วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[SF - RonalSi] + [Part 1] My Boy – Ronaldo x Messi





สวัสดีค่ะ รีดๆ ที่รักของไรท์ขาาา >///<  อร๊ายๆๆๆๆ  ดีใจ เฮียเหมียวได้กลับมาแล้ว 5555555  เชื่อว่าหลายๆ ท่านก็คงจะคิดถึงเค้าสองคนแฮงค่ะ...คิก ><  บอกตามตรงเลยว่าพล็อตเรื่องมันเกิดขึ้นในระหว่างวันอันแสนน่าเบื่อของไรท์เองค่ะ  55555555  การพูดต่อไปนี้อาจเป็นการสปอยล์  เอาเป็นว่าไม่พูดล่ะ 5555....ผั๊วะ!!  //โดนรีดยกเก้าอี้ฟาด//

อือ  เรื่องนี้มีความรักแรงค่ะ //เอามือกุมซีกหน้า//  ถ้ารีดๆ ได้อ่านไรท์ว่าคงจะหลงรักพี่น้องสองคนนี้ไม่มากก็น้อยแน่นอนเลยค่ะ ^^* //เลือดหยด// 5555  ขอตัวไปโรงบาลก่อนนะคะ ตอนนี้เลือดท่วมหน้าจากเก้าอี้ที่รีดส่งมาให้เป็นกำลังใจแล้วค่ะ 5555555

วันนี้จะไม่พูดมากเนอะ เพราะว่าเดี๋ยวมีสปอยล์  คิกๆ  งั้นเอาเป็นว่าไปอ่านกันเล้ยค้าาาา >////<



----------------------------------------------------------------------------------------------



ตอนเค้าห้าขวบ...

คริส...ฝากดูแลน้องด้วยนะจ๊ะ”

“ได้ฮะ”

“กุนแม่ --- !

ลีโอ” เด็กชายที่ได้รับการฝากฝั่งไว้อย่างดิบดีจากคุณน้าข้างบ้านเรียกน้องชายตัวน้อยที่ร้องจ้าหาแม่ตัวเองด้วยคำและสำเนียงที่ยังไม่ใคร่จะชัดดีนักของเด็กอายุเพียงห้าขวบ

“กุน...” เด็กน้อยวิ่งออกมาถึงประตูหน้าบ้านที่เบื้องหน้าเมื่อมองออกไปคือพ่อแม่ที่ยิ้มเศร้ามาให้เจ้าตัวขณะกำลังก้าวขึ้นรถนั่นเอง “...กุนแม่ ---หือ? กะ กุนแม่ งะ แงงง! กุนแม่ ---” เด็กตัวน้อยๆ  ที่ยืนทำหน้าตาเหรอหราเมื่อเห็นพ่อแม่เตรียมท่าจะจากไปก็วิ่งถลาออกมาจากตัวบ้านอย่างรวดเร็ว  ส่วนในมือก็ถือของเล่นตามมาด้วย

“ลีโอ” เด็กชายที่โตกว่าเดินตามมาได้ทัน แต่ก็ไม่มีเวลาแล้ว  น้องชายตัวน้อยวิ่งออกไปด้านนอกเสียแล้ว

“กุนแม่!! ฮือออ” เมสซี่หลับตาร้อง ไม่ยอมมองทางขณะฝ่าสนามหญ้าท่ามกลางแดดร้อนระอุของเที่ยงวัน

“ลีโอ!” โรนัลโด้วิ่งตามออกไป “ลีโออย่าออกไปนะ!” เพราะหากหลุดรอดเขตขอบรั้วสีขาวนั้นออกไปคือถนนลาดยางที่มีรถสัญจรอยู่ไปมา  เค้าจะยอมให้น้องวิ่งไปถึงไม่ได้

“ลีโออย่าไป!” เด็กชายร่างสูงเพรียวแต่ดูคล่องแคล้วติดตามน้องชายตัวน้อยไป ถึงเค้าจะวิ่งเร็วอยู่พอควรเพราะขายาวกว่าแต่ก็ดูถูกเด็กน้อยที่ร้องไห้ตามพ่อแม่ไม่ได้เลยจริงๆ  แต่สุดท้ายแล้วจะอย่างไรโรนัลโด้ที่วิ่งจนแทบลืมหายใจก็คุกเข่าคว้าตัวน้องชายตัวน้อยที่ผิวขาวกระจ่างใสต้องกับแสงแดดได้สำเร็จพอดี “ลีโอ...”

“ฮืออ ม่ายอ่าวว จาปายย ฮือ...แม่ กุนแม่ กุนพ่ออ ฮืออ ให้ลีปายจ้วยย” แต่เมสซี่ที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรนอกจากกลับสู่อ้อมอกของแม่กับพ่อก็เอาแต่ขืนตัว  บิดไปมาแล้วร้องไห้เสียจนตัวสั่น “ฮืออ อึก ฮือออ”

ในคราแรกโรนัลโด้ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากกอดน้องชายที่ร้องไห้จ้าอย่างน่าสงสารไว้ จนกระทั่งเค้าอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาด้วยแขนของตัวเอง...ลีโอตัวเล็กเกินกว่าจะแกล้งว่าเค้าอุ้มไม่ได้

แต่เด็กน้อยก็อาละวาดหนักขึ้นมากกว่าเดิมอีกเมื่อรถที่มีพ่อกับแม่อยู่ในนั้นได้ขับออกไปจากบ้านของพี่ชาย...พ่อกับแม่ทิ้งเจ้าตัวไปแล้วและจะไม่กลับมาอีก  เด็กน้อยที่เพิ่งจะพูดได้เป็นประโยคคิดเช่นนั้น

พี่ชายยอมปล่อยเจ้าตัวลงในที่สุด แต่ดีที่เมสซี่ไมได้วิ่งถลาไปไหนอีก เด็กน้อยเพียงแค่ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น ตัวสั่นและสะอื้นอย่างหนัก  ถึงแม้จะอายุเพียงห้าขวบแต่โรนัลโด้ก็มองน้องต่างสายเลือดอย่างสงสารจับหัวใจ น้ำตาเม็ดน้อยที่ไหลพรากเป็นสายและเสียงร้องราวกับจะขาดใจทำให้เด็กชายเจ้าของบ้านคุกเข่าลงกับพื้นและหาทางตะล่อมบอกให้น้องยอมกลับเข้าไปเล่นกับตนได้สำเร็จด้วยความนุ่มนวล

“ลีโอไปเล่นกับพี่ก่อนนะ” โรนัลโด้จับมือน้องที่ถือของเล่นของเค้าไว้ แล้วรับมาถือเอง

เด็กน้อยพยักหน้าขณะมือน้อยๆ อีกข้างหนึ่งก็ขยี้เช็ดน้ำตาไปด้วยแต่ถึงกระนั้นเนื้อตัวก็ยังสะอื้นอยู่

“เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่จะกลับมา ไปซื้อขนมมาให้ลีโอแค่เดี๋ยวเดียวเองนะ”

“อือ” ถึงแม้จะไม่ได้เงยหน้ามามองแต่ก็พยักหน้ากลับไปแต่โดยดี ก่อนพี่ชายจะอุ้มน้องชายตัวน้อยที่เสียน้ำตาจนแสนจะน่าเห็นใจกลับเข้าบ้านไปอย่างติดจะดูทุลักทุเล



.



.



 “แหม ขอบใจจริงๆ เลยนะจ๊ะ คริสดูแลน้องได้ดีมากๆ เลย”

“ไม่เป็นไรฮะ!” เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างตัวแม่ของตัวเอง ใช้มือท้าวเอวแล้วยืดอกเสียจนพองโตพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจอย่างฉุดไม่อยู่ ก่อนจะเรียกเสียงหัวเราะจากหญิงทั้งสองที่อายุมากกว่าได้เป็นอย่างดี   โรนัลโด้ดวงตาลุกวาวขณะจ้องมองไปยังเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณน้าที่เพิ่งรู้จักกันได้เมื่อไม่นานมานี้

แม่ของเด็กชายที่อายุมากกว่าซึ่งเป็นเจ้าบ้านอาสาจะรับฝากเมสซี่ตัวน้อยให้ก็หัวเราะอย่างขบขันเล็กน้อยก่อนจะโบกมือน้อยๆ ใส่เพื่อนบ้านของเธอ “เจ้าคริสน่ะช่างพูดจริงๆ เลยค่ะ ทั้งๆ ที่ธรรมดาจะไม่ค่อยได้เป็นแท้ๆ แต่พอน้องร้องตามคุณเค้าก็พูดซะเป็นเรื่องเป็นราวเลย  ฉันเองก็ยังต้องแอบหัวเราะเพราะไม่คิดว่าเค้าจะรับผิดชอบขนาดนี้”

ใช่  ลูกชายของเธออายุเพียงแค่ห้าขวบ ลำพังจะพูดให้ชัดเจนถูกต้องทุกคำก็ยากมากพออยู่แล้วแต่ทว่าพอเมสซี่น้อยโยเยไม่ยอมอะไรขึ้นมา เจ้าลูกชายตัวดีก็ดันพูดจาหว่านล้อมเสียจนเธอเองก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าไปจำคำพูดแบบนั้นมาจากไหน

“โอ้ งั้นเหรอคะ” แม่ของเมสซี่หัวเราะบ้างอย่างทึ่งใจและเอ็นดูหลานชาย แต่แม่ของเด็กชายก็ยังไม่หยุดเมาท์ลูกตัวเอง

“แถมยังอุ้มน้องกลับเข้ามาอีก ไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหน แต่ฉันก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าเค้าจะอุ้มน้องผ่านสนามหญ้าแล้วกลับเข้ามาในบ้านได้ไหม ฮิๆ เดินโง่นแง่นเหมือนแม่ปูไม่มีผิดเลยค่ะ”

โรนัลโด้เหงนหน้ามองหน้าแม่ของตัวเองน้อยๆ  แม่หัวเราะอย่างไม่ปกปิดอะไรเลยทั้งสิ้น...ใช่ โรนัลโด้ร่างเพรียวไม่ค่อยมีเนื้อหนังมากเมื่อเทียบกับเมสซี่ที่เนื้อตัวจ้ำม่ำ  แต่ถึงจะอย่างไรเค้าก็อุ้มน้องได้ก็แล้วกัน! ไม่เห็นจะน่าขำตรงไหนเลย

ผู้หญิงคราวแม่สองคนหัวเราะคิกคักกันอย่างเอ็นดูและชอบใจอยู่พักหนึ่ง จนโรนลโด้ที่มองเมสซี่หลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดของคุณน้าจะหวั่นว่าน้องอาจตื่นเอาได้

“ฮิๆๆ แหม...คริสนี่น่ารักจังเลยนะจ๊ะ  เอาล่ะ ฉันคิดว่าคงต้องกลับแล้วล่ะค่ะ นี่ก็ค่อนข้างจะดึกแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะที่รบกวนคุณ” เธอมองเด็กน้อยในอ้อมกอดอย่างแสนรัก

“โอ๊ะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลีโอน่ารักมากๆ เลย ฉันเอ็นดูแกเหมือนเป็นลูกคนหนึ่งเลยค่ะ  และคริสก็ดูเหมือนจะอยากได้น้องชายเพิ่มอีกคนหนึ่งด้วย...”

“ไม่เอา!” เจ้าหนูน้อยคริสเตียนโน่แหวใส่คุณแม่ก่อนจะจับชายเสื้อของแม่แน่น เพราะหากมีน้องใหม่เค้าก็จะถูกแย่งความรักไปอีกแถมยังต้องเหนื่อยอีกเป็นเท่าตัวด้วย  แต่ทว่าเค้าไม่ได้หมายความถึงเมสซี่ตัวน้อยที่นอนหลับอย่างสบายอยู่ในอ้อมแขนของหญิงอีกคนเลย   ไม่ว่าจะใครก็ทำให้เค้ารู้สึกสนุกไม่ได้เท่าเด็กน้อยน่ารักคนนี้อีกแล้ว

หญิงทั้งสองหัวเราะให้กับท่าทางของเด็กชายที่ถูกแหย่ “ดูท่าเค้าคงจะไม่ยอมซะแล้วนะคะ...ขอบคุณมากเลยนะคะที่ช่วยดูตาหนูให้” แม่ของเมสซี่พูดพลางเขย่าลูกในอ้อมกอดเบาๆ เมื่อเด็กน้อยขยับตัวไปมา

“ไม่เป็นไรค่ะเรื่องแค่นี้เอง  อันที่จริงเรื่องดูแลลีโอฉันแทบไม่เกี่ยวเลย คริสตามประกบน้องทั้งวัน จนตอนแรกฉันนึกว่าน้องจะรำคาญเค้าซะอีกแต่ที่ไหนได้พอมาดูอีกทีก็หลับด้วยกันไปซะแล้ว” พวกเธอหัวเราะอีกจนโรนัลโด้ยิ่งไม่เข้าใจมนุษย์แม่มากขึ้นเป็นเท่าตัว...ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากหัวเราะกันแล้วหรือยังไงกันนะ?

“ขอบใจมากเลยนะจ๊ะคริส” เด็กชายยิ้มให้ “ต้องกลับแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะคะ” หญิงทั้งสองบอกลากัน แม่ของเมสซี่โบกมือน้อยๆ ให้โรนัลโด้อย่างเอ็นดูก่อนเด็กชายจะโพล่งขึ้นมา

 “ลีโอจะมาอีกไหมครับ?” จะถามแม่ของตัวเองหรือหญิงอีกคนก็ไม่ทราบได้ แต่เจ้าตัวคิดว่าอาจพูดดังเกินไปจนเมสซี่น้อยๆ ขยับตัวไปมาอีกครั้ง

“ถ้าหนูอยากจะเจอน้องอีกน่ะนะจ๊ะ” หญิงอีกคนที่ไม่ใช่แม่ของเค้ายิ้มให้

“ครับ ผมอยากเจอน้อง”

เด็กน้อยโรนัลโด้พยักหน้า และแอบซ่อนประกายในดวงตาเอาไว้ไม่มิด



********************************************************************************



ตอนเค้าแปดขวบ...

“เราจะไปไหนกันเหรอฮะพี่คริส?”

“ไปซื้อนี่ไง” เค้ายื่นกระดาษแผ่นเล็กที่แม่จดรายการเพียงสองสามอย่างเอาไว้ให้น้องชายดู แต่เด็กน้อยกลับย่นคิ้วแล้วมองพี่ชายเพราะอ่านไม่ออก

“ซื้อไอติมได้ไหมฮะ?”

“ไม่รู้สิ เงินที่แม่ให้มาจะพอหรือเปล่า”

“งืมม อยากซื้อไอติมให้ลีโอแล้วก็ซื้อให้พี่คริสด้วย  คนละ...” เมสซี่ชูนิ้วข้างที่ไม่โดนกอบกุมขึ้นมานับอย่างเดียงสา

อากาศในเมืองเริ่มหนาวแล้ว เสื้อผ้าของคนที่เดินข้ามถนนไปมาก็เริ่มหนาขึ้นแต่เด็กน้อยที่ยอมให้พี่ชายจูงมือแต่โดยดีกลับบ่นงึมงำหาไอศกรีมที่ตนชอบ เพราะได้นั่งทานกับพี่ชายบ่อยจนติดเป็นของโปรดไปแล้วเสียนี่  โรนัลโด้ที่เริ่มเติบโตเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งฟังน้องชายพึมพำถึงส่วนแบ่งจากแท่งหวานเย็นที่จะได้  แต่สมาธิและความสนใจของเค้ากลับอยู่ที่ท้องถนนที่มีเส้นสีขาวสลับกับพื้นยางมะตอยนั้นมากกว่า  เค้าจะต้องพาน้องข้ามถนนเส้นเล็กๆ นี้ไปซื้อของที่ซูปเปอร์มาร์เก็ตฝั่งตรงข้ามให้ได้  แม่บอกว่าเค้าโตพอที่จะไปซื้อของได้แล้วและมีความรับผิดชอบมากพอที่จะพาน้องที่งอแงร้องตามไปด้วยได้

โอเค นายทำได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องมาด้วยคริส และน้องชอบที่จะมากับนาย...เค้าบอกตัวเอง  วันนี้เป็นวันหยุดรถราที่สัญจรเยอะมากเป็นพิเศษ เด็กชายจะต้องดูแลน้องให้ดีที่สุด  และเมื่อได้จังหวะเหมาะสมที่รถเว้นช่วงพอสมควรแล้วโรนัลโด้จึงกระชับมืออ่อนนุ่มอันแสนจะบอบบางของเมสซี่ไว้ให้มั่นแล้วดึงน้องชายที่ยังคงง้วนอยู่กับการนับนิ้วที่สมมุติแทนว่าเป็นแท่งไอศกรีมให้เดินข้ามถนนสายแคบๆ แต่ชวนบีบหัวใจเพราะความตื่นเต้นของโรนัลโด้ได้ไปอย่างราบรื่น

“ถึงแล้ว!” เด็กผิวสีค่อนข้างเข้มอุทานออกมาอย่างโล่งอก เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่เจ้าตัวมาซื้อของในวันหยุดที่การจราจรไม่ค่อยปราณีคนเดินข้างถนนนัก  ฝ่ายน้องชายเองก็อุทานออกมาอย่างดีใจแต่กลับเป็นคนละเรื่องกันกับพี่ชาย  เมสซี่ชูนิ้วสี่นิ้วใส่หน้าโรนัลโด้

“ได้แล้ว!” เด็กน้อยที่ผิวแก้มเริ่มกลายเป็นสีแดงระเรื่อเพราะความหนาวยิ้มแฉ่งใส่พี่ชาย “ซื้อไอติมได้เท่านี้เลย!

“ห๊ะ?” เด็กชายที่ทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่งงจัดก่อนจะจำได้ว่าน้องของเค้าเอ่ยถึงเรื่องอะไร  โรนัลโด้ทำสีหน้าจนใจแล้วพูด “คนละสี่แท่งเลยเหรอ?” ไม่  เค้าไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น แม่น่าจะให้เงินมาพอแค่ซื้อของ

เมสซี่น้อยส่ายหน้าแล้วยิ้มไปด้วย แก้มยุ้ยๆ นั้นทำให้โรนัลโด้อดรู้สึกหมั่นเขี้ยวไม่ได้ทุกทีไป “ไม่ช่าย คนละสอง...ของพี่คริสสองอัน  ขะ ของลีโอสองอัน” นิ้วป้อมๆ นั้นกระติกทีละสองเพื่อแบ่งเป็นภาพประกอบให้พี่ชายดูแต่ทว่านิ้วแสนน่ารักนั้นกลับงอตามมากันหมดทั้งสี่นิ้ว “เหมือนกันเลย!” เมสซี่ร้องพลางยิ้มจนตาหยีในตอนที่พี่ชายจูงมือผ่านเข้าประตูอัตโนมัติของร้านเข้าไป  โรนัลโด้บอกไม่ถูกว่าทำใจยากเพียงใดที่ต้องบอกน้องว่าเราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้  แต่ไหนแต่ไรแม่ก็บอกว่าเค้าตามใจน้องมาโดยตลอด

แต่ว่าเรามีเงินไม่พอนะ!



.



.



.



TBC.



--------------------------------------------------------------------------------------------



อ่าาาห์ (ออกเสียง ห. ด้วยค่ะ) วันนี้เราเอาแค่นี้พอก่อนเนอะ เป็นน้ำจิ้มแห่งความน่ารักมาเรียกความอยากในกระเพาะของรีดๆ //อือ อย่าพูดอย่างงั้น Aund เดี๋ยวไปซีกหน้าที่ไปพันผ้าก๊อตมามันจะได้เพื่อนเป็นหน้าซีกอีกข้างหนึ่ง// 55555555

น่ารักอ่ะ ฮืมมมมมม  >/////<  พี่คริส...พี่คริสฮับ....พี่คริสส   อร๊ายยยยย!!!!  //ดิ้น//  เหมียว  หนูขโมยหัวใจพี่เค้าไปตั้งแต่เตาะแตะเลยนะลูก ><  โอยยยยย  น่ารักมากค่ะ เฮียดูมีความรับผิดชอบตั้งแต่เด็กๆ มาก  คืออันที่จริงน้องของไรท์เค้าเคยร้องตามแม่เค้าแบบนี้น่ะค่ะ  คุณแม่เค้าเอามาฝาก ไปธุระอะไรประมาณนั้น  พอรู้ว่าแม่ตัวเองจะขึ้นรถออกไปก็ร้องไห้จ้าเลยค่าาา  แหกปากร้อง กุนแม่ กุนแม่ ซะไรท์ตกใจเลยค่ะ  โผล่หน้าออกมาดูอีกทีก็ต้องใส่เกียร์วิ่งตามน้องเค้าไปแล้วค่ะ  รองเท้ารองเท้อก็ไม่ได้ใส่ 5555

แต่น้องเค้าน่าสงสารจริงๆ ค่ะ  น่ารักมากด้วย ฮ่อลลลลล //หนูเป็นโมเดลของฟิคพี่นะลูก รู้ตัวไหม 555 (เอานิ้วจิ้มจมูกน้อยๆ)//   น่ารักมากเลยค่ะ  ไรท์เลยคิดว่า  อืมม ถ้ามันเป็นโมเม้นท์แบบเฮียเหมียวจะเป็นยังไงน้าาา  คงจะฟินมากๆ แน่เลย  ไรท์ก็เลยเก็บมาเขียนค่ะ แล้วรู้สึกชอบเฮียมากก  ดูแลน้องด้วยใจจริงๆ ค่ะ  ถึงตัวเองจะยังอายุน้อยอยู่ก็เถอะ

เห็นไหมคะรีดๆ  ส่อแววรักลูกเค้าตั้งแต่เด็กๆ เลย 555555 //โดนบอลเตะอัด//

โอเคค่ะ  มันก็เป็นพล็อตเล็กๆ น่ารักของไรท์นะคะ  จะพอใจรีดๆ รึเปล่าเอ่ย หรือว่ารีดๆ จะชอบกันบ้างหรือเปล่า  อย่าลืมคอมเม้นท์บอกไรท์กันด้วยนะคะ  Fic – RonalSi ในเวอร์ชั่นเด็กน้อยแบบนี้ก็เพิ่งเขียนเป็นครั้งแรกเหมือนกันแฮ่ะ  แฮ่ๆๆ

หวังว่าสาวก RonalSi คงจะหายคิดถึงพ่อยอดชายกับพ่อทูนหัวของพ่อยอดชาย(?) กันบ้างนะคะ  //เออ อันที่จริงก็ต้องเป็นพ่อทูนหัวของเรานะคะ เพราะเหมียวโดนเฮียทำร้ายบ่อยอยู่เหมือนกันเนอะ...พูดถึงเรื่องนี้แล้วค้อนเฮียแรง  เหลือกตาค้อนเลยค่ะ// + //ไรท์โดนบอลอัดหน้าซีกที่ไม่ได้พันผ้าก๊อต// 

ยังไงก็บอกกกันด้วยนะเออ เรื่องนี้อตอนจบประทับใจค่ะ แง้มไว้เลย  ไรท์ล่ะคนหนึ่ง...ฮึก //ซับหางตา//  ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตาม  ตามอ่าน  และหลงเข้ามาค่าาา 555555  //หัวเราะแล้วให้ความรู้สึกเหมือนฮาร์ลี่  ควินส์ -*-//  ขอบพระคุณมากๆ เป็นล้นพ้นเลยนะคะ ^^  นี่คือเฟสสึบุ๊คคื้อของไรท์ค่ะ แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด  เข้าไปคุย เข้าไปทักทายกันได้น้าค่าา ><  ขอบคุณและรักทุกท่านมากมายค่ะ  ฮ่าา  //อ้าแขนปล่อยหัวใจ//

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund








วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[Fic For Jared Leto] + [Part 5…END] Stalker Joker – Jared Leto x XXX












อร๊ายยยยยยยยยย!!!  อิชั้นจะหายใจไม่ออกเจ้าค่ะ  เฮือกกกก  //สูดหายใจก่อน -..- // 

สวัสดีค่ะรีดๆ ที่น่ารักของไรท์ทุกท่านขาาา >///<  ขออภัยที่หายไปนานค่ะ  แฮ่  แต่เรื่องที่เราจะมาเอ่ยถึงในวันนี้นั้น ว่าด้วยเรื่องตอนจบของ Fic For Jared Leto คนสวยของเราค่ะ  ฮ๊ากกกกกกก  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะเวิ่นได้ถึงขนาดนี้ค่ะ แต่ลงช้าเป็นบ้าเลย 55555555  //หลบรองเท้า//  ขอโทษจริงๆ ค่ะ  ขออภัยอย่างมหาศาลเลยนะคะ  มิโกรธไรท์นาค้าาา ^U^ //นวดรีด//

เรากำลังจะได้รู้แล้วค่ะว่าคนที่บุกเข้าไปขืนใจจาเร็ดเป็นใคร?  //พูดดูตรงและร้ายแรงมาก....ขืนใจ 55555  ทำร้ายจิตใจโจ๊กเกอร์นางฟ้าส่งมาเกิดอีก 5555//  คือจะบอกว่าจาเร็ดน่าเลียทุกส่วนจริงๆ ค่ะ //ผิดประเด็น// 555555  น่าอยู่ใต้อ้อมกอดของผู้ชายล่ำๆ หรือดูตัวใหญ่กว่าเค้ามากๆ เลยค่ะ  ฮ่อลลลลล  นางฟ้าคนสวยของไรท์  TUT  (สังเกตนะคะ เคะเมะทุกคนจะได้รับชื่อหรือฉายาเฉพาะจากไรท์)  อืม  เอาจริงๆ จะต้องบอกว่าเป็นนางฟ้าคนสวยที่แสบทรวงที่สุดในสามโลกเลยนะเออ 55555555  ไม่มีใครจี๊ดเกินนางค่ะ 

เอาล่ะค่ะ! ><  เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปอ่านกันเลยล่ะกันเนอะ  และร่วมลุ้นไปด้วยกันค่ะ  ว่าตอนจบของเรื่องจะเป็นอย่างไร >///<



---------------------------------------------------------------------------------------------



“จาเร็ด...” เค้ากระซิบด้วยน้ำเสียงอ่านใจไม่ออก  แต่ทว่าหากคนถูกเรียกลืมตาขึ้นมามองสายตาคมที่สบลงมานั้นจะพบเข้ากับความโอนอ่อนที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากผู้ชายคนนี้เลย



************************************************************************



“ไง ไอ้น้อง  ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะ?” แว่วเสียงคนพี่ส่งข้ามมาจากอีกฝากหนึ่งของห้องเก็บตัวภายในบริษัทเดิมที่พวกเค้าทำงานอยู่อย่างเอื้อยเฉื่อย

จาเร็ดที่หน้างอแต่ก็เหม่อลอยในเวลาเดียวกันนั้นไม่ได้ยินคำของพี่ชายเลยในคราแรก  จนกระทั่งอีกฝ่ายหนึ่งต้องออกปากเรียกเสียงดังเป็นครั้งที่สองนั่นแหละ คนเป็นน้องจึงได้สะดุ้งเฮือกแล้วหันมาขานรับพี่ชายตัวเองอย่างหวาดๆ

“เป็นอะไรไปจาเร็ด?  ดูนายแปลกไปนะ” โทโมะที่นั่งเกากีตาร์อยู่หันมาถามด้วยสีหน้าสงสัยยิ่ง

คนถูกตั้งข้อสังเกตมองหน้าพี่ชายและเพื่อนอีกคนหนึ่งเลิกลั่ก ก่อนจะกอดหมอนแนบอกแน่นแล้วส่ายหน้าดิก “ไม่หนิ  ไม่มีอะไร ฉันสบายดี” ร่างบางที่นั่งเหยียดขาอยู่บนโซฟายาวตัวโปรดของเจ้าตัวเอนหลังพิงตามปรกติด้วยความพยายามให้มันดูปรกติที่สุด และเก็บซ่อนดวงตากลมโตที่บัดนี้ไร้แววยี่ยวนเช่นเมื่อหลายวันก่อนเอาไว้

“นายแน่ใจเหรอ?” แชนอนยืดตัวจากการนั่งเอกเขนกเล่นเกมส์กดแล้วมองหน้าน้องชายด้วยใบหน้าคาดคั้นน้อยๆ  ไม่แปลกนักที่จาเร็ดจะทำตัวให้เป็นน่าห่วงแบบนี้  และถ้าหากมีปัญหาจริงๆ นั่นก็ถือว่าแปลกมากเหมือนกันเพราะน้องชายของเค้าไม่เคยเก็บปัญหาหมกเม็ดเอาไว้คนเดียวโดยที่ไม่บอกใครเลย

มีแต่จะวิ่งโร่เข้ามาให้ช่วยแก้ปัญหาให้ตัวเองนั่นแหละ......เรื่องนั้นทำเอาแชนอนอยากกลอกตา

ช่ายย ฉันแน่ใจสิพวก” คนถูกถามและได้รับจอบจ้องจากเพื่อนกับพี่ชายตอบตาใส  ทำเสียงคางยานและเบื่อหน่ายเล็กน้อยเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าพี่ชายไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง  แชนอนถอนหายใจกับท่าทีกวนหัวจิตหัวใจนั้นของน้องชายแล้วกลอกตาขึ้นฟ้าก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจจะแลแล้ว

ทั้งพี่ชายและเพื่อนอีกหนึ่งคนของนักร้องชื่อดังจึงเลิกสนใจคนที่เอาแต่นั่งหันหลังให้ในที่สุด  จาเร็ดเปลี่ยนมานอนราบกับโซฟานุ่มตัวโปรดก่อนจะลอบถอนหายใจเล็กน้อย  ก็จะบอกเรื่องที่ทำให้เค้าหนักใจได้อย่างไรล่ะในเมื่อมัน......อ่า ให้ตายเถอะ ถึงจะอยากบอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันมากแค่ไหนแต่มันก็ทำไม่ได้  ชัดไหม?!  ทำไม่ได้! ไม่ว่าจะเป็นเสียง  รอยยิ้มน่าโมโห  ใบหน้าที่น่าโมโหและหงุดหงิดใจยิ่งกว่านั่น  และสัมผัสของชายปริศนาคนนั้นยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของร่างบางอยู่เลย

มันน่าเจ็บใจไหมล่ะ  โดนลอบทำร้ายจนถึงในบ้านขนาดนั้นแล้วแถมไม่แถมยังเสียบริสุทธิ์ชายไปให้หมอนั่นอีก!  สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย  ในเช้าวันนั้นร่างบางแทบสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาเลยในตอนที่แสงแดดยามสายของดวงอาทิตย์สาดเข้ามาแยงตา  รอบตัวเค้าสะอาดเอี่ยมเป็นระเบียบทุกอย่างราวกับว่าแคนดิสแม่บ้านผู้ดูแลรับผิดชอบเพิ่งเข้ามาเก็บกวาดของที่เค้าทิ้งระเกะระกะไว้  และเหนือออกบางก็ถูกห่มคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนานุ่มราวกับมีคนมาส่งเข้านอนให้ถึงที่ เพราะเนื่องจากในเวลาปรกติเจ้าตัวก็แทบจะนอนไม่เป็นสุขอยู่แล้ว

ร่างบางมึนงง  มองไปรอบตัวอยู่พักใหญ่ด้วยความสับสน  เค้าเกือบจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจอยู่แล้วว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน ถ้าหากไม่เห็นรอยแดงที่ขึ้นเด่นชัดอยู่บนข้อมือของตัวเองเสียก่อนลามไปยังรอยจูบที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้อกล้ามตัวบางนั้นอย่างนับไม่ถ้วน  แล้วไหนจะยังความเจ็บแปลบที่แล่นริ้วเข้ามาทำร้ายอย่างรุนแรงที่สะโพกนั่นอีกล่ะ  จาเร็ดจึงต้องยอมรับอย่างเสียมิได้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นความฝันเลย

ในคราแรกจาเร็ดก็ตัวสั่นเพราะความตื่นตกใจแต่แล้วกลับเป็นเสียงและใบหน้ายี่ยวนนั้นที่วนเวียนเข้ามาในหัวทำให้เลิกอาการตัวสั่นแต่กลับมาเป็นใจสั่นแทน  หัวใจของเจ้าของบ้านเต้นระรัวเหมือนกลอง  จาเร็ดขบกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ แล้วหวนนึกถึงริมฝีปากได้รูปที่คอยยิ้มกวนซึ่งทาบทับลงมากดจูบอย่างลุ่มหลง

เช้านั้นหัวใจจาเร็ดเต้นจนตัวร้อน  ตั้งแต่วันนั้นเจ้าตัวก็อาศัยเสื้อผ้าและเครื่องประดับปกปิดร่องรอยที่ยังคงหลงเหลืออยู่เพื่อไม่ให้คนรอบตัวสังเกตุเห็น  แชนอนและโทโมะจึงไม่เห็นความผิดปรกติบนนั้น  แต่ทว่าร่างบางก็กลับไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำท่าทีแปลกออกไปทีละเล็กละน้อยจนเพื่อนๆ ถามไถ่อย่างคับข้องใจและสุดท้ายก็เป็นฝีมือการตีหน้านิ่งสนิทของเจ้าตัวนั้นแหละที่พาให้รอดมาจนถึงทุกวันนี้

แต่จะให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปคงไม่ดีแน่  จาเร็ดไม่เข้าใจ  เค้าแค่กำลังสงสัย...เค้าควรโกรธคนที่ทำให้เค้าแทบลุกเดินไม่ได้และเจ็บช้ำน้ำใจสิ  แต่ทำไมกลับกลายเป็นเอาแต่คิดถึงอีกคนหนึ่งซะอย่างนั้น  จาเร็ดนึกถึงริมฝีปากที่คอยแต่จะยกยิ้มกวนหาเรื่องทะเลาะ  เสียงทุ้มนุ่มที่ออกมาจากลำคอแกร่ง  ใบหน้ากวนประสาทที่ถูกฉาบไปด้วยความหล่อเหลา  ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ  ผิวสีเกือบแทนที่เสียดสีจนเกิดความอบอุ่น  และ....จาเร็ดชะงักไป  และกลายเป็นว่าร่างบางเอาแต่คิดถึงผู้ชายคนนั้นจนเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้งไปเสียแล้ว

“เฮ้  เค้าว่ากันว่าบอสจะให้เราจัดแคมแปนทัวร์คอนเสิร์ตอีกแล้วนะ” เสียงโทโมะดังขึ้นเมื่อเค้านึกขึ้นได้ว่าผู้จัดการจอมน่าเบื่อคุยอะไรอยู่กับปลายสายของอีกฝ่ายเมื่อระหว่างทางที่เค้าเดินมาที่ห้องนี้

แชนอนขมวดคิ้ว  หยุดเล่นเกมส์ไปในทันทีแล้วเอ่ยถาม “จะบ้ารึไง  เราเพิ่งจะทัวร์ไปเมื่อสามปีที่แล้วนี่นะ  นายฟังผิดรึเปล่าพวก เค้าบอกว่า เคที่   เพอร์รี่ รึเปล่า?”

“ถ้าเป็นเคที่แล้วจะมาคุยกับผู้จัดการเราทำไมล่ะเจ้าโง่” โทโมะเอ็ดเล็กๆ ในตอนที่จาเร็ดพลิกตัวทับหมอนแล้วหันมามองเพื่อนร่วมวงทั้งสองคุยกัน

แชนอนแสยะยิ้มแต่ไม่ได้คาดหวังจริง “ถ้าเป็นงั้นก็ดีสิ เราจะได้ดังมากกว่าเดิมและจะได้รวยมากกว่าเดิมด้วย”

“ไม่  บริษัทสิที่รวย  ไม่ใช่เรา” โทโมะสวนแล้วแก้ให้  จาเร็ดยกตัวขึ้นมา ดีดนิ้วแล้วชี้ไปทางโทโมะเป็นเชิงเห็นด้วย  แชนอนทิ้งตัวกระแทกพนักผิง

“จะเข้าใจอะไรกับคนแก่” เค้าโอดครวญ “ไม่แน่เค้าอาจจะแกล้งทำให้เราดีใจเล่นๆ เพราะต้องการเอาคืนจาเร็ดก็ได้”

คนน้องทำหน้างง “แล้วไหงเป็นฉันล่ะ?” คนที่นอนกลิ้งอยู่บนโซฟาชี้หน้าตัวเอง

“อ้าว  ก็หมานายไง...หมาที่แฟนคลับของนายให้เค้าเป็นธุระฝากส่งมาให้น่ะ” โทโมะพูดเสริมก่อนจะช่วยแชนอนหัวเราะแล้วทั้งสองก็ป๊ะมือกันอย่างเข้าขา  แต่คนที่ถูกพาดพิงถึงกับหน้างอใส่เลยทีเดียว

“โทษนะเพื่อน  ถ้ามีเบอร์เค้าวันหลังฉันจะโทรไปบอกว่าให้ส่งมาที่บ้านฉันเลยก็แล้วกันนะ...ว่าไงล่ะ?” จาเร็ดท้าวคางกับโซฟาพลางทำตาใส ก่อนจะทำหน้าบูดใส่ “ใครส่งมาฉันยังไม่รู้เลย  ฉันผิดรึไง” เค้าทำหน้ายู่อีก

“แต่จะว่าไปตั้งแต่บอสคนนี้มาดูแลบริษัท พวกเราก็มักจะยุ่งๆ กันนะว่าไหม?  เหมือนเค้าตั้งใจจะทำให้ทุกคนกลายเป็นตัวทำเงินยังไงยังงั้นเลยแฮ่ะ  เมื่อเร็วๆ นี้ก็เห็นไมค์บอกว่ามีคิวเดินสายในแท็กซัสน่ะ”

“เอาจริงง่ะ  แท็กซัสเนี่ยนะ?” จาเร็ดทวนคำพูดเปรยๆ ของพี่ชายเมื่อพูดถึงเพื่อนศิลปินร่วมค่าย

“อืม” เป็นโทโมะนั่นเองที่ตอบแทน “ฉันรู้ ถึงหมอนั่นจะรักสงบแต่มันก็น่าเหลือเชื่ออยู่ดีที่จะคิดว่าไมค์ได้ไปเดินสายที่แท็กซัสน่ะ  ฉันนึกว่าบอสจะส่งเค้าเข้าตลาดในนิวออลีนส์ซะอีก”

“อืม นั่นสินะ  ความคิดคนแก่นี่เข้าใจยากจัง” และคนที่นอนกลิ้งอยู่บนเก้าอี้นุ่มคนเดิมก็ทำหน้ามุ้ยราวกับครุ่นคิดประกอบกับคำพูดไปด้วย ก่อนจะพลิกตัวนอนแผ่กับกองหมอนอย่างเกียจคร้านและเก็บอาการเจ็บแปลบที่ก้นอย่างแนบเนียนที่สุด “เอ่อ  เค้าเข้ามาบริหารที่นี่ได้กี่เดือนนะ  สามหรือสี่เดือน?”

“ปีหนึ่งแล้วพวก  นี่ก็เข้าปีที่สองแล้วด้วย” พี่ชายเริ่มเล่นเกมส์ต่อแล้วหัวข้อนั้นก็ตกไปด้วยคำพูดสุดท้ายเค้านั่นเอง “นายไม่สังเกตรึไงว่าทำไมปีนี้เคที่ถึงได้ร้องเพลงโอลิมปิกน่ะ  ถ้าเป็นบอสคนเก่าปานนี้เธอคงจะได้ทำอย่างอื่นไปแล้ว”

กระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น  จาเร็ดยกหัวขึ้นมาดูหวังว่าจะเป็นผู้จัดการแสนน่าเบื่อของพวกเค้าที่เพิ่งเข้าประชุมเสร็จและบอกๆ แพลนงานในช่วงสามเดือนนี้ของวงได้เสียที......เสร็จตรงนี้แล้วจะได้ไปอย่างอื่นต่อ  ร่างบางทำหน้าเรียบเฉยปนซังกะตาย

 แล้วร่างสูงที่ไม่สูงมากนักของชายใส่ชุดสูทเรียบร้อยสีเทาก็เบียดผ่านซอกประตูเข้ามา ก่อนจะเปิดมันให้อ้าออกกว้างกว่าเดิมและปรากฏเป็นหญิงสาวผมบล์อนที่ใส่ชุดสาวออฟฟิศรัดรูปดูดีเดินตามเข้ามาอยู่ข้างชายคนแรก

ทุกคนที่ทำตามอัธยาศัยรออยู่ในห้องอย่างไม่กระตือรือร้นหันไปมองเธอด้วยสีหน้ามีคำถาม  แต่ผู้จัดการเริ่มพูดก่อน “ดีใจด้วยบอยแบนด์สุดขี้เกียจของฉัน วันนี้พวกนายได้กลับไปนอนเขียนเพลงที่บ้านโดยไม่มีอะไรทำเลยตลอดวีคนี้  แล้วหลังจากนั้นเราค่อยมาคุยถึงแผนตลอดไตรมาสนี้หลังจากที่พวกนายนอนเกาพุงเสร็จกัน” แล้วเค้าก็ขอตัวออกไปโดยไม่ลืมหันไปพยักหน้าเป็นเชิงบอกลากับเลขาสาวของท่าน CEO บริษัทด้วย

หวัดดีทุกคน คือบอสอยากพบพวกคุณน่ะค่ะ  เค้าบอกว่าอยากคุยเรื่องทัวร์คอนเสิร์ตใหม่ของพวกคุณและมีที่ปรึกษาใหม่อยากให้พวกคุณรู้จักด้วย” เธอบอก  แว่นบางสวยของเธอวันนี้เป็นขอบสีแดงดูโฉบเชี่ยวไม่น้อย  มันสะท้อนแสงไฟในห้องเมื่อเธอกลับหลังหันให้พวกเค้าเดินตามไป

สามหนุ่มในห้องก็พากันชนหมัดด้วยความลิงโลดอย่างเงียบๆ ด้วยเวลาอันรวดเร็วก่อนจะเดินตามเธอไป  แต่เอาเข้าจริงคนออกหน้าอย่างจาเร็ดก็รู้สึกหวั่นๆ ไม่น้อยว่าจะพูดอะไรดีเมื่ออยู่ต่อหน้า CEO คนใหม่ของค่ายเพลง  นักร้องเสียงน่าหลงใหลค่อนข้างประหม่าเลยไม่รู้ว่าจะต้องปั้นสีหน้าหรือแสดงอารมณ์อย่างไรใส่อีกฝ่ายดี

แต่จะอย่างไรพวกเค้าก็เดินตามเลขาสาวมาถึงหน้าห้องของผู้ถือหุ้นสูงสุดของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แล้วในเวลาอันรวดเร็ว  เธอเคาะประตู เรียนตามมารยาทว่ามีธุระรบกวนเวลางานของบอสอย่างไร  สามหนุ่มสูดหายใจลึกเพราะกำลังจะได้เจอผู้ใหญ่ที่จะไฟเขียวเรื่องคอนเสิร์ตรอบโลกของพวกเค้า และที่ปรึกษาคนใหม่ที่อาจมาช่วยเรื่องจัดคอนเสิร์ตของพวกเค้า

แชนอนหน้าอกพอง  โทโมะจัดผมยาวที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบนักตัวเอง  แต่จาเร็ดที่ตั้งใจจะทำแบบเดียวกันนั้นกลับรู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่อบอุ่นที่ไล่ผ่านใบหน้าของเค้าเมื่อเจ้าตัวเสยผมให้ไปรวมกันอยู่ที่ด้านหลัง......เสียงทุ้มพร่าที่ครางกระเซ้าอยู่ข้างหู  ดวงตาคมที่มองลงมาด้วยความหมายแอบแฝงที่ฝังลึกอยู่ในนั้น  สัมผัสวาบวามจากมือฝ่าร้อนที่ทำให้ร่างบางต้องข่มตาไม่มองตอบอยู่ร่ำไป  การแนบชิดที่ทำเอาร่างบางต้องกลืนน้ำลายด้วยความแห้งผาก


ไม่เอาน่า!  จะบอกว่าในเวลางานแบบนี้เจ้าคนนิสัยไม่ดีนั่นก็จะเข้ามาปั่นป่วนเค้าอีกอย่างนั้นหรือ?  จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว......จาเร็ดส่ายหน้าเบาๆ พร้อมนึกตำหนิตัวเองที่ควรเกลียดคนที่ควรเกลียด  แต่กลับคิดฝังใจจนไม่เป็นอันทำอะไรเสียนี่  ก่อนร่างบางจะได้ยินเสียงก้าวเดินด้วยความมั่นใจและหนักแน่น......ตรงมาทางนี้ 

ใกล้เข้ามาแล้ว  ซึ่งรอบข้างก็เต็มไปด้วยพนักงานในค่ายเพลงที่เดินไปมาติดต่อธุระกันขวักไขว้  แต่พลันบรรยากาศรอบตัวของเค้าก็เงียบลงโดยไม่รู้สาเหตุ มีเพียงแค่การก้าวเดินของคนที่กำลังมุ่งมาหาเค้าเท่านั้นที่ก้องอยู่ในโสตประสาท  จาเร็ดขมวดคิ้วผูกกันแน่นก่อนจะหันหลังไปมองคนที่เดินมาหาจากด้านหลัง

ซูซาน

“เฮ้  พอล” เลขาสาวหันกลับมาเมื่อเธอถูกเรียก  แล้วเค้าก็เดินผ่านชายสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอไปสองสามก้าวก่อนจะยื่นแฟ้มบางๆ ให้

“ผมทำให้แล้วนะ  ที่เหลือก็แค่คุณเอาไปให้บอสดู” ชายหนุ่มใส่สูทสีเทาสะท้อนแสงเป็นประกายว่า  ก่อนจะหันไปสบตากับจาเร็ดแล้วเดินออกไปอย่างมีมารยาท

พอลฝ่ายการตลาดนี่เอง......ร่างบางพยักหน้าให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อนจะพ้นหน้ากัน  พวกเค้าเคยทักกันบ่อยๆ ตามประสาคนมีมนุษย์สัมพันธ์ของร่างบางตาสีฟ้าสดใส

คิดไปเอง......

อีกแล้วหรือนี่

คิดเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกันนะ หรือว่าเค้าเป็นเอามากเรื่องหมอนั่นไปซะแล้ว?

“ฉันจะส่งคุณในห้องและไปเตรียมเรื่องเอกสารสำคัญก่อนนะคะ” เมื่อได้รับอนุญาตแล้วเธอก็ชูแฟ้มที่รับมาจากพอลให้ดูประกอบ  แล้วเปิดประตูออกกว้างเพื่อให้ชายทั้งสามคนได้เข้าไปเหยียบภายในห้องของบอสใหญ่แห่ง Virgin

“บอสคะ  พวกเค้ามาแล้วค่ะ” เธอยิ้มหวานเช่นคนที่พร้อมให้บริการเสมอ  ก่อนจะบอกคนสามคนที่หยุดยืนอยู่ต่อหน้าโต๊ะทำงานเรียบหรูมีราคาของเจ้าของห้อง “หนุ่มๆ นี่คือคุณคาเมรอนค่ะ” เธอพูด

เก้าอี้นวมพนักพิงทรงสูงหมุนหันกลับมาหาวงร็อคที่กำลังจะได้ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกอีกครั้งหนึ่ง  ทุกคนเอ่ยทักทายเค้าด้วยมารยาท  แชนอนและโทโมะยิ้มด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เพราะไม่คิดว่า CEO คนปัจจุบันของพวกเค้าจะหนุ่มขนาดนี้  ดูแล้วเผลอๆ อาจจะอายุน้อยกว่าพวกเค้าเสียด้วยซ้ำ  จึงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ไปว่าอีกฝ่ายว่าเป็นคนแก่ความคิดคาดเดาไม่ได้

......ที่แท้ก็เป็นแผนการบริหารของคนหนุ่มไฟแรงนี่เอง......

“สวัสดีทุกคน  ยินดีที่ได้เจอนะครับ” คนที่นั่งอยู่ต่อหน้าทุกคนกล่าวด้วยความสุภาพยิ่ง แต่ใบหน้าที่ยกยิ้มและมือที่กอบกุมกันหลวมๆ นั่นกลับทำให้คนพูดดูเหมือนกำลังสนุกอยู่อย่างไรอย่างนั้น

แชนอนกับโทโมะยิ้มตอบ  ไม่เจื่อนขนาดครั้งแรก คิดว่าผู้บริหารคนนี้ก็น่าคบค้าด้วย  แต่สมาชิกคนสุดท้ายกลับเบิกตาโตอยู่ตรงกลางอย่างเงียบงันด้วยความรู้สึกที่เหมือนโลกถูกจับให้หยุดหมุน

ซูซานขอตัวออกไปแต่แรกแล้ว  ชายหนุ่มร่างสูงที่จัดแต่งทรงผมราวกับเป็นนายแบบชื่อดังจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าระรื่นแบบเดิม “ผมมีธุระอยากคุยกับนักร้องนำของพวกคุณเกี่ยวกับเพลงใหม่และรายชื่อเพลงในคอนเสิร์ตทัวร์  ขอโทษที่ผมเรียกพวกคุณมาด้วย  หวังว่าเพียงแค่ผมอยากทำความรู้จักคงไม่ทำให้พวกคุณรำคาญนะครับ” เค้ายกมุมปากด้วยรอยยิ้มที่สามารถฆ่าสาวๆ ให้ตายตรงนั้นได้ “เชิญพวกคุณไปพักผ่อนเถอะครับ...อ่อ เรื่องที่ปรึกษาพวกคุณคงต้องรอไปก่อน และฝากบอกเลขาสุดสวยของผมที่อยู่ข้างนอกด้วยว่าทุกอย่างผมแคนเซิลไปวันพรุ่งนี้  ขอบคุณมากครับ”

ชายหนุ่มผู้ใส่สูททรงอเมริกันสีดำเรียบหรูยิ้มส่งสร้างความประทับใจ เค้าพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายเป็นกันเองอย่างอารมณ์ดี  ก่อนคนไม่มีธุระอะไรอีกแล้วสองคนจะหันมองหน้ากันเลิกลั่กแล้วขอตัวออกไปเมื่อพวกเค้าไร้ประโยชน์  จึงทิ้งไว้เพียงแต่คนที่บอสต้องการจะคุยเรื่องงานด้วยเท่านั้น  ร่างสูงลุกขึ้นมาจากเก้าอี้  ติดกระดุมเสื้อนอกแล้วเดินมาหน้าโต๊ะทำงานของเค้า......

......ที่ตรงนั้นมีชายผมสีเดียวกันยืนแข็งอยู่กับที่ จ้องการก้าวเดินของเค้าอยู่อย่างไม่วางตา

“ไง” ร่างสูงใช้สะโพกพิงโต๊ะทำงานของตัวเองหัวเราะทักขึ้น “ดีใจที่ได้เจอผมไหม?”

จาเร็ดถอยหลังแล้วชี้หน้า “ไอ้...!

ใช่จริงๆ ด้วย

ร่างบางผงะถอยหลังไป มือคู่สวยยกขึ้นค้างไว้อย่างนั้น ก่อนร่างสูงจะวาดยิ้มขึ้นอีก......เป็นรอยยิ้มดูร้ายที่แสยะกวนโมโหเต็มที่  มือหนายกขึ้นล่วงกระเป๋ากางเกงสเล็คอย่างสบายอารมณ์  ไหล่กว้างที่ผึ่งผายทำให้เข้ากับสูททรงอเมริกันที่เจ้าตัวใส่อยู่อย่างได้ไร้ที่ติ

ต้องใช่  ไม่ผิดแน่  ใครมันจะไปลืมลงได้กัน!  ถึงแม้คนที่ใส่ชุดดูดีมีราคาจะไม่ได้ใส่เพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เท้าเปล่าเหมือนเมื่อคืนนั้น  แต่ร่างบางจะลืมไปได้ยังไง.....ก็ตอนนี้ยังคงคิดถึงอยู่เลยหยกๆ  ไม่ว่าจะเป็นมือใหญ่ที่ปัดผ่านจนทำให้เค้าเร่าร้อนทั้งๆ ที่ไม่ต้องการ  เสียงนุ่มแต่พูดคำกวนประสาทได้อย่างไม่เป็นสองรองใคร  ใบหน้าหล่อเหลาแต่ยิ้มร้ายดูน่าโมโหอยู่ตลอดเวลานั่น

ถึงจะเปลี่ยนสถานที่ๆ เจอกัน หรือใส่ชุดต่างกัน...ทำตัวดีแค่ไหนเค้าก็ลืมไม่ลงหรอกจาเร็ดหัวใจเต้นแรงไม่อยู่สุข นิ้วเรียวสวยก็ยังชี้ค้างที่หน้าคู่สนทนาอยู่เช่นเดิมแล้วพูดเป็นประโยคอย่างสมบรูณ์เป็นครั้งแรก

“นายโกหกคนอื่นเรื่องที่ปรึกษาด้วยใช่ไหม?!” ร่างบางทำตาเขียว เขย่านิ้วชี้ของตัวเองอีก  จนถึงตอนนี้จาเร็ดก็ไม่พร้อมที่จะเชื่อว่าเจ้าคนน่าขยะแขยงคนนี้เป็น CEO ของเค้า และคราวนี้ก็เอาเรื่องมาพบคนอื่นมาใช้เป็นเรื่องบงหน้าอีกต่างหาก

ร่างสูงหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่ชัดเจน  เค้ายกยิ้มมุมปากเหมือนจาเร็ดเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ประสา “เปล่า  ผมไม่ได้โกหก”

“แล้วเค้าอยู่ไหน?!” ร่างบางคงยังไม่ยอมแพ้  ปักหลักสู้ด้วยนิ้วชี้และคำพูดของตัวเองต่อไป

“ก็ผมนี่ไง”

“ไปตายซะ  ฉันไม่สนุก” ร่างบางทำเสียงขู่ ไม่เล่นด้วย  แล้วถูกหัวเราะกลับมา

“ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ  แต่ผมให้ความสำคัญกับคอนเสิร์ตของคุณมากเลยนะ  และเดาว่าเพื่อนๆ อีกสองคนของคุณก็คงจะดีใจมากกว่าคุณที่ในตอนนี้ชี้นิ้วด่าผมอยู่แน่ๆ พวกเค้าดูจะน่ารักกว่าคุณ แต่ถึงยังไงผมก็ชอบคุณมากกว่าอยู่ดีจาเร็ด” ร่างสูงจงใจยอดเสียงกระซิบในคำหลัง

ร่างบางหน้าร้อนและชาวาบเมื่อได้ยินชื่อตัวเองออกมาจากปากของคนที่ทำมิดีมิร้ายกับเค้าอย่างไม่น่าให้อภัย  ทั้งน่าเจ็บใจและอยู่ๆ มันก็ทำให้ใจสั่นไปด้วย  ร่างบางอึกอักก่อนชายหนุ่มตรงหน้าจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงระรื่นอีกครั้งหนึ่ง

ไปกับผม  ผมบอกไปแล้วใช่ไหมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน” ร่างสูงยังมิวายทวงสัญญาที่เค้าเพิ่งบอกออกไปเมื่อครู่นี้แต่คนที่รู้สึกเหมือนโดนต้อนให้จนกรอบโดยไร้คนช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่งนี่สิ

 “ไปตายซะ! ไอ้บ้า!!” จาเร็ดตวาดลั่น “อย่ามายุ่งกับฉัน!

ไอ้สโตรคเกอร์น่ากระทืบ!

แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มชอบใจ

เค้าบอกแล้วไงว่าตัวเองไม่ได้เป็นสโตรคเกอร์  แต่เป็น CEO คนปัจจุบันของจาเร็ดต่างหากล่ะ

“คุณจะไม่ไปกับผมจริงๆ เหรอ?” รอยยิ้มของเค้าทำให้ร่างบางนึกถึงคืนนั้น

คืนที่เจ็บปวด  รุนแรง  และเร่าร้อน

ร่างบางเริ่มประวิงแล้วว่าถ้าลองทำตัวดื้อดึงไปอีกสักหน่อยจะถูกจับมัดแล้วข่มขู่เหมือนอย่างวันนั้นอีกหรือไม่  ความสามารถและการกระทำของร่างสูงตรงหน้าไม่น่ากลัวสำหรับเค้าหรอก

แต่มันก็น่าเกรงใจไม่น้อยเลยทีเดียว



.



.



.



FIN.



-------------------------------------------------------------------------------------------



อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!! >{}<

ย.ยักษ์  ล้านตัวเลยหากไรท์ทำได้ค่ะ   อูยยยย พ่อคุณรุนช่องเอ้ยยยย พ่อศรีนวลนิรนามมม  คุณเป็นถึงขั้นนี้เลยเหรอคะ....ไรท์หมายถึงมีหน้าที่การงานถึงขนาดนี้เลยเหรอ??   เก็บเก่งมากๆ เลยนะคะ  อร๊ายยยย จาเร็ดเงิบเลยไหมคะ?  ไม่ เค้าไม่เงิบ  เค้าช็อคกะด่าหมอนั่นพร้อมกันเลยน่ะสิ 555555555 

อร๊ายยยยยยย  ว่าจะหายหน้าหายตาไป  ไม่เจอกันอีกแล้วเนอะ  แต่มาป้ะเจอกันชนิดที่ว่าคงต้องเจอหน้ากันทุกวันเลยค่ะ 55555555  โถ่ๆๆๆๆ จาเร็ดผู้น่าสงสาร  เอ...รึว่าไม่น้า 555555

ค่ะ ก็จบไปแล้วนะคะสำหรับฟิคเวิ่นตามความต้องการของไรท์  สนอง Need ส่วนลึกที่ไม่มีใครจะสมารถสนองไรท์ได้ เพราะไม่มีใครแต่งฟิคจาเร็ดเลย 555555  ขอบคุณรีดๆ ทุกท่านมากๆ เลยนะค้าาา >//< ที่ติดตามอ่านเรื่องนี้และคอมเม้นท์ให้กำลังใจมา  ขอบคุณมากๆ เลย><

นี่เฟสไรท์ค่ะ  จิ้มเล้ยย >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  

ขอบพระคุณทุกท่านและรักมากมายเหมือนเดินนะคะ >U< เรื่องหน้าจะเป็นของคู่ไหน  ต้องติดตามค้าาา >////<

ด้วยรักและแรงหื่น

Ray - Aund