กราบสวัสดีค่ะรีดขา TUT //มาอย่างสงบเสงี่ยมและเจียมเนื้อเจียมตัว// ไรท์หายไปเกือบสองเดือนเลยค่ะ ไรท์รู้ตัว...กระซิก กระซิก
TWT ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปแบบว่านานมากๆ
เลยน่ะค่ะ กว่าไรท์จะผ่านมาได้ เอื้ออออ! แทบลากเลือดเลยค่ะ และที่ต้องเอ่ยถึงคือต้องขอบคุณกำลังใจจากรีดๆ ทุกท่านมากเลยนะคะ
>< ที่ทำให้ไรท์ผ่านมาได้และมีกำลังใจเขียนฟิคเรื่อยมาค่ะ
และอีกเรื่องหนึ่งค่ะที่ไรท์ขอกรี๊ดใน
Part นี้หน่อย นั่นก็คือ.......ไรท์กลับบ้านแล้วค่าาาาาาาาาา!!!!!!!
>{}< กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! แม่ให้ไรท์กลับบ้านแล้วค่ะ ไม่ต้องยงต้องอยู่มันแล้วค่ะหอพักน่าสะพรึงที่สูบเอาพลังชีวิตของไรท์ไป(?)
เย้ๆๆๆ! ในใจไรท์จุดพลุไปสามซอยเลยค่ะ 55555555555 พร้อมกับฉลองโต๊ะจีนอีกสามวันสามคืน
5555555 มโนเอานะเออ 55555555 //บ้าไปแล้ว -*- รีดมิได้กล่าว//
เพราะงั้นตอนนี้ไรท์ก็กำลังกลับมาทำงานที่ไรท์รักที่สุดอยู่ค่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีสอบและมีโปรเจคอีกนิดหน่อย แต่ไรท์ก็กลับมาเขียนฟิคต่อแล้วค่ะ >///< ฮาาาาาา ดีใจมากเลยค่ะ 555555555 //สะใจโชคชะตา//
เอิ่มมม รู้สึกว่าไรท์จะนอกเรื่องมาหลายวรรคแล้วล่ะค่ะ
-*- นี่จิมาลงฟิคมิใช่หรือ งั้นก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ ^^ ไรท์มาต่อจากเมื่อตอนที่แล้วค่ะ.....ซึ่ง เอ่อ
นานมากอยู่ทีเดียวเนอะ 5555
ในตอนที่เจซเข้ามาบอกถึงความลับของอเล็คให้แม็กนัสรู้ถึงในห้องนะคะ ต่อจาก Part ที่ 24
เลยค่ะ
ไม่เสียเวลาดีกว่าเนอะ เพราะเดี๋ยวไรท์จะเมาท์ยาวค่ะ 55555 ไปอ่านกันเลยค่าาา >///<
---------------------------------------------------------------------------------------------
เจซยักคิ้ว “นั่นข่าวนายใช่ไหม?” เค้าเผลอพูดดีด้วย
.
.
***********************************************************************
.
.
แต่แม็กนัสกลับไม่ได้ฟังเจซแล้ว
ร่างสูงสะโอดสะองหันมาประจันหน้ากับทีวีจอขนาดใหญ่ของตนเองแล้วกดรีโมทเพื่อเร่งเสียงให้ได้ยินได้อย่างชัดเจน
...........อะไรกัน อย่าบอกนะว่าเอลซ่าป่าวประกาศเรื่องที่เค้ามีปากเสียงกันเมื่อคืนนี้น่ะ............
แม็กนัสไม่เข้าใจ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น
แล้วฟังข่าวอย่างตั้งใจ
“เรามาดูคลิปจากมือดีที่ได้นำภาพของทั้งสองมาปล่อยให้ว่อนเน็ตจนเป็นกระแสข่าวช็อควงการกันดีกว่าค่ะ.....”
“ฉันรักคุณแม็กนัส! ฉันไม่อยากห่างจากคุณเลย ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณ”
“งั้นคุณให้คำตอบเรื่องไวน์ขวดนั้นกับผมได้ไหม”
“มันเป็นเรื่องผิดพลาด
ฉันไม่ได้ตั้งใจ.....”
“มันเป็นของคุณจริงๆ ใช่ไหม?”
“สาบานได้
ฉันไม่ได้.....มันไม่ใช่ของฉันจริงๆ นะ
ที่ฉันมานี่ก็เพื่อให้คุณมั่นใจ และบอกให้คุณรู้ว่าฉันรักคุณ”
“แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะทำแบบนี้”
“แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น
ฉันทำไปก็เพื่อคุณนะ......”
“ด้วยการวางยาผมอย่างนั้นหรือ?!”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะ.....”
“แต่ฉันทำไปก็เพื่อคุณ!
เพราะฉันรักคุณ! ฉันก็เลยต้องทำทุกอย่าง.....ออกรับทุกอย่างที่จะมัดใจคุณได้!”
“เพราะว่าคุณชอบ
คุณดูมีความสุขเมื่อพูดถึงสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ มันเลยทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียคุณไป!
ฉันเลยต้องทำแบบนั้น พูดคำว่า อ่อใช่ ฉันเป็นคนทำเอง เพื่อให้คุณยังคงรักฉันต่อไป”
“นั่นหมายถึงการโกหกผมมาโดยตลอดหลายปีอย่างนั้นหรือ”
“โอ้ แม็กนัส......”
ปรากฏเป็นภาพในตอนที่เอลซ่าถ่างเล็บกำลังจะเข้ามาจับหน้าของแม็กนัส
เจซแอบคิดไปว่าตัวเองกำลังดูหนังสยองขวัญที่ตัวบ๋วยซึ่งตายคนแรกของเรื่องกำลังถูกปีศาจดูดวิญญาณไปอยู่
“โอ้ นายให้เธอแตะหน้าจริงๆ
รึเปล่า....เขย่าขวัญฉันสุดๆ ไปเลย”
จนกระทั้งประโยคเด็ดของหัวข้อข่าวมาถึง
“เอลซ่า.....เราเลิกกันเถอะ”
“อะไรนะ?.....คุณ คุณว่าอะไรนะ คุณพูดอะไรออกมา! เห็นความรักของฉันมันไม่มีค่ารึไง! จะมีใครรักคุณเท่าฉันไหม.....ไม่ ไม่มีใครรักและอยากอยู่ใกล้คุณเท่าฉันอีกแล้ว!”
“โว้วว ฉันชอบตอนนายพูดงั้นจังแม็กนัส พูดใหม่ให้ฟังหน่อยสิ”
วิดีโอนั่นตัดภาพไปมา
ยังฉากสำคัญของบทสนทนาที่เต็มไปด้วยอารมณ์คลั่งรักอันเดือดพลานของเอลซ่า
“เค้ายังน่าคบมากกว่าคุณเสียอีก”
“กรี๊ดดด!.....ฉันเกลียดมันนน!”
เอลซ่าในคลิปร้องลั่นจนทำเอาเจซตกใจ
“ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้วหรือ พระเจ้า”
เค้าพึมพำ และแม็กนัสก็พึมพำเสียงเรียบกลับไป
“ฉันก็พูดแบบเดียวกับนายนั่นแหละ”
“โอ้ พระเจ้าเอลซ่า.....คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ”
“ผมว่าเราไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้วล่ะ คุณกลับไปได้แล้ว
เรื่องที่คุณโวยวายวันนี้ผมจะลืมมันไปซะและไม่บอกเรื่องนี้กับสื่อมวลชน”
“คุณหมายความว่ายังไง!”
ฉากนั้นโดนตัดไป
และดูเหมือนภาพจะจงใจหยุดอยู่ที่หน้าเบี้ยวๆ ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยเครื่องสำอางค์ของนักแสดงสาว เจซเริ่มวิจารณ์อีก “หน้าของเธอเป็นอะไรน่ะ.....มาสคาร่าเหรอ?
พระเจ้า.....ถ้านายเห็นเธอในลุคนี้หนึ่งวันก่อนจะเจอกัน นายจะยังคบกับเธออีกไหม?”
“หุบปากน่า ฉันกำลังดูอยู่”
แม็กนัสไม่สนใจ ตอนนี้ภาพในจอทีวีกำลังสร้างความประหลาดใจระคนสงสัยแก่เค้าอยู่เป็นอย่างยิ่ง
“ผมเสียใจจริงๆ ที่หลงไปรักคนอย่างคุณ...”
“บ้า! คนบ้าเอ้ย! รู้ไหมว่าฉันน่ะมีคนหลงใหลมากมายแค่ไหน! ทำไมถึง.....”
ภาพภายในห้องของแม็กนัสหายไป ตัดไปที่เบื้องหลังประตูซึ่งมีเอลซ่ากำลังดิ้นเร่าๆ
ทุบประตูระรัวอยู่ด้านนอก
กระทั่งเธอยอมล่าถอยออกไปอย่างเสียมิได้
และใช่ว่าคลิปจะจบเพียงแค่นี้
เท่านั้นยังไม่พอถัดไปยังเป็นภาพกล้องวงจรปิดที่เธออาละวาดพังทำลายข้าวของในห้องของตัวเองเมื่อกลับมาถึงอีกต่างหาก
เรียกได้ว่าภาพพจน์คุณหนูนางเอกอันแสนดีของเอลซ่าถึงกับมลายหายไปในทันที
สำหรับทุกคนที่ได้ดูคลิปวิดีโอนี้
และคงจะแจ้งแก่ใจกันแล้วว่านักแสดงสาวไม่ได้ไร้เดียงสาหรือน่านิยมชมชอบเช่นในความคิดของใครหลายๆ
คนอีกต่อไป
แถมบางคนยังตั้งหัวข้อข่าวอย่างไม่ไว้หน้าไว้ตาของเธอเสียตรงประเด็นอีกด้วย
ชายหนุ่มสองคนที่ต่างกันสุดขั้ว
ซึ่งพักสงบศึกกันมาได้สักพักหนึ่งก็นั่งจ้องนักอ่านข่าวกลอสซิปวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับข่าวนี้กันอย่างออกรส
ไม่มีโทรศัพท์เข้ามาหาแม็กนัสเพราะไม่มีใครในวงการรู้เบอร์ของเค้า
นอกจากผู้จัดการส่วนตัว ดังนั้น
หากอยากคุยกับเค้าจะต้องผ่านด้านผู้จัดการฝีปากจัดเสียให้ได้ก่อน และเอลซ่าก็คงจะเหมือนๆ กัน
จะต่างกันก็แค่ว่าเธอคงจะเหมือนคนที่ตายทั้งเป็น
และตอนนี้เชื่อว่าคงจะเสียสติไปแล้วเพราะภาพพจน์คนดีที่ไม่เหลือชิ้นดีของเธอ
................นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้นางเอกอดีตแฟนสาวของ
แม็กนัส เบน
ต้องกรีดร้องและร้องไห้ออกมาในเวลาเดียวกันเมื่อรู้ข่าว...........
แม็กนัสเปิดสนามเอ่ยงึมงำคนแรก
“มันเกิดเรื่องบ้าอย่างนี้ขึ้นได้ยังไง”
“อะไร นายไม่ได้เลิกกับเธอเหรอ?”
เจซชะโงกหน้าออกไปอย่างหงุดหงิด........นี่ตกลงเจ้าหมอนี่โกหกหรือไง!?
แม็กนัสหันหน้ากลับมาอย่างไม่ได้ญาติดีด้วยเท่าไรนัก
“ไม่! ฉันเลิกกับเธอแล้วจริงๆ เมื่อคืนนี้นี่เอง แต่ว่าภาพพวกนั้นมันถูกปล่อยออกไปได้ยังไงกัน” ร่างสูงที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวของกับข่าวโดยตรง
ไม่เข้าใจ
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” เจซว่า เค้าค่อนข้างปากดี
“ฉันไม่ได้ถามนายจริงๆ
เข้าใจไหม
แต่ถ้านายตอบฉันได้ก็เยี่ยมไปเลย” แม็กนัสทำหน้าระคนเบื่อเซ็ง
“ฉันไม่ต้องการมีประโยชน์สำหรับนาย”
และแน่นอนเจซไม่เคยคิดอยากจะเล่นด้วย
ร่างสูงผมบล์อนบอกเอื่อยๆ
“คิดในแง่ดีซี่นายจะได้ไม่ต้องแถลงข่าวแล้วก็หาข้ออ้างกับนักข่าวไง เจ๋งดีออก”
“ไปตายซะเวย์แลนด์”
แม็กนัสแหวใส่ ไม่สนุกด้วยเลย และเค้าก็พยายามประมวลผลในสมองของตัวเองว่ามีใครบ้างที่ไม่ชอบเค้าหรือเอลซ่าและเอาภาพเหล่านั้นออกไปเผยแพร่เพื่อสร้างความเสียหาย แต่แม็กนัสก็นึกไม่ออกเลย........แต่ไม่แน่
เอลซ่านิสัยที่แท้จริงเป็นแบบนั้นอาจจะมีคนไม่ชอบหน้าเยอะก็ได้ใครจะไปรู้
เอลซ่าคงจะได้ดูคลิปนี่ แล้วรู้ถึงกระแสข่าวแล้ว......เธอคงจะไม่ชอบใจอย่างแรงเป็นแน่แท้เลยทีเดียว
คนที่ทำเรื่องนี้ได้ฉีกหน้าของเธอจนยับเยิน
จนอาจเรียกได้ว่าทุกๆ คนจะไม่มีวันมองเธอเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
แต่ถ้าเอลซ่ามองว่านี่คือฝีมือของคนที่ทำให้เธอเจ็บแค้นมากที่สุดล่ะ...........
คนที่เปรียบเสมือนได้แย่งทุกสิ่งทุกอย่างของแม็กนัสไปจากเธอ และอาจต้องการซ้ำเติมเธอให้อยู่หมัดด้วยความสะใจอีกด้วย
แม็กนัสผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นเหตุให้เจซซึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างออกไปนักต้องตกใจอย่างเสียมิได้
“มีอะไรเจ้าบ้า?”
เด็กหนุ่มที่ดูแล้วก็ไม่ได้ต่างไปจากชายหนุ่มอย่างแม็กนัสเลยเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย
“ออกไปซะเจ้าหัวทอง”
“อะไร นายไล่แขกแบบนี้เหรอ?” เจซโวยเล็กน้อย
แต่ก็ยังไม่ยอมลุก ก่อนจะโดนแม็กนัสเร่งอีก
“ลุกขึ้น ออกไปซะ
ฉันจะไม่ปล่อยให้นายอยู่ในห้องนี้ตอนที่ฉันไม่อยู่หรอกนะ ออกไป ก่อนฉันจะเรียก รปภ. มาลากตัว”
แม็กนัสว่าแค่นั้น
ก่อนจะคว้าเอากุญแจรถแรงคันหรูของตัวเองออกมาพร้อมกับแจ็คเก็ตหนังในคอลเล็คชั่นโปรดของเค้า
..........ราวกับว่าบางสิ่งแล่นเข้ามาในหัวของแม็กนัส
ร่างสูงเลยรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
เค้าคิดกลัวไปว่าเอลซ่าจะตามหาที่อยู่ของอเล็คแล้วเข้าไปทำอะไรเพื่อนตัวน้อยของเค้าเอา เพราะหากจะมาคำนวณสารตะใหม่แล้ว
เอลซ่าดูเหมือนจะเหมาะกับบทนางร้ายทั้งในจอและนอกจอมากกว่านางร้ายทุกคนที่เธอเคยร่วมงานด้วยเสียอีก
“แล้วนั่นนายจะรีบไปไหนน่ะ?”
เจซยอมลุกขึ้นในที่สุด เมื่อเห็นแม็กนัสจับประตูแล้วกระชากออก
“ไปหาอเล็ค” ร่างสูงสะโอดสะองไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา
ก่อนจะวิ่งออกไปที่โรงจอดรถด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี
****************************************************************************************
30 นาทีก่อนหน้า..........
เสียงน้ำ.......
น้ำ.......น้ำ......ตกลงมา.....
ฝนตกหรือ?
ฝน....ฝนตก แล้วชั้นหนังสือล่ะ!?
พรึ่บบ!
“อ๊ะ!”
ด้วยความห่วงถึงสวัสดิภาพของของรักของหวงยิ่งชีวิต จึงทำให้ร่างบางต้องเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนด้วยความเคยชิน แต่ทว่าชั่วเสี้ยววินาทีที่ได้ลืมตาขึ้นมานั้นเค้าก็เพิ่งจะรู้ว่าทุกอย่างนั้นมันไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ความเจ็บแปลบแล่นเข้ามาหายังหัวของอเล็ค
ร่างบางอุทานออกมาอย่างเจ็บปวดแล้วใช้มือทั้งสองกุมศีรษะของตัวเองราวกับว่ามันจะทำให้อาการนั้นหายไปได้ เค้าตัวงอลงกับที่นอนทั้งๆ
ที่ยังไม่ได้ลุกขึ้นนั่งด้วยซ้ำ
และภาพรวมทั้งความรู้สึกสุดท้ายก็วนกลับมาหาเค้า
............เมื่อกี้ ที่ห้องของเค้า คาร์ลเข้ามา โดนจับเอาไว้
พยายามดิ้น แล้วก็สลบไป.........
คาร์ลเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ?!
เค้าทำไปทำไมกัน คาร์ล.....คาร์ลอยู่ที่ไหน!?
“อ้าว ตื่นแล้วหรืออเล็ค”
พลันเสียงอ่อนโยนก็ดังขึ้น
อเล็คหันรีหันขวางและพบว่าตอนนี้เค้าไม่ได้อยู่ในห้องของตัวเอง ที่นี่มีแต่คอมพิวเตอร์ แล็บท็อบ
สายสารพัดอย่างระโยงรยางค์เต็มไปหมด แต่ทว่ามันก็ยังดูเป็นระเบียบ
และที่ตรงนั้น ตรงบริเวณมุมห้องซึ่งเต็มไปด้วยจอภาพขนาดกลางร่วมสิบจอเห็นจะได้ คาร์ลหันมาหาอเล็คและยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้
มือของเค้าเหมือนเพิ่งละออกมาจากแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์
อเล็คตาเบิกกว้าง....เป็นคาร์ลจริงๆ
ด้วย!
ร่างบางซึ่งสวมสเวตเตอร์ไหล่ตก
รวบแขนรวบขาของตัวเองไว้ กอดเข้าด้วยกันอย่างปกป้องตัวเองตามสัญชาติญาณ แต่ถึงกระนั้นมันก็ดูไม่มีประโยชน์อะไรเอาเสียเลย
............คาร์ลที่เค้ารู้จักเป็นคนดีนะ?!.........
“คาร์ล...” อเล็คเรียก
เสียงฟังดูสับสน
เค้ากำลังกอดตัวเองและเพิ่งฟื้นขึ้นมาบนเตียงของอีกคนหนึ่ง บางทีอาจจะเป็นคนอื่นแล้วคาร์ลช่วยเค้าไว้ก็ได้.....อเล็คพยายามคิดในแง่ดี และบางทีการมองโลกในแง่ดีก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“ผมต้องขอโทษจริงๆ อเล็ค ผมไม่คิดที่จะทำร้ายคุณเลย
แต่ผมก็คงจะปล่อยให้คุณพูดทำร้ายจิตใจของผมแบบนั้นไปไม่ได้จริงๆ ครับ”
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มข่มขืนและหมุนตัวบนเก้าอี้ของตัวเอง
ก่อนจะหันมาประจันหน้ากับอเล็คโดยตรง “ด้วยการบอกลาแล้วก็จากผมไป”
ร่างบางเบิกตากว้าง แล้วอ้าปากน้อยๆ อย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง คาร์ล หรือ มิคาเอล
ท้าวข้อศอกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วใช้นิ้วมือถูไปมาตรงร่องจมูกของตนเอง
เค้ามองดูท่าทางอันตื่นตระหนกนั้นของอเล็คอย่างชื่นชอบและไม่รู้จักเบื่อ......ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อที่เผยอขึ้นน้อยๆ
ช่างเข้ากับเรียวคิ้วเข้มที่ขมวดยกขึ้นอย่างไร้เดียงสานั่นเสียจริงๆ มิคาเอลยิ้ม
..........ช่างน่ารัก อเล็คของเค้าช่างน่ารัก........
“คุณคงจะตกใจไม่น้อยเลยสินะอเล็ค”
คนที่เป็นเจ้าของห้องอันแสนอัจฉริยะแห่งนี้หัวเราะในลำคอ รอยยิ้มอันอ่อนโยนของเค้ายังคงไม่หายไปไหน
“ผมไม่รู้จะบอกเรื่องนี้กับคุณยังไงดี” มิคาเอลส่ายหน้าน้อยๆ ราวกับเหม่อลอย
สายตาของเจ้าตัวไม่เคยเลยที่จะละไปจากเพื่อนข้างห้องที่เค้าแสนจะปลาบปลื้มคนนี้
แต่ทว่าอเล็คกลับไม่รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น ร่างบางรู้สึกเสียขวัญเป็นอย่างมาก เนื้อตัวที่ปกปิดอย่างมิดชิด
สั่นเทาอยู่ภายใต้อาภรณ์นั้น “ระ เรื่อง...เรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้ด้วย?”
อเล็คกล่าวเสียงสั่น คล้ายว่าเจ้าตัวก็ยังกล้าๆ กลัวๆ
อยู่ถึงแม้อยากจะรู้ถึงเหตุผลเป็นอย่างยิ่งก็ตาม
................นี่คือคาร์ลที่เค้ารู้จักจริงหรือ? หรือว่าเป็นคนอื่นที่เข้ามาสวมรอย เด็กหนุ่มไฮสคลูสวมแว่นหนาเตอะที่เค้ารู้จักนั้นมีใบหน้าอ่อนโยนที่เป็นมิตร และทำตัวน่ารักให้เกียรติคนรอบข้างเสมอ
อเล็คไม่เคยคิดถึงภาพของเด็กข้างห้องในมุมมองแบบนี้เลยแม้สักครั้งเดียว...........
นี่คือสิ่งที่คาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงเหตุผลที่คลุมเครือนั้นด้วย
หลังสิ้นเสียงคำถามของอเล็ค มิคาเอลก็ไม่ได้ตอบว่ากระไรในทันที
ร่างสูงโปร่งนั้นกลับผุดลุกขึ้นและเยื่องย่างเข้ามาหาอเล็ค
ร่างบางที่กอดตัวเองอย่างโดดเดี่ยวอยู่บนเตียงก็พลันสะดุ้งเฮือกแล้วกระชับอ้อมกอดมากขึ้นกว่าเดิม
หวังเหลือเกินว่ามันจะช่วยเค้า............เพราะสถานการณ์เช่นนี้ทำให้ร่างบางนึกถึงคืนนั้น
ในครั้งสุดท้ายที่อยู่ในห้องของแม็กนัส............
แต่ทว่าร่างสูงโปร่งตรงหน้ากลับไม่ได้เดินเข้าไปใกล้นัก
มิคาเอลหยุดอยู่กับที่ราวกับหนทางได้สิ้นสุดลง
แล้วยกมือขึ้นถอดแว่นของตัวเองออก.......เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าที่ท่อแสงสีอ่อนออกมาราวกับเรืองแสงได้ อัญมณีคู่นั้นน่าหลงใหลไม่แพ้อเล็คเลย สีฟ้าอ่อนกระจ่างจนเกือบขาวและดูจ้าแสงมากกว่าของอเล็ค
จนบางครั้งก็ทำให้ดูน่ากลัวในตอนที่มิคาเอลจ้องเขม็ง
แต่ทว่าในเวลานี้ความเสน่หาและแววตาวาบหวามปรากฏอยู่ต่อหน้าของร่างบางในตอนนี้ ถึงแม้ว่าอเล็คจะไม่รับรู้ถึงสิ่งนั้นที่สื่อออกมาเลยแม้แต่น้อยก็ตาม
อเล็คไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าดวงตาภายใต้เลนส์แว่นของมิคาเอลนั้นจะสวยงามเช่นนี้........แต่ทว่าภายในลึกๆ
อันแท้จริงแล้วความสวยงามนั้นก็แฝงและอัดแน่นเต็มไปด้วยความชิงชัง เช่นเดียวกับดวงหน้าที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
มิคาเอลปัดผมที่ปรกหน้าของตนเองออก ดั่งเช่นที่เค้าชอบทำ ในเวลาที่หลอกคนรอบข้างได้สำเร็จว่าเค้าดูจืดชืดกว่ามากมายนัก
แต่ว่าไม่ใช่เลย.....มิคาเอลไม่ใช่คนที่ชอบทำให้ตัวเองดูตกต่ำเลยแม้สักนิดเดียว นั่นมันทำให้เค้าดูแย่และน่าสมเพส หากไม่ใช่เหตุผลที่ว่าเพื่อให้ได้เข้าใกล้และได้รับความไว้วางใจจากอเล็ค ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะอย่างนั้นมิคาเอลก็คงจะไม่ลงทุนจัดฉากไล่ผู้เช่าคนก่อนและสวมรอยเข้ามาอยู่ข้างๆ
อเล็คเสียเองหรอก
แต่ดวงตาสีอ่อนนั้นก็ไม่เคยสวยเท่าของอเล็คซึ่งออกสีสดและดูมีมิติมากกว่า และที่สำคัญที่สุดมิคาเอลก็รักอเล็คมากเหลือเกิน
ความชิงชังที่เค้าแสดงออกมาทางสายตาเป็นความรู้สึกที่เค้าสั่งสมมาตั้งแต่เด็กๆ
และจนถึงตอนนี้ความรู้สึกที่ดำมืดนั้นก็ยังคงเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
จนรอวันที่จะได้เอ่อล้นออกมา
และมันก็คงจะเป็นวันนี้..............
“ก็เรื่องที่ว่าผมไม่ต้องการเสียคุณไปอย่างไรล่ะ”
มิคาเอลเริดหน้าขึ้น
รอยยิ้มหายไปถูกแทนที่ด้วยสายตาวูบวาวที่หรี่ลงมามองอเล็คแทน มิคาเอลเริ่มเอ่ย
“ผมตามดูคุณมาโดยตลอดเลยรู้ไหม?”
เค้าว่า อเล็คชักสีหน้าตื่นตระหนกปนไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก
.
.
.
TBC.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
รีดคะ อ่าน Part นี้จบแล้วคิดเหมือนไรท์ไหมคะ? เจซเค้าปากดีมากเลยค่ะ จะกวนประสาทไปไหน? ไม่เลือกและไม่ดูสถานการณ์เลยนะคะ แม็กนัสนี่เครียดจะแย่อยู่แล้ว เจซนี่ก็......แหม่ พ่อคุณเอ้ยยยยย พักก่อนสักห้านาทีเถอะค่ะ รู้ว่าเป็นวิสัย รู้ว่าเป็นของคุ้นปาก แต่ก็เห็นหัวอกแม็กนัสหน่อยเถอะค่ะ
และ.....แต่ว่าเดี๋ยว!! อเล็ค...อะ อเล็คของ...//หอบขึ้น เอามือทาบอก
ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้เป็น -*- // อเล็คแย่แล้วค่ะ มิคาเอลเปิดตัวตอนแรกก็ไม่ได้อะไรนะคะ แต่ตอนนี้น่าสะพรึงเว่อร์มากเลยค่ะ เพลาๆ กะอเล็คหน่อยนะคะ รู้ว่ารักรู้ว่าหลงค่ะ แต่ว่าอย่าทำอเล็คช้ำไปซะห่อนนะมิคาเอลล!
>{}< อ๊ากกกกก ใครก็ได้ช่วยอเล็คของไรท์ด้วยค่าา ใครก้อด้ายยยยยย
อเล็คน้อยๆ ของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป
ติดตามชมได้ใน Part หน้านะคะ >//<
รักรีดทุกท่านมิมีเสื่อมคลายเลยค่ะ
//ส่งจูบ//
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund