ากลางอก//

ขอบพระคุณทุกท่านที่รับอุปการะฟินนิคและพีต้านะคะ  รักเว่อร์ๆ เลยค่ะ  ^^ อย่าลืมติดตาม Part กันด้วยนะเออ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund





ไม่มีความคิดเห็น: