เนี่ยยยย มีคนเรียกร้องมาไม่รู้ว่าใคร.....เค้าไม่แสดงตัว หุ หุ
ต้องขอบอกก่อนเลยค่ะ
ว่ามันบ้ามากๆ ปัจจุบันนี้หนูๆ
ทั้งสองยังเพิ่งเคยจะเดินได้วิ่งได้กันอยู่เลย....ยังไม่ถึงสิบขวบกันด้วยซ้ำค่ะ! (โอ้ นี่แกกินเด็กหรือ Ray ..........
เปล่า เด็กมันกินกันเอง) 5555
แต่ Ray ก็เชื่อว่าโตมาหนูน้อยทั้งสองนี้จะต้องหล่อเหลา
และดูน่ารักน่าชังที่สุดอย่างที่เราคิดไว้แน่นนอนค่ะ >[]<!! (โดยเฉพาะติอาร์โก้น้อยๆ ที่จมูกโด่งตั้งแต่แบเบาะ
แบบเดี๋ยวกะคุณป๊ะป๊าเปี๊ยบบ)
ไม่รู้ว่าจะชอบกันไหมนะค่ะ
เพราะอย่างที่บอกค่ะ มีรีดเดอร์ใจดีคนหนึ่งคอมเม้นมาค่ะ
และเค้าดันไม่ระบุชื่อซะด้วย เค้าบอกว่าให้เราแต่งคู่หนูๆ ด้วย เราก็
อืม...คงจะไม่ว่างแต่งแฮะ แต่พอไปพอมาเปิดหน้าเวิร์ดก็ปาไป 4
หน้าแล้วค่ะท่านผู้โชมมมมม!! 0[]0!! อู้ยยย
ของเค้าแซบเว่อร์จริงๆ ค่ะ คู่พ่อมีอธิพลถึงคู่ลูกกันเลยค่ะ
ณ จุดๆ นี้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณรีดเดอร์นิรนาม(?)
ที่ไม่ประสงค์ออกนามสร้างแรงบันดาลใจและผลักดันให้ Ray เขียน SF เรื่องนี้จนจบค่ะ 5555
ขอบคุณมากค่ะ..........(ถ้ารีดคนเดิมกลับมาอ่านอีกก็คอมเม้นท์โดยใช่ชื่อตัวเองก็ได้นะค่ะ
ไรท์รออยู่ค่ะ ^^.......รีดเดอร์ได้ตามที่ขอไว้แล้วนะค่ะ
และ Ray ยินดีเสมอค่ะ)
เอ้า พุ่งไปอ่านกันโล้ดดดด
-------------------------------------------------------------------------------------
เสียงรถยนต์ราคาแพงออกตัวจากจุดสตาร์ทเมื่อได้ทำการส่งบุคคลทั้งสองกลับบ้านไปแล้ว ภาพฉากหลังนั้นคือท้องฟ้าซึ่งฉาบไปด้วยแสงสีส้มของพระอาทิตย์อัสดงที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้าอยู่รอมร่อ ฝ่ามือแกร่งของเจ้าของรถขยับพวงมาลัยไปมาอย่างชำนาญตามทางที่เค้าแสนจะคุ้นเคย
แว่นตากันแดดสีดำสนิทสะท้อนกับแสงที่สาดเข้ามาจากภายนอก
วาววับ....พลางเคาะนิ้วบนพวงมาลัยและยกยิ้ม ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่รถของเค้าท่องไปตามถนนเส้นที่มีการจราจรหนาแน่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแต่ทว่าค่ำคืนนี้กลับดูเบาบางลง
ไปเรื่อยๆ ก็หันไปเอ่ยกับเด็กชายที่นั่งเงียบอยู่บนเบาะหลังมาตลอดทาง
ราวกับเค้าไม่มีตัวตน
“ไง ไอ้เสือ”
และเงียบไปราวเกือบสิบวิ
กว่าเด็กหนุ่มผู้มีสีหน้าขรึมเงียบจะพยักหน้าน้อยๆ หนึ่งทีก่อนจะเอ่ยออกมาสั้นๆ “ก็ดีป๋า...”
ใบหน้าคมสันและสีผิวแทนเซ็กซี่
ถ่ายสำเนามาตามแบบผู้เป็นพ่อเป๊ะ แต่ถึงแม้จะไม่มีผิวสีเข้มน้ำผึ้งขนาดโรนัลโด้ในตอนนี้
แต่เด็กคนนี้ก็มีผิวสีที่เข้มกว่าเด็กชายพ่อรวยคนอื่นๆ ซึ่งก็บ่งบอกได้เลยว่าอนาคตเค้าจะต้องโตมาคมเข้มเหมือนพ่อเป็นแน่
โรนัลโด้หันไปมองลูกชายเพียงคนเดียวของเค้าผ่านกระจกหลังแวบหนึ่ง
ก่อนจะยักไหล่เป็นเชิงรับรู้
........มันก็เป็นอย่างงี้มาตั้งแต่เกิดแล้วล่ะ
ทั้งเงียบ ทั้งขรึมยังกะคาบสากมาเกิดยังไงยังงั้นแหละ
แต่คำตอบเพียงเท่านี้ก็ทำให้แน่ใจได้แล้วว่าลูกชายของเค้าก็มีความสุขดี หรือบางที่อาจจะมีมากมายเหลือล้นด้วยซ้ำ!.......
ทีเห็นตอนตั้งแคมป์อยู่กะ ติอาร์โก้ ทั้งวันงี้ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตามน้อง แต่พอขึ้นรถมานี่ก็ทำหน้าเป็นกระเบื้องใส่พ่อมันเลย.....ให้โล่มันเลยไอ้ลูกคนนี้ แต่ก็ดีแล้วนี่หว่าที่มันหมกมุ่นอยู่กับน้อง เราก็เลยมีเวลา...คิ คิ....กะลีโอ ฮ่าาาา
ยิ่งคิดแล้วก็อดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขึ้นมาไม่ได้
เมื่อตอนที่เค้าแกล้งทำซอสบาร์บิคิวหกใส่เสื้ออีกฝ่าย แล้วหาข้ออ้างไปเปลี่ยนเสื้อในเต้นท์ วะ ฮะ
ฮ่า...ได้ไปอีกหนึ่งดอก โดยที่ลูกไม่รู้เลย
ไม่มีใครรู้.....ก็เพราะว่ามีแค่โรนัลโด้กับซีอาร์ลูกชาย และลีโอเนล เมสซี่กับติอาร์โก้ลูกของอีกฝ่ายไปแคมป์กันเท่านั้น
........เด็กๆ เล่นน้ำ คุณก็พ่อร่าเริง(กันในเต้นท์)........
แล้วยิ่งตอนที่คนโดนซอสหกใส่ดิ้นเร่าๆ
ว่า ไม่เอา ไม่เปลี่ยนในนี้นะ แล้วก็โดนเค้ากระตุกเสื้อออกแบบเดวิด คอปเบอร์ฟิวยังอาย ก็ยิ่งเปรี้ยวเอวอยากจัดอีกรอบ...........
อูยย
เดี๋ยวเอาไว้เก็บต้นทับดอกงวดใหม่กับลีโอเอาทีหลังล่ะกัน วันนี้หนำใจแล้ว เดี๋ยวว่างเมื่อไรค่อยคิดค่าคิดถึงทีหลัง
ในขณะที่โรนัลโด้กำลังคิดถึงคนที่อยู่บ้านใกล้กันแค่จิ๊ดเดียวอยู่นั้น ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเค้าก็กำลังนั่งนิ่งตามธรรมชาติ
คิดถึงใบหน้าสดใสที่โบกมืออย่างแข็งขัน ตะโกนบอกลาเค้าด้วยเสียงเล็กๆ
อันไม่มีวันลืม
“พี่ซีอาร์เอาไว้วันหลังเรามาเล่นกันอีกนะฮ้าา....ตั้งแคมป์สนุกมากเลยย
แล้วมาตั้งแคมป์กันอีกน้าาา อ๊ะ บ๊าย บ่ายยย”
และก็เป็นเค้าเองที่อดยื้นหน้าออกไปนอกรถแล้วยิ้มบางๆ
ตอบกลับไม่ได้ พ่อที่บอกเอาไว้บ่อยๆ ว่า “เค้าเป็นเสือยิ้มยาก” ก็ไม่มีแม้โอกาสได้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเค้าเลย...........
..................เพราะรอยยิ้มและความรู้สึกนี้
เค้ามีให้ติอาร์โก้เพียงคนเดียวเท่านั้น...............
ใบหน้าคมสัน
ที่มีจมูกโด่งเด่นออกมารับแสงไฟที่สาดเข้ามาจากด้านนอก นิ่งเรียบจนเป็นเหมือนดังเสน่ห์ที่น่าค้นหา
แต่ทว่าในแววตาของเด็กชายอายุ 13 ปีที่มีหน้าตาหล่อเหลาเกินกว่าวัยนั้น
ก็หมุ้นคิดอยู่เพียงเรื่องเดียว..........จนกระทั่ง
เสียงเครื่องยนต์และการสั่นสะเทือนนิ่งสนิท
“เอาล่ะถึงแล้ว...โอ้ย
ปวดเอวชะมัดเลย”
ปึก!
“ไปทำอะไรมาอ่ะป๋า....ปวดเอว”
ทันทีที่ลงรถมาได้เสียงบ่นลอยลมที่หลุดปากออกมาจากคุณพ่อบังเกิดเกล้า
ก็ทำให้คุณลูกบังเกิดเกล้าถามขึ้นมาทันควัน
“อ๋อ....อ๋อ เปล่าา แค่ก้มตัวย่างบาร์บิคิวมากไปน่ะเลยปวดเอว” โรนัลโด้ใช้วิชาปลาไหลร้อยท่าเดินไปยกสัมภาระที่นำไปใช้ตอนตั้งแคมป์อย่างแนบเนียน
แล้วพูดขึ้นเฉยๆ ด้วยน้ำเสียงปรกติ
“ห๊ะ
ผมว่าที่ผมเห็นเป็นอาลีโอมากกว่านะครับที่เป็นคนย่าง
แล้วอีกอย่าง...ย่างบาร์บีคิวเนี่ยมันต้องก้มขนาดนั้นเลยเหรอป๋า” เสียงเรียบๆ ของลูกชายบังเกิดเกล้า
ทำให้คุณพ่อสุดหล่อไหลไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“เออ
จะปวดรึไม่ปวดมันก็เรื่องของฉันน่า....เอ้า อย่ามัวอู้ ยกของไปเก็บข้างในเลย”
โรนัลโด้มีสีหน้าลุกลี้ลุกลนแปลกๆ
ก่อนรีบตัดบทด้วยการทำเสียงเข้มแล้วออกคำสั่งกับลูกชายตัวดีทันที
ฝ่ายลูกชายผู้รู้ทางพ่อก็ยกของเข้าไปเก็บตามหลังด้วยใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้มกริ่ม
...................ใครบอกว่าโตไปมันจะไม่
(ร้าย) เหมือนพ่อ.................
..................ก็แค่ตอนนี้ยังเป็นเสื้อขรึมอยู่เท่านั้นเอง.................
และเนื่องด้วยช่วงเกือบสิบปีมานี้ พ่อของเค้ากับอาลีโอ
หรือ อาเมสซี่ ดูจะสนิทกันเอามากๆ จนเกือบจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว และด้วยความสนิทสนมที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและน่าประหลาดนั้นก็ทำให้โรนัลโด้
เลือกที่จะเรียกชื่อจริงของอีกฝ่าย แทนที่จะเรียกเพียงแค่ เมสซี่ๆ เฉยๆ....มันดูห่างเหินชะมัดในความคิดของคริสเตียนโน้ หรือที่เมสซี่ก็เรียกเค้าว่า คริส แล้วในตอนนี้
หรือบางทีที่ร่างสูงขี้เล่นผิวสีน้ำผึ้งนี้แกล้งหรือแหย่เมสซี่มากเกินไป
ก็จะถูกเรียกด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า คริสเตียนโน้
แต่มีหรือที่ร่างสูงเจ้าของชื่อจะสะทกสะท้าน
กลับตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มมีความสุขแบบไม่สำนึกพร้อมกับคำว่า “จ๋า”
เป็นเหตุให้คนที่อารมณ์ขุ่นมัวอยู่แล้วนิดๆ
หมดคำพูดใดๆ ที่จะต่อรอง เพราะเมสซี่รู้ดีว่าถ้าเค้าพูดต่อก็จะโดนอีกฝ่ายพูดจา “จ๋าจ๊ะ” ตอบกลับมาเป็นคำลงท้ายของทุกประโยค
.............มันยิ่งมากกว่าเดิมอีก.............
ลูกๆ
ของพวกเค้ายังไงรู้เรื่องนี้ และพวกเค้าก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกลูกๆ
ของพวกเค้าในตอนนี้เช่นกัน จึงได้แต่ช่วยกันเงียบไว้
และช่วยกันพยายามไม่ทำอะไรผิดสังเกตให้ลูกเห็น
(ยกเว้นคริสเตียนโน้ที่โดนบ่นไปหลายฉาด เพราะทำอะไรไม่เคยจะเงียบเลย)
และสิบปีให้หลังมานี้
(ซึ่งนั้นก็เป็นตอนที่ซีอาร์จำความอะไรไม่ค่อยได้เลย) ทีมของพ่อทั้งสอง(?)
ของเค้าก็ถูกมหาเศรษฐีสัญชาติอเมริกันซื้อสโมสรมาด้วยวงเงินมหาศาล นั้นจึงทำให้ทั้งทีมของโรนัลโด้และเมสซี่ต้องโดนย้ายเข้ามาอยู่ที่อเมริกา
โดยมีการจัดสรรหมู่บ้านทาวส์เฮาส์ให้สำหรับนักกีฬาโดยเฉพาะ และมีการปล่อยให้นักกีฬาเลือกที่อยู่อาศัยของตัวเองกันตามใจชอบโดยไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬาเท่านั้น
แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกที่จะอยู่ใกล้กันในหมู่บ้านทาวส์เฮาส์
เพราะสะดวกต่อการฝึกซ้อม (ซึ่งหมู่บ้านนักกีฬาของคริสเตียนโน้ก็อยู่ห่างจากหมู่บ้านของลีโอเพียงไม่กี่กิโลเมตร)
และมีเพียงแค่การแข่งขันฟุตบอลระดับโลกเท่านั้นที่แต่ละคนจะถูกเรียกตัว
ไปเล่นให้กับชาติของตนเอง
และทุกอย่างก็ดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่งมาถึงวันนี้ที่การตั้งแคมป์สุขสันต์ของพวกเค้าเพิ่งได้จบลง
(เออ ไม่นานเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เริ่มกิจกรรมกันใหม่)
และใช้เวลาเพียงไม่นาน
ทุกอย่างก็ถูกจัดการให้เข้าที่เข้าทางอย่างเรียบร้อยด้วยแรงจากหนุ่มทั้งสอง
“เอาล่ะซีอาร์ โอเคแล้วนะ ปิดโรงรถรึยัง”
เด็กหนุ่มเพียงพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ
“งั้นก็ไปนอนเถอะ
พรุ่งนี้พ่อมีนัดไปซ้อมบอลกับ...หึๆ อาลีโอ”
สรรพนามท้ายประโยคถูกขั้นด้วยการยกยิ้มและเสียงหัวเราะในลำคออย่างมีเลศนัย(?)
เด็กหนุ่มลดเปลือกตาลงเป็นเชิงว่า
“อ่อ...ผมรู้แล้ว
ผมเดาใจป๋าถูกว่าป๋าคิดอะไรอยู่” แล้วเค้าก็พยักหน้าหงึกอีกรอบอย่างรู้กันก่อนจะตอบรับสั้นๆ
พลางโบกมือน้อยๆ มุ่งแล้วงหน้าไปสู่ห้องนอนของตนเอง
“ครับ”
แต่ซีอาร์ก็ถูกคุณพ่อจอมฟิตที่เพิ่งคิดอะไรได้เบรกไว้เสียก่อน
“ออๆ
แล้วก็....อยู่บ้านเล่นกับน้องนะไอ้ลูกชาย พรุ่งนี้บ่ายโมงพ่อจะพาไปส่งที่บ้านอาลีโอ” เสียงทุ้มนุ่มสิ้นสุดลงพร้อมกับเด็กชายที่หยุดอยู่กับที่
........ซีอาร์ยิ้มอีกแล้วในวันนี้..........
“จัดไป...” เค้าพูด
ก่อนจะเดินเข้าห้องไปจริงๆ เสียที
..........และด้วยความที่ว่าไม่ค่อยมีใครได้เห็นรอยยิ้มบาดใจของเด็กหนุ่มมากนัก
ซีอาร์ก็เลยไม่รู้ว่าเวลาที่เค้ายิ้มแล้วมันดูร้ายกาจขนาดไหน.........
(แน่นอน รอยยิ้มอบอุ่นเท่านั้นที่ซีอาร์มอบให้ติอาร์โก้ ไม่ใช่รอยยิ้มร้ายๆ
ที่เค้าชอบยิ้มตอนอยู่คนเดียว)
............เป็น เสือ สมตามที่พ่อบอกจริงๆ ซีอาร์............
-------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------
---------------------
ร่างสมส่วนสูงห้าฟุตครึ่ง
เดินออกมาจากห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องนอน
แล้วเดินตัดข้ามห้องที่มืดสลัวมานั่งที่โต๊ะชุดขนาดกลางอยู่ชิดติดริมผนังที่เค้าเอาไว้สำหรับทำการบ้านและนั่งอ่านหนังสือ เด็กหนุ่มเปิดโคมไฟที่มุมซ้ายของโต๊ะ
แสงไฟสีส้มสาดกระจายออกไปรอบด้านแต่ก็ดูเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับขนาดใหญ่ของห้อง แสงสีส้มจึงสาดกระจายไปได้ไม่ทั่วห้องนัก
มันได้ไล่เลียไปถึงเพียงแต่ตรงแผ่นประตูที่อยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มห่างไปเจ็ดฟุตเท่านั้น
ซีอาร์กระพริบตา แล้วเบนหน้าไปทางด้านขาวเล็กน้อย
...................วันนี้เค้าไม่มีอารมณ์อยากจะเปิดคอม...............
................ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น.................
ดังนั้นเด็กหนุ่มใบหน้าคมสันจึงหันหน้ากลับมา
แล้วมองตรงไปข้างหน้า.......ข้างหน้าเค้าคือแสงไฟสีส้มที่สาดต้องกระทบกับกระดาษวาดรูปหลายใบที่เค้าเป็นคนติดไว้เองกับมือ
มันเป็นรูปวาดที่เค้าชอบมากที่สุด.........ลายเส้นและการลงสีน่ารักๆ
บนกระดาษใบแล้วใบเหล่า มันทำให้คนมองอย่างเค้ารู้สึกสดใสไปด้วยและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคนที่วาดมันให้เค้า
“พี่ซีอาร์...อันนี้ติอาร์โก้ให้ฮะ เราสองคนกำลังเล่นกันอยู่ที่ทุ่งหญ้าสีเขียวไงฮะ.....พี่ซีอาร์ชอบไหม -- พี่ซีอาร์กับติอาร์โก้ -- ”
มือเรียวยาวเอื้อมไปดึงรูปภาพใบนั้นออกมาดูใกล้ๆ
และน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกกระตือรือร้นของคนให้นั้นก็ทำให้เค้าอดระบายยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ
เมื่อคิดถึงใบหน้าในตอนนั้นของติอาร์โก้
............ตอนนี้ซีอาร์กำลังยิ้มอีกแล้ว เป็นยิ้มที่อ่อนโยน...........
อันที่จริงแล้วตั้งแต่ได้เจอกันครั้งแรก ซีอาร์ก็ได้รับภาพวาดมาจากหนูน้อยติอาร์โก้ที่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หน้าตาจิ้มลิ้มและแก้มตุ้ยนุ้ยนั้นของเด็กน้อยก็ทำให้เค้าอดรู้สึกอยากที่จะหยิกขึ้นมาไม่ได้เลย แล้วนับจากนั้นมา ภาพวาดหลายต่อหลายใบก็ถูกวาดให้เพื่อเค้า
และเค้าก็เก็บมันไว้อย่างดี ทุกใบ
ในขณะที่กำลังยกตั้งแฟ้มที่เก็บรูปวาดของติอาร์โก้ขึ้นมาดูนั้น
ซีอาร์ก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่สัมผัสผ่านไหล่เค้าไป........เด็กหนุ่มหันไปแล้วเลิกใส่ใจเมื่อข้างหลังเค้านั้นว่างเปล่า
เมื่อเปิดภาพต่างๆ ดูนั้น
เค้าก็ดึงภาพที่เก็บซ้อนกันไว้ในบางหน้าดึงออกมาดู (เพราะมันเยอะมาก จนซีอาร์เริ่มคิดอีกแล้วว่าเค้าควรซื้อแฟ้มมาเพิ่มได้แล้วเสียที)
เด็กหนุ่มรู้สึกเสียวแปล็บไปทั่วร่างกาย มันแล่นริ้วไปยังทุกส่วน จากนั้นเค้าก็รู้สึกเจ็บแปล็บที่สันหลังอีก........เด็กหนุ่มชะงักและรู้สึกประหลาดกับอาการของตนเอง
ก่อนที่จะเลิกสนใจมันเมื่ออาการเหล่านั้นหายไปและเค้าหายเจ็บแล้ว
และเมื่อบนโต๊ะอ่านหนังสือของเค้าเต็มไปด้วยรูปวาดที่อยู่กันอย่างกระจัดกระจายแต่ทว่ามีระเบียบในเวลาเดียวกัน
โดยที่ไม่มีใบใดหล่นลงจากโต๊ะเลยสักใบ เด็กหนุ่มร่างสูงก็หูอื้อ มีเสียงวิ้งดังกังวานในหูของเค้า...........และเด็กหนุ่มก็ยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสอง
เมื่อมันดังขึ้นและรู้สึกปวดหนึบที่ใบหูขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ กระดาษวาดรูปของติอาร์โก้ปลิวว่อนอยู่รอบโต๊ะ............
โอ๊ยย พระเจ้า! นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย! ซีอาร์รู้สึกเหมือนหูเค้าแทบจะระเบิดเป็นชิ้นๆ
จนกระทั่ง มีเสียงดังเหมือนของแข็งกระแทกลงพื้นอย่างแรงดังขึ้น
ตุ้บบบ!!! - ?
เด็กหนุ่มก็หันหลังกลับไปดูต้นเสียงที่อยู่ด้านหลัง
และพลันความรู้สึกปวดหนึบของเค้าก็มลายหายไปสิ้น
...........ที่หน้าประตูของเค้า มีร่างๆ
หนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงนั้น ห่างจากซีอาร์ไปไม่ถึงเจ็ดฟุต.......
และเค้าคนนั้นกำลังโอดครวญด้วยเสียงที่บ่งบอกเลยว่าเจ็บปวด
“อูยย
อะไรว่ะเนี่ย....ให้ตายเถอะก้นฉัน....” ซีอาร์ได้ยินเสียงผู้มาใหม่สถบกับตัวเอง
เด็กหนุ่มจ้องชายผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างปริศนาไม่วางตา
ลำขาทั้งสองกำลังยกตัวเองขึ้นเพื่อไปหยิบอาวุธมาป้องกันตัว แต่ทว่าชายปริศนากลับลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามามองเค้าเสียก่อน
“อูย......เอ่อ นาย...อ้าวเฮ้ย! เดี๋ยวก่อนไอ้หนู!....ใจเย็น! อย่า!....อย่าเชียวนะ วางไม้เบสบอลนั่นลง วางลงก่อน! ถ้าฉันเตะตูดเด็กก็อย่ามาร้องไห้นะเว้ย......คุยกันดีๆ
ก่อนสิ ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก....เอ่อ
แล้วฉันอยู่ที่ไหนว่ะเนี่ย.....ไอ้หนู ที่นี่ที่ไหนอ่ะ”
ชายปริศนายกมือทั้งสองขึ้นห้ามซีอาร์ที่วิ่งไปถึงไม้เบสบอลแล้วจับมันขึ้นมาพร้อมหวด
ก่อนจะพูดเกลี้ยกล่อมแบบเป็นมิตรนิดๆ
ด้วยลักษณะการพูดที่ซีอาร์รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
เด็กหนุ่มมองชายแปลกหน้าอย่างระแวงนิดๆ
ระคนเหมือนคนๆ นี้เป็นบ้า แต่ก็ยอมลดไม้เบสบอลลงตามคำชี้แจงของเค้าคนนั้น
และด้วยคำถามสุดท้ายซีอาร์จึงหรี่ตามองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกฝ่ายก่อนตอบเค้าไป
“บ้านฉัน”
“เออ! นั่นฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน”
ชายที่ได้รับคำตอบถึงกับถลึงตาใส่ซีอาร์ราวกับจะบอกว่า “แกวอนใช่ไหมไอ้เด็กฮาร์ต*” [* ไอ้เด็กฮาร์ต ในที่นี่มาจากเรื่อง Need
For Speed ค่ะ เป็นคำที่ยายใช้เรียกเบนนี่ หรือที่เพื่อนๆ เรียกเค้าว่าขี้โม้หนึ่ง.....เบนนี่ก็ขับเครื่องบินอาปาเช่ของกองทัพสหรัฐได้จริงๆ
อย่างที่เค้าโม้ไว้นะค่ะ อ่า ไรท์ชอบเรื่องนี่มากๆ เลยค่ะ
เปิดดูทุกวันเลย.....อุ๊ย นอกเรื่องง : Ray - Aund]
แต่ในขณะที่สมองชายหนุ่มกำลังประมวลผลว่าจะพูดออกไปอย่างใจคิดดีหรือไม่
รูปวาดที่ปลิวว่อนเกลื่อนพื้นก็ลอยละลิ่วมาตกอยู่ตรงหน้าเค้า......ชายคนนั้นมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ซีอาร์มองดูชายปริศนาค่อยๆ
ก้มลงเก็บรูปวาดของติอาร์โก้ขึ้นมา......ในใจเด็กหนุ่มอยากจะเดินเข้าไปกระชากรูปใบนั้นกลับมาแล้วต่อยหน้าไอ้หมอนั่นสักหมัดสียจริงๆ
บุรุษปริศนาอ้าปากค้างก่อนจะอุทานออกมา
“เฮ้ยยยย! เฮ้ยย!.....นี่ นี่มัน....”
“เอาของฉันมานี่” ซีอาร์ก้าวเข้าไป
เค้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเพราะรูปใบนั้นเค้าชอบมันมากที่สุด แต่ทว่าชายหนุ่มนิรนามกลับหดมือหนีเค้าเสียนี่
“เดี๋ยวไอ้น้อง...นี่ของนายเหรอ นายชื่ออะไร”
อยู่ๆ
คำถามแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็หลุดรอดออกมาจากปากของชายปริศนาที่ยืนจ้องเค้าอยู่ ซีอาร์มองกลับไป
ความระแวงที่มีอยู่มากขึ้นกว่าเดิม
แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเอ่ยตอบไปอย่างระวังตัว
มือก็กำอยู่ที่ด้ามเบสบอลแน่น “ซีอาร์....”
ชายนิรนามท่าทางประหลาดเบิกตาโพลง
ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วทำท่าทางประหลาดยิ่งกว่าเดิม “บ้าน่า ไม่จริง” เสียงเค้าอู่อี้อยู่ใต้ผ่ามือ
ซีอาร์หรี่ตาลง........ให้ตายสิ ถ้าหมอนี่ไม่ยอมเลิกทำแบบนั้นฉันจะโยนเค้าออกไปจากบ้านเดี๋ยวนี้เลย
“แล้วนายต้องการอะไรกันแน่......พูดมา ก่อนฉันจะหวดนายเข้าจริงๆ” เด็กหนุ่มมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันหนัก เค้าเริ่มชักจะเหลืออดซะแล้วสิ
ลูกชายสุดหล่อของโรนัลโด้ยกไม้เบสบอลขึ้นวางบนไหล่
เตรียมโฮมรันใส่คนแปลกหน้า พอเห็นดังนั้นคนจะโดนโอมรันก็รีบยกมือขึ้นห้ามทัพรอบสองแทบไม่ทัน
“ฮะๆ เฮ๊ยยย! ใจเย็นสิว่ะ....ถ้านายทำหน้าตัวเองเสียโฉมขึ้นมาจะทำยังไงว่ะห๊ะ!” ชายหนุ่มนั้นร้องขึ้นมาเสียงดัง แต่ซีอาร์กลับทำหน้าเหมือนเค้าฟังอะไรผิดไป
............ตัวเองงั้นเหรอ?..........
“ตัวเอง? ทำหน้าตัวเองเสียโฉมงั้นเหรอ นายหมายความว่าไง!?” เด็กหนุ่มเสียงเยือกเย็น
ในขณะที่ในใจเค้ากลับรู้สึกงุนงงเป็นอย่างยิ่ง
เจ้าของห้องกว้างเฝ้ามองหาคำตอบจากชายที่ทำหน้าเบลอๆ
แล้วเปลี่ยนมาเป็นจิตหลุดกลางคัน
ตามมาด้วยการอ้าปากค้างจนน่าเอาไม้เบสบอลหวดปากเข้าให้เสียจริงๆ และแล้วก็หันกลับมามองซีอาร์ที่ยืนรอคำตอบอยู่อย่างใจเย็น
“โอ้ พระเจ้า....นาย...บ้าน่า นี่มันเสื้อฉัน กางเกงฉัน ห้องฉัน แล้วก็รูปของฉันนี่...”
“ใครบอก! รูปนั่นน่ะมันของฉัน และทุกๆ อย่างที่นี่มันก็เป็นของฉันทั้งหมด....ไม่ใช่ของนาย”
ประโยคเพ้อภิรมณ์ของชายปริศนาถูกตัดฉับอย่างเฉียบคม ด้วยประโยคของซีอาร์พร้อมด้วยคำท้ายที่เน้นเป็นพิเศษเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง
“ใช่ๆ....” ชายประหลาดคนนั้นมีสีหน้าเห็นด้วย
“...เป็นของนายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และก็เป็นของฉันด้วย นั่นก็เพราะว่าฉันคือนายยังไงล่ะซีอาร์” บุรุษผู้อาบแสงสีส้มสลัวมีสีหน้ากระจ่างใจในเวลานั้นเอง ผิดกับซีอาร์ที่เหมือนมีคนเอาหนังสือการ์ตูนฟาดหัวเค้า
“โอเค
ฟังนะ....ฉันรู้ว่ามันฟังดูบ้า แต่ฉันคือนายจริงๆ
นะ และฉันมาที่นี่ด้วยเหตุผลที่ทั้งนายและฉันจะไม่มีวันมองข้ามมันไปเด็ดขาด”
“ใช่ นายมันบ้าจริงๆ” ซีอาร์มีสายตาคุกคาม ก่อนจะฟาดไม้เบสบอลเข้าใส่คนๆ นั้นจริงๆ
แต่ผู้แอบอ้างก็หลบมันได้ ก่อนจะแย่งไม้นั้นมาด้วยการเกือบจะหักข้อมือของซีอาร์ แล้วผลักเด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นห้องอย่างแรง ร่างกายที่อุดมไปด้วยหมัดกล้ามของเด็กหนุ่มกระแทกเข้ากับพรมสีครีมที่ปูไปทั่วทั้งห้อง
“เฮ้....ฟังนะ
ฉันมานี่ก็เพื่อที่จะพูด....พูดแค่เรื่องเดียว” ชายที่แอบอ้างเป็นซีอาร์ยกมือมาขั้นระหว่างกันและกันไว้ เค้ามองไปที่รูปวาดของติอาร์โก้แวบหนึ่งก่อนจะหันมาบอกซีอาร์ “นายลุกขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วฟัง ไม่งั้นฉันจะฉีกรูปนี่” เค้าทำท่าจะฉีกมัน เด็กหนุ่มจึงต้องรีบทำตามสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยความไวแสง
...........หมอนี่รู้ได้ไงว่ารูปนั้นมีความสำคัญกับเค้ามาก...........
สายตาซีอาร์ยังคงแสดงออกถึงความคุกคาม จมูกโด่งฉายเงาทาบทับบนใบหน้าหล่อละอ่อนที่ดูไม่เป็นมิตรนัก
ชายที่แอบอ้างเดินเข้ามายื่นรูปคืนให้ซีอาร์อย่างระมัดระวัง เด็กหนุ่มคว้ามันกลับมาอย่างรวดเร็ว
และนั่งนิ่งอยู่กับที่ต่อ เมื่อชายอีกคนพูดประโยคทำลายความเงียบ “ฉันเคยรักษารูปนี่ไว้อย่างดี จนกระทั่งมันถูกเผาไป...”
“.....มันเป็นอุบัติเหตุ
ฉันทำมันไหม้ แต่ก็ต้องเลือกระหว่างรูปนั่นกับติอาร์โก้”
พอถึงประโยคนี้เด็กหนุ่มร่างสูงก็ตาลุกวาว.......รู้จักติอาร์โก้ด้วยงั้นหรือ...........
ซีอาร์เพิ่งได้สังเกตชายแปลกหน้านี่ชัดๆ เค้าสูงราวหกฟุตกว่าๆ
แต่งตัวด้วยชุดสีดำ แต่เป็นเสื้อผ้าแฟชั่นนำสมัยซึ่งดูแล้วก็เหมาะกับเจ้าตัวไม่น้อย
เพราะเสื้อกั๊กสีดำขลับตัวเดียวนั่นก็ทำให้กล้ามแขนอันตึงแน่นสีเซ็กซี่ดูเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียว สวมแหวนที่นิ้วนางขวา แล้วก็ผมหยกศกเกรียนข้าง
ซึ่งด้านหน้าโดนหวีเสยขึ้นข้างบน รับกับใบหน้าคมสัน คิ้วเข้มหางเรียว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้า ริมฝีปากเรียว และทุกอย่างนี้มันดูคล้ายพ่อของเค้ามากๆ..........
คล้ายมากจริงๆ!
...........ถ้าซีอาร์อยากจะเชื่อจริงๆ
ก็สามารถเชื่อได้เลยว่าคนๆ นี้คือเค้าในอนาคต แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกในหนังสือการ์ตูนถูกๆ
หรอกนะ.........
“ใช่...แค่นายนั่งนิ่งๆ
แล้วฟังเท่านั้นแหละ ฉันจะ....เฮ้ย
ทำหน้างงยังงั้นหมายความว่าไง อ๋อ ใช่
ฉันรู้ว่าหน้าเหมือนพ่อขนาดไหน” ซีอาร์ในร่างอนาคตยกยิ้มขึ้นมาเป็นครั้งแรก
เหมือนอยากจะบอกว่าภูมิใจแค่ไหนที่มีหน้าหล่อเหลาเหมือพ่อ
.......ใช่ ก็เหมือนจริงๆ
นั่นแหละ........
.
.
.
.
TBC.
-----------------------------------------------------------------------------------
หุหุ
ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันไหมนะเออ คอมเม้นท์ติชมได้นะค่ะ ในใจ Ray รู้สึกเหมือนพรากผู้เยาว์ยังไงไม่รู้ค่ะ
555 รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray – Aund -..-
2 ความคิดเห็น:
ซีอาร์ตอนเด็กกับตอนโตนี่ต่างกันลิบลับเลย 5555555 โด้หื่นไงก็หื่นงั้นอยู่วันยันค่ำ อิอิ
ชอบซีอาร์ตอนเด็กอ่ะ ดูแบบร้ายๆเย็นชาๆ แต่ตอนอยู่กับติอาร์โก้นี่คนละคน ><'
สงสารเหมียวโดนไปหลายดอกแล้วมั้งน่ะ เอวเอิวนี่เคล็ดหมดแน่ มุมุ ติอาร์โก้ตอนโตต้องน่ารักมากแน่ๆ ตอนเด็กเล่นน่ารักขนาดนี้
ยังจำภาพตอนน้องหนูไปเชียร์ป๊ะป๊าที่สนามตอนบอลโลกได้เลย น่ารักมากกก ><'
ปล. รอตอนต่อไปเน้อออ สู้ๆน๊า~
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าพี่โด้นี่เขาจะเจ้าเล่ห์อะไรเช่นนี้
วันๆคิดแต่เรื่องแบบนี้กับน้องเหมียวเรอะ!?
โฮกกก =[]=
แถมเจ้าเสือน้อยซีอาร์รู้สึกจะถอดแบบมาจากพ่อเลยนะเนี่ยย
แสดงความคิดเห็น