มาแว้ววววววว รู้สึกเซ็งๆ กับการทำ SEO ยังไงบอกไม่ถูกค่ะ
มันยากสุดๆ ไปเลย เฮ้อ.....ไม่อยากพูดถึงมันแหละ
.......ไปอ่าน SF กันต่อดีกว่าเนอะ ^^
..............................................................
----------------------..........................------------------------ (ย้อนไปเมื่อกาลก่อน ไม่นานมานี่....หมอนัดคุยกับสป็อคเป็นการส่วนตัว -_-“)
“ก็อย่างที่บอกพวก......จิมมันเปลี่ยนไป”
“ผมไม่เข้าใจคุณ....คุณหมอ คุณกำลังจะบอกว่ากัปตันเปลี่ยนไปอย่างไรครับ”
ร่างสูงของวัลแคนขมวดคิ้วเรียวอย่างสงสัยถึงข้อความที่หมอแมคคอยต้องการสื่อ
“ผมไม่สามารถรับรู้ถึงข้อเปลี่ยนแปลงนั้นได้เลย.......แม้ด้วยความที่ว่าผมได้ใช้เวลาอยู่กับกัปตันมากกว่าใครๆ
ก็ตาม แต่ข้อคิดเห็นของคุณ ผมไม่เห็นด้วย”
หมอแมคคอยกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย พลางถอนหายใจ
“ก็คนที่อยู่ตัวแทบติดกันอย่างนายจะไปสังเกตห่าอะไรล่ะวะ.....ไม่คิดบ้างรึไงว่า.....”
หมอแมคคอยเหลือบไปมองซ้ายขวา ทั้งๆ ที่ตอนนี้เค้าลากวัลแคนหนุ่มมาที่ลับตาคนแล้วก็ตาม
”ไอ้เจ้านั่นมันดูสวยขึ้นเห็นๆ”
สป็อคเลิกคิ้วน้อยๆ เอียงคอสิบองศา
หมอแมคคอยถอนหายใจอีกรอบ“ก็ไอ้ที่นายเรียกว่า ‘ชวนตะลึง’นั่นแหละ”
นั่นเป็นคำนิยามที่สป็อคได้ให้ไว้กับจิมในวันแรกที่เค้าได้ผูกพันธนการใจกัน
“ครับ”
“จิมไม่รู้ตัวเองหรอก แต่คนอื่นๆ
ก็เห็นด้วยกับฉัน ว่าหมอนั่นน่าดึงดูดขึ้น! .......แม้จะเป็นกับเพศเดียวกันก็เหอะ....”
ประโยคสุดท้ายหมอสงวนไว้ให้ได้ยินกันสองคนเท่านั้น
“มันไม่สมเหตุสมผล........ในเมื่อความน่าหลงใหลเหล่านั้นควรจะเกิดขึ้นกับผมเพียงคนเดียวเท่านั้น
เพราะกัปตันคือคู่ของผม....”
“เอ่อๆ ช่วงนี่มันดูตัวเล็กๆ ผมยุ่งๆ
ชอบทำหน้าตาขี้สงสัยนี่หว่า แถมปากก็สีสดผิดปกติ
คนอื่นๆ
เห็นมันก็ต้องค้างกันทั้งนั่น....ขนาดพวกผู้หญิงเห็นยังต้องชะงักเลย”
หมอแมคคอยยื่นใบบันทึกตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดให้กับสป็อค
“ฉันยอมรับว่านายดูแลจิมดีจริงๆ แอลกอฮอล์งด
ทานอาหารครบทุกมื้อ บลาๆ ทุกอย่างดีหมด
........ถึงใบนี้มันจะบอกอะไรแบบ....นั้นไม่ได้นะ
แต่ฉันว่าฟีโรโมนวัลแคนของนายทำให้คู่ของนาย........เอ่อ จิมน่ะ...ดูดีขึ้น
ในแบบที่เรียกว่าเพศตรงข้ามน่ะ ”
“ผมไม่สามารถอนุมานได้ว่า จิมจะสามารถรับฟีโรโมนของผมได้อย่างไร........”
“ก็เซ็กซ์ไง” อู่ว์หมอ ตรงมากก
“ที่พวกนายนอนด้วยกันไง...........ทุกครั้งที่นายเสร็จในตัวหมอนั่นน่ะแหละ”
เหมือนหมอจะพูดลำบาก แต่หมอก็พูดไปแล้ว ไม่กระดากปากเลยด้วยซ้ำ
“ ‘เสร็จ’.......ผมคงต้องขอให้คุณขยายความคำนี้ด้วยครับคุณหมอ”
“ก็..ฮืมม” หมอแมคคอยพัก
ระบายลมหายใจออกมาเสียงดัง
......ทำไมไอ้หนูผีเลือดเขียวหูแหลมนี่ถึงเข้าใจยากอย่างนี้ฟระ!........
“ก็คือ ‘เมื่อนายปลดปล่อยเข้าไปในตัวของจิม’ไง ไอ้หนูผี!”
ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ ไม่ได้คอยแอบดูเพื่อนซี้มีอะไรกันทุกวี่ทุกวันหรอก
ให้พูดบ่อยมันก็ไม่ดีนักหรอกนะ....... (คอยแอบดูทุกวี่ทุกวันงั้นเหรอหมอ.....-_-*
: Ray - Aund)
“เข้าใจแล้วครับ” วัลแคนหนุ่มตอบ เหมือนเข้าใจบทเรียนที่อาจารย์กำลังสอนอยู่
“เฮ้อ......สป็อค เอาเป็นว่าคอยระวังไว้หน่อยแล้วกัน
ถ้าเผลอล่ะก็ โดนคนอื่นคาบไปกินแน่ๆ ”
หมอแมคคอยก็ค่อนข้างเอือมกับความเย็นชาของคนตรงหน้า จึงได้เตือนเป็นนัยๆ ไว้ เพราะเค้าก็เป็นห่วงเพื่อนของเค้าอยู่เหมือนกัน เมื่อฟังคำบอกเล่าของหมอแมคคอยสป็อคก็มีท่าทีเฉยๆ
แต่แท้จริงแล้วในอกของสป็อคตอนนี้ร้อนดังไฟ..................
-----------------------------..............................---------------------------------
“วู่ว์..ว..ว...เอาเลย..ย..” กัปตันจิม เคิร์ก
กำลังดีดดิ้นอยู่บนฟลอร์เต้นรำอย่างสนุกสนาน ไม่ลืมหูลืมตา ไม่อายฟ้าอายดิน......
“คุณมาคนเดียวหรือครับ” อยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่งเข้ามาทักจิมกลางฟลอร์เต้นรำ
เค้าคนนั้นรูปหน้าเรียวคม เข้ากับตาคมมีเสน่ห์
และที่สำคัญจมูกโด่งรั้นนั้นก็ยังคมเข้าเซ็จทั้งใบหน้า ช่างเป็นคนที่....หล่อเหลาเสียจริงๆ
“หา
นายว่าอะไรนะ” เสียงเพลงดังมาก
ทำให้เค้าหูไม่ดี
“ผมถามว่า.........คืนนี้คุณมาคนเดียวหรือครับ”
คนถามย้ำอีกรอบ
แต่ครั้งนี้เค้าเข้าไปใกล้จิมมากขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
“หึ
แล้วนายว่าไงล่ะ........” แต่กลับถามคำถามออกไปแทนคำตอบ แถมจิมมี่ยังยักคิ้วใส่คนตรงหน้าอีกต่างหาก
.............แบบนี้มันจงใจยั่วกันชัดๆ................
“คุณมาคนเดียว.....”
หนุ่มรูปหล่อนิรนามเออออให้เสร็จ คืนนี้ที่เค้ารู้สึกสนใจคนๆ นี้ขึ้นมาก็เพราะดวงตาสีฟ้าแวววาวฉ่ำเยิ้มคู่นั้นมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างไม่น่าเชื่อ
ทำให้ตอนนี้เค้าถึงได้มายืนอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กที่สติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคนนี้
เนื่องจากทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบ ชายหนุ่มจึงใช้แขนทั้งสองข้างเลื่อนมาโอบเอวเล็กของกัปตันที่เมาไม่ได้สติ
เสียงเพลงได้เปลี่ยนเป็นจังหวะช้าๆ
แต่ยังคงความแรงของอินโทรนอยู่
จึงดูเหมือนเสียงเพลงจะเป็นใจให้ชายหนุ่มนิรนามถือโอกาสโยกตัวมาแนบชิดกับคนตัวเล็กกว่า
“นายอยากเต้นหรือ” กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งออกมาเต็มไปหมด
“ครับ...ผมอยากเต้นกับคุณ” ชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูหื่นกระหายกว่าเก่า เค้าก้มลงสูดกลิ่นกายประจำตัวของจิม โดยที่คนถูกกระทำก็ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้จิมรู้สึกแปลกๆ รู้สึกถึงอารมณ์รุนแรง
ความโกรธที่กำลังแผดเผาใจของเค้าอยู่
มันทำให้เค้ารู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกนั้นเหมือนจะสามารถฉีกใครได้เป็นชิ้นๆ
เลยทีเดียว
หนุ่มหล่อนิรนามเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้หน้าของจิมจนจมูกแทบติดกัน
“ผมว่า...เราไปทำเรื่องอะไรที่มันสนุกกว่านี้ดีกว่านะ”
คนเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ้ม ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปหมายจะจูบกัปตันเคิร์กให้ได้
แต่ทันใดนั้นก็มีมือมากระชากไหล่ของชายหนุ่มออกอย่างแรง
รวดเร็วพอๆ กับที่คนกระชากเหวี่ยงหมัดใส่เค้าจนล้มตึงลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นได้ในหมัดเดียว.........ด้วยแรงที่มากกว่ามนุษย์ธรรมดาถึงสามเท่า
“สป็อค......” นี่เค้าต้องฝันไปแน่ๆ ถึงได้เห็นสป็อคมายื่นอยู่กลางฟลอร์เต้นรำแบบนี้ แถมยังต่อยคู่เต้นเค้าจนสลบเหมือดอยู่คาพื้นอีก
............ฝันๆๆ ฉันแค่ฝัน............. จิมภาวนาขอให้มันเป็นแค่ภาพหลอน เพราะตอนนี้ภาพสป็อคตรงหน้าเค้าช่างน่ากลัวเหลือเกิน
..........มือที่กำหมัดแน่น
แววตาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
และคิ้วเรียวที่เคยชี้ บัดนี้กลับดูบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
...............ไม่.......นี่ไม่ใช่สป็อค..............
.............ต้องเมามากไปแน่ๆ.....ใช่..ฉันแค่เมา.........แล้วก็เห็นภาพหลอนงี่เง่าก็เท่านั้น.................
ร่างสูงเดินเข้ามา จับข้อมือของจิมแล้วกระชากให้ตามเค้าไป
โอ๊ะโอ.......ดูเหมือนจะเป็นของจริง
เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าจิมตอนนี้จับต้องได้
พูดให้ถูก เค้ากำลังโดนสป็อคลากไปที่ไหนก็ไม่รู้
แถมยังไม่พูดอะไรเลยสักคำ
คงเป็นเพราะสป็อคกำลังโกรธกระมัง
........โกรธเหรอ.......สป็อคก็มีอารมณ์โกรธที่โฉ่งฉ่างเป็นกับเค้าเหมือนกันงั้นเหรอ
แต่การกระชากคนอื่นมาต่อยจนสลบคาพื้นแบบนี้มันไม่สมเหตุสมผล........ไม่ใช่หมอนั่นเลยด้วยซ้ำ
..........แล้วทำไม........................
“สป็อค เดี๋ยว.........เฮ้!
สป็อคเดี๋ยวก่อนสิ.......” จิมร้องเรียกตลอดทาง
แต่อีกคนที่เดินนำเค้าก็ไม่แม้จะหันมาสนใจเลย ทั้งร้องก็แล้วสะบัดมือก็แล้ว มันไม่ได้สร้างความรำคาญใจให้กับสป็อคเลยสักนิด
ทั้งคู่ฉุดกระชากลากถูกัน
จนมาถึงที่พักของพวกเค้า ‘ตึกหอพักบุคคลากรของสตาร์ฟลีต’
ร่างสูงดึงให้คนตัวเล็กที่เหนื่อยหอบให้เดินตามไปต่อ
จนพวกเค้ามาถึงชั้นที่แปด ซึ่งห้องนอนของพวกเค้าอยู่ประตูตรงข้ามกันเท่านั้นเอง
สป็อคเดินมาหยุดอยู่ระหว่างประตูห้องของเค้าและกัปตัน
หันไปเปิดประตูห้องของตัวเองแล้วลากเคิร์กเข้าไปด้วยกัน......ทันทีที่สป็อคปล่อยมือ
จิมก็อดไม่ได้ที่จะเอามืออีกข้างมานวดข้อมือที่โดนแรงมหาศาลของสป็อคบีบ
“นายเป็นอะไรของนายเนี่ย” จิมหันไปคาดโทษ
แต่ก็กลับต้องทำหน้าจ๋อยเพราะอีกคนดูโกรธมากกว่า
อารมณ์โมโหรุนแรงก็ยังคงไม่จางหายไป
“คุณทำอะไร” ในที่สุดคนที่เงียบมาตลอดก็พูดสักที
แต่เสียงที่ออกมานั้นดูแข็งกร้าว น่ากลัว
จนจิมต้องถอยหลังไปสองสามก้าว
คนถูกถามไม่พูด
ร่างสูงตรงหน้าทำให้เค้ารู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจจนพูดอะไรไม่ออก
ความรู้สึกกลัวของจิมถูกส่งผ่าน
ไปถึงสป็อค............อีกใจหนึ่งก็นึกสงสาร
แต่สิ่งที่มาเหนือเหตุผลเค้าตอนนี้ก็คือความโกรธ
..........โกรธที่จิมดื่มเหล้า......โกรธที่มีคนเข้ามาใกล้คนของเค้า........โกรธทุกสายตาที่จ้องมองจิม...........โกรธที่จิมถูกคนอื่นจาบจ้วง.............
“คุณทำอะไร” ถามย้ำอีกครั้ง
แต่เสียงฟังดูน่ากลัวขึ้น
“ฉะ ฉันก็แค่......”
จิมที่ยังกำมือตัวเองอยู่รู้สึกตัวเล็กลงทันที เค้าละล้ำละลักพูดอะไรไม่ถูก
“คุณไม่เพียงดื่มเหล้าจนขาดสติ.........แต่คุณยังพยายามเชื้อเชิญคนอื่นให้มาสัมผัสตัวคุณอีก..”
เสียงเย็นของสป็อคดังขึ้นเรื่อยๆ จนจิมต้องถอยหลังหนี้
แต่มิวายสป็อคก็ยังคงเดินตามไปอยู่ดี
จนหลังของหนุ่มผมทองติดกำแพง.....ไร้ทางหนี
จิมไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย เค้าไม่เคยเจอสป็อคที่ไร้เหตุผลและโกรธรุนแรงขนาดนี้
มันทำให้เค้ากล้วและหวาดหวั่นยิ่งกว่ากองทัพคลิงออนทั้งดาวซะอีก
สป็อคใช้แขนทั้งสองข้างท้าวกำแพงล้อมจิมไว้ให้อยู่ในออ้มอก เสียงลมหายใจของสป็อค จิมได้ยินชัดเจน สป็อคโมโหมากจนอกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนคนที่อยู่จนแทบติดอกของร่างสูงก็เม้มปาก
มองคนที่กำลังโมโหอย่างตัดพ้อ................โกรธงั้นเหรอ...ใครก็แน่ที่ควรโกรธ!.........
“ก็ฉันเหงานี่” ในที่สุดก็พูดออกมาได้เต็มประโยค
แต่จิมก็น้อยใจสป็อคอยู่ไม่น้อยเช่นกัน.............ที่สป็อคโมโห
เพราะกำลังหาเรื่องเลิกกับเค้าอยู่รึเปล่า
“นายไม่เคยนึกถึงคนอื่นเลย!....ไม่เคย....แม้แต่ฉัน! ฉันนึกแล้วว่าสักวันนายก็จะเบื่อฉัน.......คำหวาน
คำบอกรักจอมปลอมทั้งหลายน่ะมันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ..........สักวันนายก็จะทิ้งฉันไป
ทิ้งฉันไป!.....” จิมระเบิดอารมณ์ใส่หน้าวัลแคนไร้ความรู้สึก
นี่ไง......ช่วงเวลาที่เค้ากลัวว่าจะมาถึงในสักวัน แต่จะช้าหรือเร็วมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ...........เค้ามันพวกส่ำส่อน
หาคู่นอนไม่เลือกหน้า........ (นี้คือคำพูดที่ออกมาจากปากสป็อคในเรื่อง How
High the Moon Prat 2 ค่ะ เคิร์กฝังใจอย่างแรง...: Ray - Aund)
สป็อคก็รู้สึกเจ็บไม่แพ้กัน......ตลอดมาเค้าเฝ้าเอาใจใส่ ดูแลจิมด้วยความรัก ประคบประหงมอย่างดี
เหมือนคนตรงหน้าคือลมหายใจของเค้า หากขาดไปแม้แต้นาทีเดียวเค้าคงต้องตายแน่ๆ
แม้จะมีบางครั้งที่กัปตันหนุ่มทำตัวเป็นเด็กดื้อ แต่เค้าก็จะใจเย็น และพร้อมมอบความอบอุ่นให้คนตัวเล็กเสมอ แต่ความคิดของจิมตอนนี้
มันทำให้เค้ารู้สึกโกรธและเจ็บขึ้นมาในคราวเดียวกัน
..........ทำไม
มาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อใจกันอีก
ผมได้บอกคุณไปแล้วว่าคุณคือลมหายใจของผม และผมจะรักคุณตลอดไป
แต่คนดื้อดึงกลับไม่ยอมฟัง...........เค้าใช้มือทั้งสองข้างปิดหูไว้แน่น
ไม่อยากรับรู้อะไรของนายอีกแล้ว
จิม......
ไม่.....ออกไปให้พ้น......ฉันไม่อยากฟัง........ออกไปจากหัวฉันนะ.......
การที่คนของเค้าดื้อดึงไม่ยอมฟัง
ทำให้อารมณ์โกรธของสป็อคยิ่งทวีคูณและไม่สามารถควบคุมมันได้อีก
วัลแคนหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างตรึงหน้าของอีกคนหนึ่งไว้
แล้วบดเบียดริมฝีปากร้อนลงไป...........บดขยี้ริมฝีปากของอีกคน
ความรู้สึกอบอุ่นของริมฝีปากร่างสูงทำให้จิมอดที่จะรู้สึกดีไม่ได้........เค้าต้องการมากว่านี้ ร่างเล็กจึงเผยอปากออกเพื่อให้ลิ้นร้อนของอีกคนจาบจ้วงเข้ามาในปากของเค้าได้ การแลกลิ้นแสนดุเดือดจึงเกิดขึ้น
ทั้งลิ้นเล็กและลิ้นหนาต่างเกี่ยวกระหวัดกันและกัน
เนิบนาน........จากการจูบอย่างดูดดื่มและร้อนแรงที่สุด แม้กัปตันหนุ่มก็ยังแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาวัลแคนหนุ่มไม่เคยจูบเนิบนานและร้อนแรงขนาดนี้มาก่อน จูบนั้นแฝงไปด้วยความร้อนแรงและความเสน่หา
กระทั่งความเอาแต่ใจของวัลแคนหนุ่มก็มี
จนจิมหมดอากาศที่จะหายใจเค้าใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบเข้าที่อกของอีกคนเป็นการประท้วง สป็อคยอมถอนริมฝีปากออกมาในที่สุด แต่ไม่ทันที่จิมจะได้เอยปากพูดอะไร วัลแคนหนุ่มก็จับเค้าขึ้นเตียง
ล็อคแขนทั้งสองข้างให้ติดกับที่นอนอย่างง่ายดาย
“....สป็อค.........”
วัลแคนหนุ่มก้มลงไซร้ซอกคอขาวไรตำหนิของอีกคน
สูดดมกลิ่นกายหอมหวนที่อบอวนไปด้วยแอลกอฮอล์อ่อนๆ
ภาพเมื่อครู่ที่หนุ่มผมทองกำลังโดนชายอื่นก้มลงจูบก็ทำให้ร่างสูงยิ่งหงุดหงิดจึงดูดเม้มทิ้งร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของไว้ทั่วลำคอ
สป็อคถล่กเสื้อบางขึ้น ก้มลงจูบอกขาวไม่แพ้คอของอีกคนอย่างหิวกระหาย
ทั้งขบเม้มสร้างรอยจางๆ ไว้เต็มไปหมด บางครั้งก็เผลอใช้แรงวัลแคนขบกัดลงไป
ทำให้คนตัวเล็กต้องหน้าแบ้ด้วยความเจ็บปวด..........เมื่อวัลแคนหนุ่มรับรู้ถึงความเจ็บนั้น
จึงผ่อนแรงลง
..............คุณเจ็บเหรอ...............
...........ก็เอ่อน่ะสิ............
ผมขอโทษ...........ด้วยความเจ็บปวดของอีกคน
ทำให้สป็อครู้สึกแย่ขึ้นมา.......ถ้าคู่พันธะของเค้าเจ็บ.....เค้าก็เจ็บด้วย...........
นายเป็นอะไรน่ะสป็อค.......
ผม...ผมขอโทษ.......ผมไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อน
ทำให้ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของผมไม่เป็นผลเท่าที่ควร ผมขอโทษ.......ดูเหมือนวัลแคนหนุ่มจะเริ่มได้สติแล้ว
นายโกรธอะไรของนาย...............น่ากลัวชะมัด
คนตัวสูงกว่าหงอยขึ้นมาทันที...........ผมขอโทษ
ตอนนั้นผมเห็นคุณอยู่กับชายอื่น และชายคนนั้นกำลัง....จูบคุณ
“ก็ใช่น่ะสิ!
ถ้านายเห็นฉันทำแบบนั้น.....งั้นฉันก็คงจะทำไปก็เพราะนายนั่นแหละ!”
“เพราะผม”
“ใช่ ตลอดมานับจากวันนั้น
วันที่นายบอกว่าฉันคือคู่ของนายฉันก็ไม่แตะเหล้าอีกเลย แต่วันนี้ที่ฉันดื่มจนเมาแอ๋ ก็เพราะมีคนๆ
หนึ่งที่ฉันอยากให้เค้ามา แต่ก็ดันไม่มา.........อึก....” อยู่ๆ
หนุ่มผมทองก็ระเบิดอารมณ์ใส่วัลแคนแน่นวิชาการ ก่อนเค้าจะมีน้ำตาไหลออกมาซะเอง
คุณร้องไห้หรือ……..วัลแคนหนุ่มบรรจงใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้กัปตันหนุ่มอย่างอ่อนโยน...........หากผมอนุมานไม่ผิด
คนที่คุณกำลังรออยู่ คือผมใช่ไหมครับ.......
“จะใครซะอีกล่ะ!”
ไม่มีความจำเป็นที่คุณต้องรอผมเลย.......
“ช่างมันเหอะน่า! ฉันจะรอหรือไม่รอ
มันก็เรื่องของฉัน..........นายเลิกใช้โทรจิตนั้นสักที......แล้วช่วยอ้าปากพูดกับฉันหน่อยจะได้ไหม!”
“ครับกัปตัน”
ถ้าไม่ติดว่าสป็อคใช้มือทั้งสองข้างจับแขนเค้าตรึงอยู่กับที่นอนแล้วล่ะก็ เคิร์กคงจะใช้มันก่ายหน้าผากทั้งสองข้างให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
เฮ้อออ.....ให้ตายสิ........จะบื้อไปไหนเนี่ย
......................................................
เอืออออออออ หวังว่าจะชอบกันนะคะ