วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 2] The Possible – Finnick x Peeta







มาแล้วค่ะ  หลังจากที่หายไปหลายวันอยู่ 5555  ช่วงนี้คงจะไม่ได้ลงฟิคถี่นักนะคะ เพราะว่างานเยอะอย่างไม่ปราณีไรท์เลยค่ะ ไรท์จะพยายามลงในทุกๆ อาทิตย์นะคะ  จะได้ไม่ขาดช่วงนานนัก  เลยต้องขออภัยรีดๆ ในเรื่องของความล่าช้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ M_ _M

อร๊ายยยยยย  ปรับฟีลมาเข้าเรื่อกันอย่างรวดเร็วค่ะ ><  ฮ่อลลล  ฟินนิคกำลังจะไปแคปปิตอลแล้ว  จะดำเนินไปตามเนื้อเรื่องในหนังในแบบของไรท์นะคะ 5555  ชอบความใกล้ชิดของพ่อฟินนิคแมนและพีต้าน้อยๆ มากเลยค่ะ....อุ๊บ!!  อย่าพวดเซ่! >0<

ก็ มันก็จะเป็นไปตามเนื้อเรื่องอยู่อ่ะเนอะหลังจากนี้ เชื่อว่ารีดหลายๆ ท่านก็คงจะรู้กันแล้วแน่นอนค่ะ  ถ้าใครชอบฟิควายที่สนุกมีฉากตื่นเต้นพอให้มีรสชาติแปลกใหม่  เรื่องนี้รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนเลยค่ะ (แน่นอน ไรท์รวมถึงภาคแล้วๆ ที่ผ่านมาของ The Hunger Game ด้วยค่ะ 5555 โดยเฉพาะสองภาคแรก  ทั้งตื่นเต้นและบีบหัวใจ เอื้อออออ)

โอเคค่ะ  เราไปอ่านกันเลยค่ะ >< !!



--------------------------------------------------------------------------------------------



ผมเดินลงจากเครื่องบิน  มีทั้งทหารของฝ่ายกบฏและคนธรรมดาที่ไร้ที่อยู่เต็มไปหมด  พวกเค้าพากันมองผมเป็นตาเดียวจนผมต้องหยุดเดินแล้วมองกลับไป  นึกอยากถามไม่น้อยว่าผมไม่เป็นที่ต้อนรับหรือเปล่า  แต่ไม่เลย...สายตาของพวกเค้าไม่ได้บอกว่าอย่างนั้น  และผมเดาว่าแคทนิสก็คงจะถูกมองแบบเดียวกันนี้ในตอนที่เธอมาถึง  มีชายในเครื่องแบบคนหนึ่งนำทางผมไปสมทบกับแคทนิสและพรรคพวก

และดูเหมือนว่าผมจะไปถึงทันเวลาพอดี  คณะเดินทางอย่างไม่เป็นทางการกำลังรวมพลในตอนนั้นเอง แคทนิสก็เลิกสนใจผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจัดแจงทุกอย่างแล้ววิ่งมากอดผมแต่ก่อนหน้านั้นเธอทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสายตาเหมือนผมอยู่ผิดที่ผิดทาง......แต่ถึงยังไงผมก็มาแล้ว

ผู้หญิงคนที่แคทนิสไม่ให้ความสนใจคือร้อยโทแจ็คสัน  เธอบอกว่าหน่วยนี้เป็นหน่วยของเธอและเธอเป็นหัวหน้าแต่ก็ไม่ใหญ่เท่าบ็อกส์ซึ่งเป็นคนถือโฮโลและนำทางให้แก่เราอีกทีหนึ่ง  กระทั่งเราออกเดินทางไปสู่แคปปิตอล  เครสสิด้าบอกว่าเราต้องถ่ายทำกันในซากปรักหักพังเพื่อสื่อถึงสิ่งที่สโนว์ได้สร้างขึ้นและทิ้งเอาไว้  ลูกทีมของเธอคือพอลลักซ์และแคสเตอร์พวกเค้าดูเป็นคนอัธยาศัยดีแต่ระวังตัวได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนทหารที่ถูกฝึกมา  และผมชอบพวกเค้า ซึ่งผิดจากลูกทีมของแจ็คสันที่อ้างว่ามาคุ้มครองเรา  ผมเดาว่าการเดินเท้าเข้าไปหาความสยดสยองของพวกบ้าอำนาจคงจะทำให้พวกเค้าสั่นกลัวไม่น้อยถึงแม้จะไม่เห็นมันบนสีหน้าของพวกเค้าแต่ผมก็รู้ดี......ใช่ เพราะผมไม่ได้รู้สึกแบบพวกนั้น เราเลยไม่เหมือนกัน

บ็อกส์บอกรายละเอียดทุกอย่างที่เราต้องรู้และกัดกินขวัญกำลังใจของเรา  ทว่าผมกลับรู้สึกดีอีกทั้งยังกระปรี้ประเปร้าที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะได้เข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องน่าตื่นเต้นอีกครั้ง ถึงแม้มันจะไม่น่ายินดีนักแต่ผมก็รู้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมรู้สึกสนุกเหมือนคนบ้าเพราะเราจะไปฆ่าสโนว์กัน

ผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอต้อนรับสู่ฮังเกอร์เกมส์ครั้งที่ 76” ผมพูดในขณะที่กล้ามเนื้อเริ่มเต้นกระตุก



******************************************************************



เราออกเดินทางอย่างเงียบๆ จนดูเหมือนแอบหนีออกมาจากค่ายกบฏด้วยซ้ำ  บ็อกส์คอยนำทางโดยมีโฮโลคอยอ่านพล็อตกับดักและช่วยไม่ให้เราไปติดกับจนตาย  แจ็คสันและลูกทีมของเธออีกสี่คนปิดท้ายกลุ่มสร้างความอุ่นใจให้แก่พวกเรา  ผมสวมชุดป้องกันสีดำล้วนของทหาร รู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างน่าประหลาด  กี่เดือนกันแล้วนะที่เขตอพยพที่ 1 ถูกโจมตีก่อนเราจะย้ายมาอยู่กับตัวตุ่นใต้ดินในเขต 1  ผมกลายเป็นคนมืดมนหัวใจห่อเหี่ยวกี่ไปเดือนกัน?

เกือบหลงลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนตัวเองเคยทำอะไรได้ และมีคนเรียกชื่อผมด้วยเสียงกึกก้องอันดังมากแค่ไหน  ทุกอย่างถูกผมขว้างทิ้งไปและหมกตัวอยู่กับความรู้สึกผิดที่พีต้าถูกจับตัวไป......ไม่  มันจะไม่เกิดขึ้นอีก  พีต้าจะไม่ต้องหวาดกลัวอีกแล้วเพราะผมจะปกป้องเค้าเอง ทำให้เกมส์ที่กลายเป็นสงครามนี้จบลงซะอย่างที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก

เราเดินทางเข้าใกล้ใจกลางเมืองขึ้นเรื่อยๆ  เครสสิด้าหยุดทีมให้ถ่ายทำอยู่หลายครั้ง  ผมรู้แคทนิสไม่ได้เกลียดเครสสิด้าแต่บางครั้งเธอก็ดูอารมณ์เสียกับการที่ต้องสร้างภาพอยู่หน้ากล้อง  เราย่างย่องไปต่ออย่างระมัดระวัง  หยุดพักที่ซากตึกเพื่อทานมื้อเที่ยงและในตอนนั้นเองที่มีรถน่าสงสัยแล่นเข้ามา  เสียงล้อยางบดเศษซากปูนและขี้เถ้าดังเข้าหูเรามา  พวกทหารตื่นตัวรีบรุดออกไปดูยกเว้นแจ็คสัน  เธอวอร์วิทยุไปถามฐานว่ามันเป็นรถของใคร


“ไม่มีอะไรแล้วทุกคน  มันเป็นมิตร” เธอบอก แล้วสีหน้าตึงเครียดของทุกคนก็หายไป

แต่รถคันนั้นทำให้ผมหยุดหายใจ  มีทหารในเครื่องแบบเดินลงมาท่าทางขึงขังพร้อมจะฆ่าศัตรู  มีคนหนึ่งดึงตัวทหารในเครื่องแบบอีกคนหนึ่งออกมาจากรถ  คนๆ นั้นโซเซเพราะแรงฉุด  ก้มหน้างุดพร้อมกับห่อไหล่อย่างไม่สนโลกอันตรายภายนอก  ผมนิ่งค้าง รู้สึกเหมือนโดนเสาหินทุบเป็นครั้งแรกในเวลานั้นเอง

พีต้า

ใช่แน่  จำไม่ผิด  ไม่มีทางไม่ใช่เค้า  พีต้าถูกทหารดึงออกห่างจากรถก่อนจะดันหลังเค้าที่เดินก้มหน้ากุมตาแทบไม่มองทางด้วยซ้ำให้เดินตรงมาหาเรา......ไม่มีทาง  เค้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?  เค้ากำลังป่วยอยู่นี่  เค้าไม่ควร......

“ผมชื่อ พีต้า   เมลล์ลาร์ค  บ้านอยู่เขต 12  ผมชื่อ พีต้า   เมลลาร์ค  บ้านอยู่เขต 12  ผมชื่อ...” พีต้างึมงำมาตามทางเหมือนทหารพวกนั้นชวนเค้าท่องจำเพื่อฆ่าเวลาก่อนมาถึงนี่ และทันทีที่ได้ยินเสียงไม่สนโลกของเค้าจู่ๆ แคทนิสก็หยิบลูกธนูขึ้นมาน้าวสายแล้วเล็งไปที่เค้า  ดูเธอช็อคมากแต่ก่อนจะได้ทำอะไรโง่ๆ อย่างการยิงพีต้าที่เพิ่งเข้ามา  เสียงบ็อกส์ก็แว่วขึ้นว่า “พอแล้ว”  แต่ผมรู้ว่าเธอจะไม่ฟัง  แคทนิสไม่เคยฟังใคร  ผมจึงเดินเข้าไปขวางด้วยใจและขาที่ไวกว่า

“หยุดก่อน ทุกคนใจเย็นๆ” อันที่จริงผมบอกเธอ....แคทนิสใจเย็นๆ เธอบ้าไปแล้ว!

พีต้าเงยหน้าขึ้นมองผม  เป็นครั้งแรกนับจากที่ลงจากรถ  ผมวาดมือขวางแคทนิสไว้เพื่อความอุ่นใจของพีต้า  เพราะผมรู้ว่าเค้ารู้ว่าผมจะปกป้องเค้าและพีต้าเชื่อใจผมได้เสมอ  เด็กหนุ่มของผมตัวสั่นจนเผลอกัดริมฝีปากเมื่อเห็นแคทนิสง้างสายธนู......ไม่เอา  ผมจะไม่ยอมให้ผู้หญิงบ้าที่อยู่ด้านหลังทำร้ายความรู้สึกดีๆ อันน้อยนิดที่ผมเพียรสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากของพีต้าที่มีต่อเธอให้พังทลายลงไปแน่นอน  ผมรู้ ถึงแคทนิสจะผิดที่ทิ้งพีต้าในตอนนั้นแต่อย่างน้อยเธอก็เป็นเพื่อนของเค้า

“แจ็คสันใส่กุญแจมือ” ผมได้ยินเสียงบ็อกส์สั่งการ  และอยากท้วงแต่ก็เพิ่งนึกได้ว่าพีต้าจะไม่ทำร้ายผมเพียงแค่คนเดียว  สถานการณ์กดดันอาจบีบคั้นเค้าอีกได้  และดูเหมือนแจ็คสันจะเข้าใจว่าพีต้าเป็นอย่างไรเธอจึงพูดตะล่อมอย่างอ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่นิสัยแข็งกร้าวของเธอจะเอื้อได้

ผมยืนอยู่ตรงนั้น  อยู่ข้างเค้าแทบพูดอะไรไม่ออกเพราะตกใจมาก

“นายโอเคไหมพีต้า?” ผมกระซิบถามเค้าขณะโอบกอดไหล่ของเค้า พีต้าก้มหน้าลงอีกแล้วและผมก็ทำตามเค้าเพื่อหาคำตอบ แต่เค้าไม่ได้พูดเอาแต่มองหน้าผมอย่างเดียว

“ไม่เป็นไรนะ  ฉันจะอยู่ข้างนายเอง  นายจะปลอดภัยฉันสัญญา” ผมลูบผมเค้าอย่างให้กำลังใจ  ก่อนจะพาเค้าเข้าไปนั่งรวมกับคนอื่นๆ ในซากตึก.....อย่างน้อยเค้าก็ไม่พึมพำแล้วว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน  ให้ตายเถอะ เค้าไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย

หลังจากที่บ็อกส์บอกว่าผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าประธานธิบดีอยากเห็นพีต้าอยู่ในโฆษณาร่วมกับแคทนิสด้วย  อัลม่าไม่ควรทำแบบนี้......รู้อะไรไหม? โฆษณาปลุกระดมน่ะมันงี่เง่าและเธอมันก็งี่เง่าพอกันเลย  ผมอยากกดด่าเธอแต่เธอเป็นผู้หญิง  เธอเลยรอดตัวไป  แต่หลังจากนี้ผมจะบอกตัวเองไว้ว่าให้สิบแต้มสำหรับการไม่ทำตามผู้นำอย่างเธอเมื่อเธอขึ้นเป็นประธานธิบดีแทนสโนว์



****************************************************************



ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างไหลลื่น  ทุกคนกำลังถ่ายทำเสร็จสมบรูณ์และใกล้ได้กลับค่าย......

แต่อัลม่าส่งพีต้าไป  “ผมชื่อพีต้า เมลลาร์ค บ้านอยู่เขต 12” เธอส่งเค้าไปร่วมกับหน่วย 415 เพื่อทำให้แคทนิสไขว่เขว  ถ่วงความปลอดภัยของทีมและทำให้เธอตายในที่สุด  แต่ฟินนิคก็ดูแลเค้าได้เป็นอย่างดีเช่นที่ในคอเตอร์เควลย์ ชายหนุ่มจากเขต 4 รู้สึกฉุนอัลม่าไม่น้อยที่ส่งพีต้ามา...เธอก็รู้ว่าเค้าจะไม่รอดเเน่  แต่ฟินนิคจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด

“พวกเค้าอยากให้มีพีต้าด้วย ให้เห็นว่าเค้าอยู่ข้างเรา” บ็อกส์พูดหลังพีต้ามาถึงจุดพักของ 415

ฟินนิคดูแลพีต้า สอนพีต้าทุกอย่าง และฟื้นความทรงจำเค้าทีละน้อยถึงแม้จะอยู่ในสมรภูมิ  มีอยู่ครั้งหนึ่งเค้ากอดพีต้าในตอนที่เจ้าตัวจะทุบแคทนิสด้วยด้ามปืน  มันบ้ามากทุกคนบอกอย่างนั้นเพราะตอนเกิดเรื่อง กับดักของสโนว์เล่นงานทุกคนอีกครั้งและพีต้าก็ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ทำร้ายแคทนิส  เธอเกือบตายแล้ว ถ้าฟินนิคไม่ดึงพีต้าออกมาแล้วลากเจ้าตัวหนีของเหลวหนืดสีดำหรือที่เรียกกันว่าน้ำมันดิบที่ท่วมลามขึ้นมาหาหน่วย 415 ทั้งกลุ่ม

“วิ่งเร็วเข้า! เร็ว เข้าไปในนั้น” มีคนกรรโชกเสียงขึ้นฟินนิคจับได้ว่ามันมาจากความหวาดกลัว  แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร  ร่างสูงเหวี่ยงปืนไว้ด้านหลังแล้วกอดพีต้าไว้ พาเค้าขึ้นไปบนชั้นสองของซากตึกที่ร้างผู้คนไปนานแล้ว ณ ที่นั่นไม่มีใครเหลือยู่เลยนอกจากตัวแทนกบฏผู้กล้าหาญ  ของเหลวที่น่าสยดสยองนั้นลามตามพวกเค้าขึ้นมาอย่างกระชั้นชิดราวกับว่าเนื้อที่บริเวณนั้นเป็นบ่อไม่ใช่เขตเมืองชั้นนอกของแคปปิตอล

“อยู่กับฉัน” ฟินนิคกดเด็กหนุ่มที่คุ้มคลั่งกับผนังกำแพง “ชู่ว  ชู่ว” พร้อมกับพยายามให้เค้าใจเย็นในขณะที่มีคนทำให้เค้าสงบลงด้วยการฉีดยาระงับประสาท  เด็กหนุ่มผมสีทองหมดสติลงในที่สุดอย่างรวดเร็ว  ฟินนิครับเจ้าตัวไว้แล้วกอดกระชับเข้าหาตัวราวกับว่าพีต้าโดนตีหัวจนสลบ  ชายหนุ่มนั่งฟังเสียงที่ถกเถียงกันอย่างงี่เง่าไม่ดูเวลาของแจ็คสันและแคทนิส

มีคนตายเพราะกับดักไปแล้ว  บ็อกส์  ลูกทีมของแจ็คสัน  และพี่น้องลิ๊กก็กำลังจะตามไปอีกหนึ่งคนเพราะเป็นตัวถ่วงแต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเค้าก็เสียพี่น้องลิ๊กไปทั้งคู่เนื่องจากไม่สามารถให้พวกเธอลดทอนความเร็วของการหลบหนีได้เมื่อมีพิซคีปเปอร์เป็นร้อยกำลังมุ่งตรงมาทางนี้  พวกเค้าจึงจำเป็นต้องไป

ฟินนิครีบอุ้มพีต้าขึ้นพาดบ่าเพื่อไม่ให้มีใครได้เสนอว่าควรให้เด็กหนุ่มรอหน่วยช่วยเหลือเป็นเพื่อนพี่น้องลิ๊กได้  ซึ่งเค้ารู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้พวกพิซคีปเปอร์จะมาถึงที่นี่ก่อนครบสามนาทีแน่ๆ  เมื่อออกมาจากที่ๆ ทิ้งพี่น้องลิ๊กได้ไม่ไกลทุกคนก็ได้ยินเสียงกราดยิงชุดหนึ่งแล้วเงียบไป......และรู้ดีว่าเสียพวกเธอไปแล้ว

ในเวลาต่อมาฟินนิคยังคงกอดพีต้าจนกระทั่งเค้าฟื้น  ร่างสูงไม่ได้ร่วมวงวางแผนการกับแคทนิสและคนอื่นๆ มากนักเนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของเค้า หลายคนในนี้ไม่เคยรู้จักเค้าและไม่รู้ด้วยว่าเค้าเป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของเขตอพยพที่ 1 มาก่อน  แต่แคทนิสรู้ หลายครั้งเธอหันมามองหน้าเค้าหวังว่าฟินนิคจะพูดแทรกอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้างแต่กลับรับรู้แต่เพียงความเงียบกริบของชายหนุ่ม  ฟินนิคปิดปากเงียบ  ปล่อยพีต้าจากอ้อมแขนแล้วถึงไม่ได้ทำอะไรแต่ก็ยังอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ที่หน้าเสียเพราะรู้ว่าตัวเองทำตัวคลุ้มคลั่งไป  ไหล่ของเค้าทั้งสองกระทบกันและไม่แยกจากกันเลย

“เราจะเข้าไปที่แมนชั่นของสโนว์เหรอ?” พีต้ากระซิบจ้องมองโฮโลที่แสดงแผนภาพสามมิติของเมืองและพล็อตเขม็ง ราวกับว่ามันเป็นแผนที่สุสานที่ใครเข้าไปแล้วก็จะไม่ได้กลับมา

ฟินนิคเม้มริมฝีปากแต่ดูคล้ายจะยิ้มอบอุ่นให้พีต้า  เค้ารู้ดีว่าสโนว์อาจเคยพาพีต้าไปที่นั่นเพื่อทรมาน “ใช่ เราอาจจะลอบเข้าไปได้ถ้าแผนลุยแบบไม่มองซ้ายมองขวาของแคทนิสสำเร็จ” ร่างสูงดึงสายรัดแขนที่เป็นกุญแจมือของพีต้าให้สูงขึ้นไปบนแขนเสื้อเพื่อไม่ให้บาดข้อมือของเด็กหนุ่ม  สายตาสีน้ำตาลเข้มนั้นบอกพีต้าว่ามันจะไม่เป็นไร เค้าจะต้องปลอดภัยแน่  และแผนหยาบๆ ของแคทนิสก็จะไม่มีวันสำเร็จ

แต่พีต้ากลับมองหญิงสาวคนดังกล่าวเขม็งอีก ก่อนจะถูกฟินนิคติติงด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเค้าเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนและจะต้องเป็นแบบนั้นต่อไป

“มันเป็นเรื่องดีที่เรามีเพื่อนพีต้า อย่าให้ภาพลวงตาที่พวกนั้นสร้างขึ้นทำให้นายเปลี่ยนไปสิ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกล่าว “พีต้าที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนแบบนั้น”  พวกเค้าทั้งสองคุยอะไรกันเงียบๆ ในระหว่างที่คณะเดินทางมีแคทนิสและเครสสิด้าเป็นตัวเต็งหลักในการทบทวนวางแผนการเดินทาง  แต่พอลลักซ์กลับเป็นคนเสนอวิธีที่ดีที่สุดและนำทางให้แทน

คาสเตอร์บอกว่าพี่ชายของเค้าบอกว่าทางใต้ดินปลอดภัย

ดังนั้นทุกคนจึงลงใต้ดิน



*******************************************************************************



ไม่ดีเลย  ที่นี่แฉะมากแถมยังมีกลิ่นเหม็นของๆ เสียจากสารเคมีลอยอบอวนไปทั่วอีกด้วย  แต่พอลลักซ์เป็นใบ้  เค้าพูดไม่ได้ผมเลยไม่โกรธเค้า  แต่ถึงรู้ก็ไม่ถือสาเพราะมันเลี่ยงไม่ได้และเค้ากับน้องชายก็เป็นคนดีมาก  พอลลักซ์เดินนำทางเราไปใต้ท่ออุโมงค์ที่มีน้ำท่วมถึงหน้าแข้งใต้เมืองแคปปิตอล  ที่นี่ปราศจากพล็อต......เป็นเรื่องดี  แต่บางอย่างบอกผมว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น  เหมือนเรากำลังเดินเหยียบมันอยู่ ไม่รู้แต่เพียงว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็เท่านั้น

เราเดินมาได้นานพอสมควร  ผมอยู่ข้างหลังพีต้าตลอดจนกระทั่งถึงเวลาค่ำ  เราดูนาฬิกาก่อนแจ็คสันจะบอกว่าควรพักได้เสียที  เธอจัดเวรยามให้ตัวเองตื่นอยู่คนเดียวในกะแรกและแคทนิสเป็นคนที่สองต่อจากเธอ  พีต้าไม่ยอมหลับ  ผมรู้สึกได้ถึงไหล่ที่สั่นระริกอยู่ตลอดเวลาของเค้า

“นายหนาวเหรอ?” ผมไม่ได้ถามเค้าเพราะรู้ว่าไม่ใช่ความหนาวที่ทำร้ายเค้า แต่ก็ใช้มันเพื่อเข้ากอดพีต้าได้อย่างไม่ให้เค้ารู้สึกสับสนกับเจตนาของผม

“พะ พวกเค้าเลี้ยงมัน...” เค้ากระซิบพร้อมซุกตัวเข้าอ้อมแขนผม

“อะไรเหรอพีต้า?” คราวนี้ผมถามเค้าจริงๆ รู้สึกขนอ่อนลุกชันไปทั่วทั้งตัวด้วยความประหลาดใจ

เค้าไม่ได้ตอบผมในทันที ตัวสั่นขึ้นอีกแล้วหันมามองผม “เค้าหย่อนพวกมันลงมาในนี้...ที่นี่” แล้วไม่พูดไปอีกพักหนึ่งเอาแต่ขดตัว “ฉันเห็น...เห็นพวกเค้าส่งพวกต่อต้านที่โดนซ้อมจนน้วมลงมาที่นี่....ฮึก มีเสียงฟินนิค  ฉันได้ยินเสียง! พวกนั้นกรีดร้อง  ฮึก...กรีดร้องกันดังมาก  พิซคีปเปอร์โยนพวกนั้นลงมาให้พวกมันกิน  อึก ฮึก ฉัน ฉัน...”

“พอแล้วพีต้า  ไม่ต้องเล่าแล้วล่ะ...ชู่  ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่ นายปลอดภัยแล้วโอเคไหม?  ไม่ต้องห่วงนะ  เลิกคิดถึงมันซะเถอะ” อันที่จริงผมอยากฟังต่อแต่ว่าอาการสั่นจนพาลร้องไห้ของเค้าก็ทำให้ผมต้องใจอ่อน......พอแล้วกับการเห็นพีต้าร้องไห้  ถึงแม้จะอยากรู้แค่ไหนแต่ว่าก็ไม่อาจต้องทนเห็นเค้าหวนนึกถึงช่วงเวลาเลวร้ายที่ถูกนำไปทรมานอีกแล้ว

พีต้าหลับไปในที่สุด  ผมรู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเค้าอยู่ในอ้อมอกจึงคลายตัว เพื่อปล่อยให้เค้าหายใจได้สะดวก  จนกระทั่งพีต้าพลิกตัวออกไปนอนได้ด้วยตัวเองในที่สุด  ผมเกือบหลับแล้วในตอนที่ได้ยินเสียงแจ็คสันมาเปลี่ยนกะกับแคทนิส  คนถูกปลุกไม่ได้เดินออกไปดูปากทางอุโมงค์ย่อยที่เราซ่อนอยู่ แต่เดินมานั่งข้างพีต้า  ผมได้ยินเสียงทั้งสองคนคุยกัน พีต้าพยายามบอกว่าเค้ากำลังสับสน  ไม่แน่ใจว่าอะไรจริงอะไรเท็จหลังจากที่ถูกสโนว์ปล่อยตัวออกมา  และเค้าบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเธอ...

ผมยิ้ม  ไม่มีใครเห็นเพราะหันมาอีกด้าน  ดูเหมือนหนุ่มเบเกอร์รี่ของผมกำลังพยายามที่จะเชื่อว่าแคทนิสเป็นเพื่อนอย่างสนิทใจ  เค้าเป็นเด็กดี  ใช่ ผมชอบที่เค้าเป็นเด็กดีถึงแม้จะสับสนกับความคิดเลวร้ายที่สโนว์เป่าหูให้แต่เค้าก็เชื่อใจผมเสมอ  ผมเล่าให้เค้าฟังทุกเรื่องตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนหายตัวไป  ทุกเรื่อง  ยกเว้นเรื่องที่เค้าเคยแอบชอบแคทนิส.......ผมรู้มันฟังดูเห็นแก่ตัว  ผมแอบหวังในใจว่าพีต้าจะจำไม่ได้ว่าเคยแอบชอบเธอแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว  ถึงแม้เราจะเคยคุยกันว่าเค้าไม่ได้รักเธออีกต่อไปแล้วเพราะความทรงจำที่เพิ่งรับรู้มาหลังจากเธอเป็นม็อกกิ้งเจย์  แคทนิสหยาบคายและขึงขังขึ้นมากนั่นทำให้พีต้ารู้สึกกลัว  แต่ผมก็ไม่อยากให้เค้ารู้ว่าตัวเองเคยคิดอย่างไรกับแคทนิส

ผมอยากรักและครอบครองเค้าไว้คนเดียว......ใช่ไหมล่ะ ผมมันเห็นแก่ตัว

พอเช้า  เอ่อ ผมว่าตอนนี้เช้าแล้ว  เราออกเดินทางกันอีกครั้ง  ปลอดภัยไม่มีพล็อตและแทบไม่ต้องใช้โฮโลอีกเลยแต่ถึงกระนั้นทุกก้าวที่ออกเดินก็ทำให้ผมยิ่งต้องระวังตัว  เสียงน้ำที่ดังกระเฉาะเมื่อยามที่เรายกเท้าก้าวเดินมันทำให้ผมต้องเกร็งหู  นอกจากเราแล้วจะยังมีใครที่เรามองไม่เห็นได้ยินการเคลื่อนไหวของเราอีกหรือเปล่า

ท่าไม่ดี  ท่าไม่ดีเอามากๆ

ผมเดินใกล้พีต้ามากขึ้นและสอดส่องสายตาไปรอบข้างมากขึ้นทุกขณะ  หอกของผมพร้อมใช้งานอยู่ในมือและปืนพกที่เหน็บอยู่บนต้นขาซ้าย  แต่แล้วบรรยากาศก็เริ่มบีบคั้นอะดรีนาลีนของเรา  เสียงหวืดหวือเบาๆ สะท้อนมาตามอุโมงค์  เราจึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น  แจ็คสันนำไป ผมไม่เห็นด้วยที่เราจ้ำอ้าวใส่น้ำที่ส่งเสียงดังไปทั่วทั้งอุโมงค์แบบนั้น  เป็นผมผมจะเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ  ไม่แปลกใจเลยทำไมเสียงสะท้อนลึกลับนั้นถึงดังบ่อยขึ้นและชัดเจนขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่ดีจึงได้จ้ำอ้าวกันต่อไป

ตอนนี้ทุกคนมีอาวุธพร้อมท่าอยู่ในมือแล้ว (ยกเว้นพีต้า) ผมอยู่หลังเค้าเหมือนเดิม  เราเดินเร็วขึ้นผลักกันเหมือนกลัวตายเต็มที่  ผมกันพีต้าจากการผลักของเครสสิด้า  เสียงเงียบไปแล้ว  จู่ๆ มันก็เงียบไป

ไม่ชอบมาพากล



.



.



.



TBC.






-----------------------------------------------------------------------------



Oh god! เรื่องกำลังจะตื่นเต้นขึ้นแล้วค่ะ! O_o

อัลม่าเธอสมควรตายตั้งแต่ส่งพีต้าฉันไปและ! >{}<  ชริๆๆๆๆ  ทำไมกันเนี่ยยย  แล้วฟินนิคจะ อูยยยย  จะอ่อนโยนและแอบบ้าไปไหนคะ(?)   gเหมือนรู้สึกดีที่จะได้เข้าไปเจอเรื่องตื่นเต้นอีก ต่างจากคนอื่นลิบลับ  พอเจอพีต้าก็โอยยยยยย  เหมือนโลกนี้มีกันอยู่สองคนค่ะ 55555  พีต้าน่ารักมากก ฟินนิคก็น่ารัก คอยเทคแคร์ตลอด

เรื่องดำเนินมาถึงจุดใกล้แตกหักแล้วค่ะ  ใช้คำนี้เว่อร์ไปไหม 555555   ถัดฉากนี้ไปจะเป็นตอนที่บีบหัวใจแฟนเกิร์ลทุกคนค่ะ T^T  ไม่!! ม่ายยยยยยยย

แต่ในฟิคนี้จะเป็นอย่างไรก็ต้องคอยชมกันไปค่ะ ><  ขอฝากฝังฟิค The Hunger Game ภาคสุดท้ายนี้ไว้ในอ้อมใจของรีดทุกท่านด้วยนะคะ >//<  วันนี้ไรท์ขอลาค่ะ  ล้าเหลือเกิน 5555555  งานทำร้ายหนักมากกกกก    ขอบพระคุณที่รับชมรับอ่านนะคะ  รักสุดหัวใจเลยค่ะ //วาดหัวใจบนจอ//

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray – Aund

ป.ล. แคทนิสเธอมันบ้าไปแล้ว  ไปตายซะ!!  บังอาจจะยิงพีต้าของฉัน!






วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 1] The Possible – Finnick x Peeta





 //และใน Part แรกนี้ขอหยิบยกเอาภาพ The Hunger Game ภาคสุดท้ายมาให้เปิดตัวนะคะ  ทำให้นึกถึงตอนที่ฟินนิคพูดถึงครั้งที่ 76th เพื่อเป็นการหยอดมุขเลยนะคะ//

อร๊ายยยยยยยย  อร๊ายยยยย!! >0<  กราบสวัสดีค่ะรีดๆ ที่รักทุกท่านขาา  หลังจากหายไปพักหนึ่งไรท์ก็กลับมาแล้วค่ะ  555555  เปิดเทอมแล้วกลับไปเป็นซอมบี้ต่อเหมือนเดิมค่ะ 5555  โธ่  ช่างน่าเบื่อเสียนี่กระไร

แต่ก็ช่างมันเถอะค่ะฮะ ฮ่า!  อย่างน้อยได้กลับมาลงฟิคแล้วก็ทำให้ไรท์รู้สึกดีมากมายอย่างแรงเลยค่ะ  ฮ่อลลลลล   คิดถึงรีดกับบล็อกฝุ่นเขรอะของตัวเองจังเลยค่ะ  //เดินเข้าไปกอดรีดแล้วจูบแก้ม//  เรื่องดีที่สุดของไรท์ในตอนเปิดเทอมใหม่ๆ นี้คือได้กลับมาหาพีต้ากับฟินนิคอีกครั้งหนึ่งค่ะ  โอ้ ฟินนิคแมนจะได้รับการช่วยเหลือจากไรท์และความฟินของพวกเราเองค่ะ รีดๆ ขา! 555555555  //อินี่ออกแนวเฟื่อง -*-//

โอเคค่ะ ก่อนอื่นเลยไรท์ขอแนะนำให้อ่าน Part สุดท้ายของเรื่องที่แล้วหรืออ่านทั้งเรื่องไปเลยก็ได้ค่ะ 55555  เพื่ออรรถรสที่ต่อเนื่องของฟินนะคะ ^^  และอย่างที่เรารู้ๆ กันดีว่าหนัง The Hunger Game 3 ภาคสุดท้ายนั้นเป็ดที่ปวดหัวบีบขมับมากสำหรับใครหลายๆ คน  (ไรท์ล่ะค่ะคหนนึ่งแล้ว ฮาา)  เพราะงั้นไรท์ขอให้รีดๆ ที่เคยดูภาคสุดท้ายผ่านๆ ตาแล้วนั้น  ลบภาพทั้งหมดทิ้งไปค่ะแล้วไม่ต้องกลับไปดูซ้ำนะคะ 55555  พาเครียดค่ะ  เครียดแคทนิส เครียดเนื้อเรื่องและชะตากรรมของแต่ละคนค่ะ

ฟินนิคว่าน่าสงสารแล้วยังไม่น่าเศร้าเท่าพีต้าที่ลงเอยกับแคทนิสค่ะ  TUT  โอยยย พีต้า  หนู.....หนูเหมือนพี่ชายเลยลูก ไม่เหมือนพ่อคนเลยสักนิด  ส่วนแคทนิสก็เหมือนแม่โทรมๆ อุ้มน้องคนสุดท้องของหนูคอยดูหนูกับน้องคนรองเล่นกันในทุ่งหญ้า  โอยยยยยย  บอกเพ่แกรร์รี่กับป้าซูซานเปลี่ยนตอนจบด่วนค่ะ   ให้แคทนิสมีลูกได้ยังไง  เดี๋ยวก็พาลูกเพี้ยนด้วยพอดี  มีการจะเล่าเรื่องหลอนขแงแคปปิตอลเก่าให้ทารกฟังด้วย  อ๊ากกกก  ไรท์ทนไม่ด้ายค่าา

โอเค หยุดนอกเรื่อง 555555  และแน่นอนค่ะ อย่างที่สาวกวายและแฟนๆ The Hunger Game เห็นพ้องต้องกันทุกคน  ฟินนิค  โอแดร์ ในเรื่องนี้จะไม่ตายค่ะ 5555555   //ลั่นแบบมหาวายร้าย//  พ่อฟินนิคแมนของเราจะยังอยู่รอดเป็นพระเอกที่ยอดเยี่ยมโลดแล่นอยู่ในบล็อกของไรท์อีกคนหนึ่งค่ะ 5555555

โครงเรื่องในช่วงแรกนั้นไรท์จะเท้าความไปยังเนื้อหาในหนังก่อนนะคะ แต่เป็นในแบบของไรทืเองนะเออ 5555  แล้วหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่โหมดที่เป็นโลกของเราค่ะ  มโนแหลกค่ะ 55555  ใครที่โดนเพ่แกร์รี่และป้าซูซานทำร้ายมาในฉากที่ฟินนิคตายและตอนจบนั้น  ฟิคเรื่องนี้จะรักษาแผลนั้นของรีดๆ เองค่ะ

รีดว่าไหมคะ  ขนาดตอนจบยังปวดหัวเนอะ  ยังไม่ทันหายปวดหัวจากความเครียดในต้นเรื่องหนังก็จบซะและ  โอยยยย ไรท์ไม่ไหวจะเคลียร์ค่ะ  ต้องเปลี่ยนด่วนๆ ลย

และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา  เราไปรับชมกันเลยค่าาา >0<



------------------------------------------------------------------------------------------------



เพราะผมคือ พีต้า   เมลลาร์ค.....

“ฟินนิค...”

ผมพูดเป็นคำแรก ในตอนที่น้ำตาของเค้าอยู่ๆ ก็ไหลออกมาเหมือนหยดน้ำ

เค้ามีสีหน้าประหลาดใจ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้

.....เพราะผมคือ พีต้า   เมลลาร์ค

พีต้า   เมลลาร์ค ที่รัก ฟินนิค   โอแดร์                          



.



.



.



*********************************************************************************



.



.



.



พีต้าจำได้แล้ว  ถึงจะยังไม่มากนัก แต่ก็จำได้แล้ว......

เรื่องนี้ต้องขอบคุณฟินนิค   ถึงแม้ว่าทีมแพทย์จะลงความเห็นว่าชายหนุ่มผมบล์อนจากเขต 4 คนนี้อาจมีอิทธิผลต่อจิตใจของคนไข้มากพอที่จะทำให้เค้าฟื้นความจำขึ้นมาได้บ้างก็ตาม  แต่แคทนิสก็รู้ดีว่าฟินนิคมีอิทธิพลต่อจิตใจของพีต้ามากกว่านั้น  มากพอๆ กับที่หนุ่มเบเกอร์รี่เองก็มีผลพวงอย่างยิ่งยวดต่อจิตใจของฟินนิคผู้ที่เริ่มกลับมามีเรี่ยวมีแรงอีกครั้งด้วยเช่นกัน

ไม่สิ  ต้องเรียกว่ามีกำลังใจดีขึ้นต่างหาก  ตั้งแต่ที่พีต้ากลับมาพูดเหมือนกับคนปรกติได้อีกครั้ง แคทนิสก็เห็นฟินนิคออกมาจากห้องพักบ่อยขึ้น  เค้าเก็บตัวน้อยลง  จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้บีทีบอกกับเธอที่แวะเข้าไปหาว่าฟินนิคมาเอาหอกของเค้าและออกไปเล่นกับมันคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง  ซึ่งนั่นต่างจากที่ร่างสูงเป็นอยู่ก่อนหน้านี้อย่างลิบลับ

พีต้าทำให้ฟินนิคดีขึ้น  ใช่  อย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว

และแคทนิสก็ขอลงความเห็นเหมือนทีมแพทย์บ้าง ว่าแอนนี่น้องสาวของเค้าแทบจะไม่ได้รับการใส่ใจจากพี่ชายเท่าเด็กหนุ่มจากต่างเขตอย่างพีต้าเลย  แคทนิสเห็นฟินนิคเข้าไปหาพีต้าทุกวัน  วันละหลายๆ หน  และเค้าเป็นคนเดียวที่เป็นฝ่ายเดินจากมาด้วยการบอกลาและออกมาเอง โดยไม่โดนพีต้าไล่ตะเพิดไปเหมือนคนอื่นๆ

ถึงแม้มันจะฟังดูเสียหน้า  แต่แม้แต่พิมน้องสาวของเธอเองก็ต้องรีบถอยห่างออกมา โดยที่ได้เอ่ยปากพูดกับชายหนุ่มผมทองที่ยังดูไม่แข็งแรงแต่พลังทำลายล้างเหลือล้นคนนั้นได้เพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น  เพราะหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องของเธอ...



.



.



“นายแน่ใจเหรอฟินนิค?” เสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง  ถึงแม้ว่าเธอพอจะคาดเดาคำตอบของมันได้ก็ตาม  แต่เธอก็อยากที่จะเชื่อว่าฟินนิคจะตอบเธอว่า ไม่แน่ใจ

ไม่รู้สิ  เธอคาดหวังอะไรล่ะแคทนิส?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามกลับมา  เป็นเพราะเค้าไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่กันแน่  สีหน้าของเธอเหมือนต้องการอยากให้เค้าบอกว่า ไม่ แต่ความจริงในใจเอนเอียงให้เค้าตอบคำว่า ใช่

......ฟินนิคไม่คิดว่าเธอพร้อมที่จะคุยกับพีต้าเพราะหากอยู่ในสภาพอารมณ์แบบนั้น พีต้าจะไม่มีวันอยากคุยกับเธอ......

แคทนิสถอนหายใจ  ก่อนจะเอนตัวไปพิงกับพนักพิงเก้าอี้อย่างแรง  เธอดูไม่พอใจที่คำว่า ใช่ ดูเหมือนจะได้ออกมาจากปากของฟินนิคมากกว่าประโยคที่ว่า “ไม่ ฉันคิดว่าเธอก็น่าจะมีหวังนะแคทนิส พีต้าที่โดนสโนว์ล้างสมองให้ฆ่าเธอคงไม่ได้เกลียดเธอเสียเดียว”

ฟินนิคไม่ได้ถอนหายใจตามเธอถึงแม้ว่าอยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม เค้าคิดในใจ......ก็เธอนั่นแหละที่สโนว์เป่าหูให้พีต้าจงเกลียดจงชัง

 ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ว่ากระไรต่อ  เค้าเพียงเม้มริมฝีปากแล้วกระชับฝ่ามือที่กุมกันอยู่บนโต๊ะประชุมเอาไว้หลวมๆ  ภายในห้องนี้มืดสลัวและแสงน้อยเป็นเพราะว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่หารือกันอยู่ในห้อง  แสงสว่างเดียวคือแสงจ้าสีขาวจากห้องข้างๆ ที่ทะลุผ่านกระจกเข้ามา

“แต่ว่าเราส่งแคทนิสเข้าไปได้”

“จะบ้าเรอะ! นี่นายไม่ได้ฟังที่เราถามกันอยู่เมื่อกี้หรือยังไง?”

“ไม่มีผลอะไร หากฟินนิคไม่ให้คำตอบเรา...ถ้าเธออยากเข้าไปแคทนิส  ก็เข้าไปได้เลย” พลูตาร์ชว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวลหรือเสียงดังหรอกเฮย์มิช”  

เฮย์มิชที่ยืนพิงโต๊ะประชุมอยู่มีสีหน้าไม่ยินดีนัก  แต่ฟินนิคไม่รู้ว่าเค้าพิงโต๊ะเพราะอารมณ์เฉพาะตัวหรือว่ากำลังเมากรึ่มๆ อยู่กันแน่  เฮย์มิชหันมามองหน้าฟินนิคอีก คล้ายจะย้ำถามแทนแคทนิส

“เธอคงไม่ชอบถ้าผมตอบ  หรือไม่สนใจอยู่ดีถ้าผมตอบออกไปจริง ยังไงเธอก็เข้าไปอยู่ดี” เค้าว่า  และก็เป็นเช่นนั้นจริง พอพลูตาร์ชบอกว่าเข้าไปได้  แคทนิสก็ยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ มันครูดพื้นออกไปด้านหลังจนเกิดเสียงดัง เธอดูไม่รีรอเลยถ้าหากมีคนส่งเสริมในทางที่เธอชอบ

หญิงสาวผมสยายเดินออกไปจากห้องประชุมย่อยที่ถูกจัดขึ้นมาใหม่แล้วเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านหลังของกระจกสองด้านนั้น

“ผมไม่แนะนำให้เธอเข้าไปนะ” ฟินนิคเอ่ยออกมาในที่สุด เค้ารู้ข่าวว่าเธอเพิ่งหายจากอาการเส้นเสียงบวมและอักเสบเพราะโดนพีต้าบีบคอไป  ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีเค้าเพียงคนเดียวที่เข้าไปคุยกับพีต้าได้ก็ตาม  แต่แคทนิสดูแน่วแน่และแน่ใจมากที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากับพีต้าในรอบหลายวันหลังจากเธอบาดเจ็บเพราะเค้า

แต่ก็นั่นแหละ  ถึงอย่างไรฟินนิคก็ยังเป็นคนเดียวอยู่ดีที่พีต้าไม่ไล่ตะเพิดออกมา

แต่ความดื้อดึงของแคทนิสก็น่ารำคาญในระดับหนึ่ง  มันมากพอที่ชายหนุ่มผิวสีแทนจะไม่รั้งเอาไว้  และทันทีที่แคทนิสเข้าไป  คนหนึ่งที่นั่งบนเตียงแพทย์ดูโดดเดี่ยวอยู่กลางห้องกับอีกคนหนึ่งที่เพิ่งผลักประตูเข้าไปก็เริ่มคุยกัน

ฟินนิคลุกขึ้น  เดินเข้าไปใกล้กระจกสองด้านที่กั้นพวกเค้าเอาไว้แล้วฟังคนที่อยู่ในห้องสว่างๆ นั้นคุยกัน  ไม่ยากเลย  มันคาดเดาได้ไม่ยากเลยที่แคทนิสจะถูกพีต้าว่าร้ายและไม่ยอมญาติดีด้วย  แต่ชายหนุ่มผมบล์อนที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ตอนนั้นก็ล่วงรู้ถึงความลับอย่างหนึ่งที่พีต้าไม่เคยเล่าให้ฟัง

........พีต้ายอมโดนแม่ตี เพียงเพราะอยากที่จะแบ่งปันอาหารให้เด็กสาวที่หิวโซ  ฟินนิคยกยิ้มขึ้นมาในตอนที่พีต้าบอกว่าเจ้าตัวจงใจทำขนมปังไหม้เพื่อที่จะสามารถนำมันมาให้แคทนิสได้.........

“....ฉันเลยโดนแม่ตี” พีต้าว่า มองแคทนิสตาเขม็ง “ฉันไม่น่าทำแบบนั้นเลย  ไม่น่าแบ่งมันให้เธอเลย”

ก่อนพีต้าจะพูดต่อไปแล้วแคทนิสก็ขอตัวออกมาจากห้องอย่างกะทันหัน.....

ฟินนิคมีสายตาราบเรียบ  คล้ายอ้อมแขนจากการกอดอกแล้วมองดูพีต้าในห้องนั้นต่อไป  แต่เค้ากำลังคิด...คิดว่าแคทนิสกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่  เธอทำเหมือนพีต้าไม่มีหัวใจ  ชายหนุ่มเบเกอร์รี่ของเค้าไม่มีความหมายสำหรับ แคทนิส   เอเวอร์ดีน มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว  แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงได้แคร์พีต้านัก  ทั้งๆ ที่พีต้าก็ยังเหมือนเดิม  รึว่าแคทนิสแค่รู้สึกผิด...ฟินนิคเอนเอียงไปในข้อนั้นมากกว่า

ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดฟอร์มของเขต 13 ได้ยินเสียงเฮย์มิชออกไปตามแคทนิสที่พรวดพราดออกจากห้องของพีต้าไป  พลูตาร์ชเดินออกไปบ้าง เมื่อความพยายามของหญิงสาวที่เพิ่งเดินร้องไห้ออกไปไม่เป็นผล  แต่ชายวัยกลางคนร่างท่วมยิ้มบางๆ ก๋อเอ่ยขึ้นก่อนเดินออกไป และรอยยิ้มนั้นของเค้าก็ดูไม่จริงใจเลยเช่นทุกคราที่เค้ายิ้ม

“ดูท่า เด็กคนนั้นจะฟังเธอคนเดียวนะ” สีหน้าของพลูตาร์ชดูเจ้าแผนการ เป็นพวกชอบวางกลยุทธ์โดยกำเนิด  แต่คงจะเป็นประโยชน์กับนักการเมืองและอะไรที่ใช่ในการทรมานคนเท่านั้นเสียมากกว่า  ฟินนิคออกความคิดเห็น  ไม่ได้สนใจพลูตาร์ชพอๆ กับพวกของเค้า

และนี่อาจเป็นอีกครั้งหนึ่งที่จอมวางแผนอย่างพลูตาร์ชพูดถูก

พีต้าฟังเค้าแค่คนเดียว



.



.



***************************************************************************



.



.



“เธอมันร้ายกาจ  เห็นแก่ตัว  น่ารังเกียจ” เด็กหนุ่มที่ใส่ชุดขาวสะอาดตากัดฟันกรอดๆ ในตอนที่มือของเจ้าตัวถูกผมกุมเอาไว้

“เธอเคยเป็นเพื่อนนายนะ” ผมพูด

“ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ” พีต้าทำเสียงหงอยลง  หลังจากที่ผมเอ่ยเค้าก็ดูอ่อนลงไปทันที  เค้าดูเหมือนเด็กที่ไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับเด็กผู้หญิงหัวดื้อเจ้าอารมณ์  และผมเหมือนพี่ชายที่คอยไกล่เกลี่ยไม่ให้เค้าโกรธเคืองเธอไปมากกว่านี้

“เธอไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกพีต้า  นายแค่...แค่สับสนน่ะ”

เค้ามองหน้าผม  ก่อนผมจะยืนยันว่าเป็นเช่นนั้นจริงด้วยสายตาและสีหน้าที่ไร้แววโกหกเค้า

ผมนั่งอยู่บนเตียงของเค้า  เข้ามาคุยกับพีต้าทุกครั้งที่มีโอกาสและบ่อยครั้งมากเท่าที่ผมต้องการ  พีต้าคุ้นเคยกับผมอย่างรวดเร็ว ก่อนผมจะรู้ตัวว่าเป็นเพียงคนเดียวที่เค้าไว้ใจ  อาการของพีต้าดีขึ้น นั่นคือเรื่องที่ผมดีใจที่สุด

ในตอนนั้นเองก็มีคนเข้ามาตามตัวผมแล้วออกไป  ผมฝืนใจอยากที่จะปฏิเสธเค้าแต่ก็ไม่อยากให้อัลม่าจับจ้องเพราะแข็งข้อมากกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว  งั้นผมไปแค่เดี๋ยวเดียวก็คงได้กระมัง  ผมบอกลาพีต้า  บอกเค้าว่าจะกลับมา และออกไปที่งานเลี้ยงนั่นชั่วคราวผมเจอแอนนี่  เต้นรำกับเธอ  ผมเจอแคทนิสยืนคุยอยู่กับโจฮันน่า 

และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเธออยู่ที่เขต 13....

แคทนิสกำลังจะพยายามเข้าไปในแคปปิตอล ผมได้ยินพวกเค้าคุยกันแบบนั้น และรู้ทันทีว่าเธอกำลังจะทำอะไร  ผมต้องไปสมทบด้วยถึงแม้ว่าจะไม่อยากห่างจากพีต้าไปก็ตามแต่ว่าสงครามนี้ควรต้องจบได้แล้วเสียที

ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไป  ผมกอดแอนนี่เป็นครั้งสุดท้ายในตอนที่พาเธอกลับห้องโดยที่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอผมและไปหาพีต้าเป็นคนสุดท้ายก่อนตามแคทนิสไปแคปปิตอล

“มีอะไรงั้นเหรอฟินนิค?” ถึงแม้ว่าจะอยู่ในขั้นเฝ้าระวังแต่เด็กผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียงก็สามารถมองสีหน้าผมออกว่ามีเรื่องอะไรอยู่ในใจ

นี่คงไม่ใช่การแวะเวียนมาคุยก่อนนอนเป็นแน่......พีต้าคงคิดเช่นนั้น

ผมหันกลับมา  วาดยิ้มให้เค้าทีหนึ่งก่อนจะกลับมานั่งที่ข้างเตียงเหมือนเดิมแล้วกุมมือเค้าไว้ “ฉันจะไปไม่นานพีต้า”

“ไป?  ไปไหนเหรอ?” สีหน้าของเค้าดูอ่อนแรงแต่ก็มีสีสันขึ้น  นั่นผมจะไม่ลืมเลยและเฝ้ารอเวลาที่จะได้เห็นเค้ากลับมาเจิดจรัสอีกครั้งอย่างที่เคยเป็น  ผมขยับเข้าไปกระซิบใกล้หูพีต้าเพราะรู้ว่าคงไม่ใช่เราเพียงสองคนที่สนทนากันอยู่ในห้อง  และทันทีที่ผมพูดจบมือของพีต้าก็ขยุ้มมือผมแน่นขึ้น

ไม่!  ไม่ได้นะ!...อย่าไป!  ไม่  ฉันไม่ให้นายไป” มันแรงจนผมเองก็ต้องชักสีหน้าในขณะที่เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ของผมโถมเข้ามากอดผม “ฉันไม่ให้นายไปหรอก” เค้าบอกและไม่ยอมปล่อยผมแม้จะถูกผมขอร้องไว้ก็ตาม

“ฉันจำเป็นต้องไปพีต้า...ฉันคิดดูแล้วแคทนิสต้องมีฉันไปด้วย  เกมส์บ้าๆ ของสโนว์สมควรต้องปิดฉากลงแล้วสักที  นายไม่อยากให้มันจบเหรอ?” ผมกระซิบข้างหูเค้า  ไม่ได้พยายามโน้มน้าวอย่างที่ควรจะทำแต่กลับกอดร่างที่ซูบลงมามากกว่าเมื่อสามเดือนก่อนอย่างเต็มใจและปลอบประโลมเค้า

ผมได้ยินเสียงเหมือนพีต้าร้องไห้ “นายไปไมได้ฟินนิค  พวกเค้าจะฆ่านาย...จับนายไปทรมาน  บังคับให้นายกินยาพิษทุกวันแล้วก็ฆ่านายทิ้งซะ....ไม่เอา อย่าไปเลยนะ  ได้โปรดเถอะฉะ ฉันไม่อยากให้นายไป” ผมรู้สึกถึงแรงขย้ำเสื้อที่สวมใส่อยู่อย่างแรงราวกับว่าพีต้าอยากจะบีบคอฆ่าแคทนิสเป็นรอบที่สอง  แต่ผมรู้ ฟังจากน้ำเสียงของเค้าแล้วก็คงไม่อยากให้ผมไปจริงๆ

......ไม่อยากให้ผมไป  เพราะเค้าเคยอยู่มาก่อนและรู้ว่าฝ่ายต่อต้านสโนว์จะได้รับผลตอบแทนเช่นไรเมื่อคุกเข่าอยู่ต่อหน้าชายแก่ผู้นั้น......

แต่ถึงอย่างไงผมก็ต้องไป  ผมกอดตอบพีต้าแน่นมากแต่ไม่มากพอที่เหมือนจะฆ่าคนได้เท่าเค้า “เราต้องเลิกกลัวพีต้า...ฉันเสียใจที่ต้องบอกนายว่าฉันจำเป็นต้องไป  แต่หลังจากเรากลับมาจะไม่มีใครต้องกลัวอีกแล้ว” ผมจูบขมับที่ไม่มีร่องรอยของความบอบช้ำนั้น  จูบนาน  หนักและอ่อนโยน  ซึ่งใจจริงผมอยากจูบเค้าแต่ก็รู้ว่าที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่เราถึงแม้จะไม่มีใครดูพีต้าอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของกระจกแต่ในนี้ก็มีกล้องของพวกเค้าอยู่  และผมเกลียดที่พวกเค้าล่วงรู้อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผมหรือพีต้า

พีต้าร้องไห้ออกมาในที่สุด  แน่นอน เค้าทำให้ตาที่กำลังจะหายช้ำ ช้ำยิ่งกว่าเดิมอีกเล็กน้อยและผมสัญญากับเค้าว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด  บอกเค้าว่าไม่ต้องกลัวว่าความทรงจำที่สับสนจะกลับมาเล่นงานเค้าได้อีก แค่อย่าคิดถึงมันก็พอ และรอยคอยอย่างเด็กดีจนกว่าผมจะทำภารกิจดับชีวิตสโนว์ได้สำเร็จ  อีกทั้งยังสัญญาด้วยว่าจะพาเค้าออกไปดูพระอาทิตย์ตกอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ และทุกๆ อย่างที่เค้าอยากทำ  ก่อนพีต้าจะยอมให้ผมปิดประตูห้องลงได้ในที่สุด......มันเป็นเรื่องดีที่ไม่เห็นเค้าโวยวายอย่างตอนที่นึกถึงแคทนิสอีก

รุ่งเช้าหลังจากที่แคทนิสหายตัวไปเมื่อคืน  ผมก็เดินทางออกมาจากเขต 13 ด้วยความรู้สึกบีบอัดที่ข้างขมับ  หัวใจของผมรู้สึกโล่งสบายเพราะเต็มใจจะไปแคปปิตอลเพื่อจบระบอบป่าเถื่อนนั่น แต่ทว่าการทิ้งพีต้ามามันทำให้ผมปวดหัวตุ้บๆ เหมือนกำลังต่อต้านและบอกว่า......ห้ามไป! อย่าทิ้งเค้าเด็ดขาด  นายเคยปล่อยเค้าไปอย่างไม่น่าให้อภัยมาแล้ว  อย่าทิ้งเค้า กลับไปซะ!

แต่ท้ายที่สุดแล้วพอเครื่องลงจอดที่พรมแดนของพันธมิตรความรู้สึกผิดที่ทำร้ายหนักหน่วงยิ่งกว่าบาดแผลก็หายไป  เมื่อความจริงตั้งอยู่ตรงหน้าและกระซิบบอกผมว่านายต้องทำ  นายต้องไปเพื่อพีต้า  ใช่ ผมจะทำเพื่อเค้าและเพื่อวันพรุ่งนี้ของทุกคนหากเราเอาชนะความป่าเถื่อนที่เกาะกุมมาเนินนานนั้นได้สำเร็จ



.



.



.



TBC.



---------------------------------------------------------------------------------------------------



อร๊ายยยยยยยย  ฟินนิคอย่าจากพีต้าปายย    เหมือนแบบ  ให้ความรู้สึกเหมือนชายหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องไปทำหน้าที่รับใช้ชาติรึออกไปทำภาระกิจลับในฐานะหน่วยลับสุดยอดของรัฐบาลที่ต้องจากแฟนหนุ่มที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นอนซมอยู่ในโรงพยาบาลซึ่งแสนจะน่ารักของเค้ายังไงยังงั้นเลยค่ะ  ฮ่อลลลลลลล

โอยยยย  ดูน่ารักอ่า  พีต้าติดฟินนิคคนเดียวด้วยล่ะค่ะ >///<  ดูโกรธเกลียดแคทนิสมาก  อันนี้ไรท์ขอบอกก่อนเลยนะคะว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องส่วนตัวของไรท์ 5555  //เหลือกตามองบน//   อูยยย  อย่าร้องตามฟินนิคนะคะ  ไม่ร้องน้า  //แบะปากตามพีต้า//

เอาล่ะค่ะก็จบไปแล้วกับ Part 1 ในภาคสุดท้ายของ The Hunger Game นะคะ   ฝากคอมเม้นท์กันหน่อยนะค้าา  ถึงเรื่องนี้จะไม่ค่อยดังหรือมีคนนิยมมากแต่ใครที่จิ้นแล้วก็จะซาบซึ้งถึงทรวงไปเลยล่ะค่ะ   555555  รับรองว่าติดใจกันแน่นอน    ฝากช่องทางติดต่อเป็นเฟสบุ๊คนะคะ ^^

แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด   จิ้มเลยจ้าา ><

ขอบพระคุณสำหรับการแวะเข้ามาเยี่ยมฟิคและบล็อกของไรท์นะคะ ^^  รักรีดๆ มากเลยค่ะ   ต่อจากนี้เรื่องก็ยังจะดำเนินไปตามเนื้อเรื่องในหนัง แต่จะมีฉากหวานของทั้งสองจากไรท์มากน้อยแค่ไหนต้องติดตามค่า >////<

ขอบคุณนะคะ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund