วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

[Fic – The Hunger Game] + [Part 14] The Possible – Finnick x Peeta





//รูปเก่า เล่าใหม่  ชอบพีต้าลุคนี้มากเลยค่ะ  ดูเค้าสิ  ฮ่อลลล  โดนจับใส่ชุดเจ้าบ่าวแล้วยังทำหน้าไม่รู้อะไรอีก (อีกนัยหนึ่งคืออยากกลับบ้าน)  ผกก.สั่งตัดชุดเจ้าบ่าวให้ฟินนิคอีกชุดหนึ่งเลยค่าา  อร๊ายยยย  ถ้าไม่ทำเดี๋ยวไรท์ทำเองค่ะ 555555//

อร๊ายยยยยยยยยยยยย!! สวัสดีค่ะ รีดๆ ที่เคารพรักสุดหัวใจของไรท์  ฮาาา  โอยยย  กว่าจะได้มา  ไรท์ติดสอบค่ะ 55555....เบื่อจุง -0-  แล้วก็ต้องเก็บกิจกรรมอีก  เห้ออออ  บ้าจริงๆ

แต่ว่า!!  ไรท์จะอัพฟิค + เขียนฟิคให้มันกระจุยไปเลยค่ะ 55(ก็..ไม่พูด รีดก็รู้ว่าแกอัดอั้นอ่ะ Aund -*-)   พีต้ากำลังจะไปสู่เส้นทางนั้นกับฟินนิคแล้วค่ะรีดๆ ขา ฮาา //วาดมือไปที่ภาพข้างหน้า//

อร๊ายยยยยยยยยยยยยย!!!!   ดีจังเลยค่ะ ><  ในที่สุดทั้งสองก็กำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตรักแบบที่เค้าอื่นๆ เค้าทำกันสักทีค่ะ 555555  งั้นไปอ่านกันเลยเนอะ  ไปกันเล้ยยยยย



--------------------------------------------------------------------------------------------



หลายวันผ่านไปหลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยดีแล้ว  คนเร่รอนหลายคนมีบ้านอยู่และสมาชิกในเขตก็เริ่มทำการเพาะปลูกก่อนฤดูหนาวจะมาถึงในอีกไม่ช้า

ฟินนิคก็บอกคนอื่นๆ เรื่องกลับบ้านเกิดพร้อมกับพีต้า ในตอนแรกเค้าบอกแคทนิสกับเฮย์มิชก่อน  พอสองคนนั้นทำหน้าเงียบงันไร้ปัญหาพร้อมกับยิ้มให้เค้าแล้วฟินนิคจึงเริ่มไปบอกกับคนอื่นๆ  หลายคนทำหน้าใจหายและเสียใจที่เค้ากำลังจะจากไปแต่ถึงอย่างไรก็รู้ดีว่าชายหนุ่มจะต้องกลับบ้านของตัวเองเข้าสักวันหนึ่ง

“นายจะไปทันทีเลยเหรอพวก?” เฮย์มิชยืนกอดอกพิงเสาตรงระเบียงหน้าบ้านถามฟินนิคที่กำลังเก็บสัมภาระส่วนตัวใส่กระเป๋า

ชายหนุ่มเงยขึ้นมามองคนถาม  ไม่ตอบทันทีแต่ยิ้มให้เฮย์มิช “เดาว่าคุณคงจะคิดถึงผมมากแน่เลย ใช่ไหม?” ร่างสูงว่าหยอก  และดูเหมือนจะเป็นอย่างที่พูดจริง เฮย์มิชคงหาเพื่อนตกปลาที่ถูกคอและถูกใจได้เท่าชายหนุ่มผิวสีแทนไม่ได้อีกแล้ว  ก่อนเด็กหนุ่มที่ถือกระเป๋าของตัวเองออกมาจากบ้านจะเรียกความสนใจของเฮย์มิชมากกว่าฟินนิคในตอนแรกลิบลับ

“ไม่ใช่นายซะหน่อย  ฉันเป็นห่วงหนุ่มน้อยของฉันมากกว่าว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกไหม  ดูท่านายจะไม่ยอมคืนเค้าให้ใครเลยหลังจากกลับขึ้นมาจากหลุมนะพวก” เฮย์มิชว่าหยอกเหมือนกันให้ความรู้สึกที่เหมือนจริงมาก  พลางชี้นิ้วน้อยๆ ไปทางพีต้าที่ตื่นเต้นจนเตรียมพร้อมแล้วเต็มที่

เด็กหนุ่มไม่ว่าอะไรพร้อมกับหลบหน้าเฮย์มิชแต่ร่างสูงแอบเห็นว่าเจ้าตัวแอบเนียมอายไปด้วย  ก่อนฟินนิคจะลุกขึ้นจากการจัดของใส่กระเป๋าแล้วกอดไหล่พีต้าแน่นๆ “อย่าเชียวเฮย์มิช  ถ้าคุณทำให้ผมไม่พอใจ บางทีคุณอาจไม่ได้เค้าคืนก็ได้”

เฮย์มิชหัวเราะพร้อมร่างสูง  พวกเค้าเดินเข้าไปหากันแล้วกอดกัน

“ฉันคงคิดถึงนายมากแน่เจ้าหนุ่ม” เฮย์มิชพูดด้วยความจริงใจและเสียดาย  ก่อนจะตะปบมือกับฟินนิค “ขอให้โชคดีไอ้น้องชาย”

“ขอบคุณเฮย์มิช” หนุ่มชาวประมงยิ้มอย่างขอบคุณก่อนจะเดินไปหาเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่กับกระเป๋าของเค้า “นายบอกลาแคทนิสหรือยัง?”

แต่เหนุ่มเบเกอร์รี่ของเค้าเม้มปากแล้วหลุบตาต่ำลง  มือที่กำรอบสายกระเป๋าไม่ยอมขึ้นพาดบ่า  ร่างสูงมองท่าทางนั้นได้อย่างถ่องแท้  ก่อนจะถอนหายใจยิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นนวดหัวไหล่ของเด็กหนุ่มทั้งสองเบาๆ อย่างเกลี่ยกล่อม

“งั้นเราไปพร้อมกันโอเคไหม?” เค้าถาม  เด็กหนุ่มจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านตามเค้า  บางทีพีต้าอาจยังไม่อยากนึกถึงหน้าแคทนิสว่าจะเป็นยังไงตอนเห็นว่าเค้ากำลังบอกลา  เธอทำตัวเหมือนแม่จนพีต้าแทบไม่เชื่อตัวเองว่าเคยชอบเธอเมื่อนานมาแล้ว

และเธอทำตัวเป็นคนดีมากกว่าที่คิดเอาไว้  หญิงสาวผมสยายกอดพีต้าไว้และทำเช่นเดียวกันกับฟินนิค  เธอยิ้มอย่างบอกลาก่อนจะบอกให้ฟินนิคดูแลเพื่อนของเธอ  กำชับอย่าให้เค้าต้องเป็นอะไรไปอีก  พีต้าเหมาะที่สุดสำหรับการถูกคนอื่นดูแลและเธอเชื่อว่าฟินนิคทำมันได้ดีที่สุดมากกว่าใคร

ฟินนิคกอดเธอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจูบแก้มลา  ขอบคุณผ่านสายตาที่เธอโค่นล้มสโนว์และทำให้ อัลม่า   คอยน์ ลาโลกไปได้  รวมถึงคอยดูแลพีต้าจนกระทั่งเค้าจะกลับมา

“ลาก่อนแคทนิส” พีต้าพูดเบาๆ เธอลูบแขนเค้าแสนเบาเช่นกัน เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ก่อนจะน้ำตาหยดทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่  ฟินนิคโอบไหล่พีต้ากลับคืนมาแล้วพาเด็กหนุ่มเดินขึ้นรถที่มีอยู่เพียงคันเดียวในเขต  กริสแบลร์ขับมันไปส่งพวกเค้าที่ชาญชาลาซึ่งดูร้างราวกับไม่มีใครมาใช้  และถือว่าเป็นโชคดีที่ขบวนรถไฟมาจอดแวะเทียบท่าได้ตรงเวลาตามที่ได้คาดการณ์ไว้พอดี  ชายหนุ่มทั้งสองบอกลากริสแบลร์ก่อนจะขึ้นไปบนรถไฟที่มีสีหน้างุนงงของครูสโผล่ออกมาต้อนรับ

เฮ้  ฟินนิค นั่นนายเหรอ!” นายขบวนผุดเสียงดังแล้วฉีกยิ้มออกมาอย่างยินดี  ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้วหลังจากที่ชายหนุ่มจากเขต 4 ผู้โด่งดังลงจากรถไฟของเค้าไป  ครูสไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่าจะได้เจอฟินนิคอีก  แต่ในครั้งนี้มีเด็กหนุ่มที่หน้าตาคุ้นตายิ่งกว่าติดสอยห้อยตามมาด้วย

นายขบวนมองไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนกอดกระเป๋าหลบอยู่ด้านหลังของฟินนิคผู้ฉีกยิ้มตอบเค้า  เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่เสมองไปทางอื่นของครูสร่างสูงจึงหันไปดันหลังพีต้าออกมา

“นี่พีต้า  เชื่อว่าคุณคงจะรู้จักเค้าแล้ว” ชายหนุ่มผิวสีแทนวาดยิ้มประทับใจ “เค้าเป็นเพื่อนของผม” บ่งบอกว่าเหตุใดเค้าจึงดั้นด้นมาถึงที่นี่เพื่อเด็กหนุ่มผู้แสนสำคัญคนนี้

“อ่อ  พีต้า   เมลล์ลาร์ก จากเขต 12 นี่เอง” นายขบวนถอดหมวกวางไว้บนอกแล้วยื่นมือออกไปจับกับพีต้าอย่างสุภาพ และเด็กหนุ่มเองก็เช่นกัน

“เธอนี่เองที่ทำให้เราประหลาดใจเพราะความตั้งใจของเค้า”

พีต้าเลิกคิ้วแล้วผูกปม  ก่อนจะเพียงแค่ยิ้มตอบไปน้อยๆ เพราะไม่รู้จะพูดออกไปว่าอะไร

นายขบวนที่ลงมาต้อนรับแขกเชื้อเชิญให้พวกเค้าทำตัวตามสบายเพื่อรอให้ถึงจุดหมายของที่กำลังมุ่งหน้าไปถึง  ฟินนิคคุ้นเคยกับมันมากกว่าพีต้าจึงพาเด็กหนุ่มออกไปทักทายกัปตันและนายขบวนอีกสองคนที่เหลือ  ในตอนแรกพีต้ามีความกังวลว่าคนพวกนั้นจะรังเกียจเค้าเพราะถูกมองว่าเป็นพวกของสโนว์จากการล้างสมองก่อนหน้านี้หรือเปล่า

แต่ก็ไม่เลย  ทุกคนเข้าใจดีว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเพียงแค่หนึ่งในสิ่งชั่วร้ายที่สโนว์ได้ทำไว้กับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งในหลายร้อยคน  กัปตันกล่าวยินดีต้อนรับด้วยเสียงอันอบอุ่นแล้วจับมือกับเค้าพร้อมกับรอยยิ้ม  พีต้าอบอุ่นหัวใจเมื่อการออกมาจากบ้านในรอบหกเดือนของเค้าเริ่มต้นไปได้ด้วยดี

ไม่นานเมื่อพูดคุยกันเสร็จ ฟินนิคพาเจ้าตัวออกมาจากห้องหัวขบวนอันน่าตื่นตาของกัปตันมายังห้องรับรองที่น่าตื่นตาไม่แพ้กัน  เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟานวมปักด้วยลวดลายหรูหราที่เป็นของสืบทอดมาจากสมัยแคปปิตอลเก่า  มองออกไปยังนอกกระจกบานใสเป็นแนวยาวเกือบตลอดลำ  แสงเงาของต้มไม้และก้อนเมฆเรียกให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาจับขอบดูอย่างเพลิดเพลินและน่าอัศจรรย์ที่ได้ออกมานอกเขตซึ่งเค้าไม่คิดว่าจะได้จากมันมาอีกครั้ง

แม้จะไม่มีอะไรต่างจากครั้งล่าสุดที่เค้าเคยนั่งมัน  แต่ทว่าภาพตามรายทางกลับทำให้พีต้ารู้สึกปลอดภัยมากกว่าครั้งไหนๆ  แสงสีส้มเริ่มสาดขึ้นเคลือบท้องฟ้า  ไฟสีเรืองรองภายในห้องก็สว่างขึ้นจากระบบอัตโนมัติของรถไฟ  แต่พร้อมกันนั้นประตูก็เปิดออกอย่างแผ่วเบาแล้วร่างของชายหนุ่มก็แทรกเข้ามาพร้อมถาดอาหารเย็น

“เฮ้” ฟินนิคทัก “ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว”

“ฉันยังไม่ค่อยหิวเท่าไร” เป็นเพราะหลายๆ อย่างแปลกใหม่เด็กหนุ่มเลยเลือกที่จะสนใจมันมากกว่า  ฟินนิคมองพีต้าอย่างอ่อนใจ เค้าไมได้ว่าอะไร  เพียงวางถาดอาหารที่คงไม่มีใครสนใจไปครู่หนึ่งแล้วเดินมานั่งข้างๆ เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ของเค้าที่ตื่นตาตื่นใจกับการออกมาจากบ้าน

แต่เมื่อพอเค้ามานั่งรวมกัน เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สนใจทิวทัศน์แล้ว

“ฉันดีใจที่นายมาด้วย” ฟินนิคพูดขึ้น  มองพีต้าไปด้วยขณะยิ้ม

“ฉันคิดว่าที่นั่นจะต้องเยี่ยม” หนุ่มน้อยพยายามทำให้คิดว่านอกจากทะเลแล้วเขตแห่งชาวประมงจะมีอะไรได้อีกบ้าง  ก่อนร่างสูงจะจับมือเจ้าตัวแล้วพูด

“นายไม่กลัวเหรอที่ออกมาจากบ้านมาไกลขนาดนี้  นี่จะไกลยิ่งกว่าซะแคปปิตอลอีกนะ” เสียงฟินนิคฟังดูเหมือนทดสอบ  พีต้าจึงตอบไปตามความจริง

“ฉันเคยกลัวและคิดว่าจะไม่ออกไปจากที่นั่นอีก” ก่อนจะสบตาฟินนิคแล้วหลุบหนี “อยู่กับนายแล้วฉันรู้สึกปลอดภัย” ชายหนุ่มวาดยิ้ม  หัวใจเค้ารู้สึกอิ่มเอม

“โอ้ พีต้า” เค้าดึงพีต้าเข้ามากอดและโอบกอดเอาไว้เองด้วย “ฉันอยู่นี่  จะอยู่กับนายตลอดเวลา  นายไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว” ฟินนิคแอบนึกถึงช่วงเวลาที่เค้าปล่อยให้เด็กหนุ่มต้องเจอแต่เรื่องร้ายๆ ก่อนจะจูบเด็กหนุ่มด้วยความแผ่วเบาจนเหมือนแตะเฉียด  พีต้ายึดคอของร่างสูงไว้ ฟินนิคจึงจูบซ้ำอีกแต่ลึกล้ำมากกว่าเดิม

ทั้งสองจูบกันอยู่นานจนไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วสำหรับการจูบเพียงผิวเผินของคนรัก  เป็นฟินนิคเสียมากกว่าที่จงใจแกล้งหยอกล้ออีกคนหนึ่ง เค้าผละปากออกแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดกระเซ้าเหย้าแหย่ถึงแม้พีต้าจะคิดว่าเค้าหยุดแล้ว  แต่ร่างสูงก็ก้มลงไปกัดริมฝีปากบางๆ ของเด็กหนุ่มอยู่หลายทีแล้วหัวเราะไปด้วย

เย็นนั้นพวกเค้าทานอาหารช้ากว่าทุกวันเพราะมีเวลาอยู่ด้วยกันสองคน  ไม่มีใครเข้ามารบกวนทั้งนั้นแม้แต่ครูสและเพื่อนๆ ที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกันเป็นพิเศษเนื่องจากได้เจอคนดังของพาเน็มและหนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนของพวกเค้า  แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาเลย

ฟินนิคเคี้ยวผักไปด้วยแล้วมองหน้าพีต้าไปด้วย  อาหารมื้อนั้นอร่อยเป็นพิเศษเพราะความพิเศษในแววตาของทั้งคู่  และพวกเค้าไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังสนุกอยู่กับการที่ได้อยู่กันตามลำพัง  ไม่มีการมีอยู่ของแคทนิส  เสียงที่มาก่อนตัวของเฮย์มิช  ขนที่ฟุ้งกระจายอยู่ตลอดเวลาจากแมวของพริม หรือคนอื่นๆ

ถึงแม้จะไม่มีคนพวกนั้น  ทั้งคู่ก็ไม่ได้หวั่นไหวเลย  พีต้าไม่รู้ตัวเลยว่าการจากบ้านไปครั้งนี้ของเค้าจะทำให้เค้าไม่รู้สึกอยากหวนกลับไปหามันอีกเลย...

คืนนั้นขณะที่ตัวเคลื่อนขบวนพารถไฟแล่นไปตามรางอย่างนิ่มนวลและราบรื่น  ฟินนิคกับพีต้าอาบน้ำ ร่างเล็กถูกร่างสูงกลั่นแกล้งและหัวเราะอีกครั้ง ก่อนพวกเค้าจะใส่เสื้อผ้าและนอนกอดกันในห้องที่มีเตียงคู่ตั้งอยู่เคียงข้างไม่ห่างกัน  ทั้งสองช่วยกันดันเตียงให้ชนกันและกระโดดขึ้นไปบนนั้น  สัมผัสความหนานุ่มเบาสบายของเตียงในโบกี้ระดับเฟิร์สคลาสที่เป็นของพวกเค้า

ฟินนิคนอนกอดพีต้า  ทั้งสองนอนกอดกันและพูดคุยไปเรื่อยเกี่ยวกับคำถามเรื่องเขต 4 ของพีต้าและเรื่องเล่าเกี่ยวกับบ้านตัวเองของฟินนิค  ก่อนมันจะลงเอยด้วยรอยจูบที่ร่างสูงพรมไปทั่วใบหูและต้นคอของร่างเล็กจนเจ้าตัวหลับไปในอ้อมอกของเค้า

วันต่อมาพีต้าค่อนข้างตื่นเต้น  แต่ความนุ่มนวลของรถไฟและแสงดาวจากฟากฟ้ากล่อมให้เด็กหนุ่มเพลิดเพลินจนหลับไปในอ้อมกอดอันปลอดภัยอบอุ่นของชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย  ฟินนิคกอดเจ้าตัวไว้  ขาก่ายขาของพีต้าที่เริ่มทับเค้าก่อน  แรงหายใจที่ขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะของเด็กหนุ่มทำให้ร่างสูงต้องแทบกลั้นหายใจในยามที่ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ทั้งคู่

วันรุ่งขึ้นพวกเค้าทั้งสองเปลี่ยนขบวน  และต่อรถไฟครั้งสุดท้ายไปเขต 4 ซึ่งอยู่ห่างจากแคปปิตอลพอสมควร  จำเป็นต้องใช้เส้นทางนี้เนื่องจากมีเวิ้งน้ำคั้นกลางระหว่างพวกเค้ากับบ้านเกิดของฟินนิคอยู่หลายไมล์  พีต้ายื่นดูเกาะกว้างใหญ่ที่เชื่อมติดกับแผ่นดินอีกฝั่งหนึ่งด้วยดวงตาสีฟ้าที่ไร้การกระพริบ  และเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าชายผู้ชักชวนให้เค้าออกมาจากบ้านเกิดของตัวเองนั้นได้เดินมายืนกระนาบอยู่ด้านหลังแล้ว

ฟินนิคเงียบเชียบ ไร้สุ่มเสียง  เค้าก้มหัวลงลดใบหน้าให้อยู่ในระดับเดียวกับพีต้าแล้ววาดยิ้มบางๆ “อีกไม่ถึงสิบสองชั่วโมงเราก็จะไปถึงที่นั่นแล้ว  เอาไว้มองตรงนี้มาจากที่นั่นแล้วนายจะรู้ว่ามันสวยกว่ามาก” แล้วสอดมือเอื้ออมมากอดเด็กหนุ่มจากด้านหลัง

พีต้าสะดุ้งตัวเล็กน้อยเพราะน้ำทะเลสีทองยามเย็นระยิบระยับที่กระทบกับแสงอาทิตย์ทำให้รู้สึกเหม่อลอย  คนถูกกอดรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าระเรื่อยอยู่ที่ข้างใบหูซึ่งกำลังขึ้นสีระเรื่อนั้น

ฟินนิคลดมือลงแล้วหยิบกระเป๋าพีต้าขึ้นมาถือไว้เอง “รถไฟเที่ยวสุดท้ายไปเขต 4 ของวันนี้กำลังจะออกแล้ว  เรียนผู้โดยสารทุกท่านเข้าประจำที่และรัดเข็มขัดให้แน่นด้วย” แล้วจูบแก้มของพีต้าเร็วๆ ก่อนจะหมุนตัวดึงมือเด็กหนุ่มที่ส่งเสียงหัวเราะให้เดินตามไป

“ที่นั่นไม่มีเข็มขัดสักหน่อย” แว่วเสียงพีต้าตามหลังมา

“อา นั่นสินะ...จริงด้วยนายพูดถูก” เสียงหัวเราะของพวกเค้าดังขึ้นและถูกกลบด้วยคนบนชาญชาลา

เสียงผู้คนที่เริ่มสนใจในการใช้บริการทางบกที่ล่องลอยอยู่บนรางแร่ดังอย่างไม่วุ่นวายชวนระคายหูอยู่รอบตัวของเด็กหนุ่มผมบล์อนและชายหนุ่มผิวสีแทนที่ผมสีเดียวกัน  ที่นี่คือพาเน็ม  หลายคนเริ่มเลือกที่จะใช้รถไฟเพื่อเดินทางท่องเที่ยวและเยี่ยมญาติมิตรกันบ้างแล้ว  แต่ไม่มีใครสนใจพวกเค้า

ฟินนิคสวมหมวกที่ซื้อมาและพีต้าสวมเสื้อฮู้ดของเค้า  เค้าดึงมันขึ้นมาปิดหน้าของเด็กหนุ่มก่อนจะดึงมือให้วิ่งตามมาโดยไม่ให้ได้ตั้งตัว  พีต้าหัวเราะ  วิ่งไม่มั่นคงและไม่ทันได้หยุดเมื่อพุ่งเข้ามาในรถไฟแล้ว  ฟินนิคใช้อกของเค้าเองรับเด็กหนุ่มไว้ด้วยความยินดี  พีต้าปัดฮู้ดออกเห็นอีกคนหนึ่งยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์แสนกล  แล้วดวงตาสีฟ้าที่ฉายแววสดใสขึ้นกว่าเมื่อก่อนก็กวาดตามองไปรอบๆ รถไฟเที่ยวสุดท้ายที่จะไปเขต 4 ของวันนี้

“ไม่มีใครอีกแล้วเหรอ?” พีต้าเดินออกไปสอดส่องผ่านประตูที่เชื่อมโบกี้

“ที่นี่มีแค่เรา” ฟินนิคเฉลยให้  พีต้าหันมา  รู้สึกโคลงไหวใต้เท้าเล็กน้อย...รถไฟออกตัวแล้ว “นายชอบที่คนเยอะๆ เหรอ?” ร่างสูงถาม  เดินเข้าไปเกลี่ยเส้นผมที่เสียทรงฮู้ดของเค้า

“เปล่า” พีต้าไหวไหล่ “ไม่ชอบหรอก  ฉันแค่สงสัยเท่านั้นเอง”

ร่างสูงยิ้มก่อนจะจุดยิ้มขึ้นมาแล้วก้มลงจูบร่างเล็กที่ใส่เสื้อของเค้า “นึกว่านายไม่ชอบที่มีแค่เราสองคนซะอีก” แล้วยิ้มอีก  พีต้าถอดหมวกของเค้าออกแล้วเริ่มจูบบ้าง

“ชอบสิ  ฉันชอบ...”



.



.



.



คืนนั้นเป็นคืนที่ร้อนแรง  อบอ้าวอย่างไม่รู้สาเหตุ  ปรกติแล้วถึงแม้จะเป็นในฤดูร้อนแต่ผู้คนก็จะนอนซุกใต้ผ้าห่มอย่างอุ่นสบายได้เสมอ  สภาพอากาศไม่สามารถทำอะไรผู้โดยสารในรถไฟได้เลย  และภายในโบกี้ผู้โดยสารอันว่างเปล่าก็เช่นกัน  อากาศดีราวกับต้นฤดูหนาวที่ยังคงมาไม่ถึง

แต่ทว่าผู้โดยสารที่ขึ้นมาใช้บริการเพียงสองคนกลับกำลังเหงื่อชื่นกายเพราะกิจกรรมยามอาทิตย์ตกดินที่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

“ฉันไม่คิดว่าเราควรทำงี้ก่อนมื้อค่ำนะ” พีต้าจับปกเสื้อของฟินนิคไว้แน่น “เดี๋ยวพวกเค้าก็จะมาเคาะประตูแล้วและ...อื้อ” แต่ยังไม่ทันไรก็ถูกจูบตัดคำพูดเสียแล้ว

“แล้วก็เอามื้อค่ำมาวางให้เรายังงั้นเหรอ  โอ้ ไม่เอาน่าพีต้า ฉันคิดว่าเค้ารู้ว่าเราไม่ได้มาจากแคปปิตอลนะ  ไม่มีคนจากเขตไหนกินอาหารเยอะแยะเหมือนคนจากแคปปิตอลหรอกน่า” ชายหนุ่มต่อให้จบอย่างไม่มีความกังวล  ก่อนจะแกะมือเล็กๆ นั้นออกแล้วเปลี่ยนให้มาเป็นวางบนบ่าของเค้าแทน

“ดูนายมั่นใจจังนะ”

“ก็ฉันเป็นคนล็อคประตูเองนี่นา” ก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปหลอกล้อกับเด็กหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง  ร่างของพีต้าถูกวางตุ้บลงบนพื้นเบาะโซฟาที่พวกเค้านั่งอยู่  มือใหญ่ของร่างสูงไล่เข้าไปใต้ชายเสื้อของพีต้าในขณะที่ปากของเค้าก็ดูดเม้มริมฝีปากของอีกคนหนึ่งไปด้วย

“พวกเค้าจะมา..อะ ฮะ!” เด็กหนุ่มยกตัวขึ้นแต่ก็กลายเป็นว่าต้องกระตุกหนักเพราะนิ้วกร้านที่บีบเข้าที่ยอดอกของเจ้าตัว  พีต้าเส้นผมถูไถกับเบาะกำมะหยี่ของโซฟาราคาแพงที่ไร้ซึ่งผู้คนมาเยี่ยมเยียนจนเงียบเหงา ในขณะที่ลำตัวของเค้านั้นก็ถูกรวบกอดจนท้องน้อยแนบชิดกับหน้าท้องของอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังใช้ปากอมยอดอกของเค้าอยู่  นิ้วมือน้อยๆ ข้างซ้ายของพีต้าแตะสะเปะสะปะไปบนขอบกระจกรถไฟอย่างทรมาน

“อ่อ ฉันลืมถามไปเลย” ฟินนิคผงกหัวขึ้นมาจากหน้าอกที่ขึ้นสีและเลอะน้ำลายของเค้า “ว่านายชอบเซ็กซ์บนรถไฟไหม?” รอยยิ้มของชายหนุ่มทำให้พีต้านึกถึงคืนนั้นที่เค้าถามว่าชอบปูไหม

“พอเลย” เด็กหนุ่มยิ้ม  ฟินนิคจะทำแบบนั้นในตอนที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแล้วกอดกันอีกแล้ว



.



.



.



TBC.



------------------------------------------------------------------------------------



อุ  ค้าง NC ! O..o   รีบเผ่นดีกว่า

สวัสดีค่ะรีดขา //ไหว้//

เจอกัน Part หน้า ต่อ NC กันเนอะ 5555555

ป.ล.  แคทนิสอย่ามาร้องไห้  มารยา!

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




ไม่มีความคิดเห็น: