วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 7] The Possible – Finnick x Peeta




//Part นี้ขอนำเอาภาพนี้ที่ไรท์บูชามาไว้ ณ หัวบทความค่ะ  5555555  อูยยยยยยยย  พีต้าน้อยๆ พีต้าที่ร้ากกก  ดูสิคะ ฟินนิคจะทนให้พีต้าทำหน้าตาน่าสงสารแบบนั้นได้อยู่อีกเหรอคะ?  รีบมาในบันดลเลยนะ >0<// + //รู้สึกภาพแตกนะ 555  ต้นฉบับอิฉันไม่ดีเองเจ้าค่ะ TUT//

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย! //กรีดร้องเพราะพีต้าตื่นจากฝัน//  ใครมันกล้า.....?! เรามาดูกันค่ะว่าหลังจากที่ตื่นจากฝันสะยิ่วแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ฮ่อลลลล  พูดถึงฝันที่ผ่านมาของพีต้าน้อยๆ เมื่อ Part ที่แล้วดูเหมือนฟินนิคจะรุนแรงและเร้าร้อนนิดๆ นะคะ  ฮี่ๆๆๆ  ก็ดูน่าสนุกไปอีก  แฮ่------

โอเคค่ะ! วันนี้เราจะมานั่งดูกันค่ะว่าจะเกิอดอะไรขึ้นบ้าง  ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่าาา  >[]< !!!



------------------------------------------------------------------------------------------------



พีต้า ตื่นได้แล้ว!

คนถูกเรียกสะดุ้งตัวในที่สุดและบนว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว

 “นายโอเครึเปล่า?” แคทนิสถาม หน้าตาเธอดูเป็นห่วงแต่ก็หวาดระแวงก่อนจะสะลัดมันทิ้งไปแล้วพูดว่า “ตื่นได้แล้ว นายกำลังสาย  เฮย์มิชถามฉันว่าอยากให้ช่วยตัดหญ้าไหม?  ถ้านายไปช้าฉันไม่รู้ว่าดอกไม้ที่กำลังออกดอกของนายจะยังอยู่ดีรึเปล่า”

เค้าเมาเหรอ?” พีต้าเงยหน้าขึ้นมาถามเสียงตระหนก 

แคทนิสพยักหน้า “ใช่ เค้าเมา...แต่เช้าเลยด้วย” ใบหน้าเธอดูเหมือนฝืนอาการอยากกลอกตา

เจ้าของทุ่งโล่งกว้างและแปลงดอกไม้แสนสวยกระชากผ้าห่มออกจากหน้าตัก ลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงแล้ววิ่งออกมาจากบ้านไปหาเฮย์มิชที่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

ฝัน...ความฝัน  มันก็เป็นแค่ความฝัน  ใช่ ความฝันเท่านั้น  บ้าเอ้ย! พีต้ากดด่าตัวเอง  ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเค้าฝันบ้าบอแบบนั้นได้  ความคิดถึงฟินนิคทำร้ายเค้าถึงขนาดนี้เลยเชียวหรือ  หรือเป็นเพราะว่าเจ้าตัวคิดถึงอีกฝ่ายมากเกินไปเลยฝันถึงสิ่งที่ไม่ควรอย่างนั้น...

บ้า...บ้าไปกันใหญ่แล้ว

เด็กหนุ่มวิ่งลงบันไดเตี้ยๆ หน้าบ้านไม่กี่ขั้นแล้วหน้าแดงไปด้วยขณะพูดเสียงดัง “เฮย์มิชอย่ายุ่งกับทุ่งของผม!” แล้วถอนหายใจก่อนพูดใหม่ “ผมหมายถึง...ตอนนี้ยังก่อน  หญ้ายังไม่ขึ้นเลย” อันที่จริงมันขึ้นสูงมาถึงหน้าแข็งเค้าแล้ว

แต่เฮย์มิชไม่ได้อยู่ตรงนั้น  แม้แต่ในบ้านของเค้าก็ไม่มี  เด็กหนุ่มจึงเดินไปที่บ้านของชายขี้เมา  เคาะเบาๆ แล้วผลักประตูเข้าไป

ไง  เจ้าหนู” เจ้าของบ้านเหม็นอับเพราะไม่ได้ทำความสะอาดและเจอแสงทักทายขึ้นด้วยขวดเหล้าในมือ  พีต้าผงะใบหน้าเอียงไปข้างหลังเล็กน้อยแต่ก็พอรับได้เพราะมันเป็นเรื่องปรกติของเฮย์มิช และรู้สึกโชคดีแค่ไหนที่ชายขี้เมาหวังดียังนั่งวอร์มเครื่องอยู่ในบ้านบนเก้าอี้นวมด้วยท่าเอียงกระเท่เล่ห์อยู่ไม่ไปไหน

“ฉันฝากแคทนิสไปถามเธอแหนะเรื่องตัดหญ้า” เฮย์มิชโบกขวดเหล้าแล้วพูดต่อ  หน้าตาเค้าดูเหมือนอยากหาอะไรทำถึงแม้จะดูเมามากเกินกว่าจะทำอะไรได้

“อ้อ ตัดหญ้า” พีต้าผงะทำตาโตนิดหน่อย  รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่มาถึงก่อน “ไม่ต้องแล้วล่ะ คือ...มันยังไม่ถึงเวลาน่ะเฮย์มิช  ผมว่าคุณควรมีเวลาพักอีกหน่อย  ตอนนี้” พีต้ายักไหล่  เค้นสมองอย่างหนัก “มันยังโอเคอยู่”

ถ้าเฮย์มิชลงไปเยี่ยมมันอาจจะไม่โอเคแล้วก็เป็นได้  ข้อนั้นพีต้ารู้ดีและไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับทุ่งดอกไม้ของเค้า

“งั้นเหรอเจ้าหนู  อืมม” ชายขี้เมาเจ้าของบ้านที่บอกว่าถ้าได้กลับมาอยู่บ้านเกิดจะกลับตัวกลับใจ ใช้มือที่ถือขวดเหล้าเช็ดจมูกเพราะละอองเชื้อราในห้องฟุ้งอยู่รอบตัวเค้า ก่อนเฮย์มิชจะสูดมันเข้าไปเต็มปอดเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “ฉันแค่คิดว่านายควรมีเพื่อนน่ะ...เพื่อนแบบที่เป็นผู้ชายด้วยกัน” เฮย์มิชพูดเหมือนเป็นห่วงพีต้าด้วยหัวอกของลูกผู้ชายด้วยกัน  เพราะวันๆ นอกจากจะคอยจับตาดูพีต้าซึ่งทำให้น่าอึดอัดอยู่แล้ว  แคทนิสก็แทบไม่ได้ทำอะไรร่วมกับเด็กหนุ่มเลย

อดีตผู้ชนะฮังเกอร์เกมส์ของเขต 12 เป็นห่วงในเรื่องนี้  แต่พีต้าขอขอบคุณเพียงน้ำใจของเค้าเท่านั้นพอ “ขอบคุณ  แต่ผมก็มีความสุขดี” ร่างเล็กสวมชุดนอนอยู่ที่หน้าห้องโถงอันเงียบเหงายักไหล่แล้วส่ายหน้า  ก่อนประโยคพูดไม่คิดนั้นจะกลับมาบีบหัวใจเค้าจนปวดหนึบ......พูดไปได้ยังไงกันนะว่ามีความสุข คนที่นอนร้องไห้เค้าไม่เรียกว่ามีความสุขกันไม่ใช่หรือ  พีต้ารู้สึกเหมือนหูอื้อและหมุนคว้างไปครู่หนึ่งหลังจากที่โกหกด้วยการทำร้ายจิตใจตัวเองและมันก็ทำให้หวนนึกถึงฟินนิคอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

“ถ้านายว่างั้นก็ตามใจนายนะพวก  ฉันคิดว่า...อ่าา” เฮย์มิชที่นั่งพาดขาซ้ายอยู่บนเก้าอี้นวมยืดแขนแล้วเหยียดตัวไถกับพนักผิง “จะนอนสักหน่อย” ตบท้ายด้วยการหาว  ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่พีต้าจะต้องอยู่กวนเค้าอีกต่อไปแล้ว

“งั้น  ฝันดีนะเฮย์มิช” ร่างเล็กที่รักษาแปลกดอกไม้ของตัวเองเอาไว้ได้กล่าวรับอรุณให้แก่เพื่อนบ้านของเค้าแล้วก้าวออกมาจากบ้านอันอับชื้นของเฮย์มิชไปอย่างสุภาพ

พีต้ายืนอยู่บนระเบียงหน้าบ้านของชายวัยใกล้กลางคนที่นอนหลับคาเก้าอี้อยู่ในบ้าน  สูดหายใจเอาอากาศสดชื่นยามเช้าเข้าไปแล้วพรูออกมาอย่างโล่งอก  เรื่องวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้วันอันน่าเบื่อมีเรื่องให้ตื่นเต้นผ่านไปแล้ว  เด็กหนุ่มผมบล์อนชี้โด่งเด่วิ่งเหยาะๆ ลงมาจากหน้าระเบียงบ้านของเฮย์มิช  ตรงกลับไปที่บ้านของตัวเอง  เค้าเจอแคทนิสกำลังออกไปล่าอาหารเช้า  พีต้าทักเธอและถูกถามว่าทุ่งของเค้ายังปลอดภัยดีอยู่ไหม?  คนที่เพิ่งกลับเข้ามาจึงยิ้มน้อยๆ แล้วบอกว่าเฮย์มิชเข้านอนไปแล้ว   แว่วเสียงแค่นหัวเราะในลำคอของหญิงสาวก่อนเธอจะออกไปจากบ้านเพื่อเข้าไปในป่าแล้วอยู่กับความเงียบของมัน

เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่จึงอยู่คนเดียวอีกครั้งและเริ่มต้นชีวิตประจำวันอันแสนจำเจอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นทุกวัน  บ้านเกียรติยศที่เค้าอยู่นั้นหรูหราแต่ชวนว่างเปล่า  ที่นี่มีทุกอย่างที่คนอื่นๆ ในเขต 12 ต้องการ  แต่ก็อย่างว่า...เด็กหนุ่มแทบไม่อยากอยู่ในนี้เลยจึงได้ออกไปหาอะไรทำให้มือไม่ว่างอยู่ข้างนอกเป็นประจำ



*************************************************************************



หลายชั่วโมงก่อน.....

คนขับรถไฟที่ผมโดยสารอยู่หลับไปแล้ว...ผมหมายถึง หลับไปกันหมด ไม่เว้นแม้แต่กัปตันที่ตอนนี้นอนอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ประจำการของเค้าเอง  มีผมเพียงคนเดียวที่ยังคงตื่นและมีสติอยู่  ซึ่งโชคดีมากที่ทางต่อไปนี้จะราบรื่นจนกว่าจะถึงที่หมาย

ผมจึงรับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของเส้นทางแทนพวกเค้าที่แบ่งแชมเปญกับไวน์อีกห้าขวดได้อย่างเท่าๆ กัน  หลังจากที่เเชมเปญยี่ห่อดังของดีขวดเก่งของกัปตันหมดไปแล้วพวกเค้าก็ติดลมต่อกันอีกห้าขวด  ผมดื่มไปไม่เกินแก้วหนึ่งเสียด้วยซ้ำ เพราะงั้นเลยรอดจากการเมาจนหลับมาได้  หลายอย่างทำผมตื่นเต้นซะจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร

ผมอยากเจอพีต้าเร็วๆ ถึงแม้จะเหลืออีกสิบสี่ชั่วโมงกว่าจะได้เจอเค้า  แต่ตอนนี้หัวใจของผมก็ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

ผมยืนอยู่ที่โบกี้หัวขบวน  กระจกล้อมรอบตัวผมจรดไปเหนือศีรษะ มันให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่และพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วร้อยห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง  ผมจับราวเหล็กด้านหน้าอย่างเบามือ  มองออกไปเห็นต้นไม้และพื้นที่ๆ กำลังฟื้นฟูขึ้นจากแสงไฟของหัวขบวน  ผมเห็นหมู่ดาวอยู่เต็มท้องฟ้า นึกถามตัวเองในใจเสียงดังก้องว่าพีต้ากำลังมองมันอยู่เหมือนกันหรือไม่

ผมยืนชมทัศนียภาพตามรายทางอยู่นานเท่าไรก็ไม่ทราบได้  จนกระทั่งครูสตื่นขึ้นมา  เค้าสร่างเมาในทันทีเมื่อรู้ว่าใกล้จะเช้าแล้ว  เค้ารีบกุลีกุจอขอโทษผม ขอบคุณที่อยู่เวรให้  และรีบปลุกเพื่อนอีกสองคนขึ้นมาตรวจตราความเรียบร้อยของเครื่องจักรทันที

พวกเค้าเหลือกัปตันไว้ เพราะไม่กล้าปลุกชายร่างอ้วนที่นอนกรนเสียงดังสนั่นอยู่ข้างๆ ผม  และดูเหมือนครูสเองก็คงจะตรวจเช็คสภาพเบื้องต้นช้าแล้วเหมือนกัน

สิบสามชั่วโมงต่อมา กัปตันที่ตื่นและทำตัวมีสติราวกับว่าไม่เคยเมาก็ถามผมว่าจะไปทำอะไรที่เขต 12 ?

ผมบอกเค้าว่าผมกำลังจะไปหาเพื่อนคนหนึ่ง...เค้าสำคัญกับผมมาก  ผมรู้ตัวในทันทีว่ายิ้มออกมาเมื่อพูดถึงพีต้าแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อของเค้าก็ตาม

กัปตันบอกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนก็มีผู้โดยสารไปลงที่เขต 12 เหมือนกัน  แต่เค้าไม่ใช่นายขบวนในตอนนั้น  กัปตันและครูสกับเพื่อนๆ เพิ่งจะมาประจำการขบวนนี้เมื่อห้าเดือนที่แล้วนี่เอง

ผมจึงแน่ใจว่านั่นจะต้องเป็นแคทนิส  เฮย์มิช  และพีต้าอย่างแน่นอน  ผมสนใจ เนื้อเต้นขึ้นมา ดวงตาเป็นประกายอย่างเห็นได้ชัด  กัปตันจึงพูดว่าเพื่อนคนนั้นคงสำคัญกับผมมาก  และผมไม่ปฏิเสธเค้าเลยแม้แต่น้อย

“นั่นแหนะพ่อหนุ่ม  ถ้าเธอจะไปหาเพื่อนคงต้องเดินไปอีกสักหน่อย  หลังจากลงที่สถานีแล้วก็เดินไปทางตะวันออกอีกสามชั่วโมงนะ  แย่หน่อยที่เขต 12 ยังไม่เจริญเท่าที่ควร  น่าเสียดายเธอน่าจะได้สบายมากกว่านี้” ชายแก่เครายาวโอบแก้มทำหน้าเห็นใจผม  แต่การเดินติดต่อกันสามชั่วโมงไม่ใช่ปัญหาของผมเลยในตอนที่อะไรๆ ต่างเลวร้ายมากกว่านี้

ผมขอบคุณเค้า และบอกลาทุกคนในตอนที่รถไฟจอดเทียบที่ชานชาลาอันเปลี่ยวร้างของเขต 12 ทุกคนขอให้ผมโชคดีและหวังว่าจะได้เจอผมอีก  ก่อนจะเคลื่อนขบวนหายไปในเวลาต่อมา

ผมสูดหายใจ กระชับสายกระเป๋าใบเบาหว่องเหมือนว่างเปล่าให้แนบกับตัว รัดสายคาดไว้รอบเอว  แล้วออกวิ่งไปทางทิศตะวันออก



********************************************************************



พีต้าหยิบบัวรดน้ำ  ช้อนปลูก  และเมล็ดดอกเบญจมาสออกมา ถือทั้งหมดออกจากบ้านไปรับวิตามินอีที่ฝั่งตะวันตกของหมู่บ้านอันร่างผู้คนของเค้า  เด็กหนุ่มนั่งลงบนพื้นดินแห้งๆ หลังทำดินตรงหน้าให้อ่อนนุ่มแล้วลงมือปลูกดอกไม้ตามรายทางอีกครั้งดั่งเช่นที่เคยทำอยู่เกือบทุกวัน

พีต้าทำแล้วทำอีกจนหลายครั้งเฮย์มิชที่ออกมารับแดดตะโกนถามเค้าว่าไม่เบื่อบ้างหรือ?  ที่นี่จะไม่มีที่ให้เดินอยู่แล้วเพราะเค้ากลัวว่าจะทำร้ายจิตใจเด็กหนุ่มด้วยการเผลอเหยียบโดนดอกไม้สวยๆ พวกนั้นเข้า  พีต้าไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดคำไม่ออกแต่แคทนิสสะกิดเฮย์มิชและบอกให้ชายขี้เมาเลิกพูดจาน่ารำคาญแบบนั้นเสียที  มันไม่ได้ทำให้พีต้าหัวเราะแต่มันจะทำให้เค้ารู้สึกไม่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก

แคทนิสพูดถูก  การตะโกนข้ามฝั่งมาของเฮย์มิชรบกวนจิตใจของพีต้าแต่ก็ไม่มากไปกว่าสาเหตุที่ว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงยังคงตั้งหน้าตั้งตาปลูกต้นไม้ต่อไปอย่างไม่มีท่าทีหยุดหย่อน......ไม่รู้สิ ก็ที่นี่ไม่เหลืออะไรอีกแล้วนี่  ไม่เหลือสีหรือแม้แต่ภาพใบให้เค้าวาดรูป  และไม่มีแป้งสาลีให้เค้าใช้อบขนม  ตอนนี้คนอื่นๆ ที่ย้ายกลับเข้ามาก็ต่างคนต่างกำลังฟื้นฟูบ้านของตัวเองอยู่กันอย่างยากลำบาก

หนุ่มเบเกอร์รี่คิดว่ามันคงดีไม่น้อยถ้าได้จุดไฟในเตา  ให้กลิ่นหอมกรุ่นนั้นลอยออกไปทำให้คนอื่นๆ รู้สึกดีขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่นี้บ้าง  แต่สิ่งเดียวที่พีต้าทำได้คือทำอย่างที่ฟินนิคบอก

“ปลูกต้นไม้สิพีต้า  ถ้านายไม่รู้จะทำอะไร” ชายหนุ่มเคยบอกไว้ว่าอย่างนั้นตอนที่ถามเค้าว่ากลับไปบ้านแล้วจะทำอะไร  แต่พีต้ากลับบอกอย่างเศร้าสอยว่ามันคงไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยเมื่อเค้ากลับไปถึงบ้าน

“ถ้ามันไม่มีอะไรเหลือนายก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่สิ”

“แต่มันไม่มีอะไรเหลือจริงๆ นะฟินนิค  พิซคีปเปอร์ทำลายจนไม่เหลืออะไรแม้แต่น้อย” เค้าบอกด้วยสีหน้าเศร้าสอย  ถึงจะไม่น่าอยู่อย่างไรแต่มันก็เป็นบ้านของเค้า  แต่ฟินนิคกลับยิ้มแล้วมองพีต้าด้วยสีหน้าที่ต่างออกไป

“ฉันเชื่อว่านายทำได้  นายเคยทำหลายๆ อย่างที่คนอื่นทำไม่ได้เสมอพีต้า  และฉันเชื่อว่าคราวนี้ก็คงไม่ต่างกัน”

ฟินนิคผู้อ่อนโยนบอกไว้ว่าอย่างนั้น  พีต้าคิดว่าทุกๆ อย่างของร่างสูงไม่ควรจะเสียเปล่า  ไม่ว่าจะเป็นความกล้าหรืออะไรก็ตามแต่  ฟินนิคจะยังคงอยู่ในใจของเด็กหนุ่มเสมอถึงแม้ไม่มีใครรู้แต่พีต้าก็มุ่งมั่นที่จะทำตามคำของฟินนิคตลอดไป

นี่คงถึงคราวจบของเรื่องแล้ว  พีต้าคิดเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้งแล้วหลับตาลงอย่างหนักอึ้ง มันคงเป็นช่วงเวลาที่เราต้องเสียผู้กล้าหาญและเสียสละ  ได้ชัยชนะ  และคิดถึงพวกเค้าอย่างอาลัยอาวรณ์ในท้ายที่สุดว่าชัยชนะตอนจบของเรื่องเราได้รับมันมาอย่างไร

เดาว่าเรื่องนี้คงจบเศร้า  พีต้าหัวเราะอย่างขมขืนเมื่อไม่สามารถปลอบใจเรื่องการสูญเสียของฟินนิคได้ดีมากกว่านี้อีกแล้ว

มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่เค้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย  ทำไม่ได้

  ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงสร้างชีวิตใหม่ให้กับเขต 12 ไม่หยุด  หลายครั้งแคทนิสตกใจเพราะตัวพีต้าเปื้อนดินและเถ้าถ่านกลับบ้าน  แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลยนอกจากคำว่า ไม่มีอะไร จากเพื่อนร่วมชายคาของเธอซึ่งแคทนิสเป็นคนยืนกรานให้อยู่บ้านเดียวกัน จะอุ่นใจมากกว่า...เธอบอกอย่างนั้น

หลังแคทนิสกลับมาจากการล่า  ในตอนบ่ายพีต้าออกไปดูแลพืชพรรณของเค้าอีกครั้ง  เฮย์มิชขอตามไปด้วย  น่าประหลาดใจที่ชายขี้เมาอาบน้ำแล้ว แต่พีต้าก็รู้ดีว่าต่อไปนี้ชายคนนั้นจะไม่อาบน้ำไปอีกหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ   คนที่เดินมาหาเด็กหนุ่มดูสร่างเมาเล็กน้อยและเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น  เฮย์มิชบอกว่าอยากช่วย  พีต้าเลยตัวแข็ง นึกถึงความปลอดภัยของกล้าอ่อนของเค้า  แต่สุดท้ายแล้วก็ลงเอยด้วยการที่ชายผู้ช่วยได้รดน้ำต้นไม้ให้กับต้นไม้ที่เพิ่งปลูกลงดินของเค้า

เฮย์มิชรดมันซะแฉะเหมือนฉี่ใส่  ก่อนพีต้าจะพอทำใจให้สบายได้เมื่อต้นไม้ที่เค้าปลูกทนทานต่อสภาพฉ่ำน้ำ  ซึ่งถ้ามองในแง่ดีอย่างน้อยเฮย์มิชก็มีอะไรทำ

เวลาต่อมาเสื้อยืดของพีต้าเปื้อนเศษดินอีกครั้งโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวอีกตามเคย  เค้าได้ยินเสียงกรนของเฮย์มิชที่นอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่  เด็กหนุ่มจับช้อนปลูกแล้วยิ้ม เพราะตอนนี้เฮย์มิชได้ออกมานอกบ้านเหม็นอับแล้วพักผ่อนอย่างแท้จริงแล้ว  เด็กหนุ่มตัวเปื้อนดินที่เริ่มกลายเป็นตุ๊กตามอมแมมมองไปรอบๆ เค้าเห็นสีเขียวของหญ้าและต้นไม้  ได้ยินสียงนกร้อง ไม่ใช่แค่นกม็อกกิ้งเจย์ที่แคทนิสเคยได้ยินคนเดียวบ่อยๆ แต่เป็นนกทุกตัว  อากาศที่เขต 12 เริ่มเย็นและปลอดโปร่งมากขึ้น  พีต้าล้มตัวลงนอนบ้างกับผืนหญ้าที่ขึ้นคลุมถนนซึ่งเคยเป็นหินและขี้เถ้ามากก่อน เค้าอ้าแขนรับเอาทุกสิ่งจากธรรมชาติไว้

ถ้านี่คือพื้นที่ๆ เคยเสื่อมโทรมมาก่อน มันก็ถือว่าเฟอร์เฟ็กต์มากสำหรับเมืองที่ทุกคนได้กลิ่นแต่กำมะถันและควัน  พีต้าไล่นิ้วไปบนหญ้าใบเล็กใบน้อยที่รองรับตัวเค้าไว้  มันนุ่มมากกว่าที่คิด  และเสียงกับความรู้สึกที่รับรู้ยามเมื่อหลับตาก็ช่างผ่อนคลาย  ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเฮย์มิชถึงหลับไปและกรนเสียงดังขนาดนั้น  ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพีต้าซึ่งได้รับแรงผลักดันมากจากฟินนิคอีกทีหนึ่ง

หากไม่มีชายหนุ่มจากเขต 4 คนนั้น  เด็กหนุ่มจากเขต 12 คนนี้คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้

ฟินนิคทำให้พีต้าเข้มแข็งและอ่อนแอเมื่อไม่มีเค้า

ชายหนุ่มผิวสีแทนเป็นทั้งผู้ช่วยชีวิตและเติมเต็มจิตวิญาณ  แต่ทว่าในเวลานี้เด็กหนุ่มกลับเศร้า  เค้าไม่เคยหายเศร้าเลยหลักจากที่ฟินนิคจากไป  คงจะดีกว่าถ้าเค้าตายหรือไม่เคยรู้จักฟินนิคเลย  พีต้าจิกนิ้วลงไปบนผืนหญ้า  น้ำตาเส้นเบาบางไหลออกมาจากหางตาช้าๆ มันกระทบแสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ของวันผ่านเมฆไม้จนเป็นประกาย  และเด็กหนุ่มก็รีบเช็ดมัน  เค้าไม่อยากให้แคทนิสหรือเฮย์มิชที่ตื่นขึ้นมาเห็นว่าเค้าร้องไห้  มันจะทำให้ทั้งสองเป็นห่วงมากกว่าที่เป็นอยู่ซึ่งพีต้าไม่ชอบเลย  เด็กหนุ่มลืมตาขึ้น  ดวงตายังคงพร่ามัวเพราะม่านน้ำตา เค้ามองเห็นใบไม้จากต้นไม้ที่ส่องประกายจากแสงอาทิตย์และนึกถามตัวเองว่านี่หรือเปล่าที่ฟินนิคอยากให้เค้าเห็นและอยู่ที่นี่ไปจนชั่วนิจนิรันดร์

พีต้าเบะปาก...แต่เค้าไม่อยากได้มัน  ถึงแม้จะชอบความเงียบสงบของธรรมชาติแต่พีต้ากลับรู้สึกว่างเปล่าเมื่อปราศจากฟินนิค  เค้าคิดถึงฟินนิคทุกลมหายใจ



**************************************************************************



ผมวิ่งมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว เหงื่อกำลังออกและจังหวะหายใจของผมเร็วขึ้นอย่างสม่ำเสมอ  ผมวิ่งกระโดดข้ามตอไม้และเถ้าถ่าน  ฝุ่นดินที่แห้งแตกกับขี้เถ้าตลบฟุ้งตามหลังมา

ที่นี่ไม่น่าอยู่นัก อย่างที่กัปตันว่า  พิซคีปเปอร์ระเบิดและเผาทุกอย่างด้วยไฟตามทางที่พวกมันมา แต่บางทีอาจเกือบทุกอย่างเพราะไทกรีสบอกผมว่าแคทนิสถูกส่งไปอยู่ที่หมู่บ้านเกียตริยศซึ่งเป็นที่แห่งเดียวที่ถูกทิ้งให้เหลืออยู่

ผมจึงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ และหยุดพักเมื่อเจอลำธาร  ผมนั่งยองๆ ไม่อยากให้หัวเข่าเปื้อนเศษเถ้าที่ยังคงมีอยู่อย่างเบาบางในพื้นที่นี้  มือของผมแช่อยู่ในน้ำใสที่ไหลเอื้อยอย่างช้าๆ

มันให้ความรู้สึกเย็นที่ดีมาก  ต่อมาผมล้างหน้าแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างน่ามหัศจรรย์  เดาว่าในตอนที่ยังอยู่ดี ถึงแม้จะเป็นเขตของถ่านหินแต่เขต 12 ก็คงจะมีทรัพยากรที่ดีเยี่ยมมากแน่ๆ ถึงแม้จะไม่อุดมสมบรูณ์มีพร้อมทุกอย่างแต่สิ่งที่ที่นี่มีมันก็ยอดเยี่ยม   ผมมองออกไปเห็นต้นไม้น้อยใหญ่ที่โอบล้อมรอบตัวเอง  ได้ยินเสียงนกร้องและเสียงจิ้งหรีดเนื่องจากบรรยากาศรอบตัวเริ่มย่ำเย็น

ถึงแม้จะบอกว่าอยากพบพีต้าแต่ผมก็นั่งลงพิงต้นไม้แล้วฟังเสียงธรรมชาติที่ไม่ได้สัมผัสมานาน  อาจไม่สมบรูณ์พร้อมและเปลี่ยวร้างน่าหดหู่แต่มันก็เป็นธรรมชาติของมัน  ป่ามักจะเงียบเสมอ

เสียงนกนั่นผมไม่เคยได้ยิน  มันแปลกมาก  อาจเป็นเพราะผมอยู่ต่างถิ่น ดังนั้นผมจึงบอกตัวเองให้หยุดหัวใจเต้นถี่รัวไม่ได้เลย......ผมออกมาแล้ว  อยู่ในที่ๆ ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน  อีกไม่นานผมก็จะได้เจอเค้าแล้ว  จะได้เจอพีต้า  และไม่รู้ว่าเค้าจะยังคิดถึงผมที่ตายไปแล้วหรือไม่

หรือลืมผมแล้วเมื่อผมไม่อยู่  ผมอยากรู้ว่าเค้าเศร้าไหม?  เหมือนตอนที่บ้านของเค้าโดนพิซคีปเปอร์ทำลาย  ผมไม่อยากเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับสิ่งสำคัญของพีต้าแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเค้าจะคำนึงหาผม อย่างที่ผมโหยหาเค้าไหม

หัวใจผมตอนนี้อยากรู้ว่าพีต้าทำอะไรอยู่  เค้าจะสบายดีไหม?  แคทนิสที่อยู่กับเค้าจะทำดีด้วยหรือเปล่า?  หรือว่าเด็กหนุ่มของผมจะกลับไปหลงรักเธออีกครั้ง?

ผมจึงลุกขึ้น  ดีดตัวออกจากต้นไม้ใหญ่แล้วออกเดินทางเพื่อไปหาคำตอบที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม



***************************************************************************



ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลง  เด็กหนุ่มผมสีบล์อนตัวเปื้อนดูมอมแมมทิ้งเฮย์มิชไว้ใต้ต้นไม้ต้นเดิมแล้วเดินไปหาทุ่งของตัวเองในอีกเจ็ดนาทีต่อมา  เค้าจะต้องรดน้ำและดูแลความเรียบร้อยที่นี่เสียก่อนถึงจะกลับเข้าบ้านได้  และเห็นทีว่าวันนี้ก็คงจะได้กลับไปกอดตัวเองร้องไห้อีกแล้วเป็นแน่

เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวในทุ่งถอนหายใจยาวขณะกำลังรดน้ำให้แก่ดอกเฮเลียโทรฟที่กำลังบานสะพรั่ง  ดอกสีม่วงน้อยๆ ของมันแข่งกันแบ่งบานเต็มไปหมดจนแทบไม่เห็นใบสีเขียวสดที่อยู่ด้านล่างเลย  พีต้าทำเหมือนกันกับแปลงอื่นๆ จนเสร็จและไม่ลืมถอนวัชพืชที่ขึ้นแซมในบางแห่งด้วย

แต่เค้ากลับนั่งอยู่นาน  และมองดูพระอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่กำลังลาลับไปใต้ไหล่ภูเขา พีต้าจินตนาการว่ามันโบกมือให้เค้าและในขณะเดียวกันนั้นฟินนิคก็เดินโผล่ขึ้นมาจากเนินทุ่งตรงหน้าแล้วก็ทำให้พีต้ายิ้มได้อย่างสุขใจที่สุดในรอบหกเดือน

แต่มันก็เป็นได้แค่ความฝัน......ความคิดของพีต้าเรียกร้องมากเกินไปจนเป็นไปไม่ได้  พระเจ้าไม่เห็นใจเค้าในเรื่องนี้

เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้า  มืออ่อนนุ่มที่มีรอยขีดข่วนยกขึ้นแตะดอกไม้ในแปลงของตัวเองก่อนสายลมยามเย็นจะพัดเข้ามาทักทายเจ้าตัวดั่งเช่นทุกวัน  แต่ทว่าวันนี้มันเอื่อยเฉื่อยอยู่นานเป็นพิเศษ สายลมนั้นพัดพาเอาผมที่เริ่มยาวให้พลิ้วไปตามลมอยู่นานราวกับว่าจะช่วยปลอบใจเจ้าของเส้นผมที่ดูนุ่มมือนั้นให้หายเศร้า

มันช่างเป็นภาพที่น่าดูเมื่อตรงหน้าของคุณนั้นคือพระอาทิตย์ดวงเดิมที่สวยกว่าตอนไหนๆ ของวัน  และกำลังหย่อนลงตรงกลางระหว่างภูเขาสองลูกที่ตั้งเคียงกันอยู่ตรงนั้น  รอบข้างของคุณคือต้นไม้ที่กำลังเติบโตเขียวชอุ่ม  ทุ่งหญ้าที่กว้างขว้างสุดลูกหูลูกตาซึ่งกำลังถูกย้อมไปด้วยแสงสีส้มแก่ของดวงอาทิตย์  แม้แต่ใบหน้าของคุณเองก็ยังต้องแสงนั้น  ผมของคุณกลายเป็นสีส้มแทนที่มันจะเป็นสีบล์อน  ก่อนคุณจะตกตะลึงจนสุดขีดเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากเนินทุ่งตรงหน้า



.



.



.



TBC.



--------------------------------------------------------------------------------------------------



อ๊าาาา!! เกิดอะไรขึ้นคะ เกิดอะไรขึ้นนน?? >0<  อร๊ายยยยยย! ไรท์จิไม่พูดให้ลุ้นกันเองค่ะใน Part ต่อไป อิๆ

มาแค่นี้แหละจ๊ะ  พูดมาปากจะพาสปอยล์นะจ๊ะ  สามารถเข้าไปทักทายพูดคุยกับไรท์ได้ที่เฟสบุ๊ค แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด นะเจ้าคะ  หลังจากไลค์แฟนเฟจแล้วอย่าลืมมาทักทายกันน้าา >w< 

ขอบพระคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ  รักรีดมากมาย  บั้ยค่ะ 5555  //มาไวไปไว//  รอ Part ต่อไปนะคะ >//<

ด้วยรักและแรงหื่น

Ray - Aund


ไม่มีความคิดเห็น: