วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 8] The Possible – Finnick x Peeta



อร๊ายยยยยยยยย มาแล้วค่ะรีดๆ ขาา  อันที่จริงจะลงตะกะตอนบ่าย  ตอนนี้มาซะเกือบดึกเลยค่ะ 555555  ไรท์ไม่มีอะไร Talk มากค่ะ  แนะนำแค่ว่าให้เปิดหน้ายูทูปแล้วฟังเพลง

-          Ost. Disney's Cinderella Official - Audiomachine - Above and Beyond & Switch – Aeon

-          Beauty and the Beast Official Trailer Music - Really Slow Motion - Reborn - Epic Trailer – EMVN

นี้ค่ะ 5555  ไรท์มีโรคส่วนตัวค่ะ  ชอบฟัง Soundtrack ของหนัง   ไปอ่านกันเลยค่าา >///<




------------------------------------------------------------------------------------------



มันช่างเป็นภาพที่น่าดูเมื่อตรงหน้าของคุณนั้นคือพระอาทิตย์ดวงเดิมที่สวยกว่าตอนไหนๆ ของวัน  และกำลังหย่อนลงตรงกลางระหว่างภูเขาสองลูกที่ตั้งเคียงกันอยู่ตรงนั้น  รอบข้างของคุณคือต้นไม้ที่กำลังเติบโตเขียวชอุ่ม  ทุ่งหญ้าที่กว้างขว้างสุดลูกหูลูกตาซึ่งกำลังถูกย้อมไปด้วยแสงสีส้มแก่ของดวงอาทิตย์  แม้แต่ใบหน้าของคุณเองก็ยังต้องแสงนั้น  ผมของคุณกลายเป็นสีส้มแทนที่มันจะเป็นสีบล์อน  ก่อนคุณจะตกตะลึงจนสุดขีดเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากเนินทุ่งตรงหน้า



.



.



.



เด็กหนุ่มดวงตาเบิกกว้าง  คลายขายืดตรงจากการชันเข่า  มือของเค้าละออกมาจากดอกไม้เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า...ตรงเนินนั่น  โดยมีทุ่งกว้างแผ่ขยายอยู่รอบข้างตัวเค้า  ในตอนแรกเด็กที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้ายังไม่แน่ใจนักเพราะดวงอาทิตย์ร้อนแรงทำให้ภาพของชายตรงหน้าดำมืด  เค้าคนนั้นเดินเข้ามา  เสื้อแขนยาวสีดำแนบเนื้อนั้นดูตัวใหญ่ แต่ไม่ทำให้ดูโคร่งเพราะคนใส่นั้นใส่มันได้อย่างพอดิบพอดี

พีต้าขมวดคิ้วแล้วเลิกขึ้นสูง  ยืดตัวสูงขึ้นอย่างฉงนงุนงงเมื่อคิดไม่ออกว่าใครกันที่มีธุระกับที่นี่  เค้าเป็นคนแปลกหน้า...แปลกหน้าแต่ทว่าร่างเล็กกลับรู้สึกคุ้นอย่างมากมาย  และในชั่ววินาทีต่อมาพีต้าก็รู้สึกเหมือนแผ่นดินใต้ตัวถูกสั่นอย่างแรงจนตัวโคลง เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าผู้นั้นถอดกระเป๋าสะพายหลังออก โยนมันลงกับพื้นอย่างไร้ค่าแล้วขยับตัวช้าลง  ท่าทางของเค้าดูเหมือนตื่นเต้นจนไม่แน่ใจ

พีต้าลุกขึ้นแล้ว  ไม่ได้ละสายตาไปจากอีกคนหนึ่งเช่นที่ร่างสูงเองก็เป็นอย่างนั้น  คนมาใหม่ก้าวช้าลงจนหยุดเดินแต่เด็กหนุ่มก็ถูกผลักดันให้เริ่มออกเดินในตอนนั้นนั่นเอง  พีต้าก้าวเท้าเบาหวิวเหมือนรู้สึกว่าลอยได้  เมื่อแสงอาทิตย์เกือบลาลับจนแสงเจิดจ้าหายไปเด็กหนุ่มจึงขมวดคิ้วอีกครั้ง

ชายตรงหน้าของพีต้ามีผมสีบล์อน  ตัดสั้น  โครงหน้าเป็นสัดส่วน  คิ้วสีเข้มและมีดวงตาสีค่อนกระจ่างที่กำลังหรี่มองเด็กหนุ่มจากระยะไกลอย่างไตร่ตรอง  เค้าดูตัวใหญ่มากกว่าที่ควรจะเป็น  ก่อนชายคนนั้นจะกลืนน้ำลายลงคอแล้วเอ่ยขึ้นทันที

“พีต้า” ฟินนิคไม่ได้กระซิบ แต่เอ่ยเรียกเพื่อร้องหาการตอบรับ  หากเด็กหนุ่มตัวเปื้อนดิน ผมยาวมากกว่าที่จำได้ตรงหน้านี้คือคนที่เค้าตั้งใจจะมาหา.....มันก็ช่างเร็วเกินไปจนเตรียมใจไม่ทัน

คนถูกเรียกนิ้วกระตุกพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่พลิกกลับมาเต้นรัวอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้งโดยไม่มีคำบรรยาย  พีต้าเดินเข้าไปหาเร็วขึ้น  รู้สึกราวกับว่าไม่ได้เหยียบอยู่บนพื้นดินอีกต่อไปแล้ว เท้าของเค้าเหมือนลอยอยู่บนอากาศ

“ฟินนิค...”

อีกคนหนึ่งเดินมาหาเค้าแทนคำตอบ

ฟินนิค!” เด็กหนุ่มออกวิ่งเต็มที่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในรอบหลายเดือน “ฟินนิค!” พีต้าไม่รู้ว่าเสียงตัวเองสั่นเครือ

ฟินนิคเองก็เร่งฝีเท้าแต่ไม่ได้วิ่งเหมือนพีต้า เค้ากระซิบอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “พีต้า...” เด็กหนุ่มของเค้ายังคงปลอดภัยและแข็งแรงดีอย่างน่าอัศจรรย์  มันเหมือนกับฝันไปที่ได้เห็นพีต้ากำลังวิ่งเข้ามาหาเค้า ไม่ใช่ยืนงงด้วยข้อกังขาทั้งหลายอย่างคับข้องใจว่าคนที่ตายไปแล้วอย่างเค้ามาทำอะไรที่นี่

ร่างสูงอ้าแขนออกกว้างแล้วกอดร่างเล็กที่โถมตัวเข้าใส่ด้วยความแข็งแรงแต่ก็อ่อนโยนด้วยในเวลาเดียวกัน  พีต้ากดตัวเองเข้ากับร่างที่กำยำขึ้นของอีกคนหนึ่งส่วนฟินนิคก็กอดเด็กหนุ่มราวกับว่าบนโลกนี้เค้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกเสียจากการที่ได้พบพีต้า

“พีต้า  พีต้า...โอ้ พีต้าของฉัน” ฟินนิคพูดย้ำเหมือนได้ของหายคืนแล้วกดศีรษะของอีกคนหนึ่งลงบนลาดไหล่ของเค้าอย่างแสนรัก  พีต้าปลอดภัยและกอดเค้าด้วยแรงที่แขนเล็กๆ คู่นั้นพอจะเอื้ออำนวยได้

เด็กหนุ่มเบะปาก  ไม่ได้พูดอะไรแต่ร้องไห้  เจ้าตัวขยำเสื้อสีดำของคนกอดอย่างไม่หยุดหย่อน  ซบหน้าแล้วฝืนสะอื้นพูด “ฟิ...ฟินนิค” เสียงนั้นฟังดูอู้อี้ “นายหายไปไหนมา?”  กระท่อนกระแท่นแต่ก็ทำให้ร่างสูงอบอุ่นหัวใจ

พีต้าคิดถึงเค้า  ยังคงโหยหาถึงการมีอยู่ของเค้าดั่งเช่นที่เคยเป็น  และดูเหมือนมันคงจะเป็นอย่างนั้นต่อไป...

“ฉันกลับมาแล้ว” เค้าปลอบ  ลูบผมของเด็กหนุ่มที่ทรุดตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรงกับการร้องไห้  ร่างสูงยอมทำตาม  ไม่ฝืนเด็กหนุ่มของเค้า “โทษที  ฉันมาช้าไปหน่อย” ฟินนิคพูด เหมือนเค้าเป็นพี่ชายที่มารับน้องชายช้าไปนิดหนึ่งเพราะปัญหาจราจร ก่อนพีต้าจะตะครุบเสื้อยืดแขนยาวของเค้าอีกครั้งแล้วตัวสั่น



.



.



.



ผมมาถึงแล้ว  มาที่นี่  เขต 12 ที่พีต้าอาศัยอยู่เพื่อหลบหนีความวุ่นวายและรักษาบาดแผลทางหัวใจจากแคปปิตอล  ผมมาถึงโดยที่ระยะเวลาสามชั่วโมงถูกร่นลงมาเหลือเท่าไรก็ไม่รู้ได้  และผมก็ได้พบเค้า

พบพีต้าที่กำลังนั่งมองพระอาทิตย์อยู่คนเดียวอย่างเดียวดาย

เค้าดูสบายดี แต่ท่าทางกับดวงตาดูเศร้ามากเหลือเกิน  เค้าดูน่าสงสาร  ผมไม่แน่ใจ  แน่นอน คราแรกแทบจำเค้าไม่ได้เพราะพีต้าที่ผมเห็นอยู่จนชินตาเป็นคนสะอาดแต่วันนี้เค้าเหมือนเพิ่งสู้กับดินมาหมาดๆ และผมยาวขึ้นกว่าแต่ก่อนอยู่พอสมควร  แต่ก็จำเค้าได้ในที่สุดและได้กอดเค้าสมใจอย่างที่อยากทำเมื่อพบเค้า

พีต้าร้องไห้ไม่หยุด  คำพูดไม่ได้ศัพท์นั้นทำผมฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็รู้สึกรักมากมายเหลือเกินที่ได้ฟังเสียงของเค้าอีกครั้ง  ผมยิ้มและรอให้เค้าเงียบซะก่อน  ผมเช็ดคราบดินและน้ำตาจากใบหน้าของเค้าในตอนที่เรานั่งอยู่บนพื้นหญ้าถัดจากแปลงดอกไม้ที่ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าเป็นของใคร

ไม่ใช่ของแคทนิสแน่

เฮ้” ผมทักเค้าอย่างเป็นทางการ “หวัดดี” แล้วยิ้มกับคำพูดไม่หรูหราของตัวเอง

“นายหายหัวไปไหนมาฟินนิค?!” พีต้าขว้างคำทักทายของผมทิ้งไป พูดเสียงไม่พอใจและพยายามทำหน้าขุ่นเคืองใส่ผม แต่ดวงตาฉ่ำน้ำนั้นก็สั่นระริกอย่างปิดไม่มิด “ฉันนึกว่านายตายไปแล้ว” เค้าพูดความจริงที่แสนปวดใจด้วยเสียงอันอ่อย แต่ผมก็โชคดีที่สุดแล้วที่ได้กลับมาหาเค้า  ผมเลยพูด

“หลายคนคิดอย่างนั้นพีต้า  แม้แต่ฉันเอง” ก่อนจะสูดหายใจเข้าแล้วยักไหล่ “แต่อย่าเชื่อทุกอย่างซะทีเดียว” หนุ่มเบเกอร์รี่เสื้อเปรอะเปื้อนมองหน้าผมด้วยแววตาที่ไหวไปมาบ่งบอกถึงความเคร่งเครียด

“แต่ฉันได้ยินเสียงระเบิด  แคทนิสบอกว่าเราเสียนายไปแล้ว  นาย...” เค้าเว้นประโยคเพื่อถามผม  ผมจึงเล่าเรื่องของไทกรีส  บีสตันและเพื่อนๆ ของพวกเธอให้พีต้าฟัง  มันฟังดูเหลือเชื่อ แต่ก็ง่ายดายมากที่จะเล่าให้พีต้าเข้าใจว่าทำไมผมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้  แต่การพูดถึงสาเหตุของความสมบรูณ์ทางร่างกายที่สร้างใหม่จากการกระตุ้นปฏิกิริยาของเซลล์เป็นเรื่องยากที่ผมโยนทิ้งไปและไม่พูดให้เค้าฟังจะดีกว่า เมื่อพีต้าไม่เออออตอบผมตั้งแต่คำแรก

ก็อย่าอะไรเลย แม้แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจบีสตันเท่าไรนัก

เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ที่ตาบวมของผมนิ่งไปพักหนึ่งหลังเล่าจบ  เค้าซึมซับทุกอย่างเข้าไป  เรียบเรียงแล้วบอกตัวเองว่ามันเป็นเรื่องจริงที่สามารถเชื่อถือได้ได้สำเร็จก่อนจะหน้ามองผมอย่างทึ่งๆ

“นายนี่อึดชะมัดเลย” อีกฝ่ายบอกออกมาในที่สุด  ผมหัวเราะ แต่เค้ากลับทำหน้าเหมือนจะโกรธผมอีกครั้ง ก่อนผมจะยิ้มอ่อนๆ แล้วมองพีต้า

“ฉันเกือบตายไปแล้วพีต้า  อันที่จริงฉันพร้อมที่จะตายได้ทุกเมื่อนั่นล่ะ...” ก่อนจะเลื่อนมือมาปัดผมด้านหน้าของเค้าแล้วลดเป็นเสียงกระซิบ “แต่พอนึกถึงนายแล้วมันกลับทำให้ฉันเกิดกลัวขึ้นมาพีต้า...กลัวตาย” ผมเน้นเสียง ทำหน้าไม่เข้าใจอย่างเจ็บปวดเพราะตัวเองก็ไม่คุ้นชินกับคำนี้เหมือนกัน “อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพีต้า และนั่นเป็นเพราะฉันคิดถึงนาย” ผมใช้มือสัมผัสหน้าเค้า ทาบมันลงไปอย่างแผ่วเบา

“เพราะฉันเหรอ?” สีหน้าของเค้าในตอนที่ไม่เข้าใจไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย  และมันทำให้ผมยิ้มได้เสมอ

ใช่ เพราะนาย” ผมพูด “นายทำให้ฉันคิดว่าบางที่ฉันอาจยังไม่พร้อมที่จะตาย” แก้มของเค้าอุ่นขึ้นเมื่อผมเกลี่ยนิ้วหัวแม่มือไปมาอย่างเชื่องช้า  สบตาสีน้ำตาลคู่นั้นและจ้องมองลงไปอย่างไม่หลบเลี่ยงเหมือนเช่นเมื่อก่อน “เพราะมีหลายอย่างที่ฉันต้องบอกให้นายรู้พีต้า” แก้มของพีต้าอุ่นขึ้นในตอนที่ผมประคองมันไว้แล้วก้มลงจูบเค้า

มันเป็นจูบที่เบาบาง  ผมกดริมฝีปากลงไป  รู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นจากริมฝีปากบางของอีกคนหนึ่งและสายลมที่พัดกระทบอย่างมีน้ำหนัก  พีต้านิ่งไป  เงียบสนิทและไม่ทำอะไรเพราะความตกใจ  ผมเดาว่าอย่างนั้น แต่ก็ไม่ยอมปล่อยจนกว่าจะโดนผลักออกมา  ทว่ากลับไม่เป็นอย่างนั้น  เด็กหนุ่มของผมเลื่อนมือขึ้นมาโอบรอบคอ  ท้ายทอยผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ จากมือของเค้า

ผมรู้สึกถึงเส้นผมอ่อนนุ่มของเค้า พัดเข้ามาโดนแก้มของผมจนรู้สึกจักจี้...เพราะมันอ่อนนุ่มเลยเป็นอย่างนั้น  ใช่แล้ว  ในอ้อมแขนของผมคือพีต้า เป็นเด็กหนุ่มรักสงบเกลียดสงครามคนนั้นที่ผมรัก  และผมได้มาอยู่ตรงนี้แล้ว  กอดเค้าอย่างแน่นที่สุดเท่าที่ต้องการ ได้จูเค้าจนกระทั่งตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

ผมจึงขยับปากแล้วจูบอีก  ขอความอนุญาตจากเค้ามากขึ้น  คราวนี้พีต้าตอบรับในที่สุดและขยับปากแบบผมแต่ผมก็ไม่รออะไรแล้ว  เข้าไปคลอเคลียในปากของเค้าอย่างรวดเร็วเดี๋ยวนั้นเลย  พีต้าตัวอ่อนยวบ  เค้าเอนตัวไปด้านหลังเพราะผมเริ่มจูบเร็วและหนักไป  ดังนั้นผมจึงรั้งตัวเค้าไว้  ใช้แขนโอบรอบแผ่นหลังและเอวที่ให้ความรู้สึกไม่สมบรูณ์ขึ้นเลยตั้งแต่เราจากกัน

ผมกระพริบตาเบาๆ เห็นพีต้าหลับตาไม่สบตาผม  และเห็นแสงอาทิตย์ที่เป็นสีส้มสีโปรดของเค้าอาบรอบตัวเรา  สายลมที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายพัดใบของต้นมะฮอกกานีให้ลอยคว้างอยู่รอบตัวเรา

ผมชันเข่าขึ้นมาประคองหลังของพีต้าเอาไว้อีก  กอดรัดอีก  ตัวของเราแนบชิดกันมากขึ้นจนผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเบียดเค้าอยู่

ผมละปากออกแล้วล่วงล้ำเข้าไปใหม่  ได้ยินเสียงหายใจสะดุดของพีต้าผมเลยกดเค้าเข้าหาตัว  เสื้อผ้าเราเสียดสีกัน  จูบ  ดูดดื่มด้วยลิ้นของผมที่ไล่ต้อนความไม่มีประสบการณ์ของเค้า  ผมรู้สึกถึงมือคู่หนึ่งที่กำเสื้อไว้แน่น  รู้สึกถึงดวงตาที่สั่นระริกของพีต้าจนทำให้ตัวของเค้าสั่นไปด้วย

ผมหันหน้าไปมา  ไม่รู้จะจบตรงไหนดีเพราะพีต้าหวานไปหมด  ผมคงคิดถึงเค้ามากเกินไป และพยายามบอกตัวเองแล้วว่ากำลังจะทำให้เค้าตกใจแต่ก็ยังยากเกินไปอยู่ดี  ความคิดถึงทำให้ความต้องการนั้นดื้อดึงจึงทำให้ผมแทบกลืนริมฝีปากบางๆ ของเค้าให้หายไปด้วยปากของตัวเอง  แต่สุดท้ายก็หักห้ามใจได้สำเร็จในตอนที่พีต้าเกือบหมดลมหายใจพอดี  ก่อนพบว่าตัวเค้านอนราบอยู่บนเนินหญ้าโดยที่มีผมกอดทับอยู่ข้างๆ

ผมคิดว่าเราคงไม่จำเป็นต้องเล่นบทเพื่อนที่มีความรู้สึกแสนบริสุทธิ์ให้กันและกันอีกแล้วล่ะ  จูบของผมมันแฉความในใจของเราออกไปหมดแล้ว

ให้ตายเถอะ...ผมสบถใส่ตัวเองในใจ  แต่ก็ไม่อาจละสายตาไปจากคนที่เพิ่งจูบไปได้เลย  พีต้าจ้องตอบมาด้วยดวงตาสีน้ำตาลแวววาวและมือของเค้าก็ขยุ้มเสื้อของผมแน่น

ผมไม่แคร์แล้วก็ได้...

“นายทำให้ฉันคิดถึงอย่างอื่นไม่ได้เลยพีต้า” ผมส่ายหน้าน้อยๆ  เสียใจที่ตัวเองดูหมกมุ่นมากเกินไป  แต่พีต้าคลายมือจากอกเสื้อของผมแล้วเลื่อนขึ้นมาที่บ่า  นิ้วซุกเข้าไปในไรผมของผมอีกครั้ง  นิ้วชี้เล็กๆ นั้นขยับคลึงไปมา  สีหน้าของเค้าและนิ้วชี้ที่อยู่บนท้ายทอยของผมดูไม่แน่ใจ  พีต้าดูประหม่า  เคอะเขินและกำลังฝืนยิ้ม  ผมเดาสีหน้าเค้าได้ไม่ยากเลย  และไม่นานแรงยื้อที่คอก็เกิดขึ้น

ผมก้มลงไป  และเราก็จูบกันอีกครั้ง



.


.



เมื่อนานมาแล้วมีชายหนุ่มผู้กล้าหาญและแสนเก่งอยู่คนหนึ่ง เค้าเคยขบคิดกับตัวเองอย่างหนักอยู่นานระหว่างเข้านอนว่าพรุ่งนี้เช้าเค้าจะตื่นขึ้นมาแล้วพูดคุยเรื่องอะไรกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เค้ามีความรู้สึกอันแสนพิเศษให้ ว่าอย่างไรดี  และเค้าก็คิดได้ กระทั่งได้รับคำตอบมาในที่สุดนั่นเองว่าเด็กหนุ่มของเค้าชื่นชอบสีส้มสุดท้ายของพระอาทิตย์มากที่สุดกว่าสิ่งไหน  มันให้ความรู้สึกที่เป็นอิสระและน่าประทับใจ...พีต้าบอกอย่างนั้น

และหลังจากนั้นฟินนิคก็ได้รู้เรื่องราวของพีต้ามากมาย  เค้าถามเด็กหนุ่มมากพอที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นคนใกล้ชิดที่สุดไปได้ไม่ยากเลย  และนอกจากนั้นยังมีหลายเรื่องที่พีต้ายังไม่รู้เกี่ยวกับตัวเองแต่ฟินนิคกลับรู้ดีอีกด้วย  มันช่างเป็นเรื่องที่ชัดเจนอย่างไม่ต้องบอกเลยว่าชายหนุ่มที่อายุมากกว่าถึงเจ็ดปีคนนั้นรู้สึกอย่างไรกับเด็กหนุ่มบ้านขนมปัง

แต่ทว่าเค้าไม่สามารถบอกมันได้...

ทั้งสงครามและข้อเตือนใจที่ว่าพีต้าอาจไม่รู้สึกเหมือนเค้าทำให้ฟินนิคต้องรู้สึกรักอยู่ข้างเดียว  เค้าสูญเสียความมั่นใจไปในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะกลับมามีความหวังอีกครั้งเมื่อพีต้ามอบดวงตาไหวระยิบและหลบสายตาเค้าบ่อยขึ้นอย่างที่ไม่เคยมอบมันให้ใครมาก่อน 

แต่แล้วสงครามกลับพรากมันไปอีกครั้งด้วยการคร่าชีวิตของเค้า

แน่นอนเค้าไม่ตาย  แค่เกือบตาย  แต่นั่นก็ทำให้พีต้าคิดว่าเค้าไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว  เด็กหนุ่มช็อค  เสียใจ  และร้องไห้อย่างหนัก  พีต้าอ้อนวอนกับตัวเองขอให้ได้เจอฟินนิคอีกครั้งและขอให้เค้ากลับมา  แต่ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้  เด็กหนุ่มรู้ดี

จนกระทั่งตอนนี้เมื่อเวลาได้หมุนเดินไปอย่างนานแสนนานสำหรับเด็กหนุ่ม  วันนี้  ที่นี่  ตอนนี้  ชายหนุ่มที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกแล้วกลับปรากฏตัวขึ้นตาหน้า  หัวใจพีต้ากลับมาเต้นระรัวอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง  ได้จูบฟินนิคอย่างที่ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้

สงครามและความถูกต้องของความรักที่ปิดกั้นเคยทำร้ายพวกเค้า  และตอนนี้มันได้พังทายลงแล้ว  ไม่มีสงคราม  ไม่มีเสียงกรีดร้อง  ไม่มีความหดหู่  ไม่มีการทรมานและการพลัดพรากอีกต่อไป  ซึ่งพร้อมกันนั้นพวกเค้าทั้งสองก็ได้ยอมรับกับการสูญเสียที่ทำให้เกิดการห่างเหินซึ่งกันและกันแล้วว่าไม่อาจทำตัวเก็บซ่อนความรู้สึกเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไป

ในตอนที่ฟินนิคจูบ  พีต้าทั้งดีใจ  โล่งใจ  และเอ่อล้น เด็กหนุ่มบอกตัวเองว่าถ้าหากฟินนิหายไปอีกเค้าจะทำอย่างไร  ต้องไม่ใช่ร้องไห้จนตายแน่ๆ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก  เด็กหนุ่มจากเขต 12 จึงกอดคนที่คิดถึงมาตลอดเวลาหกเดือนเอาไว้และจูบเค้าตอบอย่างไร้ข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น

สายลมพัดกระจายอย่างอ่อนไหวอยู่รอบตัวของพวกเค้า  ในขณะที่จูบกันใบไม้ที่หลุดร่วงเต้นรำกับสายลมห้อมล้อมฟินนิคและพีต้าเอาไว้  เหมือนฉากจบที่สมบรูณ์แบบของเทพนิยายที่สุดท้ายแล้วเรื่องราวก็ได้จบลงในตอนที่เรื่องเลวร้ายตื่นเต้นของเรื่องได้ถูกก้าวข้ามไป

และในที่สุด ทั้งสองก็ได้พบกัน



.



.



ผมจูบเค้าอีกครั้ง

“ฉันรักนาย” ผมยิ้มและกระซิบออกมาด้วยเสียงที่เบาที่สุด  แต่พีต้าที่ยิ้มตอบแล้วกอดรอบคอผมก็คงจะได้ยินมันอย่างชัดเจนแล้วเป็นแน่เพราะงั้นเราเลยจูบกันอีกรอบ  ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนอกจากดีใจ  ทุกอย่างหมุนรอบหัวผมโดยที่มีพีต้าโอบกอดไปด้วย...หลายอย่างที่ผมกังวลเกี่ยวกับเค้าและความในใจของตัวเองถูกทุบให้พังทลายลงไปในตอนนั้นเอง  ผมรักเค้า  รักเค้ามานานแล้ว

และเค้าก็รักผม

คงจะไม่ถือวิสาสะเกินไปใช่ไหมที่ผมจะคิดอย่างนั้น  ก็แบบว่า...ดูสิ เค้าจูบตอบผม  และกอดผมแน่นมากกว่าที่เคยทำ  ผมรู้สึกโล่งอกและปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูกที่ได้กอดเค้าพร้อมกับจูบ  พีต้าขยับตัวไปมา  ผมทำให้เค้าหายใจลำบากขึ้นก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระเพื่อรักษาชีวิตของเค้าในที่สุด

เด็กหนุ่มข้างตัวผมหอบฮั่ก  หน้าแดงระเรื่อและริมฝีปากบวมเจ่อนอนตะแคงอยู่ในอ้อมกอดของผม ก่อนผมจะเลื่อนนิ้วหัวแม่มือไปเกลี่ยริมฝีปากที่ขึ้นสีของพีต้าแล้วพูด “เฮ้  นายไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะพูดคำนั้นออกไปได้น่ะ”

“ฉันไม่เห็นว่านายจะกังวลอะไรเลยฟินนิค” พีต้ากล่าวบอกเป็นนัยว่าผมโกหก   

“ยากสิ  มันยากแน่นอนพีต้า  แต่นั่นมันก่อนที่ฉันจะรู้ว่านายก็...” ผมยิ้มแล้วก็จูบแก้มที่ขึ้นสีเข้มมากกว่าเดิมของเค้า  ก่อนพีต้าจะยอมแพ้แล้วผลักผมออก

“โอเค นายจะพูดอะไรก็ได้แต่อย่าทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงจะได้ไหม” เค้าคงหมายถึงที่ตัวเองหน้าแดง  จะโทษผมคนเดียวเลยงั้นเหรอ?

 “ฉันแค่จูบนายไปนิดเดียวเองนะ” ผมจงใจไม่หมายถึงจูบที่เกือบทำเอาเค้าหายใจไม่ออก  ก่อนพีต้าจะหันมามองหน้าผมแล้วต่อยใส่ผม

“เฮ้!” เค้าร้อง “ฉันเพิ่งบอก...” ผมเห็นเค้าเม้มริมฝีปากกลับเข้าไปแล้วหน้าแดงก่อนหันหน้าหนีผมไป “พระเจ้า” พีต้าพึมพำกับตัวเอง แต่มีเหรอผมจะไม่ได้ยิน

ผมยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้แล้วยักไหล่  “โอเค ก็ได้” พลางลุกขึ้นตามเค้าก่อนจะกอดคอพีต้าไว้ “เอาล่ะ  ทีนี้ฉันอยากรู้ว่าบ้านของนาย ที่นี่เป็นยังไงกัน?”



.



.



.



TBC.



------------------------------------------------------------------------------------------



อา อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!  อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!><  เจอกันแล้วค่ะ  เจอกันแล้วววววววววว >////<  โอยยยยยยยยย  ถ้าหากอิฉันเป็นคนอ่านคงจะรอจนใจแทบขาดเลยค่ะ 55555  (เพราะอิไรท์ลงช้าไง)

เฮ้อออ ในที่สุดค่ะรีดขา  พวกเค้าก็ได้เจอกันแล้ว  Part 8 ค่ะ  Part ที่ 8! 55555 โอยยยยย  คือแบบถ้ารีดลองนึกภาพตามนะคะฟินนิคปรากฏตัวในตอนที่มีแสงสีส้มของพระอาทิตย์ตกที่พีต้าชื่นชอบเป็นสีโปรดของตัวเอง  เจอกันบนทุ่งหญ้าที่เค้ารัก  และได้จูบกันที่บ้านเกิดของพีต้า....อร๊ายยยยยยยยยย!!  เค้ามาหาหนูแล้วนะลูก  เค้ามาหาหนูล่อวววว  Part นี้ไรท์จะโหยหวนเป็นพิเศษค่ะ เพราะว่า....นี้เป็นครั้งแรกที่รอมาเนินนานนน  หลังจากที่ทั้งสองผลัดพรากกันก็ได้เจอกันเสียทีค่ะ   //ปาดน้ำตา//

วรรคนี้ >>
“ใช่ เพราะนาย” ผมพูด “นายทำให้ฉันคิดว่าบางที่ฉันอาจยังไม่พร้อมที่จะตาย” แก้มของเค้าอุ่นขึ้นเมื่อผมเกลี่ยนิ้วหัวแม่มือไปมาอย่างเชื่องช้า  สบตาสีน้ำตาลคู่นั้นและจ้องมองลงไปอย่างไม่หลบเลี่ยงเหมือนเช่นเมื่อก่อน “เพราะมีหลายอย่างที่ฉันต้องบอกให้นายรู้พีต้า” แก้มของพีต้าอุ่นขึ้นในตอนที่ผมประคองมันไว้แล้วก้มลงจูบเค้า
ให้ฟัง Epic Trailer | Disney's Cinderella Official - Audiomachine - Above and Beyond & Switch – Aeon  ตั้งแต่นาทีที่ 3.00 เป็นต้นไปค่ะ (อันต้นๆ ก็ดีค่ะ 555) แล้วพออ่านถึงตอนที่ “แก้มของพีต้าอุ่นขึ้นในตอนที่ผมประคองมันไว้แล้วก้มลงจูบเค้า” ตรง จูบเค้า  ถ้าพอฟังถึงตรงนาทีที่ 4.44 แล้วมันใช่เลยค่ะ.....เพลงกับฟิคปะทะกันดังเปรี้ยง!  อารมณ์ประมาณว่าหลังจากที่รอที่จะเจอกันอย่างเป็นไปไม่ได้มานานแสนนานเพราะพีต้าก็คิดว่าฟินิคตายไปแล้วแต่ก็โหยหาการมีอยู่อีกครั้งของร่างสูงเป็นอย่างมาก แต่เจ้าตัวน้อยก็ยังหวัง T^T 

แล้วเค้าก็ได้เจอกันแล้วก็จูบกัน  โดยที่ทุกอย่างได้มลายหายไปหมดแล้วค่ะ  ทั้งสงครามและความความกังวลในความรู้สึกของฟินนิคว่าพีต้าจะรู้สึกอย่างไรกับตน  โอยยยยยยย  ไอ้ตรงที่  4.44 เนี่ย  มันใช่เลยค่ะ  แบบมีลมพัดเข้ามาปะทะด้วยนะเออ โอยยยย  อินค่ะ อิน  แล้วฟังต่อด้วย Beauty and the Beast Official Trailer Music - Really Slow Motion - Reborn - Epic Trailer – EMVN นะคะ  คือดีค่ะ

หาคำบรรยายไม่ถูกค่ะ  เป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะที่พวกเค้าได้เจอกันอีก  ฮ่อลลลลล ตอนหน้าจะเป็นยังไงติดตามชมกันด้วยนะคะ ^^  ยังไม่บรรลุความต้องการของรีดๆ ในขั้นสุดท้ายเลยค่ะ  อืมมม  ที่มีตัว N กับตัว C ใช่ไหมคะ  ไรท์น่าจะจำไม่ผิดนะ  ฮิๆๆๆ

รอ Part เลยเจ้าค่ะ ><  อย่าลืมไลค์เพจ  และหากอยากคุยเข้ามาคุยกันได้ที่เฟสไรท์นะคะ ^^ แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด  ฮ่อลลลลลล  //ปาดน้ำตา//  ขอบพระคุณทุกท่านนะคะ รักรีดทุกคนโลยค่ะ ><  ลาด้วยความหล่อของฟินนิคและความน่ารักของพีต้าค่ะ  ฮ่อลลลล






ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund



ไม่มีความคิดเห็น: