วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 10] The Possible – Finnick x Peeta







อ๊ากกกกกก  กราบบบบบสวัสดีรีดๆ ผู้รอคอยของไรท์ทุกท่านค่ะ  ฮาาา  เลยเวลาลงฟิคมาแล้วอ่ะ  อูยยยย ขออภัยอย่างสูงเลยนะคะ  ไรท์ไม่เคยเงียบขนาดนี้มาก่อนเลย  นั่งหลังขดหลังแข็งทำงานตลอด 5 วันต็มเลยค่ะ  ง่าาา  ทามมายพระเจ้าไม่เห็นใจไรท์เลยอ่ะ T^T  อิเพื่อนกลุ่มเดียวกันก็ไปเที่ยวค่ะ  ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันสุขสันต์ ส่วนอิทาสที่ไม่ได้ไปก็ทำงานยาวๆ ไปค่ะ  ชริๆ งานหน้าฉันจะอยู่นิ่งๆ (ส่วนงานต่อไปซึ่งเริ่มปลายอาทิตย์หน้านี่เอ็งทำต่อคนเดียวอีก -*-)

เฮ้ยยยยยย มาบ่นอะไรฟระเนี่ยยย!!  มาลงฟิคไม่ใช่เนอะ  มาลงฟิค//รีดลดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่งมองไรท์//  ว่าด้วยเรื่องของ Part นี่น้านนนน  เราจะมาต่อจากความค้างคาที่แคทนิสได้สร้างเอาไว้ค่ะ  ซึ่งไรท์เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งนางไปแล้วค่ะ  เผื่อรีดๆ ด้วย มิต้องห่วงนะคะ  (รีดบอก แกนั่นแหละที่ฉันจะฆ่า -=- )

หวาาา  อย่าเพิ่งฆ่าไรท์นะคะ  ไรท์ยังมีบ่วงอีกเยอะค่ะ 5555555  ขอให้ enjoy และมีความสุขกับเรื่องราวต่อไปนี้นะคะ  เลสสึโกววววววววววววว >0<



------------------------------------------------------------------------------------------



พีต้า” เสียงนั้นดังขึ้นอย่างไม่เต็มเสียงนัก “นายนอนหรือยัง?” มันดังขึ้นหลังเสียงเคาะประตู

และคนพูดนั้นมาจากหลังประตู

แคทนิสทำให้ชายหนุ่มสองคนที่กำลังกอดก่ายกันอยู่หันมามองที่บานประตูกันอย่างรวดเร็ว  พวกเค้าผละปากออกจากกันแต่ก็ยังเกี่ยวท่อนล่างไว้อยู่  คนเคาะถามไม่ได้พยายามเข้ามาด้วยความผลีผลามแต่อย่างใด  มีเพียงแค่เสียงค่อนข้างเบาของเธอเท่านั้นที่ทำให้ทั้งสองรู้ว่าแคทนิสอยู่ตรงนั้น

พีต้าหัวใจเต้นรัวยิ่งกว่ากลองในขณะที่ตอบออกไปไม่เต็มเสียงเช่นครั้งแรกที่แคทนิสเรียกชื่อเค้าว่า “ชะ ใช่ ฉันกำลังจะนอนแล้ว” แต่ฟินนิคใช้มือโอบหลังเค้าไว้และแตะที่หน้าอกเพื่อบอกว่ามันจะไม่เป็นไร  เธอไม่ได้เข้ามาหรอก

“งั้นเหรอ” เสียงแคทนิสแว่วมาแล้วเงียบไปเหมือนเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่มันกลับมีเพียงแค่ว่า “งั้นก็...เอ่อ ราตรีสวัสดิ์นะ” เธอพูดเหมือนมีคำต่อจากงั้นก็... แต่ก็ไม่ได้เปิดปากว่าอะไรต่อนอกจากตัดบทแล้วหายไปเสียอย่างนั้น

ทิ้งให้พีต้าและฟินนิคนั่งหอบและหัวใจเต้นรัวอยู่บนเตียงหลังเดิมของเด็กหนุ่ม  ไม่มีใครพูดอะไร เว้นเสียแต่เสียงถอนหายใจของทั้งสองฝ่าย  การเข้ามาขัดจังหวะของแคทนิสทำให้ฟินนิคได้ชะงักทุกอย่างไปจนทำให้เค้าฉุดคิดถามตัวเองขึ้นได้ว่าดีแล้วหรือที่ฝืนทำหากพีต้าไม่เต็มใจ

เพราะในตอนนี้ใบหน้าที่ยังคงฉายแววของความตื่นเต้นระคนหวาดวิตกเมื่อได้ยินเสียงของแคทนิสเมื่อครู่นี้นั้น ร่างสูงสังเกตเห็นน้ำตาหยดน้อยที่คลอกักอยู่ข้างหางตาที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ เช่นเดียวกับจมูกโด่งเด่นในแสงสลัวของพีต้า  ไม่แน่ หากแคทนิสไม่เข้ามาเค้าอาจทำให้พีต้ารู้สึกไม่ดีมากกว่านี้ก็เป็นได้

เพราะความต้องการที่เอาแต่ใจ ฟินนิคเลยไม่ทันคิดถึงพีต้าให่มากกว่านี้เหมือนอย่างที่เค้าเคยทำมาตลอด

การได้รักพีต้านั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุดสำหรับเค้าแล้ว และการที่รู้ว่าเด็กหนุ่มก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันก็เป็นเรื่องโชคดีที่สุดด้วยเหมือนกัน  เพราะฉะนั้นเค้าจะรออีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไปล่ะ

ร่างสูงแตะแก้มของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา  เกลี่ยน้ำตานั้นด้วยมือข้างเดิม “พีต้า ฉัน...” ฟินนิคหลับตาแล้วส่ายหน้าอย่างสำนึกผิด  ใคร่ครวญแล้วว่าพวกเค้ายังคงไม่พ้นคำว่าจูบไปได้  แต่คนโดนพูดด้วยกลับทาบฝ่ามือลงมาแล้วยืดตัวสูงขึ้นเล็กน้อย  ตัวพีต้าสั่นเล็กน้อยแต่ก็พูดว่า

“นายจะไม่จูบฉันอีกเหรอ?” ความประหม่าทำให้ไม่ใจกล้าเท่าไรนัก แต่ทว่าบางสิ่งที่เปิดรับเฉพาะแต่ฟินนิคนั้นกำลังเต้นระริกอยู่ในอกของพีต้าและทำให้เด็กหนุ่มยืดตัวตรงอย่างไม่หวาดกลัว

ร่างเล็กให้คำตอบแล้ว ถึงแม้ร่างสูงจะยังต้องการมันหรือไม่อยู่ก็ตาม

ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว  ใช้เวลาเพียงไม่ถึงห้าวินาทีทันทีที่เสียงเบาๆ ของพีต้าเงียบลง  ฟินนิคก็ตรงเข้าช่วงชิงริมฝีปากบางคู่นั้นอีกครั้ง  พีต้ากอดรอบคอสีแทนนั้นไว้เพราะมันช่างรุนแรงและเร่าร้อนกว่าใครใดๆ ที่เคยทำมา  พวกเค้าจูบกัน  ดึงดูดรุนแรงราวกับแย่งกันกลืนกินกันและกัน  แต่ดูเหมือนว่าฟินนิคจะเป็นฝ่ายสอนพีต้าเสียมากกว่า

ร่างเล็กถูกโน้มเอียงให้นอนราบลงบนเตียงอีกครั้ง  แขนก็ยังคงโอบรอบแผ่นหลังของอีกคนหนึ่งอยู่อย่างหาที่เกาะเกี่ยวจนกระทั่งต่อมาแขนคู่นั้นก็เลื่อนขึ้นมาอยู่ที่กลุ่มผมของฟินนิค เพราะอีกคนหนึ่งเลื่อนกายต่ำลงมาเพื่อทักทายทำความรู้จักกับผิวกายเปื้อนรอยจูบนั้นอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้ร่างสูงรีบตรงเข้าไปปลอบประโลมแกนกายที่ถูกทิ้งให้เสียขวัญอยู่นานด้วยความเห็นใจอย่างยิ่ง

ร่างของหนุ่มทำขนมกระตุกอย่างแรงขึ้นหลายครั้ง  พีต้าเผลอจิกเข้าไปกลุ่มผมและบ่าของฟินนิคโดยที่คราแรกตั้งใจไว้ว่าจะจับเบาๆ เพียงเท่านั้น  แต่ทว่าความอุ่น เปียกลื่นของโพรงปากและน้ำลายนั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มเต้นกระตุกโดยไม่ได้ทันตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย

อื้อ ฟินนิค” พีต้ากำมือของตัวเองแน่น  บ่าของฟินนิคและนิ้วของเจ้าตัวเปลี่ยนสีเป็นสีขาว  และเด็กหนุ่มที่กำลังจะถึงจุดหมายอยู่แล้วรอมร่อเมื่อสองนาทีที่แล้วก็กดหลังเข้าหาหมอนที่ไร้ความหายของเค้า  แล้วรู้สึกว่าสะโพกที่เอนสูงขึ้นนั้นสั่นไปมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้

“อ๊าา  ฟินนิคมะ  ฉันจะ...ฟินนิคเดี๋ยวก่อน อือ...อาา  ฟินนิค...อ้า!” คำห้ามปรามไม่ให้เปรอะเปื้อนนั้นไม่ให้ประโยชน์อะไรเลยกับคนที่ไม่สนใจอย่างร่างสูง  พีต้าปลดปล่อยออกไปอย่างไม่สามารถอดกลั้นได้  ปากของฟินนิคยังคงครอบครองแกนกายแข็งขืนนั้นไว้ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะคลายร่างกายที่บิดเกร็งของตัวเองแล้วหอบหายใจอย่างหมดแรงแล้วก็ตาม

เป็นการปลดปล่อยที่รวดเร็วของพีต้า และถือว่าเป็นครั้งแรกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ฟินนิคถอนปากออกมา  ยืดตัวขึ้นปัดผมที่เริ่มยาวซึ่งปรกติดแก้มชื่นเหงื่อของพีต้าออกอย่างนุ่มนวล  ก่อนจะไล่สันจมูกไปหาแก้มใสนั้น  สูดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของขนมปังที่เค้าจำได้ดีว่าเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของพีต้าเข้าไป  ก่อนจะไล่ลงมาหาลำคอที่เส้นชีพจรเต้นตุ้บๆ อย่างมีชีวิตชีวา เรื่อยลงมายังยอดอกทั้งสองที่ทำเอาเจ้าของตัวสั่นเทิ้มและร้องออกมานิดๆ เมื่อปลายจมูกแหลมนั้นสะกิดโดนมัน

เจ้าของจมูกโด่งเป็นสัน ปลายแหลมนั้นวนกลับมาที่เดิมยังด้านล่างอันชื่นแฉะของเด็กหนุ่ม  พีต้าหายใจเสียงดังจนเสียงหวานนั้นหลุดลอดออกมาจากลำคอนับครั้งไม่ถ้วน  แต่ร่างสูงกลับไม่พูดอะไรเลย  เค้าไม่สามารถพูดได้

ร่างสูงจับขาเรียวขาวนั้นให้ตั้งฉากก่อนจะจับมันอ้าออก  พีต้าหนีบหว่างขาใส่ในตอนแรกก่อนจะยอมว่าง่ายในไม่ช้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ  ไม่อยากคาดเดาว่าฟินนิคจะทำอย่างไรต่อซึ่งจะว่าไปแล้วเจ้าตัวเองก็ไม่รู้อะไรเลย จึงได้แต่นอนอยู่เฉยๆ ยอมให้อีกคนหนึ่งแหวกขาของตัวเองออกแล้วสอดนิ้วพันกับผ้าห่มและหมอนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เมื่อไม่รู้ว่าจะเอามือไปวางไว้ตรงไหนดี

ร่างสูงแลบลิ้นออกมาลากผ่านขาอ่อนที่นุ่มนิ่มของเด็กหนุ่มเบเกอร์รี่เล็กน้อยแล้วลากยาวลงมายังแก้มก้นกลมกลึง  เด็กหนุ่มสะดุ้งจนเสียงหายใจหลงกระเซ้า  ฟินนิคไม่ลังเลเลยแม้สักนิดที่จะจูบเข้าไปที่เนินแก้มกลมๆ นั้นที่เชื่อมต่อกับโคนขา  พีต้าเหยียดปลายนิ้วเท้าจรดกับผ้าปูที่นอนจนมันขึงตึงขึ้นมา

และปลายนิ้วเท้าน้อยๆ นั้นก็ลอยขึ้น เมื่อมือหนาจับง้ามขาบริเวณใกล้สะโพกให้ยกสูงขึ้น

อ้า” พีต้าจิกหมอนกับผ้าห่ม  รู้สึกว่าหายใจลำบากเพราะสะโพกถูกยกสูงขึ้น  และเกร็งตัวเมื่อปลายลิ้นอุ่นๆ แตะโดนผิวเนื้อนุ่มหยุ่นที่ปิดมิดชิดอยู่ใต้เนินแก้มก้นที่บีบตัวเบียดเสียดกันอยู่  เด็กหนุ่มจิกนิ้วเท้าเข้าหากันแน่นเช่นเดียวกับที่นิ้วมือขยำลงไปบนที่รองรับ  ฟินนิคใช้ลิ้นของตัวเองย้อมความชุ่มชื่นให้กับเนื้อนุ่มๆ นั้น  มันหดตัวหนีลิ้นของเค้าก่อนร่างสูงจะให้ความเอ็นดูมันจนชุ่มแฉะ

“อือ..อ...ฟิ ฟินนิค  เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน  ฮะ อ่าา  อืออ ฮึก  อะ ตรงนั้น  อ้า อย่า...อย่าทำ ย๊ะ  อย่าแหย่สิ” ร่างสูงนั้นยังคงไล่เลียแต่งแต้มอย่างที่ใจต้องการ ทว่าเด็กหนุ่มที่เป็นเสมือนผืนผ้าใบให้เค้าได้ตวัดปลายลิ้นจิ้มเข้าไปนั้นกลับทำได้เพียงแต่บิดตัวไปมาอย่างกระส่ำกระส่ายเท่านั้น  ฟินนิคจับต้นขาเค้าไว้แน่น

“อ้า โอ้ พระเจ้า ได้โปรดเถอะฟินนิค...ปละ ปล่อยฉันก่อน อย่าเพิ่ง เดี๋ยว มัน...อ่าา ยะ อย่านะ” เด็กหนุ่มร้องห้าม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเค้าสอดลิ้นเข้าไปข้างในรอยปุ๋มเล็กๆ ที่ต่อมากลายเป็นรูที่แสนน่ารักนั่นได้สำเร็จ  มือไม้ของพีต้าไม่อยู่สุขคอยจับรั้งแขนของฟินนิคไปเรื่อย เช่นเดียวกับร่างสูงอีกคนหนึ่งที่ลิ้นไม่อยู่เฉยทำงานตามหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  รูเล็กๆ ของพีต้ามีน้ำลายของฟินนิคเคลือบอยู่เต็มไปหมด

ร่างสูงผละออกมาเล็กน้อยแล้วลองแตะปลายนิ้วเข้าไปเพียงเล็กน้อยก่อนก้นของเด็กหนุ่มจะกระดกขึ้นและขมิบแน่น ออกแรงสู้กับนิ้วของเค้า  ฟินนิคจึงกดน้ำหนักลงไปอีกจนนิ้วหลุบเข้าไปในตัวของเด็กหนุ่มได้หนึ่งข้อเต็มๆ  พีต้าร้องออกมา  เค้าจึงขยับเข้าออกเล็กน้อยแล้วก้มลงประกบปากกับรอยปุ๋มน่ารักนั้นอีกครั้ง ปลายลิ้นช่ำชองเบิกทางพร้อมกับปล่อยน้ำสีขาวขุ่นที่เค้ารับเอามาจากพีต้าคืนร่างเล็กไป  มันเอ่อล้นออกมาจากช่องทางที่ตื้นเขินนั้นอย่างช่วยไม่ได้จนฟินนิคต้องใช้นิ้วช่วยให้มันง่ายขึ้น

“อ้าา  ฟินนิค” พีต้าขยับขาแรงขึ้น

“โทษทีพีต้า แต่นายต้องรอหน่อย” ร่างสูงบอก “ฉันไม่อยากทำให้นายเจ็บ”

แต่พีต้าเจ็บไปแล้ว  เด็กหนุ่มผูกคิ้วเป็นปมแน่นแล้วขยับปากอ้อนวอนเค้า “แต่  แต่ว่าตอนนี้มันก็เจ็บอยู่  อ่า...อยู่นะ อ้าา” คนด้านล่างบอก

ร่างสูงเลิกคิ้วแล้วพีต้าก็เห็นเหมือนเค้าไหวไหล่ “โอ้ว  นั่นมันก็เลี่ยงไม่ได้อีกล่ะ”

“ให้ตายสิ” ร่างเล็กทำเสียงโอดครวญ “เอานิ้วนายออกไป....อ่า อย่าขยับสิ  เอามันออกไปก่อนได้ไหม?”

ฟินนิคชักนิ้วออกแต่ยังไม่สุด

อ่า  อึก” เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงร้องหลงๆ ของพีต้าได้แล้ว  เจ้าตัวหลับตาแน่น ส่วนมือก็เอื้ออมจับไปที่มือของคนด้านล่าง “ฮึก...อา อ๊ะ”

“นายเจ็บเหรอ?”

“อือ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ เป็นเชิงประกอบคำตอบและดวงตาคู่นั้นยามเมื่อมันปรือขึ้นมองน้อยๆ ก็ช่างทำให้รู้สึกน่าสงสาร

ดังนั้นร่างสูงจึงตัดสินใจแหย่นิ้วเข้าไปใหม่จนสุดโคนแล้วใช้ปากครอบครองแกนกายอ่อนยวบที่นอนแน่นิ่งอยู่บนท้องน้อยใต้สะดือของร่างเล็ก  พีต้าสะดุ้งตัวอย่างตกใจเหมือนเดิม ก่อนจะครวญครางและบิดกายไปมาอย่างอึดอัด กระทั่งเปลี่ยนเป็นความทรมานในที่สุด  ฟินนิคเคลื่อนนิ้วที่แฉะเต็มไปด้วยน้ำรักหล่อลื่นของพีต้า  แล้วเค้าก็เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกเรื่อยๆ จนร่างเล็กต้องอ้าขากว้างขึ้นมากกว่าเดิมแล้วเกร็งนิ้วตลอดเวลาอย่างอดทน

“ฟินนิค...ฮึก  อ่า  ไม่ไหวแล้ว  อะ ฉันเจ็บ...อืออ อ้าา  ได้โปรดเถอะ” เด็กหนุ่มที่มีน้ำตาไหลหลั่งลงมาตามหางตากล่าวอ้อนวอน  และเมื่อเห็นท่าว่าควรพอแล้วชายหนุ่มจึงละปากออกมาจากแกนกายที่กลับมาตั้งชันเหมือนเดิมของร่างเล็ก พร้อมทั้งถอนนิ้วออกมาจากช่องทางเล็กๆ นั้นด้วย  แต่แล้วน้ำรักบางส่วนที่ร่างสูงใช้เป็นตัวช่วยให้ไหลลื่นนั้นก็ยังมิวายไหลย้อนตามนิ้วของเค้ามาอีก

ฟินนิคตัวร้อนผ่าวและแกนกายของเค้าก็พองตัวมาได้สักพักหนึ่งแล้ว  แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ปลดปล่อยมันออกมาแต่อย่างใด  เค้าเป็นห่วงพีต้ามาก ทว่าเรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว  ร่างกายบิดเร้าที่มีเหงื่อผุดพรายของพีต้า  และช่องทางเปิดขยายที่มีของเหลวสีขาวไหลออกมานั้นก็ทำให้ความอดทนทุกอย่างของเค้าขาดผึ่งในพริบตาเดียว

ฟินนิคยืดตัวขึ้นเต็มความสูง  ถอดเสื้อออกแล้วก้มลงจูบพีต้าอย่างแนบแน่นอีกครั้งพร้อมกับร่นถอดกางเกงของตัวเองออกไปด้วยอย่างรวดเร็ว  ความเป็นชายของเค้าใหญ่โตและแข็งขืนขึ้นเต็มที่ มันสัมผัสกับสิ่งเดียวกันนั้นของร่างเล็ก จนอีกคนสะดุ้งตัวขึ้นเพราะความอุ่นร้อนที่แตะทาบลงมา  ร่างสูงเคลื่อนมือลงไปจับมันและรวบของพีต้าไปกอบกุมไว้ด้วย ก่อนจะค่อยๆ ขยับไปมาช้าๆ ตามจังหวะการกระเพื่อมขึ้นลงของหน้าอก  มือหนาข้างหนึ่งนั้นก็ลูบไล่จับให้เรียวขาด้านล่างมาวางพาดไว้ข้างเอวอย่างอ่อนโยน

ร่างสูงเอาลิ้นออกมาจากโพรงปากที่ไม่ประสาของพีต้าแล้วถาม “นายพร้อมไหม?”

ร่างเล็กช้อนสายตามองเค้ากลับมาด้วยน้ำตาที่ทำให้ดวงตานั้นดูระยิบระยับ  แต่ทว่าเรียวคิ้วที่ผูกกันเป็นปมแน่นก็แสดงออกให้เห็นถึงความวิตกกังวลอย่างชัดเจน

“นายกลัวเหรอ?” เสียงของฟินนิคช่างอ่อนโยน

“กลัว  ใช่ ฉันกลัว” พีต้าสารภาพ ก่อนจะคล้องแขนกับลำคอแกร่งที่โน้มลงมาใกล้จนเกือบประชิดของฟินนิค “แต่ฉันก็คิดถึงนายมากเหมือนกัน” เด็กหนุ่มว่า กอดอีกคนหนึ่งไว้แน่นและคิดถึงวันเวลาที่ไม่มีฟินนิคอยู่ข้างตัว

ร่างสูงซบหน้าผากกลับไป เค้าลูบต้นขาที่พาดอยู่ข้างเอวอย่างอ่อนโยนในขณะที่พีต้าก็กระซิบต่อไปอย่างรวดร้าว “ฉันคิดถึงเสียงของนาย  ยิ้มของนาย” ร่างสูงจับหว่างขาขาวให้อ้าออก ขึ้นมาเล็กน้อย

“เสียงของนายในตอนที่กระซิบและหัวเราะ” ฟินนิคยกขาซ้ายของพีต้าขึ้นมา

“มือของนาย ตอนที่จับลงมาแล้วมันทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจ  และ...” เค้าประคองแกนกายที่แทบจะเต้นตุ้บๆ ของตัวเองไปจ่อกับช่องทางฉ่ำเยิ้มของพีต้าก่อนจะดันมันเข้าไปช้าๆ

อา อ้า!....อึก และกอดของนาย” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลงในตอนแรก ก่อนจะพูดต่อให้จบด้วยความรู้สึกเจ็บปวดแต่ปนวาบหวาม  มือที่คอยปลูกต้นกล้าขยำจิกแผ่นหลังสีแทนเอาไว้แน่น  ลำตัวสีขาวเนียนกระเพื่อมขึ้นตามอีกคนหนึ่งที่เคลื่อนกายไปด้านหน้า  ฟินนิคขบกรามแล้วคำรามในลำคอเพราะความคับแน่นที่ไม่เคยมีใครได้แตะต้องของพีต้า

“อ่าา” ร่างสูงจับต้นขาของร่างเล็กให้ถ่างมากขึ้นไปอีก  ความใหญ่โตนั้นเคลื่อนเข้าไปได้เพียงแค่นิดเดียวเสียงกระท่อนกระแท่นของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้นเสียงแล้ว

“ฟินนิค ดะ เดี๋ยว...อ้า! อือ เจ็บ...ฉันเจ็บ....อ้าา” มือเด็กหนุ่มเย็นเยียบในขณะที่กดนิ้วไปบนลาดไหล่แข็งแรง  เจ้าตัวร่างสั่นเทิ้มเพราะความชุ่มช่ำข้างในนั้นไม่เพียงพอสำหรับการชำแรกตัวของแกนกายที่มีขนาดใหญ่มากกว่านิ้วสามนิ้วของฟินนิค

ร่างสูงกัดฟันแน่น เสียงครางอืออึงของเค้าทั้งคู่แทบแยกไม่ออกแล้วว่าของใครเป็นของใคร เนื่องจากคนหนึ่งก็เจ็บปวดอ้อนวอนขอให้ตัวเองได้มีโอกาสพักหายใจบ้าง ส่วนอีกคนหนึ่งก็คอยปลอบโยนเพื่อให้ได้แหย่กายเข้าไปได้จนสุด

“อ้าา พีต้าผ่อนคลายสิ  ไม่อย่างนั้นนายจะเจ็บมากกว่าที่เป็นอยู่นะ” ร่างสูงว่าพลางชักมือกับแกนกายที่เริ่มสั่นและปวกเปียกของเด็กหนุ่ม

“อือ ฟินนิค เดี๋ยวก่อนสิ...อ่าา ช้า...ช้าลงหน่อย” แต่ความจริงแล้วร่างสูงไม่ได้ดึงดันอะไรเลย เค้าเพียงแค่ขยับกายเข้าออกช้าๆ เท่าที่รูเล็กๆ นั้นจะยอมเอื้ออำนวยให้กันได้เพียงเท่านั้น

“อาา...ไม่ต้องกลัวนะ  กอดฉันไว้สิ” ร่างเล็กจิกเล็บแน่นขึ้น “อา แล้ว...” แรงกดบนแผ่นหลังทำให้ฟินนิครู้สึกว่าเค้าทั้งคู่กำลังเร่าร้อนขึ้น “อ่าา แล้วที่นี้นายก็ผ่อนคลายหายใจเข้าลึก...” พีต้ายอมทำตามอย่างว่าง่าย “...ลึก อ่าา ใช่ อย่างนั้นแหละเด็กดี  โอเค  นายเก่ง...นายเก่งมาก อาา  พีต้าอย่ารัดมากนะฉันจะ...”

อ้าา...า  ฮา ฟินนิค” ฟินนิคดันเข้าไป สวนกายลึกมากกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว “อ่า ฮะ  อือ...ฟินนิคลึกจัง” อาจเป็นเพราะการผ่อนคลายอย่างไม่อิดออดของร่างเล็กจึงทำให้แกนกายของร่างสูงสอดเข้าไปได้มากขึ้น เค้าจึงสามารถขยับเข้าออกได้อย่างถนัดและเป็นจังหวะ 

แต่ทำให้พีต้ารู้สึกเหมือนโดนเฉือนเนื้อออกทีละน้อยจากการที่ช่องทางกำลังจะฉีกขาด “อือ ลึก...ลึก  ฟินนิคมันลึกไปแล้ว” เด็กหนุ่มเกี่ยวคอคนขยับไว้ ช่องทางที่ไม่เคยรับความต้องการที่ใหญ่โตเช่นนี้มาก่อนบอกพีต้าว่าไม่สามารถรับได้อีกแล้ว  ก่อนเจ้าของจะส่งสายตาขอความเห็นใจให้ขยับช้าลงหน่อย

แต่พีต้าไม่รู้อะไรเลยว่ามันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น  ความยาวของฟินนิคยังเข้าไปไม่สุดด้วยซ้ำ...

“โทษที ฉันจะทำช้าๆ นะ” ร่างสูงกระซิบเสียงแหบพร่าประชิดใบหูนิ่มของอีกคนหนึ่ง  เค้ากอดพีต้าไว้ด้วยอ้อมแขนของความอบอุ่น พร้อมทั้งขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า จะสุดบ้างไม่สุดบ้างเค้าก็ไม่ใคร่สนใจเนื่องจากเสียงครวญครางของคนด้านล่างนั้นคอยบอกเค้าว่าเจ้าตัวพร้อมที่เจอของจริงแล้วหรือไม่

แกนกายขยายใหญ่เต็มที่นั้นกำลังเสือกตัวต่อสู้อยู่กับช่องทางคับแคบที่เต้นได้  มันขยับตุ้บๆ อย่างเป็นจังหวะพาให้ความอดทนขาดผึ่ง  แต่ด้วยความที่ไม่เร่งรีบทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ถึงแม้ฟินนิคจะต้องคอยตะล่อมปลอบพีต้าอยู่เกือบตลอดเวลาก็ตามแต่เค้าก็เข้าใจดีว่าครั้งแรกนั้นเป็นเช่นไร  มันคงยากลำบากมากสำหรับตัวเด็กหนุ่มเอง

จนในที่สุดเสียงเฉอะแฉะจากภายในตัวของร่างเล็กก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับพวกเค้า  เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่นอนทิ้งแขนหอบหายใจเหนื่อยล้าอยู่บนเตียงของตัวเองโดยที่มีชายหนุ่มที่เค้าคุ้นเคยซ้อนกายอยู่ด้านบน  ตัวของพวกเค้าติดกัน  ฟินนิคมีความอดทนและเก่งมากที่สามารถรอจนพีต้าพร้อมอย่างเต็มได้โดยที่ไม่ทำให้ร่างเล็กต้องเบะปากร้องไห้เพราะบอกว่าเจ็บไปเสียก่อน

“ทำดีมากพีต้า  นายทำดีมาก” ฝ่ามือหนาลูบผ่านหน้าผากที่มีผมปรกอยู่ แล้วก้มลงจูบอย่างแสนชื่นชม  เค้ายิ้มพร้อมกับทำเสียงหัวเราะเหมือนพ่นลมหายใจ จนอีกคนหนึ่งที่ทำหน้าอิดโรยแต่ทรมานต้องหัวเราะตาม

“นายทำฉันหายใจลำบาก” พีต้าว่าเหมือนบ่นแต่ก็กำลังยิ้มเพราะฟินนิค

“นายพร้อมที่จะหายใจลำบากมากกว่านี้รึยัง?” ร่างสูงถามขึ้น 

“ฉันคิดว่านะ” พีต้าทำตาไหวระริก ภาวนาขอให้ตัวเองทนไหว แต่ภายในลึกๆ แล้วเค้าต้องการฟินนิคมากกว่าสิ่งใด  ไม่ว่าอะไรเค้าก็ทนได้ จะให้เจ็บมากแค่ไหนเค้าก็จะทน  ขอแค่อย่าให้ฟินนิคหายไปอีกก็พอแล้ว  พีต้าขอเพียงแค่นั้น

“นายโอเคนะ” ร่างสูงกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเสียงครางของเค้าจะหลุดลอดออกมาจากลำคออย่างพึงพอใจ เมื่อความต้องการที่ขยายจนคับช่องทางนั้นได้เสียดสีกับผนังอ่อนนุ่มที่ขยันตอดรัดอยู่เป็นนิจ

อ้า ฟินนิค!” พีต้ารั้งกอดอีกคนหนึ่งไว้แน่น  สะโพกของเจ้าตัวถูกดันให้กระเถิดขึ้นไปเล็กน้อย  ร่างสูงพรมจูบใช้ริมฝีปากเล็มไปทั่วลำคอและลาดไหล่ขาวนุ่มนวลของพีต้า  เค้ากดกายตัวเองแนบชิดคล้ายกับจะรวมเป็นร่างเดียวกันกับเด็กหนุ่ม  แล้วขยับสะโพกด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอในระดับหนึ่ง

ทว่าร่างเล็กกลับไม่ได้รู้สึกค่อยเป็นค่อยไปเช่นนั้นเลย พีต้ากระสับกระส่าย  ทุกครั้งที่ฟินนิคขยับต่างออกไปหรือเร็วขึ้นเจ้าตัวจะร้องเสียงดังและตัวสั่นกระตุกราวกับลูกแมวถูกทำให้ตกใจ  เสียงเฉอะแฉะและเนื้อกระทบกันดังขึ้นปะปนกับเสียงครางร้องเหมือนกับว่าไม่มีใครคิดถึงแคทนิสที่เพิ่งมาเคาะประตูขัดจังหวะเมื่อครู่นี้เลยสักคน

ฟินนิคสอดแขนไปในข้อพับใต้หัวเข่าของพีต้าแล้วใส่กายอย่างไร้ความอดทน  ส่วนเด็กหนุ่มด้านล่างก็ขยำผ้าปูที่นอนเพื่อรั้งตัวเองไว้กับจุดนอนอย่างเต็มที่  หน้าอกที่มียอดอกบวมช้ำนั้นถูกคลอนให้สั่นไปมาอย่างไม่ยอมหยุด เช่นเดียวกับเสียงหวานที่ไม่เคยเงียบลงเลย  การขยับของร่างสูงทำให้น้ำรักของร่างเล็กที่ใช้หล่อลื่นในคราแรกไหลย้อนออกมากองอยู่บนผ้าปูที่นอนใต้ตัวของพวกเค้าจนหมด  และความชื่นแฉะภายในนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยตัวตนอันอุ่นร้อยนของฟินนิค

ฟินนิคหยัดตัวขึ้นจนเหยียดตรง เค้าทำให้เตียงและพีต้าส่งเสียงอยู่ได้สักพักก่อนผนังนุ่มๆ ข้างในตัวของเด็กหนุ่มจะทำให้เค้าแทบคลุ้งคลั่ง  ชายหนุ่มรู้สึกร้อนรุ่มจนแทบอยู่ไม่ได้ เค้าขยับกายเร็วถี่ในจังหวะสุดท้ายเมื่อแกนกายของเค้าปวดหนึบขึ้นอย่างแรง

“พีต้า..อ้าา ฉันจะ...” หนุ่มผิวสีแทนจากเขต 4 ค้ำตัวไว้เหนือเด็กหนุ่มแล้วกระแทกแกนกายถี่รัวใส่สะโพกคนข้างล่างไม่ยั้ง

“อื้อ! ฟินนิค!  อา! อา! อ๊า! มันกำลังจะ...อ้าา” และดูเหมือนว่าร่างเล็กเองก็แสนจะใจตรงกันกับร่างสูง  พีต้าบิดกายจนหน้าอกแอ่นขึ้นสูงแล้วช่องทางเล็กๆ ที่บวมช้ำนั้นก็ขมิบรัดอย่างบ้าคลั่ง  ตอดรัดแท่งกายใกล้ปะทุที่กระชั้นกายเข้าออกอยู่อย่างไม่พักหายใจ

“นิดเดียวพีต้า  อีกนิดเดียว...อึก  อ่า!”  ท้องน้อยร่างสูงแนบชิดกับต้นขาที่อ้าออกกว้างจนไร้ช่องว่างใดๆ กล้ามเนื้อตึงแน่นของฟินนิคเบียดเข้ากับกล้ามเนื้อที่ต้นขาอ่อนของพีต้าเสียจนแทบหลอมกันเป็นเนื้อเดียว

อ้าา!” ร่างเล็กปลดปล่อยไปแล้ว  ไม่ฟังคำรั้งใดทั้งสิ้น  น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจากแกนกายสั่นระริกที่ตั้งชันอย่างไร้ความอดทนและไร้เดียงสา  จนกระทั่งอีกคนหนึ่งตามไปติดๆ ด้วยการปลดตัวเองให้เข้าไปเจิ่งนองเต็มช่องทางที่ไร้ช่องว่างของอีกคนหนึ่ง

ร่างเล็กหอบอากาศเข้าเต็มปอดก่อนจะทิ้งตัวเองลงกระแทกกับเตียงอย่างหมดแรง  ร่างสูงเองก็หอบหนักเช่นกันก่อนจะลูบหน้าที่ชื่นเหงื่อของอีกคนหนึ่งอย่างแสนรักแล้วก้มลงจูบบนหน้าผากนั้น ก่อนจะเคลื่อนมาจูบลึกล่ำอย่างชื่นชม

“เก่งมาก  นายวิเศษที่สุดเลยพีต้า” ฟินนิคกระซิบ  พีต้าเอื้อมมืออันอ่อนแรงขึ้นมาทาบทับกับฝ่ามือหนาที่อยู่บนแก้มของตัวเอง  ก่อนคนสอดแกนกายจะขยับเอาของๆ ตัวเองออกมาอย่างช้าๆ แต่นั่นก็เรียกเสียงครางพร้อมกับสีหน้าเหยเกอีกระรอกหนึ่งของร่างเล็กได้ไม่ยากนักเลยเช่นเดียวกัน

พีต้ารู้สึกกลวงโล่งอย่างน่าประหลาด  และน้ำสีขาวของฟินนิคที่ไหลกลับออกมาก็มีมากกว่าของเจ้าตัวในคราแรกเสียอีก  เด็กหนุ่มตัวสั่นแล้วม้วนตัวเข้าหาอ้อมอกของชายหนุ่ม  พีต้าหมดแรงแล้วสิ่งเดียวที่เค้าต้องการก็คือการได้นอนและตื่นสายในวันพรุ่งนี้

ฟินนิคจูบหัวไหล่และขมับของร่างเล็กเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเค้าจะกระซิบอย่างยินดี

“ฉันรักนายพีต้า...ฉันรักนาย” และเด็กหนุ่มก็ซุกตัวเข้าไปอีกแทนคำตอบนั้น

และในคืนนั้นพวกเค้าไม่รู้เลยว่าหญิงสาวที่ไม่ได้รับความสนใจไปช่วงเวลาหนึ่งไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนั้นแล้ว  หลังจากเธอพูดคุยกับพีต้าที่รู้อยู่แล้วว่าอยู่กับฟินนิคผ่านประตูห้อง เธอก็เดินเลยออกไปขอค้างคืนที่บ้านแสนสุขของเฮย์มิชผู้ยากไร้และเมามาย 

และแล้วในคืนนั้นแคทนิสก็นอนสูดเอาเชื้อราเข้าไปตลอดทั้งคืนบนโซฟายาวตัวโปรดของชายขี้เมา



.



.



.



TBC.



---------------------------------------------------------------------------------------------------



อ๊ากกก  อิโรติคค่ะ  เป็นคู่ที่ดูเหมือน Normal แต่ว่าพอถึงบทก็อิโรติคไม่น้อยหน้าคู่ไหนเลยค่ะ 5555555  ก็เป็นไรท์นี่เนอะ  เอิ๊กๆๆๆ

ขอโทษนะคะที่ ปล่อยให้รอนานเหลือเกิน  งืมมม  Part ก็เริ่มต้นชีวิตคู่ในเขต 12 แล้วล่ะค่ะ >///<  อร๊ายยยยยยยยย เขินแทน  จะมีอะไรดีๆ รึเปล่าน้าาาา   รอติดตามนะคะ ><

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund 



วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 9] The Possible – Finnick x Peeta





//คนอะไรเนี่ย หล่อชิเป๋งเลยค่ะ! ><  อร๊ายยยยยย 55555  แซมอย่าทำหน้างั้นซี่ >///<  ฮ่อลลลล อิจฉานุ้งจอร์ชจังงง//

มาแล้วค่ะรีดค่าา  กราบสวัสดีค่ะ ><  //ย่อแบบหญิงไทยเข่าติดพื้น//  ฮ่อลลลลล  หลังจากที่ปลดเปลื้องหัวใจไปกับ Part ที่แล้วที่เค้าทั้งสองได้เจอกันไปแล้ว   มาต่อกันเลยค่ะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ไรท์อยากจะสารภาพว่ามีความเกลียดฟินนิคใน Part นี้ค่ะหลังจากที่ไม่เคยเกลียดเค้าเลย (หมั่นไส้ก็ไม่เคยนะเออ)  แต่ว่า Part นี้ ในใจไรท์คิดแบบว่า.....แหมม  รอดตายแล้วเอ็งหื่นเลยนะ 555555

อุ๊บๆๆๆ  มิควรเอ่ยสิเนี่ยยย  ฮาาา  งั้นรีดๆ ก็ไปดูกันเลยค่ะว่า Part เป็นอย่างไรน้าาา  ฮืมๆๆๆๆ >w< ไรท์รู้สึกดีที่ฟินิคกับพีต้าได้เจอกันสักทีค่ะ  เบื่อแคทนิส  อยากเขี่ยนางแต่ว่ามันจะห้วนไป 5555  งั้นประดับกรอบไปล่ะกันย่ะ  ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง  ฉันงานยุ่ง ฉันปราณีเธอ  ไปอยู่กับตาขี้เมาเฮย์มิชนู่นไป  ชริๆๆๆ



-----------------------------------------------------------------------------------



แคทนิสไม่สบายใจเป็นอย่างมากที่ตะวันตกดินแล้วแต่พีต้ายังไม่กลับบ้าน  เธอกลับมาไม่เจอเค้าและเห็นเฮย์มิชกำลังเดินโงนเงนมาจากทางใต้ของหมู่บ้าน  เธอถามเค้าแต่ชายขี้เมากลับพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียว่าตื่นมาก็ไม่พบเด็กหนุ่มแล้ว  นึกว่าเจ้าตัวกลับมาก่อนเสียอีก

หญิงสาวผมดำขลับที่ถักรวบเป็นเปียอย่างง่ายวิ่งออกมาจากตัวบ้าน  กำลังจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่เดียวที่คิดว่าพีต้าจะต้องอยู่ที่นั่นก่อนจะหยุดชะงักฝีเท้าไปทั้งๆ ที่ยังไม่พ้นเขตบ้านของเธอเสียด้วยซ้ำ  เมื่อเด็กหนุ่มคนดังกล่าวกำลังเดินกลับมาจากขอบฟ้าที่เริ่มมืดมิดพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง

แคทนิสหรี่ตาจ้องเขม็งอย่างนึกสงสัย  ชายคนนั้นตัวสูงใหญ่  ผมตัดสั้น  เดินอยู่เคียงข้างพีต้า  เค้าทั้งสองคนจับมือกัน  เธอเบิกตาโตแล้วสูดหายใจเสียงดังจนเฮย์มิชได้ยิน

“ฟินนิค” แคทนิสเอ่ยคล้ายรำพึงกับตัวเอง “ฟินนิค!” ก่อนจะแน่ใจเมื่ออีกฝ่ายโบกมือให้เธอแล้ว

ห๊ะ อะไร  เธอว่าอะไรนะ?” เฮย์มิชหันควับมาเงี่ยนหูให้ประโยคที่ตะโกนก้องอย่างบ้าคลั่งของหญิงสาว หลังจากนั้น แคทนิส   เอเวอร์ดีน ก็วิ่งไปกอดคนที่เธอแน่ใจว่าเห็นเค้าตายไปแล้ว  ซึ่งแม้แต่เฮย์มิชที่เพิ่งจะสร้างเมาก็ยังรู้สึกตกตะลึงเมื่อไม่มีคำไหนเลยที่จะโต้เถียงได้ว่าคนที่ปรากฏตรงหน้านั้นไม่ใช่ชายหนุ่มจากเขต 4 ที่เค้าเคยรู้จัก

“พระเจ้าช่วย” เค้าพึมพำกับภาพที่เห็น “พระเจ้าช่วย เป็นไปไม่ได้...” ก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงดัง

“โอ้ เฮ้! ดูสิ ใครฟื้นขึ้นมาจากความตาย” ชายขี้เมาพูดอย่างเหลือเชื่อ อ้าแขนต้อนรับฟินนิคกลับคืนสู่ดินแดนของคนเป็น แล้วเดินเข้าไปสมทบกับคนอื่นๆ

ที่ตรงนั้นแคทนิสน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกปาฏิหาริย์เมื่อเห็นเพื่อนผิวสีแทนที่บัดนี้ดูขาวขึ้นกว่าปรกติ “โอ้ พระเจ้าช่วย” เธอผละออกมาแล้วร้องไห้อีก  ไม่ได้ฟูมฟายแต่ความรู้สึกผิดที่รัดคอเธอมาตลอดทุกครั้งที่ล้มตัวลงนอนถูกฉีกกระชากออกให้ขาดกระจายในตอนนั้นเอง

ทุกวินาทีเธอโทษความขี้ขลาดของตัวเองที่ตัดใจอย่างง่ายดายมาตลอด  เธอเป็นเหตุทำให้เค้าต้องตายถึงแม้ว่าจะจริงหรือไม่แต่แคทนิสก็มีส่วนในการรับผิดชอบ  ดังนั้นเมื่อเธอเห็นฟินนิคที่เดินมากับพีต้าจึงนึกถามตัวเองว่าฝันไปหรือเปล่าแต่เมื่อได้โถมกอดร่างที่สูงกว่า และรู้สึกถึงกล้ามแขนที่กอดตอบ  แคทนิสจึงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปแน่ๆ  ฟินนิคยังไม่ตาย

ร่างสูงกอดเฮย์มิชบ้างเมื่อชายที่อายุมากที่สุดรัดเค้าจนแทบหายใจไม่ออกในตอนที่แคทนิสถาม

“แต่มันเป็นไปได้ยังไงฉันเห็นนาย...”

ตาย” ร่างสูงเติมให้  รู้สึกประหลาดใจว่าทำไมใครๆ ก็เอาแต่พูดคำนี้กับเค้ากันนัก  ฟินนิคแทบไม่ได้คิดเรื่องที่แคทนิสระเบิดเค้าในตอนที่บอกสั้นๆ ว่ามีคนช่วยเค้าไว้ได้ทันก่อนเค้าจะตายได้จริงๆ

“แหม! นายนี่มันตายยากจริงๆ เลยพับผ่าสิ!” เฮย์มิชว่าเสียงดังอย่างได้ใจก่อนจะตบหลังชายหนุ่มไปเสียป้าบใหญ่จนฟินนิคตัวเอียง  ร่างสูงหัวเราะก่อนจะตบกลับไป

“คงไม่มากไปกว่าคุณหรอกเฮย์มิช” ชายขี้เมาเกือบล้มแต่มีพีต้าอยู่จึงไม่ได้เสียหลักไปมากกว่านั้น  ก่อนเค้าจะสังเกตเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มแล้วเอ่ยเสียงไม่ปิดบัง

“โอ้ว เฮ้  ฉันว่ามีใครบางคนนอกจากแคทนิสที่ร้องไห้ด้วยนะเนี่ย”

พีต้ากำลังจะแก้ไปว่า เปล่าเลยเค้าไม่ได้ร้อง แต่ก็โดนขัดไปก่อนจนได้

“อ๋อ ใช่  แน่นอนสิ เค้าร้อง” ฟินนิคพูดก่อนจะโดนต่อย และทุกคนก็ได้เห็นว่าพีต้ากำลังเขินอายอยู่  เฮย์มิชทำหน้าแปลกไปเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจในตอนที่แคทนิสจับแขนเค้าแล้วบอกว่าต้องการคนช่วยเตรียมอาหารเย็น

“ฉันว่าบางทีเราอาจต้องใช้เวลาหน่อย  และมั่นใจว่านายกับพีต้าคงมีเรื่องอยากคุยกัน” เธอมองออกถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง  และตัดสินใจทำเรื่องที่ถูกถึงแม้เฮย์มิชที่ทำหน้าไม่เข้าใจจะท้วงอยู่บ้างก็ตาม

“อ้าวแต่ว่าฉันก็อยากคุยเหมือนกันนะ  เธอไม่คิดว่าฉันจะไม่อยากคุยกับเค้าหน่อยเหรอ  ทำไมต้อง...”

“เย็นนี้บนโต๊ะอาหารจะมีเราสี่คนเฮย์มิช  ฉันว่าคุณคงไม่อยากกินมื้อค่ำช้าหรอกใช่ไหม?” แคทนิสฝืนความต้องการอยากกลอกตา

“หา? ดินเนอร์สายเหรอ?  ช่าย ก็ใช่อยู่  ฉันชอบเป็นโรคกระเพราะตอนกลางคืนซะด้วยสิ...โว้ว  เฮ้” ยังพูดไม่ทันจบแคทนิสที่กลอกตาเสร็จไปแล้วก็ลากเค้าเข้าไปในบ้านนำหน้าชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน

“พวกเค้าเป็นอย่างนี้กันบ่อยๆ หรือเปล่า?” ฟินนิคงัดนิ้วโป้งไปทางที่ทั้งสองเพิ่งหายไป  พีต้ายักไหล่

“ไม่หรอก เฮย์มิชไม่ค่อยทำตัวบื้อส่วนแคทนิสก็ไม่เคยจู้จี้กับเค้าขนาดนี้น่ะ  แต่ฉันคิดว่าพวกเค้าอยากทำเพื่อนายนะ” แต่ฟินนิคไม่เข้าใจนัก

“ทำไมพวกเค้าต้องทำเพื่อฉันล่ะ?”

“ก็นายกลับมา” แล้วเด็กหนุ่มก็พบว่าตัวเองก็คงไม่ต่างไปจากสองคนนั้นเท่าไรนัก บางทีเค้าควรทำอะไรเพื่อฟินนิคบ้าง “ฉันว่าฉันน่าจะไป..”

“ไม่ต้องหรอก” แต่แล้วกลับถูกคว้ามือเอาไว้เสียก่อน  ฟินนิคเอ่ยเสียงไม่ดังนัก ใบหน้าของเค้าเหมือนกำลังวาดรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “นายแค่อยู่กับฉันก็พอ” ร่างสูงจับมือพีต้าไว้แน่น  เค้าสอดนิ้วเข้าไป  กระชับมันแล้วไม่ปล่อยอีกเลย จนทั้งสองเดินเข้าบ้านเพื่อหลบความหนาวเย็นของตอนกลางคืนไป

ที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดเตรียมเร็วเป็นพิเศษจนฟินนิคกับพีต้าไม่มีเวลาได้คุยอะไรกันมากนัก เฮย์มิชพูดมากเป็นพิเศษ  ชายอายุมากที่สุดบนโต๊ะหยอกเย้าถึงเครื่องรางหรือของขลังแห่งความโชคดีของชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง  ทุกคนหัวเราะก่อนฟินนิคจะบอกปฏิเสธไปน้อยๆ ทุกครั้งว่าไม่มีอะไร เค้าเพียงแค่ดวงดีเท่านั้น

แคทนิสพูดไม่มากตามเคย  เธอเอาแต่ประหยัดคำและจ้องฟินนิคที่นั่งเคียงคู่อยู่กับพีต้า  บอกตัวเองว่าที่เพื่อนจากเขต 4 กลับมานั้นเป็นความจริงและเธอควรเลิกรู้สึกผิดเสียทีในเมื่อฟินนิคกลับมาแล้ว เธอก็ไม่ควรคิดถึงเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านมาอีก

บนโต๊ะอาหารยังคงอบอวลเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อของฟินนิคผู้ทำเพียงแค่ยิ้มรับและเล่าเรื่องราวของคนที่ช่วยเค้าไว้เท่านั้น  ทุกคนจึงได้รู้เหตุผลว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้ดูแข็งแกร่งขึ้นทั้งๆ ที่ถูกสร้างเนื้อเยื่อใหม่  แต่เค้าไม่ได้บอกว่าแรงผลักดันที่ทำให้ออกเดินทางมาที่นี่ก่อนบ้านเกิดนั้นเป็นเพราะใคร

“อกนายแข็งเหมือนกำแพงเหล็กเลยเพื่อน” เฮย์มิชเอ่ยอย่างสนใจ เอากำปั้นจิ้มอกเค้าหลังจากทานมื้อค่ำเสร็จแล้ว และกำลังขอตัวกลับไปนอนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“แค่คุณทำแบบผมทุกวันก็เหมือนกันแล้วเฮย์มิช” ชายหนุ่มที่กอดอกพิงกับกรอบประตูว่า  พีต้าและแคทนิสกำลังช่วยกันล้างจานอยู่ในห้องครัวสลัวๆ นั่น

“โอ้ วันละห้าชั่วโมงน่ะเหรอ...เฮอะ! แค่ครึ่งชั่วโมงฉันก็เหลือทนแล้ว” เค้าหัวเราะก่อนจะพาฟินนิคหัวเราะไปด้วย  ชายขี้เมาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหนที่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มผมสีแทนอีกครั้ง  เฮย์มิชรู้สึกอบอุ่นใจที่หนึ่งในครอบครัวอันเล็กจ้อยของเค้ายังอยู่ดีอีกคนหนึ่ง...เค้ารู้ว่าฟินนิคเชื่อใจได้เสมอ เหมือนอย่างที่แคทนิสและเจ้าหนูพีต้าเองก็เป็น

เฮย์มิชเข้าบ้านที่เห็นอยู่ในสายตาอย่างชัดเจนไปแล้ว  ถึงแม้ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาอันแสนปิติที่ควรจะเฉลิมฉลองแต่ฟินนิคเห็นด้วยว่าทุกคนควรพักผ่อน  วันนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้นกันมากพอแล้ว  แคทนิสจึงขอตัวไปอย่างเก่ๆ กังๆ ก่อนพีต้าจะบอกว่า

“ฉันจะไปเตรียมห้องให้นายนะ เอ่อ...โทษทีอันที่จริงฉันควรทำเร็วกว่านี้” เด็กหนุ่มกลอกตา เสไปมองทางอื่นแล้วส่ายมือไปมาราวกับไม่รู้ว่าจะวางมันไว้ตรงไหนดี  แต่ฟินนิคกลับเดินเข้ามาใกล้แล้วถามเสียงสงสัยว่า

“ทำไมล่ะ?”

พีต้ากระพริบตาสั่น  นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมกลับมาจากความตายคราวนี้คนตรงหน้าถึงได้ทำตัวมากคำถามนัก  แต่ที่ไม่เข้าใจอย่างมากมายก็คือทำไมเค้าจะต้องใจสั่นตลอดเวลาที่อยู่กับฟินนิคด้วย  ซึ่งมันเป็นมากกว่าแต่ก่อนนี้ลิบลับเลย

“ก็...ก็นายจะต้องนอนไม่ใช่เหรอ งั้นฉันก็ต้องไป...”

“ไปห้องนายสิ” ร่างสูงพูดรวดเร็วราวกับว่าเค้ารอพูดคำนี้มาตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อนแล้ว

พีต้าหน้าแดง  มันคงส่งเสียงฉ่าให้ได้ยินไปแล้วถ้าทำได้  และนอกจากนั้นยังทำให้เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออกอีกด้วย

ร่างสูงก้มลงใช้ริมฝีปากประชิดลำคอและใบหูของหนุ่มน้อย “ห้องนายไปทางไหนล่ะ?” เค้าไม่มีความจำเป็นต้องพูดเสียงดังเลยแม้แต่น้อย  ฟินนิคหลับตาแล้วสูดหายใจเอาความอุ่นใจที่มีอยู่ในตอนนี้เข้าไป  เค้าได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากผมของพีต้า  กลิ่นสบู่ที่เค้าเองก็ใช้แต่ชอบให้มันอยู่บนเนื้อตัวของอีกคนหนึ่งมากกว่า

เด็กหนุ่มหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง  หนีลมหายใจอุ่นร้อนของร่างสูงที่รดเฉียดใบหูอยู่อย่างแข็งทื่อแล้วชี้นิ้วระริกอย่างว่าง่ายแทนที่จะพูดด้วยความยากลำบาก  พีต้าตัวเอนเอียง เดินก้าวถอยหลังไปตามแรงอกที่เบียดเหมือนจะผลักดันเพื่อนำทิศทางของฟินนิค  ร่างสูงใช้แก้มของตัวเองสัมผัสกับแก้มอุ่นๆ ที่อยู่ต่ำลงมาของพีต้า

เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ได้  ถึงแม้จะอยากต่อต้านเพราะความเขินอายของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้ เป็นเพราะอะไรเจ้าตัวก็ไม่ทราบได้  พีต้าเพียงคิดแค่ว่าที่ได้อยู่ใกล้ฟินนิคก็ดีแล้ว  ไม่อยากให้อีกคนหนึ่งหายไปอีก  จึงไม่แม้แต่อยากที่จะทำให้ร่างสูงนึกขัดใจ  เด็กหนุ่มเพียงแค่ก้าวถอยอย่างไม่แน่ใจและกางมือออกไปแตะคลำทางอย่างเสปะสะปะเพียงเท่านั้น  เสื้อยืดแขนยาวและกางเกงนอนขายาวนั้นก็ทำให้พีต้าดูเหมือนเด็กที่ใกล้จะสะดุดล้มเพราะขากางเกงของตัวเองอยู่แล้วรอมร่อ 

หนุ่มเบเกอร์รี่ถูกดันให้เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง โดยที่มีเพียงแสงไฟจากในห้องอันน้อยนิดเท่านั้นที่ส่องเงาของทั้งสองให้กระทบสาดออกมาบนทางเดินหน้าห้องก่อนร่างสูงจะปิดประตูลง

ฟินนิคเริ่มกอดพีต้า  แนบจมูกเข้าไปในซอกคอเนียนนุ่มแล้วสูดดม  เค้าสูดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ที่เจือปนด้วยดอกไม้เข้าไปจนเต็มปอด  กระชับแขนแน่นจนใต้แขนของเด็กหนุ่มลอยสูงขึ้นมา  ร่างสูงเลื่อนจมูก  ลากไล่เรื่อยไปอีกอย่างเก็บรายละเอียด...เค้าคิดถึง  ไม่รู้จะบอกอย่างไรดีว่าโหยหาแค่ไหน  ในตอนแรกขอเพียงแค่ได้เห็นหน้าชัดๆ เท่านั้นที่เค้าต้องการ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าพีต้าจริงๆ แล้วฟินนิคก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเค้าถึงห้ามตัวเองไม่ให้เข้าไปกอดจูบเด็กหนุ่มไม่ได้

ทุกอย่างคงเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วล่ะมั้ง

และจุดเริ่มต้นใหม่ก็กำลังเกิดขึ้น...

เสียงลมหายใจของพีต้าดังกระเซ้าขึ้นอย่างประหม่าในตอนแรก  ก่อนจะเป็นเสียงหายใจของฟินนิคเองที่ดังขึ้นอย่างเร้าร้อน  เด็กหนุ่มตัวสั่น เพื่อนร่างสูงที่อายุมากกว่าไม่เคยกอดเค้าแบบนี้มาก่อน  ถึงแม้ในตอนนี้ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปแล้วแต่พีต้าก็อดหวาดวิตกไม่ได้เลย

“ฟินนิค” ร่างสูงทำเหมือนจะฆ่าเค้าด้วยการดม “คะ คือว่า...อ๊ะ!

ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยเสียงไม่มั่นใจนั้นออกไป  ร่างของเจ้าตัวก็ถูกผลักลงให้ลงไปนอนราบบนเตียงหลังเก่าของตัวเองเสียแล้ว  พีต้าเบิกดวงตา  ศอกค้ำยันกับผืนผ้าห่มแล้วจ้องดวงตาระยิบระยับของฟินนิคตอบด้วยแววตาไหวระริกอันไม่แน่ใจของตัวเอง

ร่างด้านล่างมองเห็นคนด้านบนยิ้มก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบอย่างเบาบางและอ่อนโยนดั่งเช่นครั้งแรก  กระทั่งเพิ่มเติมเป็นความหนักหน่วงอันเร่าร้อนอย่างรวดเร็วในที่สุด  ฟินนิคไล่ฝ่ามือไปตามชายเสื้อ  สอดเสียดเข้าไปจนพีต้ารู้สึกถึงความอุ่นที่ลูบไล้ขึ้นมาราวกับรากไม้ที่กำลังเติบโต  เด็กหนุ่มจับบ่าของร่างสูงไว้ก่อนจะบีบแน่นอย่างร้องขอ จนทำให้ร่างสูงผละริมฝีปากออกมาจนได้ในที่สุด

แคทนิส  เธออยู่ที่นี่ด้วย” เด็กหนุ่มที่หอบหายใจอย่างติดขัดบอกเตือน  ผนังกั้นห้องและบานประตูไม่ได้หนานักดังนั้นหญิงสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามจะต้องได้ยินเป็นแน่อย่างไม่ต้องสงสัย  พีต้าจึงจำเป็นจะต้องบอกว่าพวกเค้าไม่ควรทำเรื่องแบบนี้ที่นี่

“ฉันว่าเราไม่...อื้อ” และยังไม่ทันไร ฟินนิคก็บอกร่างเล็กว่าเค้าไม่สนใจแคทนิสด้วยการจูบกลืนคำพูดห้ามปรามเหล่านั้นให้หายลงคอไป  มันดูดดื่มตั้งแต่ร่างสูงประกบปากแนบชิดลงไปในคราแรก

พีต้าพยายามผลักดัน แต่ทว่ามันกลับดูเหมือนสมยอมด้วยการโอบกอดอีกคนหนึ่งเสียมากกว่า  ชายหนุ่มยอมผละริมฝีปากแล้วแต่ก็ยังคลอเคลียอยู่กับลำคอขาวๆ นั้น

“ฉันไม่สนแคทนิสหรอก  ปล่อยเธอไป” เค้าพูด และเริ่มพรมจูบต่อไปอย่างหนักหน่วงแต่ละเมียดละไม  หลังจากนั้นจึงตรึงข้อมือทั้งสองข้างที่พยายามแตะห้ามเค้าเสียยกใหญ่ให้จมอยู่ในพื้นเตียงหนานุ่ม และขยับวางไว้บนเหนือหัวของพีต้าแล้วซุกจมูกไปตามซอกคอขาวกับใต้คอเสื้อที่ถูกซุกไซร้จนแหวกออกกว้าง

พีต้าได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังอยู่ใกล้ประชิดจนพาลทำให้ใบหน้าร้อนฉ่าไปด้วย  เด็กหนุ่มยอมรับว่าเกิดอาการวิตกเพราะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน  แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าการได้ใกล้ชิด เบียดกายจนแนบชิดกับฟินนิคทำให้รู้สึกร้อนผ่าวและเกิดอาการบิดเร้าอย่างแปลกประหลาด

“ฟินนิค...อื้อ  ฮ้าา อึก อยะ อย่าเพิ่ง...เดี๋ยวก่อนสิ” พีต้าไม่ได้ขยับข้อมือแรงเท่าที่ควร เนื่องจากร่างสูงด้านบนไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเค้าแต่ทว่าการที่นอนทอดกายอยู่แบบนี้มันก็น่าอายไม่ใช่เล่นเลย  เจ้าตัวไม่เคยคิดถึงเรื่องทำนองนี้มาก่อน  ด้วยความต้องการอันเดียงสาและบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มนั้นหวังเพียงแค่ให้ได้อยู่ในอ้อมกอดที่กระชับแน่นของอีกคนหนึ่งเพียงเท่านั้น

พีต้าเพียงแค่อยากให้ฟินนิคให้ความอบอุ่น จนหลับไปด้วยกันตลอดทั้งคืน  เจ้าตัวจะได้ไม่ต้องฝันร้ายอีกและไม่รู้สึกเดียวดายอย่างเช่นที่เป็นอยู่

แต่ทว่าในเวลานี้ ภาพที่ร่างเล็กได้วาดฝันเอาไว้กำลังถูกบิดเบือนไปโดยสิ้นเชิง  ด้วยความคิดถึงที่บีบตัวกันเป็นความต้องการของร่างสูง  เพราะในเมื่อความรู้สึกของทั้งคู่ชัดเจนแล้วฟินนิคก็ไม่รอช้าเลยที่จะทำความสัมพันธ์ของพวกเค้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น   ไม่สิ ไม่ใช่หรอก เรื่องนั่นน่ะมันเป็นแค่ข้ออ้างเพียงเท่านั้น  ชายหนุ่มตั้งคำถามมานานแล้วว่าถ้าหากได้ไล่มือไปใต้ชายเสื้อแสนสะอาดของพีต้าและได้ลากสันจมูกกับริมฝีปากไปบนผิวที่ดูเนียนนุ่มนั้นจะให้ความรู้สึกยังไงกัน  และตอนนี้เค้าก็กำลังค้นหาคำตอบนั้นอยู่

“ฟินนิค...” เสียงเด็กหนุ่มด้านล่างที่ถูกตรึงข้อมือเบาหวิว และเว้าวอนขอความเห็นใจอีกครั้ง 

“ว่าไง?” หลังจากนั้นร่างสูงก็รู้สึกเลยว่าพีต้าของเค้าตัวสั่น จึงคลายมือของตัวเองออก  เด็กหนุ่มจับอกเสื้อเหมือนกอดตัวเอง แล้วมีสีหน้าใคร่ครวญปนไม่แน่ใจนัก

คนส่งเสียงเรียก  เอื้อมมือขึ้นมาหาเค้า “พอแค่นี้ก่อนเถอะ” แล้วใช้นิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากของฟินนิคด้วยดวงตาฉ่ำน้ำอันไร้หนทาง “นะ” พีต้าขอร้อง  หลงกลัวทั้งแคทนิสและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งเจ้าตัวไม่รู้อะไรเลย

ใช่  พีต้าไม่รู้อะไรจริงๆ นอกจากการเผยอปากจูบกับคนอื่น...

ฟินนิครวบมือพีต้าไว้ข้างแก้มตนเองแล้วจูบอย่างอ่อนโยน “นายไม่รู้อะไรเลยเหรอ” ร่างสูงวางมือนั้นลงบนเตียง “ว่ามันได้เริ่มขึ้นไปแล้ว”

“หือ?”

“ต่อจากนี้ฉันต้องถอดเสื้อของนายออก  รู้ไหม?”

พีต้าทำหน้าพรั่นพรึงเหมือนเข้าใจแล้ว

“และกลัวว่ามันคงจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น...”

“เอ่อ ฉันคิดว่าเราน่าจะเกรง...อึ อ๊ะ อ่าา ฟินนิคอย่า...” พีต้าจับมือคู่ร้อนที่ลูบขึ้นจากท้องน้อยของเค้า “อ่า...อย่าเพิ่ง  อืออ  ฮึก” หน้าท้องขาวที่ปรากฏอยู่ใต้เสื้อกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัวกับความวาบหวามจากฝ่ามือร้อนที่ให้ความรู้สึกดีของอีกคนหนึ่ง

ฟินนิคนั่งคร่อมอยู่บนตัวของเด็กหนุ่มที่เค้ารัก  ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวลงเพราะกลัวพีต้าเจ็บ  ก่อนจะตั้งใจสัมผัสต่อไป  ไล่มือไปบนซี่โครงที่ให้สัมผัสที่แข็งแรงของกระดูกและยอดอกที่จู่ๆ ก็พลันแข็งตัวขึ้นมาสู้กับมือของเค้าเสียอย่างนั้น  ขาของพีต้าไม่อยู่เฉย มันขยับไปมาบนผ้าห่มราวกับว่ากำลังกระสับกระส่ายเพราะกำลังฝันร้ายอยู่  เด็กหนุ่มหายใจติดขัด  ไม่ได้ปัดมือของฟินนิคออกเพียงแต่ทาบมันลงไปบนข้อมือให้อีกคนหนึ่งหยุดทำแบบนี้เสียที

“อะ อ่าา  ฟินนิค...” เด็กหนุ่มบิดตัว  ถ้าหากทำมากกว่านี้เค้าอาจจะเก็บเสียงของตัวเองไว้ไม่อยู่และแคทนิสจะต้องรู้แน่ว่าพวกเค้าทำอะไรกันอยู่  ใครจะไปรู้ เธออาจจะพังประตูเข้ามาแล้วบอกว่าให้พวกเค้าหยุดทำเดี๋ยวนี้ก็ได้

แต่ร่างสูงไม่ได้ห่วงหรือแม้แต่สนใจความสอดรู้ของแคทนิสเลย  เค้าก้มตัวลงไปจูบกับพีต้าอย่างอ่อนโยนและทำซ้ำอย่างนั้นอยู่หลายทีก่อนจะพรมจูบลงมาเรื่อยๆ ยังต้นคอขาวกระทั่งมาถึงยอดอกสีหวานที่แข็งขืนอยู่ในแสงไฟสลัว  ฟินนิคถอดเสื้อยืดตัวบางที่ไร้ความหมายของพีต้าออกอย่างง่ายดายถึงแม้เจ้าของจะไม่ใคร่ให้ความร่วมมือนักก็ตาม  ก่อนเค้าจะฝังยอดอกน่ารักนั้นเข้ามาในโพรงปากของตัวเอง แล้วเสียงร้องอันสั่นกระเซ้าก็ดังขึ้นพร้อมกับหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นสูงเหมือนระรอกคลื่นของพีต้า

อะ อ้า!....อ่าา อึก  อา ฮาา  ฮึก ฟะ ฟินนิค...อ้าา..า” เค้ารู้เลย พีต้าไม่เคยนอนกับสาวคนไหน  จากฝ่ามือที่ซุกเข้ามาใต้เรือนผมของเค้า   พีต้าขยำมัน และคลึงไปมาอย่างอ่อนไหว  ร่างสูงจึงส่งมือของตัวเองลูบไล้ไปทั่วตัวของเด็กหนุ่มบ้าง  เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฝ่ามือน้อยๆ นั้นที่ทำกับผมของเค้า

เสียงฝ่ามือเสียดสีลากผ่านผิวกายยังคงดังแผ่วขึ้นต่อสู้กับเสียงที่บ่งบอกว่าอ่อนประสบการณ์ของพีต้า  เด็กหนุ่มพยายามแล้วแต่ว่าเรี่ยวแรงกลับถูกสูบหายไปอย่างรวดเร็วด้วยปล่อยลิ้นแล้วฝ่ามือที่พาให้อ่อนระทวยของฟินนิค  เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้เลยกับร่างสูงที่ไล่เลียยอดอกอย่างเอาใจ  และทำให้รู้สึกราวกับว่าจะอยู่ด้วยกันบนเตียงนี้ไปอีกนาน

“ฮะ อ๊ะ...อาา ฟินนิคอย่า พอ...พอแล้ว” พีต้าว่าเสียงกระเซ้า  ซุกมือเข้าไปในเรือนผมสีเดียวกันนั้นอีก  ก่อนร่างสูงจะยอมทำตามแต่โดยดีหลังดึงดันไม่ยอมมาตั้งแต่แรก  ฟินนิคลวงมือเข้าไปใต้กางเกงนอนของพีต้าแล้วลูบสะโพกที่สะดุ้งหนี

“ไม่ต้องกลัวพีต้า  อยู่นิ่งๆ สิ” ชายหนุ่มด้านบนกระซิบบอก  แต่เด็กหนุ่มที่ขยุ้มอกเสื้อตัวเองกลับทำหน้าไม่เข้าใจแล้วงอเข่าเหมือนรู้สึกตัวคนเดียว  ก่อนฟินนิคจะรูดมือลงแล้วดึงกางเกงของเด็กหนุ่มออกมาอย่างนุ่มนวลแต่ไหลลื่น

“เฮ้” พีต้าประท้วงเสียงน้อยในลำคอ  พลางมองสีหน้าที่ประดับรอยยิ้มน้อยๆ อย่างอบอุ่นที่เป็นอยู่ประจำของฟินนิคแต่ทว่าวันนี้มันกลับดูเจ้าเล่ห์มากกว่าเดิม  ร่างสูงก้มลงมาแล้วกระซิบบอกว่ามันจะไม่เป็นไร ทุกอย่างจะเรียบร้อย  ก่อนจะลดริมฝีปากลงจูบซอกคอและกกหูของร่างเล็กอีกครั้งเพื่อให้พีต้าผ่อนคลาย  ในระหว่างนั้นฟินนิคก็ไม่ลืมที่จะกระซิบปลอบโยนไปด้วย

ต่ำลงไปข้างล่างพีต้าเริ่มรู้สึก ถึงแม้จะไม่รู้ตัวก็ตาม  ฝ่ามืออุ่นรับหน้าที่อาสากอบกุมมันไว้แล้วให้ที่พักพิง  ในคราแรกพีต้ารั้งมือห้ามเค้าไว้ แต่ฟินนิคก็พูดเสียงแหบพร่าไปว่าให้เค้าจัดการเอง  เด็กหนุ่มจึงยอมฟังอย่างว่าง่าย  ไม่เป็นการฉลาดนักหากยังงี่เง่าถอยหนี  พีต้าไม่ปฏิเสธออกไปว่าตัวเองก็ต้องการฟินนิคเหมือนกัน  จึงโอบแขนรอบลำคอของฟินนิคเมื่อถูกอีกฝ่ายขยับเข้าหา

เสียงจูบและดูดดึงริมฝีปากดังขึ้นเป็นจังหวะประปรายราวกับว่าถ้าขาดหายไปแล้ว ทั้งสองจะหายใจไม่ออก  ตอนนี้เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ตัวเปลือยเปล่าแล้วและกำลังบิดกายอยู่ใต้ร่างของร่างสูงด้วยความรู้สึกที่แทบจะขาดใจ

“อะ อาา ฟินนิค” เสียงพีต้าสั่นเครือทั้งประโยค  เมื่อฝ่ามือของร่างสูงไม่ได้เคลื่อนไปไหน ยังคงมีธุระอยู่กับตรงกลางตัวของเด็กหนุ่ม  มันบีบนวดและคลึงมือยุบยับไปหมดจนพีต้าต้องหอบหายใจหนักและสะกดกลั้นเสียงหลงในลำคอคอเอาไว้อย่างสุดความสามารถ  ฟินนิครู้สึกถึงลำตัวที่เกร็งไปหมดทุกส่วนของเด็กหนุ่มใต้อ้อมกอดก่อนจะจูบไปที่ขมับชื่นเหงื่อแล้วกระซิบคำพูดบางอย่างด้วยความนุ่มนวล

พีต้าโอบมือขึ้นกอดฟินนิคที่พาดเงาทาบทับเจ้าตัวให้อยู่ภายใต้ความมืดและความร้อนรน  เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าแกนกายที่ถูกมือขยับขึ้นลงไปมานั้นได้แข็งตัวขึ้นมาพร้อมกับสะโพกไร้ตำหนิที่ยกลอยขึ้นสูงเกือบไปเบียดกับเปากางเกงของอีกคนหนึ่งอยู่แล้วรอมร่อ เพราะความพลุ่งพล่านและสัญชาติญาณที่กำลังทำความรู้จักกับพีต้า  เด็กหนุ่มกระชับแขนที่กอดกับคนร่างสูงไว้แน่น  แผ่นหลังขาวเนียนนั้นยกลอยขึ้นจากพื้นเตียงยับย่น  ทั้งสองจูบกันอีกครั้ง  แลกลิ้น  ดูดดื่ม  ลมหายใจปะทะกันและโอบกอดกันจนเหมือนจะใครสักคนจากไป

เสียงจูบ  เสียงลมหายใจ  และเสียงเสียดสีของผิวกายที่ขึ้นอุณหภูมิร้อน  ไม่สามารถสู้กับเสียงพูดเป็นประโยคในเวลาถัดมาได้เลย

พีต้า” เสียงนั้นดังขึ้นอย่างไม่เต็มเสียงนัก “นายนอนหรือยัง?” มันดังขึ้นหลังเสียงเคาะประตู



.



.



.



TBC.



-------------------------------------------------------------------------------------



อา อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! >{}<  นัง....อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  ไรท์จะสปอยล์แล้วค่ะ  อิตัวขัดจังหวะมีอยู่คนเดียว  ต่อ....อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!! กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ  //ดิ้น// ไรท์ไม่ยอมค่ะ  ไรท์ไม่ย๊อมมมมมมม  แคทนิสสสส ไปตายซ๊าาา >[]< กี่เดือน...กี่เดือน?! ที่ฟินนิคนับว่าที่จะได้เจอพีต้า  กี่สิบวันกันที่เค้าวางแผนจะสารภาพรักแล้วล็อคประตูหนีเธอด้วยเหตุผลที่แสนจะฟังขึ้นนี้???!!!!  นี่เธอจะให้ฉันขึ้นจริงๆ ใช่ไหมยะ?

โอ๊ยยยยยยยยย  เบื่อจังค่ะรีดขาาา  ช่วยกันกดโหวตให้แคทนิสออกไปนะคะ 555555  เฮย์มิชไปไหน  ตาลุง รีบมาลากเธอไปเลย   ง่อววววว  โอยยย จะไงต่อเนี่ยยยย  ช่วยกันลุ้นใน Part ต่อไปนะจ๊ะ ^^  55555  NC ฟินนิคพีต้ามาแล้วค่ะ  ในที่สุดๆ 555555  //รีดบอก ฉันรอแกมานานมากกกก//

ฉากที่หมั่นไส้สุดตอนไหนรู้ไหมคะ?  อิตอนที่...

"ไปห้องนายสิ"

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย >[]< บ้าๆๆๆๆๆ แล้วยังมีหน้ามาเอาแก้มนาบแก้มน้องของฉันเข้าไปในห้องของเค้าอีก  หน้าไม่อายที่สุดเลยยยยยย  นี่แหละๆๆ //ทุบอกฟินนิครัวๆ ก่อนโดนสวนด้วยหอกเข้ากลางอก//

ขอบพระคุณทุกท่านที่รับอุปการะฟินนิคและพีต้านะคะ  รักเว่อร์ๆ เลยค่ะ  ^^ อย่าลืมติดตาม Part กันด้วยนะเออ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund