วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 19] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec




 สวัสดีค่าาาาา  มาแล้วค่ะ ><  มาต่อกันแบบนานๆ มาที 555 //หัวเราะแห้ง//  แม็กนัสตัดสินใจถูกแล้วค่ะที่คิดทำตามหัวใจของตัสวเองในตอนนั้น  และใน Part นี้จะเป็นอย่างไรติดตามชมกันได้เลยค่ะ //อ้าวว มาแปลก ไม่ยักกะเมาท์//

ไม่อยากเมาท์หรอกค่ะ  หมดอารมณ์  เจอพวกชอบห้วนๆ ใส่  ใครที่ไรท์ยังคุยด้วยดีก็คือเลิศค่ะ  แต่คนที่ถามไรท์แล้วไรท์ตอบจิดเดียวแบบถามคำตอบคำนี่ ต้องพิจารณาค่ะ  ไม่ใช่เพื่อไรท์แต่เพื่อคนอื่นๆ ที่คุณคุยด้วยค่ะ  ฮืม อย่าให้ไรท์พูดเลยค่ะ  ไรท์ถือจริงๆ เรื่องพูดจาเนี่ย  บ่งบอกเลยว่าบ้านบอกมาว่าไง -*- //อุ๊ย  แรงไปป่ะ...ไม่หรอกเนอะ ^^//

พูดจากันดีๆ นะคะ  มีหางเสียงกับคนที่ไม่รู้จักหน่อย  คนๆ นั้นจะมองว่าคุณมีมารยาทมากๆ เลยล่ะค่ะ ^^  ด้วยความปรารถนาดีจากไรท์นะคะ ><



---------------------------------------------------------------------------------------


“อเล็คจะมาหาเราวันนี้”


.


.


**************************************************************************


.


.


เป็นเวลาเช้ามากเลยสำหรับการออกเดินทาง   ใช่ อเล็ครู้  ว่ามันเช้ามาก แต่เค้าอยากกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุด  การขดตัวอยู่ในห้องนั่งมองสมุดบันทึกของตัวเองมันทำให้อเล็ครู้สึกปวดร้าว..........ดังนั้น เค้าจึงขยับถอยห่างออกมาจากแม็กนัสที่ยังไม่ตื่น  เพื่อรับโทรศัพท์จากแม่  แมรีสผู้เป็นแม่โทรมาถามเรื่องเงินที่จะใช้คืนธนาคารกับเค้า ก่อนอเล็คจะบอกกับแม่ผู้ให้กำเนิดตัวเองว่าเค้าโดนไล่ออกจากที่ทำงานพร้อมกับทุกๆ คนในร้าน

และอย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ซ้ำเติมเค้าหรือพูดอารมณ์เสียใส่  แม่บอกให้เค้ากลับบ้าน และแน่นอนอเล็คมองไม่เห็นว่ามันจะมีหนทางที่ดีมากไปกว่านี้อีกแล้ว  อเล็คตัดสินใจจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่และน้องๆ ของเค้าก่อนที่จะหางานทำใหม่ที่นั่น  แต่วันนี้เค้าต้องกลับไปที่บ้านก่อน แล้วปิดบัญชีเอาเงินมาใช้หนี้ให้ครอบครัว

นั่นเป็นสิ่งที่นายต้องทำอเล็ค  นายเป็นลูกที่ดี  เป็นพี่ชายที่ดี.........อเล็คพร่ำบอกตัวเอง  ในระหว่างที่เหม่อมองออกไปด้านนอก เห็นกลีบเมฆสีขาวที่ล่องลอยเป็นอิสระ

หลังจากที่เค้าพบว่าแม็กนัสตื่นแล้วก็เอ่ยสั้นๆ โดยไม่สบตากับอีกฝ่ายหนึ่งว่าเค้าจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่และน้องๆ   ก่อนแม็กนัสจะทำท่าเหมือนโดนสาป  ไม่ยอมขยับไปไหน แล้วจู่ๆ ก็พุ่งพรวดออกประตูไปพร้อมกับคำบอกลาอย่างรวดเร็วเสียอย่างนั้น  อเล็คจึงเตรียมตัวเดินทางอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  เค้าโทรไปเช็คเที่ยวบินภายในประเทศซึ่งค่อนข้างถูกและกำลังจะหยิบกระเป๋าใบย่อมก้าวเดินออกจากห้องพักไป

แต่แล้วจู่ๆ ประตูห้องของเค้าก็ถูกรบกวนโดยผู้ดูแลที่ท่าทางเหมือนเพิ่งโดนงัดขึ้นมาจากที่นอน  ยืนถือถาดอาหารและยาอยู่ตรงนั้น  เธอหาวในขณะที่อเล็ครับมาแล้วขอบคุณ  แต่ก็ยังไม่ยอมไปไหนจนกว่าอเล็คจะยอมแตะเหมือนทุกๆ ที 

ร่างบางซึ่งถูกขัดจังหวะอย่างทันเวลางุนงง  แต่เค้าก็ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะเห็นว่าผู้ดูแลใจดี อีกทั้งเธอยังคอยทำแบบนี้ตั้งแต่เค้าเริ่มป่วยแล้ว   และด้วยความที่ว่าเมื่อคืนเค้าท้องว่าง จึงไม่ยากนักกับการทานมื้อเช้าในตอนที่เค้าค่อนข้างเร่งรีบเช่นนี้

อ่อ อเล็คจ๊ะ....เพื่อนของเธอที่เพิ่งออกไปน่ะ  ดูเค้าเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ดูเหมือนเค้าไม่เหมือนคนที่เพิ่งตื่นเลย  ดู...หาววว ดูกระปรี่กระเปร่าตลอดเลย”

อเล็คยิ้มให้หลังจากที่เธอพูดจบแล้วหาวอีกรอบ อย่างไม่ใคร่เข้าใจนัก  อาจจะเป็นเพราะค้างที่นี่เมื่อคืนนี้ก็ได้มั้ง  อเล็คไม่ได้ติดใจอะไรเสียเท่าไรในขณะที่เค้ากำลังออกมาจากอาร์พาร์ทเมนท์และเกือบชนเข้ากับคาร์ลในตอนที่อีกคนหนึ่งลงมาเอาหนังสือพิมพ์ที่ด้านล่าง

อเล็คยิ้มเศร้าหลังจากที่เพื่อนข้างห้องขอโทษและยิ้มให้เค้า........อเล็คคงจะคิดถึงทุกคนที่นี่น่าดูเลยเมื่อไม่อยู่ที่นี่แล้ว

แต่คงจะอยู่ต่อที่นี่อีกไม่ได้ เมื่อไม่มีงานให้ทำและไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว.........

และจนกระทั่งได้ขึ้นเครื่องไป  อเล็คก็หลับไปด้วยความเพลียจากการโดนทำร้ายจิตใจจนบอบช้ำเมื่อคืนนี้ซึ่งยังไม่หายดี  ร่างบางของลูกชายคนโตตระกลูไลท์วู้ดรู้สึกตัวในตอนที่มีคนปลุกเค้าเมื่อมาถึงที่หมายแล้ว  อเล็คเดินตัวปลิวออกจากสนามบินเพราะมีกระเป๋าใบย่อมๆ ติดตัวมาเพียงใบเดียว  อากาศที่นี่เริ่มหนาว เสื้อโค้ทตัวหนาของอเล็คสร้างความอบอุ่นได้ดีแม้ในเวลานี้ซึ่งก็ยังเช้าอยู่ซึ่งจะมีหมอกลงหนาเป็นพิเศษก็ตาม

บางทีในตอนที่เค้าย้ายของมาที่บ้าน  หิมะก็คงจะตกแล้วในตอนนั้น...........

ร่างบางผิวขาวราวกับผู้ที่ไม่เคยออกแดดมาก่อน แต่งตัวมิดชิดและอบอุ่นสู้กับสภาพอาการที่เริ่มจะหนาวเย็นของพื้นที่  อเล็คลงจากแท็กซี่และมาถึงบ้านของเค้าในที่สุด..........

หมายถึง บ้านของพ่อกับแม่แล้วก็น้องสาว น้องชายน่ะนะ

แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเดินเข้าไปหาตัวบ้านอีกเกือบไมล์  เพราะสร้างอยู่ในที่ส่วนบุคคล เป็นที่ดินของครอบครัวมาตั้งแต่สมัยพ่อของคุณปู่  บ้านจึงเก่าและตั้งอยู่ห่างจากถนนสายหลักอยู่พอสมควร  ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายของท้องถนน  ถึงแม้ว่าในพื่นที่ชนบทเช่นนี้จะไม่ค่อยมีรถราสัญจรไปมาก็ตามเถอะ

............แต่พูดก็พูดเถอะ  ไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อกับแม่จะเอาบ้านซึ่งเป็นมรดกเพียงชื้นเดียวของตระกลูไปจำนองกับธนาคารแบบนี้.............

และทันทีที่มาถึงตัวบ้านในที่สุด  อเล็คก็เปิดประตูเข้าไปเห็นทุกคนพร้อมหน้าอยู่ที่โต๊ะอาหาร  อเล็คยิ้มให้กับทุกคนและรู้สึกดีที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาที่โต๊ะอาหาร.....มันทำให้อเล็ครู้สึกอบอุ่นใจ

ทุกคนเข้ามากอดเค้าทีละคน  และแม่ก็ชวนเค้าทานมื้อเช้าด้วยกัน  อเล็คปฏิเสธไม่ได้เพราะเค้าเองก็คิดถึงครอบครัวมากเหลือเกิน  ดังนั้นมื้อเช้าที่เหนือความคาดฝันของทุกคนจึงได้เริ่มขึ้น

“อเล็คพี่ว่าฉันใส่ชุดลูกไม้สีดำทั้งตัวแล้วสวยหรือเปล่า?” อิซาเบลที่ยืนบิดเอวอยู่ตรงหน้าอเล็คเอ่ยถามขึ้น  เธอดูไม่แน่ใจ  หลังจากที่มื้อเช้าหมดไปแล้ว

“อืม  สวยสิ เธอใส่ชุดอะไรก็สวยทั้งนั้นล่ะอิซซี่” พี่ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเก่าของพ่อหน้าเตาผิง ยิ้มน้อยๆ แล้วตอบไป  อเล็ครู้สึกห่างเหินกับน้องๆ ไม่น้อยเลย  และเค้ารู้ว่าตัวเองเป็นที่คาดหวัง ถ้าหากทำให้ทุกคนผิดหวัง ความห่างเหินนี้ก็จะกลายเป็นการถูกเมินเฉยไปโดยปริยาย (ซึ่งแท้จริงแล้วนั่นสำหรับอิซาเบล)

“แล้วเป็นแบบกระโปรงใส่ถุงน่อง หรือว่ากางเกงดีล่ะ?” อิซาเบลถามอีก  เธอดูไม่เดือดไม่ร้อนที่บ้านกำลังจะถูกยึด  เพราะอแล็คมา แล้วยังไงอเล็คก็ต้องจ่าย.........เธอคิดและดีใจที่แผนไปแคลิฟอร์เนียของเธอจะไม่ถูกระงับ

อเล็คครุ่นคิดเท่าที่พอจะนึกภาพออกแล้วโดนตัดหน้าไปเสียอย่างนั้น “พี่จะใส่อะไรก็ทุเรศไปหมดนั่นล่ะอิซาเบล” แม็กซ์น้องชายคนเล็กเอ่ยอย่างไม่พอใจนิดๆ เนื่องจากไม่ถูกโรคกับพี่สาวของตัวเองนัก เด็กชายเอ่ยในขณะที่เดินผ่านหน้าของอิซาเบลไป

อเล็คปรามเล็กๆ ดังเช่นทุกครั้งที่เค้าอยู่ “แม็กซ์....”

แม็กซ์เวลล์ แกว่าอะไรนะ!” และก็เป็นดังเช่นทุกครั้งที่เค้าไม่เคยทันอิซาเบลเลย  น้องสาวเริ่มระเบิดอารมณ์ในตอนที่แม็กซ์กำลูกบิดประตูทางเข้าบ้านและกำลังจะเปิดมันออก เด็กชายในชุดเตรียมออกจากบ้านหันมาพูดอย่างติดจะรำคาญใส่พี่สาว

“หูตึงหรือ....” แม็กซ์ไหวไหล่  ส่ายหัวน้อยๆ แล้วอ้าแขนในเวลาเดียวกัน  เค้านอนไม่หลับถ้าไม่ได้กวนประสาทอิซาเบล “.....อเล็คพี่เลิกห้ามผมได้แล้ว ผมคิดว่าผมโตพอแล้วที่จะวิจารญ์การแต่งตัวของอิซาเบลและรู้ดีว่าพูดอะไรออกไป  อย่างน้อยอิซาเบลก็ไม่ใช่คนอื่น  เธอเป็นพี่ที่ผมจะว่าได้โดยสบายใจ  ซึ่งต่างจากพี่ที่ผมติดจะเกรงใจนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับอิซาเบล....ผมดีใจที่พี่กลับมานะอเล็ค และอิซซี่ อเล็คไม่กล้าที่จะบอกพี่หรอกว่าใส่ชุดพวกนั่นแล้วน่ะ  พี่ดูเหมือนโสเภณีมากแค่ไหน”

แม็กซ์ผู้กล้าหาญและอยากปลดแอกจากลัทธิแฟชั่นเปลืองงบประมาณของพี่สาวกล่าวหน้าตาเฉย  ก่อนผู้ถูกกล่าวหาจะคำรามใส่แล้วทำท่าเดินเข้าไปหาน้องคนสุดท้อง  แต่คงเป็นโชคดีของแม็กซ์เวลล์เสียแล้วที่พี่คนโตของพวกเค้านั่งอยู่ตรงนั้น

“อิซซี่ขอร้อง....” แต่อิซาเบลแยกเขี้ยวใส่อเล็คแล้วชะงักเล็กน้อย

“มันว่าฉันโสเภณี!” เธอร่ำร้อง

“อย่า  ได้โปรดเถอะ” อเล็คอ้อนวอนและทำหน้าจนใจ  อิซาเบลยอมหยุดอย่างไม่น่าเชื่อแล้วหาทางอื่น

“แม่คะ!” เธอตะโกน

“แม่กำลังคุยกับคนของแบงก์อยู่  แม่ไม่อยากฟังเสียงน่ารำคาญของพี่หรอก” แม็กซ์แสยะยิ้มแล้วทำหน้าสะใจเล็กๆ อิซาเบลกระทืบเท้าแต่อเล็คไม่ได้สนใจ  เค้าหันไปถามน้องชายคนสุดท้องแทน

“เอ่อ...แม็กซ์  นั่นนายจะไปไหนน่ะ”

แม็กซ์หันกลับมาอีกแล้วยักไหล่ “ออกไปข้างนอก....เบ็ตตี้นัดผมไว้”

เบ็ตตี้?” อเล็คทวนคำ

แฟนน่ะ” น้องชายของเค้ายิ้มอย่างอารมณ์ดี  และอเล็ครู้สึกทึ่งที่น้องของเค้ารวดเร็วเหลือเกิน เค้าอุทานเสียงเบา

“ว้าว”

“ม่ายย  ไม่ใช่หรอก ผมล้อเล่น ฮ่ะๆๆ  อเล็คพี่จำเพื่อนของผมที่มีหมากฝรั่งติดหัวอยู่ตลอดเวลาได้ไหม  โรเบิร์ตน่ะ จำโรเบิร์ตได้ไหม....ช่ายย เค้าชื่อเหมือนพ่อ ถ้าเรียกเค้าว่า ร็อบ ก็จะเหมือนกับที่เพื่อนของพ่อเรียกพ่ออีก  ผมก็เลยเรียกเค้าว่า เบ็ตตี้ แทนน่ะ  มันฟังดูจำง่ายดี” แม็กซ์ยิ้มอีก แต่ฝืนความรู้สึกที่อยากขำใส่อเล็คอเอาไว้ด้วย  แต่อเล็คเอ่ยขึ้นอย่างทันควัน

“เค้าตัดสกินเฮดรึยังล่ะ?”

“ยังเลย ฮ่ะๆๆ  ผมจะเตือนเค้าให้นะ ฮ่ะๆๆ ......”

แม็กซ์เวลล์  เอาขยะไปทิ้งให้แม่ด้วยนะ แล้วก็เอาหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งมาส่งมาให้พ่อด้วย!” เสียงแม่ของพวกเค้าตะโกนออกมาจากในครัว และถึงจะเป็นเพียงแค่การใช้เล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่การสั่งห้ามออกไปข้างนอก  แต่นั่นก็ทำให้เด็กชายรู้สึกเซ็งได้ไม่น้อยเลย

แม็กซ์อุทานงึมงำ  ก่อนจะเดินงอตัวผ่านอิซาเบลเข้าไปหยิบถุงขยะในห้องครัว  อิซาเบลแสยะยิ้ม แลบลิ้นให้น้องชายอย่างสะใจ  ก่อนที่แม็กซ์จะชูนิ้วกลางให้เธอในตอนที่เดินออกมาแล้ว  เป็นเหตุให้อเล็คต้องเอามืออุดหูในตอนที่อิซาเบลกรี๊ด..........น้องของเค้าไม่เคยโตเลย  มันไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อเกือบสิบปีก่อนที่เค้าจะไป

“อเล็คพี่หนาวมากหรือ” แม็กซ์พูดในขณะที่โหนตัวกับลูกบิดประตูหน้า

พี่ชายคนโตที่มีผ้าพันคอผืนบางแต่ทว่าห่มพันอย่างมิดชิดอยู่รอบคอของเจ้าตัว ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกมา เค้าเพียงยิ้มเจื้อนๆ ให้น้องชายเท่านั้น...........ถ้าคนอื่นเห็นรอยบนคอของเค้าจะต้องเกิดเรื่องแน่ๆ เลย

“อ่อ ผมลืมไปว่าพี่ขี้หนาว.....แต่บางทีพี่อาจต้องทนหน่อยนะ เพราะว่าพี่คงจะต้องสละมันมัดปากอิซาเบลเสียแล้วล่ะเพราะเธอกำลังจะคำรามอีกแล้วดูสิ ฮ่าๆๆๆ”

“แม็กซ์! อิซาเบลคำรามจริง  เธอมีความโมโหอยู่เต็มเปี่ยมและทำตัวเป็นคุณหนูมากเกินไป และมันพอที่จะปล่อยให้น้องชายหนีไปได้โดยไม่ทำอะไรเลย

แต่แล้วแม่ก็เดินออกมาจากครัวในที่สุด  แมรีสผ่านหน้าอิซาเบลที่ทำหน้าเหมือนมีคนฉีกชุดโปรดของเธอ แล้วหย่อนกายนั่งลงตรงข้ามกับอเล็คผู้ที่ดูเหมือนผู้บริสุทธิ์ซึ่งโดนสอบสวนอยู่  ร่างบางซึ่งเป็นลูกชายสวมเสื้อที่มีฮู้ดทับกับเสื้อยืดสีเข้าชุดกันในแบบของเค้า  นั่งกุมมือเกี่ยวนิ้วกันไปมาอยู่บนตักในขณะที่แม่ของเค้าหายใจได้อย่างทั่วท้อง........อเล็คชอบทำแบบนี้เสมอในเวลาที่เค้าไม่ชอบและไม่อยากทำอะไร  แต่แม่ไม่เคยสังเกตุหรือทำความรู้จักกับท่าทางนั้นของเค้าเลย

“อเล็ค” แม่เค้าเรียก

“อ๊ะ  ครับ...” อเล็คยกไหล่ขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่เค้าทำเหมือนโดนดีดนิ้วใกล้ดวงตา  แมรีสยิ้มอย่างเก็บอาการเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม?”

“คะ ครับ  ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” อเล็คเม้มริมฝีปาก  มองต่ำลงพื้นหลังจากกล่าวจบ...........เค้าควรต้องทำเพื่อครอบครัว ดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

“เยี่ยมเลย....” แมรีสมีท่าทางผ่อนคลายและยิ้มแย้ม

“แม่คะ!” แต่แล้วคำถัดไปของประโยค  เธอก็โดนลูกสาวเพียงคนเดียวขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน  เนื่องจากยังคงไม่พอใจที่โดนน้องคนสุดท้ายทำท่าทางหยาบคายใส่  แต่แม่ของเธอมีเรื่องสำคัญมากกว่านั้นต้องให้ทำ  อิซาเบลจึงโดนไล่ออกไปจากตรงนั้น

อะไรอิซาเบล  แม่ไม่ว่างคุยเรื่องเอาแต่ใจกับลูกหรอกนะ.......ไปที่อื่นไป  แม่จะคุยธุระกับพี่” เธอว่าเพียงแค่นั้น ก่อนจะโดนลูกสาวถอนหายใจใส่อย่างไม่พอใจอีกรอบ  แต่อิซาเบลก็ต้องยอมเดินออกไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลยอย่างเสียไม่ได้  แมรีสกลับมาปั้นยิ้มและตั้งสมาธิใหม่

“เอาล่ะอเล็ค  แม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะ......”

“แมรีส!

เธอโดนขัดอีก  แต่คราวนี้เป็นคนที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้  เธอจึงต้องหุบยิ้มแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางหลับตา อย่างไม่ชอบใจที่โดนขัดจังหวะแล้วเอ่ยถามออกไป

ว่าไง” อเล็คคิดว่าเสียงแม่ของเค้าฟังดูเหมือนพยายามสกัดกลั้นอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง  ร่างบางเผลอห่อไหล่  เม้มริมฝีปากบางของตัวเอง แล้วเบิกตากว้างอย่างตื่นตัว เมื่อแม่ของเค้าทำตัวน่าหวั่นเกรง

หนังสือพิมพ์ฉัน  มันกำลังเดินมาอยู่รึไง” เสียงพ่อดังมาจากด้านใน  แมรีสได้ยินแล้วก็อดเบื่อหน่ายไม่ได้  เธอตะโกนเรียกลูกชายคนเล็กที่อยู่หน้าบ้าน

แม็กซ์เวลล์!  ลูกไปเอาหนังสือพิมพ์มาให้พ่อถึงไหนกันน่ะ  เร็วเข้า

แม็กซ์เวลล์ไม่ตอบแม่  เพื่อไม่ให้อารมณ์ของแม่และความอยากหนังสือพิมพ์ของพ่อพลุ่งพล่านไปมากกว่านี้  อเล็คจึงตัดสินใจที่จะขยับตัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น

“เอ่อ...ผมว่าแม่น่าจะไปดูน้องหน่อยนะฮะ  บางทีเค้าน่าจะออกไปแล้ว”

อเล็คเห็นแม่หลับตาแล้วสูดหายใจอีกครั้ง  แม่ยกมือขึ้นเล็กน้อย “โอเค  แม่จะไปเพื่อให้พ่อเลิกบ่นหาหนังสือพิมพ์ของเค้าเสียที และเราก็จะมาคุยกันต่อ....โอเคนะอเล็ค เดี๋ยวแม่กลับมา”

“ได้เลยครับ” อเล็คกระพริบตาใสๆ ใส่แม่ของเค้า  มองดูหญิงสูงวัยแต่ทว่ายังคงความสวยเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยมลุกขึ้นอ้อมโซฟาไปยังประตูหน้า  บานที่ซึ่งเมื่อมองผ่านกระจกใสตรงบานประตูไม้แล้วยังคงเห็นบรรยายกาศยามเช้าที่มืดมัวและปกคลุมไปด้วยหมอก

ภายในบ้านเปิดไฟน้อยดวงและก่อเตาผิงจึงทำให้อเล็คที่นั่งอยู่ข้างมันรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง......แต่อเล็คไม่เข้าใจ  ทำไมฝ่ามือทั้งสองที่กุมกันอยู่และบิดไปมาของเค้าถึงได้เย็นเชียบอย่างนี้นะ

ที่ด้านนอกแมรีสกระชากลูกบิดประตูออกจากบานพับอย่างเก็บอารมณ์  เธอออกมาตามหาลูกชายที่น่าจะมาเอาหนังสือพิมพ์ของสามีเธอไปแล้วเมื่อสองนาทีก่อน  และแมรีสก็เห็นแม็กซ์เวลลล์ยืนหันหลังให้เธอที่บันไดหน้าบ้าน  เด็กชายยืนอยู่ระหว่างขั้นที่สองในสามขั้นซึ่งไม่น่าจะมีอยู่ของตัวบ้านอย่างนิ่งเงียบ  แมรีสอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม......เธอไม่ชอบให้ความอ่อยอิ่งมาทำให้เสียเวลาอันแสนจะมีค่าของเธอ

“แม็กซ์ ให้ตายเถอะ แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่า......” หญิงผู้เป็นแม่ก้มมองพื้นขณะเดินเข้าไปใกล้ลูกชายคนเล็กที่มัวแต่ทำเหมือนราวกับว่าเสียงของเธอไร้ตัวตน  แมรีสเงยหน้าขึ้นเมื่อไม่พบสิ่งของกีดขวางทางเดินของเธออยู่ และกำลังจะแตะไปที่ไหล่แม็กซ์  แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักมือลง อยู่ในอาการเดียวกับลูกชายที่ถือหนังสือพิมพ์ค้างอยู่กับที่

แม็กซ์เวลล์พูดเป็นประโยคแรกในที่สุด

“แม่ฮะ  อเล็คมีคนมาหา...”


.


.


***********************************************************************************


.


.


“แม่ฮะ  อเล็คมีคนมาหา...”

แม็กซ์เอ่ยเพียงแค่นั้น  ในขณะที่ตรงหน้าของพวกเค้าคือ รถ  Agera คันงามสีน้ำเงินสดตัดดำ.....จอดเทียบท่าอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน  และปรากฏเป็นร่างของชายหนุ่มร่างสูงสะโอดสะองที่เปิดประตูลงมายืนอยู่เคียงข้างรถคันสวยของเค้า  ท่าทางของเค้าดูรีบร้อนเป็นอย่างมาก

แม็กนัสถอดแว่นกันแดดออก  สูดหายใจเข้าปอดเล็กน้อย หลังจากพยายามเก็บอาการหอบฮั่กเพราะตื่นเต้นของตัวเองไว้  เค้าปิดประตูรถแล้วเอ่ยทักทายแม่กับน้องชายของอเล็คตามมารยาทโดยติดค่อนข้างที่จะรีบไปเสียหน่อย แล้วเอ่ยถามต่อไปอย่างรู้สึกร้อนรุ่ม “อเล็คอยู่ไหมครับ”


.


.


.


TBC.


----------------------------------------------------------------------------------------


แม็กนัสนัสส! >{}<  แม็กนัสขับ  Agera สีน้ำเงินมาช่วยอเล็คแล้วค่ะ >{}<!!!! //เอ๊ะ  มีด้วยเหรอ  เค้ามีแต่ขี่มาข้ามาช่วย.....ตอนแรกไรท์พิมพ์  ขี่  Agera มาช่วยเสียด้วยซ้ำค่ะ 55555  Agera ขี่ได้ด้วยเหรอ 555//

โถ่ ---  ได้เป็นพระเอกที่เริ่มจะตาสว่างแล้วก็คุกใหญ่เลยนะ  ไปปลุกป้าเค้าตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาตื่น  นายนี่สปิริตสูงจริงๆ แม็กนัส  หลังจากเมื่อก่อนทำเอาไรท์รู้สึกอยากบีบคอหมอนี่เพราะทำอะไรไม่ได้ดั่งใจไรท์เลยสักอย่างค่ะ...........ในบรรดาคลังพระเอกของฉัน  นายอยู่อันดับสุดท้ายยะ  เพราะทำให้อเล็คเจ็บปวดมากกก

//สักพักโดนสาป//  ง่า  รองสุดท้ายก็ได้  ตอนนี้ตาเริ่มสว่างแล้วหนิ 555---- อ๊ากกก //โดนช็อต//

โอย พอแล้ว! //เล่นเอง//   แม่ของอเล็คนี่ก็เหลือเกินน่ะ  ใยจึงไม่คิดถึงจิตใจของลุกบ้างเลยล่ะคะ  เคยถามบ้างไหมว่าอเล็คอยากจะทำอะไร?????  อิซซี่ก็พอกันเลย....อย่าเอาแต่ใจสิ

ง่าาาาา  แม็กนัส  รู้ไหมว่านายหล่อมากเลยอ่ะ “อเล็คอยู่ไหมครับ” อร๊ายยยยยยยยยยย >{}<  เท่-----มากกกก  พุ่งเข้าไปฉุดอเล็คออกมาเลยยยย  //ส่งเสริม// 

Part หน้าจะเป็นอย่างไรก็ติดตามกันด้วยนะค้าาาาา  M_ _M  คอมเม้นท์กันด้วยนะเออ  ไม่เห็นคอมเม้นท์แล้วใจจิขาดรอนๆ ค่ะ  กะลังใจหด T^T

รักรีดนะคะ ><

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




ไม่มีความคิดเห็น: