วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[SF – ควันหลงบอลโลก] + [Prat 1] Time Machine – CR. x Thiago



เนี่ยยยย  มีคนเรียกร้องมาไม่รู้ว่าใคร.....เค้าไม่แสดงตัว  หุ  หุ

ต้องขอบอกก่อนเลยค่ะ ว่ามันบ้ามากๆ  ปัจจุบันนี้หนูๆ ทั้งสองยังเพิ่งเคยจะเดินได้วิ่งได้กันอยู่เลย....ยังไม่ถึงสิบขวบกันด้วยซ้ำค่ะ(โอ้ นี่แกกินเด็กหรือ Ray .......... เปล่า เด็กมันกินกันเอง) 5555

            แต่ Ray ก็เชื่อว่าโตมาหนูน้อยทั้งสองนี้จะต้องหล่อเหลา และดูน่ารักน่าชังที่สุดอย่างที่เราคิดไว้แน่นนอนค่ะ >[]<!! (โดยเฉพาะติอาร์โก้น้อยๆ ที่จมูกโด่งตั้งแต่แบเบาะ แบบเดี๋ยวกะคุณป๊ะป๊าเปี๊ยบบ)

ไม่รู้ว่าจะชอบกันไหมนะค่ะ เพราะอย่างที่บอกค่ะ มีรีดเดอร์ใจดีคนหนึ่งคอมเม้นมาค่ะ และเค้าดันไม่ระบุชื่อซะด้วย เค้าบอกว่าให้เราแต่งคู่หนูๆ ด้วย  เราก็ อืม...คงจะไม่ว่างแต่งแฮะ แต่พอไปพอมาเปิดหน้าเวิร์ดก็ปาไป 4 หน้าแล้วค่ะท่านผู้โชมมมมม!! 0[]0!! อู้ยยย ของเค้าแซบเว่อร์จริงๆ ค่ะ  คู่พ่อมีอธิพลถึงคู่ลูกกันเลยค่ะ ณ จุดๆ นี้  แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณรีดเดอร์นิรนาม(?) ที่ไม่ประสงค์ออกนามสร้างแรงบันดาลใจและผลักดันให้ Ray เขียน SF เรื่องนี้จนจบค่ะ 5555

ขอบคุณมากค่ะ..........(ถ้ารีดคนเดิมกลับมาอ่านอีกก็คอมเม้นท์โดยใช่ชื่อตัวเองก็ได้นะค่ะ ไรท์รออยู่ค่ะ ^^.......รีดเดอร์ได้ตามที่ขอไว้แล้วนะค่ะ และ Ray ยินดีเสมอค่ะ)

เอ้า พุ่งไปอ่านกันโล้ดดดด

-------------------------------------------------------------------------------------


เสียงรถยนต์ราคาแพงออกตัวจากจุดสตาร์ทเมื่อได้ทำการส่งบุคคลทั้งสองกลับบ้านไปแล้ว  ภาพฉากหลังนั้นคือท้องฟ้าซึ่งฉาบไปด้วยแสงสีส้มของพระอาทิตย์อัสดงที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้าอยู่รอมร่อ  ฝ่ามือแกร่งของเจ้าของรถขยับพวงมาลัยไปมาอย่างชำนาญตามทางที่เค้าแสนจะคุ้นเคย แว่นตากันแดดสีดำสนิทสะท้อนกับแสงที่สาดเข้ามาจากภายนอก วาววับ....พลางเคาะนิ้วบนพวงมาลัยและยกยิ้ม ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี  ในขณะที่รถของเค้าท่องไปตามถนนเส้นที่มีการจราจรหนาแน่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแต่ทว่าค่ำคืนนี้กลับดูเบาบางลง ไปเรื่อยๆ ก็หันไปเอ่ยกับเด็กชายที่นั่งเงียบอยู่บนเบาะหลังมาตลอดทาง ราวกับเค้าไม่มีตัวตน

ไง ไอ้เสือ

และเงียบไปราวเกือบสิบวิ กว่าเด็กหนุ่มผู้มีสีหน้าขรึมเงียบจะพยักหน้าน้อยๆ หนึ่งทีก่อนจะเอ่ยออกมาสั้นๆ ก็ดีป๋า...

ใบหน้าคมสันและสีผิวแทนเซ็กซี่ ถ่ายสำเนามาตามแบบผู้เป็นพ่อเป๊ะ แต่ถึงแม้จะไม่มีผิวสีเข้มน้ำผึ้งขนาดโรนัลโด้ในตอนนี้ แต่เด็กคนนี้ก็มีผิวสีที่เข้มกว่าเด็กชายพ่อรวยคนอื่นๆ  ซึ่งก็บ่งบอกได้เลยว่าอนาคตเค้าจะต้องโตมาคมเข้มเหมือนพ่อเป็นแน่

โรนัลโด้หันไปมองลูกชายเพียงคนเดียวของเค้าผ่านกระจกหลังแวบหนึ่ง ก่อนจะยักไหล่เป็นเชิงรับรู้

........มันก็เป็นอย่างงี้มาตั้งแต่เกิดแล้วล่ะ ทั้งเงียบ ทั้งขรึมยังกะคาบสากมาเกิดยังไงยังงั้นแหละ แต่คำตอบเพียงเท่านี้ก็ทำให้แน่ใจได้แล้วว่าลูกชายของเค้าก็มีความสุขดี  หรือบางที่อาจจะมีมากมายเหลือล้นด้วยซ้ำ!.......

ทีเห็นตอนตั้งแคมป์อยู่กะ ติอาร์โก้ ทั้งวันงี้ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตามน้อง  แต่พอขึ้นรถมานี่ก็ทำหน้าเป็นกระเบื้องใส่พ่อมันเลย.....ให้โล่มันเลยไอ้ลูกคนนี้  แต่ก็ดีแล้วนี่หว่าที่มันหมกมุ่นอยู่กับน้อง  เราก็เลยมีเวลา...คิ คิ....กะลีโอ ฮ่าาาา

ยิ่งคิดแล้วก็อดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขึ้นมาไม่ได้ เมื่อตอนที่เค้าแกล้งทำซอสบาร์บิคิวหกใส่เสื้ออีกฝ่าย แล้วหาข้ออ้างไปเปลี่ยนเสื้อในเต้นท์  วะ ฮะ ฮ่า...ได้ไปอีกหนึ่งดอก โดยที่ลูกไม่รู้เลย ไม่มีใครรู้.....ก็เพราะว่ามีแค่โรนัลโด้กับซีอาร์ลูกชาย และลีโอเนล   เมสซี่กับติอาร์โก้ลูกของอีกฝ่ายไปแคมป์กันเท่านั้น

........เด็กๆ เล่นน้ำ  คุณก็พ่อร่าเริง(กันในเต้นท์)........

แล้วยิ่งตอนที่คนโดนซอสหกใส่ดิ้นเร่าๆ ว่า ไม่เอา ไม่เปลี่ยนในนี้นะ แล้วก็โดนเค้ากระตุกเสื้อออกแบบเดวิด   คอปเบอร์ฟิวยังอาย  ก็ยิ่งเปรี้ยวเอวอยากจัดอีกรอบ...........

อูยย เดี๋ยวเอาไว้เก็บต้นทับดอกงวดใหม่กับลีโอเอาทีหลังล่ะกัน วันนี้หนำใจแล้ว  เดี๋ยวว่างเมื่อไรค่อยคิดค่าคิดถึงทีหลัง

ในขณะที่โรนัลโด้กำลังคิดถึงคนที่อยู่บ้านใกล้กันแค่จิ๊ดเดียวอยู่นั้น  ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเค้าก็กำลังนั่งนิ่งตามธรรมชาติ คิดถึงใบหน้าสดใสที่โบกมืออย่างแข็งขัน ตะโกนบอกลาเค้าด้วยเสียงเล็กๆ อันไม่มีวันลืม

พี่ซีอาร์เอาไว้วันหลังเรามาเล่นกันอีกนะฮ้าา....ตั้งแคมป์สนุกมากเลยย แล้วมาตั้งแคมป์กันอีกน้าาา  อ๊ะ บ๊าย บ่ายยย

และก็เป็นเค้าเองที่อดยื้นหน้าออกไปนอกรถแล้วยิ้มบางๆ ตอบกลับไม่ได้  พ่อที่บอกเอาไว้บ่อยๆ ว่า เค้าเป็นเสือยิ้มยาก ก็ไม่มีแม้โอกาสได้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเค้าเลย...........

..................เพราะรอยยิ้มและความรู้สึกนี้ เค้ามีให้ติอาร์โก้เพียงคนเดียวเท่านั้น...............

ใบหน้าคมสัน ที่มีจมูกโด่งเด่นออกมารับแสงไฟที่สาดเข้ามาจากด้านนอก นิ่งเรียบจนเป็นเหมือนดังเสน่ห์ที่น่าค้นหา แต่ทว่าในแววตาของเด็กชายอายุ 13 ปีที่มีหน้าตาหล่อเหลาเกินกว่าวัยนั้น ก็หมุ้นคิดอยู่เพียงเรื่องเดียว..........จนกระทั่ง เสียงเครื่องยนต์และการสั่นสะเทือนนิ่งสนิท

เอาล่ะถึงแล้ว...โอ้ย ปวดเอวชะมัดเลย

ปึก!

ไปทำอะไรมาอ่ะป๋า....ปวดเอวทันทีที่ลงรถมาได้เสียงบ่นลอยลมที่หลุดปากออกมาจากคุณพ่อบังเกิดเกล้า ก็ทำให้คุณลูกบังเกิดเกล้าถามขึ้นมาทันควัน

อ๋อ....อ๋อ เปล่าา  แค่ก้มตัวย่างบาร์บิคิวมากไปน่ะเลยปวดเอวโรนัลโด้ใช้วิชาปลาไหลร้อยท่าเดินไปยกสัมภาระที่นำไปใช้ตอนตั้งแคมป์อย่างแนบเนียน แล้วพูดขึ้นเฉยๆ ด้วยน้ำเสียงปรกติ

ห๊ะ ผมว่าที่ผมเห็นเป็นอาลีโอมากกว่านะครับที่เป็นคนย่าง แล้วอีกอย่าง...ย่างบาร์บีคิวเนี่ยมันต้องก้มขนาดนั้นเลยเหรอป๋าเสียงเรียบๆ ของลูกชายบังเกิดเกล้า ทำให้คุณพ่อสุดหล่อไหลไปไม่เป็นเลยทีเดียว

เออ จะปวดรึไม่ปวดมันก็เรื่องของฉันน่า....เอ้า อย่ามัวอู้ ยกของไปเก็บข้างในเลยโรนัลโด้มีสีหน้าลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ก่อนรีบตัดบทด้วยการทำเสียงเข้มแล้วออกคำสั่งกับลูกชายตัวดีทันที

ฝ่ายลูกชายผู้รู้ทางพ่อก็ยกของเข้าไปเก็บตามหลังด้วยใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้มกริ่ม

...................ใครบอกว่าโตไปมันจะไม่ (ร้าย) เหมือนพ่อ.................

..................ก็แค่ตอนนี้ยังเป็นเสื้อขรึมอยู่เท่านั้นเอง.................

และเนื่องด้วยช่วงเกือบสิบปีมานี้  พ่อของเค้ากับอาลีโอ หรือ อาเมสซี่  ดูจะสนิทกันเอามากๆ  จนเกือบจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว  และด้วยความสนิทสนมที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและน่าประหลาดนั้นก็ทำให้โรนัลโด้ เลือกที่จะเรียกชื่อจริงของอีกฝ่าย แทนที่จะเรียกเพียงแค่ เมสซี่ๆ เฉยๆ....มันดูห่างเหินชะมัดในความคิดของคริสเตียนโน้ หรือที่เมสซี่ก็เรียกเค้าว่า คริส แล้วในตอนนี้

หรือบางทีที่ร่างสูงขี้เล่นผิวสีน้ำผึ้งนี้แกล้งหรือแหย่เมสซี่มากเกินไป ก็จะถูกเรียกด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า คริสเตียนโน้

แต่มีหรือที่ร่างสูงเจ้าของชื่อจะสะทกสะท้าน กลับตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มมีความสุขแบบไม่สำนึกพร้อมกับคำว่า จ๋า

เป็นเหตุให้คนที่อารมณ์ขุ่นมัวอยู่แล้วนิดๆ หมดคำพูดใดๆ ที่จะต่อรอง  เพราะเมสซี่รู้ดีว่าถ้าเค้าพูดต่อก็จะโดนอีกฝ่ายพูดจา จ๋าจ๊ะตอบกลับมาเป็นคำลงท้ายของทุกประโยค

.............มันยิ่งมากกว่าเดิมอีก.............

ลูกๆ ของพวกเค้ายังไงรู้เรื่องนี้ และพวกเค้าก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกลูกๆ ของพวกเค้าในตอนนี้เช่นกัน จึงได้แต่ช่วยกันเงียบไว้ และช่วยกันพยายามไม่ทำอะไรผิดสังเกตให้ลูกเห็น (ยกเว้นคริสเตียนโน้ที่โดนบ่นไปหลายฉาด เพราะทำอะไรไม่เคยจะเงียบเลย)

และสิบปีให้หลังมานี้ (ซึ่งนั้นก็เป็นตอนที่ซีอาร์จำความอะไรไม่ค่อยได้เลย)  ทีมของพ่อทั้งสอง(?) ของเค้าก็ถูกมหาเศรษฐีสัญชาติอเมริกันซื้อสโมสรมาด้วยวงเงินมหาศาล  นั้นจึงทำให้ทั้งทีมของโรนัลโด้และเมสซี่ต้องโดนย้ายเข้ามาอยู่ที่อเมริกา โดยมีการจัดสรรหมู่บ้านทาวส์เฮาส์ให้สำหรับนักกีฬาโดยเฉพาะ และมีการปล่อยให้นักกีฬาเลือกที่อยู่อาศัยของตัวเองกันตามใจชอบโดยไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬาเท่านั้น 

แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกที่จะอยู่ใกล้กันในหมู่บ้านทาวส์เฮาส์ เพราะสะดวกต่อการฝึกซ้อม  (ซึ่งหมู่บ้านนักกีฬาของคริสเตียนโน้ก็อยู่ห่างจากหมู่บ้านของลีโอเพียงไม่กี่กิโลเมตร)

และมีเพียงแค่การแข่งขันฟุตบอลระดับโลกเท่านั้นที่แต่ละคนจะถูกเรียกตัว ไปเล่นให้กับชาติของตนเอง

และทุกอย่างก็ดำเนินเรื่อยมา  จนกระทั่งมาถึงวันนี้ที่การตั้งแคมป์สุขสันต์ของพวกเค้าเพิ่งได้จบลง (เออ ไม่นานเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เริ่มกิจกรรมกันใหม่)

และใช้เวลาเพียงไม่นาน ทุกอย่างก็ถูกจัดการให้เข้าที่เข้าทางอย่างเรียบร้อยด้วยแรงจากหนุ่มทั้งสอง

เอาล่ะซีอาร์ โอเคแล้วนะ  ปิดโรงรถรึยัง

เด็กหนุ่มเพียงพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ

งั้นก็ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้พ่อมีนัดไปซ้อมบอลกับ...หึๆ อาลีโอสรรพนามท้ายประโยคถูกขั้นด้วยการยกยิ้มและเสียงหัวเราะในลำคออย่างมีเลศนัย(?)

เด็กหนุ่มลดเปลือกตาลงเป็นเชิงว่า

อ่อ...ผมรู้แล้ว ผมเดาใจป๋าถูกว่าป๋าคิดอะไรอยู่ แล้วเค้าก็พยักหน้าหงึกอีกรอบอย่างรู้กันก่อนจะตอบรับสั้นๆ พลางโบกมือน้อยๆ มุ่งแล้วงหน้าไปสู่ห้องนอนของตนเอง

ครับ

แต่ซีอาร์ก็ถูกคุณพ่อจอมฟิตที่เพิ่งคิดอะไรได้เบรกไว้เสียก่อน

ออๆ แล้วก็....อยู่บ้านเล่นกับน้องนะไอ้ลูกชาย  พรุ่งนี้บ่ายโมงพ่อจะพาไปส่งที่บ้านอาลีโอ เสียงทุ้มนุ่มสิ้นสุดลงพร้อมกับเด็กชายที่หยุดอยู่กับที่

........ซีอาร์ยิ้มอีกแล้วในวันนี้..........

จัดไป...เค้าพูด ก่อนจะเดินเข้าห้องไปจริงๆ เสียที

..........และด้วยความที่ว่าไม่ค่อยมีใครได้เห็นรอยยิ้มบาดใจของเด็กหนุ่มมากนัก ซีอาร์ก็เลยไม่รู้ว่าเวลาที่เค้ายิ้มแล้วมันดูร้ายกาจขนาดไหน.........

(แน่นอน รอยยิ้มอบอุ่นเท่านั้นที่ซีอาร์มอบให้ติอาร์โก้  ไม่ใช่รอยยิ้มร้ายๆ ที่เค้าชอบยิ้มตอนอยู่คนเดียว)

............เป็น เสือ สมตามที่พ่อบอกจริงๆ ซีอาร์............


-------------------------------------------------------------------------------


------------------------------------------


---------------------


ร่างสมส่วนสูงห้าฟุตครึ่ง เดินออกมาจากห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องนอน แล้วเดินตัดข้ามห้องที่มืดสลัวมานั่งที่โต๊ะชุดขนาดกลางอยู่ชิดติดริมผนังที่เค้าเอาไว้สำหรับทำการบ้านและนั่งอ่านหนังสือ  เด็กหนุ่มเปิดโคมไฟที่มุมซ้ายของโต๊ะ แสงไฟสีส้มสาดกระจายออกไปรอบด้านแต่ก็ดูเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับขนาดใหญ่ของห้อง  แสงสีส้มจึงสาดกระจายไปได้ไม่ทั่วห้องนัก มันได้ไล่เลียไปถึงเพียงแต่ตรงแผ่นประตูที่อยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มห่างไปเจ็ดฟุตเท่านั้น

ซีอาร์กระพริบตา แล้วเบนหน้าไปทางด้านขาวเล็กน้อย

...................วันนี้เค้าไม่มีอารมณ์อยากจะเปิดคอม...............

................ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น.................

ดังนั้นเด็กหนุ่มใบหน้าคมสันจึงหันหน้ากลับมา แล้วมองตรงไปข้างหน้า.......ข้างหน้าเค้าคือแสงไฟสีส้มที่สาดต้องกระทบกับกระดาษวาดรูปหลายใบที่เค้าเป็นคนติดไว้เองกับมือ

มันเป็นรูปวาดที่เค้าชอบมากที่สุด.........ลายเส้นและการลงสีน่ารักๆ บนกระดาษใบแล้วใบเหล่า  มันทำให้คนมองอย่างเค้ารู้สึกสดใสไปด้วยและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคนที่วาดมันให้เค้า

พี่ซีอาร์...อันนี้ติอาร์โก้ให้ฮะ  เราสองคนกำลังเล่นกันอยู่ที่ทุ่งหญ้าสีเขียวไงฮะ.....พี่ซีอาร์ชอบไหม  -- พี่ซีอาร์กับติอาร์โก้ --

มือเรียวยาวเอื้อมไปดึงรูปภาพใบนั้นออกมาดูใกล้ๆ และน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกกระตือรือร้นของคนให้นั้นก็ทำให้เค้าอดระบายยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ เมื่อคิดถึงใบหน้าในตอนนั้นของติอาร์โก้

............ตอนนี้ซีอาร์กำลังยิ้มอีกแล้ว  เป็นยิ้มที่อ่อนโยน...........

อันที่จริงแล้วตั้งแต่ได้เจอกันครั้งแรก  ซีอาร์ก็ได้รับภาพวาดมาจากหนูน้อยติอาร์โก้ที่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  หน้าตาจิ้มลิ้มและแก้มตุ้ยนุ้ยนั้นของเด็กน้อยก็ทำให้เค้าอดรู้สึกอยากที่จะหยิกขึ้นมาไม่ได้เลย  แล้วนับจากนั้นมา ภาพวาดหลายต่อหลายใบก็ถูกวาดให้เพื่อเค้า และเค้าก็เก็บมันไว้อย่างดี ทุกใบ

ในขณะที่กำลังยกตั้งแฟ้มที่เก็บรูปวาดของติอาร์โก้ขึ้นมาดูนั้น ซีอาร์ก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่สัมผัสผ่านไหล่เค้าไป........เด็กหนุ่มหันไปแล้วเลิกใส่ใจเมื่อข้างหลังเค้านั้นว่างเปล่า

เมื่อเปิดภาพต่างๆ ดูนั้น เค้าก็ดึงภาพที่เก็บซ้อนกันไว้ในบางหน้าดึงออกมาดู (เพราะมันเยอะมาก จนซีอาร์เริ่มคิดอีกแล้วว่าเค้าควรซื้อแฟ้มมาเพิ่มได้แล้วเสียที) เด็กหนุ่มรู้สึกเสียวแปล็บไปทั่วร่างกาย มันแล่นริ้วไปยังทุกส่วน  จากนั้นเค้าก็รู้สึกเจ็บแปล็บที่สันหลังอีก........เด็กหนุ่มชะงักและรู้สึกประหลาดกับอาการของตนเอง ก่อนที่จะเลิกสนใจมันเมื่ออาการเหล่านั้นหายไปและเค้าหายเจ็บแล้ว

และเมื่อบนโต๊ะอ่านหนังสือของเค้าเต็มไปด้วยรูปวาดที่อยู่กันอย่างกระจัดกระจายแต่ทว่ามีระเบียบในเวลาเดียวกัน โดยที่ไม่มีใบใดหล่นลงจากโต๊ะเลยสักใบ  เด็กหนุ่มร่างสูงก็หูอื้อ  มีเสียงวิ้งดังกังวานในหูของเค้า...........และเด็กหนุ่มก็ยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสอง เมื่อมันดังขึ้นและรู้สึกปวดหนึบที่ใบหูขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ  กระดาษวาดรูปของติอาร์โก้ปลิวว่อนอยู่รอบโต๊ะ............

โอ๊ยย พระเจ้านี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย! ซีอาร์รู้สึกเหมือนหูเค้าแทบจะระเบิดเป็นชิ้นๆ

จนกระทั่ง  มีเสียงดังเหมือนของแข็งกระแทกลงพื้นอย่างแรงดังขึ้น

ตุ้บบบ!!! - ?

เด็กหนุ่มก็หันหลังกลับไปดูต้นเสียงที่อยู่ด้านหลัง และพลันความรู้สึกปวดหนึบของเค้าก็มลายหายไปสิ้น

...........ที่หน้าประตูของเค้า  มีร่างๆ หนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงนั้น ห่างจากซีอาร์ไปไม่ถึงเจ็ดฟุต.......

และเค้าคนนั้นกำลังโอดครวญด้วยเสียงที่บ่งบอกเลยว่าเจ็บปวด

อูยย อะไรว่ะเนี่ย....ให้ตายเถอะก้นฉัน....ซีอาร์ได้ยินเสียงผู้มาใหม่สถบกับตัวเอง

เด็กหนุ่มจ้องชายผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างปริศนาไม่วางตา ลำขาทั้งสองกำลังยกตัวเองขึ้นเพื่อไปหยิบอาวุธมาป้องกันตัว  แต่ทว่าชายปริศนากลับลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามามองเค้าเสียก่อน

อูย......เอ่อ นาย...อ้าวเฮ้ยเดี๋ยวก่อนไอ้หนู!....ใจเย็น!  อย่า!....อย่าเชียวนะ วางไม้เบสบอลนั่นลง  วางลงก่อนถ้าฉันเตะตูดเด็กก็อย่ามาร้องไห้นะเว้ย......คุยกันดีๆ ก่อนสิ  ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก....เอ่อ แล้วฉันอยู่ที่ไหนว่ะเนี่ย.....ไอ้หนู ที่นี่ที่ไหนอ่ะ

ชายปริศนายกมือทั้งสองขึ้นห้ามซีอาร์ที่วิ่งไปถึงไม้เบสบอลแล้วจับมันขึ้นมาพร้อมหวด ก่อนจะพูดเกลี้ยกล่อมแบบเป็นมิตรนิดๆ ด้วยลักษณะการพูดที่ซีอาร์รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

เด็กหนุ่มมองชายแปลกหน้าอย่างระแวงนิดๆ ระคนเหมือนคนๆ นี้เป็นบ้า  แต่ก็ยอมลดไม้เบสบอลลงตามคำชี้แจงของเค้าคนนั้น และด้วยคำถามสุดท้ายซีอาร์จึงหรี่ตามองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกฝ่ายก่อนตอบเค้าไป

บ้านฉัน

เออนั่นฉันก็คิดอยู่เหมือนกันชายที่ได้รับคำตอบถึงกับถลึงตาใส่ซีอาร์ราวกับจะบอกว่า แกวอนใช่ไหมไอ้เด็กฮาร์ต* [* ไอ้เด็กฮาร์ต ในที่นี่มาจากเรื่อง Need For Speed ค่ะ เป็นคำที่ยายใช้เรียกเบนนี่ หรือที่เพื่อนๆ เรียกเค้าว่าขี้โม้หนึ่ง.....เบนนี่ก็ขับเครื่องบินอาปาเช่ของกองทัพสหรัฐได้จริงๆ อย่างที่เค้าโม้ไว้นะค่ะ อ่า ไรท์ชอบเรื่องนี่มากๆ เลยค่ะ เปิดดูทุกวันเลย.....อุ๊ย นอกเรื่องง : Ray - Aund]

แต่ในขณะที่สมองชายหนุ่มกำลังประมวลผลว่าจะพูดออกไปอย่างใจคิดดีหรือไม่ รูปวาดที่ปลิวว่อนเกลื่อนพื้นก็ลอยละลิ่วมาตกอยู่ตรงหน้าเค้า......ชายคนนั้นมีสีหน้าเปลี่ยนไป

ซีอาร์มองดูชายปริศนาค่อยๆ ก้มลงเก็บรูปวาดของติอาร์โก้ขึ้นมา......ในใจเด็กหนุ่มอยากจะเดินเข้าไปกระชากรูปใบนั้นกลับมาแล้วต่อยหน้าไอ้หมอนั่นสักหมัดสียจริงๆ

บุรุษปริศนาอ้าปากค้างก่อนจะอุทานออกมา เฮ้ยยยยเฮ้ยย!.....นี่  นี่มัน....

เอาของฉันมานี่ซีอาร์ก้าวเข้าไป เค้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเพราะรูปใบนั้นเค้าชอบมันมากที่สุด  แต่ทว่าชายหนุ่มนิรนามกลับหดมือหนีเค้าเสียนี่

เดี๋ยวไอ้น้อง...นี่ของนายเหรอ  นายชื่ออะไร

อยู่ๆ คำถามแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็หลุดรอดออกมาจากปากของชายปริศนาที่ยืนจ้องเค้าอยู่  ซีอาร์มองกลับไป ความระแวงที่มีอยู่มากขึ้นกว่าเดิม

แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเอ่ยตอบไปอย่างระวังตัว มือก็กำอยู่ที่ด้ามเบสบอลแน่น ซีอาร์....

ชายนิรนามท่าทางประหลาดเบิกตาโพลง ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วทำท่าทางประหลาดยิ่งกว่าเดิม บ้าน่า  ไม่จริงเสียงเค้าอู่อี้อยู่ใต้ผ่ามือ

ซีอาร์หรี่ตาลง........ให้ตายสิ  ถ้าหมอนี่ไม่ยอมเลิกทำแบบนั้นฉันจะโยนเค้าออกไปจากบ้านเดี๋ยวนี้เลย

แล้วนายต้องการอะไรกันแน่......พูดมา ก่อนฉันจะหวดนายเข้าจริงๆเด็กหนุ่มมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันหนัก  เค้าเริ่มชักจะเหลืออดซะแล้วสิ

ลูกชายสุดหล่อของโรนัลโด้ยกไม้เบสบอลขึ้นวางบนไหล่ เตรียมโฮมรันใส่คนแปลกหน้า  พอเห็นดังนั้นคนจะโดนโอมรันก็รีบยกมือขึ้นห้ามทัพรอบสองแทบไม่ทัน

ฮะๆ เฮ๊ยยยใจเย็นสิว่ะ....ถ้านายทำหน้าตัวเองเสียโฉมขึ้นมาจะทำยังไงว่ะห๊ะ!” ชายหนุ่มนั้นร้องขึ้นมาเสียงดัง  แต่ซีอาร์กลับทำหน้าเหมือนเค้าฟังอะไรผิดไป

............ตัวเองงั้นเหรอ?..........

ตัวเอง?  ทำหน้าตัวเองเสียโฉมงั้นเหรอ  นายหมายความว่าไง!?” เด็กหนุ่มเสียงเยือกเย็น ในขณะที่ในใจเค้ากลับรู้สึกงุนงงเป็นอย่างยิ่ง

เจ้าของห้องกว้างเฝ้ามองหาคำตอบจากชายที่ทำหน้าเบลอๆ แล้วเปลี่ยนมาเป็นจิตหลุดกลางคัน ตามมาด้วยการอ้าปากค้างจนน่าเอาไม้เบสบอลหวดปากเข้าให้เสียจริงๆ  และแล้วก็หันกลับมามองซีอาร์ที่ยืนรอคำตอบอยู่อย่างใจเย็น

โอ้ พระเจ้า....นาย...บ้าน่า  นี่มันเสื้อฉัน  กางเกงฉัน  ห้องฉัน  แล้วก็รูปของฉันนี่...

ใครบอกรูปนั่นน่ะมันของฉัน และทุกๆ อย่างที่นี่มันก็เป็นของฉันทั้งหมด....ไม่ใช่ของนายประโยคเพ้อภิรมณ์ของชายปริศนาถูกตัดฉับอย่างเฉียบคม ด้วยประโยคของซีอาร์พร้อมด้วยคำท้ายที่เน้นเป็นพิเศษเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

ใช่ๆ....ชายประหลาดคนนั้นมีสีหน้าเห็นด้วย “...เป็นของนายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และก็เป็นของฉันด้วย  นั่นก็เพราะว่าฉันคือนายยังไงล่ะซีอาร์บุรุษผู้อาบแสงสีส้มสลัวมีสีหน้ากระจ่างใจในเวลานั้นเอง  ผิดกับซีอาร์ที่เหมือนมีคนเอาหนังสือการ์ตูนฟาดหัวเค้า

โอเค ฟังนะ....ฉันรู้ว่ามันฟังดูบ้า  แต่ฉันคือนายจริงๆ นะ  และฉันมาที่นี่ด้วยเหตุผลที่ทั้งนายและฉันจะไม่มีวันมองข้ามมันไปเด็ดขาด

ใช่ นายมันบ้าจริงๆซีอาร์มีสายตาคุกคาม ก่อนจะฟาดไม้เบสบอลเข้าใส่คนๆ นั้นจริงๆ

แต่ผู้แอบอ้างก็หลบมันได้  ก่อนจะแย่งไม้นั้นมาด้วยการเกือบจะหักข้อมือของซีอาร์  แล้วผลักเด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นห้องอย่างแรง  ร่างกายที่อุดมไปด้วยหมัดกล้ามของเด็กหนุ่มกระแทกเข้ากับพรมสีครีมที่ปูไปทั่วทั้งห้อง

เฮ้....ฟังนะ ฉันมานี่ก็เพื่อที่จะพูด....พูดแค่เรื่องเดียวชายที่แอบอ้างเป็นซีอาร์ยกมือมาขั้นระหว่างกันและกันไว้  เค้ามองไปที่รูปวาดของติอาร์โก้แวบหนึ่งก่อนจะหันมาบอกซีอาร์ นายลุกขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วฟัง  ไม่งั้นฉันจะฉีกรูปนี่เค้าทำท่าจะฉีกมัน  เด็กหนุ่มจึงต้องรีบทำตามสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยความไวแสง

...........หมอนี่รู้ได้ไงว่ารูปนั้นมีความสำคัญกับเค้ามาก...........

สายตาซีอาร์ยังคงแสดงออกถึงความคุกคาม  จมูกโด่งฉายเงาทาบทับบนใบหน้าหล่อละอ่อนที่ดูไม่เป็นมิตรนัก

ชายที่แอบอ้างเดินเข้ามายื่นรูปคืนให้ซีอาร์อย่างระมัดระวัง  เด็กหนุ่มคว้ามันกลับมาอย่างรวดเร็ว และนั่งนิ่งอยู่กับที่ต่อ เมื่อชายอีกคนพูดประโยคทำลายความเงียบ ฉันเคยรักษารูปนี่ไว้อย่างดี จนกระทั่งมันถูกเผาไป...

“.....มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันทำมันไหม้  แต่ก็ต้องเลือกระหว่างรูปนั่นกับติอาร์โก้พอถึงประโยคนี้เด็กหนุ่มร่างสูงก็ตาลุกวาว.......รู้จักติอาร์โก้ด้วยงั้นหรือ...........

ซีอาร์เพิ่งได้สังเกตชายแปลกหน้านี่ชัดๆ  เค้าสูงราวหกฟุตกว่าๆ แต่งตัวด้วยชุดสีดำ แต่เป็นเสื้อผ้าแฟชั่นนำสมัยซึ่งดูแล้วก็เหมาะกับเจ้าตัวไม่น้อย เพราะเสื้อกั๊กสีดำขลับตัวเดียวนั่นก็ทำให้กล้ามแขนอันตึงแน่นสีเซ็กซี่ดูเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียว  สวมแหวนที่นิ้วนางขวา แล้วก็ผมหยกศกเกรียนข้าง ซึ่งด้านหน้าโดนหวีเสยขึ้นข้างบน รับกับใบหน้าคมสัน  คิ้วเข้มหางเรียว  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้า  ริมฝีปากเรียว  และทุกอย่างนี้มันดูคล้ายพ่อของเค้ามากๆ..........

คล้ายมากจริงๆ!

...........ถ้าซีอาร์อยากจะเชื่อจริงๆ ก็สามารถเชื่อได้เลยว่าคนๆ นี้คือเค้าในอนาคต  แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกในหนังสือการ์ตูนถูกๆ หรอกนะ.........

ใช่...แค่นายนั่งนิ่งๆ แล้วฟังเท่านั้นแหละ  ฉันจะ....เฮ้ย ทำหน้างงยังงั้นหมายความว่าไง  อ๋อ ใช่ ฉันรู้ว่าหน้าเหมือนพ่อขนาดไหนซีอาร์ในร่างอนาคตยกยิ้มขึ้นมาเป็นครั้งแรก เหมือนอยากจะบอกว่าภูมิใจแค่ไหนที่มีหน้าหล่อเหลาเหมือพ่อ

.......ใช่ ก็เหมือนจริงๆ นั่นแหละ........

.

.

.

.

TBC.


-----------------------------------------------------------------------------------

หุหุ ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันไหมนะเออ  คอมเม้นท์ติชมได้นะค่ะ ในใจ Ray รู้สึกเหมือนพรากผู้เยาว์ยังไงไม่รู้ค่ะ 555 รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray – Aund -..-


2 ความคิดเห็น:

โบว์ กล่าวว่า...

ซีอาร์ตอนเด็กกับตอนโตนี่ต่างกันลิบลับเลย 5555555 โด้หื่นไงก็หื่นงั้นอยู่วันยันค่ำ อิอิ
ชอบซีอาร์ตอนเด็กอ่ะ ดูแบบร้ายๆเย็นชาๆ แต่ตอนอยู่กับติอาร์โก้นี่คนละคน ><'

สงสารเหมียวโดนไปหลายดอกแล้วมั้งน่ะ เอวเอิวนี่เคล็ดหมดแน่ มุมุ ติอาร์โก้ตอนโตต้องน่ารักมากแน่ๆ ตอนเด็กเล่นน่ารักขนาดนี้
ยังจำภาพตอนน้องหนูไปเชียร์ป๊ะป๊าที่สนามตอนบอลโลกได้เลย น่ารักมากกก ><'

ปล. รอตอนต่อไปเน้อออ สู้ๆน๊า~

demon กล่าวว่า...

ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าพี่โด้นี่เขาจะเจ้าเล่ห์อะไรเช่นนี้
วันๆคิดแต่เรื่องแบบนี้กับน้องเหมียวเรอะ!?
โฮกกก =[]=

แถมเจ้าเสือน้อยซีอาร์รู้สึกจะถอดแบบมาจากพ่อเลยนะเนี่ยย