วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[SF – Star Trek] + [Part 1] FONFA – Spock x Kirk , McCoy x Chekov




 อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย!!!!! >{}< ขอกรี๊ดแรงๆ อีกทีนะคะ  อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย!!!  อรั๊ยๆๆๆๆๆ   //พอแล้ว!! -*-//  แฮ่ๆๆ  ไรท์ตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อยค่ะ  แฮ่ๆๆ

สวัสดีค่าาาา  รีดที่รักยิ่งของไรท์ -3- //จู๋ปากทาบจอ//  คิดถึ๊งงงง  คิดถึงเป็นที่สุดเลยค่ะ ><  อ่าห์---  รู้สึกเหมือนหายไปนานเลยล่ะค่ะ  คงเป็นเพราะทางที่เรียนอยู่ตอนนี้กำลังหนักๆ อยู่แน่ๆ เลยค่ะ  เลยไม่ได้หันมาแตะฟิคเลย  แต่ตอนนี้มีวันหยุดเพิ่มขึ้นมาแล้ว (ถึงจะแค่ในอาทิตย์นี้ก็เถอะ TuT) ก็เลยไม่รอช้ากระโดดเกาะคอมทันทีเลยค่ะ 55555555   พิสูจน์อักษรแล้วไรท์ก็ยิ้มๆ กับตัวเองค่ะ

เพราะว่าตอนแรกกะจะเขียน Spock x Kirk แต่ไปๆ มาๆ เหมือนหมอแมคคอยจะเป็นคนต้นเรื่องเสียกลายๆ ค่ะ และมีจิมเข้ามาปรึกษาปัญหาร้อนใจของตัวเอง (ซึ่งจะเป็นอะไรนั้น เรากำลังจะได้รู้กันค่ะ)  และแน่นอน....รีดๆ รู้กันใช่ไหมคะ  ว่ามีหมอ...สำหรับไรท์แล้วจะต้องมีใครติดสอยห้อยตามมาด้วย

ปิ๊งป๊องงง.....น้องเชคอฟนั่นเองงง! >{}<  อร๊ายยยยยย  น่ารักจังเลยยย (รำพัน) >////<  ถึงแม้ว่าในเรื่องหนูจะดูอยาก growing up เป็น Men เหมือนกะรุ่นพี่คนอื่นๆ เค้าก็ตาม 55555  แต่ถึงอย่างไร.....ถึงจะเป็นคอวอดก้ารึชอบเกี้ยวสาว (เดาว่าแห้วบ่อย) ก็ตาม  แต่ถึงยังไงหนูก็ยังเป็นเคะที่ไรท์ชื่นชอบนะลูก  เซ็นต์สัญญาซื้อตัวมาเล่นฟิคให้ไรท์ตลอดกาลแล้วด้วยย ^^ //ปรบมือเบาๆ//   น่าลักค่ะ >///<

อูยยยย  พูดถึงน้องแล้วก็พูดถึงหมอเนอะ  คือ....ในภาคนี้ หมอทำไรท์กับมนุษย์เพื่อนเลิฟตื่นตั้งแต่เข้าโรงเลยค่ะ  พอเจอแกฉากแรกก็ดี๊ด๊าเลยค่ะ  กรี๊ดกร๊าด (เงียบๆ) โดยไม่เกรงใจอีกสี่คนที่นั่งดูอยู่แถวล่างเลย 555555  //ดีนะคะที่ไปแต่เช้า ไม่งั้นคนเยอะ  วี๊ดวายไม่ได้ 555555//+ //จุดประสงค์// ขอยืมคำของรีดทานหนึ่งมาใช้หน่อยนะคะ......หมอหล่อวัวตายควายล้มจริงๆ เลยค่ะ  ถึงตาย  ถึงตาย!!  ฮ่อลลล

คือพอถึงจุดนี้เอามือพัดตัวเองแรงๆ แล้วถามหมอว่า “หมอแน่ใจเหรอว่าหมอเป็นหมอน่ะ?” อูยยยยย  ยังกะ....อูยยย พ่อคุณเอ้ยยยยย พ่อศรีนวล >///<  //เสียงสูง// 555555555 //ไม่เกี่ยวกะปันปัน 5555//  แบบว่าทำให้ไรท์ยิ่งคลั่งหมอเลยค่ะ จากที่ตอนแรกก็ชอบหมออยู่แล้ว อูยยยยย  ช่างสมแล้วที่ได้ดูแลน้องเชคอฟค่ะหมอ 555555  คือลุคหมอในภาคนี้น่าเปลี่ยนเป็นที่ปรึกษาด้านการรบมากเลยค่ะ  ไม่ต้องเป็นมันแล้วหมอ 555555....เอ้ย เดี๋ยว  นี่ไรท์เตลิดอีกแล้วนี่นา 5555 กลับมาๆๆๆ  สองคนนี้มีบทบาทอย่างแน่นอนค่ะ  และด้วยความรักป็อคเสียดายหมอไรท์เลยให้คู่หลักเป็นของทั้งสองคนนี้ค่ะ 55555  สองคู่กันเลยทีเดียว 555555

โอเค มาทางฝั่งSpock x Kirk กันบ้างนะคะ   สป็อคอยากลาออกจากสตาร์ฟลีทเพื่อไปดูแลดาววัลแคนใหม่  แคร์อูฮูร่าแต่ไม่เท่าแคร์จิมค่ะ 55555  คือเอาแต่ปรึกษาหมออยู่นั่นแหละว่าจิมจะว่าอย่างไร อร๊ายยยยยยย  เป็นห่วงความรู้สึกจิมมากถึงขนาดสุดท้ายก็ไม่ได้ลาออกค่ะ >///<  ส่วนจิมก็เทิดทูนสป็อคสุดหัวใจเลยค่ะ ><  จะให้เป็นกัปตันอย่างนั้นอย่างนี้  ภาคที่แล้วสป็อคใจแตกสลายที่จิมหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา  แต่ภาคนี้จิมเป็นห่วงพ่อวัลแคนแทบดิ้นเลยค่ะ อร๊ายยยย!!!   อ๊อยยย  หมดเสียงไปกับเรื่องนี้หนักมากเลยค่ะ ....เสียงแหบ +_-

หนังอย่างนี้ก็ดีอย่างนี้เองสินะคะ ><  อิๆๆ  เอะอะวายเอะวาย.....เราจิ้นกันเองนี่แหละ 555555  //ขอเช็คแฮนด์กะรีด//  และที่ไม่กรี๊ดไม่ได้ค่ะ  รีดขา!!!!! ><   ซูลูมีลูกสาวกับผู้ชายยยยยยยย  อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!  ในโรงที่นั่งดูกับเพื่อน (ไม่ได้เป็นสาววาย) ไรท์ก็ค้างๆ แต่ในใจนี่ปากฉีกไปถึงกกหูพร้อมกรี๊ดร้องด้วยความที่ไตวายตายไปแล้วเรียบร้อยค่ะ 555555555 ซูลู!!!!!  อร๊ายยยยยยย  เป็นเคะสินะคะ  อร๊ายยย! ><  ชอบบบบบบ!!!!!  สนับสนุนให้มีภาค 4 ต่อไวไวค่ะ  ให้ซูลูกับ Partner ออกเยอะๆ นะค้าาา >///<  อูยยย Star Trek : Beyond ภาคนี้ถึงตายค่ะถึงตาย!   บอกได้คำเดียวเลยค่ะ...จัดว่าเด็ด!

โอเค  พอแล้วเนอะ  แฮ่ๆ  ขอโทษทีค่ะเป็นเพราะวี๊ดกับเรื่องนี้มากเลยยาวค่ะและคิดถึงอย่างมากมายด้วย  Star Trek เป็น Fandom แรกที่ไรท์เชื้อเชิญมาเป็นครอบครัว Fan Fictions Hollywood (Thailand) ค่ะ ^^  ดีใจมากๆ เลยค่ะ  ที่ได้เจอกันอีก  //อนึ่งญาติสนิท//   และขอกราบเรียนรีดที่รักของไรท์ไว้ตรงนี้นะคะว่า SF เรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาอยู่ใน Star Trek : Beyond ภาค 3 นี้แต่อย่างใดค่ะ (อ้าว?) ในเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของสามปี (รึสองปีหว่า?) ต่อจากนี้ค่ะ  ครบห้าปีของการท่องอวกาศและทุกคนได้กลับบ้าน  แต่ดันเกิดเรื่องโลกแตกขึ้นกับจิมเข้า  สป็อคเองก็เช่นกันค่ะ........เพราะฉะนั้นหากท่านใดอยากรู้ว่าปัญหาโลกแตกที่ว่าจะเป็นอะไรก็ไปอ่านกันเลยค่าาา ><    


ปล. ภาพบนซูลูทำหน้าเหนื่อย 555555 //โดนดาบฟันคอปลิว//



------------------------------------------------------------------------------------------



“มีอะไรไอ้หนู ห้ามวิ่งในห้องพยาบาลของฉันนะลืมแล้วเหรอ!?

“ไม่ อย่าให้สป็อคเจอฉัน!” แววตาของกัปตันคนเก่งที่เคยขี้เล่นบัดนี้ดูซีดเซียวอย่างตื้นตระหนก  แมคคอยที่เห็นดังนั้นจึงรู้แล้วว่าเพื่อนจอมยุ่งของเค้าไม่ได้วิ่งหนีเข้าห้องพยาบาลมาเพื่อยั่วโมโหเค้าเล่นๆ เป็นแน่

หมอแมคคอยแห่งยาน Enterprise จับไหล่ที่ลู่ลงจนเหมือนจะเกือบล้มทั้งยืนของจิมไว้ แล้วออกแรงเขย่าเบาๆ

“มีอะไรจิมมี่ สป็อคมันจะทำอะไรนาย?” สีหน้าของแมคคอยดูเป็นกังวลมาก  เพราะใครๆ ก็รู้ว่าถ้าวัลแคนขาดเหตุผลแล้วโมโหน่ะมันเป็นยังไง

......แต่สำหรับสป็อคน่ะ มันยากเกินกว่าที่จะเกิดเรื่องแบบนั้น  โดยเฉพาะกับจิม......

กัปตันเคิร์กกระพริบตาแล้วมองไปมา  สีหน้าเค้าดูหวาดวิตก  ดวงตาสีฟ้าทอประกายก็ไม่ได้ซุกซนอย่างเช่นที่เคยเป็นแล้วอีกต่อไปแล้ว.......จิมเอื้อมมือขึ้นมาจับแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ไม่เหมาะกับอาชีพคนเป็นหมอของแมคคอย แล้วกลืนของเหลวลงคอก่อนจะหอบหายใจ

“สป็อค....สป็อค....” เค้าละลำละลัก

“อะไรจิม”

“สป็อคเป็นฟอนฟา



.



.



----------------------------------------------------------------------------------------------



----------------------------------------------------------



-----------------------------------



.



.



“สป็อคเป็นฟอนฟา

“แกออกจากยานไปเลยจิม!

จิมหันควับกลับมามองหน้าเพื่อนที่เสียงดังใส่เค้าเกินเหตุ แล้วส่ายหน้าแต่ทว่าดูอ่อนแรง “ไม่  ไม่ได้  ฉันต้องลงจากยานเป็นคนสุดท้าย....”

“ช่างหัวกฎเถอะน่า! นายเป็นกัปตันแล้วไง  Enterprise แตะพื้นแล้วและทุกคนกำลังทยอยลง ไม่มีใครสนใจกฎบ้าอะไรทั้งนั้น  นายรีบไปก่อนเถอะตอนนี้ยังพอปะปนไปกับพวกลูกเรือได้  เดี๋ยวฉันจะลงเป็นไปคนสุดท้ายเอง.....ไม่ อย่าอ้าปากเถียงฉันจิมมี่  ฉันจะตรวจทุกอย่างแทนนายเอง และห้ามเถียงคำสั่งของหมอเด็ดขาด!

“แต่ฉันไม่กล้า...ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะพูดคำนี้” กัปตัน Enterprise กลอกตากับตัวเองน้อยๆ แต่เค้าก็รู้ว่าข้อนี้จะยกเว้นได้กับสป็อคเพียงคนเดียวเท่านั้น “นายก็รู้สป็อคโผล่มาได้ตลอด  พอเค้ารู้ว่าฉันอยู่ไหนเค้าก็จะมาหาฉัน” จิม   เคิร์ก ส่ายหน้าไปมาและเกาะแขนทั้งสองข้างของแมคคอยแน่น  ราวกับจะถามว่าเพื่อนของเค้าว่ามีแผนที่ดีกว่านี้ไหม

“ไม่หรอกน่า.....เดี๋ยวนายลงไปที่ทางออกฉุกเฉิน  อย่าออกทางอออกหลักเดี๋ยวฉันจะบอกซูลูให้ไปรอนายอยู่ที่นั่น” เสียงเข้มที่ออกห้วนของแมคคอยดังขึ้นตามนิสัยแต่ทว่าไม่มีพิษภัย  ร่างสูงของหมอใหญ่เดินผละออกไปควานหาเครื่องมือสื่อสารแล้วติดต่อหาชายคนดังกล่าวทันที

แต่จิมที่มีสีหน้าไม่สู่ดีนักกลับยังไม่ยอมหายกังวล “แต่โบนส์  ถ้าเค้าเจอนายล่ะพวก?”

“ฉันก็จะด่าหลักการของมันว่าหน้าโง่  แล้วให้มันไสหัวออกไปจากห้องฉัน” แมคคอยหันมาพูดใส่ ดูมั่นใจและหน้าตายราวกับเป็นเรื่องปรกติเป็นอย่างมาก

“ฉันไม่คิดว่านายทำงั้นได้นะ” จิมทำหน้าเบ้

“จะได้หรือไม่ นายก็ไม่ได้อยู่รู้หรอกจิม รีบลงไปได้แล้วไอ้หนู......ซูลูนี่ฉันเอง มีเรื่องอยากจะวานหน่อย” และไม่นานนักลูกเรือคนสำคัญอีกคนหนึ่งของยาน Enterprise ก็ทำความเข้าใจกับสิ่งที่แมคคอยบอกให้ทำตามสายสนทนาอย่างไม่มีข้อขัดข้อง

“นายคงยังไม่เคยเจอวัลแคนตอนเป็นฟอนฟาใช่ไหม?” ปรกติแล้ว จิม   เคิร์ก ผู้แสนร่าเริงจนกวนประสาทคนนี้ไม่เคยทำตัวงี่เง่าให้ดูน่ารำคาญมาก่อนเลยแต่ในครั้งนี้การเอ่ยจู้จี้จนเกินความพอดีก็อาจทำให้คนอย่างแมคคอยร่ำๆ อยากจะตวาดใส่  แต่ทว่าความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหลือมันก็มีมากเกินกว่าที่จะทำให้เค้าตะเพิดคนกวนสมาธิตรงหน้านี้ให้ไปให้พ้นหูพ้นตา

คนเป็นหมอที่มีความสุขุมเป็นคุณสมบัติชั้นเลิศอย่างหนึ่งของเค้าคุยกับปลายสายเสร็จเรียบร้อยก่อนหันมาเหวใส่จิม “โอเคนะซูลู.....ไม่! แล้วนายล่ะ? พูดยังกะเคยเห็น นี่นายเพิ่งคบกับไอ้หนูผีนั่นได้แค่กี่ปีเองนะเว้ย” แมคคอยถลึงตา....คนอื่นจะมารู้ดีกว่าหมออย่างเค้าได้ยังไงกัน?!

ก็เค้าเป็นหมอหนิ

“ก็เพราะว่าเคยเห็นไงถึงบอกน่ะ!

“ยังไง?” เพื่อนหมอทำหน้านิ่วคิ้วขมวด  ในขณะที่เก็บของใส่กระเป๋าและในตอนนั้นเองก็มีคนเดินออกมาจากฉากกันเตียงแพทย์ของเค้าในช่วงเวลาที่พอดิบพอดี....

“ก็เมื่อมันตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว......อ้าว! เชคอฟนายมาอยู่นี่ได้ไงน่ะ....อะ โอ่ว รู้แล้ว  ช่างมันเถอะ...” จิมยิ้มเป็นครั้งแรก  และเด็กหนุ่มคนนั้นดูง่วงซึมและหมดเรี่ยวแรงเป็นอย่างมากก่อนจะแววได้ยินเสียงแมคคอยกัดฟันกรอดอีก

“หุบปากไปเลยจิมใครอนุญาตให้นายเปลี่ยนเรื่องกันห๊าา??” อันที่จริงเจ้าของห้องพยาบาลนึกว่าต้นหนอายุน้อยคนนี้จะออกมาช้ากว่านี้สักหน่อย  คนถูกบ่นยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้

โว่ว ใจเย็น  ฉันหูแตกแล้วล่ะ” แล้วกัปตันที่เริ่มมีรอยยิ้มซุกซนกลับมาก็เอานิ้วแหย่หูตัวเองอย่างล้อเลียนน้อยที่สุด พลางมองดูเด็กหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนหมอของเค้าอย่างสนอกสนใจ “ไง? ช่วงเวลาพักก่อนถึงโลกครึ่งชั่วโมงของเชคอฟเป็นประโยชน์กับนายไหมเพื่อน?” คราวนี้จิมหันไปยักคิ้วหลิ่วตาเป็นเชิงรู้กันกับคนที่ไม่เล่นด้วย

“ประโยชน์กับผีน่ะสิ! หุบปากซะจิม” แมคคอยแยกเขี้ยวใส่ เพราะรู้ว่าเชคอฟรับมือกับปากพร้อยๆ  ของจิมไม่เก่งนัก  แต่เด็กหนุ่มที่กอดกระเป๋าสัมภาระใบน้อยนั้นก็อยากที่จะลองทำ

“เอ่อ กัปตันครับคือว่าผม...”

“ฉันรู้เชคอฟ ฉันเข้าใจ หน้าที่ของนายหมดไปตั้งแต่สามสิบห้านาทีที่แล้วแล้วและมันเป็นสิทธิ์ที่จะทำอะไรต่อก็ได้” เสียงฟังดูระรื่นของกัปตันตัดบทของต้นหนคนเก่งไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะโดนเล่นงานด้วยคนที่ไม่ชอบใจเมื่อเชคอฟถูกแกล้ง  โดยเฉพาะกับไอ้คนน่าหงุดหงิดอย่างไอ้กัปตันไม่เจียมชะตานี่

“หุบปากซะจิมถ้าแกไม่อยากตายก่อนได้เจอวันพรุ่งนี้ฉันเปลี่ยนใจไม่ช่วยนายแล้วโทรไปยกเลิกกับซูลูดีไหม?” เสียงหมอที่ดูเหมือนฆาตกรเอ่ยอย่างเย็นเยียบทำให้กัปตันผมทองยอมเลิกเล่นกับเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารที่ตามอะไรไม่ทันแต่โดยดี  และหันมาทำสัญญากับแมคคอยต่อด้วยความยำเกรง

“โอเคได้เพื่อน  ได้เลยเลิกเจ๊าะแจ๊ะ  และฉันรู้สึกว่าฉันต้องไปแล้ว  เดี๋ยวนี้เลย” คนยกมือทำท่ายอมแพ้ว่า หลังจากความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีคนยืนซ้อนทับอยู่จะทำเอาเค้าหายใจสะดุดไป

“ซูลูรอนายอยู่ที่ช่องถ่ายโอนเสบียง”



************************************************************



“ว่าไงครับกัปตัน” คนที่นั่งอยู่บนรถขนถ่ายเสบียงตามที่ถูกอีกคนหนึ่งไว่วานมาเอี่ยวตัวไปหันหาคนที่กำลังจะร่วมทางอันแสนสั้นนี้ออกไปกับเค้า  ถึงแม้จะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมแมคคอยจึงบอกว่าให้ทำแบบนี้แต่ซูลูก็ไม่เก่งเรื่องตั้งคำถามกับหมอขี้หงุดหงิดคนนั้นนัก

ตุ้บ!

จิมวิ่งออกมาจากสายพานของยานแล้วกระโดดลงข้างต้นหนคนสำคัญอีกคนหนึ่งของเค้าอย่างรีบร้อน “ออกรถเลยไอ้น้อง” สีหน้าซุกซนและลิงโลดนั้นยังคงแสดงออกมาอย่างเด่นชัดถึงแม้จะมีความกังวลอย่างผิดปรกติซ่อนอยู่บ้างจนคนที่คุมพวงมาลัยอยู่จะอดถามขึ้นไม่ได้

“คุณโอเคไหม?  ทุกอย่างเรียบร้อยนะครับ” ซูลูพูดก่อนจะหมุนพวงมาลัยแล้วรถขนถ่ายคันใหญ่ที่ว่างเปล่าก็แล่นอกไปโดยไม่ติดพื้น

เจมส์ ที. เคิร์ก บอกว่า “ทุกอย่างปรกติมากซูลู” เค้าพูดอย่างสนิทสนมเมื่อนอกเหนือเวลางาน “พาฉันกลับบ้านที” เค้าพูดคล้ายกับเล่นมุข แต่อีกนัยหนึ่งเหมือนกำชับ

“เอ่อ  ครับ ได้เลย  ยานที่จะกลับโลกลำต่อไปจะออกภายในห้านาที  เราน่าจะไปถึงทันเวลาพอดี  แต่ เอ่อ...แล้วคุณสป็อคล่ะครับ เค้าไม่มากับคุณด้วยเหรอ?”

“ชู่ว์ซูลู ชู่ว์......อย่าพูดชื่อเค้า  อย่าแม้แต่จะคิดถึงเป็นอันขาดเชียว” จิมใช้มือหนึ่งกอดกระเป๋าสัมภาระส่วนตัวแนบกับอก อีกมือหนึ่งก็ชี้นิ้วจรดปากพร้อมเอ็ดเบาๆ รอดไรฟันอย่างคนวิตกจริต ราวกับว่าเค้าเป็นผู้รอดชีวิตจากดาวที่แห้งแล้งและหฤโหดที่สุดในกาแล็คซี่

......ตอนนี้อะไรก็ดูเหมือนไม่ใช่มุขตลกอีกแล้วสำหรับท่าทีของกัปตันเคิร์ก......

“ทำไมล่ะ พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?  ถ้างั้นผมคงไม่ควรพูดถึงเค้าจริงๆ” ซูลูวนรถเข้าจอดที่ท่าของช่างซ่อมบำรุงแล้วลงรถมาพร้อมกับกัปตันที่เคารพยิ่ง  แต่ทว่าเค้ากลับหายไปอย่างรวดเร็วไม่บอกลาซูลูก่อนกลับโลกเลยสักคำ

“อะไรของเค้ากัน?” คนมาส่งเพราะถูกคำไว่วานเพี้ยนๆ ขอร้องเกาหัวอย่างไม่ใคร่เข้าใจนักและคิดว่าทุกอย่างดูเพี้ยนมากกว่าเดิมเมื่อกัปตันอันแสนจะชาญฉลาดของเค้ามีท่าทีเหมือนคนเสียสติ



***************************************************************



“ยานที่จะไปยังโลกจะออกในอีกหนึ่งนาที  ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย  เจ้าหน้าที่และบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาออกห่างจากยานด้วยค่ะ  ยานที่จะไปยังโลกจะออกในอีกหนึ่งนาที  ......”

ใช่  นั่นล่ะ รีบไปสิ  รีบไปเดี๋ยวนี้เลย  ป่านนี้สป็อคคงกำลังตามหาเค้าอยู่แน่ๆ  ถึงจะไม่ได้ออกมาจากห้องส่วนตัวตั้งแต่เมื่อวานแล้วเพราะอ้างว่าป่วย  แต่ทันทีที่ถึงบ้านเค้าก็รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งตั้งใจจะทำอะไร  บอกไม่ถูกเลยว่าเมื่อวานที่เข้าไปหาอีกฝ่ายเพราะเป็นห่วง จิม   เคิร์ก ผู้แสนมากประสบการณ์คนนี้ตื่นตกใจขนาดไหน

“จิม  จิม นั่นคุณเหรอ?” ไฟในห้องมืดหมดและเค้าก็มองไม่เห็นอะไรเลย  เกือบสะดุดเข้ากับอะไรบ้างอย่าง จนในที่สุดก็รู้ว่าเป็นมือของสป็อค

“ฮะ เฮ้ นายโอเครึเปล่าสป็อค  นายบอกเชคอฟว่าไม่สบาย เป็นอะไรมากไหม? นะ นายลุกไหว...เหวอออ” คนที่ลนลานคงจะมีแค่จิมคนเดียวเสียแล้วและไม่ทันไรเค้าก็โดยอีกฝ่ายหนึ่งลุกขึ้นมาเกี่ยวตัวเข้าไปหาด้วยแรงของวัลแคนอันมหาศาล  สป็อคออกแรงอย่างเกินความจำเป็นจนเป็นเหตุให้คนเยี่ยมไข้ต้องแอบนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ

“ไม่หนุกเลย  นายโอเคไหมสป็อค?” คนใจไม่ดีเพราะท่าทางที่แปลกไปพร่ำถาม

“จิม...อึก  ผมรู้ว่าคุณต้องมา...มาหาผม” เค้าได้ยินเสียงกลืนน้ำลายและเสียงหายใจหอบถี่ “ผมรอคุณอยู่  ผมมีความรู้สึกแปลกๆ และเกรงว่าต้องการคุณเดี๋ยวนี้” ว่ายังไม่ทันไร  ริมฝีปากบางเชียบและอุ่นร้อนของผู้การซึ่งเป็นวัลแคนเพียงคนเดียวของสตาร์ฟลีทก็นาบลงไปบนต้นคอขาวของกัปตันยานแล้วเริ่มใช้ลิ้นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามนุษย์ถึงสองเท่าไล่เลียไปตามเส้นชีพจรของคนที่ตัวสั่นด้วยความเสียวซ่านแปลกประหลาด

อ่า ให้ตายเถอะ!  ยิ่งกว่าสาวเนวิเกตสองคนรวมกันซะอีก! โอ้ สป็อคอย่า! นายฉีกเสื้อฉันทำไม  อย่า...อย่าทำ อย่ากระชากกางเกง  อ๊าาา!......นั่นคือสิ่งที่จิมเล่าให้โบนส์เพื่อนรักของเค้าฟังหลังจากขึ้นยานขนส่งมาแล้วและกำลังคุยผ่านวิทยุกับอีกคนหนึ่งอยู่

“บ้าแล้ว  หมอนั่นทำงั้นได้ด้วยเหรอ?” เสียงแมคคอยเหมือนไม่อยากเชื่อราวกับจิมบอกว่าสป็อคใส่กางเกงในตัวเดียวมาประจำการที่สะพานเรือ (คุณก็รู้ใช่ไหมความคิดแมคคอยร้ายกาจแค่ไหน  เค้าไม่เคยไว้หน้าใครยกเว้นเชคอฟ)

จิมทำเสียงกรรโชกก่อนจะแสดงอารมณ์ข่มขื่น  บอกว่าเค้ากลัวและตกใจมากแค่ไหนเมื่อวานนี้

“ฉันรู้เพื่อน  ฉันรู้  ฉันเห็นด้วยกับนายที่เค้าเป็นฟอนฟา  ใช่ นี่มันก็ถึงเวลาโป๊ะเช๊ะของหมอนั่นแล้วอ่ะนะ  แต่ว่าถ้าเป็นอย่างที่นายพูดจริง” แมคคอยใคร่ครวญ “หลังจากนายหนีมันมาได้สำเร็จแล้ว นายไม่คิดว่าหมอนั่นอาจจะไปรอนายอยู่ที่ห้องล่วงหน้าแล้วน่ะ?” เค้าดูเต็มใจช่วยเพื่อนเต็มที่และไม่ลืมที่จะคิดแบบสป็อค ถึงแม้จะเอียนจนอยากจะอ้วกมากแค่ไหนก็ตาม 

จิมทำเสียงเหมือนลูกหมาโดนเตะแต่ก็ยังจะรั้นอยากอ้อนเจ้าของ  แล้วแมคคอยก็พูดเสียงจริงจังเหมือนเค้าไม่เคยอายเลยที่จะพูดมันออกมา “ไม่ใช่ว่ามันเดทกับแจกันระหว่างที่รอนายอยู่เรอะ?”

“ไอ้บ้า นั่นแจกัน” เป็นครั้งแรกที่จิมด่าแมคคอยเพราะความคิดไม่เข้าท่า

“ฉันจะบอกให้ วัลแคนเหมือนหัวหน้าแก็งค์หนวดปลาหมึกยักษ์เลยนะ และฉันว่ามันฟังดูไม่ดีเท่าไรสำหรับนาย”

“หุบปากซะโบนส์...ฉันเคยมีเซ็กซ์กับเค้าแล้ว ชัดไหม? ฉันเคยมีเซ็กซ์กับเค้า  ไอ้นั่นของสป็อคไม่ใช่ปลาหมึก...ย้ำ น้องชายของเค้าเป็นวัลแคนแท้ๆ!” ไม่มีใครดูออกเลยว่าชายที่นั่งตรงมุมยานคนนี้คือกัปตันเคิร์กแห่ง U.S.S. Enterprise  เพราะเค้ากำลังนั่งขดตัวงุดและกำลังคำรามรอดไรฟันใส่วิทยุสื่อสารราวกับคนบ้า

แมคคอยเถียงกลับมา  จิมได้ยินเสียงเล็กๆ ของเชคอฟ “นายจะไปรู้ได้ยังไงว่าไอ้น้องชายที่หมอนั่นหอบข้ามจักรวาลมาด้วยจะไม่กลายร่างตอนเข้าช่วงฤดูผสมพันธุ์น่ะ.....โอ้ว เชคอฟโทษที

จริง เชคอฟอยู่ตรงนั้นจริงๆ

“ข้อหนึ่งเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดคำว่าผสมพันธุ์  และข้อสองวอดก้าสำหรับนายพอแล้วไอ้หนู” เสียงเล็กๆ ของเชคอฟคงเป็นเพราะแมคคอยแย่งแก้วอดก้าไปนี่เอง

จิมยอมแพ้แล้ว เพิ่งรู้ในตอนนี้เองว่าเพื่อนหมอไม่ได้ตั้งใจคุยกับเค้ามาตั้งแต่แรก “ขอบใจเพื่อน ช่วยได้มากเลย” กัปตันผมสีบลอนด์น่าหลงใหลลดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่ง  เชคอฟอยู่ก็ทำแมคคอยเสียสมาธิได้เสมอ

“เฮ้ เดี๋ยว จะว่างแล้ว?  แล้วนายจะทำไง?” หมอผู้น่าเคารพกระดกวอดก้าจนหมดแก้ว แล้วเสียงอ้าก็ถูกปล่อยออกมาจากลำคอของเค้า  เชคอฟจะไม่ได้กินและทำเสียงแบบนั้นบ้างแล้ววันนี้

ชายหนุ่มตาสีฟ้าที่หมองแสงซุกซนกัดริมฝีปาก “ฉันจะหาที่ซ่อน” เค้าบอก “ฉันคิดว่าช่วงฟอนฟาของสป็อคน่ากลัวไป  ฉันเป็นคนใหม่แล้วโอเค?  ไม่เป็นงั้นแล้วเค้าต้องทำจนฉันตายแน่”

แล้วร่างที่ขดตัวเป็นก้อนผ้าก็ดึงโค้ทขึ้นมาคลุมหัวตัวเอง

อูฮูร่าบอกว่าช่วงฟอนฟาของวัลแคนจะมารธอนเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงจะแล้วเสร็จ  และสป็อคเพราะแข็งแรงจึงมีช่วงฟอนฟาที่น่ากลัวกว่าคนอื่น



************************************************************************



และรู้อะไรไหม  เธอโกหก......

เธอไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ  มารธอนน่ะใช่ แต่เกรงว่าหลายอย่างอาจไม่เกินจริงถึงขนาดนั้น  อูฮูร่าปล่อยหัวเราะคิกในตอนที่กัปตันคนเก่งเดินจากไปหลังขอคำปรึกษาจากเธอด้วยสีหน้าที่เหม่อลอยเหมือนรู้วันสุดท้ายในชีวิตของตัวเอง

“โธ่ จิม  ขอโทษนะ” เธอยิ้มเบาบางและหลับตา  คำถามที่ว่าเค้าจะเป็นอะไรรึเปล่าทำให้เธอต้องคำนึงถึงมุกของตัวเองเสียหน่อย “จะเป็นอะไรไป คงไม่มีอะไรหรอก  สป็อคจะเป็นฟอนฟาเหรอ?  ม้าย เค้ายังอายุน้อยเกินไปที่จะเป็น” อูฮูราหัวเราะก่อนหันกลับไปกดแป้นพิมพ์ช่องสื่อสารต่อ

เธอไม่รู้......ไม่ ไม่รู้อะไรเลย  ว่าสป็อคโตเต็มวัยแล้ว  และเป็นหนุ่มโตเต็มวัยที่แข็งแรงเอามากๆ เสียด้วย

ซึ่งในเวลาปัจจุบันนี้ชายหนุ่มที่มีเชื้อสายของความเป็นมนุษย์ชาวโลกอย่างเต็มที่ก็กำลังเก็บเอามุกตลกนึกครึมอยากจะแกล้งของอูฮูร่ามาขบคิดเป็นตุเป็นตะ 



.



.



.



TBC.



-----------------------------------------------------------------------------



โอ๊ย จิมน่าสงสาร! 555555  อูฮูร่าทำงั้นไมคะเนี่ยยย???? >{}<  55555 //แต่ตัวเองก็หัวเราะ//  สป็อคเป็นฟอนฟาจ้าาา  ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ 555555  ถือว่ากะโหลกกะลามาก //คือนี่แกคิดอะไรไม่ออกแล้วหรือยังไง?// 

หมอดูเหมือนเป็นคนดีนะคะแต่ว่าเชือดเฉือนมาก 55555555  หมอเหมือนจะฆ่าจิมเลยค่ะ  เค้าไม่โอ๋ใครเลย  โอ๋อยู่ค่ะเดียวคือเชคอฟ...... -///-  อร๊ายยยยย  โดนไปอีกหนึ่งดอก 555555 #ทีมแซวน้องเช  สป็อคเรื่องนี้มาครึ้มมาก  แต่ชอบหลักการที่ทำให้หน้าตายของเค้าค่ะ  สารภาพรักได้โรแมนติกน้อยมากแต่ก็ทำให้หัวใจสั่นไหวได้ไม่น้อยเลยค่ะ  อันนี้จริงไหมนะ?  แต่ไรท์มโนเองค่ะว่าถ้าวัลแคนเจอคู่แท้ของตัวเองแล้วก็จะรู้สึกว่าเค้าแตกต่างจากคนอื่นค่ะอย่างเช่นจิมทำให้สป็อครู้สึกร้อนรุ่มอย่างไม่รู้สาเหตุและในขณะเดียวกันจิมมี่ของเราก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ต้องการสป็อคมาโอบกอดมอบไออุ่นให้หายหนาวค่ะ >///<   จะใช่อย่างนี้ไหมนะ?   แต่เราไม่สนใครค่ะ เราอยากให้เป็นอย่างนี้ 55555555

เหมือนๆ กับว่าไรท์เกริ่นซะจริงจังอ่ะเนอะ  แต่เริ่มมาเรื่องเริ่มรั่วค่ะ 55555  มันเป็นพล็อตที่กลายพันธุ์ของไรท์ค่ะจนสุดท้ายก็ออกมาเป็นแบบนี้  พออ่านจนจบแล้วรีดจะรู้สึกยังไงน้า ไรท์อยากรู้จังเลยค่ะ ><  จะชอบรึปล่า  ไรท์มักไม่ค่อยปรังแต่งอะไรให้เป็นอื่นจากที่ตัวเองคิดไปมากนักค่ะ (ยกเว้นเตลิดเอง -///-) เพราะมันจะทำให้ไรท์เขียนออกมาได้ไม่ดี  ไรท์ไม่ชอบแบบนั้นเลยค่ะ 

รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ ที่ได้มาพบทุกคนใน Star Trek และรีดๆ อีก  ดีใจมากๆ เลยล่ะค่ะ ><   คอมเม้นท์กันหน่อยนะคะ ><  รักรีดทุกท่านมากๆ เลยค่ะ


ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund






2 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

รู้สึกสงสารจิมโบ้น้อยของเรานิดๆเหมือนกัน แต่ก็อยากให้สป๊อคมาเจอเหลือเกิน 5555555
ฟีลลิ่งตอนดูบียอนในโรงเหมือนกันเป๊ะๆเลยค่ะ ยิ่งนี่ไปดูคนเดียวอีก ถ้ากรี๊ดนี่คงโดนมองทั้งโรงแน่ๆ ได้แต่เอามือปิดปากละกรี๊ดในใจ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ชอบบบ

Unknown กล่าวว่า...

แหม่ จิมหนีทำไมค่ะ แค่มาราธอนเองน่าลองออก555 อูฮูร่าก็ช่างแกล้งถูกเรื่องจริงพี่สาว แล้วหมอทำไรเชคคอฟช่วงพักค่ะนั้น
ไปดูบียอนมาเหมือนกัน ไปกับเพื่อน(วายเหมือนกัน)นั่งบีมมือจิกโซฟาจะขาดตามออกมาอยู่แล้ว ในโรงรวมแล้ว7คน กัดปากกันจนเลือดจะออก โอ๊ย ออกมานี้เม้ากระจาย คนมองคงนึกว่าคนบ้า แต่ทำไงได้อ่ะมันฟิน^////^ จะรอน่ะค่ะ แต่มาเร็วหน่อยก็ดีเปิดมาเอาแบบเจอแล้วเลย (-.,-)