วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2559

[SF – Cloud Atlas] + [Part 3…END] Finally...จวบจนนิรันดร์ – Frobisher x Sixsmith




 มาแล้วค่ะ  มาต่ออย่างไวเลย 5555555  ตอนจบเป็นอะไรที่อิ่มเอมใจมากเลยค่ะ  ชื่อเรื่องนี่ตรงกับความรู้สึกของไรท์ตอนที่เขียนจบแล้วมากๆ เลยค่ะ  ถ้าเป็นแวมไพร์นี่คงจะจวบจนนิรันดร์จริงๆ เนอะ 5555555

และใน Part สุดท้ายนี้ ขอเชิญรีดๆ ดื่มด่ำไปกับโชคชะตาของทั้งสองคนนะคะ ><  ในที่สุดก็ได้มาบรรจบพบกันเสียที TUT //น้ำตาไหล//  ฮ่อลลลล  เพลงตอนจบเข้ากับตอนจบนี้มากๆ เลยค่ะ  ถ้าได้ฟังแล้วจะดีมากเลยค่ะ  นึกภาพตามด้วย //ผายมือ//  โอยยยยยย งดงามมากเลยค่ะรีดขาาา ><



-----------------------------------------------------------------------------------------------------



“คุณมานี่คนเดียวหรือครับ” หนุ่มผมเข้มหันไปถามเพื่อนใหม่อย่างเป็นมิตร

คนถูกถามพยักหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เยี่ยงคนอัธยาศัยดี  ทำให้คนถามรู้สึกว่าการสนทนาครั้งนี้ บรรยากาศคงไม่เลวร้ายและน่าอึดอัดอย่างที่คิด  เค้าจึงยิ้มแล้วพูดต่อ ขณะกำลังเดินจ้ำไปบนทางเดินที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนสีส้มและสีเหลือง

“แหม  บังเอิญจัง.....ผมก็มาคนเดียวเหมือนกันครับ” เค้ายิ้ม

แต่อีกคนเพียงแค่หันมามองหน้าเค้าแล้วพยักหน้าเหมือนจะพูดอะไรบ้างอย่าง  แต่สุดท้ายสิ่งที่หลุดออกมาจากปากก็มีเพียงแค่ “อ๋อ....ครับ” เท่านั้นเอง.......ดูเหมือนว่าเพื่อนใหม่ผมบล์อนคนนี้จะไม่ค่อยมีเพื่อนแฮะ  อัธยาศัยดี  แต่พูดน้อยชะมัด เหมือนไม่ค่อยได้คุยกับใคร  หรือบางทีอาจจะไม่ค่อยได้สุงสิงกับใครเลยก็ได้  เค้าจึงพยายามต่อไป

“เอ่อ ผมมาที่นี่ เพราะมาหาที่สงบแต่งเพลงน่ะครับ”

ว้าว  คุณแต่งเพลงหรือ” คนพูดน้อยเริ่มพูดคำอื่นนอกจาก ครับ  “....งั้นคุณคงต้องการหาที่เงียบๆ เพื่อแต่งเพลงของคุณสินะครับ”

“อ๋อ  ใช่ครับ อย่างนั้นเลย” เค้าคิดไปเองรึเปล่าว่ากำลังทำให้เพื่อนใหม่รู้สึกกังวลและคิดมาก  เค้าจึงถือโอกาสถามขึ้นบ้าง “แล้วคุณล่ะ  มาหลบความวุ่นวายในเมืองที่นี่ทำไม  ทั้งๆ ที่มันน่าสนใจน้อยกว่าตั้งเยอะ.....ผมได้ข่าวว่าหาดในเขตชุมชนหนาแน่นน่ะ เต็มไปด้วยผู้คนและความสะดวกสบาย......และที่แน่ๆ มีสาวทูพีชเพียบเลย” เค้าจงใจออกเสียงกระซิบในคำหลัง เหมือนจงใจจะพูดกระทบกับสาวใหญ่ที่เดินนำอยู่ข้างหน้า  หนุ่มผมบล์อนหลุดขำออกมา.....เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงหัวเราะจากชายคนนี้

“ผมมาที่นี่ เพื่อหาสถานที่ทำงานวิจัยน่ะครับ” ในขณะที่พูดอยู่หนุ่มผมบล์อนก็ยังไม่เลิกหัวเราะ และเจ้าตัวเองก็รู้สึกไว้ใจหนุ่มผมเข้มมนุษย์สัมพันธ์ดีคนนี้มากขึ้น แม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เค้าก็มั่นใจว่าเชื่อใจชายคนนี้ได้แน่นนอน  (ถึงแม้คนที่บ้านจะบอกว่าเค้าเป็นพวกเชื่อใจคนอื่นง่ายก็ตามเถอะ)

คนที่เริ่มการสนทนาตั้งแต่แรกก็ทำตาโตอย่างไม่น่าเชื่อ “ว้าว.....คุณทำงานวิจัยหรือ  เจ๋งชะมัดเลย.....แล้วคุณวิจัยเกี่ยวกับอะไรล่ะ” เค้าถามด้วยความสนใจที่มีต่อคนตรงหน้า...........ไม่น่าเชื่อ ว่าดูท่าทางสงบเสงี่ยมอย่างนี้ จะทำอะไรเจ๋งๆ แบบนี้เป็นด้วย.........ถ้าพ่อของเค้ามีลูกแบบนี้นะ คงจะภูมิใจแย่เลย

“ฟิสิกส์เพื่อการพัฒนาและนวัตกรรมครับ......” หนุ่มผมบล์อนตอบ  หันไปมองอีกคนที่ทำหน้าอึ่ง “.........ผมคิดหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อพัฒนาประเทศน่ะครับ” เค้ายิ้มอายๆ เมื่อพูดคำว่า “เพื่อพัฒนาประเทศ”

“ว้-า-ว......”.......เจ๋งสุโค่ย ......หนุ่มผมเข้มรู้สึกทึ่งอย่างทีสุด

“ฮ่ะๆ....... เอ่อ  ขอโทษครับ.....คือผมค่อนข้างจะอารมณ์อ่อนไหว  ตกใจง่ายน่ะครับ  และเสียสมาธิได้ง่ายยิ่งกว่ามากๆ เลยด้วย....ผมก็เลยคิดว่าน่าจะออกจากความวุ่นวายของคนเมือง มาหาที่เงียบๆ ทำงานที่ผมรักน่ะครับ.......ฮ่ะๆๆ  คุณน่าจะได้เห็นหน้าของตัวเองตอนนี้นะ  เออ  ขอโทษครับ ผมนี่เสียมารยาทจริงๆ” ถึงกระนั้นหนุ่มผมบล์อนก็ยังคงเก็บเสียงหัวเราะของตัวเองไม่ได้........ก็เค้าทำงานเข้าๆ ออกๆ อยู่แต่ในห้องแลป  ไม่เคยได้ออกมาเจอใครที่ทำหน้าประหลาดอย่างนี้มาก่อนนี่นา........มันทำให้เค้าทำเรื่องเสียมารยาทอย่างหัวเราะคนตรงหน้านี่ได้ไม่ยากเลย

หนุ่มผมดำตะลึงไปได้สักพักหนึ่งก็กลับเข้ามาสู่ปัจจุบันเพราะเสียงหัวเราะของอีกคน  และพบว่าเค้าสองคนเดินมาถึงบ้านพักหลังสุดท้ายที่ว่านี้แล้ว......ทั้งสองจึงหันไปดูบ้านหลังนั้นด้วยสายตาที่อดชื่นชมไม่ได้.............

.............บ้านพักขนาดกลาง แต่ยังคงสภาพความสวยงามแบบวิคตอเรียไว้ได้อย่างดีเยี่ยม  ประตูหน้าบ้านหันหน้ามาทางถนนอิฐตัวหนอนที่พวกเค้ากำลังยืนอยู่  และส่วนหลังบ้านหันเข้าหาทะเล  มีสวนเล็กๆ หน้าบ้านที่เป็นดินร่วนผสมกับทราย บริเวณนั้นจึงเต็มด้วยต้นหญ้าสีเขียวเป็นสนามเล็กๆ หน้าบ้าน และรั้วดอกไม้ที่ขึ้นกวัดเกี่ยวกันอย่างหนาแน่น  หน้าต่างทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขาวของบ้าน ถูกประดับไปด้วยผ้าม่านสีขาวลายลูกไม้ที่กำลังพลิ้วไหวน้อยๆ เหมาะกับตัวบ้านเป็นอย่างมาก  และชายหนุ่มทั้งสองได้ยินเสียงโมบายเซรามิกกระทบกันตามจังหวะของสายลมที่พัดผ่านภายในบ้าน..........มันเป็นเสียงที่ชวนฟังและพาให้เพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง..........

ที่นี่แหละ ที่ๆ เหมาะสมที่สุดสำหรับการกำเนิดบทเพลงชื่อก้องโลกของฉัน  หนุ่มผมเข้มคิดในใจอย่างชื่นมื่น

ว้าว  ที่นี่ช่าง....เงียบสงบ  หนุ่มผมบล์อนอดมองภาพตรงหน้าซ้ำอีกไม่ได้ แม้ในใจเค้าจะรู้สึกเสียดายอย่างยิ่งยวดเพียงใด  แต่บ้านตรงหน้านี้ก็คงจะไม่ได้เป็นของเค้าอย่างแน่นอน  เค้าจึงถอนหายใจ แล้วหันไปทำอย่างที่เค้าคิดว่ามันคือ ยิ้ม “ยินดีด้วยนะครับ......มันเป็นบ้านที่สวยมาก” เค้ากล่าว

แต่แม้ว่าจะแสดงความยินดีด้วยคำสวยหรู หรือแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างจริงใจ มากเพียงใด.......ชายผู้ได้รับรอยยิ้มนั้นก็สามารถรู้ได้เลยว่า เพื่อนใหม่ของเค้ากำลังหดหู่และเศร้าใจมากแค่ไหน

..........ช่างน่าเห็นใจ............

ชายผมบล์อนยืดตัวตรง รวบรวมความกล้าและสรรค์หาคำพูดดีๆ ที่คิดได้ในตอนนี้แล้วกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงค่อนข้างชัดเจนว่า “คุณเหมาะกับบ้านหลังนี้แล้วล่ะ  คุณควรได้อยู่นี่.....เขียนเพลงที่คุณรัก  มันดูเหมาะมากจริงๆ ........เออ ได้คุยกับคุณ...ดีมากเลยครับ  ลาก่อน” แล้วเค้าก็เดินออกไป เป็นเชิงบอกว่าเค้ายกบ้านหลังนี้ให้กับเพื่อนใหม่คนนี้ที่ทำให้เค้าได้หัวเราะและมีความสุขแล้ว แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม  แต่เค้าก็มีความสุขและรู้สึกรักมันมากๆ อย่างน่าประหลาด.........เหมือนเคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อน............

...........ใบหน้าของคุณและผมจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มจากมุขตลกของผมอย่างที่เคยเป็นมาตลอด.....ซิกส์สมิธ...........

ชายผู้เปรียบเสมือนได้รับชัยชนะ  กลับรู้สึกไม่ต้องการมันเลยแม้แต่นิดเดียว......การต้องมองดูแผ่นหลังของอีกคนกำลังจากไป ทำให้เค้ารู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก........เหมือนความรู้สึกนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน  และภายในส่วนลึกของเค้า มันบอกว่าจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้อีกเด็ดขาด........สายลมยามเย็นจากทะเลพัดชายเสื้อนอกของคนที่กำลังเดินจากไป ให้พลิ้วไหวไปตามสายลมเย็น

“เดี๋ยว!” หนุ่มผมเข้มตัดสินใจคว้ามือ รั้งชายหนุ่มอีกคนไว้  เป็นเหตุให้เจ้าตัวหันมา......สายลม พัดชายเสื้อนอกของพวกเค้าปลิวไสวเข้าปะทะกัน  เบื้องหลังของพวกเค้าคือภาพพระอาทิตย์ที่ลอยต่ำ และใกล้จะแตะพื้นน้ำเต็มที.......

..................และความเย็นจากสายลมของทะเลยามเย็นแก่ๆ  เราสองคนต่างเฝ้ามองดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าด้วยกัน และจะมีความสุขตลอดไป.................

“มีอะไรหรือครับ...”

“เอ่อ  ผมคิดว่าบางที คุณน่าจะชอบเสียงเพลง......” เค้าปล่อยมืออีกคนแต่โดยดี

“....”

“และผมคิดว่า การวิจัยของคุณมันน่าสนใจมาก......” เค้าเว้นช่วง เพื่อมองหน้าที่ดูแสนงุนงงของอีกคนหนึ่ง “........ฟิสิกส์เพื่อการพัฒนาและนวัตกรรม คงจะไม่ทำให้ผมวุ่นวายนัก ......โอเค  ที่ผมอยากจะบอกก็คือ มันไม่เป็นปัญหาสำหรับผมเลย”

“คุณหมายความว่ายังไงครับ......” หนุ่มผมบล์อนไม่หวังคิดเข้าข้างตัวเอง บางทีเพื่อนของเค้าอาจจะอยากชื่นชมงานของเค้าเพื่อปลอบใจ

“ผมยินดี ที่จะพักบ้านหลังนี้ร่วมกับคุณ......เอ่อ ถ้าคุณยินดีนะ” ชายผมเข้มพูดอย่างอายๆ พลางใช้มือลูบท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ..........เค้าไม่เคยชวนใครให้มาอยู่ด้วยกันมาก่อนเลย............

..............นี่เป็นครั้งแรก......

............แต่นอกจากเสียงดนตรีแล้ว ชายสีผมเปล่งประกายตรงหน้านี้ เปรียบเสมือนสิ่งสำคัญที่เค้ารู้สึกคุ้นเคยมาตลอดชีวิต  ไม่สิ มันดูเหมือนจะมากกว่าช่วงชีวิตของเค้าเลยด้วยซ้ำ....เหมือนพวกเค้าเคยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้  ในอีกชาติหนึ่ง..............

........เราจะได้อยู่ด้วยกัน.........ไม่ชาติไหนก็ชาติหนึ่ง........

“คุณจะว่ายังไงครับ.....” ใช่  เค้าแน่ใจเช่นนั้น และจะไม่ยอมปล่อยให้การพลัดพรากเกิดขึ้นอีก

ส่วนชายพูดน้อย  เมื่อได้รับคำชวนที่ไม่คาดคิด ก็นิ่งราวกับทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว........เค้ารู้สึกเหลือเชื่อ และดีใจเป็นอย่างมาก ที่ถูกถามด้วยคำพูดเช่นนี้..........เหมือนจะให้อยู่ที่นี่ด้วยกัน..........

...........เหมือนกลับมาทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้..........

“เอ่อ  ผม......ถ้าคุณไม่ว่าอะไร และไม่รังเกียจ  ผมยินดีครับ.....” น้ำเสียงที่ตอบออกไปฟังดูสั่นเร้าเพราะความตื่นเต้นและความดีใจที่แทบระเบิดออกมาของเจ้าตัว  เค้ายิ้มอย่างเหนียมอายราวกับเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่

แต่ผู้ได้รับคำตอบกลับรู้สึกยินดียิ่งกว่า.........เหมือนการรอคอยได้จบสิ้นลงแล้ว........

“เยี่ยมเลย!.......ผมจะไปบอกเธอก่อนนะครับ  คอยเดี๋ยว....” ท่าทางลิงโลดราวกับเจอเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจของผู้เอ่ยชวน ทำให้คนที่ยืนอยู่กับที่หลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง........จากนั้นเค้าก็กำลังครางและส่ายหน้า แต่ในขณะเดียวกันเค้าก็ยิ้มไปด้วย............

ผมรู้ซิกส์สมิธ....คุณกำลังครางและส่ายหน้า

แต่คุณก็ยิ้มไปด้วย......

.......นั่นไง เหตุผลที่ผมรักคุณ

หลังจากที่ตกลงกับเจ้าของบ้านที่ดูจะคาดไม่ถึงกับเรื่องนี้เสร็จ เธอก็ส่งกุญแจบ้านให้พวกเค้า

“ที่หลังบ้านมีระเบียงด้วย  มันยาวไปตลอดแนวของหลังบ้านเลยล่ะ และกว้างพอที่พวกคุณสองคนจะแบ่งกันใช้ทำงานได้......อ่อ อย่าตีกันล่ะ” เธอบอกก่อนจะเดินออกไป

“ไม่หรอกครับ....ไม่มีวันนั้นแน่” ชายหนุ่มผู้เจรจากระซิบบอก ราวกับจะพูดกับตัวเอง  เค้าหันไปเจออีกคนที่เดินมาหาเค้าพอดี........คนที่จะอยู่ด้วยกัน ในบ้านหลังนี้ไปอีกนานแสนนาน........

“คุยกันมาตั้งนานจนเราได้อยู่บ้านหลังเดียวกันแล้ว  ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร” เค้าแบมือถามชายที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่น้อยๆ

“เอ่อ ผม....” หนุ่มผมบล์อนงึมงำเหมือนกำลังขบคิดอะไรบ้างอย่าง  จนในที่สุดเค้าก็กระพริบตาถี่ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาบอกคนที่รอคำตอบอยู่ “......ผมชื่อรูฟัส   ซิกซ์สมิทธ.......ได้โปรด เรียกผม ซิกส์สมิธ เฉยๆ เถอะครับ......เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...อย่างเป็นทางการน่ะ” เค้ายิ้มอายอีกรอบ พร้อมกับยื่นมืออกไป

คนที่ได้รับการหยิบยื่น ก็มิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด  เค้ากลับยื่นมืออกไปจับตอบทันที และเขย่ามันเบาๆ “เช่นกันครับ  ผมโรเบิร์ต  โฟรบิตเชอร์  คุณจะเรียกผมว่า โรเบิร์ต เฉยๆ ก็ได้ ถ้าคุณต้องการ.......ผมรู้ คุณอาจคุ้นชื่อนี้ เพราะว่าย่าของผมท่านเป็นคนตั้งให้น่ะครับ มันเคยเป็นชื่อเก่าของลุงผมมาก่อน”

“อ๋อ ครับ...”

“ผมชอบนะ....ชื่อของคุณน่ะ  ไม่เคยมีใครใช้ชื่อนี้นานแล้ว  ผมชอบมันจริงๆ” ร็อบ หรือ โรเบิร์ต  โฟรบิตเชอร์ พูดขึ้นขณะเดินเข้าไปตามทางเดินสั้นๆ ซึ่งปูด้วยหิน ทอดไปยังประตูบ้าน.....เพื่อไขกุญแจด้วยตัวเอง

“อะ ขอบคุณครับ.....ผมดีใจที่คุณชอบมัน” ซิกส์สมิธระบายยิ้มออกมาอย่างดีใจ.....ไม่เคยมีใครพูดถึงชื่อเค้าแบบนี้มาก่อน.....

“ผมคิดว่าเราน่าจะทำงานกันที่ระเบียงหลังบ้านติดชายหาด อย่างที่เธอบอกนะ  มันดูได้บรรยากาศดี......เอ่อ! ผมหมายถึง มันเงียบสงบดีน่ะครับ  ยิ่งตอนเย็นๆ แบบนี้แล้ว พอมองออกไปนอกทะเล มันคงสวยน่าดู” โฟรบิตเชอร์พูดขึ้นในขณะที่เค้าไขกุญแจบ้านเสร็จแล้ว  เสียงสาดสัดเบาๆ ของคลื่นคลอมาตามสายลม บ่งบอกถึงข้อสันนิฐานของโฟรบิตเชอร์ได้เป็นอย่างดี

ซิกส์สมิธเห็นด้วย  เค้ายิ้มและพยักหน้า “ครับ....แน่นอน”

สายลมพัดเข้ามาปะทะหน้าซิกส์สมิธ เค้าสูดกลิ่นของชายทะเลเข้าไปเต็มปอด........ใช่  เหมือนการรอคอยได้จบสิ้นลงแล้วจริงๆ........

ซิกส์สมิธยืนอยู่บนทางเดินที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนสีเหลืองและสีส้ม  ตรงหน้าเค้าคือโรเบิร์ต  โฟรบิตเชอร์ ผู้ซึ่งห่างจากเค้าไปเพียงสองหลา .........โฟรบิตเชอร์ อยู่ตรงนั้น หน้าบ้านที่เค้าวาดฝันเอาไว้ว่าจะได้อยู่ด้วยกัน.....เค้ายืนรออยู่ตรงนั้น  ซิกส์สมิธ...........

............โรเบิร์ต  โฟรบิตเชอร์ยืนรออยู่ตรงนั้น

ผมเชื่อว่ามีโลกหน้าที่รอเราอยู่....ซิกส์สมิธ

โลกที่ดีกว่า…….

..........และผมจะรอคุณอยู่ที่นั่น


***********************************************************************


ภาพแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบต้องแสงกับทุกสิ่ง  ชายผู้ที่มีผมสีบล์อนและตาสีฟ้ากำลังออกเดินเข้าไปหาชายอีกคนหนึ่งที่กำลังรอคอยการมาของเค้าด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

..........ราวกับรอคอยจะทำสิ่งนี้มาเนินนานแล้ว......

ทั้งสองพากันเดินเข้าไปในตัวบ้านด้วยกัน ท่ามกลางสายลมที่พัดโบกพาความสดชื่นมาให้  ประตูถูกเปิดออก และปิดลงอีกครั้ง พร้อมกับภาพของคนสองคนที่หันมองไปรอบตัวบ้านอันแสนอบอุ่น.........ครั้งหนึ่ง พวกเค้าก็หันมาสบตากันและกัน แล้วยิ้มออกมาอย่างสุดคำบรรยาย.....................


.


.


.


.


THE END



--------------------------------------------------------------------------------------------------



อย่าลืมอ่านตอนจบ ก็ฟังซาว์แทรคตอนจบของหนังไปด้วยนะค่า -3-..........มันแบบว่าชวนให้ประทับใจมากเลยค่ะ  ซึ้งอ่ะ T^T...........พอดูหนังจบ  ซาว์แทรคขึ้น  มันซึ้งค่ะ พอนึกถึงตอบจนที่น่าเศร้าของโฟรบิตเชอร์และซิกส์สมิธ

ทำไมถึงทำเยี่ยงนี้กับพวกเค้าเล่าาาา T0T  ชาติต่อมา(ในหนัง)ก็ไม่เห็นสองคนนี่ได้มาบรรจบกันสักที............มันลำเอียงอ่าาาา  T3T

Cloud Atlas เป็นหนังที่ดีอย่างยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งเลยนะคะ   แต่ไรท์ว่าเค้าพลาดไปเรื่องหนึ่งนะค่ะ.......

เค๊าลืมให้โฟรบิตเชอร์กะซิกส์สมิธคู่ก๊านนนนน (>[]<)!!!!!!!!!!

ทามม่ายยยยยยยยย y*[]*y!!!!!!!!

อ๊ากกกกกกก 0[]0!!!! ///ทึ้งหัวตัวเอง

เฮื่ออออออออออ *^*!!!!!!!!

มันไม่ยุติธรรมสำหรับเค้าอ่ะ (และสาววายอย่างเราด้วย -_-*) มันฟินจนร้องไห้ออกมาจริงๆ ค่ะ ......ไม่ได้ร้องไห้เพราะอะไรหรอก  มันเป็นเพราะว่า “อะไรนะ  เรื่องจบแล้ว......แล้ว T_0” .......แล้วสองโคน - น่านนนน – น่าาาา >0<!!!!!  หายไปไหน  ทำไมไม่ออกมาเจอกันแล้ว Happy Ending .......ไม่ยอมอ่า  ร้องไห้ T_T  ก็เลยจับเวิร์ด  แล้วโซโล่ฟิคมันเลยค่ะ......เอาให้อยู่ๆ อย่าให้ได้เสียชื่อสาววายผู้ชื่นชอบให้ผู้ชายมีความสุขด้วยกัน อย่างเราได้ (?) 555555555  //บ้าไปแล้ววว// ก็มันเป็นสโลแกนของเราชิมิ๊ฮ้าาา *3*

แต่ถึงอย่างไรก็ดีที่สุดแล้วค่ะที่เค้าทั้งสองได้มาเจอกันอีกครั้งและโดนดึงดูดเข้าหากันนน >////<  ขอบคุณรีดทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านและติดตามนะคะ  ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ  ร๊ากนะค่าาา ><



ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund





1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

แอดคะ อยากอ่านเรื่องของเมสซี่กับโรนัลโด้อ่ะค่ะ ยังมีอีกมั้ยค่ะ ^^