วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2559

[SF – RonalSi //เรื่องวุ่นวายฯ – Special//] + [Part 1…END] BALLON D’OR 2015 – Ronaldo x Messi




อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!  สวัสดีค่ะรีดขาาา >////< //กรีดร้อง//  อร๊ายยยยย  คิดถึงเฮียเหมียวมากๆ เลยค่ะ ><  บัลลงดอร์ก็เพิ่งผ่านไป  แต่ความฟินของเราไม่จบค่ะ 55555  พารู้ข่าวปุ๊บ  เห็นรูปปั๊บ ไรท์นี่แทบลงไปกราบเลยค่ะ  อะไรจะน่ารักขนาดดดดด!!  เหมียวจ๋าาาา






เฮียก็หล่อเหมือนทุกปีเลยค่ะ >///<  //มาเซโล่ ใครบอกให้ทำหน้ายังงั้นค่ะห๊าา!! 5555  ไรท์ชอบเค้าค่ะ  น่ารักดี  แค่มองก็ฮาแล้วววว 55//


 อร๊ายยยยย ช็อตที่อยู่ด้วยกันนี่คือดีงามค่ะ  แบบว่าเหมือนเค้าสนิทขึ้นในระดับหนึ่งเลยค่ะ ดูหน้ายิ้มแย้มของเหมียวตอนเฮียเข้าไปจับมือแสดงความยินดีสิคะ!! >< อร๊ายยยย  ฟินจนจุกเลยค่ะ 55555



และไรท์ต้องขอเรียนรีดๆ ทุดท่านก่อนนะคะ  ว่า SF หรือไรท์จะเรียกว่า เรื่องวุ่นวาย – Special.....เรื่องนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ เรื่องวุ่นวายนายตัวดี! – Ronalo x Messi ค่ะ  จนเกิดกระแส RonalSi ขึ้นค่ะ  ซึ่งนั่นก็คือตอนพิเศษนั่นเองค่ะ //เออ จะบอกงี้ก็บอกไปตั้งแต่แรกสิ -..-//  และมีหลายตอนด้วยล่ะจะบอก  เหอๆๆๆๆๆ  ต้องติดตามค่ะ  ถ้าเขียนเรียบร้อยแล้วไรท์ก็จะลงมาตอนหนึ่งๆ ค่ะ  เนื่องจากเป็นตอนพิเศษ special เล็กๆ น้อยๆ ก็จะมีเพียง Part เดียวนะคะ  แต่บางตอนอาจจะมี 2 Part รึ มากกว่านั้นก็จะแตกต่างกันไปค่ะ

ใครที่ยังประทับใจอยู่กับ เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! ก็หวังว่าจะหายคิดถึงกันนะคะ ^^   Special เรื่องนี้สอนให้ไรท์รู้ว่านอกจากเฮียจะเจ้าเล่ห์แล้วยังเป็นคนที่โรแมนติกหาใครเปรียบอีกด้วยค่ะ >///<  อร๊ายยยย  โรแมนติกอย่างนี้ไปซะเถอะค่ะเฮียย >< (อ้าว?) รีดๆ ของไรท์กับไรท์ฟินกันไปหมดแล้วค่ะ ถ้าไรท์ยิ้มจนแก้มฉีกก็อย่าลืมค่าทำขวัญนะคะ 100 ล้านยูโรค่ะ 5555 //ได้อาร์พีจีแทน...ปู้สส ตู้มมม!!//

555555  ขอเชิญรีดๆ ไปฟินกันได้เลยค่าาา >///<

ปล. Ti Amo ในภาษาสเปนแปลว่า ผมรักคุณ  ส่วนคำว่า Amo Leo แปลว่า ลีโอที่รัก นะคะ  นี่เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของเฮียเค้าค่ะ

ปล. 2 นี่คือตอนพิเศษที่ความสัมพันธ์สองคนนี้ก่อตัวแล้วค่ะ  ซึ่งมีตอนก่อนหน้านี้ด้วยค่ะ ตอนที่เฮียแก....5555 ไรท์ฮาเฮียแกมากเลยค่ะ  เฮียเป็นอะไรไปคะ 5555  เหมียวก็อยู่ที่บาร์เซโลน่าแหละค่ะ  ทำเหมือนอยู่คนละซีกโลกไปด้ายยย  55555 //ฝอยมาก -*-//



-------------------------------------------------------------------------------------------------



งานประกาศรางวัลบัลลงดอร์ประจำปี 2015 ใกล้เข้ามาแล้ว....

ผมยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง ยังไม่ได้เปิดมันเพื่อก้าวผ่านออกไปด้านนอกแต่อย่างใด  ผมตื่นแต่เช้าแต่งตัวพร้อมออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้าเพิ่งจะสว่างด้วยแสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์เพียงเท่านั้น

ผมไม่เคยว้าวุ่นใจ  ไม่ค่อยจะบ่อยนัก แต่ว่าหลังจากกลางปีที่แล้ว...ไม่สิ สองปีที่แล้วต่างหาก  ผมก็เริ่มกระวนกระวายหัวใจจนเป็นบ้าเป็นหลัง จากเดิมที่ไม่เคยแคร์อะไรเลย  อา บ้าชะมัด  ทำไมผมจะต้องมามัวทำตัวเดินวนเวียนอย่างว้าวุ่นใจอยู่แบบนี้ด้วยนะ

ผมยืนล่วงกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์สีเข้มอย่างรอคอย และมือหนึ่งก็ถือสมาร์ทโฟนเคาะไปมาอยู่บนอกของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อยิ่งกว่า ผมไม่สามารถสั่งให้ขาของตัวเองเดินวนไปมาระหว่างหน้าประตูและพื้นที่ว่างโล่งของห้องได้

ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้รอเก้อทั้งๆ ที่เตรียมตัวไว้แล้วเรียบร้อยอย่างนี้แน่นอน  และการที่จะรอจนกว่าจะได้การตอบรับกลับมาก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับผมบ่อยนัก  ใช่  ถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่คนที่ผมรอคอยอยู่จริงๆ  คนที่ผมตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอที่จะได้เจออยู่ตลอดเวลา.....

R…R…R…

มีสายเข้ามา  ผมรีบดูชื่อที่ปรากฏอย่างไม่ต้องรอเลย

‘Amo Leo’…

บิงโก! เค้าโทรมาแล้ว  เร็วกว่าที่ผมคิดเอาไว้ซะอีก และไม่ต้องให้บอกซ้ำ ผมรับสายนั้นอย่างตื่นเต้นทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้

“ครับผม?” ผมลืมคำทักทายไปชั่วขณะ  ความต้อการอยากรู้ในใจทำให้ผมไม่รั้งรออะไรทั้งสิ้นและลืมมารยาทไปเลย  ผมแค่กำลังรอฟังคำตอบที่เคยได้ถามชักชวนเค้าไปเมื่อวานก่อนก็เท่านั้นเอง  แต่ดูจะรีบร้อนไปเสียหน่อย ซึ่งผมหวังว่าเค้าจะเข้าใจในข้อนี้ของผม

[[ครับ...เอ่อ คริส]] เสียงใสๆ แต่ฟังดูลังเลอย่างเห็นได้ชัดของปลายสายทำให้ผมเริ่มหัวใจห่อเหี่ยวลง

“ครับ”  วันนี้เรามีนัดกัน  ผมนัดเค้าไว้ล่วงหน้าสองสามวันแล้วเพื่อให้เวลาเค้าไกล่เกลี่ยกับพี่ๆ ที่สโมสรเพราะผมไม่ได้มีสิทธิ์ในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย  ไปเจอหน้าพวกเค้าสิ ผมคงมีหวังแต่จะโดนไล่ฆ่ากลับมาเอา 

บัลลงดอร์ใกล้เข้ามาแล้วและผมรู้ว่ามันเป็นความจริงอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะมีชื่อเราสองคนอยู่ในรายชื่อของคนที่เข้าชิง  และเป็นไปตามคาดอย่างที่ผมได้บอกเอาไว้ ผมกับลีโอและเนย์มาร์เป็นสามคนผู้เข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้

โอ้ พระเจ้า  ผมเผลอพูดชื่อเค้าไปเหรอ  ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่เอ่ยชื่อของเนย์มาร์ เพราะนึกถึงพี่จอมขี้หวงตัวพ่อเมื่อไรผมมีอันต้องงานกร่อยเมื่อนั้น  ไม่ต้องมาตัวเป็นๆ หรอก  แค่โผล่เข้ามาในความคิดผมก็เซ็งแล้ว  ความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีต่อผมก็คงจะเหมือนกันกระมัง  หึ ช่าย เพราะลีโอติดผมซะขนาดนั้นนี่นา  จะไม่ให้พวกเค้าโมโหผมได้ยังไง  ในเมื่อตอนนี้ผมกล้าพูดได้เต็มปากแล้วว่าลีโอรักผมขนาดไหน......โอเค  ถึงเรื่องนี้พวกเค้าจะยังไม่รู้ชัด เนื่องจากเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนยังปิดเงียบ  แต่ว่าผมก็มีข้อต่อรองกับองครักษ์ของลีโอเพื่อตัวของคนตัวเล็กของผมเองก็แล้วกันน่า

และผมคิดว่ารู้แล้วว่าลีโอที่โทรมาจะบอกผมว่าอย่างไร  พวกพี่ๆ จอมขี้หวงในสโมสรก็เขี้ยวเข็ญลีโอให้อยู่ในกรอบพออยู่แล้ว และหากพูดถึงการออกไปตามคำเชิญชวนของผมซึ่งเป็นที่ไม่ถูกชะตาของพวกเค้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย....อ่า  ให้ตายเถอะ  อะไรทำให้ผมคิดว่าการเอ่ยชวนลีโอโดยหวังขอให้คนพวกนั้นอนุญาตจะดีไปกว่าการบุกเข้าไปเอาตัวเค้ามาเลยกันนะ

การที่ผมเป็นต่อด้านการต่อรองก็ยังไม่มากพอ เพื่อที่จะทำให้ผมสามารถไปรับเค้ามาเล่นด้วยทุกครั้งไปหรอกนะ  บอกตามตรงพวกพี่ๆ ที่สโมสรของลีโอก็น่ารำคาญใช่ย่อยอยู่เหมือนกัน  สงสัยผมคงจะผิดเสียแล้วที่หลงคิดไปว่าการสงบศึกและการทำตัวเป็นคนดีที่น่าคบจะทำให้พวกที่คอยตามหน้าตามหลังลีโอจะยอมฟังผมบ้าง  แต่ดูท่าพวกนั้นคงจะไม่พอใจในความเป็นมิตรของผมเสียเท่าไรนัก

โอ้  ให้ตายเถอะ คนพวกนี้ทำผมยุ่งยากและเบื่อหน่ายจริงๆ ผมกำลังจะจบการสนทนากับลีโออย่างนุ่มนวลที่สุดและตบท้ายด้วยการบอกว่าจะไปรับเค้าเอง ไม่ว่าใครจะยอมหรือไม่ก็ตามแต่เสียงหัวเราะน้อยๆ ของลีโอกลับแววเข้ามาและเอ่ยบอกอย่างเคล้าเสียงร่าเริงกับผม  ผมฟังเค้า  ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นแล้วทบทวนคำพูดของเค้าอย่างตั้งใจ

“โอ้  ให้ตายเถอะ  ถ้าผมเจอหน้าคุณเมื่อไรผมจะกัดแก้มคุณให้หายซนเลย  สนุกมากรึไงโกหกผมน่ะ”

[[ผมยังพูดไม่จบเลยนะ  คุณด่วนสรุปไปเองต่างหาก  ฮ่ะๆ  คุณกลัวจะไม่ได้เจอผมเหรอ?]] น้ำเสียงลีโอดูเพียงแค่หยอกเล่นเท่านั้น  ดูเค้าจะจำท่าทางของผมมาเลียนแบบมากเกินไป  แต่ผมมักจะเหนือกว่าเค้าเสมอ...และโอ้  ประโยคสุดท้ายของเค้าฟังดูเหมือนเด็กที่กำลังสนุกเลย  ผมชอบนะ ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากที่จะได้ยินอีก

“ใช่ ผมอยากเจอคุณมากเลยรู้ไหม?” และได้ผล  เสียงหัวเราะน่าหมั่นเขี้ยวของคนปลายสายก็พลันหายไปอย่างรวดเร็วทันที  ผมเดาว่าคนที่หัวเราะผมเมื่อกี้นี้คงจะหน้าแดงไปแล้วแน่ๆ เลย

ถึงแม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าเหตุใดพี่ๆ ของเค้าถึงได้ปล่อยให้ออกมากับผมได้ง่ายดายนัก  แต่ทว่าในเวลานั้นผมก็ไม่รั้งรออะไรทั้งสิ้นแล้ว  เมื่อบอกลาลีโอเสร็จผมก็รีบขับรถไปรับเค้าที่สโมสรทันที

และพอไปถึงตั้งแต่พาลีโอขึ้นรถและเคลื่อนตัวออกไป  คนอื่นๆ ที่นั่งมองหน้าผมตาเขียวปัดยังกะจะกินเลือดกินเนื้อ  ก็นั่งเฝ้าเป็นหมาหน้าบ้านถามผมกลับไปวนมาว่า “แกจะพาลีโอไปไหนน่ะไอ้ขี้เต๊ะ?” “แกจะพาลีโอไปไหนน่ะฮึ?” “บอกมาสิ  ฉันยังไม่ไว้ใจแก”

ยังไงก็ตามเถอะ  ผมไม่ควรทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ  การต่อปากต่อคำอย่างไว้หน้าพี่ๆ ของลีโออาจทำให้ยาวไปจนถึงตอนเย็นได้และนี้ก็ยังเช้าอยู่เลย  ด้วยความไม่สนใครตอนนั้นผมก็ขับรถพาลีโอที่โบกมือหยอยๆ เหมือนเด็กถูกคุณครูพาไปทัศนศึกษาให้พี่ๆ อย่างร่าเริง ออกจากที่นั้นไปโดยที่ไม่หันกลับมามองกระจกหลังเลยแม้แต่น้อย  จ้างให้ก็ไม่กลับไปหรอก

ผมคิดก่อนจะวาดยิ้มกับตัวเอง ก่อนลีโอจะสงสัยว่าทำไมวันนี้ผมถึงได้อารมณ์ดีนักหนา

“จะไปไหนเหรอครับ?” ลีโอถามผม  เค้าดูสุภาพและน่ารักมาก  เมื่อรัดเข็มขัดเฝ้ามองผมด้วยตาสุกใสที่ไม่ว่าใครก็พรากมันไปจากเค้าไม่ได้

“พอไปถึงคุณก็จะรู้เอง” ผมไม่ให้คำตอบในทันที  ปล่อยให้คนที่นั่งข้างๆ เกี่ยวสายเข็มขัดนิรภัยเล่นไปพลางๆ  เพราะเค้ารู้หากผมไม่ยอมบอกอะไรแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ผมพูดออกมา  ลีโอหุบยิ้มลง กวาดตามองไปรอบๆ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองมาร์ดริก  เค้าไม่ได้ทำหน้ามุ้ยเหมือนอย่างทุกทีที่รู้สึกว่าตัวเองโดนปล่อยให้เป็นเด็กผู้ไม่รู้อะไรเลย  แต่ดวงตากลมโตที่ผมหลงใหลกลับทอดมองออกไปนอกกระจกที่เรียงรายเต็มไปด้วยต้นไม้และบ้านเมืองด้วยความตื่นตาถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้วก็ตามที่ผมพาเค้ามาในเส้นทางนี่  ก่อนนิ้วเล็กๆ จะยกขึ้นจิ้มไปที่กระจกหน้าอย่างชื่นบานและคาดหวังเป็นอย่างยิ่งเมื่อเค้าจำทางที่กำลังจะไปถึงได้

“เราแวะทานไอศกรีมตรงร้านหัวมุมนั้นก่อนได้ไหม?” เค้าหมายถึงร้านโปรดของเค้าหลังจากที่ผมพามาอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง  และใช่  ลีโอจำร้านประจำของตัวเองได้อย่างแม่นยำทีเดียว

“เอาสิ” แล้วแต่คุณเลยที่รัก

ผมยิ้มก่อนจะชิดขาวที่หัวมุมตรงนั้นของลีโอ  ไม่เป็นไร ผมไม่รีบเท่าไรนักหรอก.....



********************************************************************



งานประกาศผลบัลลงดอร์  2015
ซูริก , สวิตเซอร์แลนด์....

“ผมตื่นเต้นจัง” ร่างเล็กยืนยุกยิกไปมาอยู่ด้านหลังของส่วนเก็บตัวสำหรับผู้เข้าชิงรางวัล  เจ้าตัวดูตื่นเต้นมากๆ ถึงแม้ว่าจะเคยมายืนอยู่ตรงนี้หลายครั้งแล้วก็ตาม  แต่อาการใจเต้นโครมครามนี่ไม่เคยลดน้อยลงเลยแม้แต่ปีเดียว

“ไม่เป็นไรลีโอ  พี่อยู่ตรงนี่โอเคไหม?” เนย์มาร์ที่ยืนยืดตัวตรงอย่างภาคภูมิใจ เอ่ยกับเมสซี่ที่ขยับไปมาราวกับเจ้าใกล้จะเข้าทรง  ใบหน้าของชายหนุ่มชาวบราซิลซึ่งเป็นหนึ่งในสามของคนมีชื่อได้เข้าชิงรางวัลในวันนี้หันตรงไปข้างหน้า จดจ่ออยู่กับทางเดินซึ่งทอดตัวไปยังเก้าอี้แถวหน้าของตัวเอง  ดูเหมือนเค้าจะตื่นเต้นไม่แพ้กับร่างเล็กที่อยู่ไม่สุขเลยแต่ทว่าเนย์มาร์กลับไม่แสดงอาการเช่นนั้นออกมา  บ่งบอกว่าเค้าเตรียมตัวมาดี

“คนเยอะจัง  มากกว่าปีที่แล้วอีก” เมสซี่พูดขึ้นอีก  คอเล็กๆ ยื่นขึ้นไปมองดูผู้คนที่พร้อมใจมาร่วมเป็นสักขีพยานในการประกาศผลรางวัลในวันนี้

“มันจะต้องเป็นข่าวใหญ่” เนย์มาร์พูดเสียงเยือกเย็น  ดูเป็นพี่ชายที่พึ่งพาได้

“แต่ผมไม่รู้ว่า...” เมสซี่เงียบไปในตอนที่โดนจับมือเข้าอย่างนุ่มนวลและอบอุ่น  สงบความกังวลจนเป็นเจ้าเข้าของร่างเล็ก

“แค่ยิ้มเข้าไว้ลีโอ  สบายมาก มันไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” พี่ชายคนเดิมยิ้มเล็กน้อยอย่างดูไว้มาดและมองตรงไปยังพรมแดงที่คลาคล่ำเต็มไปด้วยกองทัพสื่อมวลชนและแสงแฟลชของกล้องถ่ายรูป

ผมของผมยุ่งรึเปล่า  หูกระต่ายผมเบี้ยวไหม?” เมสซี่เอ่ยเสียงขมุบขมิบ “ผมตื่นเต้นจังเลยคริส

และเป็นครั้งที่เนย์มาร์ซึ่งกำลังจะอ้าปากปลอบใจเมสซี่เป็นครั้งที่สิบเห็นจะได้  จะหันมามองร่างเล็กของรุ่นน้องที่อยู่ข้างๆ  ซึ่งไม่ได้หันหน้ามาหาเค้าเลยแม้แต่น้อย

“ไม่เป็นไรลีโอทุกอย่างจะเรียบร้อยนะ” โรนัลโด้เพิ่งละมือออกมาจากการกอบกุมฝ่ามือเล็กๆ ของเมสซี่  ยกขึ้นมาดึงหูกระตายให้เจ้าตัวอย่างอ่อนโยน  จัดทรงมันเสียเรียบร้อยด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นไม่แพ้ฝ่ามือแกร่งของตัวเองเลย

“คุณดูดีมาก” ร่างสูงชม

ไอ้ขี้เต๊ะ!... แกะ แกแย่งซีนฉันอย่างนี้หมายความว่าไงวะ?” เนย์มาร์หันมาเอ็ดจนหมวกที่ใส่อยู่แทบเบี้ยว  เป็นเหตุให้โรนัลโด้และเมสซี่ที่หันหน้าคุยกันอยู่สองคนเริ่มหันมาสนใจเนย์มาร์ในตอนนั้นเอง เป็นครั้งแรกเลย...

ห๊ะ นายพูดว่าไงนะ?” โรนัลโด้ถามหน้าใสซื่อโดยที่มีเมสซี่ผู้ใสซื่อตัวจริงทำตาถามปริบๆ อยู่ข้างไหล่ของหนุ่มราชันย์ชุดขาว เรอัลมาร์ดริก

“มีอะไรเหรอครับพี่เนย์?” เจ้าตัวเล็กที่ดันหลงคิดไปว่าคุยจ้ออยู่กับเค้าก็สมทบคำถามกับอีกคนหนึ่งที่น่าหมั่นไส้ไปด้วย  ดูอยู่ทีมเดียวกันไปเลยแฮ่ะ  เอาเถอะ ถึงจะรื้อฟื้นตั้งแต่ประโยคแรกก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรกับงานใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้หรอก  ดังนั้น เนย์มาร์ที่สวมสูทใส่หมวกปีกบานจนเป็นที่น่าสนใจไม่หยอกจึงทำใจปล่อยๆ เรื่องเมื่อครู่นี้ไปซะ

“ช่างมันเหอะ” ชายผู้ไม่รู้อะไรเลยว่าไม่ได้ถูกพูดคุยด้วยมาตั้งแต่แรก หันกลับมาอย่างเจ็บใจ “ชิ”

ก็อย่างว่าล่ะนะ  เป็นใครก็ทำใจโกรธเมสซี่ผู้น่ารักและแสนจะไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนี้ได้ไม่ลงคอหรอก  แม้แต่คนที่อารมณ์ร้ายที่สุดก็ไม่อาจเอาร่างเล็กผู้แสนน่ารักคนนี้มาโยนโทษใส่ได้  ในกรณีนี้คงต้องโทษร่างสูงที่ไม่รู้ว่าแอบตามไปร้านตัดชุดร้านเดียวกับเมสซี่เอาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงได้ดูเหมือนๆ กันนัก ไอ้หมอนี่แหละที่หลอกล้อให้ร่างเล็กตัวน้อยๆ หันไปคุยด้วยแทนที่จะเป็นเค้าซึ่งสนิทกว่าและมาจากสโมสรเดียวกันมากกว่า

แต่ก็นะ  เนย์มาร์ไม่ได้รู้อะไรไปหมดซะทุกอย่างหรอก....

เสียงพิธีกรดังขึ้นอย่างชวนฟังและน่าสนใจอย่างที่สุด  ก่อนสตาฟจะเชิญชายหนุ่มที่มีฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นที่สุดในปี 2015 นี้ทั้งสามคนออกไปเดินเปล่งประกายอยู่บนพรมแดงและเสียงสาดแฟลชกระจายของเหล่าบรรดาสื่อมวลชนที่เข้ามาจับจองพื้นที่กันอย่างล้นหลาม

ถึงแม้จะเสียดายอยู่บ้างแต่โรนัลโด้ก็จำต้องปล่อยมือที่คอยให้กำลังใจกับร่างเล็กลงเมื่อต้องออกไปเผชิญหน้ากับสื่อ  และคอยอยู่เบื้องหลังเมสซี่ที่เดินตามเนย์มาร์ออกไปคลายตอนที่พวกเค้าออกจากห้องเครื่องสู่สนามใหญ่ในการแข่งขัน  แต่ทว่าในครั้งนี้ดูมีเกียรติยศมากกว่าและพวกเค้าดูน่าจับตามองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย  โดยเฉพาะอาโม่ลีโอของเค้าที่หลายๆ คนคงจะแทบลืมถ่ายรูปกันไปเลยเมื่อเจ้าตัวเดินออกมาปรากฏสู่สายตาของแขกในงานแบบนี้  แม้แต่นักข่าวบางคนก็ยังหยุดสาดแสงแฟลชเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

ร่างสูงซึ่งเดินรั้งท้ายขบวนวาดยิ้มออกมา  ไม่อาจมีใครรู้ได้ว่ารอยยิ้มนั้นของเค้าไม่ใช่ความมั่นใจที่คาดว่าจะได้รางวัลในวันนี้  แต่เป็นเพราะความต้องการของเค้าดูท่าจะสำเร็จแล้ว  วันนี้ร่างเล็กของเค้าดูดีมาก  มากเสียจนจะต้องมีใครหลายๆ คนในงานนี้อิจฉาตาร้อนกันไปเลยล่ะ

เมื่อนั่งเก้าอี้ก็มีคนพากันคอยื่นคอยาวมองมาที่เมสซี่กันเสียยกใหญ่  โรนัลโด้ยิ้มอีก เค้าแสร้งทำเป็นกำลังส่งยิ้มให้กล้องที่จับเข้ามา  แต่จริงๆ แล้วร่างสูงยิ้มยินดีให้กับความน่าสนใจของร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างตัวต่างหาก

โรนัลโด้เพียงแค่อยากจะให้ใครต่อใครรู้ว่าเมสซี่น่าจับตามองเพียงใด  และความรู้สึกที่เค้าได้เห็นอีกฝ่ายหนึ่งในงานเลี้ยงก่อนการเตะนัดแรกของบอลโลก 2014 นั้นเป็นเช่นไร  เมสซี่น่าหลงใหลมากแค่ไหน วันนี้ก็ได้เห็นกันแล้ว

“คนเยอะมากเลย” ร่างเล็กที่นั่งข้างเค้าประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เป็นเวลาเดียวกับที่กองทัพสื่อเริ่มทำหน้าที่ได้น้อยลงเพราะงานได้เริ่มขึ้นแล้ว  เมสซี่เอ่ยเสียงแผ่วในขณะที่ใบหน้าก็มองตรงไปยังเวทีซึ่งหนึ่งในเค้าสามคนจะได้เดินขึ้นไปรับลูกบอลทองคำในวันนี้ด้วย  เจ้าของหมายเลขสิบแห่งบาร์เซโลน่าไม่อยากให้ความสนิทสนมของเค้าทั้งสองไปกระทบสายตาของสื่อมากเกินไปนัก  เพราะอาจจะทำให้ร่างสูงที่นั่งตัวแทบติดกันรู้สึกไม่ชอบเอาได้

แต่แล้วโรนัลโด้ที่ได้รับการเป็นห่วงความรู้สึกจากเมสซี่ กลับหันมากระซิบข้างใบหูนิ่มอย่างใกล้ชิดไม่แคร์สายตาของคนรอบข้างใดๆ เลยทั้งสิ้น

“ไม่ต้องตื่นเต้นไปลีโอ  ผมอยู่นี่แล้ว  ผมจะอยู่ข้างคุณเอง” โรนัลโด้ยิ้ม

และนั่นเป็นครั้งแรกที่เมสซี่ทำหน้าตาตื่นตระหนก “คริส พวกเค้ามองอยู่...”

“ผมแคร์เหรอ” ร่างสูงว่าเข้าทันควัน  ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มที่ดูร้ายกาจให้คนที่หน้าตาตื่นแต่ก็หุบยิ้มไม่ลงไปด้วยเช่นกัน  ร่างสูงแสดงให้เห็นแล้วว่าเค้าไม่ได้ใคร่สนใจพวกนักข่าวปากหอยปากปูพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย  เพราะอย่างนั้นร่างเล็กจึงอดไม่ได้ที่จะพูดคุยถึงหลายๆ อย่างที่น่าตื่นเต้นพร้อมทั้งความรู้สึกของตัวเองกับร่างสูงที่คอยยิ้มรับฟังข้างๆ บรรดานักข่าวก็ถ่ายภาพกระจายตามความพอใจของตัวเองกันซะกระหน่ำไปเลย

จนน่าสงสารที่สุดก็เห็นคงจะเป็นเนย์มาร์ที่เหมือนอยากจะให้งานนี้จบๆ มันไปให้เร็วที่สุด  ถึงแม้ว่าเค้าจะเคยให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกในฐานะที่ได้เป็นหนึ่งในสามผู้ชิงบัลลงดอร์ของตัวเองก่อนหน้านี้แล้วว่า ประเด็นทุกอย่างไม่ได้อยู่กับเค้า  แต่มันขึ้นอยู่กับโรนัลโด้กับเมสซี่ต่างหาก เพียงเพราะว่าสองคนนี้ได้รับการส่งชื่อเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วและมีเพียงแค่เค้าสองคนที่ผลัดกันส่งรับรางวัลไปมาในแต่ละปี

ซึ่งใช่  ถึงมันจะน่าเจ็บใจอยู่ไม่น้อยก็ตามเถอะที่รู้ว่าตัวเองไม่มีทางจะได้รางวัลมานอนกอด  แต่ไอ้ที่มันแทงหัวใจจนอยากจะต่อยใครสักคนหนึ่งขึ้นมา เพื่อระบายอารมณ์ของเนย์มาร์ก็เป็นเหตุผลอย่างดีที่งานนี้ควรจะเลิกอย่างเร็วรี่  เพราะไม่งั้นเค้าอาจจะได้ลุกขึ้นมาด่าโรนัลโด้ที่พูดคุยอี้อ้ออยู่กับเมสซี่ของเค้ากลางงานก็เป็นได้

เย็นไว้เนย์มาร์  นายรู้นายโตพอที่จะไม่ทำอย่างงั้น  นี่งานอะไรนายรู้ใช่ไหม?  ช่าย นายรู้สิ  หึ ไอ้เวรเอ้ย.....เนย์มาร์บอกตัวเองให้ใจเย็น แต่ก็ไม่วายมีปัญหากับความสนิทสนมอนึ่งคนรู้ใจของโรนัลโด้ที่มีให้ต่อเมสซี่อยู่ดี ซึ่งดูจะเบี่ยงเบนความสนใจของร่างเล็กจากเนย์มาร์ไปเลยโดยปริยาย

บัลลงดอร์ปีที่แล้วชายหนุ่มสองคนที่ได้รับการส่งชื่อตลอดทุกปีก็ไม่เห็นได้ทำการสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวออกมาว่าในเหตุการณ์บุกปล้นโรงแรมชื่อดังในริโอที่เต็มไปด้วยดาวเตะจากทั่วทุกมุมโลกในช่วงบอลโลก 2014 นั้น ทั้งสองคนจะพลัดหลงไปด้วยกันและสามารถหลบหนีจากผู้ร้ายมาได้อย่างปลอดภัยหลังจากที่เหตุการณ์สงบลงแล้ว  ดังนั้นจึงเป็นที่งุนงงกันของสื่อว่าเหตุใดพวกเค้าจึงได้มาสนิทสนมกันเอาตอนนี้

แต่ใครจะไปรู้ว่าปีที่แล้วน่ะทั้งโรนัลโด้และเมสซี่รู้สึกดีใจมากที่ได้เจอกันอีกจนพูดอะไรไม่ออกและแทบจะแสดงอาการกันไม่ถูกเลยทีเดียว  อีกทั้งยังเป็นผลมาจากกองทัพองครักษ์นักเตะในสโมสรที่พากันมางานเป็นเพื่อนกับร่างเล็กอีกต่างหาก  ร่างสูงจึงไม่มีโอกาสได้เข้าถึงตัวร่างเล็กมากนักอย่างที่ควรจะเป็น

แต่ในปีนี้ ทุกอย่างเป็นอย่างที่โรนัลโด้ต้องการอย่างไม่ต้องสงสัย  เค้ารู้สึกดีที่ได้พูดคุยอย่างมีพื้นที่ส่วนตัวกับร่างเล็ก  ถึงแม้ว่าพี่ๆ ของอีกคนหนึ่งจะกัดฟันบอกว่ายินยอมเพราะไม่อยากเห็นน้ำตาของร่างเล็กก็ตามเถอะ (ซึ่งกว่าจะได้คุยกับลีโอโดยไม่โดนกีดกันก็ทำเอาเค้าเลือดตาแทบกระเด็นเลยเหมือนกัน) ซึ่งคุยในที่นี่ก็หมายถึงคุยกันอย่างฉันท์เพื่อนในความเข้าใจของบรรดาพี่ๆ ร่างเล็ก  และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมสซี่น้อยๆ ของพวกเค้าเสียจูบแรกไปให้โรนัลโด้เสียแล้ว

และรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถพาร่างเล็กไปตัดชุดที่ร้านเดียวกับเค้าได้  ร้านนั้นเป็นร้านประจำอีกร้านหนึ่งของโรนัลโด้ในยามที่ได้ออกงานเลยทีเดียวล่ะ  แน่นอนหลังจากที่แวะทานไอศกรีมร้านโปรดของเมสซี่แล้ว  โรนัลโด้ก็จูงมือร่างเล็กกลับมาที่รถแล้วขับถัดไปอีกหกบล็อกจนถึงร้านตัดเสื้อชั้นเยี่ยมที่พนักงานทุกคนล้วนแล้วแต่จำร่างสูงได้เป็นอย่างดี

ในตอนแรกที่ช่างเสื้อพากันกรูเข้ามาวัดตัวของเมสซี่โดยที่มีโรนัลโด้คอยยืนมองดูอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม ร่างสูงก็จำได้ดีถึงใบหน้าที่ดูตามเรื่องตามราวไม่ทันและแสนจะน่ามองของร่างเล็ก ว่ามันไม่น่าละสายตาจากไปมากแค่ไหน  หลังจากนั้นเค้ายังบอกช่างตัดเสื้อฝีมือดีที่สุดซึ่งเป็นช่างประจำตัวของเค้าตามลำพังอีกด้วยว่า

“ผมอยากให้คุณให้ความสำคัญกับเค้า  สำหรับผมจะยังไงก็ได้ ออกแบบตามที่คุณเคยทำมาก็ได้ตามใจคุณเถอะ แต่สำหรับเค้า ผมอยากให้พิเศษ.....ให้เป็นชุดของเค้าคนเดียว  คุณเข้าใจใช่ไหม?  เพราะนี่เป็นชุดแรกที่ผมตัดให้เค้า”

โรนัลโด้พูดเอาไว้ว่าอย่างนั้น และรู้สึกพอใจไม่น้อยที่เห็นชุดซึ่งสั่งตัดเป็นพิเศษตามลุคของเจ้าของถูกสวมใส่อยู่บนร่างอาโม่ลีโอของเค้า

มันช่าง...เหมาะสมอย่างไร้ที่ติ

ร่างสูงรำพึงเช่นนั้นในใจ เมื่อเห็นร่างเล็กในชุดนั้นเป็นครั้งแรก  สาบานได้ เค้าถึงกับค้างไปเลยเมื่อเมสซี่เดิมมาหาเค้าแล้วยิ้มน้อยๆ ช้อนสายตาสุกใสนั้นมองมาอย่างเขินอาย....ลีโอของเค้าช่างน่ารักและไม่ควรจะลดสายตาไปไหนไกลเลย  แม้แต่วินาทีเดียว  และช่างก็ตัดชุดแบบเดียวกันแต่แตกต่างในเรื่องของสไตล์ไปเล็กน้อยให้โรนัลโด้ สำหรับให้พวกเค้าได้เข้าชุดกัน

กระทั่งวนกลับเข้าสู่ความเป็นจริงในเวลาปัจจุบัน  งานได้เริ่มขึ้นนานแล้วและผลออกมาว่า ลีโอเนล   เมสซี่ ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ของปี 2015 นี้ไปอย่างควรค่าและเฉียบขาดไร้ที่ติใดๆ  ซึ่งก็เป็นตามที่โรนัลโด้คาดหวังเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้น  ดูเหมือนปี 2015 ที่ผ่านมานี้เค้าจะไม่ค่อยได้ทำฟอร์มให้เต็มที่เท่าที่ควรนัก เป็นเพราะมัวแต่จัดการเรื่องปัญหายิบย่อยของตัวเองที่เค้าเองก็รู้สึกรำคาญมันไม่น้อยเลย

แต่ก็ช่างเรื่องนั้นเถอะ  ตอนนี้โรนัลโด้กำลังเดินเข้าไปใกล้กับผู้ที่กำลังถือลูกบอลทองคำให้ยิ่งขึ้นไปอีก  ไม่สนใจหน้าตาภายใต้หมวกที่ดูเป็นจุดสนใจของเนย์มาร์แล้วเข้าไปจับมือแสดงความยินดีกับเมสซี่ ผู้ที่เหมือนจะชี้นิ้วไปหารางวัลในมือที่ตัวเองเพิ่งจะได้มาใส่โรนัลโด้อย่างตื่นเต้นไม่ผิดไปจากเด็กๆ เลยสักนิด

และถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำอย่างนั้นจริง  แต่ร่างสูงก็ดูออกว่าร่างเล็กของเค้าดีใจแค่ไหน จากสีหน้าที่ยิ้มแย้มจนรู้สึกปวดแก้มแทนของเจ้าตัวเมื่อยามเจอหน้าเค้า

“คุณทำได้ลีโอ ดีใจด้วยนะ” ร่างสูงแกร่งที่บีบมือบอบบางนั้นอย่างนุ่มนวลและแสดงความจริงใจอย่างยิ่งยวดเดินเข้าไปใกล้เมสซี่มากกว่าทุกครั้งที่ใครหลายคนเคยเห็นกันมา  ก่อนร่างเล็กที่พูดอะไรไม่ออกจะทำได้แค่พยักหน้าและเขย่ามือตอบไปอย่างแข็งขัน  ก่อนพิธีกรจะเชิญให้ผู้ที่ไม่ได้รับรางวัลทั้งสองคนกล่าวถึงอะไรบ้างอย่างที่พวกเค้าต้องการจะเอ่ย

เนย์มาร์เอ่ยชื่นชมถึงเมสซี่และความสามารถเหนือการคาดเดาของเจ้าตัว  และขอบคุณกำลังใจจากแฟนคลับพร้อมทั้งทีมงานสโมสรที่ยอดเยี่ยม  เนย์มาร์ดูกล่าวอย่างจริงใจซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงเพราะเค้าทั้งชื่นชมและเอ็นดูร่างเล็กเหมือนคนที่ใกล้ชิดที่สุด ซึ่งก็คงจะมีแต่ข้อนี้กระมังที่เนย์มาร์จะสมารถแสดงออกว่าเหนือชั้นกว่าโรนัลโด้ที่เกินหน้าเกินตาเค้าไปได้

ชายบราซิลรอฟังคำพูดที่โรนัลโด้จะพูดต่อจากเค้าอย่างกระหยิมใจ  ร่างสูงชาวโปรตุเกตุที่สมบรูณ์แบบและพร้อมสรรพยิ่งกว่าใครๆ ยิ้มหล่อก่อนจะกล่าวออกไมค์เสียงสุภาพและสำรวม

“ผมรู้สึกดีใจกับเมสซี่เป็นอย่างมากครับ  ยินดีด้วยจริงๆ  ผมไม่หวังว่าตัวเองจะได้รางวัลอีกในปีนี้เพราะถ้าเป็นงั้นคงมีคนประท้วงว่ากรรมการไม่ยุติธรรมแน่” ร่างสูงกล่าวติดตลก  คนในงานพากันออกเสียงเฮฮาไปด้วย  ก่อนจะเงียบไปและโรนัลโด้ก็พูดต่อ

“ผมไม่อยากให้มองว่านี่เป็นการพูดหรือการกระทำที่เสแสร้ง เพราะผมบอกเค้าว่า คุณทำได้ ดีใจด้วยนะ  และนั่นไม่ใช่การสร้างภาพบนเวทีประกาศรางวัลของผม  แต่นั่นเป็นเรื่องจริง  เรามีทัศนคติที่ดีต่อกันและเป็นเรื่องน่าประหลาดที่ผมสามารถสนทนากับเค้าได้อย่างถูกคอ” ร่างสูงที่ใช้ถ้อยคำอย่างสุภาพยิ้มเบาบางให้แก่ผู้คนด้านหน้าที่ยิ้มตอบกลับมา  โรนัลโด้กลืนน้ำลายลงคอไปเล็กน้อย...เค้าคิดว่านี่อาจจะยังเร็วไป หากจะแง้มบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเค้าทั้งสอง  ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

พวกเค้ายังคงไม่พร้อม....

“ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีที่สุดของผมและเชื่อว่าใครหลายๆ คนคงจะยอมเปิดใจยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้...โอเค ที่ผมอยากจะพูดวันนี้ก็คือ ยินดีด้วยกับเจ้าของรางวัลในวันนี้จากใจจริงและรู้สึกดีใจเช่นเดียวกันที่เค้าประสบความสำเร็จ” โรนัลโด้คลายยิ้มลง  ไม่ได้ยิ้มแล้ว แต่สีหน้าเค้าเหมือนกำลังทอดสายตามองออกไปยังทุ่งหญ้าในฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา “ผมไม่เคยพูดโกหก  ไม่ว่าจะด้วยอะไรทั้งนั้นจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้...”

แน่นอน ที่ทุ่งหญ้าแห่งนั้นจะต้องมีอาโม่ลีโอของเค้าอยู่ด้วยเป็นแน่  ใบหน้าหล่อเหลาถึงแม้จะไม่ได้ยิ้มแต่ก็แสดงถึงความสุขใจเป็นอย่างยิ่งที่เค้าได้บอกความรู้สึกนี้ออกมา “ผมอยากบอกให้รู้เอาไว้...เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่อยากให้ทุกคนเชื่อ” ร่างเล็กที่อุ้มลูกบอลทองคำอยู่มีสีหน้านิ่งอึ่งไปอย่างบอกไม่ถูก  จดจ่อรอฟังคำพูดนั่นของโรนัลโด้อย่างเห็นได้ชัด  “เมสซี่ไม่ใช่ศัตรู  ไม่ใช่คู่แข่ง” ดวงตากลมโตนั้นมองไปยังแผ่นหลังแกร่งที่เคยกอดเค้าไว้ในหลายครั้งหลายคราอย่างอบอุ่นและให้เกียตริ

 “แต่เค้าคือคนสำคัญของผม” นักข่าวลั่นชัตเตอร์อีก  แสงแฟลชกระจายเต็มหน้าเวที “เพราะเค้าเป็นคนที่ทำให้ผมมีการพัฒนาศักยภาพและก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองมาได้  เค้าทำให้ผมรู้ว่า...” ร่างสูงกวาดสายตามองไปยังผู้คนในงานที่นั่งฟังเค้าอย่างใจจดใจจ่อ  แต่ในใจของร่างสูงกลับนึกถึงใบหน้าของเมสซี่ในคืนนั้นที่ริโอ “การสู้เพื่อสิ่งที่เรารักคุ้มค่ามากแค่ไหน”

แขกหรือในงานพากันยิ้มกับคำพูดของร่างสูงที่สื่อความหมายที่ในแง่ของความประทับใจ “ขอบคุณครับ” โรนัลโด้ยิ้มก่อนจะโค้งเล็กน้อยให้เสียงปรบมือที่ภายหลังดังสนั่นห้องจัดงาน ไม่เว้นแม้แต่นักข่าวบางคนที่ปรบตามไปอย่างเสียไม่ได้

แต่ชายหนุ่มร่างสูงแข็งแรงผู้ที่มีความลับในตัวตนของตัวเองที่บอกใครไม่ได้นั้นกลับสื่อความหมายแตกต่างออกไป  มีเพียงแค่เค้าและชายหนุ่มร่างเล็กที่จุดยิ้มตอบกลับมาอย่างห้ามไม่ได้เท่านั้นที่รู้ว่าความหมายในสิ่งที่โรนัลโด้เพิ่งพูดจบไปนั้นหมายความว่าอย่างไร

ใช่  ไม่ว่าจะทางไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย  ว่า ลีโอเนล   เมสซี่ คนนี้คือคนสำคัญที่สุดของเค้า คริสเตียนโน่   โรนัลโด้.


Just The Way You Are
BRUNO MARS



.



.



FIN.


--------------------------------------------------------------------------------------------



อร๊ายยยยยยย!! ฟิน!!!!  อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย!! >< //ย. ล้านๆ ตัว//  เฮีย!!  หนูเกลียดเฮียอ่ะ  ทำไมโรแมนติกเว่อร์แบบนี้ค่ะห๊าาาา!? >{}<  พูดงี้ก็ประกาศออกไปเลยสิคะ “เค้ากับผม เรากำลังคบกันครับ”  เกาะพูดปายโลยยยยยยยย  จะมาพูดจาสองแง่สองง่ามใส่สื่อทำไมค่ะหือ?

โอ๊ยยยยย ใน Falling In Love Again ก็เกลียดเฮียไปทีหนึ่งและ (อันนั้นเกลียดจริงๆ ค่ะ เพราะแกโฉดเว่อร์ม้วกกก) + (เอ้ยยย เค้ามีเหตุผลของเค้านะ)  แต่ว่าพอมาเรื่องนี้แล้วไรท์หมั่นไส้แกที่สื่ออารมณ์ใส่เหมียวมากจริงๆ ค่ะ  แหม่...ออกงานก็ยังไม่วายจีบเค้านะคะเฮียยยย  เป็นแฟนกับเหมียวแล้วไม่ต้องจีบค่ะ  ไม่ต้องนะคะเพราะเค้าเป็นของเราแล้ว......อะ ฮิ้ววววววววววว!!!! 55555555 //ลั่น// แซวดีจริงๆ เลย 555555  อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย! ><  ยังไม่หยุดฟินค่ะ  ฟิคชั่ววูบนี่มันดีอย่างงี้นี้เองค่ะ  ดีงามากกกกกกกกก

ชอบที่เฮียเค้าสั่งตัดชุดให้เหมียวมากเลยค่ะ  ดูใส่ใจมาก  เหมือนเค้าเป็นคุณชายแล้วเหมียวเป็นคนธรรมดาๆ (ที่ความน่ารักไม่ธรรมดาเลย ระดับ MAX ก็ไม่สามารถนิยามได้) ที่ทำตัวใสซื่อไปวันๆ  ฮร๊ายยยยย!! แบบนี้ผ่านค่ะ  ผ่าน!! เรื่องนี้ไม่ฉุดน้อง...ดีมาก! 5555 //โดนเฮียโด้ใน Falling In Love Again เตะบอลอัดเป็นชุด//  โอยยย เฮีย ไว้ชีวิตหนูก่อน  หนูรู้หนูปากไม่ดี ก็ปล่อยหนูไปเห๊อะ

ส่วนเพลงของบรูโน่ด้านบนเป็นเพลงที่ฟังไปด้วยและอ่านเรื่องนี้ไปด้วยจะฟินมากมายเลยค่ะ >////<  แต่ทางที่ดีฟังก่อนแล้วค่อยอ่านหรือจะอ่านก่อนก็ได้ค่ะ พร้อมๆ กันเดี๋ยวจะเป็นมึนนะคะ  มิรู้เรื่อง 555555 มัน..มัน...มัน Just The Way U R จริงๆ เลยค่ะ  โดนเฉพาะตอนจบแล้วเพลงใกล้จบท่อน When I see you face… หัวใจไรท์ก็ล่องลอยไปกับสองคนนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ  -.,-  ฮร๊ายยยย  ใช่จริงๆ เลยค่ะ  เหมาะสมกันป่านกิ่งทองใบหยก  ถุงยางกับเจลหล่อลื่น......เฮ้ยยยย!!! มะๆๆๆ ไม่ใช่และ ไม่ใช่  อย่าเพิ่งลามสิจ๊ะ 55555  //นิสัยถาวรออกเลยค่ะ -.,- เหอๆๆ// ขออภัยค่ะ M_ _M  แต่ Nc จะตามมานะคะ 5555

//เผ่น//

รีดๆ ลองฟังบทสัมภาษณ์ของเฮียที่มีต่อเหมียวแต่ละครั้งดีๆ ค่ะ  เค้าพูดได้มีความหมายแฝงมากกก  คือ...หึ  ไรท์ก็....//แสยะยิ้ม ยักไหล่// ไม่พูดแล้ว  ไปเขียน NC ต่อดีกว่า  เสร็จ NC แสนฟินนี้แล้วก็ไปลุ้นกันต่อที่ Maze Runner 2 ค่ะ  //แอบหนีมา 555//

หวังว่าสาวก RonalSi จะหายคิดถึงเฮียเหมียวขึ้นมาบ้างนะคะ ><  ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านและรักมากมายเหมือนเดิมเลยนะคะ ><

หย่อนเฟส >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< เข้ามาคุยกันได้ค่าาา ^^  ไรท์ไม่กัดค่ะ 555555

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund