วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ตอนจบใหม่ของ Half Lose ! เกเบรียลไม่ตาย Part 1





//นี่คือรูปในอุดมคติของไรท์ค่ะ (อิก...คิก  กิ๊ก กิ๊วววว >///<) เกเบรียลน้อยหนุ่มผมยาวชาวฝรั่งเศษ และนาทานหนุ่มเเบดบอยและพ่อมดคนสำคัญของเราค่าาา//

ตอนจบใหม่ของพ่อมดพ่ายค่ะเรื่องนี้ไม่มีชื่อเองค่ะ ไรท์ยังคิดไม่ออก! (อ้าว 55555)  แต่ว่าทนไม่ไหวแล้วค่ะ จะต้องปลอบใจตัวเองและผู้ร่วมชะตากรรมคนอื่นๆ ที่ถูกหลอกให้อ่านตอนจบค่ะ  ฮืออออ TUT  พูดแล้วเศร้ามากเลยค่ะ

งั้นไรท์พูดเลยล่ะกันนะคะ  สำหรับส่วนมากที่เข้ามาอ่านคงจะได้เห็นตอนจบของเรื่องกันแล้ว  เกเบรียล (แฟนของนาทาน) ตายค่ะ!!!! 

เขาตาย!

เขาตาย!!

เขาตายยย!!!

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  ฮือ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  //จิกหัวตัวเอง//

เอ่อ พอแล้ว  พอแล้วแก...รีแอ็คชั่นเยอะมากเกินไปและ -*-  อ่า แฮ่ๆ ก็นะคะ  ไรท์ห่างหายจากการลงฟิคไปอยู่นานเลย  เป็นเพราะว่าการเรียนช่วงนี้ทิ้งไม่ได้เลยค่ะ TUT  เลยต้องเดินหน้ากู้ชีวิตและเกรดตัวเองไปก่อน  แต่พอ Half Lost ออกมาวางขายปุ๊บนางนี่ก็สปริตสูงเลยค่าา  สั่งซื้อจากกรุงเทพให้เขามาส่งถึงบ้านเลยค่า 55555

พอมาถึง  แกะอ่านอย่างสะใจ!!  (ตรูได้หนังสือมาแล้วในที่สุด!) แล้วพอเจอตอนจบไรท์ถึงกับพูดไม่ออกไปเลยค่ะ  ช็อคจนร้องไห้ไม่ออก  ช็อคจนตาลายเลยค่ะ  โอ๊ยยยยย  นอนไม่หลับไปหลายคืนเลยค่ะ  ฉากจบมันหลอกหลอน  สะเทือนใจเหลือเกินค่ะ  ไรท์เลยคิดว่า ไม่ได้แล้ว! ในเมื่อมีคนอ่านเหมือนฉัน ก็ต้องเป็นเหมือนฉันเหมือนกัน!!  และฉันก็ทนไม่ได้ด้วยที่จะรู้สึกว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ TwT

เลยคิดว่าต้องเขียนตอนจบเสียใหม่เพื่อปลอบใจตัวเองและคนอื่นๆ ที่แวะเข้ามาค่ะ

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าภาษาอาจจะต่างจากที่ไรท์เขียนไปบ้าง  แต่ว่าก็เพื่อให้เหมือนในหนังสือมากที่สุดและคนที่อ่านจะได้รู้สึกว่ามันเป็นตอนจบของหนังสือจริงๆ

และสำหรับรีดๆ ของไรท์  ไรท์ต้องขอบอกก่อนเลยว่าหนังสือเรื่องนี้ที่ไรท์ยกมาเขียนเป็นแฟนฟิคของตัวเองนั้น เนื้อเรื่องไม่ได้โลกสวย แต่ค่อนข้างจริงจัง และ เอิ่ม แบบว่า....นี่แหละความจริงของชีวิต!   ใช่ค่ะ ประมาณนั้นเลย  เป็นนิยายเยาวชนชั้นผู้ใหญ่ 5555  แบบว่าพวกที่ 18 up อะไรประมาณนั้น่ะค่ะ

หนังสือเรื่องนี่ดีนะคะ  มันเป็นการต่อสู้  ลุ้นระทึก และมีความรักร่วมเพศระหว่างพระเอกของเรา...นาทาน  และเพื่อนรัก (ที่ผันตัวมาเป็นคนรัก) ของเขา...เกเบรียล ค่ะ  ทุกอย่างในเรื่องดีมาก (เพราะมันวาย)  ยกเว้นตอนจบที่มันปวดใจค่ะ   ไรท์เลยต้องปัดฝุ่นคีย์บอร์ดแล้วเขียนฟิคอีกครั้งหนึ่งค่ะ ฮ่อลลลลล  เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปอ่านกันเลยนะคะ >//<  โป่วววว ไปกันโล้ดดดด





-------------------------------------------------------------------------------------



ผมหอบหายใจถี่

ผมพยายามแล้ว  ผมช่วยเขาไว้ไม่ได้

ถึงแม้ผมจะทำพลาด  เสียท่าให้วอลเลนด์เล็กน้อยในช่วงระยะเวลาสั้นๆ  และถูกบลูของโซลเข้าครอบงำ  แต่มันควรไม่มีอะไรไปเกี่ยวข้องกับเขา

เกเบรียลไม่น่าต้องตาย

หน้าที่ของเขาเพียงแค่ต้องแฝงตัวไปกับฮันเตอร์และคอยส่งสัญญาณให้ซีเลียกับกองทัพพันธมิตรบุกเข้ามาเมือถึงเวลา

แต่เขาโดนจับได้

ผมมองเขา นึกหวั่นใจกับตัวเองลึกๆ และโกรธตัวเองที่คิดแบบนั้น  ผมควรต้องมีสมาธิกับการช่วยเค้าสิ  ไม่ใช่หวาดกลัวแบบนี้  แต่หัวใจบีบรัดมากกว่าสมองที่กำลังทำงาน  มันแทบไม่ประมวลผลเลยเมื่อเห็นเกเบรียลยืนตัวงอแล้วมองมาทางผมโดยมีปืนของฮันเตอร์จ่อขมับ  เบื้องหลังของเขาคือฮันเตอร์หลายคนที่พร้อมจะฆ่าใครก็ตาม แม้แต่เขา

แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้น  เจสซิก้าเข้ามา  เธอปลอมตัวเป็นอาร์รัน เมื่อผมตะโกนเรียกหาเขาให้มารักษาเกเบรียล  เธอยิงผม  หวังให้ผมตาย  แต่เครื่องรางที่อยู่ไกลแสนไกลช่วยผมไว้

เครื่องรางแสนล้ำค่าที่มาจากเกเบรียล  มันช่วยผมไว้ได้

เขาช่วยผมไว้

แต่ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย

ไม่ได้อีกแล้ว

ผมพยายามแล้ว  พยายามแล้วจริงๆ

แต่กระสุนก็แฉลบโดนเข้าที่อกข้างซ้ายของเกเบรียล

และเขาก็ตาย


*************************************************************

ผมรู้สึกเหมือนลอยอยู่ในห่วงอันมืดมิด  รู้สึกว่าตัวไม่ได้สัมผัสกับอะไรทั้งสิ้นในขณะที่หลับตาสนิท  ผมไม่อยากตื่นเลย  อย่างน้อยก็ตอนนี้  แต่แล้วผมกลับได้ยินเสียง  เสียงเรียกที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งซึ่งผมมองไม่เห็น  แต่ผมรู้ว่าจะตามเสียงนั้นไปไม่ว่าจะยังอยากอยู่ที่นี่ต่อก็ตาม

เสียงที่ผมไม่เคยปฏิเสธและต้องการได้ยินอยู่ทุกวันไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม

“นาทาน” เสียงนั้นเรียกอีก  มันชัดเจนขึ้น

เป็นเสียงของเขาจริงๆ

ผมสะดุ้ง  ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเกเบรียลจ้องมองผมอยู่ด้วยสีหน้ากังวล

“นาทาน เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถาม สีหน้ากังวลอีก “ฝันร้ายเหรอ” 

เขาดูงดงาม  งดงามมากยิ่งกว่าครั้งไหนที่ผมมองเขา  แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามาในช่องที่เราใช้ดูดาวตอนตอนกลางคืนด้วยกัน  แต่ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่  เสียงนกร้อง ใบไม้และเสียงลม  แสงแดด  ทุกอย่างสมบรูณ์แบบ  โดยเฉพาะเขาที่อยู่ตรงหน้าผม  แสงอาทิตย์สาดลงบนใบหน้าเสี้ยวหนึ่งของเกเบรียล  สามเหลี่ยมในดวงตาเขากลิ้งไปมาสม่ำเสมอ เหมือนลอยออกมาจากดวงตาของเขาได้เมื่อแสงส่องกระทบ

ตัวของเกเบรียลเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับผม  ผมยันตัวขึ้นมาด้วยแขนข้างเดียว  มองเขาแล้วหายใจหอบถี่ก่อนจะคว้าตัวเขาเข้ามากอดไว้

“ไม่มีอะไร” ผมบอก “ฉันแค่ฝันไม่ดี”

ผมไม่ได้บอกว่าฝันร้าย  เพราะกำลังตำหนิตัวเองที่ฝันแบบนั้นไปได้ยังไง  เขาอยู่ตรงนี้กับผมแล้ว  อยู่ตรงนี้กับผม

เกเบรียลยังไม่ตาย

การได้สัมผัสความอบอุ่นจากตัวเขาทำให้ผมสงบลงเพราะรู้ว่าแม้แต่ความฝันก็ไม่เหมือนจริงเท่านี้  ผมยังมีเขาอยู่

เกเบรียลไม่ได้พูดอะไรต่อ  เพียงแค่กอดตอบผม  เหมือนปลอบโยนมากกว่า  ผมไม่แน่ใจว่าเขาเคยเห็นผมตื่นขึ้นมาจากความฝันแล้วมีท่าทีแบบนี้ไหม  แต่เขาไม่เคยต้องกอดปลอบผมหลังตื่นจากฝันเลย

ผ่านไปสักพักหนึ่ง  เราไม่ได้พูดอะไรกัน  ผมกำลังซึมซับความอบอุ่น อ่อนโยนของเขา  ตัวเขา  และเสียงหัวใจเต้นของเขา

ในที่สุดเขาก็พูด “นายโอเคนะ” เกเบรียลดึงตัวออกอย่างอ่อนโยนเช่นเคย  ใช้สายตาสำรวจผม  ดูเหมือนผมทำให้เขาเป็นห่วง  มือเกเบรียลเตะไหล่ผม  มันเปลี่ยนเป็นเย็นเมื่อเลือดที่สูบฉีดในตัวของผมทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น  ดีจัง  ผมรู้สึกดีมาก  มือเย็นๆ ของเขาทำให้ผมสงบลงได้อีกครั้ง  หัวใจผมเต้นช้าลงจากถี่รัว

ผมไม่ตอบ  แต่จับมือของเขาไว้  ยกมันขึ้นมาจูบแล้วนำไปแนบบนหัวใจ  ผมรู้สึกว่ามันเต้นเป็นปรกติแต่หนักหน่วงกว่า

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก  ไม่ได้ถามเพราะรู้ว่าผมจะไม่ยอมตอบ  ผมจะบอกเขาก็ต่อเมื่ออยากบอกเอง  ผมจูบเขาที่ปากและแก้ม  ก่อนเราจะจูบกับอีกครั้งแล้วเกบรียลก็กล่อมให้ผมออกจากรังพร้อมกับเขาสำเร็จได้ไม่ยากเย็นนัก

เราวิ่งด้วยกัน  ปีนเขา  เกเบรียลชวนผมว่ายน้ำช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนเราจะกลับมาที่ค่ายแล้วเริ่มฝึก

พรุ่งนี้ผม  เกเบรียล  และซีเลียจะต้องเดินหน้าเพื่อเริ่มทำภารกิจ  เราคือแนวหน้า

นั่นทำผมตัวสั่น  เมื่อความฝันนั้นทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นนิมิตทั้งๆ ที่ความจริงไม่ใช่  ไม่ใช่เลยมันก็เป็นแค่ความฝัน  แต่พรุ่งนี้ผมจะเข้าทำลายสภาของโซลและผิดพลาด  ทำให้เกเบรียลตาย

ผมยืนนิ่งอยู่กับตัวเอง  ไม่! มันต้องไม่เป็นอย่างนั้นสิ  มันไม่ใช่นิมิต  ความฝันนั้นจะไม่มีวันเป็นจริงหรอกน่า! ผมบอก อาจกลายเป็นกดด่าตัวเองในใจ  ไม่ว่ายังไงก็สลัดภาพที่เห็นในความฝันออกไปไม่ได้เลย  เหมือนตอนที่ภาพของแอนนาลิสและพ่อตามหลอกหลอนผม  แต่ตอนนี้มันหนักหนากว่า  หนักกว่ามากเพราะเกเบรียลเป็นเพียงคนเดียวที่ผมต้องการ  ผมรักเขา  เขาคือทุกสิ่งทุกอย่างของผมในตอนนี้และผมรู้ด้วยว่ามันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป

ตอนนี้ผมไม่ต้องการใครอีกแล้ว

กระทั่งผมรู้สึกถึงคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง  ทาบฝ่ามือลงบนแผ่นหลังผมแล้วเอ่ยเสียงที่ผมชอบฟัง

“มีเด็กฝึกหัดเตะโดนหน้านายแล้วทำให้นายมึนไปชั่วขณะเหรอ” เกเบรียลเล่นมุข  เขายิ้มตอบเมื่อผมยิ้มกับคำพูดของเขา  ใครๆ ก็รู้ดีว่าแม้แต่เด็กฝึกหัดทุกคนในค่ายรวมกันก็ไม่สามารถทำอะไรผมได้  แต่ผมรู้ว่าอย่างไรเขาก็เป็นห่วงผม  เพราะเขาทำเสียงแบบนั้นจริง

“ใช่” ผมตอบ “แต่ไม่ต้องห่วงนะฉันจัดการฆ่าเขาแล้ว” และไม่ยอมแพ้เขาที่เล่นมุขด้วยเหมือนกัน  ส่วนหนึ่งผมอยากทำให้เกเบรียลสบายใจ ว่าผมไม่ได้เป็นอะไร  แต่ผมก็รู้ว่าเขาจะไม่เชื่อ  เกเบรียลเก่งเสมอในเรื่องของผม

วันทั้งวันผ่านไปด้วยการฝึกไปตามแบบจำลองอาคารสภา  และนั่งดูเด็กฝึกหัดสู้กัน  ผมนั่งดูพวกเขาเงียบๆ แนะนำพวกเขาว่าควรทำอะไรเมื่อผมเจอช่องโหวที่ทุกคนพลาด  เกเบรียลอยู่ที่นั่นกับผมด้วย  นั่นจึงทำให้ผมวางใจและไม่ออกเดินไปไหนมาไหนเพื่อตามหาเขา 

เกเบรียลกำลังแนะเด็กฝึกหัดเช่นเดียวกับผม  แต่เขาดูมีชีวิตชีวา  ใจดี  และมีความสุขกว่าผมมาก 

ผมอาจเป็นคนที่มีความทุกข์มากเกินไปหน่อย

บางทีเมื่อสงครามจบลงแล้วผมควรมีความสุขเสียที

เมื่อได้อยู่กับเขาเพียงสองคนในสถานที่แสนสวยงามอย่างที่เคยเห็นในนิมิต

ผมจะได้อยู่กับเขาตลอดไปแน่ๆ ผมมั่นใจ

แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงกังวลกับความตายของเกเบรียลที่ผมเห็นในความฝัน

ในตอนกลางคืน เราประชุมกันที่กองไฟ  เกรโตเรกซ์และซีเลียทบทวนแผนการ  ปลุกใจ  และไม่ลืมกำชับเด็กฝึกหัดทุกคนเรื่องความปลอดภัย  พอถึงตรงนี้ซีเลียกับเกรโตเกรซ์ก็หันมามองหน้าผมอย่างพร้อมเพรียงกัน

จากนั้นเราก็นั่งอยู่ที่กองไฟครู่หนึ่ง  ผมจำเด็กฝึกหัดที่พูดเรื่องของผมในแบบจำลองคืนนั้นได้  พวกเขาไม่สบตาผม  ไม่กล้ามองหน้าด้วยซ้ำ  มีผู้กล้าเพียงสองคนที่เงยหน้ามามองผม ดูว่าผมจ้องพวกเขาอยู่หรือไม่  ก่อนจะเงียบกริบแล้วหลบสายตาทันที

ผมมองพวกเขาอยู่
เกเบรียลกระทุ้งแขนผมเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่เอาน่า  นายจะทำพวกเขาเสียขวัญก่อนวันออกรบนะ” ไม่รู้ว่าเขากำลังเล่นมุขอีกไหม  แต่ไม่ได้ตำหนิผมแน่นอน  เกเบรียลชอบบอกให้ผมเลิกสนใจพวกเขาและคำพูดงี่เง่าของพวกเขาไปซะ

ก็ได้ ผมจะไม่สนใจ

ผมมองมือของเขา  จับมือซ้ายของเขาขึ้นมาแล้วลูบแหวนที่ผมให้  ผมมองดูมัน  เปลวไฟทำให้สีทองบนแหวนเต้นไปมาเหมือนมีชีวิต  ผมชอบที่มันอยู่บนนิ้วของเกเบรียล  ผมเปลี่ยนมาเป็นจับใต้ฝ่ามือเขา  สอดประสานนิ้วด้วยกันแล้วหมุนแหวนของพ่อด้วยบนนิ้วเกเบรียลด้วยนิ้วโป้งของผม

ไม่บอกก็รู้ว่าพวกเด็กฝึกหัดทั้งหลายกำลังมองเราอยู่  แต่ผมไม่สนใจ  เกเบรียลบอกผมเอง  และผมอยากอยู่กับเขาอย่างนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่เราจะต้องไปกันเลย  แต่ทว่าผมรู้สึกว่าเกเบรียลจับมือตอบผม  เขากำมือไว้ ไม่แน่น  และมองหน้าผมราวกับจะบอกว่าหลายคนกำลังมองเราอยู่

เกเบรียลรู้วิธีอยู่เข้ากับสังคม  ซึ่งผมไม่มีเลย อาจถึงขั้นติดลบด้วยซ้ำ

ผมเห็นเด็กกลุ่มเดิมมองมาที่เรา  คราวนี้พวกเขาไม่ก้มหน้าเพราะมัวแต่มองมือของเรา  ผมขมับมือเข้ามาหาตัว จ้องพวกนั้นแล้วเราก็สบตากันในที่สุด  ผมทำแววตาร้ายกาจเหมือนสัตว์ป่าใส่พวกเขา

เป็นแววตาที่หวงแหนและอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย  ก่อนจะลุกขึ้นดึงมือเกเบรียลไปด้วย  ผมพาเราออกจากพื้นที่ชมชุนแล้วกลับมาที่รังที่ผมสร้าง

สร้างให้เรา

ผมไม่ชอบผู้คนจอแจ  แต่น่าแปลกเมื่ออยู่กับเกเบรียลซึ่งเขาพูดเก่งยิ่งกว่าใครที่ผมเคยพบมายกเว้นเนบิสต์ ผมกลับรู้สึกสงบใจ  ทุกอย่างบนโลกยังคงหมุนไปแต่ผมไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องรอบตัวพวกนั้นแล้วเมื่อมีเกเบรียล  เขาทำให้ผมอุ่นใจและรู้สึกดีเหมือนธรรมชาติ

เรานั่งกันอยู่ในรังแล้ว  แต่ไม่ได้ก่อไฟ  คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง  ทำให้ผมเห็นเขาได้อย่างชัดเจน  เขาเองก็เช่นกัน

เกเบรียลเงยหน้ามองผม  ผมรู้ว่าเขาสังเกตเห็นสายตาที่ผมมองเด็กฝึกหัดอย่างคุกคามเมื่อครู่นี้

“นายกำลังทำให้คนอื่นคิดว่านายเป็นอย่างที่เขาพูดกันจริงนะนาทาน” เขาเตือนผม  แต่ผมไม่สนใจ

อ่า ดีจังที่ได้ฟังเสียงเขาพูดอีก  ตอนนี้ผมยอมรับว่าความฝันกำลังหลอกหลอนผม อย่างที่เป็นมาทั้งวัน

ผมอยากได้ยินเสียงของเขาอีก

“ฉันไม่สน” ผมตอบเขา  สายตามองเกเบรียลไม่ละไปแม้สักวินาที  เมื่อเวลาออกทำภารกิจใกล้มาถึงและมันทำให้ผมรู้สึกทั้งกลัวทั้งกังวลมากขึ้น  ผมจับมือเขา  เกเบรียลจับตอบแต่ไม่ได้พูดถึงมัน

“เราจะต้องไปกับซีเลียเมื่อไร” ธรรมดาเขาจะเป็นคนที่รู้เรื่องลำดับพิธีการมากกว่าผม เพราะเขาเข้าประชุม  แต่เรื่องนี้ซีเลียคุยกับผมในตอนที่เราหารือกันแค่สองคนเมื่อวานนี้

“อีกไม่นาน” เธอบอกผมเองว่ามันคือเวลาไหนและตอนนี้เหลืออีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงแล้ว  แต่ผมเลือกจะไม่สนใจมันไปก่อน  ผมแค่อยากฟังเสียงของเกเบรียลและสัมผัสเขา  รับรู้ว่าเขายังอยู่กับผมและเป็นของผม

“งั้นเราควรเตรียมตัว...” ผมใช้มืออีกข้างแตะไปบนใบหน้าเขา  ไล่นิ้วไปบนคิ้วของเขา  เปลือกตาที่หลุบปิดเมื่อนิ้วมือของผมไล่ต่ำไปหามัน  แก้ม  จมูก  และสุดท้ายนิ้วโป้งของผมเกลี่ยริมฝีปากของเขา นิ้วมือที่เหลือคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้ม

ผมโน้มตัวจูบเขา  ใช้มือข้างเดิมประคองใบหน้าเกเบรียลไว้  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสองข้างและจูบเขามากกว่าเดิม  ผมรู้เขาคงจะสงสัย ต้องสงสัยแน่ๆ  แต่ก็ยอมจูบตอบผมแต่โดยดี    ผมได้ยินเสียงหัวใจอีกดวงที่ไม่ใช่ของผม มันเต้นหนักหน่วงจนรู้สึกได้เมื่ออกเราสัมผัสกัน

เราจูบกันเนินนาน  และเกือบร้อนแรงเพราะเกเบรียลมีความสงสัยผมมากกว่า

เราผละออกจากกัน  ความรู้สึกดีและปลอดภัยถาโถมมาหาผมเมื่อสัมผัสเขาอย่างใกล้ชิด

เกเบรียลจับท้ายทอยผม  โอบมือรอบมัน นวดวนเบาๆ แล้วถามผมว่า “นายอยากจะพูดอะไรกับฉันไหม อย่างน้อยก็ตอนนี้ก่อนที่เราจะไปกัน...นาทาน” เขาเรียกชื่อผมขัดประโยคตัวเองเสียเอง เมื่อผมไม่ได้ฟังเขา  แต่ก้มลงจูบคอเขา และใช้มือลูบเข้าไปใต้เสื้อยืดของเกเบรียลแล้วเลิกมันขึ้นมา

“นาทาน” เกเบรียลเรียกชื่อผมอีกครั้งในตอนที่เสื้อของเขาถูกเลิกขึ้นจนหมดแล้วผมกอดร่างของเขาอย่างหวงแหนและคิดถึง  ผมพรมจูบไปทั่วลำคอของเขา

“ฉันจะไม่ถามนายว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่เห็นทีว่าฉันคงต้องถามแล้ว”

ผมดึงเสื้อเขาออกมาจากคออย่างแรง ไม่ว่าเขาจะยอมหรือไม่  แต่เกเบรียลไม่ได้แสดงออกว่าขัดขืน

“ได้ ฉันจะบอกนาย” ผมไม่อยากทำเขาไม่พอใจจึงตอบออกไป

“เรื่องอะไร” เกเบรียลถามเสียเลยตรงนั้น แต่ผมยังไม่อยากบอกเขาเลยตอนนี้อย่างน้อยก็รอให้เรื่องทั้งหมดผ่านไปก่อน  ผมเชื่อว่าเขาจะอยู่กับผมจนกระทั่งเรื่องจบจริงๆ

“มันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับฉัน” แน่นนอนสิ  เรื่องของเขานั้นสำคัญ

เกเบรียลจ้องผมตอบตรงๆ ด้วยสายตาอยากรู้อย่างยิ่ง  เหมือนตำหนิผมด้วยที่ไม่บอกเรื่องสำคัญให้เขารู้ก่อน

แต่ว่ามันไม่สำคัญสำหรับตอนนี้แล้ว  ผมต้องการมีเขา และรู้ว่าเขายินดีที่จะอยู่ข้างผมตลอดไป

ผมไม่คิดจะบอกเกเบรียลตอนนี้  เขาจึงจูบผม มือทาบใบหน้าผมทั้งสองข้าง  มันเป็นจูบแห่งความจริงใจและวิตกกังวล  ผมไม่ชอบเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย

“มันคือเรื่องอะไรนาทาน” เขาบอก “ได้โปรด บอกฉันเถอะ” เกเบรียลขอร้อง  เหมือนจะร้องไห้  ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงผมมากว่าที่เป็นห่วงตัวเองเสียอีก  แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงเขามากกว่าหลายเท่านัก

ผมประคองใบหน้าเขาตอบ  ใช้นิ้วลูบไปบนผิวหน้าละเอียดนั้น “แน่นอนฉันจะบอกนาย  แต่หลังจากที่เราเข้ายึดสภาและฆ่าวอลเลนด์  โซล  กับเจสซิก้าได้แล้วเสียก่อน” ผมพูด “ฉันจะบอกนาย”

“บอกตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ” ผมยิ่งทำเขาอยากรู้

“ไม่ มันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับฉันตอนนี้ และคิดว่าคงจะสำคัญที่สุดตลอดไป” เกเบรียลปล่อยมือจากแก้มผมแล้วมาทาบทับมือของผมแทน “ฉันจะเล่าให้นายฟังเป็นคนแรก แต่นายต้องสัญญากับฉันว่าจะไม่เป็นอะไร  ไม่ทำตัวโง่ๆ อย่างการช่วยคนอื่นนอกจากตัวเอง  แล้วอยู่รอดเพื่อรอฟังมันจากฉันนะ”

“เห็นทีฉันคงจะทำไม่ได้ซะล่ะ” เขาดึงมือผมออกจากแก้มเขา  และเป็นผมเองที่ทำหน้าวิตกกังวล  หลายครั้ง...ไม่สิ  ทุกครั้งเกเบรียลมักเป็นคนดีเกินไป “ถ้าฉันไม่ช่วยนายแล้วใครจะช่วยนายล่ะ”

ผมยิ้ม  ยอมรับว่ามันเป็นคำหวานมากกว่ามุข  เขายิ้มตามผมเหมือนห้ามตัวเองไม่ได้

“แม้แต่ฉันก็ห้ามช่วยถ้านั่นมันอาจทำให้นายเสี่ยงอันตราย  อย่าลืมสิว่าฉันมีเครื่องรางของนาย”

ของแม่ฉัน  และฉันไม่คิดว่ามันเป็นของฉันนะเพราะเลดเจอร์มีอีกครึ่งหนึ่ง  และเขาเป็นคนที่ทำให้มันใช้ได้

“สัญญากับฉันสักเรื่องหนึ่งสิเกเบรียล”

เขานิ่ง มองตาผม  และพร้อมรับฟังเสมอ

“อยู่เพื่อฉัน” ผมบอกเขา “อย่าจากฉันไปไหน  อยู่รอดเพื่อฉัน” แล้วสอดนิ้วประสานมือข้างที่เกเบรียลสวมแหวนก่อนจะนำมาทาบหัวใจอีกครั้ง “ถ้านายไม่ทำแบบนั้น ฉันจะตายไปกับนายแน่” ผมพูดคำหวานไม่เป็น  สิ่งที่พูดออกไปจึงจริงจังเป็นอย่างยิ่ง

เกเบรียลนิ่งไปอีก  แต่ผมมั่นใจว่าเห็นดวงตาเขามีน้ำตาคลอ  เขาเองก็รู้ว่าผมไม่ได้โกหกและจริงจังแค่ไหน

ก่อนเขาจะยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นก็ดีสิ” ผมรู้มีหลายครั้งที่เขาหมั่นไส้ผมจนอยากจะฆ่าผมให้ตาย  แต่นอกจากรอยยิ้มและน้ำตาแล้วเขาก็จูบผม  โถมตัวเข้ากอดผมแล้วผมก็กอดเขา แต่เร้าร้อนกว่า  ลูบไล้ไปทั่วทุกที่เพื่อจดจำและรำลึกถึง

เขาจะเป็นของผมตลอดไป  แม้แต่ความตายก็พรากเราจากกันไม่ได้

เราร่วมรักกัน  ในรังที่ไม่มีใครเข้ามากร่ำกราย  ผมเผลอตัวทำรุนแรงเพราะมีความรู้สึกที่แรงกล้าและตื่นเต้นเกิน ไปหน่อย  แต่เกเบรียลไม่บ่นผม  เขาทำเสียงหวั่นไหวแต่ก็อ่อนโยนไปด้วยสำหรับผม

คืนนั้นเราเคลื่อนตัว  โยกกายไปพร้อมกันเหมือนอยู่บนเรือที่เจอคลื่นพายุ  หัวใจเราเต้นหนักเป็นจังหวะเดียวกัน  ผมซ้อนอยู่ด้านหลังของเกเบรียล  กอดเขาไว้ขณะตัวเราติดกัน  ผมเอื้อมมือไปประสานนิ้วข้างที่สวมแหวนของเขาอีกครั้ง  ดูเหมือนเกเบรียลเองก็ชอบที่ผมทำแบบนั้น ก่อนจะหันมาจูบกับผม

เรากอดกัน  เกเบรียลหลับไป แต่ผมเปล่า  เรายังมีเวลาอีกสองสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาออกเดินทาง  ผมนอนมองเขาในแสงจันทร์และดวงดาวที่สว่างไสว  จดจำทุกอย่างของเขา แม้ผมจะรู้ว่าความฝันทำอะไรเราไม่ได้...มันก็เป็นแค่ฝันร้าย  แต่ผมก็ห้ามตัวเองไม่ให้คำนึงได้เลยว่ามีสิ่งล้ำค่าที่สุดในโลกอยู่ในมือแล้ว

อยู่ข้างตัวผม และเขาไม่เคยห่างไปไหนเลย

ผมมองเขาอยู่นานเท่าที่เวลาอันน้อยนิดจะเอื้ออำนวย  ผมไม่ได้ต้องการแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ต้องการทั้งชีวิตเพื่อมองเขาและอยู่กับเขา   ผมยังอยากมองเขาอีก แต่เราหมดเวลาแล้ว

“เกเบรียล” ผมจึงเรียกเขาอย่างแผ่วเบา  ยอมรับว่าไม่อยากให้เขาตื่นแล้วจากไปเพียงคนเดียว  แต่ผมรู้ว่าเขาจะต้องตามไปแน่  และก็โกรธผมด้วย

ผมเรียกเขาหลายครั้ง พยายามทำเสียงให้ดังขึ้น แตะเขาเบาๆ  และแล้วเกเบรียลก็ยอมตื่น  ผมบอกเขาว่า “ได้เวลาแล้ว”  เราเตรียมตัวแล้วก็ออกไปหาซีเลีย

เราสามคนเข้าช่องเปิดไปที่ๆ เราต้องไป

แล้วผมก็เริ่มประหลาดใจว่าทำไมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นถึงเหมือนกับในความฝันเมื่อคืนนัก

ผมเข้าไปในห้องที่ต้องบอกรหัสลับพร้อมกับไขกุญแจ  ผมเจอผู้ชายที่ผมต้องขอให้เขาช่วยเหลือ  เขาชื่อ ชอน  ชอนขว้างปาข้าวของใส่ผม  มันแฉลบไปข้างขวาบ้าง ซ้ายบ้าง แต่ไม่โดนผมเพราะได้รับการคุ้มครองจากเครื่องรางวาเดี้ยน   แต่การกระทำของก็เขาทำให้ผมรำคาญไม่ใช่น้อย  สุดท้ายผมก็ต่อยเขาสลบเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้เขาแล้ว

หลังจากที่ผมพาซีเลียกับเกเบรียลเข้ามาได้แล้ว  เราก็ไปกันต่อ  เกเบรียลสวมชุดของฮันเตอร์  ถึงผมจะเกลียดพวกนั้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูดีแค่ไหนเมื่ออยู่ในชุดนั้น  เกเบรียลเปลี่ยนใบหน้าเป็นฮันเตอร์คนหนึ่ง คล้ายเคียรันที่ผมเคยฆ่า  แล้วผมก็ผงะ  เขาดูเหมือนจะหัวเราะผมแต่ก็กลั้นไว้คนเดียวพร้อมพูดกลบเกลื่อน

เหมือนมีเส้นด้ายบางๆ ขึงตึงในสมองของผม  ผึ่งเตือนว่านี้มันไม่ต่างไปจากที่ผมเห็นในฝันเลย  แต่ก่อนแยกจากเกเบรียล  ผมจับมือเขา  ฉวยเอาไว้

เกเบรียลหันมาหาผม  เปลี่ยนเป็นใบหน้าของตัวเองแล้ว  และสงสัยเป็นอย่างยิ่ง  เขาเหมือนจะถามผมว่ามีอะไร

แต่ผมไม่ได้ตอบ  เพียงแค่ดึงเขาเข้ามาจูบ  ดูดดื่ม  เป็นอย่างนั้นอยู่นาน

เกเบรียลสบตาผมในความมืด  ผมเลื่อนใบหน้าเข้าไป  กระซิบใกล้หูเขาแล้วเดินจากไปเอง

“รอดกลับมาให้ได้  ทำมัน  เพื่อฉัน” 

“ฉันรักนาย”

นั่นคือคำสุดท้ายก่อนเราจะจากกัน



.



.



.



TBC.



-----------------------------------------------------------------------------------------------



คือไรท์ไม่กล้าเขียน Nc….ฮึก 55555  //หัวเราะตัวเอง//  ไรท์ไม่กล้าเขียน Nc ในแบบของไรท์อ่ะค่ะ  คือว่าในหนังสือเขาใช้คำว่า ร่วมรัก ไรท์ก็หน้าแดงจนจะแทรกแผ่นดินซุกอยู่แล้ว  มันลิมิตอยู่แค่นั้น  ไอ้ไรท์ก็ไม่กล้าเขียนแบบว่า...อย่างว่าในแบบของตัวเองค่ะ  55555

ก็เมนหลักของเรื่องอยู่ที่การรอดของเกเบรียลนี่เนอะ  แต่ไม่เป็นไรค่ะ  Nc ปีนี้ของไรท์มาแน่ค่ะ  มาแน่ 55555  เดี๋ยวมีตอนพิเศษนุ ^^  เอา Nc แบบของตัวเองซะหน่อย  บรรยายภาษาตัวเองจะได้เขียนสนิทใจขึ้น(?)   (คือยังไงจะบอกว่าตัวเองละอายใจที่จะต้องเขียน Nc โดยใช้จิตสำนึกของอินาทานว่างั้น?)

อือ นั่นแหละค่ะ  ถูกต้องเลย 5555

เดี๋ยวตอนพิเศษ Nc เจอกันค่ะ Nc เจอกัน 555

หนึ่งคอมเม้นท์เท่ากับล้านกำลังใจนะคะ 555555  Part หน้าเป็น Part จบนะจ๊ะ  อย่าลืมติดตามกันด้วยนะเออ (กดไลค์เพจหรือไปแวะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จ้า...จำจี๊ดมาก 5555)  ขอบพระคุณค่ะ ><

ด้วยรักและแรงหื่น



1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบมากเลย มันช่วยฮีลเราได้มากสุดๆ เราเพิ่งอ่านเรื่องนี้จบไป แล้วแบบ ชีวิตกุ มันเศร้า ขอบคุณน่ะค่ะไรท์ เลิฟสุดๆ