วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

[FIC – The Maze Runner] + [Part 5] The Scorch Trials – Minho x Thomas [The Maze Runner 2]



อร๊ายยยยย มาแล้วค่ะรีดที่รักยิ่งของไรท์ขาาา  ขออภัยนะคะที่หายไปอีกล่ะ  ไม่เคยที่จะต่อเนื่องลงไม่สะดุดสักเรื่องเลย TUT ง่อวววววววว ขอโทษนะคะแต่ว่า Part มีเรื่องให้กระชุ่มกระชวยสำหรับคนที่อวยมินโฮ – โทมัสค่ะ อิๆๆ  จิเป็นอะไรนั้นต้องไปติดตามอ่านกันค่ะ

มิมีอะไรจิเมาท์เลยค่ะ  งั้นไปอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ ^^ ปายเลยค่าาาาาา ><



----------------------------------------------------------------------------------------------



มาร์คัสไหนนะ?”



************************************************************************



เราคลาดกัน

ผมและคนที่เหลือไม่ได้เจอโทมัสอีกเลยหลังจากที่ตึกถล่ม  เบรนด้าอยู่กับเค้าด้วย พ่อเธอเป็นห่วงมาก  แต่ผมเป็นมากกว่านั้นสองเท่า  กังวลแทบตายว่าโทมัสจะเป็นอะไรไหม  แครงค์ว่อนอยู่ทั่วเมืองเต็มไปหมด  ในขณะที่ลุงคนนั้นพาเรามาหามาร์คัส และบอกเราว่าถ้าสองคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เบรนด้าก็รู้ว่าต้องทำอะไร  ฉะนั้นเราจึงมาหามาร์คัสแต่โดยดี

แต่ดูเหมือนว่าจะมาช้าไป...

โทมัสกับเบรนด้ามาถึงที่นี่ก่อนแล้ว  และเราช่วยพวกเค้าไว้  ผมดีใจสุดขีดในตอนที่ได้ยินเสียงเทเรซ่าเรียกชื่อ “โทมัส” เธอวิ่งไปหาเค้าที่นอนกองอยู่บนพื้นสภาพโรยราและอ่อนแรง

ใช่  เราเจอเค้าแล้ว

ถึงแม้ว่าจะยังงงๆ กับสถานที่นี้อยู่บ้าง  แต่เราก็มาถึงบ้านมาร์คัสแล้วอย่างปลอดภัย  เอ่อ ถ้าหากเหมารวมว่าแหล่งซ่องสุมเรื่องชวนแขยงปวดหัวแทบอ้วกแตกนี่เป็นบ้านน่ะนะ  ซึ่งก็เป็นที่น่าสนใจว่าทำไมพวกคนเลื่อนลอยที่นี่ถึงดูไม่ใส่ใจความปลอดภัยจากพวกแครงค์เลยแม้แต่น้อย

ผมกับฟรายเราช่วยกันมัดมาร์คัสไว้กับเก้าอี้เพื่อกันไม่ให้เค้าหนีไปได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเค้าจะสามารถทำมันได้ไหมในสภาพนั้น

และมาร์คัสดูเหมือนคนขี้ยา แถมเมายาบ้านิดๆ เค้าคงเอาอะไรแปลกๆ เข้าตัวจนเสียสติไปแล้วแน่ๆ  ดูเค้าหลุดไปจากคำว่ามนุษย์ธรรมดา ไม่แย่เท่าพวกแครงค์แต่ก็ไม่ดีเท่าพวกเรา

กระทั่งในเวลาต่อมาโทมัสตื่นขึ้นในตอนที่ผมมัดเจ้าของบ้านเสร็จพอดี  ผมเข้าไปดูเค้าและหากไม่มีเทเรซ่าอยู่ตรงนั้นผมก็คงจะแตะตัวเค้าไปแล้ว  เธอดูเหมือนเป็นห่วงเค้ามากแต่ในบางครั้งผมก็ไม่เข้าใจเธอ  ผมเลยทักเค้าไปคำหนึ่ง

“ไง เจ้ากุ้งแห้งขี้เหร่” อย่างน้อยเทเรซ่าก็ไม่ระคายอะไร  เธอหันไปด้านหลังเต็มตัวเมื่อได้ยินเสียงฮอร์เฮคุยอย่างใจเย็นกับเพื่อนเก่าด้วยหมัดหนักๆ สุดแรงคนแก่ของเค้า  ผมจึงนั่งลงตรงนั้นแล้วจับมือโทมัสที่วางราบอยู่ข้างตัวอันอ่อนปวกเปียกนั้น  ถึงแม้ว่าใบหน้าที่อ่อนแรงของเค้าจะซีดเซียวและไม่หือไม่อืออะไรเลยเมื่อผมบอกเค้าว่า “ไง เจ้ากุ้งแห้งขี้เหร่” แต่มือเล็กๆ ที่ผมจับอยู่ก็กระชับตอบกลับมาอย่างหนักหน่วง  เค้าคงจะเจอเรื่องเลวร้ายมาหรือไม่ก็พวกแครงค์ที่วิ่งตามเพียบ.....ใช่  นั่นผมนับว่าเป็นเรื่องเลวร้ายด้วย

ดูเค้าคงจะเจอพวกมันมา  ผมจับมือโทมัสและไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย เมื่อเทเรซ่ายังคงนั่งอยู่ตรงนี้   หลายครั้งที่ผมรู้ว่าเธอพยายามสอดส่องเรา  สีหน้าอยากรู้อยากเห็นของเธอไม่เคยปิดมิด  ถึงแม้ว่าจะมีหลายครั้งที่ผมอดไม่ได้ที่จะแสดงออกไปว่าเป็นห่วงโทมัสมากแค่ไหนก็ตาม  แต่ในเวลานี้ผมเห็นโทมัสยิ้มน้อยๆ ให้ผมข้างหลังเทเรซ่า  ค่อนข้างเหนื่อยล้าและอิดโรยแต่ผมดีใจที่เห็นเค้ายิ้ม

ฮอร์เฮคุยกับมาร์คัสผู้ไม่มีสติเกี่ยวกับเรื่องไรต์อาร์ม  อีกฝ่ายดูบ่ายเบี่ยง และบอกว่าเราหมดหวังแถมเสียสติที่ตามหาพวกนั้น  ตัดกำลังใจเราตั้งแต่ยังไปไม่ถึงไหนว่าไม่มีทางตามหาพวกเค้าเจอ  เพราะต้องเดินทางไปไกลมาก พวกวิกเก็ตคงตามหาเราเจอก่อนที่จะได้พบไรต์อาร์มเสียอีก  แต่ฮอร์เฮก็พูดถึงอะไรบางอย่างที่มาร์คัสไม่อยากให้เค้าเอามันไป

และเราก็ได้คำตอบว่ามันคือรถของเค้าในเวลาต่อมานั่นเอง  มาทาร์ พาเราออกมาจากที่นั่น  จากบ้านของเธอและเจ้าของผู้ไม่มีสติของเธอด้วย  ฮอร์เฮเป็นคนขับส่วนพวกเราที่เหลือก็นั่งไปกับเค้า  นิทว์ดูชอบรถที่วิ่งไปตามถนนซึ่งสามารถกำหนดความเร็วได้อย่างใจต้องการ  ผิดกับผมที่ไม่ค่อยชอบอะไรเอาเสียเลย  ทั้งมาทาร์  ทั้งฮอร์เฮและเบรนด้าที่ไม่รู้ว่าเราจะเชื่อใจพวกเค้าไปได้อีกแค่ไหน  ทั้งพวกแครงค์ที่โผล่มาไล่ตามเราได้ทุกเมื่อ  และทั้งน้ำมันในถังรถ

ถ้ามันหมดเราก็จบเห่....

แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมไม่ชอบใจที่เทเรซ่าถูกโทมัสค่อยเป็นห่วงอยู่เสมอ  เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในวงกตของเราและพวกเค้าเคยรู้จักกันมาก่อน  ผมมองท่าทางโทมัสออกว่าเค้าจะพูดว่ายังไง  เทเรซ่าต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเธอเป็นผู้หญิงและมีความทรงจำก่อนหน้านี้มามากกว่าเรา

โทมัสกล้าหาญ  เป็นผู้นำ และจิตใจดี  ผมไม่เคยข้องใจในข้อนั้นเลย  และไม่รู้เพราะอะไร...ก็ได้ อันที่จริงผมรู้  แต่ถึงอย่างนั้นความไม่เข้าใจลึกๆ ก็ถามตัวเองว่าทำไมผมถึงได้หงุดหงิดนักกับการดูแลเทเรซ่าของโทมัส  หากผมเข้าใจเจตนาหรืออะไรก็แล้วแต่ของเธอสักครึ่งหนึ่ง ผมก็จะหงุดหงิดกับตัวเองน้อยกว่านี้อยู่หรอก  แต่สำหรับสิ่งที่ผมยังไม่เข้าใจผมก็วางใจไม่ได้

ขับรถมาได้สักพักหนึ่ง  ก็มาถึงช่องแคบในหุบเขาและเราก็เจอทางตัน มาทาร์เลยจอดสนิท

ฮอร์เฮจอดรถ  พวกเราค่อยๆ ลงมาอย่างระแวดระวัง  ไปต่อไม่ได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะเดินเท้าไปก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี  เบื้องหน้าของเราเป็นอุโมงค์ที่ถูกปิดตาย  รถยนต์เก่าๆ จอดเรียงรายอยู่หน้าทางเข้าและร้างผู้คน  เข้าไปไม่ได้แล้ว....

ผมกับนิวท์เป็นสองคนแรกที่รุดหน้าไปไกลจากคนอื่น  ทุกก้าวเราล้วนระวัง  ไม่มีใครขยับกายให้เกิดเสียงเลย  แต่แล้วผมกลับได้ยินเสียงปืนดังระรัวมาจากผาด้านบน

ฟิ้วๆๆๆ!

 เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเราทุกคนหมอบต่ำลง  รถเก่าๆ ตรงหน้าสามารถเป็นที่กำบังอย่างดีเยี่ยมให้เราได้  ผมมองหาโทมัส  ก่อนบอกตัวเองว่าเค้าอยู่กับฮอร์เฮและไม่เป็นไรเมื่อเจ้าตัวเองก็ตะโกนถามเราทุกคนว่าโอเคหรือไม่  นิวท์มองหน้าผม คำถามที่ว่า “เกิดอะไรขึ้น?” ตะเบ็งถามผมอยู่บนหน้าของเค้า  ผมไม่รู้ เหมือนกับที่ไม่มีใครรู้  แต่เสียงปืนดังไม่มากนักเหมือนปืนทั่วไปที่ผมเคยได้ยินมา อาจจะเป็นปืนวิถีไกล

พวกข้างบนที่เรามองไม่เห็นระดมยิงมาอีก  ผมสบถในใจหลังจากโอนเอียงว่าพวกวิกเก็ตตามเรามาทันแล้ว  ก่อนจะได้ยินฮอร์เฮและโทมัสนัดแผนอะไรบ้างอย่างกัน  และผมก็ฝืนความอยากที่จะตะโกนเรียกชื่อของเค้าอย่างอดทน

ที่สิบสองนาฬิกา  มีคนเอาปืนจ่อหัวโทมัสกับฮอร์เฮอยู่.....

ไม่ดีเอาซะเลย  เจ้าของปืนวิถีไกลกระบอกนั้นเล็งปืนไปที่โทมัสและฮอร์เฮสลับกันไป  ดูเหมือนพร้อมที่จะยิงได้ทุกเมื่อ  เค้า...เอ่อ เธอ  เธอบอกให้สองคนนั้นลุกขึ้นมา จากนั้นก็เป็นผมและนิทว์ที่นั่งจ้องสถานการณ์กันอย่างเงียบกริบหวังอยากให้เธอเลิกสนใจแต่ก็ไม่เลย  กระทั่งเจ้าแห้งแอริสที่ตัวสั่นพับๆ โดนฝ่ายนั้นเรียกชื่อขึ้นมาและทุกอย่างก็เปลี่ยนไปพลิกกลับอย่างง่ายดายเมื่อแอริสจำได้ว่าเธอเป็นใคร  ก่อนเค้าจะบอกว่าเคยอยู่วงกตเดียวกันมาก่อน  ความเบาใจก็พุ่งเข้ามาหาเราอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบสามวัน

ก่อนจะแทบยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกดีเมื่อ แฮเรียต เพื่อนร่วมวงกตของแอริสและแอชกับแดเนียลเป็นพวกไรต์อาร์ม  เธอกอดแอริสและกอดแอชนานกว่า  แอชดูฮอตถึงแม้ว่าจะเคยผ่านเรื่องอะไรมา เค้าก็ฮอต เพราะดูจากสายตาของพวกเธอแล้ว แฮเรียตและซอนญ่า ดีใจมากที่ได้เจอแอช

“ดีใจเหมือนกันที่ได้เจอพวกเธอ  ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเธอยังปลอดภัย” เจ้าฮอตนั้นพูด  และผมก็ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจของนิวท์ผู้ไม่พูดไม่จา  เค้าเหมือนไม่ดีใจกับอะไรทั้งนั้น  หากในเวลาปรกติผมคงตบบ่าแบบใจถึงใจกับเค้าไปแล้ว  แต่ตอนนี้คงต้องขอผ่าน ปล่อยให้นิทว์มองสถานที่โดยรอบไปก่อน  บางทีอาจจะยังหงุดหงิดอยู่กับการต่อล้อต่อเถียงกับแอชและเริ่มรู้สึกหนักกว่าเก่าเมื่ออีกฝ่ายดูเนื้อหอมขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเจอสาวๆ

ก็ใช่ไง  เค้าเนื้อหอมอยู่ก่อนแล้ว  คงเป็นตั้งแต่ตอนที่อยู่ในวงกตล่ะมั้งผมคิดอย่างนั้น

และต่อมาแฮเรียตกับพรรคพวกที่เพิ่งสาดกระสุนใส่เราเมื่อครู่นี้ก็พาเราไปตั้งค่ายของไรต์อาร์ม  เธอบอกว่าเราโชคดีที่มาทันเวลา เพราะพวกเค้าจะเคลื่อนย้ายขบวนกันในวันพรุ่งนี้เช้า  เราถือว่าโชคดีมากที่ไม่คลาดกับพวกเค้าไปเสียก่อน  แต่เรื่องกลับสะดุดลงเมื่อเบรนด้าซึ่งเราไม่รู้เลยว่าเธอติดเชื่อเกิดอาการทรุดหนักขึ้น  เธอล้มลงไปบนพื้น  ใบหน้าซีดเผือด  ริมฝีปากม่วงช้ำดูเหมือนวินสตันที่เราช่วยอะไรเค้าไม่ได้ในตอนแรก

และ วินซ์ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มไรต์อาร์มก็แนะนำให้ฆ่าเธอซะ  อ้างว่าจะปล่อยให้พวกแครงค์เข้ามาในค่ายนี้ไม่ได้  แต่โทมัสห้ามไว้พร้อมทั้งยังบอกว่าเค้าได้สัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะสามารถช่วยเธอได้เมื่อมาถึงที่นี่  ดังนั้นเราจึงได้พบกับ หมอแมร์รี่ หญิงที่เข้ามาช่วยเบรนด้าไว้ได้อย่างทันเวลาพอดีในขณะนั้นเอง หมอคนนั้นบอกว่า ช่วยเธอได้...เราสามารถช่วยเธอได้ ก่อนจะคว้ามือโทมัสไปด้วย  ผมจึงเดาว่าเค้าคงจะมีภูมิคุ้มกันอย่างที่พวกวิกเก็ตต้องการ

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง  เจ้ากุ้งแห้งขี้เหร่ของผมช่วยเธอเอาไว้ได้  เบรนด้ารอดจากการกลายเป็นแครงค์ได้อย่างหวุดหวิดท่านกลางความโล่งอกของเราทุกคน  และตอนนั้นเองผมก็ได้คุยกับหมอแมร์รี่เล็กน้อยในตอนที่เธอเดินออกมาจากเต้นท์แพทย์  ซึ่งหากมองจากอายุแล้วเธอคงเป็นแม่ของเราได้อย่างไม่มีข้อแม้เลยทีเดียวและหมอแมร์รี่ใจดีมากในระหว่างที่ตอบคำถามอันแสนเกรงใจของผม เธอตอบทุกอย่างด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ได้เจอเด็กๆ มานานแล้ว  หญิงมีอายุใบหน้ายิ้มแย้มตรงหน้าของผมเอ็นดูเราทุกคนเหมือนลูกของเธอ  เธอบอกว่าชอบที่ผมเข้ามาคุยกับเธอและนั่นทำให้เธอคิดถึงลูกชายที่เสียไปนานแล้ว

ผมยิ้มตอบกลับไปตามแบบคนเอเชียเช่นที่ตัวเองเป็น  และหลังจากนั้นไม่นานโทมัสก็เดินออกมาจากเต้นท์พักฟื้นของเบรนด้า หมอแมร์รี่จึงขอตัวออกไปเพื่อให้เราได้คุยกันเพียงลำพังด้วยการอ่านจากสายตาของผมหันไปสนใจโทมัสอย่างเห็นได้ชัด  และไม่แน่ใจว่าสายตาของตัวเองมองตามเค้าขนาดนั้นเชียวหรือถึงได้แสดงออกไปมากมายขนาดนั้น

โทมัสเดินเข้ามาหาผม  ในที่นี่เหลือแค่เราแล้ว เพราะฮอร์เฮก็เพิ่งเดินสวนกับโทมัสเข้าไปดูเบรนด้าในเต้นท์เมื่อครู่นี้เช่นกัน

“เธอเป็นไงบ้าง?” ผมถามขึ้น  ดีใจไม่น้อยที่ไม่มีใครต้องตายเพราะเชื้อแครงค์คลั่งอีก

โทมัสพยักหน้าน้อยๆ ก่อนมองหน้าผม “ดีขึ้นแล้ว  เธอปลอดภัย” เค้าล่วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง หัวไหล่ยืดขึ้นท่าทางดูประหม่าเหมือนเราไม่เคยได้อยู่กันตามลำพังมาก่อน.....ซึ่งนั่นมันก็จริง เราสองคนไม่ได้อยู่กันตามลำพังมานานแล้ว ผมมองออกว่าโทมัสรู้สึกเคอะเขินเช่นไรที่เรายืนจ้องหน้ากันแบบนี้แต่ว่าในตอนนี้เค้ากลับหลบสายตาของผมเสียแล้ว  ผมจึงจับข้อมือเค้าแล้วลากโทมัสเข้าไปในเต้นท์ข้างๆ ที่เอาไว้ใช้เก็บของและร้างผู้คน 

ในนี้เงียบและมิดชิด  ผมไม่ได้ยินเสียงใครเดินผ่านไปมาเลยก่อนจะขยับเข้าไปใกล้โทมัส  กระซิบถามเค้าซ้ำอีกแต่คนละความหมายกัน “แล้วนายล่ะเป็นไงบ้าง?” เสียงของผมแหบพร่าเกินกว่าที่คิดเอาไว้

โทมัสกระพริบตาถี่อยู่ตรงหน้าผม  เค้าก้มหน้าหลบสายตาที่จ้องมองลงไปของผม  หน้าแดงอย่างห้ามไม่ได้แล้วขยับตัวยุกยิก “กะ ก็ดี...ฉันสบายดี” เค้าหันหน้ามองต่ำลงไปทางอื่นอย่างเนียมอาย  ผมเห็นรอยแดงเป็นทางยาวบางๆ บนโหนกแก้มของเค้า  ผมนึกเป็นห่วงขึ้นมาจึงทาบมือลงไปตรงบริเวณนั้นอย่างแผ่วเบา  ในตอนแรกโทมัสสูดหายใจลึก ตกใจกับสัมผัสบนผิวแก้มของตัวเอง คงไม่คิดว่าผมจะแตะตัวเค้า  แต่ผมก็แค่อยากถามถึงความปลอดภัยของเค้าก็เพียงเท่านั้น

ก็เท่านั้นจริงๆ  แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงไม่ทำอย่างนั้น  พอโทมัสกล้ามองขึ้นมาสบตาของผมเป็นครั้งแรกผมก็นิ่งค้างไป  ประสานดวงตาสีน้ำตาลที่เหมือนจะบอกผมถึงทุกอย่างที่เค้าได้ประสบมา รวมทั้งทุกความรู้สึกที่อยากให้ผมรู้  ความสับสน  ความเสียใจ  ความกลัว  และความน่าสงสารปรากฏลึกอยู่ในแววตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นของโทมัส 

ผมรับรู้แล้ว รับรู้ทุกอย่างที่เค้าต้องการจะบอกแก่ผมในเวลาเพียงเสี้ยววินาที

และผมอดไม่ได้เลยที่จะก้มลงไปจูบเค้าที่ส่งสายตาเว้าวอนอย่างน่าสงสาร  ผมขยับตัวเข้าไปแนบชิดและบดเบียดกับเค้าเหมือนครั้งแรกที่เราจูบกัน  ผมคิดถึงเค้ามาก  ระยะห่างเพียงฟุตหนึ่งก็ทำร้ายผมได้ในตอนที่เราเดินต้องทางกันแต่ทำได้แค่เดินห่างกันอยู่อย่างนั้น  ฝ่ามือที่จับแก้มของเค้าลูบไล้ไปมาบนผิวแก้มมอมแมมแต่ผมกลับได้กลิ่นหอมประจำตัวอ่อนๆ ของโทมัส  มันจุดชนวนความอดใจไม่ไหวของผม ผมเลื่อนมือเข้าไปใต้เสื้อของเค้า

เสียงลมหายใจของเรายิ่งดังขึ้นจากการโรมจูบและเบียดกาย  ในคราแรกผมเพียงจูบริมฝีปากเค้าอย่างเบาบางแต่ตอนนี้กลับส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากนุ่มหยุ่นนั้นแล้วกวาดต้อนลิ้นที่ดูสับสนของโทมัส  ผมรุกหนักขึ้นอีก เบี่ยงหน้าบ่อยขึ้นเราสองคนหันไปมาบ่อยเท่าไรแล้วผมก็ไม่อาจรู้ได้  ใช่ มันเหมือนกันจูบแรกของเราจริงๆ  ผมห้ามตัวเองไม่ให้ทำให้โทมัสเอนตัวหนีได้เลยและผมก็ล็อคตัวเค้าเอาไว้ก่อนจะสอดขาเข้าไปในหว่างขาของคนที่กอดตอบผม

ผมเลื่อนมือที่อยู่ในเสื้อตัวบางของโทมัสให้สูงขึ้น  ลูบแผ่นหลังและไล้เข้ามาที่ด้านหน้าอย่างไม่รั้งรอ  แต่แล้วโทมัสกลับดึงปากออกแล้วจับมือผมไว้

“มินโฮ...อึก ฮา ไม่ได้...ฮาา เราทำที่นี่ไม่ได้นะ” ไอร้อนออกมาจากริมฝีปากที่บวมเจ่อของโทมัส เค้าร้องห้ามผมแต่ดูเหมือนกำลังจะขาดใจ

“ทำไมล่ะ?” เสียงของผมแหบพร่าเป็นสองเท่า  ไม่อาจปิดบังความต้องการของตัวเองได้  โทมัสรั้งแขนผมไว้แล้วมองออกไปข้างนอกที่ถูกปิดไว้อย่างมิดชิด

“ข้างนอกนั่น” โทมัสก้มหน้าลง พยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองให้ปรกติที่สุด “พวกเค้าจะได้ยินเราและเห็นว่าเราทำอะไร” เค้าบอกผม ความกังวลนั้นแสดงออกมากับน้ำเสียงที่สั่นพร่าของโทมัสไม่น้อยเลย  ผมจึงเข้าใจว่าความเอาแต่ใจของตัวเองอาจทำให้คนอื่นรู้ได้ว่าเรากำลังมีสัมพันธ์กัน  ซึ่งไม่ดีแน่หากความแตกในค่ายไรต์อาร์มแต่ว่าความต้องการของผมกำลังขยายตัวอย่างห้ามไม่ได้ 

ดังนั้น ผมจึงสูดหายใจเข้าเล็กน้อยแล้วเดินออกไปแหวกผ้าใบดูบรรยากาศรอบนอกของค่าย  เข้าเวลาเกือบจะย่ำเย็นแล้วผู้คนต่างพากันก่อกองไฟและเตรียมอาหารเย็นสำหรับวันนี้  ผมไม่เห็นใครเลยที่อยู่แถวนี้ พวกเค้าอาจกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อเย็นและทำตัวให้อุ่นอยู่ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครมาสนใจเราทั้งนั้น  ผมเดินกลับมาแล้วเกี่ยวรั้งคอของโทมัสไว้ก่อนจะจูบเค้าอย่างหนักหน่วง

เรามีเวลาไม่นานนักก่อนจะมีคนตระหนักได้ว่าเราหายไปและออกตามหาเราทั้งคู่  ผมจะต้องรีบ



*********************************************************



และดูเหมือนว่าโทมัสเองก็รู้  เค้ายอมรับการตัดสินใจของมินโฮ  ไม่ปฏิเสธความต้องการของตัวเองเช่นเดียวกับร่างสูง.....มันช่วยไม่ได้ที่ลงเอยแบบนี้  แต่ก็จริงที่ว่าเวลาของทั้งสองมีน้อย และต้องยอมรับว่าความต้องการที่ก่อเกิดเหมือนกันนั้นทวีคูณความรุนแรงขึ้นในเวลาที่จำกัดนี้อย่างไม่รู้จักเลือก  มินโฮเลิกเสื้อโทมัสขึ้นแล้วก้มตัวลงจูบหน้าท้องแบนราบและยอดอกที่แข็งขืนเป็นไตสู้ลิ้นร้อนนั้น  เสียงลมหายใจของทั้งคู่ดังสอดประสานกันอย่างชัดเจน มันดังขึ้นเรื่อยๆ และพวกเค้าก็ไม่ลืมที่จะคำนึงว่าต้องสกัดกลั้นมันไว้ไม่ให้มีใครมาได้ยินเข้า

“อ้าา...อืมม” โทมัสขย่ำเสื้อสีเข้มของมินโฮและเอนตัวสู้กับริมฝีปากกับร่างสูง  ก่อนสะโพกเพรียวบางแต่ตึงแน่นจะเอนไปพิงติดกับลังไม้เก่าๆ ด้านหลังเข้าและมันก็เป็นหลักที่แข็งแรงเป็นอย่างดีกับการโรมรันอันหนักหน่วงของชายหนุ่มทั้งสอง  ร่างสูงยืดตัวขึ้น เหตุเพราะร่างบางดันปากเข้ามาจูบ มินโฮไม่เคยปฏิเสธ ทั้งสองยังคงแลกลิ้นกันต่อไป  ความร้อนที่ระอุอยู่ในตัวต่างมอบสัมผัสให้แก่กันและกัน  ไม่ใช่แค่ร่างสูงที่เอาแต่ใจแต่อีกคนหนึ่งก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน  เจ้าตัวจับขยำเสื้อของมินโฮเช่นเดียวกับที่ร่างสูงเองก็ทำ  เสียงโรมจูบที่ส่งเสียงออกมานั้นไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป

และในตอนนั้นเองชายหนุ่มรูปร่างกำยำก็เลื่อนมือลงไปปลดกางเกงของโทมัสให้คลายออกอย่างรวดเร็ว  เค้าปลดมันได้แต่ไม่ได้ถอดออกแต่อย่างใดก่อนจะล่วงมือเข้าไปด้านหลังของกางเกงนั้นแล้วขยำกับก้อนกลมกลึงอย่างค่อนข้างจะหนักมือ  แรงโถมกายที่ด้านบนบังคับให้สะโพกของโทมัสต้องถูกดันไปติดกับลังไม้ขนาดใหญ่ หนุ่มเอเชียตามไปบดเบียดกายอีกและยกเข่าข้างหนึ่งขึ้นไปบนลังเพื่อใช้ขังโทมัสไม่ให้หนีไปไหนในขณะที่มินโฮเองก็กำลังสนุกอยู่กับก้นนุ่มมือของอีกฝ่าย

เมื่อผละจูบออก อีกคนหนึ่งก็สวมกอดร่างสูงทันที ซุกหน้าลงกับบ่าแข็งแรงแล้วพูดอู้อี้แข่งกับเสียงอื้ออึงในลำคอของตัวเอง “อะ อ่า..ระ เร็วเข้า  เราไม่มีเวลาแล้ว..อื้อ” คนเข่าอ่อนเร่งเพื่อนร่วมวงกตในขณะที่มินโฮเบียดส่วนนั้นของทั้งคู่เอาไว้ด้วยกัน  เค้าบีบสะโพกโทมัสให้เอนมากระทบกับส่วนขยายใหญ่ที่อุ่นร้อนอยู่ในกางเกงของตนเอง

และเมื่อโทมัสเอ่ยเร่งรัดแล้ว มินโฮจึงจูบเจ้าตัวอีกเพียงชั่วครู่เป็นเชิงว่าทราบแล้ว  ก่อนจะปลดกางเกงของตัวเองบ้าง  เค้ารูดซิปลงแล้วดึงน้องชายของตัวเองออกมาจากสัมผัสอากาศที่เริ่มเย็นด้านนอกก่อนจะรู้สึกถึงตัวที่สั่นเทาของคนในอ้อมกอด

“ไม่เป็นไรหรอก มันจะเรียบร้อยอย่างเร็วที่สุด ฉันสัญญา” มินโฮกระซิบข้างใบหูนิ่มเคล้ากับเสียงหอบหายใจของอีกฝ่ายหนึ่ง  ไม่รู้ว่าโทมัสทำสีหน้าเช่นไรอยู่บนบ่าของเค้าแต่ในตอนนั้นมินโฮก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครอีกแล้ว

มือทั้งสองข้างที่แข็งแรงนั้นร่นกางเกงเนื้อหนาพร้อมทั้งชั้นในของโทมัสให้ต่ำลงมาเล็กน้อยจนแกนกายที่ตั้งชันของเจ้าตัวจะโผล่ออกมาสัมผัสกับสิ่งเดียวกันนั้นของร่างสูง

อ้าา” โทมัสหลุดเสียงออกมาเต็มปากเต็มคำเมื่อมินโฮใช้นิ้วที่วนเวียนอยู่ด้านหลังถูไปตามร่องก้นลื่นมือนั้น  แต่ทว่าเค้ากลับทำมันจนถึงขั้นนั้นไม่ได้ การสอดใส่เสี่ยงเกินไปหากจะทำในเวลานี้  อารมณ์เร่าร้อนของทั้งคู่ใกล้จะปะทุเอาได้ง่ายๆ แล้วดังนั้นการกระทำเสียดสีเล็กๆ น้อยๆ อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดของพวกเค้าในตอนนี้

ร่างสูงลดเข่าของตัวเองลงมาจากลังไม้แล้วยกเข่าข้างเดียวกันนี้ของโทมัสขึ้นไปแทน  ก่อนมินโฮจะสอดแกนกายของตัวเองเข้าไปใต้ลูกกลมเล็กๆ ที่อยู่ใต้แกนกายของโทมัส  และมันเรียกเสียงครวญครางอย่างดีได้โดยง่ายจากโทมัส  “อ๊าา  มินโฮ  อื้อ..อ หยะ...”  เค้าตะกายขึ้นกระชับกอดรอบตัวของเพื่อนร่างสูงไว้เมื่อแกนกายอุ่นร้อนของมินโฮถูผ่านเนื้อนุ่มหยุ่นที่สามารถเข้าออกได้ของเจ้าตัว 

ช่องทางที่อ่อนนุ่มของโทมัสนุ่มทำให้มินโฮรู้สึกถึงความนิ่มและอุ่นชื่นนั้นได้  แต่น่าเสียดายที่ร่างสูงไม่สามารถแวะเข้าไปทักทายมันได้  ทำได้แค่เพียงถูไถมันไปมา ก่อนจะถอนออกมาแล้วบดเบียดกับแกนกายของโทมัสอีกรอบ

“อึก อ่าา มินโฮ..อื้อ..อืมม หืมม” โทมัสหลุดเสียงออกมา ก่อนเค้าจะรู้ตัวแล้วกัดริมฝีปากตัวเองกลัดกลืนเสียงนั้นไว้อย่างทรมาน  มินโฮขยับเสียดสีแกนกายที่ขยายใหญ่อย่างเต็มที่ไปมาและใช้มือช่วยเค้าทั้งคู่ไปด้วย

“โทมัส อึก อ้าา” ร่างสูงเบียดส่วนนั้นเข้าไปแน่นขึ้น  อีกมือหนึ่งก็ขย่ำกดก้มนุ่มมือไปด้วยและอดไม่ได้เลยที่จะใช้นิ้วลูบไล้ผ่านไปยังช่องทางนั้นของโทมัสไปด้วย   คนโดนชักนำร้องเสียงหลงในตอนที่ร่างสูงใช้ปลายนิ้วแหย่เข้าไปด้านใน  แต่ถึงแม้จะใจเต้นเร็วแทบรัวเหมือนกลองร่างบางก็ขยับกายตามจังหวะการขยับมือด้านหน้าของมินโฮไปด้วยเล็กน้อย พร้อมทั้งบอกผมว่าจะไม่ไหวอยู่แล้ว

และจู่ๆ โทมัสก็หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่ถูกถอดอยู่อย่างหมิ่นเหมอของตัวเอง แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมาให้อีกคนหนึ่งก่อนบอกว่าให้ใช้มันซะ  โทมัสดูเหมือนจะกังวลใช้ได้ในขณะที่มินโฮก็อยากทำอย่างที่ใจต้องการ....แต่ได้เลย ร่างสูงเองก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับโทมัส  ดังนั้นเค้าจึงรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาและใช้มันตามที่โทมัสขอร้อง  มินโฮคลุมมันไว้บนแกนกายที่เริ่มปวดหนึบของเค้าทั้งสองและขยับไปตามความยาว  โทมัสจิกไหล่เค้าแน่น ความหยาบของเนื้อผ้ากระตุ้นบางอย่างได้อย่างน่าประหลาดใจ

อื้ออ...อ๊ะ มินโฮ เร็วเข้า” นิ้วของมินโฮเข้าไปอยู่ข้างในตัวโทมัสมากเกินกว่าครึ่ง  และขณะที่ส่วนนั้นของทั้งคู่ก็เร่าร้อนราวกับกำลังมอดไหม้  คนคุมทุกอย่างไว้ขยับเร็วขึ้นเสียจนผ้าเกือบเลิกขึ้น ร่างบางจึงใช้มือช่วยจับมันเอาไว้และปล่อยให้ร่างสูงทำตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป  เค้ารู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นระริกของคนที่ซบหน้าอยู่บนบ่ากว้างและอุณหภูมิข้างในตัวที่ชวนหลอมละลาย ราวกับว่าโทมัสกำลังจะหมดแรง ทว่าเล็บสั้นที่จิกขยี้หัวไหล่ของมินโฮไว้กลับฝังเข้าเนื้อผ่านเสื้อที่เค้าใส่อยู่ราวกับคนเคียดแค้น  แต่ไม่ใช่....

ใกล้แล้ว พวกเค้ากำลังจะใกล้แล้ว

“มินโฮ...อึก  มินโฮ มินโฮ...อ๊าา!” โทมัสสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับน้ำที่ฉีดพุ่งทะลักอยู่ในผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ใต้อุ้งมือของทั้งคู่  และใช่ นั่นรวมถึงของมินโฮด้วย มันเฉอะแฉะเต็มไปหมดแต่ก็ช่วยทำให้ไม่เลอะเปรอะประโดยไม่ต้องโดนสงสัยได้  มินโฮดังผ้าเช็ดหน้าอกมาเช็ดส่วนที่เหลือให้โทมัสก่อนจะความสะอาดให้ตัวเองบ้าง  ซึ่งดูท่าแล้วคนที่ซบหน้าอยู่บนบ่าของเค้าคงจะต้องการเวลาพักเสียหน่อย การปลดปล่อยนี้อาจทำให้ร่างบางหมดแรง ร่างสูงจึงเป็นฝ่ายใส่กางเกงให้อีกฝ่ายอย่างเรียบร้อยเช่นเดียวกับที่เป็นคนถอดมันเองโดยไม่ต้องให้เจ้าของกางเกงต้องวุ่นเลย

“นายโอเคไหม?” คนตัวสูงกว่ากอดโทมัสแล้วถาม  รู้สึกถึงการพยักหน้าเบาๆ บนหน้าอกของตัวเอง มีอยู่ชั่วครู่หนึ่งมินโฮรู้สึกว่าอีกคนหนึ่งงีบไปและตื่นขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะบอกว่าคนข้างนอกอาจถามหาถึงเราแล้ว



***************************************************************************



“งั้นเราไปกันเถอะ” ผมเอ่ยขึ้น ก่อนเราจะเดินออกไปจากเต้นท์เก็บของแห่งนั้นอย่างเงียบเชียบและระแวดระวัง  โทมัสแอบดูเบรนด้ากับฮอร์เฮ สองคนนั้นยังคงพูดคุยกันตามประสาพ่อลูกอย่างเงียบๆ บ่งบอกได้ว่าพวกเค้าไม่ได้สนใจเราเมื่อหลายนาทีที่แล้ว  โทมัสโล่งใจ เค้าดูผ่อนคลายมากกว่าตอนที่อยู่ในเต้นท์

อากาศข้างนอกเริ่มหนาวแล้ว  ผมเป็นห่วงเค้าเสมอในเรื่องนี้แต่เค้ามักจะทำเหมือนว่าตัวเองไม่เป็นอะไรตลอดเวลา ซึ่งเร็วๆ นี้ผมเองก็เพิ่งจะทำความแตกเมื่อบอกทุกคนว่าเค้าขี้หนาว แต่โชคดีที่ตอนนั้นโทมัสหลับไปซะก่อนไม่ทันหันมาทำหน้าโกรธใส่ผม  ผมยิ้มเงียบๆ อยู่คนเดียวและทันใดนั้นเราก็ถูกฟรายกับนิวท์ที่อยู่บนชะง่อนผาเรียกให้ขึ้นไปนั่งบนนั้นกับพวกเค้า



.



.



.



TBC.



-------------------------------------------------------------------------------------------



เฮ้ออ หมดแรง.....

5555555555 นั่งกลั้นหายใจอยู่พักหนึ่งค่ะ....ในค่ายไรต์อาร์มเนี่ยนะ! >{}<  ได้ฟีลจริงๆ เลย 55555 //อ้าว//  แบบว่าไม่เคยเขียน Nc ที่เป็นนอกสถานที่อย่างนี้มาก่อนเลยค่ะ 555 //ลั่น...นี่คือญาติเพิ่งเสียนะเนี่ย -*-//  ถ้าปรกติแล้วไรท์ก็จะจัดให้เค้าอยู่ในห้องหับที่เป็นที่เป็นทาง  แต่ว่า Part นี่มัน....มินโฮทนไม่ไหวหนักหรืออย่างไรคะ?  แหม่ หายใจใกล้กันนิดเดียวก็ทนไม่ไหวซะแล้ว 5555

หูยยย อันที่จริงเรียกว่าฉากสวีทไม่ได้สิเนอะ เรียกว่า NC น่าจะใช่กว่ารึเปล่าคะ? //ไรท์เองก็เอ๋อ แถมรู้สึกจะมาตรฐานสูงเกิ๊น//

และไรท์ทราบค่ะว่ารีดๆ อาจจะงุนงง เกิดข้อคำถามและความสงสัยในใจว่า ไอ้ที่เอ็งเขียนนี่มันยังไง คืออะไร?  ทำไมเหมือนเค้าเคยป้ะกันมาก่อนหน้านี้แล้ว  ฉันไม่เห็นจะได้ผ่านหน้าผ่านตาเลย หาา?  โอ้ ใจเย็นๆ นะคะทูนหัวของบ่าว  อย่างที่ไรท์ได้กราบเรียนไปตั้งแต่ Part แรกแล้วล่ะค่ะว่าอยากจะให้รีดๆ เก็บข้อสงสัยทุกอย่างไว้ในใจหรือจดใส่กระดาษไว้ก่อน  พอ Part ท้ายๆ มันก็จะโดนไขเองค่ะ ความกระจ่างจะประจักษ์แก่ทุกท่านเองนะคะ //ผายมือ//

แต่ว่า Part นี้ โหยยย มินโฮร้อนแรง //ทำเสียงขึ้นจมูก// โทมัสก็ใช่ย่อยนะลูกก หนูเอาซะอยู่หมัดเลยอ่ะ สบายใจได้จ๊ะ มินโฮไม่หนีหนูไปไหนแน่ลูก ไรท์รับรอง 5555555 //โดนถีบ//  ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะรีดที่รักของไรท์ทุกท่านขาาา M_ _M นี่เฟสไรท์ค่ะ เข้าไปติดตามการเคลื่อนไหวของไรท์และฟิคได้เลยที่นี่ค่ะ 

>>แฟนฟิค ฮอลลีวุ้ด<< คลิกกก 55555  รักรีดทุกท่านมากๆ เลยนะค้าาาา >< 

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund

2 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

โอ้ยยย เขินนนน ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ กลางค่ายเลย ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ /หัวเราะกลบความเขิน
รอพาร์ทต่อไปอยู่นะค้า

u-hei กล่าวว่า...

ฉากนี้เซ็กซี่เีจัง เราชอบค่ะ >////<