อร๊ยยยยยยยยยย มาแล้วค่ะรีดขาาา >< พอรู้ว่าจะลง Part นี้แล้วไรท์ตื่นเต้นมากเลยค่ะ
อร๊ายยยยย Part
นี้จะเป็นเหตุผลแบบเนื้อๆ ของเฮียแล้วค่ะ เป็นของจริงที่ไรท์จะไม่เอ่ยอะไรทั้งสิ้นค่ะ รีดๆ จะต้องไปสาวความรู้สึกของเฮียด้วยตนเองค่ะ
(?) //ใช้คำว่า “สาว” ดูสยองไปไหม?//
โอ้ รีดขาา //พัดมือใส่ตัวเองพับๆ// ไรท์อ่านทวนแล้วไม่รู้จะเอ่ยอะไรเลยค่ะ อยากรู้จังรีดๆ จะว่าเช่นไรเมื่ออ่านทั้งหมดที่เฮียทำแล้ว.......ง่าาาา
ต้องอ่านให้จบก่อนนะคะ จึงจะสรุปความได้
ในเรื่องนี้คาแรกเตอร์เฮียเข้าใจยากค่ะ
//ไรท์เองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจแก// + //ว่าไงนะ?// เป็นเพราะว่าเฮียเค้าความลับเลอะเหลือเกินค่ะ และการกระทำมันลึกเกินจะหยั่งถึง แต่ว่า โอ้ พระเจ้าา อ่าน Part นี้แล้วเจ็บปวดหัวใจจจ
(ลามไป Part หน้าด้วย)
แต่ถามว่าเจ็บปวดเพราะอะไรต้องไปดูกันค่ะ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าเสียเวลาเลย ไปอ่านกันเลยค่ะ เลสซึโกววววววว!! >{}<
--------------------------------------------------------------------------------------------------
เค้ามาไกลแล้ว.........และไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่เค้าเพิ่งจากมาจะเป็นเช่นไร
.
.
***************************************************************************************
.
.
ลีโอตื่นหรือยัง?
หรือว่ากำลังร้องไห้เพราะเค้าอยู่กันแน่..........
โรนัลโด้แทบไม่อยากจะคิด
แต่ว่ามันก็เลี่ยงไม่ได้ในเมื่อนั่นคือความจริงที่เค้าทั้งคู่ต่างต้องเผชิญ
แต่ไม่เหมือนกันตรงที่ว่าเค้าเป็นเพียงแค่คนที่ต้องมองดูเด็กหนุ่มเสียใจเพียงเท่านั้น ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่แทบนอนกุมหน้าอกจนปวดร้าวเพราะความเสียใจอย่างเมสซี่ และดูเหมือนเรื่องระหว่างเค้าทั้งคู่
เด็กหนุ่มผู้นั้นดูจะเป็นคนที่แบกรับความรู้สึกเอาไว้หนักหนาเอาไว้มากที่สุด........
“พี่น่ะ หัวใจทำด้วยอะไรกันแน่...”
พอได้ยินคำนี้หัวใจเค้าถึงกับหยุดเต้น จริงอยู่ที่การกระทำของเค้ามันเป็นที่ครหา แต่จริงๆ แล้วใครจะไปรู้เล่า
ว่าคนที่เจ็บที่สุดนั้นคือใคร
ใครต่อใครอาจบอกได้ว่าโรนัลโด้เต็มใจลงมือและไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น........บางคนบอกว่าจิตใจของเค้าด้านชาและหนาวเหน็บป่านน้ำแข็งก้อนสุดท้ายของฤดูหนาว
แต่ใครจะไปรู้จริงอีกนั่นแหละ
ว่าร่างสูงเก็บงำความรู้สึกอะไรเอาไว้ในใจ.....และมันมากมายนักหากจะเอาไปเทียบกับบุคคลธรรมดา
ไม่ได้หรอก
คนพวกนั้นตัดสินใจทำอะไรเด็ดขาดแบบเค้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ใช่ และนั่นคือสิ่งที่โรนัลโด้กำลังเผชิญ
อันที่จริงก็เกือบจะสักพักหนึ่งได้แล้วที่เค้ารู้ที่อยู่ของเมสซี่
และไม่คิดที่จะบุกไปหาเด็กหนุ่มเร็วขนาดนั้น แต่ทว่าสถานการณ์มักชอบเล่นตลกกับเค้าเสมอ ดังนั้นโรนัลโด้จึงได้ไปปรากฏตัวที่บ้านของเด็กหนุ่มด้วยแผนการอันแยบยลของตัวเค้าเอง........แน่นอนเด็กหนุ่มทำหน้าเหมือนเห็นผีไปเลย
เมื่อเจอเค้า
และความทรงจำครั้งสุดท้ายเมื่อจากกันก็ไม่ใคร่จะดีเสียเท่าไรนักด้วย
สายตาคมไร้แสงและเหม่อลอยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ขึ้นเครื่องมา โรนัลโด้ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง
จนกระทั่งผู้ดูแลที่ติดมากับเครื่องเดินผ่านมาและเอ่ยถามเรียกสติของร่างสูงเข้า
“คริสเตียนโน่เธอโอเครึเปล่า?”
โรนัลโด้กระพริบตาหนักๆ
กับกระจกหน้าต่าง
ก่อนจะหันกลับมาตีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายเช่นเดิมแล้วส่ายหน้าบอกปัดไปอีกเช่นเคย
“ไม่ครับ ไม่มีอะไร ผมโอเค” ร่างสูงย้ำหนัก เพราะไม่ต้องการให้ใครมาจู้จี้กับเค้าอีก ก่อนจะหันออกมาจากคนถามแล้วมองตรงไปยังด้านหน้า
โดยที่คู่สนทนายังไม่ทันที่จะได้พยักหน้ารับเสียด้วยซ้ำ
ผู้ดูแลรับรู้แล้วเดินออกไป
ปล่อยให้ชายหนุ่มร่างสูงอยู่ตามลำพังอย่างที่ควรจะเป็น
พลางนึกฉงนหาคำตอบอยู่ในใจอยู่ไม่น้อยว่า
เพราะเหตุใดชายหนุ่มผู้นี้ถึงได้เก็บรักษาอาการ ไม่แสดงท่าทีลิงโลดอย่างที่คนอื่นๆ
ซึ่งเคยผ่านมาเป็นได้ดีถึงเพียงนี้
เค้าได้อยู่คนเดียวอีกครั้ง และหลุบตาลงอย่างสงบนิ่ง
เค้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาอยู่ตรงนี้เสียด้วยซ้ำ........โค้ชและเพื่อนๆ
ที่โรงเรียนคิดว่าเค้าอยากมา
และต้องเอาชนะทุกคน
ทำทุกอย่าง แสดงความสามารถทุกสิ่งที่มีเพื่อให้ตัวแทนจากสโมสรมอบโอกาสให้เค้า เพราะใครๆ
ก็ต่างรู้กันดีอยู่ว่าถ้าหากโรนัลโด้คนนี้นั้นคิดอยากจะได้อะไร สุดท้ายแล้วเค้าก็ต้องได้ เพราะเค้าไม่เคยยอมแพ้กับอะไรทั้งสิ้น
แต่ผิดแล้ว มันไม่ใช่
ร่างสูงของประธานชมรมฟุตบอลผู้นี้ไม่เคยมีความคิดพรรคนั้นอยู่ในหัวเลยจนกระทั่งวันนั้นที่โค้ชเดินมาบอกข่าว
ซึ่งทำเอาเค้ารู้สึกเหมือนโดนทุ่มด้วยท่อนซุงจนหัวหมุนไปเลย
.............มันไม่สมควรจะเป็นแบบนี้ ไม่ควรจะได้เป็นเค้า โรนัลโด้ไม่ควรออกมาจากเมืองและจากบ้านมาไกลขนาดนี้.............
แต่ถึงกระนั้นความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในแววตาของแม่ก็สมทบตรรกะในใจทำให้เค้าเลือกที่จะมาแทนที่จะปฏิเสธไป และถึงแม้จะไม่อยากมา
แต่ร่างสูงก็สามารถวางท่าทางได้อย่างเหมาะสมในแบบของเค้า
โรนัลโด้กระชับมือกับผ้าเชียร์ทีมฟุตบอลทีมโปรดของเมสซี่ที่เค้าหยิบมาแน่น...........
อีกกี่ปีหนอ กว่าเค้าจะได้กลับมาหาลีโอของเค้า
.
.
************************************************************
.
.
18 วันก่อนหน้านี้.....
“อีกไม่กี่เดือนก็จะลงแข่งกับโรงเรียนรัฐข้างๆ
แล้วนี่ แล้วตกลงวันไหนแน่วะ ไม่เห็นโค้ชโผล่หัวมาบอกเลย” เสียงฮึดฮัดบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์
ชายหนุ่มในชั้นปีสุดท้ายของโรงเรียนและชมรมฟุตบอลส่วนมากรวมตัวกันอยู่ในห้องล็อคเกอร์ของชมรมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับบ้าน
หลังจากที่โหมซ้อมกันมาจนย่ำเย็น
“ถึงโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์ถ้านายอยากรู้แล้วยังเสนอหน้านั่งอยู่ตรงนี้ วันนี้โค้ชนัดฉันไปเอาใบกำหนดการลงแข่ง นั่นหน้าที่ฉัน นายไม่จำเป็นต้องบ่นหรอกว่าเมื่อไรกำหนดการจะมาน่ะ ถ้าอยากรู้มากนักล่ะก็แบกปากไปถามโค้ชเลยสิ
บางทีเค้าอาจบอกพวกปากเก่งอย่างนายก็ได้”
เสียงเย็นเยียบดังขึ้น
เอ่ยตอบกลับมาพร้อมทั้งกลบเสียงพูดคุยเรื่องรอบตัวของเพื่อนคนอื่นๆ
ได้เป็นอย่างดี
ทุกคนเงียบกริบตั้งแต่เจ้าของเสียงเฉียบขาดเอ่ยยังไม่ทันจบประโยคเสียด้วยซ้ำ
เจ้าของเสียงซึ่งฉายความเงียบไปทั่วห้องนั้นกำลังหยิบข้าวของที่จำเป็นออกมาจากล็อคเกอร์
และยัดมันใส่ระเป๋าของตัวเองอยู่
เค้าหันหลัง พูดโดยไม่มองหน้าใครทั้งสิ้น
สองมือก็ยังคงจัดการของตรงหน้าไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่สายตาคมก็เหลือบหางตามองไปยังคู่กรณีที่พ่นคำไม่พอใจอย่างลอยๆ
ไปด้วย
ชายคนแรกที่เอ่ยปากแพ่มไปทั่วก็ถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
และคิดกับตัวเองว่าวันนี้ไม่น่ามาโรงเรียนแล้วเอ่ยประโยคนี้ออกไปเลย.......ไปพูดไม่เข้าหูเค้าเอาเข้าจนได้
“พูดเล่นน่ะคริส อย่าคิดมากเลยเพื่อน....ขำๆ น่ะ ฮ่าๆๆ”
ฟังจากเสียงหัวเราะท้ายประโยคแล้ว เพื่อนๆ
คนที่เหลือของเค้าก็ออกความคิดเห็นทางสีหน้าอย่างเห็นใจว่ามันเป็นเสียงหัวเราะที่แห้งมากและไม่ควรทำอย่างยิ่ง
มันจะทำให้เพื่อนร่างสูงที่พูดน้อยแต่ต่อยหนักคนนี้มองว่าน่ารำคาญ
ปังง!
ร่างสูงกระแทกปิดล็อคเกอร์ดับเสียงหัวเราะแห้งนั้นซะ เป็นเหตุให้หลายๆ
คนพากันสะดุ้งตัวเพราะตกใจเกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรหรือไม่ แต่ร่างสูงผู้น่ากริ่งเกรงก็เพียงแค่คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นพาดไว้บนบ่าแล้วเดินออกไปจากห้อง
พร้อมทั้งแจกสายตาแช่แข็งไปให้คนที่เริ่มหัวข้อสนทนาด้วย
“รู้อะไรไหม ชมรมนี้มีแต่คนเจ๋งๆ
โดยเฉพาะหมอนี่...น่ากลัวชะมัดเลย
แทบฆ่าฉันด้วยสายตาแหน่ะ” ชายหนุ่มปากเสียพูดพลางถูไหล่ตัวเอง จนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถอนหายใจออกมาน้อยๆ
แล้วเอ่ยสมทบ
“ก็ดีแล้วที่เค้าไม่ฆ่านายจริงๆ
น่ะ”
คนปากไม่ดีขนลุก
“ขอบใจเนย์มาร์
นายช่วยให้ฉันเห็นภาพได้เยอะเลย”
“ยินดีช่วย”
ร่างสูงโปร่งผิวสีเข้มเอ่ยตอบกลับอย่างไม่สนใจ
พลางมองไปยังประตูที่เพื่อนร่างสูงเพิ่งออกไป.....นึกขอบคุณเพื่อนช่างพูดน้อย
ที่ไม่ต่อยเจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เค้าเข้าเสียจริงๆ
ห่างออกไปจากห้องล็อคเกอร์ของชมรม
โรนัลโด้เดินตรงไปยังห้องพักครูในสาขาวิชาพละศึกษาเพื่อไปรับใบแจ้งกำหนดการแข่งขันฟุตบอลในนัดต่อๆ
ไปที่พวกเค้าควรจะรู้ไว้
“ไงคริส มาพอดีเลย
ครูกำลังมีแขก มารับใบไปสิ”
โค้ชที่สวมเสื้อวอร์มแขวนคอด้วยนกหวีดหันมาเอ่ยกับประธานชมรมที่ฝากผีฝากไข้ได้แถมยังออกคำสั่งเด็ดขาดที่สุดเท่าที่เค้าเคยมีมา
แล้วส่งใบกระดาษบอบบางใบหนึ่งให้ชายหนุ่มร่างสูงไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะไม่ได้มองหน้าของโรนัลโด้ด้วยซ้ำ........โค้ชคงรีบมาก
อาจมีเรื่องสำคัญที่ต้องให้ความสนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
โรนัลโด้สังเกตเห็นชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของโค้ช
ดูจากการแต่งตัวแล้วคงจะต้องไม่ใช่คนที่นี้เป็นแน่ เพราะชายคนนี้ดูเหมือนผู้ดีสะอาดสะอ้านที่ไม่เคยย่างเท้าออกจากคฤหาสน์ของตัวเองเลย........ต้องมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างกับชมรมของเค้าแน่ ขนาดโค้ชยังไม่สนใจโรนัลโด้เท่าที่ควรเลย
ดังนั้น เมื่อเดินออกมาแล้ว
ร่างสูงกำยำจึงยืนอยู่หลังกำแพงอีกพักหนึ่งเพื่อฟังชายสองคนในห้องคุยกัน
“เราถึงไหนกันแล้วนะครับคุณลูคัส”
นั่นเสียงโค้ช
“ผมกำลังจะบอกว่าทางสโมสรของเราสนใจเด็กในความดูแลของคุณเพื่อดึงตัวเข้าไปอยู่ในสโมสรของเราน่ะครับ”
นี่คงเป็นคนที่ชื่อลูคัสผู้ไม่เคยก้าวเท้าออกมาจากคฤหาสน์ของเค้า.......โรนัลโด้ตั้งสถานะให้เค้าเล่นๆ
“จริงหรือครับ!? โอ้พระเจ้า
ผม...เราไม่อยากจะเชื่อเลยครับ
รู้สึกเป็นเกียรติ์จริงๆ” เสียงโค้ชฟังดูตื่นเต้นอย่างมากมาย
ร่างสูงไม่เคยเห็นโค้ชเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง
โรนัลโด้จึงหันไปมองช่องกระจกซึ่งเผยให้เห็นภาพของโค้ชร่างไม่ผอมเพรียวนัก
ทำท่าทางแทบจะไปจับมือกับคนฝั่งตรงข้ามได้อยู่แล้ว ชายหนุ่มฟังต่อไปอย่างตั้งใจ ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจเค้าอย่างห้ามไม่ได้
“แต่น่าเสียดายที่เราสามารถรับไปได้แค่คนเดียว ไม่อย่างนั้นคงจะได้ไปหมดสมใจผมทุกๆ คน”
“โอ้ แย่จัง
แล้วคุณลูคัสเลือกเด็กคนไหนของเราไปหรือครับ?”
“ไม่ครับ ไม่ใช่ผม แต่เป็นทางสโมสรชี้ตัวมา”
โค้ชที่ทำหน้าหงอลงเล็กน้อย
แต่ดูเหมือนมันก็ยังไม่พอที่จะทำให้เค้าหุบยิ้มลงได้
“แล้วเด็กของเราคนนั้นคือใครกันครับ?”
คนที่ชื่อลูคัสหยิบแฟ้มเอกสารบางๆ
ชุดหนึ่งขึ้นมา แล้วเปิดดูก่อนจะบอกชื่อแก่โค้ชไป
“ลีโอเนล เมสซี่ ครับ”
โรนัลโด้รู้สึกถึงเสียงสูดหายใจของตัวเอง.......
เค้ามองลอดผ่านกระจกไปเห็นรูปของเด็กหนุ่มในชมรมของเค้า และสัญลักษณ์ประจำสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
............ผู้ชายคนนี้จะเอาเมสซี่ไป..........
ความมึนงงฉายปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มผู้รู้สึกไม่ใส่ใจในเรี่ยวแรงถือกระดาษที่เริ่มหายไปของตัวเองแล้วในขณะนี้
ใช่
จริงอยู่ที่เด็กหนุ่มคนนี้ฉายแววด้านฟุตบอลออกมาอย่างแจ่มชัด และมุ่งมั่นตั้งใจเอามากๆ ข้อนี้เค้าเห็นด้วย
เพราะเหตุนั้นจึงได้เลือกตัวเมสซี่ลงแข่งในนัดต่อไปที่กำลังจะมาถึงนี้ ใช่สิ เค้าจำได้ ก็เป็นคนใส่ชื่อเด็กคนนั้นเองกับมือหนิ.........
แต่ทำไมกัน ทำไมถึงเป็นเด็กคนนี้ไปได้.......
“โอ้ เด็กคนนี้นี่เอง ครับ เค้าเก่งมาก
เป็นนักเรียนที่เก่งมากของเราคนหนึ่งเลยทีเดียว” โค้ชดูคาดไม่ถึงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่อาจลบรอยยิ้มบนหน้าออกไปได้
“ตราบใดที่อยู่โรงเรียนนี้
สิทธิ์ในการไปแมนยูจะยังเป็นของเค้าครับ
แต่ถ้าหากไม่ เราอาจต้องเปลี่ยนคน
เพราะทางสโมสรสั่งผมมาชัดเจนว่าผมควรมองหาเด็กจากโรงเรียนไหนและไม่ควรที่จะโลเล”
“ครับ เรื่องนั้นเรารู้ดี และยินดีอย่างยิ่งครับ...”
หลังจากนั้นก็ดูเหมือนโค้ชของเค้าจะกล่าวขอบคุณเสียยกใหญ่ แต่โรนัลโด้ไม่ได้อยู่ฟังมันทั้งหมด
ในตอนที่ร่างสูงกำยำกำใบแจ้งกำหนดการแข่งขันระดับประเทศในมือแล้วออกเดินไปยังรถของเค้า
โรนัลโด้ยอมรับ
มันเกินความคาดฝันของเค้าไปมากโขที่จะต้องมาได้ยินเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่การที่ได้รับรู้ว่าเด็กหนึ่งคนในโรงเรียนจะได้ไปติดสโมสรชื่อดังระดับโลกหรอกนะ แต่การปล่อยให้เด็กคนนั้นไป
ถือเป็นเรื่องสาหัสสำหรับเค้าต่างหาก.........
ใช่ มันแย่มาก
เพราะเด็กคนนี้คือเหตุผลว่าทำไมร่างสูงถึงยินดีมาซ้อมบอล
เป็นประธานชมรมที่พาทีมไปสู่การแข่งขันระดับสูงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
และทนฟังคำต่อล้อต่อเถียงอันน่ารำคาญของเพื่อนรอบตัวให้เสียเวลาเล่นๆ
ในทุกๆ เย็น
เพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวของวันที่เค้าจะได้พบเด็กหนุ่มผู้ขยับขันแข็งคนนี้อย่างใกล้ชิด แม้ไม่ได้เดินตามกันจนเหมือนแฝดก็ตาม แต่การที่ได้เห็นเมสซี่อยู่ในสายตาตลอดเวลานั้นเป็นอะไรที่โรนัลโด้ยินดีที่จะแลกเพื่อให้ได้มา
ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม นั่นมันก็คุ้มค่าที่สุดสำหรับเค้าแล้ว
แต่จะเอาเด็กคนนี้ไปน่ะหรือ เค้าไม่ยอมหรอก.........
.
.
.
TBC.
------------------------------------------------------------------------------------------------------
โอ้ เหมียวหนูได้.............โอ้ ดีใจด้วยนะจ๊ะ
แต่ว่านี่มันคือเหตุผลที่เฮียทำอย่างนั้นลงไปงั้นเหรอออออ!!! []0[] Oh god!! เฮียไปแอบฟังเค้าอย่างนั้นมีมารยาทมากเลยนะคะ!
//แต่ถ้าเฮียไม่แอบฟังก็คงไม่รู้
*..*//
ฮึก ฮัก อ๊อกกกกก นี่มันคือความจริงของเฮียใช่ไหมคะ???? เป็นเพราะเฮียไม่ยินยอมใช่ไหมคะเลยต้องทำแบบนั้น โอ้ววววววววววววววว เฮียขาาาาา
//รอเฮียแถลงการณ์ต่อ Part ต่อไป//
รีดคิดยังไงคะ? จะให้อภัยเฮียไหม? รึว่าหมั่นไส้เฮียมากกว่าเก่า? โอ้ ตอนนี้ไรท์สุดจะบรรยายค่ะ ฮ่อลลลลลลลล
เฮียเคอะ
ถ้าเฮียพูดอะไรกับเหมียวในเรื่องเชิงสร้างสรรค์และมาจากใจเฮียมากกว่านี้หน่อยก็คงจะดีนะคะ พูดสิคะ
ทำไมไม่พูดดด!!! พูด บอกๆๆ เหมียวไปเลย ฮ่วยย! >{}< //ภาษาพ่อออกแล้วบัดนี้ไรท์
-**-// ขัดใจไรท์อย่างแรงค่ะ ชริๆๆๆ //แต่ก็ยังชริๆ ใส่เฮีย//
แต่ว่าประโยคนั้นก็ทำเอาเฮียสะอึกเลยเนอะ “พี่น่ะ หัวใจทำด้วยอะไรกันแน่...” เป็นไรท์ก็สะอึกค่ะ อูยยย ถ้าเป็นเฮียจะกุมหัวใจตัวเองเลยเถอะ แหม่ เฮียนี่ก็น่าให้ถ้วยนะคะ ทนได้ไงเนี่ยยย 555555 //โดนเฮียตบหัวทิ่ม......นี่เห็นเป็นเรื่องตลกรึไง -..- คนกำลังเครียด//
ไม่รู้ว่าจะถูกใจรีดไหมนะคะ
กับจุดพลิกเรื่องอีกหนึ่งจุด
อันที่จริงอันนี้มันเป็นปมเรื่องเลยนะ -*-
ไม่ใช่แค่จุดพลิก เฮียแกเป็นคนก่อเองล้วนๆ
เลย //ใครบอก อิตาลูคัสไง
ไปยิงแกกันค่ะ// + //เฮ้ยยย
อย่าก่อวินาศกรรมโดยใช่เหตุ!// ฮ่อลลลลล
ร่วมกันคอมเม้นท์ด้วยนะคะ
บอกความในใจของท่านมา และขอขอบคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะที่ยังคงอ่านกันอย่างเหนียวแน่น และขอบคุณรีดๆ ที่เพิ่งเข้ามาอ่านด้วยนะคะ รักรีดทุกท่านนะคะ จ๊วบบบบ >3<
รอติดตาม Part หน้าด้วยนะคะ เป็น Part สำคัญ เพราะเป็น Part จบแล้วค่ะ
><
แปะเฟสตามธรรมเนียมค่ะ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< จิ้มเลยค่ะ แวะเข้ามาทักและคุยกันได้นะคะ >///< อยากให้คุยค่ะ ไม่ต้องเขินนะคะ 55555
//แกสิหน้าด้านอยู่คนเดียว//
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund