//Part สุดท้ายนี้ขอหยิบยกภาพจากภาค 1 มาค่ะ ภาพนี้ทำให้ไรท์รู้สึกประทับใจมากค่ะ Enterprise ที่เรื่องราวของทุกคนได้เริ่มต้นขึ้น และจิมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าในตอนที่เค้าได้ไปเห็นเธอครั้งแรกเค้าจะได้เป็นกัปตันบนยาน Enterprise และเป็นคนที่สหพันธ์ต้องจดจำค่ะ// ซิกๆๆ //ซับน้ำตา//
อร๊ายยยยยยยยยยยย Part สุดท้าย! Part
สุดท้าย! สวัสดีค่าาา รีดๆ ของไรท์ทุกท่าน >///<
มาถึง Part ไม่อยากให้มาถึงแล้วนะคะ
55555+ โอยยยยยย น่าเสียดายจังเลย รู้สึกรักและคิดถึง Fandom – Star Trek จริงๆ เลยค่ะ
รู้สึกไรท์เขียนกะเอาฮาจริงๆ ด้วยล่ะค่ะ (หัวเราะ) คือไม่มีสาระอะไรเลย กะเอาให้หายคิดถึงอย่างเดียวเลย ถ้าเอาจากเนื้อเรื่องของภาค 3 จริงๆ
พล็อตก็คงเป็นอีกอย่างหนึ่งค่ะซึ่งไรท์ว่ามันก็น่าสนใจดี แต่ก็ไม่ค่อยจะห่างจากนิสัยถาวรของไรท์ซะเท่าไรหรอกค่ะ
หุๆๆ //กำเดาหก//
ซึ่งเรื่องนี้ก็มีฉากให้เลือดสูบฉีดอยู่นิดหน่อยนะเออ
ต้องขอบคุณรีดๆ มากเลยนะคะที่คอยให้กำลังและเข้ามาอ่านฟิคของไรท์
อ่าาา อิจิมไม่ปฏิเสธสป็อคแล้วสินะคะ จะเป็นอย่างไรต่อไปน้ากับบทส่งท้ายนี้ของเรา ไปอ่านกันเลยค่าา >[]< !!!!
---------------------------------------------------------------------------------------
เก้าวันให้หลัง......
แมคคอยที่กำลังยืนจิบกาแฟอยู่พึ่งได้รับข้อความจากเพื่อนกัปตันตัวยุ่งในเช้าวันนั้นนั่นเองหลังจากหายหน้าหายตาไปเสียจนเค้าเกือบนึกว่าต้องเตรียมบทพูดไปกล่าวในพิธีศพของอีกคนหนึ่งเสียแล้ว ถึงแม้ท่าทางตอนเปิดอ่านเค้าจะดูชิลล์แค่ไหนแต่ก็ต้องยอมรับว่าลุ้นระทึกไม่น้อยเลยว่าจะเป็นคำบอกเล่าประเภทไหน......ไม่ใช่ว่าเป็นข้อความลาตายหรอกนะ
ก็เล่นหายต๋อมไปตั้งเก้าวันเลยนี่นา
“นัดเจอเหรอ? หึ หายไปเก้าวันเพราะเจ้าวัลแคนนั่นนายคงไม่เป็นอะไรเลยงั้นสินะ”
ร่างสูงที่ถือแก้วกาแฟ
หน้าอกเปลือยเปล่าไม่ได้สวมเสื้อเพราะเพิ่งตื่นนอนแสยะยิ้มอย่างนึกเสียใจอยู่บ้างที่แอบเป็นห่วงเพื่อนกัปตันหัวทองว่าจะเป็นอย่างไรในระหว่างที่เจ้าหนูผีนั่นเป็นฟอนฟา แต่เห็นทีคงจะต้องคิดใหม่เสียแล้ว
หากถูกเรียกให้ไปเจอกันคาดว่าคงหนีไม่พ้นการพูดคุยไม่ผิดเป็นแน่ ในเวลานี้ร่างสูงเจ้าของบ้านกำลังอารมณ์ดีเพราะงั้นจึงไม่ได้พ่นคำผรุสวาทใส่เจ้าคู่รักเจ้าปัญหานี้แต่อย่างใด แต่ก็เดาได้ว่าอีกไม่นานไม่ความไม่มีกาลเทศะของจิมก็ความหน้าตายระรื่นของสป็อคนี่แหละที่จะทำให้เค้าหงุดหงิดจนต้องขาดสติออกปากบ่นอีกรอบ....ก็ให้ตาย
อีกคนหนึ่งก็น่ารำคาญส่วนอีกคนหนึ่งก็น่าโมโห มันสมเป็นคู่กันดีไหมล่ะ
เสียงผ้าห่มบนเตียงขยับไปมา ทำให้ร่างสูงต้องหันไปมองเชคอฟที่พลิกตัวมุ่นกับผ้าห่มอยู่บนเตียงที่เค้าเพิ่งลุกออกมา
“อืมม” เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเข้าไปผัวพันกับผ้าห่มและจะพาลหาทางออกไม่เจอเข้า แมคคอยจึงเดินเข้าไปแล้วทำให้เชคอฟหยุดทำตัวเองซะ
“ตื่นแล้วเหรอเชคอฟ” เค้าพูด
ถึงแม้จะรู้ว่าอีกคนหนึ่งยังไม่ได้ตื่นจริงก็ตาม
แต่หากโดนพูดด้วยประโยคแบบนี้แล้วร่างเล็กเห็นทีคงจะหลับต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“อืมม กัปตันติดต่อมาเหรอครับ?
ผมได้ยินเสียงข้อความ” ถึงแม้เสียงจะงัวเงียเต็มทีแต่เจ้าของประโยคนั้นก็ยิ้มรับอรุณด้วยดวงตาที่ยังไม่เปิดทั้งสองข้าง
“ใช่ ก็คงเป็นอย่างนั้นเชคอฟ.....ข่าวดีสำหรับนาย เค้ายังไม่ตาย” แมคคอยขยี้หัวนุ่มนิ่มนั้นแล้วจูบเชคอฟ
“ตื่นได้แล้วเจ้าหนู วันนี้เรามีนัด”
“ไปข้างนอกเหรอครับ” เชคอฟกระแทกตัวกับเตียงแล้วคลุมโปง
“อืมม ผมไม่อยากไปเลย วันนี้เดวิดมา......ผมมีนัดกับเค้าซะด้วยสิ”
เด็กหนุ่มคงหมายถึงรายการทีวีรายการโปรดของตัวเองเป็นแน่ แมคคอยที่กำลังเดินออกจากประตูไปจึงอดยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้
“แต่ถ้านายนอนต่อก็จะพลาดดูเดวิดเหมือนกันนะเจ้าหนูน้อย”
มีเสียงอู้อี้ตามหลังมาและเสียงเลิกผ้าห่มก็กระพือดังพรึ่บ
*******************************************************************************
ผ่านไปสามสิบนาทีกับอีกเล็กน้อย คนที่บอกว่ามีนัดออกไปคุยกับเพื่อนที่หายสาบสูญไปเกือบสิบวันกำลังเติมพลังตอนเช้าอยู่ที่โต๊ะทานอาหารภายในบ้านหลังไม่น้อยไม่ใหญ่อันแสนรักของเค้า ร่างสูงลงมื้อทำมื้อเช้าเองอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำ และในขณะที่เชคอฟกำลังก้มหน้าก้มตาแก้ปริศนาสมการสูตรฟิสิกส์กับ
PAD อยู่นั้นร่างของแมคคอยก็ยกมื้อเช้าที่ทำเสร็จใหม่ๆ
ออกมาพอดี ก่อนเสียงบานพับที่ถูกกระแทกจนเกือบเด้งออกจากกรอบประตูจะดังขึ้นพร้อมการชะงักกายของชายผู้เป็นหมอ
“ไอ้โบนส์!”
“จิม!!” แมคคอยวางอาหารตรงหน้าเชคอฟ
และเมื่อเห็นเพื่อนตัวดีก็เกือบทำจานของตัวเองตก
เจ้าของบ้านตะโกนเสียงดังก่อนจะมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเหลือเชื่อ
“นี่มื้อเช้าเองนะโว้ย มื้อเช้า!” เค้าย้ำ นึกหวั่นในใจว่าสป็อคมากับจิมด้วยหรือเปล่าแต่ก็ไม่ กัปตันเคิร์กมาเยี่ยมด้วยตัวเองเพียงคนเดียวเท่านั้น
เสียงสดใสของกัปตันสุกเจ๋งดังขึ้นที่หน้าประตูจึงทำให้เชคอฟวาง
PAD ลงแล้วเข้าไปทักทายกัปตันของเจ้าตัวด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจและไม่ลืมไถ่ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนคนถูกเป็นห่วงก็ตอบคำถามด้วยสีหน้าระรื่นราวกับว่าตัวเองหลบไปพักร้อนมาไม่ได้ผ่านสมรภูมิเดือดกับวัลแคนที่กำลังคลั่งเซ็กซ์แต่อย่างใด จนกระทั่งแมคคอยกลอกตาเสร็จไปสามตลบได้พวกเค้าจึงได้คุยกันอย่างที่คาดเอาไว้
“ไง ฮันนีมูลน้ำผึ้งกับเจ้านั่นเป็นไงบ้างล่ะจิม หวานหยดย้อยจนเลือดอาบไปเลยไหม?” เชคอฟไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว เด็กหนุ่มรัสเซียมีนัดกับเดวิดอยู่ที่จอภาพโฮโลแกรมขนาดยักษ์
คนถูกถามยิ้มเปล่งประกายซุกซนแล้วยักคิ้วให้แมคคอยก่อนพูดว่า
“แหม ไม่เอาน่าเพื่อน มันไม่แย่ขนาดนั้นซะหน่อย” จิมรูว่าเพื่อนโบนส์ชอบหยอกล้อตนกับสป็อคด้วยการประชดประชันเสมอ
แต่เค้าก็ชอบที่แมคคอยทำแบบนั้น
“แล้วนายเป็นไงบ้าง นี้คงไม่ได้เป็นร่างโคลนของนายหรอกนะ หรือว่าจริงๆ
แล้วฟอนฟาของวัลแคนเป็นแค่สี่ชั่วโมง” แมคคอยว่าอีก หากช่วงเร้าร้อนของวัลแคนยาวนานจริงเจ้าเพื่อนผู้น่ารำคาญคนนี้ก็คงจะไม่มีทางฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้เป็นแน่
“เป็นเจ็ดวันกับอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อน”
จิมแก้คำแดกดันนั้นให้ถูกต้อง
และเค้าดูเหมือนรู้สึกว่ามันไม่ใช่สถิติที่น่าตกใจอะไรเลย แต่เพื่อนหมอที่อยู่ตรงหน้ากลับเกือบตะโกนจนบ้านแตก
“โอ้พระเจ้าช่วย! นายไม่ไปเข้าเฝ้าเฮ้งเจียบนสวรรค์ก็บุญเท่าไรแล้ว รึว่านี่เป็นร่างโคลนของนายจริงๆ ฮึจิม!” หมอจากไอโอว่าว่าพร้อมทั้งทำท่าจะแหกตาเพื่อนกัปตันเพื่อพิสูจน์ดู แต่โดนปัดมือออกไปเสียก่อนอย่างติดจะรำคาญ
“ไม่ใช่ว้อย ร่างโคลนไม่มีวันเหมือนฉันไปได้หรอก” มันก็จริง
เพราะไม่ว่าใครก็กวนประสาทเกินความคาดหมายเท่าจิมไม่ได้อีกแล้วแม้แต่ร่างโคลนของหมอนี้เองก็ตาม
“แล้ว” แมคคอยยอมเปลี่ยนเจตนคติก่อนจะทำหน้าสดใส
(ซึ่งเค้าหลอก) “เป็นไงบ้างล่ะ?” เพราะเค้ารู้ว่าจิมมาเพื่อให้เค้าถามคำนี้โดยเฉพาะ
“ก็...” คนต้นเรื่องมองขึ้นบนแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
อย่างคิดทบทวน “มันเจ๋งมากเลยเพื่อน
และไอ้ที่นายบอกว่าเค้าไปเดทกับแจกันรอฉันกลับไปน่ะเป็นเรื่องจริง” แมคคอยคิ้วกระตุกแล้วลอบมองเชคอฟที่นั่งอยู่ถัดออกไป และโชคดีที่เด็กหนุ่มกำลังจดจ่ออยู่กับช่วงสุดท้ายของรายการทีวีห่วยๆ
(แมคคอยออกความเห็นว่ายังงั้นเพราะเค้าดูไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ใช่ความผิดที่เชคอฟชอบดูรายการที่ครอบจักรวาลไปเสียทุกเรื่อง)
“แต่เฮ้! ฉันหมายถึง...ฉันกำลังจะบอกว่า
มันเจ๋งจริงๆ นะเพื่อน
เรามีเซ็กซ์กัน” จิมเลิกคิ้วสูง ทำตาโต ก่อนจะลดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่งเป็นเคลิบเคลิ้มแล้วบอกว่า
“ช่ายย เรามีเซ็กซ์กันน่ะ ฮ่า..ฮ่า
เราแทบไม่ได้ทำอะไรเลย
และมันแปลกมากที่ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยไม่รู้สึกหิว เราแค่ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ
นอน เจ๊าะแจ๊ะกันแล้วก็กลับมาดื่มน้ำต่อ”
คราวนี้แมคคอยลดเปลือกตาลงบ้าง “แต่ว่ามีอยู่หลายครั้งเลยนะที่สป็อคถึงขนาดเข้าไปตามฉันในห้องน้ำแล้วเราก็เจ๊าะแจ๊ะกันในห้องน้ำ”
แล้วคนต้นเรื่องก็หัวเราะ
“ฉันเกลียดนายว่ะ” น่าไม่อายชะมัด......แมคคอยคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป
คำพูดที่ออกจากปากเค้าก็ร้ายกาจกว่าความคิดในใจมากพออยู่แล้ว ร่างสูงกลอกตาไปหาเชคอฟ ถ้าไอ้หมอนี่จะเล่าลงลึกมากกว่านี้เค้าคงต้องพาออกไปคุยนอกบ้านเสียแล้ว
(ใครๆ ก็รู้ว่าแมคคอยประคบประหงมเชคอฟมากแค่ไหน ถึงเค้าจะปากแข็งว่า เดี๋ยวเด็กมันเคยตัว
ตลอดก็ตาม)
จิมเคิร์กหัวเราะ เอื้อมมือมาตบไหล่แมคคอยอย่างแรงเพราะชอบใจกับคำบอกรักตามประสาคุณหมอขี้หงุดหงิด เพราะชายหนุ่มผมทองตาสีฟ้ามักคิดเสมอว่าเพื่อนของเค้าเหน็บแนมเพราะรักเค้ามาก
“เออ” ร่างสูงของคนที่มีแนวโน้มจะเป็นหมอน้อยมากครางรับแต่ไม่ได้หัวเราะตาม จิมจึงเริ่มพูดต่อ
“แต่มันเป็นเรื่องจริงนะเพื่อน ฉันไม่หิว ไม่หมดแรงเลย เหมือนกับว่าทุกครั้งที่สป็อค” เค้าเป่าลมออกจากปาก
“มันเหมือนกับ” แล้วขยิบตาเอียงหัวอีก “นายเข้าใจใช่ไหม?”
แมคคอยส่ายหน้า
“เรามีเซ็กซ์กัน แล้วก็มีเซ็กซ์กันอีก”
จิมโยกตัวเบาๆ “นายต้องไม่เชื่อแน่ แต่ฉันไม่อยากให้มันจบเลย” ใช่ เค้าไม่เชื่อ...และนอกจากจะไม่เชื่อแล้วแมคคอยต้องพาจิมไปเช็คสติด้วย
เค้าไม่ใช่จิตแพทย์สายตรงจึงทำได้เพียงแค่ตรวจร่างกายทั้งภายในและภายนอกเท่านั้น
“พลังแห่งจักรวาลไหลเวียนอยู่ในตัวนายสองคนเลยงั้นสิ”
หมอแห่งยาน Enterprise
โบกมือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กน้อย
จิมสูดหายใจลึกอย่างรู้สึกดี
แมคคอยจึงบอกตัวเองว่าถ้าขืนทำท่าเพี้ยนอีกครั้งหนึ่งเค้าจะออกปากด่าแล้ว
“โอ้ เพื่อน อย่างเจ๋งเลย!” ดวงตาของจิมเป็นประกาย เค้าดูดีมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแม้แต่แมคคอยที่รู้จักกันมานานก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “ฉันอยากให้มีแบบนี้อีกจัง! นายข้าใจใช่ไหม
ให้เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เราอยากมีเซ็กซ์กันเลย”
“เฮ้อ นายจะบ้ารึไงจิม ไอ้คำว่า อยาก มันเป็นของนายคนเดียวไม่ใช่เหรอ นายก็รู้ว่านาย อยาก ทุกๆ ห้านาทีน่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ นั่นมันก็ใช่”
“ไม่ต้องมา นั่นมันก็ใช่ เลย”
แมคคอยกลอกตา “ฉันอยากจะบ้าตาย” ไม่คิดว่าเพื่อนของเค้าจะเกินความคาดหมายได้ถึงขนาดนี้ “แล้วนี่นายมาคนเดียวหรือไง ทิ้งเจ้าหมอนั่นไว้คนเดียวอย่างงั้นเหรอ?” แต่แล้วเค้าก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสป็อคเองก็ควรมาด้วย ถึงแม้จะมีโอกาสน้อยอยู่บ้างก็ตาม
จิมยิ้ม
ทำตาเป็นประกายดูตื่นเต้นน่าดู
ส่งเสียงเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกัน “อ่อ เค้าก็มาด้วยล่ะ”
“แล้วหมอนั่นอยู่ไหน?!” แมคคอยทำหน้าเหมือนโดนฆาตการโรคจิตตามฆ่า
และจู่ๆ เรือนผมสีดำขลับที่ถูกดูแลอย่างเรียบร้อยก็เลื่อนขึ้นมาจากหน้าต่างรับแสงแดดที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง
“คุณหมอถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างยิ่งที่คุณถามหาถึงผม แต่มีความเป็นไปได้ถึงเก้าสิบเจ็ดเปอร์เซ็นที่มันไม่ได้เป็นไปด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ”
“เฮ้ยย! แกมาได้ไง...”
“คุณสป็อค!” เชคอฟที่ทั้งตกใจและไม่คาดฝันอย่างยินดีชิงโพล่งขึ้นตัดบทของแมคคอยเสียก่อนความรวดเร็ว เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีกระต่ายเด้งออกมาจากกระโปรงรถของคุณหมอเจ้าของบ้านอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“อรุณสวัสดิ์คุณเชคอฟ” วัลแคนหนุ่มที่ดูท่าว่ากำลังไพ่มือไปด้านหลังอยู่นั้นพยักหน้าให้ต้นหนตัวน้อยช้าๆ แต่แมคคอยกัดฟันกรอด
“ฉันเกลียดแก” เค้าว่าเสียงต่ำ “แกทั้งคู่เลย”
และกำลังจะไล่ทั้งสองคนให้กลับๆ ไปเสียทีหากหมดธุระกับบ้านของเค้าแล้วแต่ทันใดนั้นเด็กหนุ่มหัวหย่อยของคุณหมอก็ยิ้มร่าขึ้น
“เข้ามาข้างในก่อนสิครับคุณสป็อค” เดวิดไม่ได้รับความสนใจจากเชคอฟไปแล้วในตอนนี้
จิมซึ่งลอบยิ้มดูแมคคอยออกจึงแสยะยิ้มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
“เค้าเป็นเด็กดีนะ นายอบรมดีจริงๆ เพื่อน”
“หุบปากไปเลยจิม” แมคคอยแหวใส่ “ฉันกะจะโยนแกออกนอกบ้านให้ไปยืนทำหน้าเป๋ออยู่กับคู่ของแกซะด้วยซ้ำ”
เพื่อนหมอที่รักยิ่งพูดรอดไรฟัน
แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงคำเชิญของเชคอฟแต่อย่างใด......เด็กหนุ่มชาวรัสเซียคนนี้เข้าออกบ้านหลังนี้จนกลายเป็นเจ้าของอีกคนหนึ่งของบ้านไปแล้ว
หากเจ้าตัวเชิญใครแม้แต่แมคคอยเองก็ไม่สามารถขัดข้องได้
เชคอฟชวนทานมื้อเช้า และแมคคอยกระแทกหน้ากับผ้ามือพร้อมกับบอกว่า จะบ้าตาย ก่อนสป็อคจะเข้ามาแล้ววิจารณ์การแต่งบ้าน
แม้ส่วนมากจะค่อนไปในทางที่ดีแต่แมคคอยก็รู้ว่ามันแฝงคำเจ็บแสบตามประสาวัลแคนไว้ด้วย เค้าเลยด่าสป็อคกลับไป
“ฉันไม่มีมื้อเช้าให้แกสองคน”
ลีโอนาร์ด แมคคอย เริ่มกลับเข้าสู่โหมดไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรคุณหมอ ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงยี่สิบแปดนาทีก่อนหมดเวลาทานอาหารเช้า และผมเกรงว่าเราสองคนก็ไม่ได้รู้สึกหิวด้วยเช่นกัน”
สป็อคหันไปและจิมยิ้มให้
“ฉันบอกว่า ไม่มี!
ไม่ใช่ถามแกว่า กินไหม? ไอ้คิ้วชี้!” แมคคอยกระแทกเสียงใส่วัลแคนหนุ่มที่บัดนี้คิ้วกลับมาอยู่ที่เดิมต่างจากเมื่อเกือบสิบวันก่อนโดยสิ้นเชิง
“และฉันเกรงว่ามื้อเช้าของเราจะหมดแล้ว” เจ้าของบ้านเลียนแบบเพื่อล้อเลียนตบท้ายได้อย่างเจ็บแสบ ดูสะใจตัวเองนิดๆ เพราะจิมถึงขนาดหลุดขำออกมา แต่เชคอฟทำหน้าหงอย เด็กหนุ่มไม่อยากให้บุคคลสำคัญทั้งสองของ
Enterprise ต้องฟาดฟันฝีปากกันอีกเหมือนอย่างเช่นตอนที่อยู่บนยาน แบบว่า เฮ้ ไม่เอาน่านี่นอกเวลางานแล้วนะ
จิมสังเกตเห็นเด็กหนุ่ม
“ไม่เอาน่าเพื่อน นายก็รู้ว่าเชคอฟอยากให้พวกนายญาติดีกันแค่ไหน......หยวนๆ
ให้กันหน่อยเหอะน่า นะ” คนพูดเดินมาข้างๆ เชคอฟแล้วกอดคอจนอีกคนหนึ่งต้องเซตาม กัปตันเคิร์กเพยิดเพย้อมาที่คนในอ้อมแขนเพื่อบอกเป็นเชิงว่าเห็นใจเด็กคนนี้หน่อยเถอะน่า
“เอามือออกมาเลยจิม
นายจะทำให้เชคอฟติดเชื้อ...”
“ผมไม่เข้าใจว่าเพียงแค่การที่จิมสัมผัสโดนคุณเชคอฟจะทำให้ติดเชื้อได้ด้วย
จิมไม่เคยมีเชื้อ...”
“ฉันเเค่เปรย...เปรยน่ะเปรย! แกนี่หนักกว่ามันอีกไอ้...”
“เฮ้ โบนส์ นายอย่าใจร้ายสิ
นี่ต่อหน้าเด็กนะ”
“แกน่ะหุบปากไปเลยจิมมี่!”
“คุณหมอแมคคอย ผมเกรงว่าต้องบอกให้คุณรู้ว่าผมไม่ใคร่ชอบใจนักหากคุณจะเอ่ยถึง...”
“แกอย่าจุ้น! ไอ้หนูผี”
“แต่คุณหมอแมคคอย...”
“ฉันออกงานแล้วโว้ย
ตอนนี้ไม่ใช่หมอแต่เป็นเจ้าของบ้านที่กำลังยั๊วะและกำลังจะไล่แกออกจากแล้วเข้าใจ?”
จิมกอดเชคอฟแน่นในขณะที่เด็กหนุ่มแอบถอนหายใจและเก็บรอยยิ้มไปด้วย เจ้าตัวไม่ได้ตระหนกแต่อย่างใดเลยแม้แต่น้อยเพียงแค่รู้สึกดีที่วันนี้บ้านไม่เงียบและมีเรื่องเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นแต่เช้า
และหวังว่ามันจะดำเนินต่อไปตลอดทั้งวัน
เพราะเชคอฟชอบให้ครอบครัวของเค้าอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสมอ
ถึงจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนก็ตาม
แต่เด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองนิสัยไม่ดีเอามากๆ ที่ชอบเห็นเวลาแมคคอยทะเลาะกับสป็อคเพราะแม้แต่จิมเองก็ชวนเค้าไปนั่งกินป็อปคอร์นดูสองคนนี้ต่อปากต่อคำกัน
“เราได้หยุดกี่วันนะเชคอฟ?” หนุ่มผมบล์อนที่เอาเท้าพาดบนโต๊ะรับแขกยิ้มขณะเคี้ยวป็อคอร์นกรอบๆ
ฟันคู่น่ารักของเค้าไม่เคยน่าดูน้อยลงเลย และมันเพิ่มเสน่ห์ให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก
คนถูกถามนั่งอยู่บนโซฟายาวตัวเดียวกันกับกัปตันของเค้า เด็กหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะเลิกเก๊กแล้วยิ้มแก้มปริ
“ไม่รู้สิครับ ผมก็ไม่รู้เหมือน”
เชคอฟหัวเราะคิกแล้วจิมก็หัวเราะตามเสียงดัง
แมคคอยกำลังบ่นสป็อคเรื่องนั่งเก้าอี้ตัวโปรดของเค้านั่นแหนะ
ฮ่ะ! ฮาชะมัดเลย
***************************************************************************
“คุณกำลังดูอะไรอยู่เหรอ?” ชายหนุ่มพลิกตัวมาอยู่ข้างๆ
พลางถามคนรักของเค้าว่ากำลังสนใจสิ่งใดอยู่ในเวลานี้
ซูลูหันมาก่อนจะยิ้มให้ รอยยิ้มของเค้าเปื้อนเสียงหัวเราะ “อ๋อ เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” คนที่นอนคว่ำกับพื้นเตียงหนานุ่มอุ่นสบายพูดขึ้นถึงปากบอกว่าไม่มีอะไรแต่ก็ยังให้ความสนใจกับมันอยู่หลังจากหันมามองหน้าอีกคนหนึ่งเพียงชั่วสั้นๆ
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมิได้วางสิ่งที่อยู่ในมือลงแต่อย่างใด
“ครอบครัวของคุณเหรอ?”
แม้แต่เค้าก็ยังยิ้มไปด้วย ในมือของซูลูคือรูปใบเก่าที่ถูกถ่ายขึ้นบนยาน
Enterprise ในวันแรกที่เหล่าคนกล้าได้ออกไปทำภารกิจในอากาศอันไกลโพ้นเป็นเวลานานถึงห้าปีและมันทำให้เค้าทรมานสุดใจเมื่อรู้ว่าคนรักต้องจากไปทำหน้าที่นานขนาดนั้น แต่ทว่าก็บอกตัวเองได้ว่าเค้าควรภูมิใจที่ซูลูได้ทำเรื่องที่ไม่เคยมีคนกลุ่มใดได้ทำมันมาก่อนและควรตั้งหน้าตั้งตารออีกฝ่ายกลับมาอย่างปลอดภัย
ชายหนุ่มผิวสีเข้มเชื้อสายญี่ปุ่นสังเกตรูปในมือของคนข้างๆ ทุกคนในรูปยิ้มแย้ม ตรงกลางมีชายหนุ่มผมบล์อนที่ดูอายุยังน้อยเมื่อเทียบกัปสีเสื้อกับเก้าอี้ที่เค้ากำลังนั่งอยู่
เดาว่านั่นคงเป็นกัปตันเคิร์กที่อีกคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ อยู่เสมอเป็นแน่และตรงนั้นเองคือซูลูที่ใส่เสื้อสีเดียวกัน
ยืนเคียงอยู่ข้างเก้าอี้ของกัปตัน และพร้อมเพรียงไปด้วยสมาชิกคนอื่นๆ
ที่ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไปแต่ทว่าดูแล้วล้วนสลักสำคัญไม่แพ้กันเลย
ทุกคนดูยอดเยี่ยมและเป็นครอบครัวที่อบอุ่น
“ผมคิดว่าผมโชคดี” ชายหนุ่มผิวสีเข้มที่กอดไหล่เปลือยเปล่าของอีกคนหนึ่งอยู่พูดขึ้นทำให้คนถูกโอบหันมามองด้วยใบหน้าใคร่สงสัย
“ยังไง? คุณอยากทำงานกับผมยังงั้นเหรอ?”
ซูลูเย้า เพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้หากเป็นเช่นนั้นลูกสาวของพวกเค้าคงไม่มีคนคอยดูแลเป็นแน่
เนื่องจากการเป็นคนขับยานเช่นเจ้าตัวนั้นไม่มีเวลางานที่ตายตัวนัก
คนข้างกายส่ายหน้าช้าๆ แล้วบอกว่า “ผมโชคดีที่พวกเค้าทุกคนล้วนเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ทุกคนเก่งมากนี่ใช่ไหม? คุณเคยบอกว่ากัปตันของคุณเคยยอมสละชีวิตเพื่อช่วยลูกเรือไว้และทุกคนก็เป็นห่วงเป็นใยกัน”
เค้าระบายยิ้มอีกพลางใช้นิ้วสัมผัสแก้มของซูลู “ผมโชคดี เพราะมั่นใจได้ว่าพวกเค้าจะดูแลคนสำคัญของผมอย่างดี...ดีที่สุดเท่าที่พวกเค้าจะทำได้ ผมควรวางใจหนิ ถูกไหม?”
ซูลูวาดยิ้มบ้างก่อนจะหลุดหัวเราะแล้วสบตาคนที่ห่มผ้าผืนเดียวกัน
“คุณจะพูดจาเห็นแก่ตัวมากเกินไปแล้วนะ” ก่อนจะจูบปากคนเห็นแก่ตัว
“อ้าว แล้วไม่จริงเหรอ?” เค้ายิ้มหลังผละจูบออกมา
“ผมว่าคงดีกว่าให้ผมเป็นห่วงคุณจนไม่เห็นด้วยที่คุณออกไปทำงาน” แล้วจูบของพวกเค้าก็ดำเนินขั้นไปเป็นดูดดื่ม ม้วนตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วเกิดเสียงเสียดสีของผิวกายอย่างวาบหวาม
“เฮ้ คุณรู้ไหม ผมได้นั่งเก้าอี้กัปตันในตำแหน่งรักษาการบ่อยมากเลยนะ
เพราะกัปตันของเราชอบลงไปภาคพื้นมากกว่านั่งอยู่บนเก้าอี้ในสะพานเรือ” แววเสียงซูลูลอดออกมาคล้ายกำลังหัวเราะ
อีกคนหนึ่งจึงตอบรับไปก่อนจะมีเสียงใครบางคนร้องออกมาเบาๆ
“ผมถึงว่าทำไมช่วงนี้คุณถึงชอบสั่งผมนัก”
เสียงซูลูร้อง “อย่าบ่นน่า” ก่อนเค้าจะกลายเป็นคนบ่นอีกคนหนึ่งเสียเองเมื่อผ้าห่มเรื่องไหวไปมา
มีเสียงดังขึ้นอีกแล้ว เดาว่าพวกเค้าคงจะรำลึกความคิดถึงกันเป็นรอบที่เท่าไรก็นับไม่ถ้วนแล้วอีกเป็นแน่
.
.
.
THE END.
---------------------------------------------------------------------------------------------
ฮร๊ายยยยยย!! บ้าจริงๆ
เลยเชียววว >< ขนาดจะจบแล้วยังทำรั่วกันอีกนะคะ (อ้าว) 555555 แต่ที่น่าทุบรัวๆ แล้วพูดว่า “บ้าจริงๆ
เลยเชียว” เห็นทีว่าคงจะเป็นคู่ของซูลูกับแฟนค่ะ
อร๊ายย แหม ไรท์รู้สึกเกรงๆ แฮะ
เพราะเห็นแค่หน้าเค้าแวบๆ ในหนังกับแผ่นหลังที่หายไปพร้อมกับซูลู ดูน่ารักกันเนอะ “ดีใจจังที่คุณมาได้...” หรืออะไรสักอย่างหนึ่งนี่แหละค่ะ
55555 ทำนองนี่
แต่แค่นี้ก็ทำเอาคนที่นั่งดิ้นอยู่ในโรงฟินได้ค่ะ
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย!!! บ้าาาา >[]<
อิจิมมัน.......ไร้เสียงบรรยายค่ะ ก็เนอะคนลั้นล้ายังไงก็ลั้นล้าวันยันค่ำค่ะ 555555
สป็อคเข้าโหมดเดิมแล้วค่ะ
ส่วนหมอทำเอาไรท์อมยิ้มนิดๆ เลยค่ะ
รู้สึกเหนื่อยแทนเนอะต้องบ่นพร้อมกันสองคนเลย 55555 ทั้งอิจิมและสป็อค ส่วนน้องเชคอฟก็เป็นยาชูกำลังให้หมอยังหายใจอยู่ได้ค่ะ
55555 โอ่ววว น้องเชของไรท์ //โดนหมอทุบหัว// ผิด!! ของหมอต่างหาก.......ฮาา อ่า จา จ้า
ของหมอไงจะเป็นของใครไปได้ 55555555
รู้สึกดีเนอะที่ได้มองทุกคนบน
Enterprise เป็นครอบครัว ก็มีกัปตันที่แสนดีแบบใจซื้อใจและน่ารักขนาดนั้นนี่เนอะ โอ๊ยยยยย
Star Trek จะมีภาค 4 ไหมคะ? มีมาเมื่อไรบอกไรท์ด้วยค่ะจะเคลียร์คิวรอเลย เฮ้ออ ไม่อยากให้จบเลยค่ะ //แกก็เป็นงี้ทุกเรื่องแหละ -*-// ต้องขอขอบคุณรีดผู้มีพระคุณของไรท์ทุกท่านมากๆ
เลยนะคะที่กรุณาอ่านและให้กำลังใจกัน //โค้ง// M_ _M
เรื่องหน้าเราจะเจอกันกับใครต้องติดตามค่าา ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ รักรีดเหมือนเดิมนะคะ
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund