วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 24] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec




กราบสวัสดีค่ะ รีดๆ สุดที่รักของไรท์ M_ _M //ทำเป็นประเพณีไทยอันนอบน้อม//  สวัสดีและขอโทษค่ะ ที่หายไปน๊านนนน นาน  ขนาดนี้ แบบว่าไรท์นี่แทบลืมวันลืมคืนเลยค่ะ  ไม่รู้ว่าวันนี้วันอะไรแล้ว  หนักหน่วงทุกวัน  อ๊ากกก  กลับหอมาแทบลากเลือดเลยค่ะ TWT  จะหาเวลาว่างเขียนฟิคก็อารมณ์หดค่ะ  ไรท์ไม่รู้เป็นอะไรค่ะ  คิดว่าปรับตัวได้แล้ว แต่ว่าก็ยังเขียนไม่ออกค่ะ  พอเสาร์อาทิตย์กลับบ้านไปนี่ คือสมองแล่นปรวดปราดมากเลยค่ะ  แต่เขียนไม่ได้  ฮาาาา TUT  //หัวเราะทั้งน้ำตา//

วันนี้การบ้านน้อยค่ะ 55555  เสร็จแล้วก็เลยถือโอกาสลงฟิคมันเลยค่ะ 5555 //สะใจอนึ่งกลายเป็นบ้า//

งั้นอย่าถือสาเป่าปี่กะไรท์ให้ช้าอยู่ใยเลยค่ะ  ไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ >//<


--------------------------------------------------------------------------------------------


ช่วงเวลาแห่งรัตติกาลได้ผันผ่านไปพร้อมกับบรรดาผู้คนที่หลับใหลอยู่เป็นนิรันดร์จนยามเช้าของวันรุ่ง  เอลเดตเซ่   คอว์ส หรือ เอลซ่า ซึ่งเป็นชื่อที่เธอตั้งให้แก่ตัวเองในวันแรกที่เริ่มเข้าวงการ  หญิงสาวซึ่งเป็นดั่งไข่มุกของวงการมายาไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน  และภายในที่พักอันแสนหรูหราดั่งเจ้าหญิงของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยเศษแก้วที่โดนขว้างลงพื้นจนแตกอย่างไม่ได้ดั่งใจ  อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ถูกพังเกลื่อนอย่างดูไม่ได้  และนอกจากนี้ยังพบร่องรอยของการทำลายข้าวของภายในห้องอย่างไม่ปราณีปราสัยเต็มไปหมดอีกด้วย

...............เอลซ่าไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะมัวแต่ทำลายข้าวของเหล่านี้ เนื่องจากสภาพจิตใจของเธอกำลังย่ำแย่  เข้าขั้นอาละวาดไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด................

“เจ้าบ้านั่นเพราะเจ้าตาสีฟ้าคนนั้นคนเดียว! ฉันเลยต้องเสียผลประโยชน์  เสีย....เสียทุกอย่าง!” เธอโวย และกรีดร้องออกมาอีก  ก่อนจะหันไปขย่ำผ้าม่านผ้าหนาราคาไม่ติดดินของเธออย่างอดรนทนไม่ไหว

แต่แล้วจู่ๆ เสียงเครื่องมือสื่อสารที่ยังได้รับข้อยกเว้นและให้ความปราณีนั้นก็แผดเสียงดังขึ้น ตัดเสียงกรีดร้องของเธอ  เอลซ่าที่ขยำผ้าม่านขาดคามือชะงักไป ก่อนจะจ้องมองไปยังมือถือของตนเองอย่างกินเลือดกินเนื้อ แล้วตัดสินใจคว้ามันขึ้นมารับในที่สุด  และทันทีที่สัญญาณได้รับการเชื่อมต่อ  ปลายสายของนางเอกสาวที่ฟิวส์ขาดมาค่อนคืนแล้ว ก็โวยใส่อย่างหัวเสีย

“นี่มันอะไรกันเอลซ่า!

“อะไร!” เธอตวาดลั่นกลับไป  ลืมไปชั่วขณะว่านั่นคือโมเดิลลิ่งขาประจำของเธอ

คนที่โทรมาต่อว่า ชะงักและหยุดเอ่ยไปเล็กน้อย เป็นเพราะว่าไม่อาจคาดเดาได้ว่าเอลซ่าจะเสียงดังกลับมาเช่นนั้น ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับตนอย่างยิ่ง  แต่ท้ายที่สุดแล้วโมเดิลลิ่งคนดังกล่าวก็ทำเสียงแข็งอย่างไม่พอใจเช่นเดิม พูดกับนางเอกสาว

“ก็ข่าวของเธอน่ะสิ  ที่บ้านทีวีเสียรึไง?  ถึงยังไม่ได้ดูน่ะ  ข่าวของเธอดังไปทั่วเลยนะรู้ไหม เธอทำแบบนั้นไปได้ยังไง  นั่นเธอบ้าไปแล้วหรือ แล้วงานของฉันล่ะ?  ไม่เสียหายเพราะภาพพจน์ของเธอกันหมดเลยหรือ!

เอลซ่าได้ยินคำสาดต่อว่าเช่นนั้นก็นิ่งฟังอย่างรู้สึกหายใจไม่ออก.....หัวใจของเธอหยุดเต้นโดยไม่มีสาเหตุ  เธอไม่รู้ว่ามันคือข่าวอะไรกันแน่  แต่ที่รู้ๆ ตัวของเธอเองกลับรู้สึกกระวนกระวายอย่างประหลาด

อะไร  คุณหมายความว่ายังไงกัน?” เอลซ่าเอ่ยถาม และน้ำเสียงของเธอก็ฟังดูเหมือนกำลังหลบหนีความผิด ราวกับว่ากำลังแสดงอาการร้อนตัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด

แต่โมเดิลลิ่งโมโหกับรายได้ที่ขาดหายไปอย่างกะทันหันภายในชั่วข้ามคืน “งั้นเธอก็ไปดูน้ำหน้าของตัวเองในข่าวเองเถอะ! เพราะฉันเลิกจ้างเธอแล้ว! ประโยคสุดท้ายได้กระแทกอย่างชัดเจนในหูของเอลซ่า ก่อนเธอจะโดนตัดสายไป

และไม่ต้องเสียเวลานับถอยหลังเลย นางเอกสาวที่เพิ่งถูกยกเลิกสัญญากู่ร้องออกมาอย่างไม่พอใจมากขึ้นไปอีก  ก่อนจะตัดสินใจระงับสติอารมณ์ของตัวเอง ไม่ให้ปามือถือทิ้งไป ดับวงจรเครื่องมือสื่อสารนั้นพังคาผนังห้อง  แล้วเปิดเว็บข่าวบันเทิงสอดส่องดูข่าวที่โมเดิลลิ่งเพิ่งกล่าวอ้างว่าเกี่ยวข้องกับเธอ

และแน่นอน  ชื่อเสียงของเธอไม่เคยทำให้ผิดหวัง  ยอดวิวข่าวนั้นทะลุเข้าไปสามล้านกว่าวิวภายในเวลาข้ามคืน  และมีหลายต่อหลายหัวข้อความซึ่งวิจารณ์เกี่ยวกับเธอ  เอลซ่าตาแข็ง  นิ้วมือที่ใช้เลื่อนข้อความไปมาของเธอเกร็งแข็ง  หญิงสาวอ่านข้อความในข่าวนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่เชื่อสายตา  ก่อนจะเปิดเข้าไปดูคลิปวิดีโอหนึ่งซึ่งแนบมากับข่าวด้วย

.......ยอดวิวและยอดการแชร์ถล่มทลาย

เอลซ่ากรีดร้องออกมาพร้อมกับร้องไห้


**********************************************************************************


คอนโดหรูซึ่งเงียบเหงาอย่างไม่ต้องสงสัยของ แม็กนัส   เบน..............

ร่างสูงสะโอดสะองเพิ่งลุกขึ้นมาจากเตียงในสภาพที่เกือบจะล่อนจ้อนเพราะไม่ใส่ใจการแต่งตัวอย่างประณีตในตอนนอนนัก  เค้าเดินโซซัดโซเซออกมาจากส่วนของห้องนอน  ถอดกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียวไว้ตามทางเดินแล้วเดินตัวเบาเข้าห้องน้ำไป

และผ่านไปไม่นาน  ร่างสูงสะโอดสะองของ แม็กนัส   เบน ก็เดินออกมาจากห้องดังกล่าวในชุดธรรมดาๆ ของเค้า  หลังจากนั้นร่างสูงก็สบถออกมาเบาๆ ใส่ตัวเอง “โอ้ เวรเอ้ย....ฉันเปิดทีวีทิ้งไว้อีกแล้วหรือเนี่ย”

แม็กนัสเลิกคิ้วข้างหนึ่ง  แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องที่เพิ่งสบถไปนัก...........โอ้ ให้ตายเถอะ  เมื่อไรเค้าจะแก้นิสัยแบบนี้ของตัวเองได้สักทีนะ

แม็กนัสหาวขณะร่นเสื้อยืดลายกะโหลกของตัวเองลงมาจากอกแกร่ง  ขาทั้งสองข้างเดินมาเรื่อยๆ และทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวโปรดในที่สุด  แล้วดูทีวีต่อ..........เค้าไม่ทานข้าวเช้า  และววันนี้ก็ยังไม่มีสายเข้าจากผู้จัดการ ถ้าหากจะมีคงมีตั้งแต่ตอนเช้าตรู่แล้ว  เพราะงั้นแม็กนัสจึงรวบสรุปเอาเองว่าวันนี้เค้าอาจจะว่างทั้งวัน  นั้นอาจเนื่องมาจากผู้จัดการต้องการทิ้งระยะห่างให้เค้าพักผ่อนด้วย

ได้.....วันนี้เค้าจะว่าง

และจะไปหาอเล็คด้วยพร้อมกับแผนที่เค้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดเลย  แม็กนัสจะรั้งให้อเล็คอยู่ที่เมืองนี้ต่อไปและหากโดนดื้อดึงใส่  เค้าก็จะแบกอเล็คเข้ามาที่คอนโดของเค้าเสียเลย  และจะไม่มีข้อโต้แย้งจากอเล็คสำหรับแม็กนัส  เพราะทุกครั้งที่เค้าบังคับอเล็คก็ไม่ใช่เพื่อใครอื่นเลย  เรื่องนี้ตัวอเล็คเองก็รู้ดี........แต่จะโดนโกรธไหมนะ  ไม่หรอก เดี๋ยวก็หาย  เพราะอเล็คไม่เคยโกรธใครจริงๆ จังๆ หรอก  เค้ารับรองได้

และช่องซีรี่ย์ที่เค้าชอบดูก็ยังคงเล่นต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจากนั้นไม่นานนักเสียงกริ่งที่หน้าประตูของ แม็กนัส   เบน ก็ดังขึ้น  ร่างสูงสะโอดสะองที่กำลังจะเปลี่ยนช่องทำหน้าเบื่อโลกอย่างเสียไม่ได้ทันที.......ถึงอย่างไรเค้าก็ไม่ชอบให้คนอื่นมารบกวนเวลาส่วนตัวอันแสนจะน้อยนิดของเค้าอยู่ดี

คำถามถึงบุคคลที่อยู่หลังประตูว่าเป็นใครนั้น ปรากฏขึ้นในหัวของเจ้าของห้องอย่างไม่ต้องสงสัย  ในขณะที่แม็กนัสเองก็เดินไปเปิดประตูอย่างกระตือรือร้น แต่ทว่าก็เกียจคร้านด้วยเหตุผลที่ไม่อยากเปิดด้วยเช่นกัน

พระเจ้า ขออย่าให้เป็นใครที่ก็ตามที่จะนำปัญหามาให้ฉันเลยด้วยเถอะ.........แม็กนัสอ้อนวอน และเหวี่ยงประตูออกเบาๆ ปรากฏกายเป็นชายหนุ่มผมบล์อนที่ยืนอยู่ตรงอีกฝั่งหนึ่งของประตู

แม็กนัสหน้านิ่งอย่างฉงน แทบจะยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองเสียด้วยซ้ำ  แต่เค้าเองก็เอ่ยปากทักไปแล้ว “ไง  มาส่งพิซซ่าเหรอ?”

“ฉันจะต่อยปากแกซะถ้าแกเป็นคนขายถ่านจริง....” เจซทำตาขว้าง “....แม็กนัส   เบน” ร่างสูงชะลูดผมบล์อนต่อประโยคให้จบ  สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกั๊กอีโมแบบมีฮู้ดเพื่อซ้อนสายรัดแขนและวงแหวนสุดจะมากมายของตนเอง  ใบหน้าของเจซดูเหมือนจะไม่ได้มาส่งพิซซ่า

แม็กนัสทำหน้าตาแบบเจซแล้วเอ่ยถาม “นายมีธุระอะไร”

“ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับนาย” เจซว่า และเปลี่ยนคำให้น่าสนทนาด้วย

“ฉันไม่ว่าง และฉันก็ไม่ได้สั่งพิซซ่าด้วยขอบคุณ” แม็กนัสเหน็บ และทำท่าจะหันหลังปิดประตูใส่  แต่กลับโดนเจซเตะใส่เบาๆ เข้าที่บานประตูด้านล่าง เพื่อกันไม่ให้แม็กนัสปิดประตูได้สำเร็จ  ร่างสูงของลูกเจซผมบล์อนแถลงไขสั้นๆ “เรื่องของอเล็ค

นั่นจึงเป็นเหตุให้แม็กนัสหยุดมือซะ และหันกลับมาสนใจแขกหน้าประตูที่ไม่ได้รับเชิญ

“ว่ามาสิ”

เจ้าของสถานที่เอ่ยแค่นั้นก่อนจะเปิดประตูค้างไว้แล้วเดินนำเข้ามาด้านในโดยไม่เอ่ยสวน  แต่เจซก็เดินตามเข้ามาพร้อมกับกระแทกประตูตามหลังตามนิสัยที่ไม่ติดจะแคร์สิ่งใดนักของตนเอง

 แม็กนัสนั่งอยู่บนโซฟาประจำตัว ในขณะที่เจซเองก็นั่งอยู่บนโซฟาตัวข้างๆ

“โอ้โหแฮะ นายนี่ก็ติดหรูไม่เบาเลยหนิ” เจซทำเป็นยืดแข้งยืดขา  แล้วมองไปรอบๆ “แต่เสียเรื่องความสะอาดไปหน่อยนะ  นายไม่เคยเก็บข้าวของเองเลยใช่ไหมล่ะนี่” และยังมิวายเอ่ยเหน็บแหนม

แต่แม็กนัสกลับไม่ได้ส่งรับด้วย  ร่างสูงสะโอดสะองซึ่งเป็นเจ้าของห้องพินิจมองร่างสูงโปร่งผมบล์อนของผู้มาเยือนตรงหน้า แล้วเอ่ยขึ้นบ้างอย่างเรียบเฉย

พ่อนายเองก็มีคฤหาสน์ใหญ่นี่  นายคงจะไม่ได้มีความรู้สึกหวือหวากับบ้านของฉันจริงๆ หรอกใช่ไหม” เจซหยุดเหยียดแข้งเหยียดขาแล้ว หันมาจ้องแม็กนัสอย่างคาดไม่ถึงเล็กน้อยแทน.......เค้าไม่คิดว่าแม็กนัสจะรู้เรื่องนี้ด้วย มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะรู้ว่าเค้ามีครอบครัว  แม้แต่อเล็ค เจซเองก็ไม่ค่อยได้เล่าให้ฟังนัก  แต่หมอนี่กลับรู้

และแม็กนัสก็ยังคงพูดต่ออย่างสงสัยใคร่รู้ “นายน่ะ....จะแสร้งตัวทำเป็นกุ้ยข้างถนนไปทำไมกัน  ทั้งๆ ที่บ้านก็มีพร้อมอยู่แล้ว  แถมในคฤหาสน์มอร์แกนเสติร์นนายเองก็มีศักดิ์เป็นคุณชายใหญ่อยู่แล้วด้วย  จะผลักไสวงค์ตระกลูแล้วขโมยนามสกุลญาติมาใช้ทำไมกัน ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ โจนาธาน

“หุบปากซะ! อย่าเรียกฉันชื่อนั้น” เจซตวาดลั่น “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดเรื่องของตัวเอง” เค้าคำรามอีก  แต่แม็กนัสไม่สะทกสะท้าน ร่างสูงสะโอดสะองพูด

“นายคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องของนายรึไง”

“ฉันไม่สนหรอกว่าใครจะรู้! แต่ฉันไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ทำให้แม่ฉันต้องตาย....นายไม่รู้หรอกว่าอยู่ที่นั่นมันน่าอึดอัดแค่ไหน ทุกคนเพ่งเล็งนาย  พูดถึงนายทั้งซึ่งหน้าและลับหลัง  เพราะเป็นแบบนั้น....เพราะพ่อเอาแต่ห่วงหน้าตา ศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะแบบนั้นแม่ก็เลยต้องตาย”

เจซว่าสั้นๆ ถึงเหตุผลของเค้า  แม้จะไม่อยากยอมรับก็ตามว่าตัวเองเป็นลูกชายคนโตของวาเลนไทน์   มอร์แกนเสติร์น  แต่ถ้าหากไม่ยอมรับ  ไอ้หมอนี่มันจะต้องจิกกัดไม่เลิกแน่ๆ  ดังนั้น เจซจึงต้องว่าไปตามที่เห็นว่าควรบอก

“ฉันรู้จักพ่อนาย”

“ก็เรื่องของแกซิโว้ยย!” เจซไม่สนใจ

“แล้วนาย...คิดว่าถ้าเป็นกุ๋ยแล้วจะมาบอกฉันไม่ให้ยุ่งกับอเล็คได้อย่างนั้นหรือ” และแม็กนัสก็เอ่ยออกมาจนได้ ถึงสิ่งที่ทำให้เค้าเจ็บใจและต้องการอยากจะเล่นงานเจซมากที่สุด

“ก็นายมันเฮงซวย” เจซตอบตรง

“แต่นายเฮงซวยกว่า” แม็กนัสไม่เลิก ร่างสูงเตรียมตัวมาดี  หากนับตามอายุระหว่างเค้ากับอเล็คและเจซแล้วล่ะก็  แม็กนัสถือว่าอายุมากที่สุด และมีความเป็นผู้ใหญ่มากที่สุดด้วย.........

“แต่ถ้านายจะยกตำแหน่งนั้นให้ฉันก็ได้ ฉันไม่ว่า.....แต่ลมอะไรกันที่หอบนายมาถึงนี่ เจซ   เวย์แลนด์” แม็กนัสกล่าว ฟังดูเหมือนเค้ายอมถอยทัพแล้วในที่สุด  เนื่องจากลักษณะการพูดของอีกฝ่ายหนึ่งเหมือนราวกับเด็กวัยรุ่นชอบชวนตีที่ไม่ได้ดั่งใจ

และเจซชอบชื่อที่แม็กนัสเลือกที่จะใช้เรียกตัวเองเป็นอย่างมาก  ดังนั้นเจ้าตัวจึงยอมสงบศึกด้วย  ร่างสูงผมบล์อนขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะพูด “อเล็คกำลังแย่”

แม็กนัสสบตาแล้วหลุบลงต่ำอย่างไม่โต้เถียง “เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว”

“เค้าเป็นแบบนั้นเพราะนายรู้ใช่ไหม” เจซกล่าวอย่างคาดโทษและแม็กนัสไม่ปฏิเสธ  ดูเหมือนว่าเด็กวัยรุ่นที่อายุน้อยกว่าเค้าเพียงนิดเดียวกำลังจะพลิกบทกลับมาเป็นฝ่ายไล่ต้อนเค้าเองเสียแล้ว “และ....”

ร่างสูงที่อายุน้อยกว่าเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง กลอกตาไปที่พื้นอย่างชั่งใจแล้วตัดสินใจเอ่ยออกไปในที่สุด “และถึงจะเป็นอย่างนั้น  แต่อเล็คก็รักนายมาก.....” คราวนี้ทำให้คนที่รับฟังอยู่เปลี่ยนจุดโฟกัสของสายตามาที่คู่สนทนาทันทีอย่างเรียบเฉย  แม็กนัสไม่ได้แสดงอาการอย่างออกนอกหน้า  เจซยังคงพูดต่อไป

“ฉันพูดเรื่องจริงที่ว่าอเล็คร้องไห้เพราะนายมาโดยตลอด  นั่นก็เพราะว่าฉันมองดูเค้าอยู่  มองดูทุกๆ อย่างที่เค้าทำเพื่อนาย  กระทั่งฉันทนเห็นนายทำร้ายจิตใจของอเล็คไม่ไหว  ฉันเลยไปบอกเค้าว่าให้เลิกยุ่งกับนายซะ  เคยถึงขั้นพยายามจะสารภาพรักกับอเล็คไปเสียด้วยซ้ำ  แต่ว่าก็ไม่เห็นแววรุ่ง เมื่อเห็นอเล็คมองนายด้วยสายตาแบบนั้น”

“แบบ?”

เจซถอนหายใจ “แบบที่ฉันมองเค้า”

“นายไม่ลองบอกอเล็คไปล่ะ...เรื่องที่นายรักเค้า  บางทีเค้าอาจจะเปลี่ยนใจ” แม็กนัสเอ่ยบ้าง แต่เจซหัวเราะอย่างขมขื่น จนดูเหมือนจะสมเพชตัวเอง

“นายจะตอกย้ำฉันเล่นๆ ใช่ไหม แม็กนัส   เบน” เค้าว่า “ฉันอยากให้อเล็คเป็นของฉัน  ฉันจะพาเค้าให้ออกห่างจากนายไปซะ เอาอเล็คออกไปจากนาย  แล้วค่อยวางแผนฆ่านายทีหลัง  จากนั้นก็จะทำให้เค้าเป็นของฉันจริงๆ ก็ยังได้“ และในระหว่างประโยคนั้น พลันดวงตาสีอ่อนเหลือบทองของเจซก็ลุกวาวอย่างคุกคาม

และจู่ๆ มันก็หายไปราวกับว่าเป็นภาพลวงตา “แต่ฉันก็ไม่ทำ  ฉันรักอเล็ค แน่นอน...ฉันจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ  นั่นคือส่วนหนึ่งที่ฉันได้มาจากพ่อผู้แสนเกลียดชัง  แต่ฉันไม่ทำเพราะอะไรรู้ไหม” เจซจ้องมองแม็กนัสด้วยสายตาแข็งกร้าว แต่ทว่าร่างสูงสะโอดสะองกลับสังเกตเห็นแววตารวดร้าวอยู่ในนั้นด้วย

“นั่นก็เป็นเพราะว่าเค้ารักนาย” อ่า  ใช่ แม็กนัสคิดถูก “รักนายจนเจียนคลั่ง แม็กนัส  เบน ฉันอาจดูเป็นคนใจร้ายที่รู้สึกดีใจในตอนที่อเล็คกำลังจะหมดหวังเรื่องนาย  แต่พอจู่ๆ นายเกิดทำดีกับอเล็คเข้าในวันนั้นที่ฉันเห็นนายยิ้มแบบนั้นใส่อเล็คในตอนที่ไม่รู้ตัว  ฉันก็รู้สึกแย่ขึ้นมา.....ฉันกำลังเสียอเล็คให้กับนาย โดยที่ฉันเองก็ไม่เคยได้ใจเค้าเลยไปสักครั้งเดียว”

เจซยืดตัวขึ้นเหมือนกำลังจะลุกออกไปและหมดธุระเพียงแค่นี้ แต่ทว่าเค้าก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น แม็กนัสเอ่ยถามอย่างตรงประเด็น “นายกำลังจะบอกอะไรที่มันชัดเจนกว่าที่นายเล่าเมื่อกี้นี้ใช่ไหม?”

เจซทำเสียงคุกคาม “ถ้านายทำอเล็คร้องไห้อีก ฉันจะไม่ให้อภัยนายแม็กนัส  และฉันจะตามมาฆ่านายจริงๆ ด้วยบอกให้รู้เอาไว้” เจซยอมแพ้แต่โดยดี เพราะเค้าเป็นห่วงความรู้สึกของอเล็คมากกว่าใครอื่น “อย่าให้การเสียสละของฉันต้องเสียเปล่า

แต่แม็กนัสกลับมองเจซอย่างไม่เชื่อสายตา.........อะไรกัน  เจ้าเด็กนี่น่ะนะ พูดแบบนี้  บ้าไปแล้ว..........แต่ทุกอย่างที่เจซพูดนั้นล้วนแท้จริง  เจ้าตัวทนไม่ได้ที่จะเห็นอเล็คเสียใจอีกแล้ว  และเค้าก็สามารถเข้าใจทุกอย่างได้ดีพอที่จะปล่อยอเล็คไป

“แล้วนายแน่ใจเหรอ ว่าอเล็คยังรักฉันอยู่ บางทีตอนนี้เค้าอาจจะเกลียดฉันไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้” แม็กนัสเอ่ยอย่างสมเพชตัวเองบ้าง  แต่เจซจับไม่ถูกจึงไม่รู้สึกถึงสิ่งที่แม็กนัสต้องการจะสื่อ  ร่างสูงผมบล์อนจึงตัดสินใจบอกเรื่องที่เค้าต้องการจะให้แม็กนัสรู้ในวันนี้ออกไปโดยตรง

“นายคิดว่าแฟนนายแอบเข้าห้องมาหานายเกือบทุกคืนที่นายไม่อยู่เลยใช่ไหม” แม็กนัสตาลุกวาวแล้วรีบเถียง

“ไม่  นั่นไม่ใช่เธอ....”

“เออ ฉันรู้แล้ว!  ฉันพูดอยู่หัดมีมารยาทฟังกันซะบ้างสิ ฉันยังพูดไม่จบโว้ย!” เจซเดือด  แม็กนัสตกใจ “ทำไมจะต้องให้ฉันอารมณ์เสียว่ะห๊ะ!

“ก็นึกว่านายเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”

“นายจะเอายังไง แม็กนัส   เบน...โอ้! ช่างมันเถอะ  เพราะนายกวนโอ๊ยซึ่งๆ หน้าแบบนี้ไงอเล็คถึงต้องแอบย่องเข้ามาตอนกลางคืนน่ะ  ปากนายมันไม่อยู่สุขจริงๆ เลย”

“นายว่าอะไรนะ?”

“ก็ที่ฉันกำลังจะบอกนาย ก่อนโดนนายขัดคอนั่นแหละ แม็กนัส   เบน คนที่เข้ามาทำความสะอาดในตอนที่นายไม่อยู่ก็คืออเล็ค  เก็ทไหม?  หรือยังโง่อยู่......” เจซเน้นคำ มองดูแม็กนัสที่แผ่นหลังยืดขึ้นมาจากพนักพิง

อเล็คอย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่  แฟนสาวจอมลวงโลกของนายไม่ได้เป็นคนทำอย่างที่เธอออกรับไปหรอกนะ  ที่อเล็คทำไปก็เพราะเป็นห่วงนาย  และที่ต้องทำเป็นจัดฉากว่าทุกอย่างมาจากเอลซ่าก็เพราะว่าเค้ากลัวนายจะปฏิเสธเอา  มันเป็นทฤษฏีง่ายๆ ของอเล็คก็แค่นั้น  นายนี่มันห่วยบรมเลยนะ ที่กำลังจะกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักอเล็คไปซะแล้ว”

เจซวาดมือ  ตบหน้าขาตัวเอง แล้วกอดอก  เอนหลังพิงพนักพิงอย่างโล่งอก...........เค้าบอกเรื่องนั้นไปแล้ว  แม้หากอเล็ครู้ จะโกรธเค้ามากก็เถอะ  แต่ว่าที่ทำทุกอย่างนี่ก็เพื่อตัวอเล็คเอง

หลังจากเอ่ยจบแล้ว เจซก็ไม่ได้เตรียมบทมาพูดต่อ  ทั้งห้องรับแขกจึงเงียบสนิท  มีเพียงเสียงซีรี่ย์จากทีวีเท่านั้นที่ยังคงไม่ทำให้บรรยากาศดูเหมือนห้องร้าง  แม็กนัสมองหน้าเจซอย่างตั้งคำถาม  ดังนั้น ร่างสูงผมบล์อนจึงผายมือเล็กๆ

“ก็เท่านั้นล่ะที่ฉันอยากจะบอกนาย”

“นายคิดจะบอกฉันเมื่อไรกัน”

“ฉันกะไม่บอกแกด้วยซ้ำไอ้นายแบบขายถ่าน  อย่ามาพูดเหมือนฉันผิดนะ!” เจซกดเสียงต่ำ  ดูไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง.......อุตส่าห์ยอมถ่อมาบอกถึงที่ให้หายโง่แล้วแท้ๆ ยังจะมาถามอะไรมากมายอีกนักหนากัน!

ขายถ่านหมายความว่าไง?” คราวนี้แม็กนัสทำหน้าข้องใจ เหมือนจะหาเรื่องกลายๆ ท่ามกลางเสียงทีวีที่ยังคงดังไม่เลิก และเปลี่ยนรายการไปเมื่อครู่นี้นี่เอง

เจซส่ายหัวแล้วอ้าปาก “มันก็หมายความว่าแกมัน....”

“เป็นกระแสโซเชียลที่ดังมากๆ เลยค่ะในตอนนี้  มีการเผยแพร่ผ่านไปเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น  แต่คลิปฉาวการร้าวรักของนางเองสาวอย่างเอลซ่ากับแฟนหนุ่มซึ่งเป็นนายแบบชื่อดังที่ใครๆ ก็ต่างรู้จักอย่าง แม็กนัส  เบน ดูเหมือนจะฮอตจนหยุดฉุดไม่อยู่เสียแล้วล่ะค่ะ”

แต่ประโยคชวนก่อเรื่องของ เจซ   เวย์แลนด์ ก็โดนขัดไป  และทันทีที่ได้ยินหัวข้อข่าวชายหนุ่มก็หันเหความสนใจไปที่ช่องทีวีที่เพิ่งเปลี่ยนรายการได้ไม่นานมานี้แทน  เจซยักคิ้ว “นั่นข่าวนายใช่ไหม?” เค้าเผลอพูดดีด้วย


.


.


.


TBC.


----------------------------------------------------------------------------------


คือแบบว่าอะไรน่ะเจซ  นายตกลงกับอเล็คไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่บอกเรื่องนั้นกับแม็กนัสน่ะห๊าาา! -[]-

เจซบอก......ฉันเปล่าหนิ  -*- //แล้วเดินมาตบหัวไรท์//

คืออเล็คซิสน้อยๆ ของไรท์อุตส่าห์เงียบมานานนะคะ  ไปทำความเค้าแตกได้ไงกัน  แต่ว่าแม็กนัสกับอเล็คเจอกันทีไรเป็นต้องมีเรื่องให้กัดกันทุกทีไปเลยนะคะ ><  พระเอกและพระรองทะเลาะกันแย่งนายเอกเนี่ย  ไรท์ล่ะช๊อบ  ชอบบบบ ค่ะ 555555 //อนึ่งตัวเองจะทำหนัง//

และประเด็นสำคัญก็คืออะไรเป็นข่าวที่ทำให้เจซถึงกับต้องหยุดปากไปแล้วเผลอพูดดีด้วย(?)  และทำให้เอลซ่าต้องกรีดร้องป่านคนเสียสติ  ต้องติดตามชมใน Part หน้านะคะ ><  สักพักโดนรีดตบหัวอีกต่อจากเจซ.....แล้วแกก็ลงซะเร็วมากมายเลยนะยะ : รีดบอก    

555555 อยากว่างทูกวานนนนเลยค่ะ TUT  คิดถึงรีดทุกท่านมากๆ เลยนะคะ  เห็นเฟสเงียบ(เพราะไรท์เงียบเอง) เลยเหงาหงอยค่ะ  รักรีดนะคะ  ตาม Part ต่อไปด้วยนะเออ  จุ๊บบบบ >3<

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund


ไม่มีความคิดเห็น: