วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 25] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec




กราบสวัสดีค่ะรีดขา TUT  //มาอย่างสงบเสงี่ยมและเจียมเนื้อเจียมตัว//  ไรท์หายไปเกือบสองเดือนเลยค่ะ  ไรท์รู้ตัว...กระซิก  กระซิก  TWT  ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปแบบว่านานมากๆ เลยน่ะค่ะ  กว่าไรท์จะผ่านมาได้  เอื้ออออ!  แทบลากเลือดเลยค่ะ  และที่ต้องเอ่ยถึงคือต้องขอบคุณกำลังใจจากรีดๆ ทุกท่านมากเลยนะคะ ><  ที่ทำให้ไรท์ผ่านมาได้และมีกำลังใจเขียนฟิคเรื่อยมาค่ะ

และอีกเรื่องหนึ่งค่ะที่ไรท์ขอกรี๊ดใน Part นี้หน่อย  นั่นก็คือ.......ไรท์กลับบ้านแล้วค่าาาาาาาาาา!!!!!!! >{}<  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!  แม่ให้ไรท์กลับบ้านแล้วค่ะ  ไม่ต้องยงต้องอยู่มันแล้วค่ะหอพักน่าสะพรึงที่สูบเอาพลังชีวิตของไรท์ไป(?)   เย้ๆๆๆ!  ในใจไรท์จุดพลุไปสามซอยเลยค่ะ 55555555555  พร้อมกับฉลองโต๊ะจีนอีกสามวันสามคืน 5555555  มโนเอานะเออ  55555555 //บ้าไปแล้ว -*-  รีดมิได้กล่าว//

เพราะงั้นตอนนี้ไรท์ก็กำลังกลับมาทำงานที่ไรท์รักที่สุดอยู่ค่ะ  ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีสอบและมีโปรเจคอีกนิดหน่อย  แต่ไรท์ก็กลับมาเขียนฟิคต่อแล้วค่ะ >///<  ฮาาาาาา  ดีใจมากเลยค่ะ 555555555 //สะใจโชคชะตา//  

เอิ่มมม  รู้สึกว่าไรท์จะนอกเรื่องมาหลายวรรคแล้วล่ะค่ะ -*-  นี่จิมาลงฟิคมิใช่หรือ  งั้นก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ ^^   ไรท์มาต่อจากเมื่อตอนที่แล้วค่ะ.....ซึ่ง  เอ่อ  นานมากอยู่ทีเดียวเนอะ 5555  ในตอนที่เจซเข้ามาบอกถึงความลับของอเล็คให้แม็กนัสรู้ถึงในห้องนะคะ  ต่อจาก Part ที่ 24 เลยค่ะ

ไม่เสียเวลาดีกว่าเนอะ  เพราะเดี๋ยวไรท์จะเมาท์ยาวค่ะ 55555  ไปอ่านกันเลยค่าาา >///<


---------------------------------------------------------------------------------------------


เจซยักคิ้ว “นั่นข่าวนายใช่ไหม?” เค้าเผลอพูดดีด้วย


.


.


***********************************************************************


.


.

แต่แม็กนัสกลับไม่ได้ฟังเจซแล้ว  ร่างสูงสะโอดสะองหันมาประจันหน้ากับทีวีจอขนาดใหญ่ของตนเองแล้วกดรีโมทเพื่อเร่งเสียงให้ได้ยินได้อย่างชัดเจน

...........อะไรกัน  อย่าบอกนะว่าเอลซ่าป่าวประกาศเรื่องที่เค้ามีปากเสียงกันเมื่อคืนนี้น่ะ............

แม็กนัสไม่เข้าใจ  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แล้วฟังข่าวอย่างตั้งใจ

“เรามาดูคลิปจากมือดีที่ได้นำภาพของทั้งสองมาปล่อยให้ว่อนเน็ตจนเป็นกระแสข่าวช็อควงการกันดีกว่าค่ะ.....”

“ฉันรักคุณแม็กนัส!  ฉันไม่อยากห่างจากคุณเลย  ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณ”

“งั้นคุณให้คำตอบเรื่องไวน์ขวดนั้นกับผมได้ไหม”

“มันเป็นเรื่องผิดพลาด  ฉันไม่ได้ตั้งใจ.....”

“มันเป็นของคุณจริงๆ ใช่ไหม?”

“สาบานได้  ฉันไม่ได้.....มันไม่ใช่ของฉันจริงๆ นะ  ที่ฉันมานี่ก็เพื่อให้คุณมั่นใจ และบอกให้คุณรู้ว่าฉันรักคุณ”

“แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะทำแบบนี้”

“แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น  ฉันทำไปก็เพื่อคุณนะ......”

“ด้วยการวางยาผมอย่างนั้นหรือ?!

 “ผมไม่คิดว่าคุณจะ.....”

“แต่ฉันทำไปก็เพื่อคุณ!  เพราะฉันรักคุณ! ฉันก็เลยต้องทำทุกอย่าง.....ออกรับทุกอย่างที่จะมัดใจคุณได้!

“เพราะว่าคุณชอบ  คุณดูมีความสุขเมื่อพูดถึงสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ  มันเลยทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียคุณไป!  ฉันเลยต้องทำแบบนั้น  พูดคำว่า อ่อใช่ ฉันเป็นคนทำเอง  เพื่อให้คุณยังคงรักฉันต่อไป”

“นั่นหมายถึงการโกหกผมมาโดยตลอดหลายปีอย่างนั้นหรือ”

 “โอ้ แม็กนัส......”

ปรากฏเป็นภาพในตอนที่เอลซ่าถ่างเล็บกำลังจะเข้ามาจับหน้าของแม็กนัส  เจซแอบคิดไปว่าตัวเองกำลังดูหนังสยองขวัญที่ตัวบ๋วยซึ่งตายคนแรกของเรื่องกำลังถูกปีศาจดูดวิญญาณไปอยู่

“โอ้ นายให้เธอแตะหน้าจริงๆ รึเปล่า....เขย่าขวัญฉันสุดๆ ไปเลย”

จนกระทั้งประโยคเด็ดของหัวข้อข่าวมาถึง

 “เอลซ่า.....เราเลิกกันเถอะ”

“อะไรนะ?.....คุณ คุณว่าอะไรนะ  คุณพูดอะไรออกมาเห็นความรักของฉันมันไม่มีค่ารึไงจะมีใครรักคุณเท่าฉันไหม.....ไม่  ไม่มีใครรักและอยากอยู่ใกล้คุณเท่าฉันอีกแล้ว!

“โว้วว  ฉันชอบตอนนายพูดงั้นจังแม็กนัส  พูดใหม่ให้ฟังหน่อยสิ”

วิดีโอนั่นตัดภาพไปมา ยังฉากสำคัญของบทสนทนาที่เต็มไปด้วยอารมณ์คลั่งรักอันเดือดพลานของเอลซ่า

 “เค้ายังน่าคบมากกว่าคุณเสียอีก” 

“กรี๊ดดด!.....ฉันเกลียดมันนน!

เอลซ่าในคลิปร้องลั่นจนทำเอาเจซตกใจ “ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้วหรือ  พระเจ้า” เค้าพึมพำ และแม็กนัสก็พึมพำเสียงเรียบกลับไป

“ฉันก็พูดแบบเดียวกับนายนั่นแหละ”

“โอ้ พระเจ้าเอลซ่า.....คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ” 

“ผมว่าเราไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้วล่ะ  คุณกลับไปได้แล้ว  เรื่องที่คุณโวยวายวันนี้ผมจะลืมมันไปซะและไม่บอกเรื่องนี้กับสื่อมวลชน”

 “คุณหมายความว่ายังไง!

ฉากนั้นโดนตัดไป และดูเหมือนภาพจะจงใจหยุดอยู่ที่หน้าเบี้ยวๆ ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยเครื่องสำอางค์ของนักแสดงสาว  เจซเริ่มวิจารณ์อีก “หน้าของเธอเป็นอะไรน่ะ.....มาสคาร่าเหรอ?  พระเจ้า.....ถ้านายเห็นเธอในลุคนี้หนึ่งวันก่อนจะเจอกัน  นายจะยังคบกับเธออีกไหม?”

“หุบปากน่า ฉันกำลังดูอยู่” แม็กนัสไม่สนใจ  ตอนนี้ภาพในจอทีวีกำลังสร้างความประหลาดใจระคนสงสัยแก่เค้าอยู่เป็นอย่างยิ่ง

“ผมเสียใจจริงๆ ที่หลงไปรักคนอย่างคุณ...”

“บ้า! คนบ้าเอ้ยรู้ไหมว่าฉันน่ะมีคนหลงใหลมากมายแค่ไหนทำไมถึง.....”

ภาพภายในห้องของแม็กนัสหายไป  ตัดไปที่เบื้องหลังประตูซึ่งมีเอลซ่ากำลังดิ้นเร่าๆ ทุบประตูระรัวอยู่ด้านนอก  กระทั่งเธอยอมล่าถอยออกไปอย่างเสียมิได้  และใช่ว่าคลิปจะจบเพียงแค่นี้ เท่านั้นยังไม่พอถัดไปยังเป็นภาพกล้องวงจรปิดที่เธออาละวาดพังทำลายข้าวของในห้องของตัวเองเมื่อกลับมาถึงอีกต่างหาก

เรียกได้ว่าภาพพจน์คุณหนูนางเอกอันแสนดีของเอลซ่าถึงกับมลายหายไปในทันที สำหรับทุกคนที่ได้ดูคลิปวิดีโอนี้  และคงจะแจ้งแก่ใจกันแล้วว่านักแสดงสาวไม่ได้ไร้เดียงสาหรือน่านิยมชมชอบเช่นในความคิดของใครหลายๆ คนอีกต่อไป  แถมบางคนยังตั้งหัวข้อข่าวอย่างไม่ไว้หน้าไว้ตาของเธอเสียตรงประเด็นอีกด้วย

ชายหนุ่มสองคนที่ต่างกันสุดขั้ว ซึ่งพักสงบศึกกันมาได้สักพักหนึ่งก็นั่งจ้องนักอ่านข่าวกลอสซิปวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับข่าวนี้กันอย่างออกรส

ไม่มีโทรศัพท์เข้ามาหาแม็กนัสเพราะไม่มีใครในวงการรู้เบอร์ของเค้า นอกจากผู้จัดการส่วนตัว ดังนั้น หากอยากคุยกับเค้าจะต้องผ่านด้านผู้จัดการฝีปากจัดเสียให้ได้ก่อน  และเอลซ่าก็คงจะเหมือนๆ กัน  จะต่างกันก็แค่ว่าเธอคงจะเหมือนคนที่ตายทั้งเป็น และตอนนี้เชื่อว่าคงจะเสียสติไปแล้วเพราะภาพพจน์คนดีที่ไม่เหลือชิ้นดีของเธอ

................นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้นางเอกอดีตแฟนสาวของ แม็กนัส   เบน ต้องกรีดร้องและร้องไห้ออกมาในเวลาเดียวกันเมื่อรู้ข่าว...........

แม็กนัสเปิดสนามเอ่ยงึมงำคนแรก “มันเกิดเรื่องบ้าอย่างนี้ขึ้นได้ยังไง”

“อะไร  นายไม่ได้เลิกกับเธอเหรอ?” เจซชะโงกหน้าออกไปอย่างหงุดหงิด........นี่ตกลงเจ้าหมอนี่โกหกหรือไง!?

แม็กนัสหันหน้ากลับมาอย่างไม่ได้ญาติดีด้วยเท่าไรนัก “ไม่! ฉันเลิกกับเธอแล้วจริงๆ  เมื่อคืนนี้นี่เอง  แต่ว่าภาพพวกนั้นมันถูกปล่อยออกไปได้ยังไงกัน” ร่างสูงที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวของกับข่าวโดยตรง ไม่เข้าใจ

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” เจซว่า  เค้าค่อนข้างปากดี

“ฉันไม่ได้ถามนายจริงๆ เข้าใจไหม  แต่ถ้านายตอบฉันได้ก็เยี่ยมไปเลย” แม็กนัสทำหน้าระคนเบื่อเซ็ง

“ฉันไม่ต้องการมีประโยชน์สำหรับนาย” และแน่นอนเจซไม่เคยคิดอยากจะเล่นด้วย  ร่างสูงผมบล์อนบอกเอื่อยๆ “คิดในแง่ดีซี่นายจะได้ไม่ต้องแถลงข่าวแล้วก็หาข้ออ้างกับนักข่าวไง  เจ๋งดีออก

“ไปตายซะเวย์แลนด์” แม็กนัสแหวใส่  ไม่สนุกด้วยเลย  และเค้าก็พยายามประมวลผลในสมองของตัวเองว่ามีใครบ้างที่ไม่ชอบเค้าหรือเอลซ่าและเอาภาพเหล่านั้นออกไปเผยแพร่เพื่อสร้างความเสียหาย  แต่แม็กนัสก็นึกไม่ออกเลย........แต่ไม่แน่ เอลซ่านิสัยที่แท้จริงเป็นแบบนั้นอาจจะมีคนไม่ชอบหน้าเยอะก็ได้ใครจะไปรู้

เอลซ่าคงจะได้ดูคลิปนี่ แล้วรู้ถึงกระแสข่าวแล้ว......เธอคงจะไม่ชอบใจอย่างแรงเป็นแน่แท้เลยทีเดียว

คนที่ทำเรื่องนี้ได้ฉีกหน้าของเธอจนยับเยิน จนอาจเรียกได้ว่าทุกๆ คนจะไม่มีวันมองเธอเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

แต่ถ้าเอลซ่ามองว่านี่คือฝีมือของคนที่ทำให้เธอเจ็บแค้นมากที่สุดล่ะ...........

คนที่เปรียบเสมือนได้แย่งทุกสิ่งทุกอย่างของแม็กนัสไปจากเธอ  และอาจต้องการซ้ำเติมเธอให้อยู่หมัดด้วยความสะใจอีกด้วย

แม็กนัสผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นเหตุให้เจซซึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างออกไปนักต้องตกใจอย่างเสียมิได้ “มีอะไรเจ้าบ้า?” เด็กหนุ่มที่ดูแล้วก็ไม่ได้ต่างไปจากชายหนุ่มอย่างแม็กนัสเลยเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย

“ออกไปซะเจ้าหัวทอง

“อะไร  นายไล่แขกแบบนี้เหรอ?” เจซโวยเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมลุก  ก่อนจะโดนแม็กนัสเร่งอีก

ลุกขึ้น  ออกไปซะ  ฉันจะไม่ปล่อยให้นายอยู่ในห้องนี้ตอนที่ฉันไม่อยู่หรอกนะ  ออกไป ก่อนฉันจะเรียก รปภ. มาลากตัว” แม็กนัสว่าแค่นั้น  ก่อนจะคว้าเอากุญแจรถแรงคันหรูของตัวเองออกมาพร้อมกับแจ็คเก็ตหนังในคอลเล็คชั่นโปรดของเค้า

..........ราวกับว่าบางสิ่งแล่นเข้ามาในหัวของแม็กนัส ร่างสูงเลยรู้สึกไม่ดีขึ้นมา  เค้าคิดกลัวไปว่าเอลซ่าจะตามหาที่อยู่ของอเล็คแล้วเข้าไปทำอะไรเพื่อนตัวน้อยของเค้าเอา  เพราะหากจะมาคำนวณสารตะใหม่แล้ว  เอลซ่าดูเหมือนจะเหมาะกับบทนางร้ายทั้งในจอและนอกจอมากกว่านางร้ายทุกคนที่เธอเคยร่วมงานด้วยเสียอีก

“แล้วนั่นนายจะรีบไปไหนน่ะ?” เจซยอมลุกขึ้นในที่สุด เมื่อเห็นแม็กนัสจับประตูแล้วกระชากออก

“ไปหาอเล็ค” ร่างสูงสะโอดสะองไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ก่อนจะวิ่งออกไปที่โรงจอดรถด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี


****************************************************************************************


30 นาทีก่อนหน้า..........

เสียงน้ำ.......

น้ำ.......น้ำ......ตกลงมา..... 

ฝนตกหรือ?

ฝน....ฝนตก แล้วชั้นหนังสือล่ะ!?

พรึ่บบ!

“อ๊ะ!” ด้วยความห่วงถึงสวัสดิภาพของของรักของหวงยิ่งชีวิต  จึงทำให้ร่างบางต้องเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนด้วยความเคยชิน  แต่ทว่าชั่วเสี้ยววินาทีที่ได้ลืมตาขึ้นมานั้นเค้าก็เพิ่งจะรู้ว่าทุกอย่างนั้นมันไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

ความเจ็บแปลบแล่นเข้ามาหายังหัวของอเล็ค  ร่างบางอุทานออกมาอย่างเจ็บปวดแล้วใช้มือทั้งสองกุมศีรษะของตัวเองราวกับว่ามันจะทำให้อาการนั้นหายไปได้  เค้าตัวงอลงกับที่นอนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลุกขึ้นนั่งด้วยซ้ำ  และภาพรวมทั้งความรู้สึกสุดท้ายก็วนกลับมาหาเค้า

............เมื่อกี้  ที่ห้องของเค้า  คาร์ลเข้ามา  โดนจับเอาไว้  พยายามดิ้น  แล้วก็สลบไป.........

คาร์ลเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ?!

เค้าทำไปทำไมกัน   คาร์ล.....คาร์ลอยู่ที่ไหน!?

“อ้าว  ตื่นแล้วหรืออเล็ค” พลันเสียงอ่อนโยนก็ดังขึ้น  อเล็คหันรีหันขวางและพบว่าตอนนี้เค้าไม่ได้อยู่ในห้องของตัวเอง  ที่นี่มีแต่คอมพิวเตอร์  แล็บท็อบ  สายสารพัดอย่างระโยงรยางค์เต็มไปหมด แต่ทว่ามันก็ยังดูเป็นระเบียบ และที่ตรงนั้น  ตรงบริเวณมุมห้องซึ่งเต็มไปด้วยจอภาพขนาดกลางร่วมสิบจอเห็นจะได้  คาร์ลหันมาหาอเล็คและยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้  มือของเค้าเหมือนเพิ่งละออกมาจากแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์ 

อเล็คตาเบิกกว้าง....เป็นคาร์ลจริงๆ ด้วย

ร่างบางซึ่งสวมสเวตเตอร์ไหล่ตก รวบแขนรวบขาของตัวเองไว้ กอดเข้าด้วยกันอย่างปกป้องตัวเองตามสัญชาติญาณ  แต่ถึงกระนั้นมันก็ดูไม่มีประโยชน์อะไรเอาเสียเลย

............คาร์ลที่เค้ารู้จักเป็นคนดีนะ?!.........

“คาร์ล...” อเล็คเรียก เสียงฟังดูสับสน  เค้ากำลังกอดตัวเองและเพิ่งฟื้นขึ้นมาบนเตียงของอีกคนหนึ่ง  บางทีอาจจะเป็นคนอื่นแล้วคาร์ลช่วยเค้าไว้ก็ได้.....อเล็คพยายามคิดในแง่ดี  และบางทีการมองโลกในแง่ดีก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

“ผมต้องขอโทษจริงๆ อเล็ค  ผมไม่คิดที่จะทำร้ายคุณเลย  แต่ผมก็คงจะปล่อยให้คุณพูดทำร้ายจิตใจของผมแบบนั้นไปไม่ได้จริงๆ ครับ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มข่มขืนและหมุนตัวบนเก้าอี้ของตัวเอง ก่อนจะหันมาประจันหน้ากับอเล็คโดยตรง “ด้วยการบอกลาแล้วก็จากผมไป”

ร่างบางเบิกตากว้าง  แล้วอ้าปากน้อยๆ อย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง   คาร์ล หรือ มิคาเอล ท้าวข้อศอกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วใช้นิ้วมือถูไปมาตรงร่องจมูกของตนเอง  เค้ามองดูท่าทางอันตื่นตระหนกนั้นของอเล็คอย่างชื่นชอบและไม่รู้จักเบื่อ......ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อที่เผยอขึ้นน้อยๆ ช่างเข้ากับเรียวคิ้วเข้มที่ขมวดยกขึ้นอย่างไร้เดียงสานั่นเสียจริงๆ  มิคาเอลยิ้ม

..........ช่างน่ารัก  อเล็คของเค้าช่างน่ารัก........

“คุณคงจะตกใจไม่น้อยเลยสินะอเล็ค” คนที่เป็นเจ้าของห้องอันแสนอัจฉริยะแห่งนี้หัวเราะในลำคอ  รอยยิ้มอันอ่อนโยนของเค้ายังคงไม่หายไปไหน “ผมไม่รู้จะบอกเรื่องนี้กับคุณยังไงดี” มิคาเอลส่ายหน้าน้อยๆ ราวกับเหม่อลอย สายตาของเจ้าตัวไม่เคยเลยที่จะละไปจากเพื่อนข้างห้องที่เค้าแสนจะปลาบปลื้มคนนี้

แต่ทว่าอเล็คกลับไม่รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น  ร่างบางรู้สึกเสียขวัญเป็นอย่างมาก  เนื้อตัวที่ปกปิดอย่างมิดชิด สั่นเทาอยู่ภายใต้อาภรณ์นั้น “ระ เรื่อง...เรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ  ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้ด้วย?” อเล็คกล่าวเสียงสั่น คล้ายว่าเจ้าตัวก็ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่ถึงแม้อยากจะรู้ถึงเหตุผลเป็นอย่างยิ่งก็ตาม

................นี่คือคาร์ลที่เค้ารู้จักจริงหรือ?  หรือว่าเป็นคนอื่นที่เข้ามาสวมรอย  เด็กหนุ่มไฮสคลูสวมแว่นหนาเตอะที่เค้ารู้จักนั้นมีใบหน้าอ่อนโยนที่เป็นมิตร  และทำตัวน่ารักให้เกียรติคนรอบข้างเสมอ  อเล็คไม่เคยคิดถึงภาพของเด็กข้างห้องในมุมมองแบบนี้เลยแม้สักครั้งเดียว...........

นี่คือสิ่งที่คาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง  รวมถึงเหตุผลที่คลุมเครือนั้นด้วย

หลังสิ้นเสียงคำถามของอเล็ค  มิคาเอลก็ไม่ได้ตอบว่ากระไรในทันที  ร่างสูงโปร่งนั้นกลับผุดลุกขึ้นและเยื่องย่างเข้ามาหาอเล็ค  ร่างบางที่กอดตัวเองอย่างโดดเดี่ยวอยู่บนเตียงก็พลันสะดุ้งเฮือกแล้วกระชับอ้อมกอดมากขึ้นกว่าเดิม  หวังเหลือเกินว่ามันจะช่วยเค้า............เพราะสถานการณ์เช่นนี้ทำให้ร่างบางนึกถึงคืนนั้น  ในครั้งสุดท้ายที่อยู่ในห้องของแม็กนัส............

แต่ทว่าร่างสูงโปร่งตรงหน้ากลับไม่ได้เดินเข้าไปใกล้นัก  มิคาเอลหยุดอยู่กับที่ราวกับหนทางได้สิ้นสุดลง  แล้วยกมือขึ้นถอดแว่นของตัวเองออก.......เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าที่ท่อแสงสีอ่อนออกมาราวกับเรืองแสงได้  อัญมณีคู่นั้นน่าหลงใหลไม่แพ้อเล็คเลย  สีฟ้าอ่อนกระจ่างจนเกือบขาวและดูจ้าแสงมากกว่าของอเล็ค  จนบางครั้งก็ทำให้ดูน่ากลัวในตอนที่มิคาเอลจ้องเขม็ง  แต่ทว่าในเวลานี้ความเสน่หาและแววตาวาบหวามปรากฏอยู่ต่อหน้าของร่างบางในตอนนี้  ถึงแม้ว่าอเล็คจะไม่รับรู้ถึงสิ่งนั้นที่สื่อออกมาเลยแม้แต่น้อยก็ตาม

อเล็คไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าดวงตาภายใต้เลนส์แว่นของมิคาเอลนั้นจะสวยงามเช่นนี้........แต่ทว่าภายในลึกๆ อันแท้จริงแล้วความสวยงามนั้นก็แฝงและอัดแน่นเต็มไปด้วยความชิงชัง เช่นเดียวกับดวงหน้าที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน

มิคาเอลปัดผมที่ปรกหน้าของตนเองออก  ดั่งเช่นที่เค้าชอบทำ ในเวลาที่หลอกคนรอบข้างได้สำเร็จว่าเค้าดูจืดชืดกว่ามากมายนัก

แต่ว่าไม่ใช่เลย.....มิคาเอลไม่ใช่คนที่ชอบทำให้ตัวเองดูตกต่ำเลยแม้สักนิดเดียว  นั่นมันทำให้เค้าดูแย่และน่าสมเพส  หากไม่ใช่เหตุผลที่ว่าเพื่อให้ได้เข้าใกล้และได้รับความไว้วางใจจากอเล็ค  ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะอย่างนั้นมิคาเอลก็คงจะไม่ลงทุนจัดฉากไล่ผู้เช่าคนก่อนและสวมรอยเข้ามาอยู่ข้างๆ อเล็คเสียเองหรอก

แต่ดวงตาสีอ่อนนั้นก็ไม่เคยสวยเท่าของอเล็คซึ่งออกสีสดและดูมีมิติมากกว่า  และที่สำคัญที่สุดมิคาเอลก็รักอเล็คมากเหลือเกิน  ความชิงชังที่เค้าแสดงออกมาทางสายตาเป็นความรู้สึกที่เค้าสั่งสมมาตั้งแต่เด็กๆ และจนถึงตอนนี้ความรู้สึกที่ดำมืดนั้นก็ยังคงเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนรอวันที่จะได้เอ่อล้นออกมา  และมันก็คงจะเป็นวันนี้..............

“ก็เรื่องที่ว่าผมไม่ต้องการเสียคุณไปอย่างไรล่ะ” มิคาเอลเริดหน้าขึ้น  รอยยิ้มหายไปถูกแทนที่ด้วยสายตาวูบวาวที่หรี่ลงมามองอเล็คแทน  มิคาเอลเริ่มเอ่ย

“ผมตามดูคุณมาโดยตลอดเลยรู้ไหม?” เค้าว่า อเล็คชักสีหน้าตื่นตระหนกปนไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก


.


.


.


TBC.


-----------------------------------------------------------------------------------------------------


รีดคะ  อ่าน Part นี้จบแล้วคิดเหมือนไรท์ไหมคะ?  เจซเค้าปากดีมากเลยค่ะ  จะกวนประสาทไปไหน?  ไม่เลือกและไม่ดูสถานการณ์เลยนะคะ  แม็กนัสนี่เครียดจะแย่อยู่แล้ว  เจซนี่ก็......แหม่  พ่อคุณเอ้ยยยยย   พักก่อนสักห้านาทีเถอะค่ะ  รู้ว่าเป็นวิสัย  รู้ว่าเป็นของคุ้นปาก  แต่ก็เห็นหัวอกแม็กนัสหน่อยเถอะค่ะ

และ.....แต่ว่าเดี๋ยว!!  อเล็ค...อะ  อเล็คของ...//หอบขึ้น  เอามือทาบอก  ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้เป็น -*- // อเล็คแย่แล้วค่ะ  มิคาเอลเปิดตัวตอนแรกก็ไม่ได้อะไรนะคะ  แต่ตอนนี้น่าสะพรึงเว่อร์มากเลยค่ะ  เพลาๆ กะอเล็คหน่อยนะคะ  รู้ว่ารักรู้ว่าหลงค่ะ  แต่ว่าอย่าทำอเล็คช้ำไปซะห่อนนะมิคาเอลล! >{}<  อ๊ากกกกก   ใครก็ได้ช่วยอเล็คของไรท์ด้วยค่าา  ใครก้อด้ายยยยยย

อเล็คน้อยๆ ของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมได้ใน Part หน้านะคะ   >//<

แปะเฟสตามธรรมเนียมที่ไรท์ทำมาแต่โบราณค่ะ 555 >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์ได้นะคะ ^^ 

รักรีดทุกท่านมิมีเสื่อมคลายเลยค่ะ //ส่งจูบ//

ด้วยรักและแรงหื่น

Ray - Aund